PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560

วปอ.คอนเน็คชั่น

วปอ.คอนเน็คชั่น
นายกฯ เตือน นศ.วปอ.อย่าเรียน เพื่อหวัง
คอนเน็คชัน เตือนหากใคร หาประโยชน์เพื่อนต้องเตือนเพื่อน แต่ถ้าเตือนไม่ได้ ให้"ตัดหางปล่อยวัด"
พอใจยุทธศาสตร์ชาตินศ.ปอ.ตรงรัฐบาล รับแก้ปัญหายากเพราะนิสัยคนระบุคกก.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนทิศทางเดียวกันทุกคนอยู่เรือลำใหญ่ไปด้วยกันไม่ใช่เรือแป๊ะ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ - ยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2561-2580 ของคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร และนักศึกษาวิทยาลัยการทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ประจำปีการศึกษา 2560
โดยมี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย ลพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้แทนจากองค์กรต่าง ๆ เข้าร่วมรับฟังด้วย
ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์ทหาร คณะนักศึกษาฯ ร่วมกันจัดทำโดยอาศัยกรอบยุทศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาลเป็นแนวทาง โดยมีความมุ่งหมายเพื่อเสนอแนะทางวิชาการแนวคิด เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงได้พิจารณานำไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติให้มีความชัดเจนมากขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนในฐานะศิษย์เก่า วปอ.รุ่นที่ 50 ซึ่งทุกคนคาดหวังว่าทำอย่างไรจะให้ประเทศมียุทธศาสตร์ชาติ ถ้าตนไม่มายืนตรงนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีการคิดวิเคราะห์ตามหลักวิชาการ ปัญหาที่จะตามมาต่อไปคือ ทำอย่างไรที่จะให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าปัญหาคืออะไร รู้ถึงวิธีการแก้ปัญหาทั้งเชิงวิชาการ การบริหารจัดการ
แต่ในช่วงที่ผ่านมามันเกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งจะโทษใครไม่ได้ ตนจึงจะต้องทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นให้ได้ ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน วันนี้ตนรับหน้าที่เป็นประธานเกือบทุกกลุ่มจนหัวสมองเกือบแยกไม่ออก นั่งฟังไปก็คิดตามจนไฟช็อตในหัวไปหมด ยอมรับว่ายุทธศาสตร์ชาติของรุ่นนี้เป็นที่น่าพอใจ เพราะตรงกับยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลได้วางไว้ ซึ่งทั้งหมดก็ได้รับความร่วมมือจากอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารมาช่วยกันทำ พร้อมกับคณะสนช. และสปท.

"วันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเร็วจนคนตามไม่ทัน ทำให้เกิดความแตกต่างในขั้นพื้นฐาน ซึ่งเราก็ต้องพัฒนาให้ได้ เด็กรุ่นใหม่เรียนรู้ได้เร็วทุกเรื่อง แต่ปัญหาคือไม่รู้จะทำงานอย่างไร ติทุกอย่างแต่ทำงานไม่ได้ พวกคนแก่ เก่า ๆ อย่างตนกลับทำงานได้ แต่อาจจะมีความทันสมัยน้อยหน่อย" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงมีรับสั่ง 2 คำด้วยกันคือ ความเท่าเทียม และความเป็นธรรม หมายความว่าจะต้องทำให้คนทุกคน เข้าถึงโอกาสทางเลือก รายได้ อาชีพอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนรวย คนจน หรือผู้มีรายได้ปานกลาง เราต้องคำนึงถึงสิทธิของทุกคนในฐานะที่เป็นพลเมืองไทย ซึ่งยอมรับว่ายาก แต่ถ้าคนไม่เข้าใจก็จะกลายเป็นว่าไม่เกิดความเท่าเทียม เราจึงต้องพยายามสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น สิ่งที่เราต้องเร่งทำวันนี้คือ ลดปัญหาของทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ลดความเหลื่อมล้ำให้ได้ แต่ต้องยอมรับว่าแต่ละพื้นที่ย่อมมีความไม่เท่าเทียม ทุกอย่างคือความเหลื่อมล้ำของแต่ละจังหวัด ซึ่งรัฐบาลได้หยิบขึ้นมาพิจารณา เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบเดิมปัญหาก็จะเป็นแบบเดิมตามกลไกประชาธิปไตยเหมือนที่ผ่านมา เราจึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ เพื่อลดปัญหา และเพิ่มการพัฒนา

ประเทศไทยมีคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย มีความแตกต่าง ปัญหาปัจจุบันที่ยังแก้ไม่ได้ คือคนไทยยังติดกับปัญหาเดิม ๆ ทั้งความไม่พร้อมของประชาชน การศึกษา หลักคิดต่าง ๆ เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ฝ่ายบริหารวางแผนและเขียนออกมาได้ แต่เวลาทำไม่ง่าย เพราะพื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศมีเจ้าของ ไม่ว่าจะแก้หรือปรับอะไรก็ติดปัญหาที่คนทั้งหมด แต่ก็ต้องทำและแก้ แม้จะยากเพราะทุกอย่างมันกลายเป็นนิสัยของคนไปแล้ว ผมไม่ได้โทษใครทุกคนมีส่วนร่วมทำให้เกิดปัญหา เพราะมีประชาธิปไตยมาโดยตลอด และเราจะต้องมีต่อไป เพียงแต่จะทำอย่างไรไม่ให้ประชาธิปไตยเป็นเหมือนเดิมอีก ต้องทำให้ทุกอย่างเดินหน้าตามกรอบความจำเป็น ถือเป็นความเป็นความตายของประเทศ ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ทั้ง 6 ภาคของประเทศมีศักยภาพ และเจริญเติบโตด้วยตัวเอง โดยไม่เกิดการทับซ้อน แย้งการตลาด หรือการผลิต

วันนี้ถ้าเราไม่สร้างจิตสำนึกให้กับทุกคนให้รู้ว่าปัญหาของประเทศอยู่ตรงไหน ไม่มีทางสำเร็จ ไม่ต้องไปรอศตวรรษที่ 21 เพราะถ้ามัวรออยู่ก็แก้ไม่ทัน ตั้งแต่ผมเข้ามาก็ทำตามโรดแมปที่วางไว้ มีการขับเคลื่อนเป็นระยะ จนกระทั่งมีรัฐธรรมนูญ ตลอด 3 ปี ทั้งรัฐบาล คสช. ทำงานมาโดยตลอด ทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ การสร้างความปรองดอง และการปฏิรูป จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการปยป. ขึ้นมา แต่การทำงานเมื่อยังช้าอยู่ก็จึงต้องมีสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (พีเอ็มดียู) เพื่อขับเคลื่อนให้กิจกรรมเร่งด่วนสำคัญ และอาจจำเป็นต้องใช้กฎหมายมาตรา 44 ซึ่งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ตอนนี้เราทุกคนกำลังนั่งเรือลำใหญ่ไปด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่เรือแป๊ะ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ฝากไว้สุดท้าย การเป็นนักศึกวปอ.ไม่ใช่มาเพื่อสร้างคอนเน็กชัน จำไว้นะ มาสร้างในเรื่องของการทำความดีร่วมกัน ขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน คนดีไม่ดีรู้อยู่แล้ว ทุกคนรู้หมดใครเป็นอย่างไรใครดีไม่ดี แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามเพื่อนทำไม่ดีก็อย่าทำกับเขา เข้าใจไหม ตักเตือนชักจูงกลับมาให้เป็นคนดี
การที่เราจะคบกับคนมันเลือกคบคนไม่ได้มีทั้งมีคนดีและคนไม่ดี แต่เราจะทำอย่างไรที่เราจะเติมความรู้ให้คนไม่ดีเหล่านั้นให้มาดีให้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ไปดูถูกคนอื่น ต่อให้ตัดหัวมันก็คือเพื่อน ท้ายสุดมันยังไม่ดีขึ้นก็ตัดหางปล่อยวัดไป อย่าให้เขามาใช้คอนเน็กชันเพื่อผลประโยชน์ในวันหน้า"
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้ถามด้วยว่า "ใครทำอย่างนั้นยกมือขึ้น ไม่มีนะสัญญากับผมแล้วนะ เป็นคอนเน็กชันกับรัฐบาลเพื่อเดินหน้าประเทศไปข้างหน้า"

นายหัวชวนพูดกับ"ลุงตู้""นักการเมืองเลว มันก็มีจริงครับ ทหารเลว มันก็มีครับ"

"นักการเมืองเลว มันก็มีจริงครับ ทหารเลว มันก็มีครับ"
Talk Together ....กับ "อดีตนายกฯชวน" พูดถึง "นายกฯบิ๊กตู่" และ ภารกิจสุดขอบฟ้่า ทำให้"อภิสิทธิ์"กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ปัดตอบ หนุน"บิ๊กตู่"เป็นนายกหรือไม่ แต่พรรคว่ายังไงก็ทำตามมติพรรค ชี้ มีแวว"บิ๊กตู่"อยู่ยาว
ครั้งแรก ที่ได้สัมภาษณ์ พูดคุย ทั้ง ในรอบ-นอกรอบ กับ อดีตนายกฯ"ชวน หลีกภัย" ใน รายการ Talk Together ของ "พี่แอ๊ะ วิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์".ทาง McOT Radio .....แม้จะมี การ"ผิดคิว" เรื่องแขกรับเชิญ. ทำให้ จาก แขกรับเชิญ กลายเป็นพิธีกรร่วม...แต่ สำหรับ "วาส" คุ้มมาก ที่ วันนี้ นอนดึกมาก
เห็นใกล้ๆ แล้ว คุณชวน หน้าใส มาก เจ้าตัว ยันไม่เคยใช้ครีม หรือ โลชั่นใดๆ หน้าสด แจ่ม แบบนี้ แม้จะ79 แล้ว ที่เคยใช้คือ ครีมแก้คัน เวลาคันเท่านั้น
แต่ ที่ต้อง ขีดเส้นใต้ คือ คุณชวน เล่าถึงเหตุการณ์ เมื่อ 6ธค.2559ที่ได้อยู่ในงานเดียวกับ พลเอกประยุทธ์ นายกฯ ที่พูดตำหนินักการเมือง มาตลอดทุกสัปดาห์ แต่ผมไม่มีโอกาสได้พบท่าน แต่วันนั้น ได้เจอท่าน
ท่านว่านักการเมืองไม่ดี แล้วผมอยู่ตรงนั้นด้วย ผมก็เลยถือโอกาส เรียนท่านนายกฯตรงๆว่า "ท่านนายกฯครับ นักการเมืองเลว มันก็มีจริงครับ ทหารเลว มันก็มีครับ ผมก็พูดแบบนั้นเลย ทหารส่วนใหญ่ในบ้านเมือง เป็นคนดี แต่ทว่า ไม่ได้ดีทุกคน นักการเมือง ที่มัม่ ก็ไม่ใช่ดีทุกคน
ไม่มีองค์กรใดที่มีคนไม่ดีทั้งหมดและดีทั้งหมด
ผมก็เรียนท่านนายกรัฐมนตรีว่า ท่านอย่าไปเหมารวมสิครับ. ท่านนายกฯก็บอกว่าผมไม่ได้เหมา ผมก็บอกว่า แต่เวลาท่านพูดท่านไม่เคยยกเว้น
ก็ต้องขอบพระคุณท่านที่หลังจากนั้นมา ในรายการท่านวันศุกร์นั้น เป็นครั้งแรกที่ท่านบอกว่า นักการเมืองที่ดีก็มี

