PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เปิดหมายเลข30ขุนพลกทม.'ภูมิใจไทย'



4 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.กทม.จำนวน 30 เขต ของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ปรากฎผลดังนี้

เขต 1 นายทวีพร อนุตรพงษ์สกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตพระนครเขตป้อมปราบ เขตสัมพันธวงศ์ เขตดุสิต (ยกเว้นแขวงถนนนครไชยศรี) เบอร์ 13  
เขต 2 น.ส.อุไร อนันตสิน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตสาทร เบอร์ 3  
เขต 3 นายณัฐพนธ์ คงศิลา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา เบอร์ 12
เขต 4 นายเอกราช หวังนุช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตคลองเตย เขตวัฒนา เบอร์ 5
เขต 5 นายธัชพงศ์ ชูดำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตดินแดง เขตห้วยขวาง เบอร์ 4
เขต 6 นายอนุชาญ กวางทอง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตพญาไท เขตราชเทวี เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจตุจักร และแขวงจอมพล) เบอร์ 1
เขต 7 นายอัครนันท์ อริยศรีพงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางซื่อ เขตดุสิต (เฉพาะแขวงถนนนครไชยศรี) เบอร์ 14
เขต 8 น.ส.จิณณา สืบสายไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตลาดพร้าว เขตวังทองหลาง (ยกเว้นแขวงพลับพลา) เบอร์ 3
เขต 9 นายบวรกิตติ์ สันทัด ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่ เขตจตุจักร (ยกเว้นแขวงจตุจักร และแขวงจอมพล) เบอร์ 7
เขต 10 น.ส.นิกกี้ จ้อยเอม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตดอนเมือง เบอร์ 2
เขต 11 นายฉัตรวัชร์ ศรีธนะเวทย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม เบอร์ 10
เขต 12 น.ส.ปราณี เชื้อเกตุ ว่าที่สมัคร ส.ส.เขตบางเขน เบอร์ 11
เขต 13 ดร.อัครกฤษ นุ่นจันทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ เขตวังทองหลาง (เฉพาะแขวงพลับพลา) เบอร์ 6
เขต 14 นายชูชีพ ตรีโภคา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว (เฉพาะแขวงรามอินทรา) เบอร์ 8
เขต 15 นายพงศ์ไพศาล มะลูลีม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตมีนบุรี เขตคันนายาว (ยกเว้นแขวงรามอินทรา) เบอร์ 7
เขต 16 นายบุญมี พิบูลย์คณารักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตคลองสามวา เบอร์ 4
เขต 17 นายสุรชัย เปล่งแสง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหนองจอก เบอร์ 8
เขต 18 นายสมศักดิ์ ศรีสมุทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตลาดกระบัง เบอร์ 8
เขต 19 นายสามารถ หวังพิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสะพานสูง เขตประเวศ (ยกเว้นแขวงหนองบอน และแขวงดอกไม้) เบอร์ 8
เขต 20 นายณัทวุฒิ หมัดนุรักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง เขตประเวศ (เฉพาะแขวงหนองบอน และแขวงดอกไม้) เบอร์ 13
เขต 21 นายสมัย โกกเจริญพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา เขตพระโขนง เบอร์ 8
เขต 22 น.ส.สายรุ้ง ปิ่นโมรา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตคลองสาน เขตบางกอกใหญ่ เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงดาวคะนอง แขวงบุคคโล และแขวงสำเหร่) เบอร์ 13
เขต 23 นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตจอมทอง เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงดาวคะนอง แขวงบุคคโล และแขวงสำเหร่) เบอร์ 3
เขต 24 นายไสว โชติกะสุภา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครุ เบอร์ 8
เขต 25 นายสมศักดิ์ ลีลาสถาพรภูร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางขุนเทียน ได้หมายเลข 1 
เขต 26 นายศิลปชัย บุญราย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางบอน เขตหนองแขม (เฉพาะแขวงหนองแขม) เบอร์ 12
เขต 27 นายปกาสิต ตราชื่นต้อง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงตลิ่งชัน และแขวงฉิมพลี) เขตหนองแขม (ยกเว้นแขวงหนองแขม) เบอร์ 4 
เขต 28 นายจิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางแค เบอร์ 1 
เขต 29 นายชูชาติ ยิ้มงาม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตภาษีเจริญ เขตตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงตลิ่งชันและแขวงฉิมพลี) เบอร์ 8 
เขต 30 นายเพิ่มพร ตุทานนท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เบอร์ 5

เปิดหมายเลข30ขุนพลกทม.'พลังประชารัฐ'




4 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.กทม.จำนวน 30 เขต ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปรากฎผลดังนี้ เขต1 น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ
เบอร์ 14 เขต 2 ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ เบอร์ 2 เขต 3 นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ เบอร์ 3 เขต 4 นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา เบอร์ 6 เขต 5
น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต เบอร์ 2 เขต 6 นางภาดาท์ วรกานนท์ เบอร์ 11 เขต 7 คุณธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ เบอร์ 4 เขต 8 นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ เบอร์ 2 เขต 9 นายสิระ เจนจาคะ เบอร์ 6 เขต 10 นางกนกนุช กลิ่นสังข์ เบอร์ 13

เขต 11 นาย อิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ เบอร์ 7 เขต 12 ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เบอร์ 12 เขต 13 น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ เบอร์ 9 เขต 14 นายณริช ผลานุรักษา เบอร์ 9 เขต 15 นายชาญวิทย์ วิภูศิริ เบอร์ 12 เขต 16 น.ส.เกศกานดา อินช่วย เบอร์ 11 เขต 17 นายศิริพงษ์ รัสมี เบอร์ 10 เขต 18 นายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ เบอร์ 1 เขต 19 นายประสิทธิ์ มะหะหมัด เบอร์ 9 เขต 20 นายธันวา ไกรฤกษ์ เบอร์ 6
เขต 21 ดร.จักรรีรัตน์ แสงราวี เบอร์ 2 เขต 22 นายศันสนะ สุริยะโยธิน เบอร์ 11 เขต 23 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ เบอร์ 5 เขต 24 นายไกรเสริม โตทับเที่ยง เบอร์ 6 เขต 25 นายธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์ เบอร์ 5 เขต 26 นายวัชระ กรรณิการ์ เบอร์ 14 เขต 27 น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ เบอร์ 14 เขต 28 นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เบอร์ 4 เขต 29 นายณพงศ์ นพเกตุ เบอร์ 15 เขต 30 นายจักรพันธ์ พรนิมิตร เบอร์ 8

พลิก!ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยไร้ชื่อ 'ชัชชาติ' ขณะที่ 'เหนาะ-ปลอด-เหลิม' ไม่พลาด

พลิก!ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยไร้ชื่อ 'ชัชชาติ' ขณะที่ 'เหนาะ-ปลอด-เหลิม' ไม่พลาด
4 ก.พ.62  - ผู้สื่อสื่อข่าวรายงานว่าพรรคเพื่อไทยคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย  เผยแพร่ประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ  โดยเนื้อหาประกาศระบุว่า ตามที่คณะกรรมการสรรหาผุ้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ได้ดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ โดยได้ตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม ความรู้ความสามารถตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและข้อบังคับพรรค กำหนดไว้แล้ว  

จึงขอประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญีรายชื่อ ให้ทราบเป็นการทั่วไป 

ทั้งนี้โดยเรียงตามลำดับอักษร โดยที่ยังมิได้จัดลำดับรายชื่อ ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้




