PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ถอดคลิป "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" ตอนที่ 8(ช่วงที่พูดถึงหลวงปู่ฯ)

ถอดคลิป "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" ตอนที่ 8(ช่วงที่พูดถึงหลวงปู่ฯ)

สนธิ : "แต่อย่าไปโกรธหลวงปู่" พวกข้าพเจ้าไม่เชื่อเหมือนหลวงปู่ และพวกข้าพเจ้าไม่คิดว่าหลวงปู่ถูก แต่พวกข้าพเจ้าจะไม่โกรธหลวงปู่ ทีนี้ในโซเชียลมีเดียเนี่ยก็เล่นแรงเกินไป ไปด่าหลวงปู่ เป็นหมูเป็นหมา เอารูปตัดต่อมา อันนี้เกินไป ถ้าถามพี่พี่จะบอกว่าท่านหลงทางอยู่ตอนนี้ ท่านไม่เคยรู้เรื่องพลังงาน แต่พอพวกปิยสวัสดิ์เข้าไป ไปออเซาะไปอ้อนท่าน คือพระนี่โดยพื้นฐานพระดีๆจะเริ่มด้วยจุดที่มีความเมตตา คือสรุปง่ายๆว่า ท่านชอบทหาร ท่านชอบประยุทธ์ และท่านเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คสช. จะทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น ในขณะเดียวกันท่านก็เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าสิ่งที่ปิยสวัสดิ์พูดในเรื่อง ปตท. นั้นถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่ท่านเชื่อไง เมื่อท่านเชื่ออย่างงั้น ท่านก็สามารถที่จะรับปากทหารที่จะจัดการในเรื่องนี้ได้ ถามว่าท่านมีเจตนาร้ายต่อชาติมั้ย ท่านไม่มี ท่านเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าสิ่งที่ ปตท.ทำแล้วสิ่งที่ คสช. ทำเนี่ย เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง และพี่เชื่อว่าในชีวิตท่านไม่เคยทำอะไรให้ร้ายต่อชาติบ้านเมือง และพี่เชื่อภาคประชาชน ไม่เชื่อปิยสวัสดิ์ ไม่เชื่อ คสช. เพราะงั้นความเชื่อของพี่ตรงกันข้ามกับท่าน ถามว่าพี่เนี่ยโอเคกับท่านมั้ย พี่ไม่ขัดข้อง ท่านอยากเชื่อแบบนั้นก็ให้ท่านเชื่อไป เป็นสิทธิ แต่วันนึง ธรรมที่แท้จริงจะโผล่ขึ้นมา ก็คือว่าในที่สุดแล้วไอ้ที่ ปตท. มันพูดมาแต่ละข้อแต่ละข้อเนี่ย ในที่สุดมันจะถูกจับโกหกได้หมด ทุกเรื่อง และพี่ก็อยากจะบอกว่าอย่าไปว่าท่าน

ทหารพม่า ไล่สกัดรถสิบล้อบรรทุกปูนซิเมนต์ตราเสือ ขับฝ่าด่านตรวจมุ่งหน้าท่าขี้เหล็กฝั่งไทย


เมื่อเย็นวานนี้ (30 กย.) ทหารพม่า ไล่สกัดรถสิบล้อบรรทุกปูนซิเมนต์ตราเสือ ขับฝ่าด่านตรวจบ้านนายาว อ.เมืองตูม จ.เมืองสาด พม่า ห่างจาก อ.แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ประมาณ 10 กม. โดยรถบรรทุกคันนี้มีชาวไทใหญ่ เป็นคนขับรถ มีกำลังพลสวมเครื่องแบบทหารว้า(UWSA) 1 คนนั่งคู่เบาะหน้า ขับมาจาก บ้านโฮ่ง มุ่งหน้าท่าขี้เหล็ก
.
ทหารพม่า ตรวจสอบรถบรรทุกคันดังกล่าวอย่างละเอียด พบบริเวณพื้นรถบรรทุก ดัดแปลงยกสูงขึ้นทำเป็นช่องลับ ซุกซ่อนเฮโรอีน ชนิดแท่ง รวม 665 แท่ง รวมประมาณ 232.75 ก.ก. มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท
 (ราคาตามแนวชายแดน) และหากผ่านเข้าไทยมาได้ มูลค่าจะเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่า
.
นอกจากนี้ยังยึดอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม.จำนวน 2กระบอก
ปืนลูกซองยาว 1กระบอก
เครื่องยิง M 79 อีก 1กระบอก โดยนำตัวผู้ต้องหา และของกลางทั้งหมดไว้ที่ค่ายทหารราบเขต อำเภอเมืองตูม จังหวัดเมืองสาด พม่า เพื่อสอบสวนและขยายผลต่อไป

สถานการณ์ชาดแดนพม่า..ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ไม่สู้ดี

สถานการณ์ชาดแดนพม่า..
อ.แม่สอด จว.ตาก

(1 ต.ค.) แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือKNU เปิดเผยที่ชายแดนไทย-พม่า ด้านตรงข้ามอ.แม่สอด จ.ตาก ว่าขณะนี้ทหารชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง กำลังรวมกำลังกันใหม่อีกครั้ง เพื่อความเป็นเอกภาพ และอิสรภาพแห่งรัฐกะเหรี่ยง

ล่าสุด นายพลโรเบอร์ ซาน ผู้นำกะเหรี่ยงโกะทูบอว์หรือKKO นายพลบอ จ่อแฮ รองผู้บัญชาการกองทัพสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระหรือKNLA และนายพลเนอดา เมียะ (บุตรชายนายพลโบเมียะ) ผู้นำองค์กรพิทักษ์กะเหรี่ยงแห่งชาติหรือKNDO ได้ตกลงเป็นพันธมิตรกัน และทหารกะเหรี่ยงทุกกลุ่มกำลังพยายามจะไม่เรียกกองกำลังตนเองว่ากองกำลังทหารกะเหรี่ยงพุทธหรือกะเหรี่ยงคริสต์ หรือกะเหรี่ยงที่นับถือลัทธิฤษีอีกต่อไป เพราะไม่ต้องการแบ่งแยกทางศาสนา แต่จะหันมาใช้"กองกำลังทหารกะเหรี่ยงเพื่อเอกราช ภายใต้กฎหมายแห่งรัฐกะเหรี่ยง"

ทั้งนี้เมื่อปีก่อนกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธหรือดีเคบีเอได้เปลี่ยนชื่อจากเดิมคือ "Democratic Karen Buddhist Army" เป็น "Democratic Karen Benevolent Army" โดยคงชื่อย่อเดิมคือ DKBA เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกทางศาสนา

แหล่งข่าวจากนายทหารกะเหรี่ยงระดับสูง กล่าวว่า ช่วงที่มีการสู้รบกันระหว่างทหารรัฐบาลพม่ากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงมีการสูญเสียอย่างมาก เช่น การลอบวางระเบิด การยิงกันเสียชีวิตในจ.เมียวดี โดยการสู้รบเมื่อ 3-4 วันก่อนหน้านี้ ทหารกะเหรี่ยงได้จับกุมทหารพม่าได้ 5 นาย โดยกองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF)และฝ่ายกะเหรี่ยง ได้ตั้งข้อหาฆ่าทหารกะเหรี่ยง ด้วยการยิงและการใช้อาวุธมีดปาดคอ จึงต้องจับกุมเพื่อลงโทษทางกฎหมายแห่งรัฐกะเหรี่ยงต่อไป