ไม่แค่นั้น อดีตนายกฯชวน ยังยืนยันว่าจะลงเลือกตั้งต่อไป และจะสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่ง. แต่ปัดตอบว่า ตนเองพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

ส่วนจะสนับสนุนมพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี หรือพร้อมทำงานกับพลเอกประยุทธ์ เช่นที่ คุณอภิสิทธิ์ บิก หรือไม่นั้น อดีตนายกฯชวน กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินว่านายอภิสิทธิ์ พูดว่าพร้อมจะร่วมงานกับ พลเอกประยุทธ์ แต่น่าจะพูดโดยภาพรวมว่าพร้อมจะทำงานกับคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ คงไม่ได้ระบุชื่อ
แต่สำหรับผมนั้น ในฐานะลูกพรรค หากมติพรรคว่าอย่างไรผมก็ต้องเคารพ ไม่ว่าผมจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ก็ต้องทำตามมติพรรค
ก่อนตบท้ายการสนทนาว่า ตอนเป็นรมว.กลาโหม แม้จะมีงบราชการรับให้แต่ตนเองก็ไม่เคยใช้. แต่คืนให้กระทรวงกลาโหมทั้งหมดกว่า 7 ล้านบาท
อีกท้ัง ไม่ให้รัฐมนตรี ในรัฐบาล ขอยศทางทหาร เช่น เสธ.หนั่น พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ที่ทางกองทัพจะขอพระราชทานยศพลเอกให้. แต่ผมก็บอกเสธ.หนั่น ว่าอย่ารับเลย
ที่สำคัญได้ถาม คุณชวนว่า ทำไมทหารจึงมักสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
และยังไม่เชื่อว่า นายสุเทพ. จะตั้งพรรคการเมือง
ที่ยิ่งกว่านั้นคุณชวน ที่เป็นนักการเมืองผู้คร่ำหวอด ตั้งข้อสังเกต เรื่องรัฐธรรมนูญและโอกาสของกับการที่ พลเอกประยุทธ์ จะอยู่ยาว ไม่ใช่แค่ช่วงบทเฉพาะกาลเท่านั้นแต่อาจจะอยู่ยาวกว่านั้น ด้วยคำว่ามันมีอะไรแปลกๆ
แต่ก็ยังเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งเพียงแต่ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อใดเพราะยังไงประเทศเราก็ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตย
ลองชมย้อนหลัง https://www.facebook.com/MRNChannel/videos/1978902952340951/

สงสาร "บิ๊กเจี๊ยบ"..!!!!



สงสาร "บิ๊กเจี๊ยบ"..!!!!
"นายกบิ๊กตู่" หยุดยืน ตรงหน้า พลเอกเฉลิมชัย ผบ.ทบ. เพื่อทักทาย ผบ.เหล่าทัพ หลังเสร็จฟังยุทธศาสตร์ชาติ วปอ.....
แถม บอก บิ๊กเจี๊ยบ ว่า "เบื่อ ถามกันแต่เรื่องเดิมๆ เรื่องเก่าๆ"
บ่นสื่อ หลังถูกถามเรื่อง ผบ.ทบ.เผยว่า ทบ. ปลดประจำการเรือเหาะ เพราะหมดอายุ
ก่อนเดิน จะขึ้นรถกลับ แล้วหันมาจับแขน บิ๊กป๊อก สบตา ด้วยความเห็นใจ เข้าใจ หลัง บิ๊กป๊อก โดนโจมตี ต่อเนื่อง
ตั้งแต่เรื่องการหลบหนีของ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์. และการให้ "กระทิงแดง" เช่าพื้นที่ป่าชุมชน ที่ขอนแก่น
จนมาถึงเรื่องเรือเหาะ ที่หมดอายุจนกองทัพบกต้องปลดประจำการ เพราะซื้อในยุคที่บิ๊กป๊อก เป็นผู้บัญชาการทหารบก
ที่สำคัญงานนี้ เพราะนักข่าวถาม
บิ๊กเจี๊ยบ ถึงความคืบหน้าในการใช้งานเรือเหาะ หลังมีข่าวเปิดประมูลรถกว๊านบอลลูน
แต่ทว่า ไม่ใช่รถกว๊านเรือเหาะ แต่ก็ถูกทำให้เข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับเรือเหาะ จึงทำให้ประเด็นนี้ถูกคุ้ย ขึ้นมาอีกครั้ง

"บิ๊กเจี๊ยบ" เตรียมบิน เกาหลี ร่วมประชุม ผบ.ทบ. ภาคพื้นแปซิฟิก PACC X 17-19กย.

"บิ๊กเจี๊ยบ" เตรียมบิน เกาหลี ร่วมประชุม ผบ.ทบ. ภาคพื้นแปซิฟิก PACC X 17-19กย. หาจุดร่วม จับมือรับ ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ พร้อม ถกทวิฯกับ ผบ.ทบ.ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ และเกาหลี
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก มีกำหนดเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้บัญชาการทหารบกภาคพื้นแปซิฟิก ครั้งที่ 10 (Pacific Armies Chiefs Conference X) หรือ PACC X
ระหว่าง 17-19กันยายน 2560 ที่ สาธารณรัฐเกาหลี

พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การประชุมผู้บัญชาการทหารบกภาคพื้นแปซิฟิก จะจัดขึ้นทุก 2 ปี มีกองทัพบกสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพหลัก และหมุนเวียนประเทศในภาคพื้นแปซิฟิกร่วมเป็นเจ้าภาพ

สำหรับในปีนี้กองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลีเป็นเจ้าภาพร่วม และมีกองทัพบกในภาคพื้นแปซิฟิกจำนวน 28ประเทศ เข้าร่วมการประชุม ภายใต้หัวข้อเรื่อง “เอกภาพของความพยายาม : เสริมสร้างพันธมิตรพลเรือน – ทหาร ในการตอบสนองต่อภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ของกองกำลังทางบก”
(Unity of Effort : Building Civil-Military Partnerships in Land Force Response to Non-Traditional Security Threats)

โดยในห้วงเวลาเดียวกันนี้ จะมีการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์นายทหารประทวนภาคพื้นแปซิฟิกด้วย โดยกองทัพบกได้ส่งกำลังพลชั้นประทวนจากกองทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมในกิจกรรม

สำหรับพิธีเปิดการประชุม PACC X จัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 18กันยายน 2560 โดยมีการประชุมทั้งในลักษณะทวิภาคีและพหุภาคี ประกอบกับการบรรยายโดยผู้ทรงคุณวุฒิ

นายบัน คี มุน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ และการหยิบยกประเด็นที่เป็นที่สนใจร่วมกันมาถกแถลงแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น

สำหรับการประชุมแบบทวิภาคีในคราวนี้ พลเอกเฉลิมชัย จะได้ร่วมหารือกับผู้บัญชาการทหารบกออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ และสาธารณรัฐเกาหลี

การประชุมผู้บัญชาการทหารบกภาคพื้นแปซิฟิก นอกจากจะเป็นโอกาสอันดีที่ผู้บัญชาการทหารบกในภูมิภาค ได้พบปะ หารือ แลกเปลี่ยนข่าวสารและข้อคิดเห็นในงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแล้ว ยังจะเป็นเวทีที่จะนำไปสู่การพัฒนาและความร่วมมือระหว่างประเทศในมิติอื่นๆ ได้อีกด้วย อันจะนำไปสู่ความมั่นคงของภูมิภาคและของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

ประชาธิปัตย์ บนทาง 2 แพร่ง จะเลือก “สุเทพ” หรือ “อภิสิทธิ์”

ประชาธิปัตย์ บนทาง 2 แพร่ง จะเลือก “สุเทพ” หรือ “อภิสิทธิ์”


พลันที่มีเสียง “เปรย” จาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าอาจจำเป็นต้องจัดตั้งพรรคการเมือง

ก็มี “ท่าที” จาก “พรรคประชาธิปัตย์”

แม้จะเสมอเป็นเพียง “ท่าที” ในเชิงตั้งเป็น “คำถาม”และสะ ท้อนความรู้สึกไม่แน่ใจเท่าใดนัก

แต่เมื่อเป็นคำถามจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงสำคัญ

ความไม่แน่ใจของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นความไม่แน่ใจว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นจริง หรือไม่

เป็นความไม่แน่ใจเพราะว่าจะเป็นการจัดตั้งพรรคเพื่อสนับ สนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

ประเด็นหลังนี้แหลมคมและสำคัญ

ความจริงแล้ว ท่าทีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เชียร์และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิได้เป็นเรื่องใหม่

ก่อน “รัฐประหาร”ก็เป็นเช่นนี้

หลัง “รัฐประหาร” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ยิ่งมีความเด่นชัด เป็นรูปธรรม

ถึงกับระบุว่า “เป็นรัฐบาลของพวกเรา”

เตือนมวลชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวสวนยางพาราว่าไม่ควรออกมาเคลื่อนไหว เรียกร้อง

“ให้อดทนเพราะเป็นรัฐบาลของพวกเรา”

แต่การที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะถึงกับจัดตั้งพรรคการ เมืองขึ้นมาเพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างเป็นพิเศษ

เมื่อมองจากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อมองจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชี่วะ

การเน้นในเรื่องการจัดตั้งพรรคของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงสำคัญ
สำคัญกับ พรรคประชาธิปัตย์

สำคัญกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และมวลชนของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่าจะอยู่ในกปปส. ไม่ว่าจะอยู่ในพรรคประ ชาธิปัตย์ก็ตาม

นี่จึงเป็นอีกทางเลือก 1 ในทางการเมือง

เป็นทางเลือกที่”พรรคประชาธิปัตย์” ต้องคิดหนัก

เลขาฯนายกฯ-ผู้กำกับสันติบาลตรวจสอบห้องน้ำหญิง จ่อติดวงจรปิดเพิ่ม หลังเหตุถ้ำมอง

เลขาฯนายกฯ-ผู้กำกับสันติบาลตรวจสอบห้องน้ำหญิง จ่อติดวงจรปิดเพิ่ม หลังเหตุถ้ำมอง


เลขาฯนายกฯ-ผู้กำกับสันติบาลทำเนียบตรวจสอบห้องน้ำหญิง เตรียมติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม หลังเหตุถ้ำมอง

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 15 กันยายน 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเกิดกรณีถ้ำมองห้องน้ำหญิงภายในทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.เกียรติ กาบบัว ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ทำเนียบรัฐบาล ได้เดินทางมาตรวจสอบบริเวณห้องน้ำหญิง ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 และให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบพบว่าป้ายสัญลักษณ์ห้องน้ำมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้ผู้ที่ต้องการเข้าห้องน้ำอย่างเร่งด่วนอาจไม่ทันสังเกต และบริเวณทางเดินหน้าห้องน้ำไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด มีเพียงกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านหลัง ซึ่งจะเห็นเพียงคนที่เข้า-ออกประตูหลังตึกบัญชาการ 1 เท่านั้น โดยหลังจากนี้จะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับผู้อำนวยการกองสถานที่ ยานพาหนะ และรักษาความปลอดภัย เพื่อปรับปรุงข้อบกพร่องต่างๆ และจะมีการติดตามรายละเอียดว่าบุคคลที่ก่อเหตุเป็นคนในหรือคนนอก เพราะบริเวณที่เกิดเหตุใกล้กับตลาดคลองผดุงกรุงเกษม รวมถึงจะมีการสอบถามรายละเอียดกับบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พ.ต.อ.เกียรติกำลังให้สัมภาษณ์ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มาตรวจสอบบริเวณดังกล่าวด้วย โดยได้สอบถามรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์และไม่ให้ช่างภาพถ่ายภาพตัวเองขณะตรวจสอบ โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า “ผมให้ความสำคัญ ถึงมาดูด้วยตัวเอง”

เปลี่ยนสูตร "แก้ปัญหาใต้" บ้างดีมั้ย?

ปัญหา ๓ จังหวัดใต้ คือปัญหาในมุ้ง........
แต่รัฐบาลไม่สน "กระชับใจ" ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ ๓ จังหวัดใต้โดยตรง
แต่กลับตะพึด-ตะพือ ไปแสวงหาข้อตกลงกับพวกที่อุปโลกน์เป็น "นายหน้าโจร" ที่อยู่ในมาเลย์
คุยกันมากี่ปีแล้วล่ะ.........
ผลงานที่เป็นรูปธรรม คือ "รูปถ่ายหมู่" คณะเจรจากับคณะโจร?
กับผลระเบิดซ้ำซาก วิธีการซ้ำซาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร-ชาวบ้าน "เจ็บ-ตาย" ซ้ำซาก
เมื่อวาน (๑๔ ก.ย.๖๐) ที่กาบัง ยะลา เป็น "ตัวอย่างซ้ำซาก" เราต้องสูญเสียเจ้าหน้าที่ไปอีก ๒ นาย
-ด.ต.อนิรุทธ จันทะวงษ์ เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด
-สิบตรีธเนศ พุทธโท เจ้าหน้าที่ทหารพราน
ผมดูภาพเหตุการณ์ที่เผยแพร่ตามโซเชียลมีเดียแล้ว "สงสาร-เข้าใจ" พี่น้องตำรวจ-ทหารของเรามาก
เพราะความมุ่งมั่นพิทักษ์ชีวิตชาวบ้าน ทราบเหตุระเบิด ก็รีบไปเก็บกู้
เพราะห่วงชาวบ้านเหนือห่วงปลอดภัยตัวเองนั่นแหละ
ไปถึงปุ๊บ คงเข้าไปจุดระเบิดปั๊บ
ก็เลย "ติดกับดักโจร".........
คือกลางคืนมันระเบิดล่อให้ถลำเข้าไป ตอนกลางวัน ก็เข้าไปแบบซื่อๆ ตามแผนมันจริงๆ
มันก็ "กดระเบิด" ตูม..ตูม ใส่เจ้าหน้าที่ทั้งกลุ่ม!
ดูชัยภูมิตรงจุดเกิดเหตุ ..........
สองข้างทางเป็นดงไม้-พงหญ้าค่อนข้างครึ้ม อำนวยต่อการพรางตา-พรางตัว เพื่อปฏิบัติการ "กัดกระหนาบ"
ถ้าเคลียร์พื้นที่ก่อนเข้า สถานการณ์อาจเป็นอีกแบบก็ได้?
พูดกันตามสถานการณ์เป็นจริงใน ๓ จังหวัดใต้ เท่าที่ผมสังเกต
๑.ชาวบ้านในพื้นที่เข้าใจ-ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น
๒.เหตุรุนแรง และการสูญเสียเจ้าหน้าที่ลักษณะนี้ ลดน้อยลง
ถ้าให้ตีโจทย์ ผมจะตีว่า...........
หมายถึง ทางการ "แยกประชาชน" ออกจากโจรได้ในระดับหนึ่งแล้ว ระบบ "จำเป็นโจร" เพราะเจ้าหน้าที่รัฐบีบคั้น-รังแกเริ่มน้อยลง
โจร ๓ จังหวัดใต้ กำลังเป็น "โจรจำเป็น"
จะคืนสู่ความเป็น "ชาวบ้านเต็มขั้น" ก็ยังประดัก-ประเดิด ครั้นจะโจรเต็มตัว ก็ไม่รุ่งแล้ว
จึงยัง "ครึ่งโจร-ครึ่งชาวบ้าน" เพราะยังไม่มีทางไปสู่จุดสรุป
ถ้ารัฐบาลเบนเป้า จากขะมักเขม้นเจรจาล้มๆ แล้งๆ นอกประเทศ มาสนใจ-ใส่ใจจริงจัง กับชาวบ้านในพื้นที่
เมื่อชาวบ้านกับภาครัฐ มีความเข้าใจ เดินไปในทางพัฒนาเดียวกัน ด้วยเป้าหมายทาง "อาชีพ-ชีวิต-สังคม" ที่หมดความหวาดระแวงต่อกัน
โจรนั้น ซึ่งก็ไม่ใช่อื่นไกล ลูกๆ หลานๆ ชาวบ้านด้วยกันนั่นแหละ จะเป็นโจรต่อไปเพื่ออะไร?
เมื่อชาวบ้าน+ทางการ "สร้างสะพานให้เดิน" จะมัวไปซุ่มป่า-กดระเบิดอยู่ทำไม สู้กับตำรวจ-ทหารน่ะ ซักวัน ต้องตายแน่
คืนสภาพ "ชาวบ้าน" กลับเข้ามาทำมาหากิน ด้วยงานการที่ภาครัฐเข้าไปพัฒนาไม่ดีกว่าหรือ?
การที่เขาไม่มีอาชีพ ไม่มีความหวังในอนาคต และไม่มีใจลงไปประสานใจจริงๆ จังๆ นั่นแหละ
เป็น "ช่องว่าง"............
ให้ทั้ง โจรจริง-โจรเทียม โจรการเมือง และโจรทางงบประมาณ ทำแผ่นดิน ๓ จังหวัดใต้ ให้กลายเป็น
"แดนโจรถาวร"!
มันไม่มีอะไรเป็นความหวังที่เรียกว่า "อนาคต" สำหรับคน ๓ จังหวัดใต้จริงๆ นะ
ใครไม่เชื่อ ก็ลงไปสัมผัสด้วยตัวเองดูก็ได้!
ผมไปทุกปี จึงเห็น พื้นที่อุดมสมบูรณ์ สาธารณูปโภค ถนนหนทางดีมาก
นอกจากสวนยาง ทั้งป่า ทั้งทะเล ทั้งที่ท่องเที่ยว ทั้งสวนผลหมากรากไม้หลากหลาย ก็จริง
มันมีแค่ชีวิต..........
แต่เป็นชีวิตที่ไม่มีชีวา
ดินชุ่ม แต่ใจคนแห้งแล้ง ผลหมากรากไม้ ปลูกไว้ ออกลูก-ออกผล ก็เน่าคาต้น
ใครจะกล้าไปซื้อ-ไปขน เอาออกมาจากสวน จากป่าล่ะ มันไม่คุ้มกับเสี่ยง "ตายฟรี"!
คนพื้นที่ อยู่เพื่อรีบกิน-รีบทำธุระให้เสร็จก่อน ๕ โมงเย็น
แล้วรีบกลับเข้าบ้าน.......
เพราะเลย ๕ โมงเย็นไป อาจได้กลับบ้านตอนเช้าของอีกวันในสภาพศพ
นี่เป็นสภาพจริงของพื้นที่ "ลึกเข้าไป" ใน ๓ จังหวัดใต้
แต่ในตัวเมือง ตัวชุมชน ไม่มีอะไรน่าห่วง อย่างที่จินตนาการกันจากข่าว
ทหาร "ชั้นผู้น้อย" ตามถนน ตามจุดชุมชน ที่ถูกส่งไปยืนประจำการบางจุดน่ะ
หลายๆ แห่ง เห็นแล้ว สงสาร........