'ชวน'ปลุกปชช.คุ้มครองประชาธิปไตย ชี้ไม่มีชุมนุม'ทรราช'ก็ครองเมืองตลอดไป



4 ก.พ.62 - นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวขณะนำผู้สมัคร ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ มาสมัครรับเลือกตั้งภายในมหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตตรัง ว่าวันนี้ตนมาเป็นกำลังใจให้ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขต พร้อมเป็นกำลังใจให้แก่นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ว่าที่ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ เนื่องจากเขตลดไปจำนวน 1 เขต ตนคิดว่าเรามาทำงานการเมืองเพราะเราชื่นชมระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พรรคประชาธิปัตย์ก็ยึดแนวนี้มาตลอดระยะเวลา 70 กว่าปี ในฐานะนักการเมืองเราอาสาสมัครเป็นผู้แทน ตนก็ดี ผู้สมัครทั้ง 3 เขตก็ดีมาด้วยความอาสาสมัคร ไม่ใช่ใครไปขอร้องให้มา เพราะฉะนั้นเมื่ออาสามาสมัครใจมาก็ตั้งใจทำงานเต็มที่เพื่อให้คนเลือก ไม่ใช่สมัยเดียว แต่ทุกสมัยที่ลงเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นต้องยึดความซื่อสัตย์สุจริต ทำงาน ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไรเราก็ทำหน้าที่ตลอด
“แม้กระทั่งในยุคที่ทหารยึดอำนาจ เราก็ไม่ว่างเว้นที่จะดูแลชาวบ้านมีปัญหา อะไรที่ชาวบ้านร้องเรียนให้เข้ามาทำ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยว่าเมื่อไม่มีการเลือกตั้ง เราก็ปล่อยไป ไม่ใช่อย่างนั้นเพราะเรารู้ว่าในสภาถึงแม้ว่ามีสภามาจากแต่งตั้ง แต่สมาชิกสภาแต่งตั้งเขาก็หวังดีกับบ้านเมือง เขาไม่เข้าใจปัญหาชาวบ้าน แต่เขาไม่รู้ว่าชาวบ้านเป็นอย่างไรเพราะเขาฟังตัวเลขรัฐบาล แต่เรารู้ในฐานะที่เจ้าบ้านบอกเศรษฐกิจเติบโตเราก็รู้ว่าชาวบ้านจนลงกว่าเดิมมาก” นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวอีกว่า ตนได้ทำหนังสือไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึง 2 ครั้ง เพื่อให้รู้ว่าสถานการณ์ของเราเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่อยากให้ทราบว่าเมื่อเราชื่นชม เราพอใจระบบนี้เราต้องสนับสนุนโดยตลอด แต่การที่จะทำให้ไปรอดจริงๆนั้น ไม่ได้อยู่ที่ตัวรัฐธรรมนูญเป็นสาระสำคัญเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ผู้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นตอนที่เขาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราจะเห็นได้ชัดว่าผู้ร่างเขาเชิญตน นายจุรินทร์ และนายราเมศ ไป และพูดให้เขาฟังว่าในความเห็นของพวกเรานั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ตัวบทบัญญัติรัฐธรรมนูญไม่ใช่ตัวปัญหา แต่ว่าปัญหาเกิดที่ผู้ปฏิบัติเหตุที่มีปัญหา เพราะผู้ปฏิบัติไม่ยึดหลักประชาธิปไตยที่แท้จริง
“เช่น ภาคใต้ไม่ยึดหลักถูกเป็นถูกผิดเป็นผิด ไปใช้วิธีการนอกกฎหมาย ปัญหาต่างๆจึงกลายเป็นประเด็นใหม่ขึ้นมา มีองค์กรใหม่เกิดมา ทำให้ภาคใต้เราไม่สงบ อย่าไปโทษประชาชนที่ชุมนุม เพราะถ้าไม่มีประชาชนที่ชุมนุม ทรราชก็ครองเมืองตลอดไป เพราะทรราชสามารถซื้อองค์กรต่างๆได้หมดแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งสื่อก็ถูกซื้อเกือบหมด เพราะฉะนั้นคนที่ตรวจสอบดูแลความถูกต้อง ไม่มีใครกล้าพูดกล้าเถียง เพราะฉะนั้นประชาชนองค์กรสุดท้ายที่จะมาคุ้มครองประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเราให้ความเคารพการคิดของประชาชนในเรื่องต่างๆ โดยเราต้องทำหน้าที่ตอบสนองและยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตและปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด” นายชวน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีผู้สมัครหลายพรรค และมีการแข่งขันสูง และหลังการเลือกตั้งจะมีปรากฏการณ์ทางการเมืองอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง  นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นผลมาจากตัวรัฐธรรมนูญที่เขียนใหม่ รัฐธรรมนูญปี 60 คำนวณให้ทุกคะแนนเสียงมีผล เพราะฉะนั้นทุกพรรคก็จะได้ผู้แทนสมมติได้จังหวัดนี้ 1, 000 เสียง ได้จังหวัดนู้น 2,000 เสียง รวมทั้ง 77 จังหวัดแล้ว อย่างน้อยก็ต้องมีบัญชีรายชื่อ อาจจะไม่มีเขตเลือกตั้งเลยสักคนเดียว แต่ได้ระบบบัญชีรายชื่อมารวม แล้วก็จะมีผู้แทน 3 คน 4 คน 5 คน ก็จะมีส.ส.ในสภาหลายพรรค
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีพรรคการเมืองถึงกว่า 104 พรรค แต่ทราบว่าที่สามารถส่งได้จริงๆคงไม่ถึง ประมาณไม่เกินครึ่งหนึ่งของพรรคการเมือง เพียงแต่ว่าจะมีมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่จำนวน เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญซึ่งต่างจากเดิมมาก
นายชวน กล่าวอีกว่า  ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น ต้องบอกประชาชนให้รู้ว่าเงื่อนไขรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร  เขาต้องใช้ดุลยพินิจว่าต้องการให้การเมืองเป็นอย่างไร เช่น ต้องการให้มีพรรคการเมืองหลายพรรคหรือไม่ หรือต้องการให้พรรคการเมืองมีน้อย หรือให้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือต้องการหลายพรรค เพื่อให้เกิดหลายความคิดความเห็นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประชาชน แต่ตนเชื่อว่าในยุคสมัยนี้ไม่ง่ายนัก หากใครจะมาหลอกชาวบ้าน เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงประชาชนก็เก่งขึ้น ฉลาดขึ้นรอบรู้มากขึ้น
“กระบวนการที่เราต่อต้านมาทุกครั้ง เช่น ระบบซื้อเสียง เจ้าหน้าที่จะได้ดูแลเชื่อว่า กกต.จะได้ดูแล ผมไม่ประเมินพรรคการเมืองอื่น แต่คิดว่าประชาชนเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ ซึ่งประชาชนก็ไม่ได้ยึดพรรคหนึ่งพรรคใดตลอดไป หรือตลอดชีวิต ถ้าคนหนึ่งประพฤติไม่ดี ชาวบ้านเขาก็ใช้ดุลยพินิจดู เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นถ้านักการเมืองไม่ซื่อตรงต่อเขา ในเรื่องการประเมินยังประเมินได้ในใจ รอให้พรรคประกาศบัญชีรายชื่อและได้ประชุมร่วมกัน ขึ้นอยู่กับการบริหารพรรค และดูบรรยากาศการหาเสียงเป็นอย่างไร” นายชวน กล่าว

'ปาร์ตี้ลิสต์' แพงกว่า 'สส.เขต'

เอาละ....
    "นาฬิกาเลือกตั้ง" เริ่มเดินจับเวลาแล้ว 
    นับจากวันเปิดรับสมัครว่าที่ ส.ส. ๔-๘ กุมภานี้ เป็นต้นไป
    อีก ๔๙ วัน.........
    อาทิตย์ที่ ๒๔ มีนา ๖๒
    เข้าคูหา "กาเบอร์"
    ต้องจำให้ขึ้นใจ "หนึ่งคน-หนึ่งบัตร-หนึ่งเบอร์-หนึ่งกา" เท่านั้น!
    เมื่อมั่นใจว่า พรรคไหน-คนไหน เข้ามาเป็นรัฐบาล-เป็นนายกฯ แล้ว จะไม่พาประเทศ "หลงทิศ-ตกทาง"
    ไม่โกงกิน ทั้งเฉพาะตัว ทั้งแบ่งปันหมู่พวก และทั้งโคตรพงศ์วงศา 
    จะปฏิรูประบบราชการ สร้างวินัยสังคมชาติจริงจัง
    และมีวิสัยทัศน์บริหาร-จัดการระบบเศรษฐกิจสังคมสอดรับทิศทางโลก ที่กำลังเคี่ยวคลั่งลอกคราบสู่ศตวรรษใหม่
    ก็เลือกพรรคนั้น กาเบอร์นั้นไปเลย!
    เลือกตั้งสมัยก่อน มีบัตร ๒ ใบ ให้ X คือเลือก ส.ส.กับเลือกพรรค แต่ครั้งนี้ มีบัตรใบเดียว 
    จะรักเผื่อเลือก แบ่งใจเป็นสองไม่ได้ ต้อง "รักปักใจ" ไปที่พรรคเดียว-คนเดียวเลย 
    แต่ครั้งนี้ จะพิเศษกว่าก่อนๆ.....
    เมื่อก่อน ถึงบัตร ๒ใบ แต่เน้นผลได้เฉพาะที่ตัว ส.ส. ส่วนคราวนี้ บัตรใบเดียว แต่เน้นผลได้ถึง ๔ 
    คือ เน้นตัวนายกฯ เน้นตัวรัฐบาล เน้นตัว ส.ส. และเน้นปาร์ตี้ลิสต์ เรียกว่า 4 in 1! 
    ฉะนั้น "ว่าที่นายกฯ" ที่แต่ละพรรคชูขึ้นเสนอในตลาดเลือกตั้ง มีน้ำหนักต่อการ "แพ้-ชนะ" ของแต่ละพรรคมาก
    ว่ากันจริงๆ แล้ว........
    เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละพรรค เท่ากับ "หน่วยหน้ากล้าตาย" ดีๆ นี่เอง
    รอด ก็เสมอตัว, ถ้าไม่รอด ก็ตายไปเลย!
    ขณะเดียวกัน ผู้สมัคร ส.ส.คนนั้น จะรอด-ไม่รอด ก็แล้วแต่ แต่คะแนนที่ได้ จะเป็นใบบุญให้ผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรค 
    ได้อาศัยเกิด เข้าสภาเป็น "ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์"
    จะมากคน-น้อยคน ขึ้นอยู่กับคะแนนรวมที่พรรคนั้นๆ จะได้ทั้งประเทศ 
    เอาชัวร์ๆ ไว้เป็นฐานประเมิน ๘ หมื่นคะแนน ต่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ๑ คน!
    มาทำความเข้าใจที่มา-ที่ไปของ "ว่าที่นายกฯ" ของแต่ละพรรคกันซักหน่อย
    แต่ละพรรค มีสิทธิ์เสนอ "ไม่เกิน ๓ รายชื่อ" ต่อ กกต.และต้องประกาศให้ประชาชนรู้ว่าของพรรคไหน-ใครบ้าง?
    จะเสนอชื่อเดียวหรือไม่เสนอเลยก็ได้
    "ว่าที่นายกฯ" ไม่ต้องสังกัดพรรค จะเป็นผู้สมัคร ส.ส.ด้วยหรือไม่เป็น, เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ด้วย หรือไม่เป็น ก็ไม่ผิดกติกา
    ก็มาคิดเล่นๆ ในประเด็นนี้..........
    หลายพรรคที่เข้าสนามแข่งขัน อะไรที่ใช้กฎหมายเข้าจับรัฐบาล คสช.ไม่ได้ 
    ก็มักยกคำว่า สปิริตบ้าง มรรยาทบ้าง เพื่อไม่เอาเปรียบกันบ้าง เข่นรัฐบาล
    ก็อย่ากระนั้นเลย.......
    พรรคที่อ้างว่าใหญ่และมาตรฐาน ก็ควรแสดงสปิริตเป็นแบบอย่างให้สังคมเขาเห็น
    ยกตัวอย่าง พรรคพลังประชารัฐ ว่าที่นายกฯ ๓ คน "พลเอกประยุทธ์-นายสมคิด-นายอุตตม"
    ก็จะเห็นว่า ทั้ง ๓ คน ไม่เป็นผู้สมัคร ส.ส., ไม่มีชื่อในบัญชี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
    พลาด ตกกระป๋องไปเลย!
    ถึงไม่ตก ก็มีเพียงคนเดียว คือคนที่จะเป็นนายกฯ เท่านั้น ส่วนอีก ๒ ตกกระป๋อง "หลุดสภา" แน่
    ในมิตินี้ เมื่อกฎหมายให้นายกฯ ต้องอยู่ในช่วงเลือกตั้ง แต่นักเลือกตั้งบางพรรค ยกคำว่าสปิริต เข่นพลเอกประยุทธ์ให้ลาออก
    เอาล่ะ...
    ในการเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ สมัครเป็นว่าที่นายกฯ ของพรรค โดยไม่มีตำแหน่ง ส.ส.ทั้งระบบเขตทั้งระบบปาร์ตี้ลิสต์เป็นร่มชูชีพ
    ประชาธิปัตย์ก็ดี เพื่อไทยก็ได้ เพื่อทักษิณก็ดี ควรแสดงสปิริตบ้าง ประกาศไปเลย
    คนไหน สมัครเป็น "ว่าที่นายกฯ" ของพรรคแล้ว ก็จะไม่สมัครเป็นทั้ง ส.ส.เขต และทั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์!
    อภิสิทธิ์ก็ดี สุดารัตน์ก็ดี ชัชชาติก็ดี ชัยเกษมก็ดี เมื่อมั่นใจจะเป็นนายกฯ แล้ว
    ก็ "ดิ่งพสุธา" โดยไม่ต้องมี "ร่มชูชีพ" โชว์สปิริตให้ดูไปเลย
    คือ "ปาร์ตี้ลิสต์" ก็อย่าลงให้อาย "ประยุทธ์-สมคิด-อุตตม" เขาเชียว!
    แล้วถามคำ "พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์" เป็นหัวตอหรือเป็นหัวหน้าพรรคกันแน่?
    หน้าที่ติดคุก ยกให้หัวหน้าพรรค แต่ตำแหน่งนายกฯ ไอ้นั่น-อีนี่ แย่งกัน 
    ดูแล้วเหมือนรำวงงานวัด ขึ้นอยู่กับเสี่ยรายไหนจะซื้อตั๋วเหมารอบ
    รอบนี้ "เสี่ยจานดาวเทียม" เก๋าเกม ซื้อเหมารอบก็เสียเปล่า จึงโค้งสุดารัตน์ออกรำหมู่ 
    "เสี่ยจานบิน" เหมารอบนี้ ส่งชัชชาติขึ้นรำแซง
    "ยื้อทางตาย" ของเขาน่ะ 
    เขาก็หวังว่า ๒๔ มีนา อย่างน้อย อัญเชิญเทวดาให้ควงค้อนลงมาจากสวรรค์ทุกชั้น ก็น่าจะเหยียบแสนคะแนน!
    ครับ....
    วันนี้ ถือเป็นกราวหน้าพาทย์ แต่ละเขต-แต่ละจังหวัด น่าจะคึกคัก ที่จะไปสมัครเป็นว่าที่ ส.ส.กัน
    ที่ผมอยากให้สนใจดู นอกจาก ใครเป็น "ว่าที่นายกฯ" แต่ละพรรคแล้ว ผู้สมัคร ส.ส.แต่ละเขต ก็งั้นๆ
    ต้องดูชื่อ "ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์" ของแต่ละพรรค 
    บางคน ทั้งที่อยู่ในสถานะควรลง แต่ไม่กล้าลงสู้เอง คือรู้ตัว ลงไปก็แพ้แน่ 
    อาศัย "แก่วัด" คอยแทะคะแนน ส.ส.เขต "อาศัยเกิด" เข้าไปแสดงเดชในสภา!
    เมื่อวาน ดู fb พบฝีมือกลอนคมกริบท่านหนึ่ง ในเพจ "หน่วยซีลราชสิทธิฯ"
    อดใจไม่ไหว ขอลอกเป็นการคารวะฝีมือท่าน ดังนี้
    วันนี้มีรุ่นพี่ธรรมศาสตร์ออกมาตอบรุ่นน้อง แอดมินอ่านแล้วชอบมาก....
    ในฐานะรุ่นพี่ธรรมศาสตร์อยากจะตอบน้องๆ ว่า 
    “ทุกครั้งที่ประเทศชาติวิกฤติ เราก็ได้เหล่าทหารกล้านี่แหละออกมาปกป้อง”
    น้องๆ ถามตัวเองเถิดว่า 
    “วันนี้และวันข้างหน้าที่น้องๆ โตขึ้น น้องจะทำอะไรให้ประเทศชาติบ้าง เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน”
    อย่ารอให้คนอื่นมาถามน้องว่า 
    “เกิดมาทำไม”,#สำหรับน้องบางคนเท่านั้น
    น้องนั่ง กินพิซซ่า
    ทหารกล้า กินลูกปืน
    น้องน้อง เที่ยวกลางคืน     
    ทหารยืน ระวังภัย
    น้องเปรี้ยว ออกเที่ยวผับ     
    ทหารรับ กระสุนร้าย
    น้องนอน แอร์สบาย 
    ทหารตาย ที่ชายแดน
    น้องนั่ง รถคันหรู 
    ทหารอยู่ ห่างไกลแสน
    น้องพรอด กอดกับแฟน 
    ทหารแอ่น อกรับปืน
    น้องน้อง แข่งกีฬา 
    ทหารต้อง ถ่างตาฝืน
    น้องสง่า แอ่นอกยืน
    ทหารทั้งคืน ไม่ได้นอน
    น้องนั่งเรียน ถือปากกา
    ทหารกล้า ขาดสองท่อน
    น้องทาปาก ปัดบรัชออน
    ทหารร้อน นอนตากยุง
    น้องกิน สตาร์บัค
    ทหารที่รัก กินข้าวถุง
    น้องนอนหรู อยู่เมืองกรุง
    ทหารยันรุ่ง ยังลืมตา
    น้องกรีดกราย ถ่ายเซลฟี่
    ทหารมี แต่ถูกฆ่า
    น้องกรี๊ดนักร้อง จ้องดารา
    ทหารยืนจังก้า ฆ่าศัตรู
    น้องเรียนเก่ง ถึงสอบได้
    ทหารก็ ไม่ใช่ควาย ที่ออกสู้
    น้องนั่ง เรียนกับ คุณครู 
    ทหารมีแค่อยู่ กับตายไป
    น้องถาม ในยามนี้
    ทหารมี จำเป็นไหม
    น้องคง ไม่เข้าใจ
    "ทหารต้อง มีไว้ ให้ควายเรียน"
    #ขอย้ำ...#เฉพาะน้องบางคนเท่านั้น!!
    Cr.ท่านวัชระ
    ครับ..ขอความสุขสวัสดิ์จงมีแก่พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน สวัสดี.