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลพม่ากับ 14 ชนกลุ่มน้อยที่เคยลงนามหยุดยิง เพื่อสร้างสันติภาพ และมีกองกำลังชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มแปรสภาพเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดนหรือ BGF เริ่มเปราะบางมากขึ้น ล่าสุดทั้งทหารพม่า และกองกำลังชนกลุ่มน้อย ได้มีการเตรียมการขั้นสูงสุด
ส่วนหนึ่งเพราะทหารพม่ามีการเสริมกำลังเข้าพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงและอื่นๆ ในการสร้างฐานที่มั่นทางทหาร และตัดกำลังฝ่ายชนกลุ่มน้อย เริ่มยึดที่ดิน และไร่นา ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งจนถึงขั้นจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ขั้นแตกหักกันอีกครั้ง

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ยังคงมีการปะทะกันระหว่างทหารพม่ากับกะเหรี่ยง DKBA ในพื้นที่ชายแดนตรงข้ามกับจ.ตาก หลังเกิดการสู้รบกันบริเวณพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจเมียวดี ห่างจากตัวเมืองเข้าไปประมาณ 4-5 กิโบเมตร เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา

โดยล่าสุด วานนี้(30 ก.ย.) ทหารพม่าเสริมกำลังเข้าโจมตีทหารกะเหรี่ยง DKBA ในพื้นที่ตรงข้ามอ.พบพระ มีการสู้รบกันถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการสู้รบระหว่างฝ่ายพม่ากับกะเหรี่ยง DKBA ที่หมู่บ้านไจ๊มะยอ รัฐมอญ เกือบทั้งวัน

และเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็มีรายงานว่ากะเหรี่ยง DKBA ได้ใช้อาวุธปืนอาร์พีจียิงใส่รถยนต์โดยสารพม่า เป็นรถบัสวิ่งสายกอกาเรก-หมู่บ้านใกล้เคียง ในรัฐกะเหรี่ยง ลึกจากชายแดนไทย-พม่า ด้านแม่สอด 60 กิโลเมตร ทำให้ผู้โดยสารรถยนต์ได้รับบาดเจ็บนับสิบคน ในจำนวนนี้สาหัส 4 คน เจ้าหน้าที่ต้องนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลกอกาเรก

ด้านประชาชนชาวพม่าบางกลุ่มไม่ไว้วางใจสถานการณ์ บางส่วนอพยพเข้ามานอนกับญาติพี่น้องในเขต อ.แม่สอด เพราะเกรงว่าฝ่ายกะเหรี่ยงจะบุกเผาเมืองเมียวดีอย่างที่เคยทำมาในอดีต

"แม่ทัพ1” ยัน ไม่มีการปฏิวัติซ้อน พรัอมดูแลรัฐบาล ยันฟัง ยึดถือ-เชื่อมั่น นายกฯประยุทธ์


"แม่ทัพ1” ยัน ไม่มีการปฏิวัติซ้อน พรัอมดูแลรัฐบาล ยันฟัง ยึดถือ-เชื่อมั่น นายกฯประยุทธ์-ผบ.ทบ. ชี้ เดินหน้าปรองดองสมานฉันท์ ควบคู่ การปฏิรูป

พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาค 1 และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.)
ได้รับมอบหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 1 จาก พลเอก ธีรชัย นาควานิช ที่ขยับขึ้น ผช.ผบ.ทบ.

สำหรับการยกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่หรือไม่ นั้น พล.ท.กัมปนาท กล่าวว่า ขอรับนโยบายจากทาง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ในวันที่ 6 ต.ค. นี้ก่อน หลังจากทันมอบนโยบายแล้วให้ตนมาประชุมที่กองทัพภาค ว่าจะดำเนินการไปอย่างไร

สำหรับการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบาย ขอให้ทางรัฐบาล และผู้บังคับบัญชาสั่งมา ทางเราพร้อมปฏิบัติ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมดุล เรื่องความมั่นคง เรื่องการปรองดอง เรื่องการปฏิรูป เพื่อให้ประเทศเดินไปได้

สิ่งที่สำคัญคือ สถาบันฯ ผมยอมไม่ได้เพราะเป็นสถาบันฯสูงสุด ทางกองทัพภาคที่ 1 ที่รับผิดชอบหลักจะต้องดำเนินการ เพราะฉะนั้นใครที่มาก้าวล่วงตนยอมไม่ได้

เมื่อถามว่า พล.อ.อุดมเดช ผบ.ทบ. ท่านใหม่ ออกมาพูดชัดว่าไม่มีการปฏิวัติ นั้น ในฐานะกองทัพภาคที่ 1 ที่ดูแลพื้นที่ภาคกลาง และปริมณฑล มองว่าอย่างไร พล.อ.กัมปนาท กล่าวว่า ผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และทหารอาชีพ เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้นผบ.ทบ. พูดอย่างไรก็ตามนั้น

"ยืนยันว่าไม่มีการปฏิวัติอย่างแน่นนอน และยึดมั่นในสายการบังคับบัญชาของตน ทั้งนายกฯและผบ.ทบ."

พลโท กัมปนาท กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก ที่สนองตอบต่อนโยบาย ต่อ ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งในตอนนี้กองทัพภาคที่ 1 มีบทบาท หลายบาท ซึ่งบทบาทที่ขึ้นตรงกับทางกองทัพบก

ในฐานะที่เป็นกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เพราะฉะนั้นภารกิจของกองทัพภาคที่ 1 จะต้องดำเนินการทั้ง 2 ส่วนให้สมดุลกัน และรักษามาตรฐานไว้ให้ได้

โดย หน้าที่หลัก มี 2 เรื่อง คือ 1.การเตรียมกำลังพล จะต้องให้กำลังพลมีความพร้อมรบ สูงสุดตามนโยบายของทางผู้บังคับบัญขา

2. การใช้กำลังในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งภารกิจของทางกองทัพบก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการป้องกันประเทศ การป้องกันชายแดน การรักษาความมั่นคงภายใน การรักษาความสงบเรียบร้อย

ที่สำคัญคือ งานรักษาความสงบตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องรักษาสมดุลที่ทางหัวหน้าคสช.ได้ให้นโยบายไว้

“ท่านพูดเสมอมว่าเราต้องรักษาสมดุลให้ได้ ระหว่างการบริหารราชการแผ่นดิน และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการปฏิรูป"

พลโท กัมปนาท กล่าวว่า ทั้ง 3 เรื่อง เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทางหัวหน้า คสช. ได้มอบหมายไว้ ก่อนที่ผมจะมารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ผมเคยนั่งอยู่ข้างบนในการบริหารสั่งการ เวลานี้มาอยู่ข้างล่าง จะต้องเป็นผู้ที่มาขับเคลื่อนงานต่างๆ ตามนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ดังนั้นผมก็ต้องมารับภารต่อจากท่านแม่ทัพภาคที่ 1 ท่านที่แล้ว เพื่อมาดำเนินการ โดยนโยบายทุกเรื่องผมรับตรงมาจากผู้บัญชาการทหารบก” พล.อ.กัมปนาท กล่าว

เมื่อถามว่า ในเรื่องของงานปรองดองสมานฉันท์ จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร หรือดำเนินการใกล้จะสำเร็จแล้ว พล.ท.กัมปนาท กล่าวว่า การปรองดองสมานฉันท์ ต้องใช้เวลา และมีความต่อเนื่อง เวลานี้ตนได้รับนโยบาย ที่ต้องลงมาสานต่อในระดับข้างล่างให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เรายังเดินหน้าทำต่อไป ถ้าเราสร้างความปรองดองไม่ได้ ทุกอย่างที่เราทำกันมาก็จะกลับไปอยู่จุดเดิม มันไม่เกิดประโยชน์ ท่านจะปฏิรูปอย่างไรก็ตามถ้าประชาชนไม่มีความปรองดองสมานฉันท์ ที่เราทำมาก็สูญเปล่า นั้นคือ ปัญหาที่เกิดขึ้นมา

เพราะฉะนั้นเราต้องเดิน เพื่อสร้างให้คนไทย มีความปรองดองสมานฉันท์กัน การทำงานที่ผ่านมา มีความคืบหน้าที่ไปมาก ตนทำงานปรองดองมา 4 เดือน แล้วปีหน้าก็ยังคงเดินต่อไป สำหรับเวทีปรองดองสมานฉันท์ ที่ตนรับผิดชอบ ก็จะทำคู่ขนานไปกับสภาปฏิรูป

เมื่อถามว่า ในส่วนของนักวิชาการที่พยายามออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ในเรื่องการเมือง ตรงนี้มองว่าอย่างไร พล.อ.กัมปนาท กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องนโยบาย ของทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ทางเราเป็นหน่วยปฏิบัติ โดยเฉพาะตัวตนเองนั้นเป็น ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) ที่คุมกองกำลังทั้ง 4 กองทัพภาค ก็ต้องรับนโยบายจากผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้รับนโยบายจากหัวหน้าคสช. ที่จะดำเนินการ

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีความมุ่งหมายที่จะทำให้คนไทยเกิดความปรองดองสมานฉันท์ นี้คือหัวใจ ซึ่งทางหัวหน้าคสช. ได้เน้นย้ำมาตลอดว่าทำอย่างไรให้คนไทย กลับมารักและสามัคคีเหมือนเดิม ตนจึงได้รับมอบหมายให้ลงมาขับเคลื่อนให้เกิดรูปธรรมมากที่สุด

ส.ส.ฝ่ายค้านกางร่ม กลางงานผู้บริหารฉลองวันชาติจีน

กางร่ม ?
กลางงานผู้บริหารฉลองวันชาติจีน

ร่มสีเหลืองโผล่! กลางงานฉลองวันชาติจีนของผู้บริหารฮ่องกง ด้าน ส.ส.ฝ่ายค้าน ตะโกนสนับสนุนการชุมนุม

สำนักข่าวบีบีซีและเอเอฟพีรายงานว่า วันที่ 1 ต.ค. ตรงกับวันชาติจีน ท่ามกลางการประท้วงของกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง นายเหลียง ชุนอิง หัวหน้าคณะบริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวในงานฉลองของผู้บริหารฮ่องกงเรียกร้องให้คนฮ่องกงร่วมมือกับรัฐบาลจีนเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้า ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว นายพอล ซิมเมอร์แมน สมาชิกสภาเขต กางร่มสีเหลืองออกมาเพื่อสนับสนุนผู้ประท้วง
โดยขณะที่ นายเหลียง ชุนอิง กล่าวจบและเตรียมชนแก้วกับนายจาง เสี่ยวหมิง เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากจีนประจำฮ่องกงพร้อมกับนายทหารจีนอีก 2 นาย นายพอล ซิมเมอร์แมน สมาชิกสภาเขต จึงกางร่มสีเหลืองออกมาเพื่อสนับสนุนผู้ประท้วง ส่วน นายเหลียง กว็อก ฮุง ส.ส.ฝ่ายค้านเจ้าของฉายา “ไอ้หนุ่มผมยาว” ก็ถูกเจ้าหน้าคุมตัวให้ออกไปจากพื้นที่ หลังจากตะโกนก่อนที่เพลงชาติจีนจะดังขึ้นว่า “ฮ่องกงต้องการการเลือกตั้งที่แท้จริง เหลียง ชุนอิงจงออกไป”

ส่วนการชุมนุมในย่านธุรกิจ แกนนำการชุมนุมประกาศว่าวันหยุดฉลองวันชาติจีน 2 วันนี้ จำนวนผู้ชุมนุมประท้วงจะเพิ่มขึ้นและมีมากที่สุดเท่าที่มีการประท้วงมา กลุ่มผู้ประท้วงยังโห่ร้องล้อเลียนระหว่างที่มีการชักธงชาติจีนและฮ่องกงขึ้นสู่ยอดเสาที่จัตุรัสโบฮีเนียในฮ่องกงเพื่อฉลองวันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนครบ 65 ปี

จาก Joshua Wong นศ.ฮ่องกงถึง เนติวิทย์


Anna Jill ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 3 รูป
Occupy Central .....กำลังจะลามมาไทย มีการเตรียมการแล้ว ปั้น เนติวิทย์ เกรียนแห่งยุค ให้เป็นเหมือน Joshua Wong ผู้นำการประท้วง เรียกร้องประชาธิปไตย ในฮ่องกง ที่เป็นนักศึกษา อายุ 17 ปี ซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายกัน และอายุใกล้เคียงกัน หากเนติวิทย์ ยอมตัวเป็นหุ่นเชิด อนาคตคงไม่มีแผ่นดินอยู่ ขณะที่ Wong จีนจับขังคุกลืมแน่

Joshua Wong ออกมาต่อกร กับคอมมิวนิสต์จีนแผ่นดินใหญ่ ผลงานการปลุกปั้นของบรรดานักวิชาเกิน ที่สวมบทอาจารย์ รับเงินจากสหรัฐฯ ขณะอายุ 15 Wong เป็นนักเรียนอยู่ที่ The United Christian College . ได้ร่วมกับพวกตั้งกลุ่ม Scholarism . ทำการต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่จะบรรจุหลักสูตรรักชาติ รักวัฒนธรรมจีน ตามอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ... "National and Moral Education" เข้ามาสอนนักเรียนนักศึกษาฮ่องกง...สู้ครั้งนั้น กลุ่ม Scholarism .ชนะ รัฐบาลฮ่องกงยอมหยุด 

จากนั้น Wong เข้าเป็นนักศึกษา The Open University of Hong Kong ขณะที่ ประชาชนฮ่องกงทั้งเกาะ จัดให้มีการลงประชามติกันเอง ขอให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน ให้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ประชาชนฮ่องกง มากกว่าที่เป็นอยู่ แต่จีนไม่ให้ Wong ลุกขึ้นเป็นผู้นำนักศึกษาจัดชุมนุมประท้วง

Joshua Wong ถูกจับแล้วเมื่อคืน 26 ก.ย 14 ขณะที่นักศึกษากลุ่มหนึ่งราว 60 คนบุกทะลวงเข้าไป ในอาคารรัฐบาลฮ่องกง ในย่านเซ็นทรัล แต่ข่าวก็ไม่ได้แจ้งว่า Wong บุกเข้าตึกด้วยหรือไม่ ยืนยันแค่ว่าถูกจับไปแล้ว ในขณะที่ ทางการฮ่องกง ยังไม่ได้แถลงอะไรออกมา

แม้ Wong ถูกจับไปแล้ว "Benny Tai " ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Occupy Central ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำใหม่ 28 ก.ย. 14 นักศึกษาที่ชุมนุมกันอยู่ในย่านเซ็นทรัล ล้อมรอบอาคาร ที่ทำการรัฐบาล... Occupy Central .ซึ่งเป็นย่านการค้าที่หรูหรา และแพงมากของฮ่องกง ได้ร่วมกันประกาศจะใช้ยุทธวิธี "อารยะขัดขืน" ชุมนุมต่อไปจนกว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีน จะยินยอมมอบประชาธิปไตย อันสมบูรณ์แบบให้ชาวฮ่องกง และมีแผนจะ shut down the heart of the global financial hub. อีกหลายพื้นที่ .........ใครเลียนแบบใครกันนะ คงต้นแบบ มะกัน วางแผนให้ทั้งไทย และฺฮ่องกง

เปลว สีเงิน :'จะปราบโจร...ไยทำเยี่ยงโจร?'