ส่งไปป้องกันโจรให้ชาวบ้าน หรือให้ชาวบ้านคุ้มกันโจรให้เจ้าหน้าที่ก็มิทราบ?
ผมไป อดซื้อของติดรถไปด้วยไม่ได้ เจอก็แบ่งปันกัน
เคยเจอทหารที่เรียก "ไอ้เณร" อยู่คน ยืนตากแดด จับไข้สั่นด๊กๆ ไปหาซื้อน้ำ-ซื้อยาแก้ไข้มาให้
บอกให้กินน้ำมากๆ พักผ่อนมากๆ เธอบอกว่า
ดื่มน้ำมากๆ พอได้ แต่พักผ่อนมากๆ นี่ เห็นจะไม่ได้ครับ!
โครงการพัฒนาจากภาครัฐในภาคใต้ ผมเห็นมีเยอะ แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ เมืองไทยน่ะ มีโครงการวันนี้
แต่อีก ๕๐ ปีข้างหน้า จึงเกิด!
ก็ไม่ว่ากัน เพราะตามพื้นสภาพ คนใต้ไม่อดตาย เพราะแผ่นดินสมบูรณ์
แต่ที่มันไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย เพียงเข้าใจ "วิถี-ชีวิต-จิตใจ" คนใต้ แล้วให้สิ่งที่ขาดตรงนั้นกับเขาบ้าง
จากทางขนาน "ชาวบ้าน-รัฐ" จะเป็นทางร่วมชนิดคาดไม่ถึง!
เอาง่ายๆ ที่สุด นอกจากแสงอาทิตย์ตอนกลางวัน แสงจันทร์ตอนกลางคืนแล้ว
พี่น้อง ๓ จังหวัดใต้ "นอกตัวเมือง" แทบจะไม่ได้เห็นแสงไฟ-แสงนีออน และเสียง จากเวทีการเล่น-การแสดงมหรสพใดๆ
และแทบไม่มีกิจกรรมที่รัก-ที่ชอบใดๆ ให้เป็นศูนย์รวมคนเลย!
"ตำรวจ-ทหาร" มีหน่วยดุริยางค์.........
เดือนละครั้ง-สองครั้ง ตามโอกาสอำนวย เปลี่ยนบังเกอร์เป็นเวที เปลี่ยนถือปืนเป็นจับไมค์ เปลี่ยนเสียงตูมตามเป็นเสียงเครื่องดนตรี
ให้ชาวบ้านแต่ละพื้นที่ได้ออกมาสัมผัสแสง-สี-เสียงยามค่ำคืน ได้มาดูการเล่น-การแสดงกันบ้าง
ใจคนที่เบิกบาน มันคือใจสมานใจ ต่อให้เป็นโจร เมื่อสังคมถิ่นคืนชีวิต-ชีวาร่วมกัน
ไม่มีใครอยากฆ่า-อยากเป็นโจรหรอก!
ผมเห็นหลายหน มีงานการละเล่น-การแสดง พี่น้องไทยพุทธ-ไทยมุสลิม ไม่ว่าชาย-หญิง จะออกมาสนุกสนาน-ครึกครื้น
ไม่มีโจร-ไม่มีระเบิดซักครั้ง!
อย่างล่าสุด ที่มวยไทยไฟต์ ไปตั้งเวทีต่อยกันที่ยะลา ผมดูจากถ่ายทอด คนเกือบ ๕ หมื่น
และที่คิดไม่ถึง.........
สุภาพสตรีมุสลิมพากันมาดูมวยมากมาย จากภาพที่เห็น เธอสนุกสนาน ตื่นเต้น ตาประกายมีความสุข
คนที่นั่น มาเล่าให้ผมฟังทีหลัง คนตั้ง ๔-๕ หมื่นมารวมกันตอนกลางคืน ไม่ต้องใช้กำลังรักษาการณ์อะไรเป็นพิเศษเลย
และไม่ปรากฏเหตุการณ์ร้ายใดๆ เกิดขึ้น!
หรืองานแข่งนกเขาแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นงานใหญ่ คนทั้งในและนอกประเทศ แห่แหนกันไป ก็ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์จากโจร
วานซืน เจ้าแหลม "ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น"........
ไปน็อก "กอนซาเลซ" แล้วมายื่นคางให้ "นายกฯ ประยุทธ์" น็อกที่ทำเนียบฯ
คือเรามีนักมวยดังระดับโลกเยอะ และขณะนี้โลกกำลังคลั่ง "มวยไทย"
อย่างบัวขาว ก็เป็นทหาร สมรักษ์ ก็ทหาร ศรีสะเกษ นี่ก็ตำรวจ หรืออย่าง "สมจิตร จงจอหอ" จากนักมวยเหรียญทอง ไปเป็นดาราทีวี
ทำไมกองทัพไม่เปิด "สถาบันฝึกสอนมวย" ที่ ๓ จังหวัดใต้ล่ะ?
จะที่ยะลา-ปัตตานี หรือนราธิวาส ได้ทั้งนั้น ประกาศใช้เยาวชน วัยรุ่น วัยหนุ่ม ทั้งหญิง-ทั้งชาย
ใครอยากฝึกมวยมาเลย เชิญปรมาจารย์ อย่างบัวขาว สมรักษ์ เขาทราย หรือนักมวยคนไหนที่สนใจอยากเป็นครูฝึกสอน ก็มาฝึก-มาสอนให้ที่ ๓ จังหวัดใต้นี่เลย
รับรอง...โจรบอก "กูเลิกเป็นโจรดีกว่า"
แล้วมาเข้าค่าย-เข้าแคมป์ ฝึกเป็นนักมวยกัน เพราะสายเลือดคน ๓ จังหวัดใต้ เป็นสายเลือดนักสู้ มีความอดทนเป็นเยี่ยมอยู่แล้ว
ที่สำคัญ วัยรุ่นที่นี่ ชอบกีฬา เช่น มวย-ฟุตบอล เป็นชีวิตจิตใจ ท่านแม่ทัพภาค ๔ น่าลองดูนะครับ ไม่เสียอะไร มีแต่ได้
นอกจากมวยแล้ว......
จะเปลี่ยนสนามระเบิดเป็นสนามฟุตบอล ยิ่งดีใหญ่ ครบเครื่อง-ครบสูตรเลย
ผมรับรอง "โจรสูญพันธุ์" แน่ แห่มาเป็นนักฟุตบอลกันหมด!
เนี่ย...โบราณว่า "ลางเนื้อชอบลางยา" รักษาหมอแผนปัจจุบันแทบตาย โรคไม่หาย
เจอ "ยาผีบอก" หม้อเดียว เดินปร๋อเลย!
เรื่อง ๓ จังหวัดใต้ ยืดเยื้อมาครึ่งศตวรรษ เดินตามทฤษฎี ตามยุทธศาสตร์ ผลาญงบประมาณไปครึ่งแผ่นดิน ไม่เกิดผล
ลองนอกตำรา แต่ตรงต้องการชาวบ้านดูบ้าง.......
ไม่ต้องใช้เงินมาก ใช้เพียงความจริงใจ ใช้การละเล่น-การกีฬา สลายช่องว่าง ประสานสังคม
รับรอง "ถมเต็ม" แน่นอน!.

