PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560

หนีไม่พ้น "ลุงตู่" ลากยาว

หนีไม่พ้น "ลุงตู่" ลากยาว

สำเร็จเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แบบไปแล้ว 1 ฉบับ

คิวล่าสุดที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 14 กันยายนเป็นต้นไป

กฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งฉบับแรก จากจำนวน 4 ฉบับลุล่วงไปแล้ว

รอลุ้นฉบับที่ 2 ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่อยู่ระหว่างรอการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายตามมา

แต่ไม่ได้หมายความว่า เค้าลางโรดแม็ปเลือกตั้งปลายปี 2561 จะมีความชัดเจนขึ้น

มิหนำซ้ำแนวโน้มขอต่อโปรโมชั่นอยู่ยาวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กลับมาลือกระหึ่มหนาหูอีกครั้ง

ตามสัญญาณจากฝ่ายอำนาจพิเศษที่ยังแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้าการันตีเต็มปากว่า ฝ่ายการเมืองจะได้กลับสู่สนามเลือกตั้งตามโปรแกรมที่กำหนดหรือไม่

ในจังหวะแท็กทีมสอดรับกันของคีย์แมน คสช. ตั้งแต่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกลีลาแทงกั๊ก ไม่มั่นใจจะได้เลือกตั้งปลายปีหน้า

ยกกฎหมายลูกเป็นข้ออ้างไม่รู้จะเสร็จทันตามกำหนดหรือไม่

อาการเดียวกับ “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธาน สนช. ที่ออกลูกพลิ้วเรื่องกรอบเวลาเลือกตั้ง จะต้องดูเงื่อนเวลาการพิจารณากฎหมายลูกประกอบกันไปด้วย เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ สนช.เพียงอย่างเดียว ยังมีตัวแปรอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในกรณีที่มีผู้เห็นแย้งกับร่างกฎหมายลูก

เด้งเชือกไม่ให้มีข้อผูกมัดจะปล่อยนักการเมืองคืนสังเวียนเมื่อไร

อย่างที่เห็นๆใน พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ต้องเสียเวลาผ่านขั้นตอนการปรับปรุงทบทวนเนื้อหากฎหมายจากกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนทุกขั้นตอนก็กินเวลาโรดแม็ปไปได้เรื่อยๆ

ฝ่ายการเมืองหัวหมุน เจอเหลี่ยมแท็กติกกฎหมายลูก ทอดเวลาให้จวนเจียนโรดแม็ปเลือกตั้งมากที่สุด
ยังไม่นับรวมกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายที่เป็นไฮไลต์สำคัญอย่าง ร่าง พ.ร.บ.การได้มา ซึ่ง ส.ว. และ ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีโปรแกรมส่งให้ สนช.พิจารณาช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้

ก็หนีไม่พ้นช็อตหวาดเสียวเจอเหลี่ยมประวิงเวลา สุ่มเสี่ยงกระทบโรดแม็ป

ตามที่ระดับ “ซือแป๋กฎหมาย” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ยังบ่นหนักใจเรื่องระยะเวลาการพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายของ กรธ.ที่อาจเหลือเวลาแค่ 30 วัน

กรธ.อยู่ในภาวะไฟลนก้น จวนเจียนกับเดดไลน์ที่ต้องยกร่างกฎหมายลูกให้เสร็จภายใน 240 วัน

โรดแม็ปแต่ละขั้นตอนต้องลุ้นกันช็อตต่อช็อต จะทันตามตารางเวลาหรือไม่

แนวโน้มต้องลุ้นกันหืดจับทุกขั้นตอน

นั่นยังไม่นับรวมเงื่อนไขน่าหวาดเสียว กรณี สนช.คว่ำร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. หรือการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ส่งผลกระทบยื้อโปรแกรมหย่อนบัตรเลือกตั้งออกไปยาวๆ

ต้องกลับไปเริ่มกระบวนการยกร่างกฎหมายใหม่ หมิ่นเหม่ต่อปัญหาทางกฎหมายตามมา

ทั้งประเด็นใครจะเป็นผู้ยกร่างกฎหมายลูก และกรอบเวลาทำงาน รอบใหม่ ที่ไม่ได้ระบุชัดไว้ในรัฐธรรมนูญ

โดยเฉพาะเนื้อหาในร่างกฎหมายลูกหลายประเด็นที่ประเดิมใช้เป็นครั้งแรก อาทิ วิธีการนับคะแนนแบบใหม่ในการคำนวณเก้าอี้ ส.ส. หลักเกณฑ์การส่งผู้สมัคร การเฟ้นหาผู้สมัคร ส.ว.ที่เลือกไขว้กันไปมา ระหว่างกลุ่มอาชีพ

ทำไปทำมาส่อเค้าสร้างความวุ่นวายสับสนในสนามเลือกตั้ง อาจถูกหยิบยกเป็นข้ออ้างให้ สนช.ที่ส่วนใหญ่เป็นขุนทหารฉีกกฎหมายลูก ต้องไปเริ่มนับหนึ่งกันใหม่

กลายเป็นไฟต์บังคับ ตีตั๋วให้ “บิ๊กตู่” อยู่ครองอำนาจต่อ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตามรูปการณ์ปัจจุบันที่กองทัพมีแต้มต่ออยู่เหนือฝ่ายการเมืองหลายขุม วางโครงข่ายอำนาจผ่านทางรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ
ผูกขาดคุมทิศทางบริหารประเทศไว้ทุกช่องทาง

ยังไม่นับรวมการวางขุมกำลังกองทัพคอยระวังหลังไว้อีกทาง

ไม่ว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนเลือกตั้ง ทหารยังกุมอำนาจทุกอย่าง เหมือนเดิม.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: