PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว8พ.ค.58

Jab08May15

@ไม่รอด!มติสนช.ถอดบุญทรง,ภูมิ,มนัสผิดคดีG2G-ตัดสิทธิ์การเมือง5ปี

มติ สนช. ถอดถอน บุญทรง, ภูมิ, มนัส กรณีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี มีผลตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติถอดถอน นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ด้วยคะแนน 182 : 5 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง บัตรเสีย 1 เสียง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีมติถอดถอน 180 : 6 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง และ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ มีมติถอดถอน 158 : 25 เสียง ไม่ลงคะแนน 6

เสียง บัตรเสีย 1 เสียง จากกรณีถูกกล่าวหาทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในโครงการรับจำนำข้าว มีผลให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ ในส่วนของ นายมนัส ถือเป็น
ข้าราชการระดับสูงคนแรกที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไป สนช. ต้องแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ป.ป.ช. และรัฐบาล รับทราบ

------------------------
ป.ป.ช.พร้อมส่งสำนวนถอดถอนอดีต ส.ส. 250 ราย กรณีแก้ไข รธน.ที่มา ส.ว. ต่อ สนช. เร็ว ๆ นี้

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการส่งสำนวนคดีถอดถอนอดีต ส.ส. 250 ราย กรณีแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ให้ สภานิติบัญญัติแห่ง

ชาติ (สนช.) ว่า หลังจากคดีถอดถอน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ออกจาก
ตำแหน่ง กรณีถูกกล่าวหาทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในโครงการรับจำนำข้าวเสร็จเรียบร้อย ป.ป.ช. จะมีการประสานกับทาง สนช. ว่า จะให้เรื่องดังกล่าวเมื่อไร ซึ่งทาง ป.ป.ช.ก็ส่ง

ทันที เพราะหลักฐานต่าง ๆ เรียบร้อยหมดแล้ว ซึ่งคาดว่าจะส่งในเร็ว ๆ นี้
-----------------------
หัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 สั่งให้ "ปานเทพ"  นั่ง ประธาน ป.ป.ช.ต่อจนครบวาระ ขณะอีก 4 คนให้ทำหน้าที่ต่อเช่นกัน

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ค.ส.ช.)ที่ 12/2558 เรื่อง ให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ในตําแหน่งต่อไป คำสั่ง

ดังกล่าว ระบุ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน พุทธศักราช 2549 แต่งตั้งประธานกรรมการ

และกรรมการ ป.ป.ช.โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป นั้น

บัดนี้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.ซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยประกาศฉบับดังกล่าว กําลังจะพ้นจากตําแหน่งในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เนื่องจากอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ ในขณะที่

กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติอีก 4 คน ได้แก่ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย,นายภักดี โพธิศิริ,นายวิชา มหาคุณ และ นายวิชัย วิวิตเสวี ซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยประกาศฉบับเดียวกัน

ยังคงอยู่ในตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระ 9 ปี ในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ.2558

ดังนั้น เพื่อมิให้ต้องดําเนินการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2 ครั้ง ในเวลาใกล้เคียงกัน อันจะเป็นการสร้างภาระแก่ผู้สนใจสมัครเข้ารับการสรรหาและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

อีกทั้งจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณของประเทศโดยไม่จําเป็น จึงเห็นสมควรให้ดําเนินการสรรหาบุคคลแทนตําแหน่งที่ว่างไปในคราวเดียวกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศและ

การปฏิรูปองค์กรตามรัฐธรรมนูญ

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้า คสช.โดยความเห็นชอบของคณะ คสช. จึงมีคําสั่งให้ นายปานเทพ กล้าณรงค์

ราญ ดํารงตําแหน่งประธานป.ป.ช.ต่อไปจนถึงวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558
------------------------------
หน.คสช. ใช้ ม.44 กำหนด กก.สรรหา ป.ป.ช. มี 5 คน ส่งรองนายกฯ ร่วมทำหน้าที่ด้วย

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2558 เรื่อง การสรรหากรรมการ ป.ป.ช. กําหนดให้มีคณะกรรมการสรรหาจํานวน 5 คน ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา

ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

ประกอบกับประธานศาลปกครองสูงสุดก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการถูกพักราชการตามมติคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง คงมีแต่ประธานศาลฎีกา ประธานศาล
รัฐธรรมนูญ และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557

ดังนั้น เพื่อให้กระบวนการสรรหากรรมการ ป.ป.ช. เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาโดยการเพิ่มผู้แทนจากฝ่ายบริหาร เพื่อให้คณะ

กรรมการสรรหามีองค์ประกอบที่มีความหลากหลายและได้สมดุล โดยมีที่มาจากอํานาจทั้งสามฝ่าย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศและการปฏิรูปองค์กรตามรัฐธรรมนูญ จึงมีคําสั่งให้

คณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทําหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร
และรองนายกรัฐมนตรีที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
////////////
รัฐธรรมนูญ

"วันชัย" เผย หากคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ไม่ปรับแก้ตาม สปช. เสนออาจโหวตไม่ผ่าน หนุนประชามติเพื่อความชอบธรรม

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในฐานะโฆษกวิป สปช. เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าในการจัดทำคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการ
รวมกลุ่ม และรวบรวมความคิดเห็นประเด็นที่จะขอแก้ไขปรับปรุง หรือตัดออก จากนั้นก็จะเป็นการเตรียมตัวแทนที่จะต้องไปชี้แจงถึงสาเหตุของการขอปรับแก้กับทางคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนกระแสข่าวที่ว่า หากคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ไม่ปรับแก้ตามคำขอของ สปช.ทาง สปช. จะไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านนั้น นายวันชัย กล่าวว่า เป็นความจริง หากทางสมาชิก สปช. ส่วนใหญ่ เห็นพ้องกันว่า จะต้องปรับแก้ แต่ทางคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ไม่ปรับแก้ อาจจะไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นผ่าน เนื่องจากทาง สปช. ต้องการให้ได้รัฐธรรมนูญที่ไม่มีตำหนิ

ทั้งนี้ นายวันชัย ได้กล่าวถึงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ตนเองเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการทำประชามติ เนื่องจากจะเป็นการทำให้รัฐธรรมนูญได้รับความชอบธรรม ได้รับฉันทามติจากประชาชนทั้งประเทศ และจะได้เป็นตัวชี้ว่า รัฐธรรมนูญนี้ ไม่ได้มาจากระบบเผด็จการ รวมถึงหากนักการเมือง จะดำเนินการแก้ไขในภายหลังก็จะทำได้ยากกว่าเดิม
-----------------------
สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา จับมือ ประชาไท-ไทยพับลิก้า จัดทำเว็บไซต์ประชามติ เพื่อการมีส่วนร่วมร่าง รธน.

สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และโครงข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน ilaw สำนักข่าว Thaipublica สำนักข่าวประชาไท ร่วมแถลงข่าวการจัดทำเว็บไซต์ประชามติ www.prachamati.org

โดย นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตฯ กล่าวว่า สำหรับการเปิดตัวเว็บไซต์ประชามติ เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญปี 2558 ทั้งนี้ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ให้ประชาชนมีพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นต่าง ๆ ของร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งลงคะแนนเสียงว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในประเด็นใด

ทั้งนี้ จะเกิดประชามติหรือไม่เป็นเรื่องที่พูดยากแต่เป็นความต้องการของประชาชน จึงควรเปิดให้ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายไม่สนับสนุนออกมาแสดงความคิดเห็น

อย่างไรก็ตาม การทำประชามติจะไม่นำไปสู่การใช้ความรุนแรงแต่เป็นการกลับมาของระบอบประชาธิปไตย

//////////////
@นายกปัดเผด็จการยันทหารบุกสตช.รวบอิสราเอลสาธิตเครื่องดักฟังเข้าใจผิด-ลุยแก้โรฮีนจา

โฆษก คสช. ยัน ทหารบุก สตช. ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนอิสราเอลได้ประสานตำรวจแล้ว

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี พ.ศ. 2557 ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนจากประเทศอิสราเอล ที่มาสาธิตการใช้เครื่องดักฟัง และการเช็กพิกัดที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปไว้ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ว่า การเข้าไปในพื้นที่ครั้งนี้ ได้มีการประสานกับทางตำรวจแต่อาจเป็นไปในแบบค่อนข้างเร่งด่วน ซึ่งหน่วยปฏิบัติอาจนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป ยืนยัน เป็นการเข้าไปในลักษณะการประสานงาน เพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์บางตัวที่ทางบริษัทเอกชนได้นำมาสาธิต ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีเจตนาจะไปควบคุมตัวใคร รวมถึงการไปครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีการอาวุธอย่างที่เป็นข่าว และเจ้าหน้าที่ทหารส่วนใหญได้คอยประสานงานและขอพบ เจ้าหน้าที่ของบริษัทเอกชนอยู่ ณ บริเวณจุดที่เป็นที่ตั้งอุปกรณ์ในบริเวณพื้นที่ลานจอดรถด้านล่าง โดยเมื่อการบรรยายเสร็จสิ้นจากห้องประชุมที่อยู่ด้านบน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นคนนำพากลุ่มเจ้าหน้าที่บริษัทฯ เอกชนดังกล่าว ลงมาพบกับเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณด้านล่างเอง ซึ่งเป็นการประสานและดำเนินการร่วมกัน

ทั้งนี้ เนื่องด้วยอาจมีรายละเอียดอยู่พอสมควรที่ต้องแนะนำหรือแลกเปลี่ยนกันเพิ่มเติม โดยเฉพาะการดำเนินการทางด้านเอกสารสำหรับอุปกรณ์บางประเภท ที่อยากให้เป็นไปตามแบบขั้นตอนที่ทางราชการกำหนด จึงมีการเชิญให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ไปรับคำแนะนำและดำเนินการเพิ่มเติมที่หน่วยทหาร
--------------------
นายกรัฐมนตรี ปัดเผด็จการ มองร้องเรียน ตปท. เป็นการชักศึกเข้าบ้าน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปการเตรียมความพร้อมประเทศไทย ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ว่า พอใจการดำเนินงาน และประเทศไทย มีความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ ส่วนตัวได้สั่งการเพิ่มเติมในทุกเรื่อง และมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างความรับรู้ให้ประชาชนว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน พร้อมเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ ซึ่งต่างประเทศไว้ใจการทำงานของรัฐบาล พร้อมยืนยันว่า ไม่ใช่เผด็จการ และเป็นประชาธิปไตยทั้งหมด ในเรื่องการทำงาน ส่วนเรื่องนักการเมืองที่อาจออกมาเคลื่อนไหวนั้น ฝ่ายความมั่นคง ได้ติดตามอยู่ ทั้งนี้ มองว่า บุคคลที่มีการไปร้องเรียนกับต่างประเทศนั้น มองว่าเป็นการชักศึกเข้าบ้าน
-------------------------
นายกฯ แจงทหารใช้ ม.44 คุมอิสราเอล - เร่งแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจาอย่างจริงจัง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจตามมาตรา 44 เข้าไปควบคุมตัวกลุ่มนักธุรกิจอิสราเอลขณะสาธิตการใช้เครื่องดักฟังที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า เป็นเรื่องความเข้าใจผิดกัน ซึ่งมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้ว โดยยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการหวาดระแวงหรือละเมิดเกียรติซึ่งกันและกัน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจา ว่า รัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยต้องแก้ปัญหาที่ต้นทางและปลายทาง และต้องบูรณาการการทำงาน

ทั้งนี้ จะมีการหารือกับประเทศเมียนมาและมาเลเซียภายในสิ้นเดือน พ.ค. นี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ เพื่อให้ช่วยกันดูแล พร้อมยืนยันจะมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน
--------------------
รัฐบาลชี้กรณีเข้าตรวจสอบปฏิบัติตามข้อมูลข่าวกรอง ยันทหาร-ตำรวจ ทำงานเป็นเนื้อเดียว บูรณาการและให้เกียรติ

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการเข้าตรวจสอบการแสดงอุปกรณ์ชุดเครื่องมือสื่อสารและตรวจสอบพิกัดของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ที่ กองบัญชาการตำรวจสันติบาลเมื่อวานที่ผ่านมาว่า จากการประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบว่าเป็นผลจากการปฏิบัติการทางการข่าวด้านความมั่นคง ซึ่งจะมีการนำอุปกรณ์ชุดเครื่องมือสื่อสารและตรวจสอบพิกัดดังกล่าวเข้ามาในประเทศ ถือเป็นอุปกรณ์ต้องห้ามเกี่ยวเนื่องกับความมั่นคง ซึ่งต้องได้รับอนุญาตในการนำเข้า เผยแพร่ และจำหน่ายอย่างถูกต้องเป็นทางการ

ทั้งนี้ เมื่อได้รับข้อมูลข่าวกรอง นายทหารที่ได้รับมอบหมายจึงเข้าปฏิบัติการ แต่เมื่อเห็นว่าเหตุเกิดในหน่วยตำรวจ จึงนำข้อมูลเรียนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสั่งการให้ยุติการแสดงอุปกรณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งอำนวยการให้หน่วยทหารรับผู้แทนบริษัทเอกชนทั้งหมดออกมาทำชี้แจงถึงข้อกฎหมายของประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดก็เข้าใจเป็นอย่างดี และได้เดินทางกลับออกไปพร้อมอุปกรณ์ทั้งหมดแล้ว พร้อมยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันของทั้งหน่วยตำรวจและทหาร โดยดำเนินการด้วยความราบรื่น ให้เกียรติและยึดหลักการทำงานบูรณาการอย่างใกล้ชิด
---------------
"ผบ.ตร." แจงทหารควบคุมตัว 9 เจ้าหน้าที่บริษัทอิสราเอล ขณะสาธิตอุปกรณ์ดักฟังให้ตำรวจสันติบาล เหตุจากการเข้าใจผิดกัน ยันมีการประสานกันล่วงหน้า

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวชี้แจงกรณีที่ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) บุกรวบตัวเจ้าหน้าที่อิสราเอลขณะสาธิตเครื่องดักฟังให้ตำรวจสันติบาล ในห้องประชุมเมื่อวานที่ผ่านมาว่า เรื่องดังกล่าวนั้นเกิดการเข้าใจผิดกัน ซึ่งตามข้อเท็จจริงนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลให้จัดหาเครื่องมือคัดกรองโทรศัพท์ จากนั้นบริษัทอิสราเอลได้เข้ามาเสนอขายเครื่องมือและนัดสาธิต โดยมีการประกาศโฆษณาผ่านทางอินเทอร์เน็ตว่าจะมาสาธิตวิธีการใช้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางทหารเห็น