หนีไม่พ้น "ลุงตู่" ลากยาว

หนีไม่พ้น "ลุงตู่" ลากยาว

สำเร็จเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แบบไปแล้ว 1 ฉบับ

คิวล่าสุดที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 14 กันยายนเป็นต้นไป

กฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งฉบับแรก จากจำนวน 4 ฉบับลุล่วงไปแล้ว

รอลุ้นฉบับที่ 2 ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างรอการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายตามมา

แต่ไม่ได้หมายความว่า เค้าลางโรดแม็ปเลือกตั้งปลายปี 2561 จะมีความชัดเจนขึ้น

มิหนำซ้ำแนวโน้มขอต่อโปรโมชั่นอยู่ยาวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กลับมาลือกระหึ่มหนาหูอีกครั้ง

ตามสัญญาณจากฝ่ายอำนาจพิเศษที่ยังแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้าการันตีเต็มปากว่า ฝ่ายการเมืองจะได้กลับสู่สนามเลือกตั้งตามโปรแกรมที่กำหนดหรือไม่

ในจังหวะแท็กทีมสอดรับกันของคีย์แมน คสช. ตั้งแต่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกลีลาแทงกั๊ก ไม่มั่นใจจะได้เลือกตั้งปลายปีหน้า

ยกกฎหมายลูกเป็นข้ออ้างไม่รู้จะเสร็จทันตามกำหนดหรือไม่

อาการเดียวกับ “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธาน สนช. ที่ออกลูกพลิ้วเรื่องกรอบเวลาเลือกตั้ง จะต้องดูเงื่อนเวลาการพิจารณากฎหมายลูกประกอบกันไปด้วย เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ สนช.เพียงอย่างเดียว ยังมีตัวแปรอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในกรณีที่มีผู้เห็นแย้งกับร่างกฎหมายลูก

เด้งเชือกไม่ให้มีข้อผูกมัดจะปล่อยนักการเมืองคืนสังเวียนเมื่อไร

อย่างที่เห็นๆใน พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ต้องเสียเวลาผ่านขั้นตอนการปรับปรุงทบทวนเนื้อหากฎหมายจากกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนทุกขั้นตอนก็กินเวลาโรดแม็ปไปได้เรื่อยๆ

ฝ่ายการเมืองหัวหมุน เจอเหลี่ยมแท็กติกกฎหมายลูก ทอดเวลาให้จวนเจียนโรดแม็ปเลือกตั้งมากที่สุด
ยังไม่นับรวมกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายที่เป็นไฮไลต์สำคัญอย่าง ร่าง พ.ร.บ.การได้มา ซึ่ง ส.ว. และ ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีโปรแกรมส่งให้ สนช.พิจารณาช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้

ก็หนีไม่พ้นช็อตหวาดเสียวเจอเหลี่ยมประวิงเวลา สุ่มเสี่ยงกระทบโรดแม็ป

ตามที่ระดับ “ซือแป๋กฎหมาย” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ยังบ่นหนักใจเรื่องระยะเวลาการพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายของ กรธ.ที่อาจเหลือเวลาแค่ 30 วัน

กรธ.อยู่ในภาวะไฟลนก้น จวนเจียนกับเดดไลน์ที่ต้องยกร่างกฎหมายลูกให้เสร็จภายใน 240 วัน

โรดแม็ปแต่ละขั้นตอนต้องลุ้นกันช็อตต่อช็อต จะทันตามตารางเวลาหรือไม่

แนวโน้มต้องลุ้นกันหืดจับทุกขั้นตอน

นั่นยังไม่นับรวมเงื่อนไขน่าหวาดเสียว กรณี สนช.คว่ำร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. หรือการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ส่งผลกระทบยื้อโปรแกรมหย่อนบัตรเลือกตั้งออกไปยาวๆ

ต้องกลับไปเริ่มกระบวนการยกร่างกฎหมายใหม่ หมิ่นเหม่ต่อปัญหาทางกฎหมายตามมา

ทั้งประเด็นใครจะเป็นผู้ยกร่างกฎหมายลูก และกรอบเวลาทำงาน รอบใหม่ ที่ไม่ได้ระบุชัดไว้ในรัฐธรรมนูญ

โดยเฉพาะเนื้อหาในร่างกฎหมายลูกหลายประเด็นที่ประเดิมใช้เป็นครั้งแรก อาทิ วิธีการนับคะแนนแบบใหม่ในการคำนวณเก้าอี้ ส.ส. หลักเกณฑ์การส่งผู้สมัคร การเฟ้นหาผู้สมัคร ส.ว.ที่เลือกไขว้กันไปมา ระหว่างกลุ่มอาชีพ

ทำไปทำมาส่อเค้าสร้างความวุ่นวายสับสนในสนามเลือกตั้ง อาจถูกหยิบยกเป็นข้ออ้างให้ สนช.ที่ส่วนใหญ่เป็นขุนทหารฉีกกฎหมายลูก ต้องไปเริ่มนับหนึ่งกันใหม่

กลายเป็นไฟต์บังคับ ตีตั๋วให้ “บิ๊กตู่” อยู่ครองอำนาจต่อ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตามรูปการณ์ปัจจุบันที่กองทัพมีแต้มต่ออยู่เหนือฝ่ายการเมืองหลายขุม วางโครงข่ายอำนาจผ่านทางรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ
ผูกขาดคุมทิศทางบริหารประเทศไว้ทุกช่องทาง

ยังไม่นับรวมการวางขุมกำลังกองทัพคอยระวังหลังไว้อีกทาง

ไม่ว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนเลือกตั้ง ทหารยังกุมอำนาจทุกอย่าง เหมือนเดิม.

ทีมข่าวการเมือง