เปลว สีเงิน
'จะปราบโจร...ไยทำเยี่ยงโจร?'

อืมมมม....เมื่อสิ้นปีราชการ "หัวโขน" ของใครต่อของใคร ถึงไม่อยากถอด "ก็ต้องถอด" วางกันเกลื่อน ที่ถอดแล้วมี "หัวใหม่" อย่างขุนทหารในคณะ คสช.-สนช.-สปช.ก็ชูคอเต้นกันต่อไป
ครับ...ก็บทใคร-บทมัน อย่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถอดหัวโขนข้าราชการทหารในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ก็สวมหัวโขนข้าราชการการเมือง ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ
แต่บางคน สวม ๒ หัวพร้อมกันก็มี คือยังอยู่ในราชการ ก็มาสวมหัวโขนรัฐมนตรีบ้าง สนช.บ้าง สปช.ที่จะประกาศวัน-สองวันนี้บ้าง
ก็ "เพื่อชาติ" น่ะ!
เป็นไปตามยุค-ตามสมัย ยุคนี้เป็นยุคทหารเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ เพื่อจัดระเบียบการเมืองและสังคมที่เละเทะ-เหลวแหลก จากระบอบทักษิณ ยุคยิ่งลักษณ์ ให้เข้ารูป-เข้ารอย 
ทหาร เขาก็ต้องใช้ระบบทหาร ออกกฎเกณฑ์แบบทหาร และเอาทหาร-ข้าราชการพลเรือน เข้ามาเป็นมือ-เป็นเท้าในการทำงานเฉพาะกิจ เป็นธรรมดา
เมื่อเขาอาสาเข้ามา ก็ต้องให้โอกาสเขา ทุกอย่างอยู่ที่ "สุจริตแห่งเจตนา" มากกว่า "รูปแบบอำพราง"!

เมื่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว ให้ข้าราชการประจำดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ฉะนั้น ใครจะสวมหมวก ๒ ใบ ๓ ใบ ต้องให้เขา 
เพราะ "กฎหมายไม่ห้าม"!
อย่าเพ่งเล็งแต่นักการเมืองระบบทหารเลย พวกครู-อาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐก็เหมือนกัน ทำไปครหา-นินทาเขาดีไปเถอะ
ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองบ้าง เป็นอาจารย์ประจำที่หนึ่ง แต่แรดไปหาลำไพ่-ไปเป็นที่ปรึกษาอีกที่หนึ่ง บางคนตั้ง ๒-๓ ที่ บางคน-บางที สวมหมวกนักธุรกิจ-พ่อค้าขายสินค้า "ภาพนักวิชาการตัวเอง" ตามตลาดการเมือง!

ดังนั้น ในส่วนของ คสช.ใครจะสวมกี่ใบก็ช่าง ข้อสำคัญอยู่ตรงที่ว่า "สวมหมวกใบไหนทำหน้าที่" ก็ต้องเคารพ-เอื้อเฟื้อ ด้วยอยู่ในกฎกติกาที่บัญญัติไว้สำหรับคนสวมหมวกใบนั้นด้วยเท่านั้น!
ก็อยากจะบอกว่า.....
ขอให้สิ่งที่ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๒๘ คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตข้าราชการทหาร นำโดย "พลเอกนพดล อินทปัญญา" แสดงออกนั้น เป็นการแสดงออกครั้งสุดท้ายเถอะอย่าให้มีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเลย!
คือการพยายามทำเป็น "อภิสิทธิ์ชน" เหนือกฎหมายป.ป.ช.ที่ให้ ส.ส.-ส.ว.แสดงและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน แต่ไม่ยอม และไปฟ้องร้อง ป.ป.ช.ต่อศาลปกครองน่ะ!
จะอ้างแก้เกี้ยวว่า เพื่อต้องการให้ศาลชี้ขาดเป็นบรรทัดฐาน ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการแสดงบัญชีทรัพย์สิน หรืออ้างล้วนเป็นคนเกษียณ เฒ่าชะแร-แก่ชรา จนจำไม่ได้ว่าซุกทรัพย์สินไว้บ้านไหน-ตรงไหน-อะไรบ้าง จึงยากต่อการนำมาแจงบัญชี
กระทั่งอ้างว่า พวกท่านอาสาเข้ามาช่วยบ้าน-ช่วยเมือง ตำแหน่ง สนช.ไม่ใช่ตำแหน่งนักการเมือง ฉะนั้น ไม่ต้องแจงบัญชีทรัพย์สิน ต่างๆ นานา นั้น ท่านอ้างได้....แต่สังคม "รับไม่ได้" ครับ!
เมื่อศาลปกครองสูงสุด ยืนยันตามศาลปกครองกลางที่เคยตัดสินไปแล้ว คือไม่รับคำฟ้องท่านเมื่อวานนี้ (๓๐ ก.ย.๕๗)
ขอให้เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำแค่นั้นเถอะ อย่าวอแวหรือมีปฏิกิริยาอะไรต่ออีกเลย ก็ด้วยหวังดีต่อท่าน
และต่อภาพรวม "รัฐบาล คสช." จริงๆ!
ขืนเกี่ยงงอน ยกโน่น-อ้างนี่ขึ้นมาอีก กฎหมายไม่มีหัวใจ...ก็จริง แต่ประชาชนที่รับรู้-รับเห็น ล้วนมีหัวใจ
เหล่าท่านอาจทำเหนือกฎหมายได้ 
แต่จะเหนือ "ความรู้สึก-นึกคิด" ประชาชนไม่ได้!

ที่เปราะบาง และขอเตือน ทุกวันนี้ คำว่า "รัฐบาลทหาร-รัฐบาลเผด็จการ-รัฐบาล คสช."มันเป็นกรวดในรองเท้าแห่งศรัทธาบริสุทธิ์ของพลเอกประยุทธ์ ทุกย่างก้าวนำประเทศไปสู่อนาคตใหม่ ทำให้ท่านต้องเดินไม่กระฉับกระเฉงอยู่แล้ว
แล้วกะอีแค่แสดงบัญชีทรัพย์สิน ในฐานะ สนช.ที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวระบุชัดว่า คือ ส.ส.-ส.ว.
ทำไมต้องเกี่ยงงอน?
นายกฯ ประยุทธ์ประกาศชัด หนึ่งในเป้าหมายปฏิวัติ คือล้างทุจริต-คอร์รัปชันในวงราชการและการเมือง
แต่คนที่เข้ามาช่วยล้าง คือ สนช. "คณะพรรคพลเอกประยุทธ์" กลับหลุกหลิก ส่ออาการว่ามอมแมม แค่ให้ทำความสะอาดร่างกายก่อน กลับอ้างโน่น-เกี่ยงนี่
แบบนี้...คสช.มันก็เจ๊งน่ะซี้!
๒๘ สนช.อาจไม่เจ๊ง เก็บจอ แล้วก็ถลกตูด.....
แต่ภาพรวม "รัฐบาล คสช." ภาพรวม "เผด็จการทหาร" โดยเฉพาะตัวท่านนายกฯ ประยุทธ์ ผู้เป็นหัวหน้าคณะ
เจ๊งแน่!
เจ๊งด้วย "เสื่อมศรัทธา" ทั้งน่ารังเกียจ ทั้งน่าขยะแขยง ในสายตาและความรู้สึกประชาชน ที่เหล่าท่านเข้ามาเอาตำแหน่ง เอาลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข ด้วยอำนาจทหาร "ข้ามอำนาจ" รัฐสภา
เมื่อข้ามแดนอำนาจหนึ่งสู่อำนาจหนึ่ง กลับไม่เคารพ ไม่เอื้อเฟื้อต่อกฎกติกาในแดนอำนาจการเมืองที่เหล่าท่านเข้ามา จะถือเป็นมังกรข้ามถิ่นนั้น ถือได้ 
แต่ทราบใช่มั้ย...?

เมื่อข้ามถิ่นแล้วทำใหญ่ ไม่เกรงใจ ไม่ให้เกียรติ "งูดิน" อันเป็นงูเจ้าถิ่น มังกรก็เกล็ดแห้งตายได้ เห็นอยู่ถมไปมิใช่หรือ?
การแสดงบัญชีทรัพย์สินนั้น ภาพนอกคือข้อบัญญัติเป็นกฎหมาย ป.ป.ช. แต่ภาพอันเป็นเนื้อใน ....
คือ การแสดงความโปร่งใส-สุจริต-จริงใจ ต่อประชาชน "เจ้าของประเทศ" อันเป็นผู้จ่ายเสียภาษีเลี้ยงดูระบบ-ระบอบทั้งหมด ที่เหล่าท่านผยองศักดิ์อยู่
ให้เกียรติเหล่าผม คือประชาชนผู้เป็น "งูดิน" หน่อยเถอะครับท่านนายพล ผู้เป็น สนช.ทั้ง ๒๘ ท่าน
มีใครบ้างล่ะ....สนช.ที่ยื่นฟ้องคดีต่อ ป.ป.ช.ทั้ง ๒๘ คนน่ะ ขออนุญาตลอกจากเว็บไซต์ไทยรัฐเขาหน่อยละกัน
พล.อ.นพดล อินทปัญญา, พ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต, นายสุธรรม พันธุศักดิ์, นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์, นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน, พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย, นายชัชวาล อภิบาลศรี พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์, นายประมุท สูตะบุตร, พล.อ.จิรพงศ์ วรรณรัตน์, พล.อ.ไตรรัตน์ รังคะรัตน, นายธำรง ทัศนาญชลี, นางสุวิมล ภูมิสิงหราช, พล.อ.ชยุติ สุวรรณมาศ นายศรีศักดิ์ ว่องส่งสาร, พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ, พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์, พล.อ.โสภณ ศีลพิพัฒน์
พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์, พล.อ.วิลาศ อรุณศรี, พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ, พล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา, นายธานี อ่อนละเอียด, พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ และ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์
ครับ...ก็พูดคุยกันแค่นี้ ขี้เกียจยกข้อกฎบัตร-กฎหมายมาอ้าง ท่านใดต้องการรู้ละเอียด หาอ่านเอาจากคำสั่งศาลปกครองสูงสุดทางหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ได้ ศาลท่านแจงไว้ยิบ
ในความเห็นผม ยิ่งเป็นรัฐบาลทหาร ยิ่งถูกสังคมเพ่งเล็ง ทั้งด้านโปร่งใส และด้านการใช้อำนาจ
ฉะนั้น สิ่งใดก็ตาม ทำแล้วบ่งบอกถึงประชาธิปไตย บ่งบอกถึงโปร่งใส ตรวจสอบได้ บ่งบอกถึง "เห็นหัวประชาชน"
ทำไปเถอะ ถึงกฎหมายไม่บอกให้ต้องทำ แต่ทำแล้วแสดงถึงจิตสำนึกบริสุทธิ์ของคนในระบอบเผด็จการ มันจะยิ่งเด่น ยิ่งสะสุดตา ยิ่งสวยงาม เป็นความคมชัด....."เผด็จการ" ตัดภาพ "ประชาธิปไตยโจร"
ขาดกระจุย!

อย่างวานซืน ประธาน สนช. "นายพรเพชร วิชิตชลชัย" ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ คืน ป.ป.ช.
คำว่า "ตีกลับ" ไม่ใช่ สนช.ภายใต้รัฐบาล คสช.ออกเหลี่ยม-ออกลาย ไม่ถอดถอนคนรัฐบาลยิ่งลักษณ์หรอก แต่เป็นการตีกลับตามขั้นตอนกฎหมายน่ะ
ที่ยื่นไว้เดิม ยื่นตามรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่ง ตอนนี้มันเป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราว ก็ต้องให้ ป.ป.ช.ไปอัพเกรดตามโปรแกรมใหม่ ก็ประมาณนั้น
นี่ ป.ป.ช.ก็ส่งเรื่องกลับไปแล้วเมื่อวาน (๓๐ ก.ย.) โดยสรุป...ให้ถอดถอน "นิคม-สมศักดิ์"
ที่เหน็บชายโครงยิ่งลักษณ์ และอดีต ส.ว. ๓๙ ราย รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคนอื่นๆ ให้สะดุ้ง-สะดิ้งไปด้วย คือ ป.ป.ช. ยังมีมติเป็นหลักการเกี่ยวกับกรณีถอดถอนด้วยว่า หากเป็นการกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหาส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่นตามมาตรา ๕๘ แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒
"อยู่ในอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช.ที่จะไต่สวนต่อไป" 
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ รวบรวมข้อมูล เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาอีกครั้ง!
นี่แสดงถึง จริงจัง-จริงใจ ยึดกฎหมาย "ตรงมา-ตรงไป" ของรัฐบาล คสช. ไม่ใช้อำนาจเผด็จการแบบเกรงว่า "ลูบหน้าทักษิณ แล้วจะปะจมูกยิ่งลักษณ์"
เอ้า...สมุนทั้งหลาย โตๆ จนต้องกลับมาใส่แพมเพิร์สกันแล้ว อย่าซน... อย่าเที่ยวชักใบให้เรือประยุทธ์เป๋อีกล่ะ!

ข่าว ปฏิวัติซ้อน ตอน"บิ๊กบัง"

กองทัพภาค 2 โต้กระแสข่าวลือ'ปฏิวัติซ้อน' 

กองทัพภาค 2 ปฏิเสธข่าวลือ "ปฏิวัติซ้อน" ย้ำไม่เคยมีความคิดแตกแยกกับ ผบ.ทบ.และ คณะปฏิรูปการปกครองฯ เผยสาเหตุที่ไม่ส่งกำลังพลและอาวุธยุทธโธปกรณ์เข้าร่วมเพราะ คปค.เข้ายึดอำนาจอย่างสันติ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : (22 ก.ย.)ที่สโมสรร่วมเริงไชย กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา พล.ต.ธีระศักดิ์ ฤทธิวงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พ.อ.คมสัน มานวกุล รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.พจน์ เหรียญมณี ผู้บัญชาการมลฑลทหารบกที่ 21 ได้เชิญสื่อมวลชน จ.นครราชสีมา ทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น ร่วมแถลงข่าว 

ทั้งนี้เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จากการปฏิรูปของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) จากการนำของ พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน ผบ.ทบ.เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกัน 

รวมทั้งเพื่อป้องกันการรับทราบข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือไม่เป็นความจริง ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความไม่เข้าใจและเกิดความขัดแย้งในสังคมได้ 

ทั้งนี้หลังจากที่ พล.ต.ธีระศักดิ์ ได้ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการปฏิวัติของคณะปฏิรูปการปกครองแล้ว จึงเปิดโอกาสให้สื่อมวลชมร่วมตั้งคำถามที่สงสัยต่อการปฏิวัติฯพร้อมทั้งได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงและอุดมการณ์ให้ทราบอย่างชัดเจนอีกด้วย 

รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการของคณะปฏิรูปการปกครองนั้น ส่วนใหญ่เป็นการดำเนินการในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยจะมีกำลังพลจากหน่วยทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 3 เป็นหลัก 

แต่ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 จะเป็นการเตรียมพร้อมในที่ตั้ง และรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับตำรวจ และฝ่ายปกครอง 

โดยมีการตั้งจุดตรวจในหลายพื้นที่ เช่น จ.นครราชสีมา ได้ตั้งจุดตรวจบริเวณสี่แยกอวยชัย อ.ปักธงชัย และบริเวณท่าอากาศยาน จ.นครราชสีมา อ.เฉลิมพระเกียรติ รวมทั้งจัดชุดเคลื่อนที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตรวจดูความสงบเรียบร้อยในสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งอาจจะกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนบ้าง 

ทั้งนี้ เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และเพื่อให้ประชาชนได้ดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามปกติสุขตามที่เคยปฏิบัติมา โดยจะดำเนินการให้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด 

จากสถานการณ์บ้านเมือง และเหตุผลความจำเป็นของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตตริย์ทรงเป็นประมุข กองทัพภาคที่ 2 และกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 2  จึงขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนทุกแขนง ได้ช่วยประชาสัมพันธ์ และนำเสนอข่าวให้ตรงกับข้อเท็จจริง ถูกต้อง สร้างสรรค์ เป็นกลาง ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างกว้างขวาง 

โดยยึดถือผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ รวมทั้งขอให้ติดตามข่าวสาร ประกาศและแถลงการณ์ของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อนำเสนอข่าวสารในลักษณะสร้างสรรค์และเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองต่อไป สำหรับการนำเสนอข้อความในลักษณะที่เป็นข้อคิดเห็นข่าวลือหรือทั้งที่ไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน ขอให้หลีกเลี่ยงการนำเสนอด้วย 

รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีกระแสข่าวเมื่อคืนนี้ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา มีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ได้เคลื่อนพลเข้าไปกรุงเทพฯ เพื่อร่วมปฏิวัตินั้นว่า ตนขอยืนยัน และไม่เคยบิดเบือนทุกเรื่องที่กล่าวมา โดยกำลังพลทหารที่เดินทางเมื่อคืนนี้ เป็นกำลังพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้กลับมาพักก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ปฏิรูปการปกครองฯ

ขณะเดียวกันก็เป็นวันครบกำหนดที่กำลังทหารจะต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่อที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเป็นกำลังพลทหารของ ร.16 พัน 2 ค่ายบดินทร์เดชา จ.ยโสธร และ ระหว่างที่ทหารดังกล่าวได้เช่าเหมารถเดินทางมาถึงด่านตรวจที่ จ.นครราชสีมา กองทัพภาคที่ 2 เกรงว่าจะเกิดข่าวไม่ดีขึ้น จึงได้สั่งให้ทหารดังกล่าวเข้ามาพักภายในกองทัพภาคที่ 2 ก่อนและให้เดินทางต่อเมื่อเช้านี้ (22 ก.ย.) ในเวลา 05.00 น.

" ยืนยันว่าไม่ใช่กำลังพลที่จะเดินทางไปร่วมก่อการปฏิวัติที่กรุงเทพฯ แต่อย่างใด "

ส่วนกระแสข่าวลือที่ว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความขัดแย้งและ แบ่งเป็น 2 ฝ่ายนั้นขอยืนยันอีกว่า กองทัพภาคที่ 2 มีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีความแตกแยก ปฏิบัติหน้าที่อย่างสง่างาม และ ข่าวลือเรื่องการปฏิวัติซ้อนนั้น ตนก็ขอยืนยันอีกว่าไม่เป็นความจริง กองทัพภาคที่ 2 มีแต่ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวและเป็นกองทัพแรกของโลกที่สามารถเอาชนะคอมมิวนิสต์ได้ และจะไม่มีการปฏิวัติซ้อนอย่างเด็ดขาด 

"การปฏิวัติเมื่อครั้งก่อน ทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ได้เข้าไปสมทบ เนื่องจากว่าการปฏิวัติครั้งแรกในครั้งนั้นไม่สำเร็จจึงต้องให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าไปสนับสนุน แต่ครั้งนี้การเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลของคณะปฏิรูปการปกครองฯ ทำได้สำเร็จจึงไม่มีความจำเป็นที่กองทัพภาคที่ 2 จะต้องนำกำลังพลหรือรถถัง และอาวุธยุทธโธปกรณ์เข้าไปสนับสนุนแต่อย่างใด ขอให้ทราบโดยทั่วกัน และทหารของกองทัพภาคที่ 2 จะไม่มีแนวคิดที่แตกแยกจาก ผบ.ทบ.และ คณะปฏิรูปการปกครองฯแต่อย่างใด" รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว

สถานการณ์ข่าว1ต.ค.57

นายกรัฐมนตรี นั่งประธานประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ปัดตอบทูลเกล้าฯ รายชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด พลเอกระยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เข้าประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมกับรัฐมนตรีอย่างพร้อมเพรียง โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมปฏิเสธการตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการนำรายชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ซึ่งจะครบกำหนดตามที่นายกรัฐมนตรีระบุไว้ คือในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ขอภายหลังการประชุม

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังคงนั่งรถเบนซ์ สีดำ ซึ่งเป็นรถกันกระสุน รุ่น S600 ทะเบียน ญค 1881 แต่ไม่ใช่รถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนรถประจำตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ได้ส่งมอบให้ พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ ภายหลังรับส่งหน้าที่วานนี้
-----------------
นายกฯ ลงนามรายชื่อ สปช. ส่งทูลเกล้าฯ แล้ว ไม่รู้โผหลุด รับถูกบางส่วน อนุมัติหลักการกระตุ้นเศรษฐกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยว่า ได้ลงนามในรายชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. 250 คน เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวเปิดเผยรายชื่อ สปช. ก่อนหน้านี้นั้น ส่วนตัวไม่ทราบว่าหลุดมาได้อย่างไร แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด ส่วนที่การมองว่าไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มนั้น เนื่องจากบางกลุ่มไม่ได้มาสมัคร และย้ำว่าสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือก ได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาเพื่อจัดตั้งคณะทำงาน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ได้อนุมัติหลักการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้งบประมาณกว่าหนึ่งแสนล้านบาท โดยเน้นการซ่อมปรับปรุงมากกว่าการสร้างใหม่ สร้างอาชีพ และรายได้ให้ประชาชน ทั้งนี้ ปัญหาต่าง ๆ จะต้องแก้ไขตามลำดับและเป็นระบบ ซึ่งหวังว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีไปตรวจสอบโครงการต่าง ๆ หากพบการทุจริตจะลงโทษอย่างเด็ดขาด
---------
นายกฯ ห่วงผลกระทบท่องเที่ยว กำชับทุกฝ่ายดูแลเข้มงวด รับ "พล.อ.เปรม" ให้กำลังใจทำงานแก้ปัญหาบ้านเมือง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุรุนแรงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติบ่อยครั้ง ว่า ได้กำชับเรื่องนี้กับทางเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจแล้ว