ประกาศจึงขอเข้ามาตรวจสอบ โดย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ หัวหน้าชุด ได้โทรเข้ามาแจ้งและตนเป็นคนเดินไปรับทหารด้วยตนเอง ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการบุกเข้ามาโดยไม่ประสานตามที่เสนอข่าวออกไปแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้ขอความร่วมมือให้บริษัทอิสราเอลไปชี้แจงว่าเครื่องมือที่นำมาแสดงมีการนำเข้าอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งทางบริษัทฯ ยืนยันว่าเครื่องมือดังกล่าวได้นำเข้ามาอย่างถูกต้อง และทางทหารได้มีการปล่อยตัวเจ้าหน้าที่อิสราเอลทั้งหมดแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจะเป็นอดีตทหารหรือตำรวจนั้นเห็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลก

------------
ยงยุทธแจงนายกฯ สั่งปรับโครงสร้างศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ร้อยเอกนายแพทย์ ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการรับฟังการบรรยายสรุปความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปรับโครงสร้างศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานและให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแล 3 เสาหลักของอาเซียน คือ การเมือง-ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม-วัฒนธรรม

ทั้งนี้ ในด้านการเมือง-ความมั่นคง มีแผนยุทธศาสตร์ของไทยระยะเวลา 5-10 ปี วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน และแผนงานประชาคมอาเซียนระยะเวลา 10 ปี ที่จะต้องสอดคล้องกันไป ขณะเดียวกัน

การจัดตั้งศูนย์เพื่อผลักดันความร่วมมือในกรอบอาเซียนมี 3 แห่งที่ไทยเข้าร่วมดำเนินการ คือ ศูนย์อาเซียนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อาเซียนนาโค่ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพ

ติด หรือ ป.ป.ส. และศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนที่กระทรวงกลาโหม อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดตั้ง

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเร่งด่วนในส่วนของการเมือง-ความมั่นคง คือ การบริหารจัดการชายแดน การเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเล การแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การสร้างไว้ใจและการทูต

เชิงป้องกัน และการเสริมสร้างศักยภาพการปฏิบัติการทางทหารร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรียังมีคำสั่งเพิ่มเติมในการให้ความสำคัญจุดผ่านแดน และให้คณะกรรมการนำเรื่องปัญหาหมอกควันและการ

เข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดไปพิจารณาเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป
--------------------------
โฆษกรัฐบาล แจงความพร้อมสู่อาเซียนดำเนินการตามพันธะกรณีการรองรับและใช้ประโยชน์ 

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการเตรียมความพร้อมประเทศไทย ในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามพันธะ

กรณีการรองรับและใช้ประโยชน์จากอาเซียน รวมถึงแผนงานของไทยสำหรับประชาคมอาเซียนปี 2559-2568 โดยไทยได้ดำเนินการตาม เออีซี บลูพริ้น ความคืบหน้าอยู่ที่ร้อยละ 80.5
จากทั้งหมด 611 มาตรการ ซึ่งเป็นมาตรการเริ่มต้นของอาเซียน ปัจจุบันได้มีการปรับมาตรการเหลือเพียง 540 มาตรการ โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้ความมั่นใจ

ว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถดำเนินการตาม 540 มาตรการ ได้ครบถ้วน

ทั้งนี้ ความคืบหน้า ด้านเศรษฐกิจที่มีการดำเนินการไปแล้ว อาทิ การลดภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ การเปิดเสรีการค้าในการบริการต่างๆ ส่วนมาตรการที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2558 อาทิ การ

ลงนามข้อผูกพันการเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ 10 การให้สัตยาบันข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินชุดที่ 6 ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว เป็นต้น
--------------------
"ยงยุทธ" แจง 8 มาตรการดำเนินการเสร็จแล้ว นายกฯ ย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สื่อให้ ปชช.เข้าใจประชาคมอาเซียน

ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการเตรียมความพร้อมประเทศไทย ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้านสังคม ว่า มีความคืบหน้าในการดำเนินการเป็นอย่างมาก

เนื่องจากมีการทำงานร่วมกันระหว่าง 17 กระทรวง 23 หน่วยงาน จากทั้งหมด 339 มาตรการ ดำเนินการเสร็จแล้วร้อยละ 97 หรือ 331 มาตรการ และอยู่ระหว่างดำเนินการเพียง 8 มาตรการ โดย

มาตรการที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว อาทิ การดูแลภาคสังคมทั้ง เด็ก สตรีและผู้พิการ เป็นต้น ส่วนมาตรการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ อาทิ สร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการด้านอาหารของประเทศ

สมาชิกอาเซียน การส่งเสริมสนับสนุนผู้ผลิตอาหารปลอดภัย การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมและการพร้อมรับมือกับภัยพิบัติด้านชุมชน

ทั้งนี้ ในด้านสังคมและวัฒนธรรม เรื่องที่ต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไข อาทิ การจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินงานใน 2 เรื่อง คือ คณะอนุกรรมการดำเนินการในเรื่องเร่งด่วนที่ประเทศไทย

ต้องดำเนินการเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อให้เกิดการบูรณาการดำเนินการของรัฐ และคณะอนุกรรมการบูรณาการข้อมูลเพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับประชาคมและวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งนายก

รัฐมนตรี ได้เน้นย้ำขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นประชาคมอาเซียน และครอบคลุมในทุกสาขา
///////////
@ออกหมายจับคดีโรฮีนจาเพิ่มอีก11รวมเป็น29คน/ตร.คุมนายกเล็กปาดังเบซาร์สอบ

ผบ.ตร.เรียกประชุมป้องปรามการค้ามนุษย์ พร้อมเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาโยงคดีโรฮีนจา เพิ่มอีก 11 คน

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน "การประชุมชี้แจงแผนการปฏิบัติแบบบูรณาการตามยุทธศาสตร์ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ (วาระแห่งชาติ)" โดยมีผู้

บังคับบัญชาระดับสูง และข้าราชการตำรวจเข้าร่วมรวม 200 นาย

โดย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นเรื่องสำคัญกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศประกอบกับนานา

ชาติให้ความสนใจโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่จัดอันดับให้ไทยอยู่อันดับเทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด อย่างจริงจังที่สุด

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวชี้แจงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจกว่า 50 นาย ว่า เพราะได้มีการแจ้งเตือนไปแล้วแต่ไม่ดำเนินแก้ไขปัญหามีการปล่อยปละละเลย ซึ่งในช่วง

บ่ายวันนี้ตนยังเตตรียมเสนอนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 56 เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจได้ตลอดเวลา พร้อมยืนยันหากมีพยานหลักฐานว่ามีนายตำรวจคนใดเข้าไปมีส่วนจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย

ส่วนความคืบหน้าคดีดังกล่าว ล่าสุด นายกเทศมนตรีปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นตัวการให้อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ได้เข้ามอบตัวแล้ว และเจ้าหน้าที่ยังสามารถจับบกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้อีก 1 ราย

และในวันเดียวกันนี้ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 11 ราย อยู่ระหว่างขออีก 7 ราย รวมเป็น 18 ราย ซึ่งรวมกับที่มีการออกหมายจับก่อนหน้านี้ 18 ราย ส่งผลให้มีผู้ต้องหาในขบวนการนี้ทั้งหมด 36 ราย
-------------
รอง ผบ.ตร. เผย นายกเล็กปาดังเบซาร์ เข้ามอบตัวต่อสู้คดีโรฮีนจา แล้ว ยืนยัน ยังไม่พบทหารเอี่ยว 