ไม่ปลื้มชื่อปาร์ตี้ลิสต์ เหตุประยุทธ์กั๊กขันหมาก/กกต.ย้ำพับเพียบสมัคร

ไม่ปลื้มชื่อปาร์ตี้ลิสต์ เหตุประยุทธ์กั๊กขันหมาก/กกต.ย้ำพับเพียบสมัคร

เลขาฯ กกต.เตือนหลังรับสมัคร ส.ส.เสร็จควรเลิกขบวนแห่ ยกคำพิพากษาศาลยืนยันชัดเข้าข่ายหาเสียงจูงใจด้วยการรื่นเริง กกต.กทม.ซ้อมใหญ่รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบ่งเขต มั่นใจพร้อมเต็มร้อย ย้ำรับสมัครได้ทุกพรรคไม่จำกัดแค่ 41 พรรคที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบ สะพัด "บิ๊กตู่" ไม่ปลื้มบัญชีรายชื่อ พปชร. เหตุนักการเมืองมีคดีติดโผเบอร์ต้นๆ "ไทกร" ปูดโพลสันติบาลตรงกับ กอ.รมน. 116 เขตภาคอีสาน พปชร.ได้รับแค่คนเดียว ทำให้ "ประยุทธ์" ลังเล "อนุทิน" สั่งผู้สมัคร ภท.ใน กทม.-ปริมณฑลห้ามจัดรถแห่ช่วยลดฝุ่นพิษ
    เมื่อวันอาทิตย์ มีรายงานว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือลงวันที่ 1 ก.พ.2562 ถึงผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัด และกรุงเทพมหานคร เรื่องแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดขบวนแห่ในวันสมัครรับเลือกตั้ง โดยระบุว่า กกต.ได้มีการประชุมครั้งที่ 13/2560 เมื่อวันที่ 29 ม.ค. พิจารณาการจัดขบวนแห่ในวันสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ รวมทั้งการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี วันที่ 4-8 ก.พ.   
    โดยวันดังกล่าว หากมีการจัดขบวนหรือกองเชียร์ที่แสดงการสนับสนุนหรือให้กำลังใจแก่ผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง เมื่อกระบวนการสมัครเสร็จสิ้นลงแล้ว ไม่ควรมีการจัดขบวนหรือกองเชียร์ออกจากสถานที่รับสมัครไปตามถนนตำบลหรือหมู่บ้านในลักษณะนี้อีก เนื่องจากเคยมีคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 คดีหมายเลขแดงที่ 3437/2551 และคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 คดีหมายเลขแดงที่ 929/2552 วินิจฉัยไว้ในทำนองเดียวกันว่า การจัดขบวนแห่และรถยนต์ติดแผ่นป้ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งภายหลังการสมัครรับเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วไปตามชุมชนโดยมีการแสดงดนตรีหรือการรื่นเริงใดๆ ถือเป็นการจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง อันเป็นการหาเสียงด้วยการจัดให้มีการรื่นเริง ซึ่งขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการรับสมัคร ส.ส.วันที่ 4 ก.พ.นี้ แนวทางการรับสมัครที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง  กรณีไม่มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในฐานข้อมูลสนง กกต. เพราะพรรคยังไม่ได้บันทึกข้อมูลเข้าไปในระบบให้ถือตามหนังสือเวียน ที่ 0015/86 ลงวันที่ 21 มกราคม 2562 ใช้สำเนาใบสมัครสมาชิกและใบเสร็จรับเงินค่าบำรุงพรรคแทนได้ ส่วนกรณีไม่มีข้อมูลสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนตามข้อมูลที่ สนง.แจ้งไป เนื่องจากพรรคยังไม่แจ้งต่อนายทะเบียน ให้ถือตามหนังสือเวียนที่  0015/163 ลงวันที่ 30 มกราคม 2562 รับสมัครใว้ก่อนให้ถือตามแบบ ส.ส.4/8 ที่หัวหน้าพรรครับรอง 
    วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพฯ (ไทย-ญี่ปุ่น) นางศิลปสวย ระวีแสงสรูย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร และ น.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.ประจำกรุงเทพมหานคร ร่วมกันซักซ้อมการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยเป็นการทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารสมัครและการจับสลากในขั้นตอนต่างๆ พร้อมสาธิตวิธีการจับสลาก เพื่อให้การรับสมัครในระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
     สำหรับพื้นที่ภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 ถูกจัดแบ่งให้ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง เป็นโต๊ะรับสมัครเรียงตามเขตเลือกตั้ง 1-30 ฝั่งละ 15 เขตเลือกตั้ง โดยแต่ละโต๊ะจัดวางคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก เครื่องปรินเตอร์ 2 เครื่อง เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรับสมัคร ตลับสำหรับจับสลากโต๊ะละ 50 ชิ้น พานใส่สลาก พร้อมจัดเตรียมเก้าอี้นั่งสำหรับเจ้าหน้าที่และผู้สมัคร ส่วนบริเวณโถงกลาง จัดวางเก้าอี้นั่งรองรับผู้ติดตามผู้สมัครของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งได้รับอนุญาตให้ลงทะเบียนและรับบัตรคล้องคอ เพื่อเข้ามาให้กำลังใจผู้สมัครภายในสถานที่รับสมัครได้เขตละ 1 คน ในส่วนของกองเชียร์และสื่อมวลชนจะขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ซึ่งมีความจุรองรับ 1,500 คน
    ในการซ้อมใหญ่การรับสมัครรับเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงข้อกังวลเกี่ยวกับพรรคการเมืองนอกเหนือจาก 41 พรรค ที่ปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมายครบถ้วน จะสามารถส่งสมัครได้หรือไม่ โดยยืนยันและทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า หากผู้สมัครมีหนังสือรับรองของหัวหน้าพรรคการเมือง หรือ 4/8 เจ้าหน้าที่ประจำเขตเลือกตั้งสามารถรับสมัครได้ทุกพรรค เพราะแต่ละพรรคยังมีเวลาปฏิบัติให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด 
กทม.พร้อมเต็มร้อย
    นางศิลปสวยกล่าวว่า กทม.ยืนยันว่าเตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว ภายในสถานที่รับสมัครจัดเตรียมโต๊ะรับสมัครครบทั้ง 30 เขต โดยเจ้าหน้าที่จะแต่งเครื่องแบบข้าราชการพร้อมปฏิบัติงานตั้งแต่ 05.30 น. สำหรับผู้สมัครที่มาถึงก่อนเวลา 08.30 น. อย่าลืมมาลงทะเบียนเพื่อจับสลากหมายเลข เชือว่าโต๊ะรับสมัครที่ตั้งไว้ติดๆ กัน ทั้ง 30 เขต จะไม่เป็นอุปสรรคในการรับสมัครและจับสลากหมายเลข
    ด้าน น.ส.วิชชุดากล่าวว่า ในส่วนของกองเชียร์และผู้ติดตาม ขอให้ระมัดระวัง ไม่กระทำการใดๆ ที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย โดยก่อนเวลา 08.30 น. สามารถเชียร์ ใช้รถแห่เปิดเพลงหาเสียงของพรรคการเมือง หรือไลฟ์สดผ่านโซเชียลมีเดียได้ แต่เมื่อได้หมายเลขแล้วต้องหยุดเชียร์ทันที แล้วกลับไปหาเสียงในเขตของตัวเอง เพราะสถานที่รับสมัครเป็นเขตดินแดง ผู้สมัครของเขตดินแดงสามารถหาเสียงได้ แต่ต้องเป็นบริเวณภายนอกพื้นที่รับสมัคร ในส่วนของการรักษาความปลอดภัย สน.ดินแดง จะรับผิดชอบทั้งหมด รวมถึงการนำเครื่องสแกนอาวุธมาติดตั้งเพื่อตรวจสอบผู้ที่จะเข้ามายังพื้นที่รับสมัคร
    สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง ที่ จ.นครราชสีมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 4 ก.พ.นี้ เวลา 06.39 น. ตนเองพร้อมด้วยนายวิรัช รัตนเศรษฐ หัวหน้าทีมอีสานใต้ จะนำทีมผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พปชร.ทั้ง 14 เขต ของ จ.นครราชสีมา ไปบวงสรวงและสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย และเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นตนเองจะนำคณะเดินทางไปยื่นใบสมัคร ณ สถานที่รับสมัครภายในสนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ จ.นครราชสีมา  
    "ผมยังยืนยันคำพูดเดิมว่า สนามเลือกตั้งในภาคอีสานที่ผมรับผิดชอบ พรรคพลังประชารัฐจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเลือกผู้สมัครของพรรคเราเข้าไปเป็น ส.ส.อย่างน้อย 60 ที่นั่ง โดยเฉพาะ จ.นครราชสีมา จะได้รับเลือกแบบยกทีม 14 ที่นั่งทั้งจังหวัด” นายสุริยะกล่าว
    มีรายงานข่าวจากพรรค พปชร.ระบุว่า การพิจารณารายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในลำดับต้นๆ ของพรรค โดยเฉพาะลำดับ 1-10 ของพรรค นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อยู่ในลำดับที่ 1,  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ลำดับ 2, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ลำดับที่ 3, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ลำดับที่ 4,  นายสันติ พร้อมพัฒน์ ลำดับที่ 5, นายสุพล ฟองงาม ลำดับที่ 6, น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ลำดับที่ 7, นายณัฐฏพล ทีปสุวรรณ ลำดับที่ 8, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ลำดับที่ 9 และนายเอกราช ช่างเหลา ลำดับที่ 10 
    อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวระบุว่า ในส่วนของปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 11-20 ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนายทุนที่สนับสนุนพรรค และในลำดับที่ 20 เป็นต้นไปนั้น มีรายงานว่ารายชื่อยังไม่นิ่ง ทั้งนี้ แกนนำในพรรคบางคนมีการประเมินกันว่าพรรคจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 30 คนเป็นอย่างน้อย 
    มีการคาดกันว่าทางพรรคจะนำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ยื่นสมัครต่อ กกต. พร้อมกับยื่นรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรคในวันที่ 8 ก.พ.นี้
    มีรายงานด้วยว่า กรณีที่กรรมการบริหารพรรคยังไม่สามารถสรุปรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการจัดลำดับรายชื่อบุคคลที่เป็นนายทุนให้พรรคยังไม่ลงตัว นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ที่อยู่ระหว่างพิจารณาตอบรับให้ พปชร.เสนอชื่อเป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคหรือไม่นั้น ได้พิจารณาโผรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องการให้มีนักการเมืองอยู่ในรายชื่อลำดับต้นๆ โดยเฉพาะในรายที่ยังมีคดีติดตัวอยู่
    ทั้งนี้ หากดูจากรายชื่อใน 10 ลำดับแรก ปรากฏว่า มีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส., นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. มีคดีร่วมกันเป็นกบฏ ยุยงปลุกปั่น อั้งยี่ ซ่องโจร มั่วสุมกันเกิน 10 คน ประทุษร้าย ขัดขวางการเลือกตั้ง ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ กรรมการสรรหาผู้สมัคร พปชร. อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ และอดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย มีคดีใน ป.ป.ช. โดยถูกแจ้งข้อกล่าวหาทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอล ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา จ.นครราชสีมา กับพวก จำนวน 56 แห่ง
ปูด พปชร.อีสานได้แค่ 1 เสียง
    ขณะที่นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า  “ต้องชนะก่อนจึงรบ” ใครคือ ส.ส.หนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐในอีสาน? เมื่อผลการทำโพลลับของสันติบาลไปตรงกันอย่างบังเอิญกับการสำรวจลับๆ ของ กอ.รมน. จาก 116 เขตเลือกตั้งในภาคอีสาน ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐที่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งมากที่สุด ชัวร์ที่สุดคือนายเอกภาพ พลซื่อ จากจังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนตัวเต็งอื่นๆ อีกกว่า 10 คนของพรรคพลังประชารัฐต้องลุ้นกันจนวันสุดท้าย
    "นั่นคือความไม่แน่นอนที่ทำให้แกนนำพรรคพลังประชารัฐรู้สึกหวาดหวั่นไม่มั่นใจ ความหวาดหวั่นนี้ลามไปถึงท่านผู้นำ จนเกิดการสะดุด ลังเล เป็นระยะ ท่านผู้นำต้องเคยอ่านตำราพิชัยสงครามซุนวู ซึ่งตอนหนึ่งระบุไว้ว่าแผนการรบที่ได้ประชุมวางแผนไว้จะชี้ให้เห็นถึงชัยชนะ แต่เมื่อยังไม่ได้รบกันก็เนื่องจากต้องพิจารณาทบทวนแผนการโดยละเอียดรอบคอบ ตรงกันข้ามลางแพ้จะปรากฏให้เห็นตั้งแต่ต้นเมื่อการวางแผนการรบไม่ละเอียดรอบคอบ ประสาอะไรกับสงครามซึ่งมิได้วางแผนการเอาเสียเลย ย่อมไม่เห็นทางแห่งชัยชนะ"
     นายไทกรระบุว่า โดยสรุปคือต้องชนะก่อนจึงเข้าสู่สนามรบ ไม่ใช่รบไปหาทางชนะไป การเมือง การเลือกตั้ง คือสนามรบในอีกรูปแบบหนึ่ง หากไม่ชนะก่อนเข้าสู่สนามรบก็มีแต่แพ้กับแพ้เท่านั้นเอง..! #มึงมาไล่ดูสิ
     ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้นัดหมายกับคณะว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคทั้ง 30 เขต ให้รวมตัวกันที่บริเวณหน้าสำนักงานเขตดินแดง ถนนมิตรไมตรี เวลา 07.00 น. เพื่อเดินเท้าไปยังอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ทำการสมัครลงรับเลือกตั้งในครั้งนี้ จากนั้นจะแยกย้ายลงพื้นที่ของตนเองโดยไม่มีขึ้นรถแห่แต่อย่างไร
    ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรค ปชป.เขต 5 นครศรีธรรมราช ซึ่งตั้งอยู่ในตลาดคลองจันดี หมู่ 4 ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองหน.พรรค ปชป.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค ปชป.เขต 5 นครศรีธรรมราช ได้เปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง โดยมีพิธีสงฆ์และประชาชนในพื้นที่มาร่วมพิธีจำนวนมาก
     นายชินวรณ์กล่าวว่า พรรค ปชป.จะเปิดปราศรัยใหญ่ผู้สมัคร ส.ส.ทั่วภาคใต้ทั้งเขตที่ อ.ทุ่งสง ในวันที่ 9 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป โดยจะมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายชวน หลีกภัย และขุนพลของพรรค ปชป. มาร่วมปราศรัยครั้งใหญ่อีกด้วย พร้อมมั่นใจภาคใต้ 50 เขต ปชป.จะกวาดที่นั่ง ส.ส.ได้หมดทั้ง 50 เขต
    นายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรค ปชป. ตอบโต้กรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวพาดพิงและตั้งคำถามถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา ปชป. ว่าพูดแต่เรื่องเดิม มาอวดอ้างเป็นผลงานล้มเหลวในการดูแลและไม่ได้พัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ว่า สิ่งที่กล่าวมานั้นไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนไม่ว่าภาคไหน เราปฏิบัติเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะภาคใต้ นายจาตุรนต์คงลืมไปว่าถนนสี่เลนในภาคใต้เกิดขึ้นเพราะใคร และยังมีการสร้างโรงเรียน โรงพยาบาลหลายแห่ง รวมทั้งพัฒนาด้านการท่องเที่ยว สามารถทำให้ภาคใต้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก และที่สำคัญคือราคาพืชผลทางการเกษตรในยุคที่พรรคเป็นรัฐบาลราคายางพารา ไม่มีรัฐบาลไหนทำได้สูงเท่าเรา
    “เราไม่ได้มุ่งพัฒนาแต่พื้นที่ภาคใต้ แต่เราดูแลพี่น้องประชาชนทั่วทุกภาคอย่างเท่าเทียม เราไม่เคยพูดว่าถ้าไม่เลือกเราแล้วจะไม่ได้งบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ เหมือนอดีตหัวหน้าพรรคบางพรรคเคยพูดไว้”
    นายเชาว์กล่าวด้วยว่า  สิ่งที่นายชวนหยิบยกมาทั้งเรื่องนมโรงเรียน เบี้ยผู้สูงอายุ หรือกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน ขอถามนายจาตุรนต์ว่า กล้าพูดหรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์กับประชาชน ที่ผ่านมาพรรคไม่เคยแถลงจุดยืนว่าจะไปร่วมกับพรรคการเมืองใด และนายอภิสิทธิ์ก็ย้ำเสมอว่าเราจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขอให้นายจาตุรนต์เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ อย่าได้กล่าวพาดพิงโจมตีกันไปมา เพราะเป็นการเล่นการเมืองแบบเก่าๆ
ห้ามจัดรถแห่ลดฝุ่นพิษ
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ขอให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทยทุกคน ที่จะเดินทางไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 4 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันแรกที่ กกต.เปิดรับสมัคร โดยขอให้ผู้สมัครของพรรคใน กทม.และปริมณฑล ห้ามจัดรถแห่ ห้ามจัดรถขบวนกองเชียร์ไปให้กำลังใจผู้สมัครของตัวเอง ในสถานที่สมัครรับเลือกตั้งและบริเวณใกล้เคียง เพื่อไม่สร้างมลพิษในอากาศ ช่วยกันลดปริมาณฝุ่นพิษ PM 2.5 ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมระบุ “ถ้าเราจะมาอาสาเป็นผู้แทนประชาชน มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือประชาชน สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน พร้อมกำชับเมื่อสมัครเสร็จแล้วให้กลับไปประชาสัมพันธ์ในเขตเลือกตั้งของตัวเอง นอกจากนี้นายอนุทินยังได้ให้กำลังใจลูกพรรค ขอให้โชคดีประสบชัยชนะในการเลือกตั้ง ได้ทำประโยชน์เพื่อพี่น้องประชาชน
    ด้าน น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ในฐานะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ในส่วนของผู้สมัคร ส.ส.เขต กทม.ของพรรค ตนได้กำชับให้ทุกคนดำเนินการตามแนวทางของนายอนุทิน เพื่อช่วยกันลดมลภาวะฝุ่นพิษไม่ซ้ำเติมปัญหาให้กับคนกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตามนโยบายพรรคที่หัวหน้าพรรคได้นำเสนอให้กับพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ คือ นโยบาย Home office อยู่บ้านก็ทำงานได้ ในวันที่ 4 ก.พ.นายอนุทิน จะเดินทางไปให้กำลังใจผู้สมัครของพรรค ก่อนเวลา 08.00 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง
    ที่สำนักงานใหญ่พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) น.ส.เยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรค ชพน. เปิดเผยว่า พรรคชาติพัฒนามีความพร้อมที่จะส่งผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 4 ก.พ.พร้อมกันทั่วประเทศ โดยจะส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตจำนวน 275 คน และแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 64 คน และวันที่ 4 ก.พ. ผู้สมัครแบบแบ่งเขตของพรรค ชพน.จะเดินทางไปสมัครพร้อมกันทั่วประเทศ นำโดยคณะที่ปรึกษาพรรคและกรรมการบริหารพรรคนำทีมไปร่วมให้กำลังใจผู้สมัครทั่วทุกภาคของประเทศ
     นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 5 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น. ตนพร้อมผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ประมาณ 20 คน จะยกทีมเดินทางไปสมัคร ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ด้วยตัวเอง จนถึงขณะนี้มีความเชื่อมั่นว่า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคจะได้มาจนถึงลำดับที่น่าพอใจ
    ม.ร.ว.ดำรงดิศ ดิศกุล หัวหน้าพรรคภราดรภาพ กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภราดรภาพ จะส่ง 25 คน โดย 10 ลำดับแรก คือ 1.ม.ร.ว.ดำรงดิศ ดิศกุล 2.ร.อ.รชฏ พิสิษฐ์บรรณกร 3.นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ 4.พล.ท.สราวุธ กาพย์เดโช 5.พล.ท.ชุมพร วิเชียร 6.นายชัยภัฏ จันทร์วิไล 7.นายรัตนพัฒน์ ปีวิเศษกุลเดช 8.นายอนันต์ แพทยานนท์ 9.นายยงยุทธ แสงทองไพบูลย์ และ 10.น.พ.รวยลาภ เอี่ยมทอง
    ส่วนระบบเขต ภาคกลาง 10 จังหวัด, ภาคอีสาน  9 จังหวัด, ภาคเหนือ 13 จังหวัด, ภาคใต้ 10 จังหวัด และกรุงเทพฯ 30 เขต 
    ที่ทำการสาขาพรรคครูไทย จังหวัดเลย ต.นาโป่ง อ.เมืองฯ จ.เลย นายปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน, ดร.สุวิชญ์ โยทองยศ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค ประชุมความพร้อมลุยการเลือกตั้ง หลังจากได้แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กว่า 400 คนทั่วประเทศ ใช้หลักการศึกษานำการเมือง “ครูสร้างคน ประชาชนสร้างชาติ” พร้อมลุยศึกเลือกตั้งครั้งนี้เต็มที่ โดยนายปรีดากล่าวว่า พรรคครูไทยได้เปิดตัวว่าที่ ส.ส.และระบบบัญชีรายชื่อครบ ส.ส.เขต ส่งครบ 350 เขต และบัญชีรายชื่ออีก 50 รวม 400 คน ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพรรคเล็ก และจากการที่เราได้เดินพบปะประชาชนทั่วประเทศ ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
    ที่ห้องประชุมโพนสวรรค์ โรงแรมพัก พิงอิงโขง ถ.นครพนม-ท่าอุเทน เขตเทศบาลเมืองนครพนม ดร.วิทยา อินาลา หัวหน้าพรรคเพื่อคนไทย ประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และพิจารณาบุคคลเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรค พร้อมผู้ที่สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค โดยในที่ประชุมสรุปเห็นชอบเสนอชื่อ ดร.วิทยา อินาลา หัวหน้าพรรค (อดีต ส.ว.นครพนม) เป็นนายกรัฐมนตรี 
    นอกจากนี้ ยังมีมติส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ "ปาร์ตี้ลิสต์" ทั้งหมด 20 คน ประกอบด้วย ลำดับที่ 1.ดร.วิทยา อินาลา หัวหน้าพรรค 2.นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ เลขาธิการพรรค 3.นายสุรพจน์ เพชรกรรพุม นายทะเบียนพรรค 4.นางรัตนาภรณ์ คงพราหมณ์ รองหัวหน้าพรรค 5.นายอรรถสิทธิ์ (คันคาย ) ทรัพยสิทธิ์ ประธานที่ปรึกษาพรรค/อดีต ส.ส.นครพนม 7 สมัย เป็นต้น.  

