PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เปลว สีเงิน :'จะปราบโจร...ไยทำเยี่ยงโจร?'

เปลว สีเงิน
'จะปราบโจร...ไยทำเยี่ยงโจร?'

อืมมมม....เมื่อสิ้นปีราชการ "หัวโขน" ของใครต่อของใคร ถึงไม่อยากถอด "ก็ต้องถอด" วางกันเกลื่อน ที่ถอดแล้วมี "หัวใหม่" อย่างขุนทหารในคณะ คสช.-สนช.-สปช.ก็ชูคอเต้นกันต่อไป
ครับ...ก็บทใคร-บทมัน อย่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถอดหัวโขนข้าราชการทหารในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ก็สวมหัวโขนข้าราชการการเมือง ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ
แต่บางคน สวม ๒ หัวพร้อมกันก็มี คือยังอยู่ในราชการ ก็มาสวมหัวโขนรัฐมนตรีบ้าง สนช.บ้าง สปช.ที่จะประกาศวัน-สองวันนี้บ้าง
ก็ "เพื่อชาติ" น่ะ!
เป็นไปตามยุค-ตามสมัย ยุคนี้เป็นยุคทหารเข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ เพื่อจัดระเบียบการเมืองและสังคมที่เละเทะ-เหลวแหลก จากระบอบทักษิณ ยุคยิ่งลักษณ์ ให้เข้ารูป-เข้ารอย 
ทหาร เขาก็ต้องใช้ระบบทหาร ออกกฎเกณฑ์แบบทหาร และเอาทหาร-ข้าราชการพลเรือน เข้ามาเป็นมือ-เป็นเท้าในการทำงานเฉพาะกิจ เป็นธรรมดา
เมื่อเขาอาสาเข้ามา ก็ต้องให้โอกาสเขา ทุกอย่างอยู่ที่ "สุจริตแห่งเจตนา" มากกว่า "รูปแบบอำพราง"!

เมื่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว ให้ข้าราชการประจำดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ฉะนั้น ใครจะสวมหมวก ๒ ใบ ๓ ใบ ต้องให้เขา 
เพราะ "กฎหมายไม่ห้าม"!
อย่าเพ่งเล็งแต่นักการเมืองระบบทหารเลย พวกครู-อาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐก็เหมือนกัน ทำไปครหา-นินทาเขาดีไปเถอะ
ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองบ้าง เป็นอาจารย์ประจำที่หนึ่ง แต่แรดไปหาลำไพ่-ไปเป็นที่ปรึกษาอีกที่หนึ่ง บางคนตั้ง ๒-๓ ที่ บางคน-บางที สวมหมวกนักธุรกิจ-พ่อค้าขายสินค้า "ภาพนักวิชาการตัวเอง" ตามตลาดการเมือง!

ดังนั้น ในส่วนของ คสช.ใครจะสวมกี่ใบก็ช่าง ข้อสำคัญอยู่ตรงที่ว่า "สวมหมวกใบไหนทำหน้าที่" ก็ต้องเคารพ-เอื้อเฟื้อ ด้วยอยู่ในกฎกติกาที่บัญญัติไว้สำหรับคนสวมหมวกใบนั้นด้วยเท่านั้น!
ก็อยากจะบอกว่า.....
ขอให้สิ่งที่ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๒๘ คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตข้าราชการทหาร นำโดย "พลเอกนพดล อินทปัญญา" แสดงออกนั้น เป็นการแสดงออกครั้งสุดท้ายเถอะอย่าให้มีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเลย!
คือการพยายามทำเป็น "อภิสิทธิ์ชน" เหนือกฎหมายป.ป.ช.ที่ให้ ส.ส.-ส.ว.แสดงและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน แต่ไม่ยอม และไปฟ้องร้อง ป.ป.ช.ต่อศาลปกครองน่ะ!
จะอ้างแก้เกี้ยวว่า เพื่อต้องการให้ศาลชี้ขาดเป็นบรรทัดฐาน ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการแสดงบัญชีทรัพย์สิน หรืออ้างล้วนเป็นคนเกษียณ เฒ่าชะแร-แก่ชรา จนจำไม่ได้ว่าซุกทรัพย์สินไว้บ้านไหน-ตรงไหน-อะไรบ้าง จึงยากต่อการนำมาแจงบัญชี
กระทั่งอ้างว่า พวกท่านอาสาเข้ามาช่วยบ้าน-ช่วยเมือง ตำแหน่ง สนช.ไม่ใช่ตำแหน่งนักการเมือง ฉะนั้น ไม่ต้องแจงบัญชีทรัพย์สิน ต่างๆ นานา นั้น ท่านอ้างได้....แต่สังคม "รับไม่ได้" ครับ!
เมื่อศาลปกครองสูงสุด ยืนยันตามศาลปกครองกลางที่เคยตัดสินไปแล้ว คือไม่รับคำฟ้องท่านเมื่อวานนี้ (๓๐ ก.ย.๕๗)
ขอให้เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำแค่นั้นเถอะ อย่าวอแวหรือมีปฏิกิริยาอะไรต่ออีกเลย ก็ด้วยหวังดีต่อท่าน
และต่อภาพรวม "รัฐบาล คสช." จริงๆ!
ขืนเกี่ยงงอน ยกโน่น-อ้างนี่ขึ้นมาอีก กฎหมายไม่มีหัวใจ...ก็จริง แต่ประชาชนที่รับรู้-รับเห็น ล้วนมีหัวใจ
เหล่าท่านอาจทำเหนือกฎหมายได้ 
แต่จะเหนือ "ความรู้สึก-นึกคิด" ประชาชนไม่ได้!