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีค้าชาวโรฮีนจา ในพื้นที่ จ.สงขลา ว่า นายบรรณจง ปองผล หรือ โกจง นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ ซึ่งถือเป็น

ตัวการใหญ่และอยู่เบื้องหลังขณะนี้ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ส่วน นายสุพจน์ หมื่นซิ่ว ผู้ต้องหาที่ถือเป็นกุญแจสำคัญเชื่อมโยงข้อมูลการฆาตกรรมชาว

โรฮีนจา ในพื้นที่จังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้วและอยู่ระหว่างควบคุมตัวไปตรวจค้นบ้านพักเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เบื้องต้นพบระเบิดจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกออกหมายจับจนถึงขณะนี้ ยืนยันว่า ยังไม่พบว่ามีทหารเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่หากการสืบสวนสอบสวนพบบุคคลใดร่วม

กระทำผิดจะดำเนินการทางกฎหมายทันที ส่วนเส้นทางการลักลอบขนเเรงงานชาวโรฮีนจาเข้ามาในประเทศไทย ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ มีทั้งทางบกและทางน้ำ แต่ปัจจุบันเชื่อว่า มีทางน้ำเพียงอย่าง

เดียว และมีปลายทางที่จังหวัดสงขลา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการทำงานร่วมกันภายใต้ยุทธการ ปิดปลายทาง รวมทั้งเพิ่มมาตรการเชิงรุกในการป้องกันแนวชายฝั่งทะเลอันดามัน
เพื่อป้องกันการย้ายถิ่นฐานของแรงงานต่างด้าวแบบยั่งยืน

-----------
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมแก้ปัญหาโรฮิงยา หลังนายกฯ ขีดเส้น 10 วัน ต้องชัดเจน - ทีมโฆษกฯ แถลงบ่าย

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งงชาติ เตรรียม เป็นประธานการประชุมชี้แจงแผนการปฏิบัติแบบบูรณาการตามยุทธศาสตร์ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ (วาระแห่งชาติ) โดยเฉพาะคดีพบผู้เสียชีวิตชาวโรฮิงยา จำนวนมากบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบสวนสอบสวนและคลี่คลายคดีนี้ ให้ได้ภายใน 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นคดีสำคัญและถูกจับตามองจากนานาชาติ โดยเฉพาะ

ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ลดอันดับไทยลงมาอยู่ระดับเทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด และจะมีการประกาศอันดับอีกครั้งในเดือนมิถุนายน นี้ ทั้งนี้ คดีดังกล่าวยังมีเจ้าหน้าที่รัฐและตำรวจเข้าไปมีส่วนร่วมในขบวนการ และได้มีการออกหมายจับไปแล้วทั้งหมดรวม 18 ราย ติดตามจับกุมและเข้ามอบตัว 6 ราย ยังเหลือที่หลบหนีอีก 12 ราย ในจำนวนนี้ 2 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือ ดาบตำรวจอัศณีย์รัญ นวดรอด อายุ 46 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ปาดังเบซาร์ และ ร้อยตำรวจโท มงคล สุโร อายุ 58 ปี รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.ปาดังเบซาร์ ซึ่งเข้าไปมีส่วนรู้เห็นและเรียกรับผลประโยชน์ ตั้งแต่ขั้นตอนการนำชาวโรฮิงยา เข้ามาในพื้นที่ จ.สงขลา และนำไปไว้บนเทือกเขาแก้ว รอการส่งไปประเทศปลายทาง

อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการประชุม ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการแถลงข่าว ในเวลา 13.30 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.
----------------------
ผบ.ตร.แถลงการจับกุมนายกเทศมนตรีปาดังเบซาร์ ประสาน ปปง. อายัดและยึดทรัพย์ขบวนการโรฮีนจา กว่า 150 ล. 

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ร่วมแถลงผลการจับกุมตัว นายบรรณจง ปองผล หรือ โกจง นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ ซึ่งถือเป็นตัวการใหญ่และอยู่เบื้อง

หลังขบวนการค้ามนุษย์ และ นายสุพจน์ หมื่นซิ่ว ผู้ต้องหา ที่ถือเป็นกุญแจสำคัญเชื่อมโยงข้อมูลการฆาตกรรมชาวโรฮีนจา ในพื้นที่จังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา หลังสามารถติดตามจับกุมตัวได้
พร้อมของกลางวัตถุระเบิดจำนวนหนึ่ง สำหรับผู้ต้องหาทั้งสองราย ตำรวจยืนยันว่า มีพยานหลักฐานหลักฐานยืนยันได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ส่วนนายตำรวจ 2 นายที่มีการออก

หมายจับ 2 นาย ประกอบด้วย ดาบตำรวจอัศณีย์รัญ นวดรอด อายุ 46 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ปาดังเบซาร์ และ ร้อยตำรวจโทมงคล สุโร  อายุ 58 ปี รองสารวัตรป้องกันและปราบ
ปราม สภ.ปาดังเบซาร์ จับกุมตัวได้แล้วเช่นกัน และอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวเน้นย้ำว่า ตำรวจพยายามเร่งสืบสวนสอบสวนและป้องกันการนำชาวโรฮีนจามาไว้ในค่ายพักรอในประเทศไทยก่อนจะส่งไปยังประเทศที่ปลายทาง ซึ่งผลการดำเนินงานใน

ช่วงที่ผ่านมาสามารถออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้หลายราย พร้อมกันนี้ยังได้ประสานกับทางการประเทศเมียนมาและมาเลเชียในการแก้ไขปัญหาด้วย

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวด้วยว่า ตำรวจจะร่วมกับสำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ในการสืบสวนหาทรัพย์สินของกลุ่มนายทุนในขบวน

การค้าแรงงานชาวโรฮีนจา โดยขณะนี้ได้อายัดเงินในบัญชีแล้วกว่า 32 ล้านบาท และอยู่ระหว่างร้องขอให้อายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท
////////////
ลำตะคอง

ทหาร-ตร.สนธิกำลัง "ยุทธการฟ้าสางที่ลำตะคอง" เข้ารื้อถอนร้านค้าบริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะคอง

กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองเริ่มเข้ามาเตรียมความพร้อมตั้งแต่ช่วง 05.00 น. โดยจัดชุดปฏิบัติการ 20 ชุด ชุดละ 50 นาย เพื่อเข้ารื้อถอนและขนย้ายร้านอาหารตรงจุดมอปลาย่าง บริเวณอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ที่ยินยอมให้รื้อถอนกลุ่มแรกจำนวน 20 ร้าน นอกจากนี้ ยังมีชุดรักษาความปลอดภัยอีก 700 นาย โดยมี นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าฯ นครราชสีมา เป็นประธานปล่อยแถวปฏิบัติการในชื่อ "ยุทธการฟ้าสางที่ลำตะคอง"

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมพร้อมรถเครน รถขนย้าย รถควบคุมผู้ต้องหา เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และมีประชาชนนำอาหารน้ำดื่มมาบริการฟรีแก่เจ้าหน้าที่ด้วย ขณะที่บริเวณถนนมิตรภาพปิดการจราจรไปแล้ว 1 ช่องทาง ตลอดแนวร้านริมอ่างเก็บน้ำลำตะคองที่ถูกระบุบุกรุกที่ราชพัสดุ ระยะทางกว่า 4 กม. ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ที่ผ่านมา เพื่อให้รถบรรทุกขนสิ่งของได้สะดวก รวดเร็ว และรื้อถอนให้เสร็จภายในวันนี้วันเดียว

ด้านผู้ประกอบการที่ยินยอมให้รื้อย้ายเปิดเผยว่า ทางราชการได้เรียกเข้าพูดคุยหลายครั้ง แรก ๆ ก็ไม่ยอมเพราะอยู่ที่นี่มานานกว่า 50 ปี แต่เมื่อมีการจัดสรรที่ใหม่ให้ติดถนนใหญ่ คิดว่าน่าจะดี จึงยินยอมย้ายส่วนร้านที่ไม่ยอมรื้อย้ายก็กล่าวว่า จะปักหลักอยู่ที่นี่ เพราะเช่าต่อจากเจ้าของร้านคนก่อนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเจ้าของร้านนำเอกสารซึ่งออกโดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติฯ จังหวัด มายืนยันว่าร้านแห่งนี้ไม่เข้าข่ายดังกล่าว
------------------


////////////
สนช.

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผ่านวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนอกระบบ 4 ฉบับ

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในช่วงบ่าย ภายหลังการพิจารณากระบวนการถอดถอนแล้ว ได้พิจารณาร่างกฎหมายต่อทันที โดยที่ประชุมลงมติผ่านวาระที่ 3 ในร่างกฎหมาย 4 ฉบับ

และเห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมาย คือ ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 163:0 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ร่างพระราช

บัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. .... เห็นด้วย 160:0 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... เห็นด้วย

157:0 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. .... เห็นด้วย 135:1 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง

///////////
เศรษฐกิจ

รัฐบาล เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณหวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นชัดเจนครึ่งปีหลัง มีการเบิกจ่ายแล้วกว่า 50% 
ซึ่งวงเงินที่สูงกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี แสดงความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจ
ของประเทศที่ชะลอตัว จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ
ให้รวดเร็วเพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนลงสู่ระบบทันที ซึ่งจากการหารือกับ นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ทำให้ทราบว่า ขณะนี้การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 1.503 ล้านล้านบาท จากที่ตั้งไว้
2.575 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.37 ส่วนงบลงทุนที่มีวงเงินทั้งหมดกว่า 4.49 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้
เบิกจ่ายไปแล้ว 1.63 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.21 และยังมีสัญญาที่รอการเบิกจ่ายอีก 1.05 แสนล้านบาท
หรือคิดเป็นร้อยละ 23.44 ซึ่งวงเงินทั้งสองส่วนรวมกันจะคิดเป็นสัดส่วนการเบิกจ่ายร้อยละ 59 ของงบลงทุนทั้งหมด
และคาดว่า ในปีนี้รัฐจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนได้ถึงร้อยละ 87-88 ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์
เนื่องจากที่ผ่านมา การเบิกจ่ายงบลงทุนนั้น จะทำได้ราวร้อยละ 70 ของวงเงินทั้งหมด

นอกจากนี้ นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้ให้ข้อมูลว่า ปีนี้การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาล มีความ
รวดเร็วมากขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุนกว่า 4.49 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านๆ มา จะมีการ
ก่อหนี้ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นของการใช้งบลงทุนได้เพียงร้อยละ 21-22 ซึ่งภายหลังจากขั้นตอนการก่อหนี้แล้วเสร็จสิ้น
แล้ว ภาคเอกชนก็จะนำเงินลงทุนของตนเองเดินหน้าโครงการตามสัญญา ก่อนจะนำผลงานมาเบิกเงินกับรัฐบาลเพื่อใช้
หมุนเวียนต่อไป ซึ่งเม็ดเงินที่มีการเบิกจ่ายไปแล้วและกำลังจะเบิกจ่ายต่อจากนี้ จะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้
อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง
/////////////
เนปาล

รมช.สธ.เผยความคืบหน้าในการช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวเนปาล ทีมแพทย์ชุด 2 ได้ดำเนินการแล้ว 

น.พ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้รับรายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล ซึ่งที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดี ได้รับคำ

ชมจากองค์การอนามัยโลก และกระทรวงสาธารณสุขเนปาล ขณะนี้อยู่ในระยะของการฟื้นฟูประเทศซึ่งรัฐบาลไทยยังส่งทีมแพทย์ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ทางเนปาลกำหนดให้อย่างต่อเนื่อง
และกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมแผนการช่วยเหลือในระยะยาว

โดย ศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุข หรือ วอร์รูม ได้เสนอแผนพัฒนาสถานีอนามัย ต.ซิปปะกัต อ.สินธุปาลโชค ให้เป็นสถานีอนามัยมิตรภาพไทย-เนปาล

(Friendship Community Health Post Thai-Nepal) เพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขในระยะยาว ความช่วยเหลือครั้งนี้จะดำเนินการสนับสนุนงบประมาณวงเงินประมาณ 5 ล้านบาท ทั้งการพัฒนา

โครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น โดยจะหารือกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขเนปาล เพื่อเสนอ ครม.ต่อไป

ส่วนผลการให้บริการทีมแพทย์ไทย ที่ ต.ซิปปะกัต ตั้งแต่ 30 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2558 ตรวจรักษาผู้ประสบภัยเนปาล รวม 1,026 ราย ผู้ป่วยหนัก 3 ราย ทีมแพทย์เคลื่อนที่ลงสำรวจ 17 ชุมชน

จากทั้งหมด 25 ชุมชน ยังไม่พบโรคระบาด การดำเนินงานของทีมแพทย์ไทยชุดที่ 2 ซึ่งเริ่มปฏิบัติงานแล้ว จะเน้นการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพจิต และสนับสนุนปรับเปลี่ยนประชาชนจากผู้ตก

เป็นเหยื่อให้เป็นผู้ร่วมกอบกู้ฟื้นฟู มีพลังใจและความหวังในการใช้ชีวิต มีส่วนร่วมฟื้นฟูพื้นที่ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
-------------------
หน่วยกู้ภัยเนปาล พบชิ้นส่วนร่างกายกระจายอยู่ตามเชิงเขาในเนปาล ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนถึง 300 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หน่วยกู้ภัย พบชิ้นส่วนร่างกายกระจายอยู่ตามเชิงเขาในเนปาล และนำร่างออกมาได้อีก 6 ศพ จากหมู่บ้านห่างไปทางเหนือของกรุงกาฐมาณฑุ ราว 60 กิโลเมตร แต่

ภารกิจมีอุปสรรค เนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี พบศพราว 100 ศพ ในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดย เจ้าหน้าที่กู้ภัย เผยว่า เราพบอวัยวะมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นแขนขา และชิ้นส่วน

เนื้อหนังกระจัดกระจายในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เนปาล กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดอาจมีจำนวนถึง 300 คน ซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติ 110 คน ด้าน สื่อรัสเซีย รายงาน โดยอ้างฝ่ายประชา

สัมพันธ์ของสถานทูตมอสโก ประจำเนปาล เผยว่า ในบริเวณเดียวกันนี้ พบศพของผู้แทนทูตรัสเซีย 2 คน โดยทั้ง 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ทูตรัสเซียประจำปากีสถาน ขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ยังระดมกำลัง

ค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร และกองหิมะที่ถล่มในช่วงการเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พักอาศัยในหมู่บ้าน ใกล้เส้นทางก่อนที่จะขึ้นปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเจ้า

หน้าที่ประเมินว่า อาจมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคารอีกมากถึง 180 คน รัฐบาลยังสั่งการให้เร่งติดตามหาผู้สูญหายอีกกว่า 36 คน ที่ทำงานใกล้กับโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ทางตอนเหนือของกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่ง

จนถึงขณะนี้ ยังไม่ทราบชะตากรรม
---------------------
ยูนิเซฟ เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด ให้แก่เด็กๆในประเทศ เนปาล เบื้องต้นพบว่า เด็กๆ เหล่านั้น มีความเสี่ยงติดเชื้อง่าย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากกองทุน เพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ เดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด ให้แก่เด็กๆในประเทศ เนปาล โดยตั้งเป้าให้ครอบ

คลุมเด็กราว 500,000 คน ใน 12 เขตที่ประสบภัยพิบัติ ซึ่งคาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้  ก่อนที่เนปาลจะเผชิญฤดูมรสุม ที่อาจยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ และส่งผลกระทบต่อผู้

ประสบภัย ที่ขณะนี้ ยังต้องอาศัยในเต็นท์ที่พักชั่วคราวอีกนับล้านคนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ยูนิเซฟ พบว่า เด็กๆ เหล่านั้น มีความเสี่ยงติดเชื้อง่ายด้าน สมาคมวิศวกรเนปาลกว่า 1 พันคน เร่งเข้าไปตรวจ

สอบบ้านเรือนของประชาชนในกรุงกาฐมาณฑุที่ได้รับความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวเพื่อพิสูจน์ว่ามีความปลอดภัยที่เจ้าของบ้านจะกลับเข้าอยู่อาศัยได้หรือไม่ โดยแต่ละวันทาง

สมาคมได้แจ้งทางโทรศัพท์จากเจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหายเพื่อให้เข้าไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจนถึงขณะนี้มีบ้านที่ได้รับความเสียหายและได้รับการตรวจพิสูจน์ว่าปลอดภัยสำหรับการ

อยู่อาศัยแล้วประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์และยังไม่มีตัวเลขระบุชัดว่าอาคารบ้านเรือนในกรุงกาฐมาณฑุได้รับความเสียหายกี่หลังคาเรือน
------------------
สภากาชาด เนปาล เผยยอดผู้เสียชีวิตเหตุแผ่นดินไหว ขณะนี้ 8,413 ศพ บาดเจ็บว่า 16,390 รายนักวิเคราะห์ชี้อาจมีผู้เสียชีวิตถึง 1 แสนศพ ขณะที่ยังคงเกิดอาฟเตอร์ช็อก ขนาด 4.0 และ 4.2 ริกเตอร์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สภาาชาด เนปาล ได้เปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ พบผู้เสียชีวิตแล้วราว 8,413 ศพ บาดเจ็บกว่า

16,390 ราย เข้ารับการรักษาในรพ.ราว6,080 ราย สูญหาย 384 ราย เป็นชาวเนปาล 271 คน และเป็นชาวต่างชาติ 13 คน ขณะที่มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ  02:33 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิด

อาฟเตอร์ช็อก ขนาด 4.0ริกเตอร์ และอีกครั้ง ขนาด 4.2 ริกเตอร์ เมื่อเวลาประมาณ 07.56น.ตามเวลาท้องถิ่นจุดศูนย์กลางของอาฟเตอร์ช็อกครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ บริเวณ เมือง นูวาก็อต ซึ่งอยู่ทางเหนือของ

เนปาล หนึ่งในย่านที่ได้รับผลกระทบที่เลวร้ายที่สุด แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายเข้ามา

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ เชื่อว่า อาจมี ผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว ถึง 1 แสนศพ หากเทียบจากสำมะโนประชากรซึ่งยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกล


-------------------
เอกอัครราชทูตไทยออกเตือนประชาชนคนไทยที่อยู่ในญี่ปุ่น ห้ามเข้าใกล้หุบเขาโอวาคุดานิและคามิยามะ ย้ำตามข่าวจากญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดหลังกรมอุตุ ญี่ปุ่น ประกาศยกระดับภูเขาไฟระเบิด

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประกาศเตือนคนไทยที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวชาวไทย ห้ามเข้าใกล้บริเวณหุบเขาโอวาคุดานิและคามิยามะ ทางทิศตะวันตกของกรุงโตเกียว

ประมาณ 100 กิโลเมตรหลังจากที่ กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ได้ประกาศยกระดับระวังภัยภูเขาไฟระเบิด จากเดิมระดับ 1 (สถานการณ์ปกติ) ขึ้นเป็นระดับ 2 (จำกัดห้ามเข้าบริเวณพื้นที่เสี่ยง) บริเวณ

โอวาคุดานิ จึงขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงและนักท่องเที่ยว ติดตามข่าวสารจากทางการญี่ปุ่นด้วย

------------------
ศภช.รายงานแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด 5.7 ตามมาตราริกเตอร์ บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเชีย

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) รายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 8 พ.ค. 58 เวลา 10.12 น. แผ่นดินไหวในทะเล ขนาด 5.7 ตามมาตราริกเตอร์ ความลึก 48 กม. บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอิน

โดนีเชีย ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ศภช.จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป
----------------------
รมว.มท.สั่งเฝ้าระวังแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นในไทย ด้าน ปภ. ประสานเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรณีเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.6 ตามมาตราริกเตอร์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม และขนาด 4.5 ตามมาตราริกเตอร์ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม

ที่ผ่านมา โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ในทะเลบริเวณอำเภอเกาะยาว จ.พังงา ทำให้ประชาชนในพื้นที่ จ.พังงา ภูเก็ต และกระบี่ รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย ทั้งนี้ เพื่อเตรียมพร้อม

รับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้จังหวัดเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม มุ่งเน้นการเตรียมพร้อมรับมือ

โดยเฉพาะการตรวจสอบอาคารและสิ่งปลูกสร้าง

ขณะที่ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ประสานให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณ

ภัยจังหวัดพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว เตรียมความพร้อมรับมือแผ่นดินไหว โดยบูรณาการการปฏิบัติงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวโดยเฉพาะอาคารและสิ่งปลูกสร้าง

วางระบบการเฝ้าระวังสถานการณ์และการปฏิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉิน กรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยจากแผ่นดินไหวและอาคารถล่ม
ระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมเชื่อมโยงระบบสื่อสารกลางสำหรับการประสานงานและการสั่งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้

ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจในสถานการณ์ภัยและลดความตื่นตระหนก ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินของภาครัฐ
///////////
-----------------
@ลต.อังกฤษพรรคอนุรักษ์นิยมชนะขาดพรรคแรงงาน’คาเมรอน’จ่อเป็นนายกฯสมัยที่2

ผู้นำพรรคแรงงาน เตรียมลาออก หลังผลสำรวจความเห็นชี้รัฐบาลชนะเลือกตั้งในอังกฤษ

สำนักข่าวการ์เดี้ยน รายงาน นายเอ็ด มิลลิแบนด์ ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จากพรรคแรงงาน เตรียมลาออก เนื่องจากเกิดการโต้แย้งภายในพรรค หลัง เอ็กซิสโพล รายงานผลการ

สำรวจคะแนนเสียง ในการเลือกตั้งระบุว่า พรรคแรงงานสูญเสียที่นั่งในสภา รวมถึงการพ่ายแพ้อย่างราบคาบในสกอตแลนด์ โดยแหล่งข่าวของพรรคให้ข้อมูลว่า กำลังเตรียมที่จะเจรจากับ แฮร์เรียต

ฮาร์มาน ในฐานะรักษาการตำแหน่งผู้นำ ทั้งนี้ ต้นสังกัด เชื่อว่า มิลลิแบนด์ จะนำพรรคก้าวไปอย่างมั่นคง หลังการรณรงค์หาเสียง ที่ปรากฏคะแนนนิยมสูสีกับพรรคอนุรักษ์นิยมก่อนการเลือกตั้ง แต่

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเช้าวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น เริ่มมีการโต้เถียงกันถึงความชัดเจนของพรรคที่ไม่ได้รับคะแนนเสียง ตามความต้องการ โดยโต้เถียงเน้นไปที่ การเดินนโยบายผิดพลาดในสกอตแลนด์

และเหตุผลการล้มเหลวที่พรรคไม่ได้รับแรงสนับสนับสนุน ซึ่งไม่มีสัญญาณบ่งบอกมาก่อนล่วงหน้า

อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่า มิลลิแบนด์ เตรียมลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคแรงงาน ในกรณีที่ แคเมอรอน กลายเป็นผู้นำของรัฐบาลอยู่ก่อนแล้วก็เป็นได้

-------------
ผลเลือกตั้งผู้นำอังกฤษ พรรครัฐบาลคะแนนนำคาดได้ตั้งรัฐบาลผสมหลังประกาศผลทางการวันนี้

ผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งดำเนินมาเกินครึ่งทาง ล่าสุด พรรคอนุรักษ์นิยม ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมอรอน กำลังมีคะแนนนำ โดยมี พรรคแรงงาน ของ

นายเอ็ด มิลลิแบนด์ คู่แข่ง มีคะแนนตามมาติด ๆตามมาด้วย พรรค SNP ที่กวาดที่นั่งอย่างถล่มทลายในสกอตแลนด์ รวม 56 ที่นั่ง จากทั้งหมด 59 ที่นั่ง  

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด พรรคแรงงานได้ออกมาแถลงยอมรับความพ่ายแพ้แล้วท่ามกลางการนับคะแนนที่ยังไม่เสร็จสิ้นและยังไม่มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ โดยกล่าวแสดงความยินดีกับ

รัฐบาลผสม ขณะเดียวกันการนับคะแนนกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด พรรคอนุรักษ์นิยมของนายแคเมอรอน คว้าได้ 288 ที่นั่ง พรรคแรงงาน 218 ที่นั่ง และ พรรค SNP 56 ที่นั่ง คาดว่าการนับ

คะแนนจะเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ พร้อมเผยโผจัดตั้งรัฐบาล
----------------
พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเดวิด มีโอกาสตั้งรัฐบาลเดี่ยวลุ้นอีก 11 ที่นั่งในสภาอังกฤษ

สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์รายงาน เดวิด แคเมอรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ พร้อมสมาชิกพรรค ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป หลังผลการเลือกตั้งที่ประกาศล่าสุดชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยม

สามารถคว้าที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาได้สำเร็จ แม้ว่าการนับคะแนนในวันนี้จะยังไม่เสร็จสิ้น แต่ผลที่ปรากฏแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนำ และ เดวิด แคเมอรอน จะกลับเข้า

มาเป็นผู้นำอังกฤษอีกครั้ง โดยครั้งนี้จะเป็นการก่อตั้งรัฐบาลผสมภายเป็นครั้งแรกของอังกฤษด้วย ขณะที่ทางฝั่งของ มิลลิแบนด์ คู่แข่งจากพรรคแรงงานได้ออกมาประกาศรับความพ่ายแพ้ พร้อม

กับแสดงความยินดีกับรัฐบาลใหม่ ก่อนหน้านี้พร้อมบอกเป็นช่วงเวลาที่น่าผิดหวังของพรรคแรงงานด้วย

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวบีบีซีที่รายงานสดประกาศผลคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้ ระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมคว้าไปแล้ว 315 ที่นั่ง ขณะที่พรรคแรงงานได้ 227 ที่นั่ง และพรรค SNP อยู่ที่ 56 ที่นั่ง

ทั้งนี้ พรรคของแคเมอรอนต้องการอีกเพียง 10 ที่นั่ง เพื่อที่จะจัดตั้งรัฐบาลเดี่ยว


//////////
@ฝนถล่มกรุงลูกเห็บตกน้ำขังหลายจุดรถติด-จนท.ลุยรื้อร้านค้าลำตะคอง
///////////

คำสั่งหัวหน้าคสช.ต่ออายุราชการ'ปานเทพ'นั่งต่อ'ประธานป.ป.ช.'

คำสั่งหัวหน้าคสช.ต่ออายุราชการ'ปานเทพ'นั่งต่อ'ประธานป.ป.ช.'
Cr:แนวหน้า
8 พ.ค.58 คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 12/2558 เรื่อง ให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ อยู่ในตําแหน่งต่อไป

ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 ก.ย.2549 แต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.2549 เป็นต้นไปนั้น

บัดนี้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยประกาศฉบับดังกล่าว กําลังจะพ้นจากตําแหน่งในวันที่ 22 พ.ค.2558 เนื่องจากอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ ในขณะที่กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติอีก 4 คน ได้แก่ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย , นายภักดี โพธิศิริ , นายวิชา มหาคุณ และนายวิชัย วิวิตเสวี ซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยประกาศฉบับเดียวกัน ยังคงอยู่ในตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระ 9 ปี ในวันที่ 21 ก.ย.2558

ดังนั้น เพื่อมิให้ต้องดําเนินการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2 ครั้ง ในเวลาใกล้เคียงกัน อันจะเป็นการสร้างภาระแก่ผู้สนใจสมัครเข้ารับการสรรหาและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย อีกทั้งจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณของประเทศโดยไม่จําเป็น จึงเห็นสมควรให้ดําเนินการสรรหาบุคคล แทนตําแหน่งที่ว่างไปในคราวเดียวกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศและการปฏิรูปองค์กร ตามรัฐธรรมนูญ

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งให้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ดํารงตําแหน่งประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ต่อไปจนถึงวันที่ 21 ก.ย.2558
คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 8 พ.ค.2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ


ปภ.มท.มีนส.เตือนทุกจว.เสี่ยงพร้อมรับมือแผ่นดินไหว

ปภ.มท.ออกหนังสือเตือนหน่วย ปภ.ทุกจังหวัดเสี่ยงแผ่นดินไหว เตรียมความพร้อมในการรับมือการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชน หากแผ่นดินไหวอาคารสูงถล่ม