'อภิสิทธิ์' จะเป็นนายกฯ?

'อภิสิทธิ์' จะเป็นนายกฯ?

ควรจะเผื่อใจไว้สักหน่อย.........
    สำหรับใครที่เชียร์ "ลุงตู่" เป็นนายกฯ อีกสมัย 
    เพราะอะไร?
    สนามเลือกตั้งของจริงนั้นไม่ง่าย 
    อย่างพรรคอนาคตใหม่ประเมินว่าได้แน่ ๗๐ ที่นั่ง....นั่นก็ฝันไป!
    การเลือกตั้งยังคงใช้ระบบหัวคะแนน 
    เลว ดี อย่างไร ถ้าหัวคะแนนทำงาน โอกาสสอบผ่านสูง แต่สำหรับพรรคที่ไร้หัวคะแนน โอกาสได้ที่นั่ง ส.ส.แทบเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่อยู่นอกเมือง
    พรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.เขต ๑๐ คนยังยาก แต่อาจจะได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์จากคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง
    มาที่พรรคพลังประชารัฐ หากจะปั้น "ลุงตู่" เป็นนายกฯ อีกสมัย สิ่งแรกที่ต้องทำให้เป็นไปได้คือ ต้องชนะพรรคประชาธิปัตย์
    เพราะ ส.ว. ๒๕๐ เสียง เลือกนายกฯ ได้ แต่ไม่ใช่คำตอบสำหรับเสถียรภาพของรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร
    คำถามคือ พรรคพลังประชารัฐเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้จริงหรือ?
    แล้วเพื่อไทยไปไหนเสียล่ะ เห็นคุยโม้ว่า ๒๕๐ เสียงนอนมา
    เป็นไปได้ยาก เพราะเพื่อไทยแตกเป็นพรรคตระกูลเพื่อ และพรรคไทยรักษาชาติ ฉะนั้น ได้ ส.ส.  ๑๕๐ เสียงก็ถือว่าเต็มกลืน 
    ประเด็นวันนี้จึงอยู่ที่โอกาสของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งมีสูง
    อาจจะพอๆ กับ "ลุงตู่" 
    อยู่ที่พรรคไหนได้ ส.ส.มากกว่ากัน 
    เพราะมองในแง่การจัดตั้งรัฐบาลแล้ว หากพรรคเพื่อไทยได้อันดับ ๑ และได้สิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อน  โอกาสดึงพรรค ประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐไปร่วมรัฐบาล ถือว่าน้อยมาก  
    ตัวแปรจึงไปอยู่ที่พรรคขนาดกลางอย่าง ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ว่าจะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ 
    แต่โอกาสก็ยากอีก 
    เพราะถึงจะไป รวมแล้วไม่มีทางที่จะถึง ๓๗๖ เสียง ซึ่งเป็นเสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา 
    และในความเป็นจริง พรรคขนาดกลางที่รอร่วมรัฐบาล มีประสบการณ์ทางการเมืองมากพอที่จะเลือกอยู่ฝั่ง พรรคประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ ซึ่งมี ส.ว. ๒๕๐ เสียงที่อาจแตกแถวเล็กน้อยรออยู่แล้ว 
    เสียงโหวตเลือกนายกฯ ฝั่งนี้เกิน ๔๐๐ เสียงได้ไม่ยาก
    การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐจึงต้องวัดกันว่าใครได้เสียงมากกว่า 
    ขณะที่ ๒ พรรคนี้มีโอกาสตั้งรัฐบาลร่วมกันสูงมาก 
    และหากพรรคประชาธิปัตย์ชนะ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมให้ "ลุงตู่" เป็นนายกฯ 
    เช่นเดียวกัน หากพรรคพลังประชารัฐชนะ โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุน "ลุงตู่" เป็นนายกฯ สูงมาก
    และไม่มีทางที่พรรคประชาธิปัตย์จะหันไปสนับสนุนนอมินีของทักษิณ
    นี่คือคณิตศาสตร์การเมืองในวันนี้.

ซ้อมใหญ่รับสมัคร

เมื่อวันที่ 3 ก.พ.62 เวลา 09.30น.อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ (ไทย-ญี่ปุ่น)   นางศิลปสวย ระวีแสงสรูย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร และน.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ร่วมกันซักซ้อมการรับสมัครรับเลือกตั้งสมาขิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยเป็นการทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารสมัครและการจับสลากในขั้นตอนต่างๆ พร้อมสาธิตวิธีการจับสลาก เพื่อให้การรับสมัครในระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 ถูกจัดแบ่งให้ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง. เป็นโต๊ะรับสมัครเรียงตามเขตเลือกตั้ง 1-30 ฝั่งละ 15 เขตเลือกตั้ง โดยแต่ละโต๊ะจัดวางคอมพิวเตอร์แบบโน๊ตบุ๊ค เครื่องปริ้นเตอร์ 2 เครื่อง เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรับสมัคร ตลับสำหรับจับสลากโต๊ะละ 50 ชิ้น พานใส่สลาก พร้อมจัดเตรียมเก้าอี้นั่งสำหรับเจ้าหน้าที่และผู้สมัคร. ส่วนบริเวณโถงกลาง จัดวางเก้าอี้นั่งรองรับผู้ติดตามผู้สมัครของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งได้รับอนุญาตให้ลงทะเบียนและรับบัตรคล้องคอ เพื่อเข้ามาให้กำลังใจผู้สมัครภายในสถานที่รับสมัครได้เขตละ 1 คน ในส่วนของกองเชียร์และสื่อมวลชนจะขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ซึ่งมีความจุรองรับ 1,500 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า. ในการซ้อมใหญ่การรับสมัครรับเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงข้อกังวลเกี่ยวกับพรรคการเมืองนอกเหนือจาก 41 พรรค ที่ปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมายครบถ้วนจะสามารถส่งสมัครได้หรือไม่. โดยยืนยันและทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า หากผู้สมัครมีหนังสือรับรองของหัวหน้าพรรคการเมือง หรือ 4/8 เจ้าหน้าที่ประจำเขตเลือกตั้งสามารถรับสมัครได้ทุกพรรค เพราะแต่ละพรรคยังมีเวลาปฏิบัติให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด
หลังจากนั้นเป็นการซักซ้อมการปฏิบัติหน้าที่ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงอาคารกีฬาเวสน์ตั้งแต่เวลา 05.30 น. เมื่อถึงเวลา 08.25 น. ให้ผอ.ประจำเขต ไปยืนรอขีดเส้นแดงที่สมุดลงทะเบียนในเวลา 08.30 น. ในระหว่างนั้นให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยทยอยจดรายชื่อผู้สมัครทั้งหมด เขียนชื่อพร้อมทำสลาก ในส่วนของสลากให้ทำติดหมายเลขหงายฝารอไว้ให้พร้อม. เมื่อถึงเวลา 08.30 น.ให้แจ้งสิทธิตามกฎหมายแก่ผู้สมัครทุกคน ที่สามารถตกลงกันที่จะเรียงลำดับจับสลาก. ถ้าตกลงกันไม่ได้ให้พับกระดาษที่เขียนชื่อผู้สมัครใส่ตลับต่อหน้าผู้สมัคร ปิดตลับใส่พานจนครบแล้วจึงเข้าสู่การจับสลากทีละตลับโดยผอ.ประจำเขตเลือกตั้ง ในขั้นตอนนี้เน้นย้ำว่า ไม่ต้องรีบขอให้รอบคอบเขียนบันทึกลำดับหมายเลขให้ชัดเจน ป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน. จากนั้นใส่หมายเลขลงในตลับ ปิดฝานำใส่พาน เรียกตามลำดับรายชื่อที่จับสลากครั้งแรก แล้วให้ผู้สมัครเข้ามาจับหมายเลขทีละคน ลงบันทึกให้ครบแล้วให้ผู้สมัครทุกคนเซ็นชื่อรับรองการจับสลาก
สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารที่ผู้สมัคร. ต้องกรอกเช่น เกิดในจังหวัดใด ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน รหัสไปรษณีย์ โทรศัพท์ โทรสาร อีเมลล ชื่อบิดา-มารดา สัญชาติบิดามารดา คู่สมรส สังกัดพรรคใด คุณสมบัติยืนยันตัวตน. มีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตที่ลงสมัคร ติดต่อกัน 5 ปี จนถึงวันสมัคร หรือต้องย้ายเข้าก่อน 5 ก.พ. 2557 ,เกิดในจังหวัด ,เคยศึกษาในเขตเลือกตั้ง 5 ปีติดต่อกัน ปริญญาหลักสูตร 5 ปี, เคยรับราชการหรือเคยมีชื่อในทะเบียนบ้านในกรุงเทพฯ ติดต่อกัน 5 ปี แต่ปัจจุบันมีชื่อในทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดอื่น. นอกจากนี้ จะต้องตรวจสอบใบรับรองแพทย์ต้องไม่เป็นโรคต้องห้าม คือ จิตฟั่นเฟือน ไม่เป็นผู้ติดสารเสพติด, หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ย้อนหลัง 3 ปี ในส่วนของค่าธรรมเนียมสมัคร 10,000 บาท จะรับเป็นเงินสด แคชเชียร์เช็ค หรือตั๋วแลกเงิน เท่านั้น ส่วนทริคเพื่อให้เป็นข่าวของผู้สมัคร เช่น นำเหรียญ หรือแบงค์ 20 มาจ่ายค่าสมัคร ก็ให้ผู้สมัครนำผู้ติดตามมาช่วยนับจนครบจำนวน
นางศิลปสวย กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการซ้อมใหญ่การรับสมัคร ส.ส. ซึ่งกทม.ยืนยันว่าเตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว ภายในสถานที่รับสมัครจัดเตรียมโต๊ะรับสมัครครบทั้ง 30 เขต. โดยเจ้าหน้าที่จะแต่งเครื่องแบบข้าราชการพร้อมปฏิบัติงานตั้งแต่ 05.30 น. สำหรับผู้สมัครที่มาถึงก่อนเวลา 08.30 น. อย่าลืมมาลงทะเบียนเพื่อจับสลากหมายเลข ทั้งนี้เชื่อว่าโต๊ะรับสมัครที่ตั้งไว้ติดๆกัน ทั้ง 30 เขต จะไม่เป็นอุปสรรคในการรับสมัครและจับสลากหมายเลข
ด้านน.ส.วิชชุดา กล่าวว่า ในส่วนของกองเชียร์และผู้ติดตามขอให้ระมัดระวังไม่กระทำการใดๆที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย โดยก่อนเวลา 08.30 น.สามารถเชียร์ ใช้รถแห่เปิดเพลงหาเสียงของพรรคการเมือง หรือไลฟ์สดผ่านโซเชียลมีเดียได้ แต่เมื่อได้หมายเลขแล้วต้องหยุดเชียร์ทันที แล้วกลับไปหาเสียงในเขตของตัวเอง เพราะสถานที่รับสมัครเป็นเขตดินแดง ผู้สมัครของเขตดินแดงสามารถหาเสียงได้แต่ต้องเป็นบริเวณภายนอกพื้นที่รับสมัคร. ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยสน.ดินแดง จะรับผิดชอบทั้งหมดรวมถึงการนำเครื่องสแกนอาวุธมาติดตั้งเพื่อตรวจสอบผู้ที่จะเข้ามายังพื้นที่รับสมัคร