ที่เปราะบาง และขอเตือน ทุกวันนี้ คำว่า "รัฐบาลทหาร-รัฐบาลเผด็จการ-รัฐบาล คสช."มันเป็นกรวดในรองเท้าแห่งศรัทธาบริสุทธิ์ของพลเอกประยุทธ์ ทุกย่างก้าวนำประเทศไปสู่อนาคตใหม่ ทำให้ท่านต้องเดินไม่กระฉับกระเฉงอยู่แล้ว
แล้วกะอีแค่แสดงบัญชีทรัพย์สิน ในฐานะ สนช.ที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวระบุชัดว่า คือ ส.ส.-ส.ว.
ทำไมต้องเกี่ยงงอน?
นายกฯ ประยุทธ์ประกาศชัด หนึ่งในเป้าหมายปฏิวัติ คือล้างทุจริต-คอร์รัปชันในวงราชการและการเมือง
แต่คนที่เข้ามาช่วยล้าง คือ สนช. "คณะพรรคพลเอกประยุทธ์" กลับหลุกหลิก ส่ออาการว่ามอมแมม แค่ให้ทำความสะอาดร่างกายก่อน กลับอ้างโน่น-เกี่ยงนี่
แบบนี้...คสช.มันก็เจ๊งน่ะซี้!
๒๘ สนช.อาจไม่เจ๊ง เก็บจอ แล้วก็ถลกตูด.....
แต่ภาพรวม "รัฐบาล คสช." ภาพรวม "เผด็จการทหาร" โดยเฉพาะตัวท่านนายกฯ ประยุทธ์ ผู้เป็นหัวหน้าคณะ
เจ๊งแน่!
เจ๊งด้วย "เสื่อมศรัทธา" ทั้งน่ารังเกียจ ทั้งน่าขยะแขยง ในสายตาและความรู้สึกประชาชน ที่เหล่าท่านเข้ามาเอาตำแหน่ง เอาลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข ด้วยอำนาจทหาร "ข้ามอำนาจ" รัฐสภา
เมื่อข้ามแดนอำนาจหนึ่งสู่อำนาจหนึ่ง กลับไม่เคารพ ไม่เอื้อเฟื้อต่อกฎกติกาในแดนอำนาจการเมืองที่เหล่าท่านเข้ามา จะถือเป็นมังกรข้ามถิ่นนั้น ถือได้ 
แต่ทราบใช่มั้ย...?