ไฟเขียวเลื่อนเงินเดือน2ขั้น!ตบรางวัล จนท.ช่วยงานคสช. หลังยึดอำนาจ

ครม. "ประยุทธ์" ไฟเขียวเลื่อนเงินเดือน 2 ขั้น ตบรางวัล ขรก.-จนท. ช่วยงาน คสช.หลังรัฐประหาร 22 พ.ค. เทียบเคียงขอบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น
pyyy
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พ.ค.58  ได้มีมติเห็นชอบเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น  นอกเหนือโควตาปกติ จากงบกลางเพิ่มเติมให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.57-30 ก.ย.58 ซึ่งเป็นการตอบแทนผลการปฏิบัติงานจำนวน 34,421 ราย 
ทั้งนี้ ในเอกสารประกอบการเสนอเรื่องต่อที่ประชุม ครม. ระบุว่า ผลจากความไม่สงบเรียบร้อย ทำให้ คสช.ต้องเข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่ 22 พ.ค.57 โดยปัจจุบันคสช.ได้มอบหมายภารกิจเพิ่มเติมให้กับหน่วยหรือส่วนราชการต่างๆ ร่วมกันบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. รัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อความต้องการของประชาชน 
โดยขั้นตอนการดำเนินงาน คสช.ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐจากส่วนราชการต่างๆ  แยกเป็นสง.ผู้บังคับบัญชา, สลธ.คสช.และหน่วยงานส่วนกลาง จำนวน 2,348 นาย กับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) จำนวน 35,414 นาย รวมทั้งสิ้น 37,762 นาย แยกเป็นข้าราชการประจำการ ซึ่งสามารถพิจารณาบำเหน็จประจำปี เพื่อตอบแทนผลการปฏิบัติงานได้จำนวน 34,421 นาย 
และจากการประชุมบรรยายสรุปประจำวัน ของ สง.ลธ.คสช. เมื่อวันที่ 16 ก.พ.58 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ขอรับการสนับสนุนโควตาบำเหน็จประจำปี (2 ขั้น) เพิ่มเติมร้อยละ 3 ของจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานในคสช. โดยเทียบเคียงในลักษณะเดียวกับการขอบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ซึ่ง คสช.มีมติเห็นชอบในหลักการพิจารณาบำเหน็จความชอบ ตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอเมื่อ 22 ก.ค.57
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก Google

ทหารใช้มาตรา 44 บุก รวบเจ้าหน้าที่อิสราเอลขณะสาธิตอุปกรณ์ดักฟังตำรวจ

Cr:ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 8 พ.ค.58 
ทหารใช้มาตรา 44 บุก รวบเจ้าหน้าที่อิสราเอลขณะสาธิตอุปกรณ์ดักฟังตำรวจ

หลังการข่าวกรองจากสายลับมาว่า จะมีสายลับประเทศอิสราเอล จะเข้ามาล้วงความลับหน่วยงานความมั่นคงไทย ทหารได้จัดกำลังมาซุ่มเฝ้ารอตั้งแต่เวลา 08.00 น.ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ต่อมาเจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนของอิสราเอล จำนวน 9 คน ได้มาสาธิตการใช้เครื่องดักฟัง และการเช็คพิกัด ขณะกำลังสาธิต ทหาร จำนวน 3 คันรถฮัมวี่ รวมกว่า 10 นาย พร้อมอาวุธครบมือ
ได้บุกเข้ารวบตัวเจ้าหน้าที่ชุดอิสราเอลชุดดังกล่าวทันที ้ 

สอบสวนแล้วทั้งหมดเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจเก่า ของอิสลาเอล ทำให้ตำรวจสันติบาลที่อยู่ในห้องประชุมต่างหน้าเสีย ทหารได้มีการชี้แจงว่า เป็นการควบคุมตัวตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ และได้นำเจ้าหน้าที่อิสราเอลทั้งหมดไปควบคุมไว้ที่ พล.ม.2
------------------------------------->
อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจยิว พวกนี้เป็นคนของหน่วยมอสสาด หากเราใช้อุปกรณ์เขา ๆ สามารถดักฟังความเคลื่อนไหว และจับพิกัดของหน่วยงานความมั่นคงของเราที่จะเชื่อมกันได้ทั้งหมด เรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่ประเทศ EU ที่ต่างโดนกันถ้วนหน้า
ไม่เว้นแม้แต่ตัวผู้นำประเทศเยอรมัน ก็โดนมะกันดักฟัง และรู้ขนาดว่าวันนี้ใส่กางเกงในสีอะไร จนมีการขับไล่ CIA มะกันออกจากประเทศภายใน 24 ชั่วโมง..ล่าสุดไฟไหม้อาคารผู้โดยสารสนามบินอิตาลีโดยไม่ทราบสาเหตุ หนีตายอลหม่าน รู้ไหมว่าฝีมือใคร??
@ เสธ น้ำเงิน4
http://www.facebook.com/thailandcoup


เมื่อส่งทหารไปลุยหวย อะไรจะเกิดขึ้น

Cr:ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 7 พ.ค.58 เมื่อส่งทหารไปลุยหวย อะไรจะเกิดขึ้น
ตามที่บิ๊กตู่ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ประกาศใช้มาตรา 44 ปลดคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งยวง และได้แต่งตั้ง บิ๊กแดง รองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้าไปนั่งเป็นประธานบอร์ดกองสลากฯ นั้น ในเดือน มิ.ย.นี้ สัญญาเดิมโควต้าสลากของผู้ที่ได้รับโควตา กว่า 48 ล้านฉบับจะหมดลง
บิ๊กตู่ ได้สั่งการให้ บิ๊กแดง เข้าตรวจสอบผู้ได้รับโควต้าสลาก 74 ล้านฉบับของกองสลากทั้งหมด พบว่าในส่วนโควต้าบริษัทรายใหญ่เครือข่ายเจ๊ ด.แดกทุก
อย่าง กับ บิ๊กเตี้ย 5 แห่ง ได้ 4.8 ล้านฉบับ ส่วนใหญ่จะมาอยู่กับมูลนิธิสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ได้โควตามากเป็นอันดับ 1 ราว 9 ล้านฉบับ
มูลนิธิฯดังกล่าว ได้ก่อตั้งขึ้นในสมัยรัฐบาลไทยไม่รักไทย และต่อมามีการนำเงินรายได้ไปใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนทางการเมือง เผาบ้าน เผาเมือง
และมีการให้โควต้ากับ ธรรมนัส อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อแก็งค์เผาไทย เมียเป็นนายกฯ เทศพะเยา เจ้าแม่แดงแบ่งแยกประเทศ ได้โควต้าสลากอยู่ในอันดับ 2 มีนอมินี ถือโควตาสลากมากถึง 3.2 ล้านฉบับต่องวด และกลุ่มทุนรายใหญ่ แก็งค์การเมืองภาพลักษณ์ดีด้วย
โดยสำนักงานสลากฯ มีรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล 74 ล้านฉบับ
- ขายเหมา ปีละ 65,357 ล้านบาท
- จ่ายให้คนที่ถูกรางวัล 60% (เป็นเงิน 39,214 ล้านบาท)
- มีเงินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน 12,859 ล้านบาท
- ส่งให้หน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้ออกสลากการกุศล 5,441 ล้านบาท
- กันไว้ให้สำนักงานสลากฯ ใช้ในการบริหารและค่าจัดจำหน่ายสลาก 7,843 ล้านบาท
** รวมผลประโยชน์จากการจำหน่ายสลากทั้งในระบบและนอกระบบขายสลากเกินมีเงินสะพัดปีละ 106,037 ล้านบาท
แต่ละปี ยี่ปั้ว-ซาปั้ว มีเงินกำไรจากการขายเกินราคา ปีละกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพราะรับมาจากกองสลากฯ ต้นทุนแค่คู่ละ 72 บาท ..สรุป..อั้งยี่เผาไทย คือ ผู้ที่ทำให้ราคาหวยแพงตลอดมากว่า 10 ปี ...นี่เป็นที่มาของการต้องส่งทหาร มาลุยหวย..อีกไม่นานนัก งานนี้ราบพนาสูญ ตัดท่อน้ำเลี้ยงกันมโหฬาร...วงแตก อีกแล้วครับท่าน
@ เสธ นํ้าเงิน 2
http://www.facebook.com/thailandcoup