อย่างไรก็ตาม จะต้องสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังเพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ส่วนปัญหาการประท้วงในฮ่องกงนั้นมองว่าไม่กระทบกับประเทศไทย ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการนำอดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อวานนี้ว่า พล.อ.เปรม ได้ให้กำลังใจในการทำงานแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง พร้อมยืนยันว่าทหารไม่มีความขัดแย้งกัน
-------
นายกฯ สั่งทุกหน่วยงานเร่งผลักดันกฎหมายเสนอต่อ สนช. แก้ความเหลื่อมล้ำ ห่วงสภาพดินฟ้าอากาศ กำชับมหาดไทยดูแลน้ำท่วม-น้ำแล้ง

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันกฎหมายเสนอต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อปรับกฎหมายให้มีความทันสมัย แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ขณะเดียวกันยังให้หน่วยงานต่าง ๆ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ เพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม และช่วยให้มีเงินหมุนเวียนภายในประเทศ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความห่วงใยถึงสภาพอากาศที่มีฝนตกหนักในช่วงนี้ที่ประเมินสถานการณ์ว่า จะมีปริมาณน้ำน้อยกว่าปกติ จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมมาตรการในการป้องกันภัยแล้งในทุกพื้นที่ เช่นเดียวกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้กำกับดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินมาภายในประเทศให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
--------------
มติ ครม.ตั้ง "พล.อ.สกล-พล.อ.จระศักดิ์-พล.อ.อนันตพร-วีระศักดิ์" นั่ง ที่ปรึกษานายกฯ "พล.ต.อ.ชัชวาลย์ " นั่งปลัดยุติธรรม

ร้อยเอกนายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าที่ประชุมมีมติพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย พลเอกสกล ชื่นตระกูล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พลเอกจีระศักดิ์ ชมประสพ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ นายอนุสนธิ์ ชินวรรโณ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรียังมีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงยุติธรรม
-----------
มติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบ 2 ม.ค. 57 เป็นวันหยุดเทศกาลปีใหม่ รวม 5 วัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้วันที่ 2 มกราคม 2557 เป็นวันหยุด ทำให้ประชาชนได้หยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่รวมเป็น 5 วัน คือตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ถึง 4 มกราคม 2558 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว

นอกจากนี้ นายกรัฐมตรี ระบุอีกว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างแก้ปัญหาและควบคุมราคาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งระบบ โดยต้องใช้เวลา เพราะมีความซับซ้อน ซึ่งรัฐจะใช้อำนาจเข้าไปดูแลให้เกิดความเป็นธรรม ยืนยันไม่มีการล็อกหวย ขณะที่เตือนประชาชนอย่างมงายกับการเสี่ยงโชคมากจนเกินไป
/////////
"พล.อ.อ.ประจิน" ส่งมอบหน้าที่ "พล.อ.อ.ตรีทศ" ผบ.ทอ.คนใหม่ ด้านกำลังพล สวนสนามทางอากาศและภาคพื้น

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้บัญชาการทหารอากาศ ประกอบพิธีรับส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้แก่ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศคนใหม่ บริเวณลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูง ข้าราชการของกองทัพอากาศ รวมทั้งผู้ช่วยทูตทหาร เข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง

โดย พล.อ.อ.ประจิน กล่าวในพิธีว่า เป็นหน้าที่ของทหารอากาศทุกคน ที่ต้องช่วยกันสืบสานพัฒนากองทัพอากาศ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากร เพื่อเป็นกองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรมและขอให้ทหารอากาศทุกคนรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีความสามัคคี ยึดมั่นในคุณธรรม เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคง ให้กองทัพอากาศ

ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารอากาศคนใหม่ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเป็นผู้นำกองทัพอากาศให้มีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคงต่อไป

จากนั้น เป็นพิธีสวนสนามทางอากาศ และภาคพื้น ณ ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ
////////
พล.อ.อ.ตรีทศ ผบ.ทอ.คนใหม่ ยันสานต่องานพร้อมหนุนนโยบาย รบ. รักษาอธิปไตย กระชับสัมพันธ์มิตรประเทศ

พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศคนใหม่ ให้สัมภาษณ์ภายหลังกระทำพิธีรับมอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ ว่า จะสานต่องานของผู้บัญชาการทหารอากาศคนเก่า ตามยุทธศาสตร์ของกองทัพ เพื่อเป็นกองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาค และยืนยันว่า กองทัพอากาศ พร้อมสนับสนุนนโยบายการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะภารกิจรักษาอธิปไตยและงานความมั่นคง ขณะเดียวกันผู้บัญชาการทหารอากาศคนใหม่ ยังระบุว่าจะมีการสานต่อในเรื่องแนวทางการกระชับความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ ทั้งนี้ จะให้กำลังพลของกองทัพอากาศ วางตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ในปัจจุบันด้วย
----------
พล.ร.อ.ณรงค์ ส่งมอบหน้าที่ พล.ร.อ.ไกรสร ผบ.ทร.คนใหม่ ขณะกองทหารเกียรติยศ ยิงสลุต 19 นัด เทิดเกียรติ

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม ได้มีการจัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ระหว่าง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะผู้บัญชาการทหารเรือท่านเก่ากับ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือท่านใหม่ โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่จากหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ เข้าร่วมในพิธี ทั้งนี้พิธีเริ่มด้วยการตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ บริเวณลานด้านหน้า กองบัญชาการกองทัพเรือ จากนั้น พล.ร.อ.ณรงค์ ได้มอบการบังคับบัญชา โดยส่งมอบตราประจำตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ และลงนามในสมุดรับส่งหน้าที่ให้แก่ พล.ร.อ.ไกรสร ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม นอกจากนี้ กองทหารเกียรติยศ ได้ยิงสลุต จำนวน 19 นัด เพื่อเทิดเกียรติให้แก่ พล.ร.อ.ณรงค์ ก่อนที่จะอำลาชีวิตการรับราชการ
----------
ผบ.ทร.ใหม่ ยันสานต่องาน พล.ร.อ.ณรงค์ พากองทัพเรือ เป็นอันดับ 1 ประชาคมอาเซียน หนุน รบ. นำประเทศสู่ความสงบ

พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์หลังทำพิธีรับส่งตำแหน่งว่า จะสานต่องานจาก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ในการนำพากองทัพเรือ ให้เป็นที่ยอมรับ และเป็นกองทัพเรืออันดับหนึ่งของประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ พล.ร.อ.ไกรสร ยังกล่าวว่า กองทัพเรือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล พร้อมให้การสนับสนุนในการบริหารจัดการเพื่อให้ประเทศชาติมีความสงบ ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี และสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญรุ่งเรือง แต่ทั้งนี้ ก็คงต้องช่วยกันทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่เพียงกองทัพเรืออย่างเดียว
----------
พล.ท.กัมปนาท ไม่หนักใจ นั่ง มทภ.1 พร้อมสานต่องานมั่นคง ขณะสร้างปรองดองต้องใช้เวลา ยัน ไร้ปฏิวัติซ้อน

พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีรับมอบตำแหน่งจาก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ว่า ไม่หนักใจในการเข้ามารับหน้าที่ โดยพร้อมสานต่องานด้านความมั่นคง การปฏิรูป ความปรองดอง เพื่อรักษาสมดุลของการสร้างความสมานฉันท์ในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเป็นไปตามยโยบายหลักของรัฐบาล

ทั้งนี้ ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา การสร้างความปรองดองคืบหน้าเป็นอย่างมากแต่จะต้องใช้เวลา และหากสามารถทำได้ ประเทศจะไม่ต้องกลับไปจุดเดิมอีก

นอกจากนี้ พล.ท.กัมปนาท กล่าวอีกว่า เชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ยืนยันว่าจะไม่มีการทำปฏิวัติซ้อนแน่นอน

ส่วนการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ขณะนี้ ยังไม่ได้มีการหารือโดยจะต้องได้รับนโยบายจากผู้บังคับบัญชาก่อน จึงมาจะมีนำเรื่องดังกล่าวพูดคุยในการประชุมอีกครั้ง ขณะที่กรณีคลื่นใต้น้ำ ได้มีการติดตามดำเนินการอย่างใกล้ชิด
---------
"พล.อ.ธีรชัย" เผย ถือเป็นเกียรติเคยได้ทำหน้าที่ มทภ.1 ขณะ "พล.อ.กัมปนาท" ยึดนโยบายตามแนวทางปฏิบัติ

บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ล่าสุด มีพิธีรับและส่งมอบหนัาที่ แม่ทัพภาคที่ 1 โดย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ส่งมอบหน้าที่ให้แก่ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ อดีตผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่

โดย พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นเกียรติในการทำหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 1 และสำหรับแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ เป็นผู้ที่มีความสามารถสูง จึงขออวยพรให้มีกำลังใจที่เข้มแข็งพัฒนากองทัพภาคที่ 1 ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

ขณะ พล.ท.กัมปนาท กล่าวว่า จะยึดถือนโยบายตามแนวทางที่ได้ปฏิบัติมาแล้ว และจะพยายามปรับปรุง เสริมสร้างกองทัพภาคที่ 1 ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
--------
จนท. ดูแลความปลอดภัยเข้มงวด ก่อน รมว.กห. นำ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่เข้าพบขอพร "ป๋าเปรม" ในโอกาสรับตำแหน่งใหม่

บรรยากาศบริเวณบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ล่าสุด เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่ามกลางมาตรการในการรักษาความปลอดภัยที่เป็นไปอย่าง
เข้มงวด

ทั้งนี้ ในเวลาประมาณ 16.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนำผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าพบ พล.อ.เปรม เนื่องในโอกาสเข้ารับดำแหน่ง
ประกอบด้วย

พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส.  
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. 
พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. 
พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ.
----------
พล.อ.ประวิตร ประชุมหน่วยงานความมั่นคง เตรียมนำ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ พบ "ป๋าเปรม" โยน คสช. ดูยกเลิกอัยการศึก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกระทรวงด้านความมั่นคง โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยตัวแทนจากกระทรวงด้านความมั่นคง เข้าร่วม

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวว่า ตนเองจะนำผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ในเย็นวันนี้ เนื่องในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และเตรียมเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่ 3 ตุลาคม 2557 นี้ 

ส่วนเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น พล.อ.ประวิตร บอกเป็นหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่จะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม
------------
"พล.อ.ประวิตร" นำผู้นำเหล่าเข้าเยี่ยมคารวะ "พล.อ.เปรม" ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ จนท.เข้มความปลอดภัย ขณะสื่อเกาะติด

บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่สื่อมวลชนต่างเกาะติดความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
----------
พล.อ.เปรม ฝาก ผบ.เหล่าทัพ ทำงานหนุนรัฐบาล ทำเพื่อ ปชช. มอบของที่ระลึกพระสยามเทวาธิราช เนคไทสีแดด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวภายหลังนำผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใหม่เข้าพบว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า พล.อ.เปรม ได้ฝากให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ช่วยสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยขอให้ทำงานเพื่อประชาชน ทำให้ประเทศชาติดีขึ้น ทำให้ประชาชนได้เห็น

ขณะเดียวกันทางผู้บัญชาการเหล่าทัพก็ได้ให้คำมั่นสัญญากับทาง พล.อ.เปรม ว่าจะทำให้ดีที่สุด

ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ได้มอบของที่ระลึกให้กับ พล.อ.ประวิตร และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นกล่องของขวัญที่ภายในบรรจุพระสยามเทวาธิวาช และเนคไทสีแสด
/////////////
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ

รัฐสภา พร้อมรับรายงานตัว สนช. ใหม่วันสุดท้าย ขณะวันนี้ กมธ. คณะต่างๆ ประชุมตลอดทั้งวัน ด้าน ตร. เข้มคนเข้า-ออก

บรรยากาศที่รัฐสภา ในช่วงเช้าวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ทยอยเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยวันนี้มีกำหนดการประชุมคณะกรรมาธิการคณะต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน อาทิ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย รวมทั้ง คณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ชั่วคราว หรือ วิป สนช. นอกจากนี้ วันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายของรายงานตัว สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

อย่างไรก็ตาม สำหรับการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนประจำตามจุดต่างๆ คอยตรวจตราบุคคลและรถยนต์ที่ผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวดเช่นทุกวัน
----------
สนช.ใหม่ รายงานตัวแล้ว 27 คน ขณะ "ฉัตรชัย" ติดภารกิจ ตปท. เริ่มปฏิบัติหน้าที่ทางการ พรุ่งนี้

บรรยากาศที่รัฐสภาล่าสุด ได้เสร็จสิ้นการรายงานตัวของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเมื่อวันที่ 27 ก.ย. วันสุดท้ายแล้ว

โดยในวันนี้ มีสมาชิกเดินทางมารายงานตัวจำนวน 3 คน คือ นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ นายอนุมัติ อาหมัด อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสงขลา
และ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพน้อยที่ 1 ที่เดินทางมารายตัวเป็นคนสุดท้าย ทำให้มีสมาชิก สนช. มารายงานตัว รวม 27 คน จากทั้งหมด 28 คน

ส่วน นายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล อดีตกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวในวันนี้ได้

อย่างไรก็ตาม สมาชิก สนช. ทั้ง 28 คน จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ โดยการเข้าร่วมการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ซึ่งจะมีผลต่อการพ้นสมาชิกภาพของ สนช. ด้วย
///////////////
ถอดถอน

"สุรชัย" คาด ป.ป.ช. ส่งสำนวนถอดถอนถึง สนช. พรุ่งนี้ ด้าน "พีระศักดิ์" ยัน รัฐสภาไม่ทำงานซ้ำซ้อน

บรรยากาศที่รัฐสภาล่าสุด นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่ 2 ได้เดินตรวจเยี่ยมห้องสิ่อมวลชน โดย นายสุรชัย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ส่งสำนวนคดีการถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ที่ สนช. ส่งคืน กลับมาให้พิจารณาอีกครั้งว่า ตนยังเห็นสำนวนดังกล่าว แต่คาดว่าจะส่งมาถึงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมประธาน สนช. จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะบรรจุเข้าเป็นวาระการประชุม สนช. หรือไม่ โดยต้องดำเนินการภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับเรื่อง

ขณะที่ นายพีระศักดิ์ กล่าวถึงกระแสข่าวเตรียมปิดรัฐสภาจังหวัด ว่า เนื่องจากรัฐสภาบางจังหวัดไม่ผ่านการประเมินผล ทำให้ต้องสั่งปิดและเรียกเจ้าหน้าที่และงานที่ค้างอยู่กลับส่วนกลาง พร้อมทั้ง
ยืนยันว่า รัฐสภาไม่ได้ทำงานซ้ำซ้อนกัน