เมื่อข้ามถิ่นแล้วทำใหญ่ ไม่เกรงใจ ไม่ให้เกียรติ "งูดิน" อันเป็นงูเจ้าถิ่น มังกรก็เกล็ดแห้งตายได้ เห็นอยู่ถมไปมิใช่หรือ?
การแสดงบัญชีทรัพย์สินนั้น ภาพนอกคือข้อบัญญัติเป็นกฎหมาย ป.ป.ช. แต่ภาพอันเป็นเนื้อใน ....
คือ การแสดงความโปร่งใส-สุจริต-จริงใจ ต่อประชาชน "เจ้าของประเทศ" อันเป็นผู้จ่ายเสียภาษีเลี้ยงดูระบบ-ระบอบทั้งหมด ที่เหล่าท่านผยองศักดิ์อยู่
ให้เกียรติเหล่าผม คือประชาชนผู้เป็น "งูดิน" หน่อยเถอะครับท่านนายพล ผู้เป็น สนช.ทั้ง ๒๘ ท่าน
มีใครบ้างล่ะ....สนช.ที่ยื่นฟ้องคดีต่อ ป.ป.ช.ทั้ง ๒๘ คนน่ะ ขออนุญาตลอกจากเว็บไซต์ไทยรัฐเขาหน่อยละกัน
พล.อ.นพดล อินทปัญญา, พ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต, นายสุธรรม พันธุศักดิ์, นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์, นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน, พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย, นายชัชวาล อภิบาลศรี พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์, นายประมุท สูตะบุตร, พล.อ.จิรพงศ์ วรรณรัตน์, พล.อ.ไตรรัตน์ รังคะรัตน, นายธำรง ทัศนาญชลี, นางสุวิมล ภูมิสิงหราช, พล.อ.ชยุติ สุวรรณมาศ นายศรีศักดิ์ ว่องส่งสาร, พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ, พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์, พล.อ.โสภณ ศีลพิพัฒน์
พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์, พล.อ.วิลาศ อรุณศรี, พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ, พล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา, นายธานี อ่อนละเอียด, พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ และ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์
ครับ...ก็พูดคุยกันแค่นี้ ขี้เกียจยกข้อกฎบัตร-กฎหมายมาอ้าง ท่านใดต้องการรู้ละเอียด หาอ่านเอาจากคำสั่งศาลปกครองสูงสุดทางหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ได้ ศาลท่านแจงไว้ยิบ
ในความเห็นผม ยิ่งเป็นรัฐบาลทหาร ยิ่งถูกสังคมเพ่งเล็ง ทั้งด้านโปร่งใส และด้านการใช้อำนาจ
ฉะนั้น สิ่งใดก็ตาม ทำแล้วบ่งบอกถึงประชาธิปไตย บ่งบอกถึงโปร่งใส ตรวจสอบได้ บ่งบอกถึง "เห็นหัวประชาชน"
ทำไปเถอะ ถึงกฎหมายไม่บอกให้ต้องทำ แต่ทำแล้วแสดงถึงจิตสำนึกบริสุทธิ์ของคนในระบอบเผด็จการ มันจะยิ่งเด่น ยิ่งสะสุดตา ยิ่งสวยงาม เป็นความคมชัด....."เผด็จการ" ตัดภาพ "ประชาธิปไตยโจร"
ขาดกระจุย!

อย่างวานซืน ประธาน สนช. "นายพรเพชร วิชิตชลชัย" ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ คืน ป.ป.ช.
คำว่า "ตีกลับ" ไม่ใช่ สนช.ภายใต้รัฐบาล คสช.ออกเหลี่ยม-ออกลาย ไม่ถอดถอนคนรัฐบาลยิ่งลักษณ์หรอก แต่เป็นการตีกลับตามขั้นตอนกฎหมายน่ะ
ที่ยื่นไว้เดิม ยื่นตามรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่ง ตอนนี้มันเป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราว ก็ต้องให้ ป.ป.ช.ไปอัพเกรดตามโปรแกรมใหม่ ก็ประมาณนั้น
นี่ ป.ป.ช.ก็ส่งเรื่องกลับไปแล้วเมื่อวาน (๓๐ ก.ย.) โดยสรุป...ให้ถอดถอน "นิคม-สมศักดิ์"
ที่เหน็บชายโครงยิ่งลักษณ์ และอดีต ส.ว. ๓๙ ราย รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคนอื่นๆ ให้สะดุ้ง-สะดิ้งไปด้วย คือ ป.ป.ช. ยังมีมติเป็นหลักการเกี่ยวกับกรณีถอดถอนด้วยว่า หากเป็นการกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหาส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่นตามมาตรา ๕๘ แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒
"อยู่ในอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช.ที่จะไต่สวนต่อไป" 
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ รวบรวมข้อมูล เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาอีกครั้ง!
นี่แสดงถึง จริงจัง-จริงใจ ยึดกฎหมาย "ตรงมา-ตรงไป" ของรัฐบาล คสช. ไม่ใช้อำนาจเผด็จการแบบเกรงว่า "ลูบหน้าทักษิณ แล้วจะปะจมูกยิ่งลักษณ์"
เอ้า...สมุนทั้งหลาย โตๆ จนต้องกลับมาใส่แพมเพิร์สกันแล้ว อย่าซน... อย่าเที่ยวชักใบให้เรือประยุทธ์เป๋อีกล่ะ!

ไม่มีความคิดเห็น: