PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา 22 พฤษภาคม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป
.
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป โดยให้ถือเป็นวันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง
.
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 121 มาตรา 122 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป
.
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ชิงนำทัพปชป.

การเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยว หัวต่อ แย่งชิงจัดตั้งรัฐบาล ท่าม กลางข่าวลือ ข่าวปล่อยสารพัด มุมหนึ่งก็อาจเป็นความเคลื่อนไหวที่มีส่วนจริง แต่อีกมุมก็อาจเป็นแค่โยนหินหยั่งเชิงบนเกมต่อรอง

ชั่วโมงนี้โมเมนตัมไหลมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ คอการเมืองแทงหวยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชัวร์ป้าด

ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา พรรคเล็กพรรคน้อย จะไปไหนเสีย จ่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแหงแซะ

เช่นเดียวกับพรรคเก่าแก่ประชาธิปัตย์ จับยามสามตาแล้วมีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาลสูงลิ่ว!!!

และคงไม่ได้มาแบบแยกส่วนเป็นงูเห่าเลื้อยกะปริดกะปรอย แต่น่าจะมาแบบยกโขยงทั้งพรรค

สุดท้ายแล้วมติพรรควันที่ 15 พ.ค.จะเป็นตัวชี้ขาด ลองนึกภาพ ถ้าพรรคเก่าแก่ต้องแยกกันเดิน กลุ่มหนึ่งเป็นรัฐบาล กลุ่มหนึ่งเป็นฝ่ายค้าน มาฟาดฟันห้ำหั่นกันเองในสภาฯ คงสนุกพิลึกกึกกือ

ไอ้เรื่องจะเป็นฝ่ายค้านอิสระเท่ๆ คงไม่มีอยู่จริง อย่างดีก็แค่วลีหลบเลี่ยง ไม่อยากไปสุงสิงกับพรรคเพื่อไทยที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาก็แค่นั้น

ความเคลื่อนไหววันที่ 15 พ.ค. จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง ใครจะมาเป็นผู้นำพรรคตัวจริงแทน “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แสดงสปิริตลาออก รับผิดชอบต่อความยับเยินในสนามเลือกตั้ง

วันนี้ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นั่งรักษาการหัวหน้าพรรค ช่วงเปลี่ยนผ่าน พร้อมประกาศตัวเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค แบบเต็มตัวเต็มก้น

ดูโหงวเฮ้งบุคลิกท่าทาง ฝีไม้ลายมือ ถือว่าพอตัว นั่งเป็นหัวขบวนก็ไม่น่าเกลียด

ตอนนี้จึงเป็นตัวเก็งเต็งจ๋า เพราะเป็นคนเก่าแก่ มีผู้หลักผู้ใหญ่ระดับบิ๊กเนมในพรรคเป็นกองหนุน

ล่าสุดดึง เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรค มาเป็นคู่หูชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ล่าแต้มจากสมาชิกพรรค ส.ส. และองค์ประชุมที่มีทั้งหมด 307 คน

ด่านสำคัญ คือการวัดกำลังภายในกับ “เดอะดอน” กรณ์ จาติกวณิช ที่ประกาศขายเป็นแพ็กคู่กับ ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ร่วมท้าชิงในตำแหน่งแม่บ้านพรรค

ชั่วโมงนี้ “กรณ์” ขยับเดินเครื่องเต็มที่ ลงพื้นที่ภาคใต้หาเสียงกับ ส.ส. ที่เป็นโหวตเตอร์ส่วนใหญ่ถี่ยิบ

จุด “คีมึ้ง” สำคัญที่นำมาหาเสียง คือประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะนำพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล!!!

ส่วนอีก 2 คน ที่ประกาศตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค คือ “หล่อเล็ก” อภิรักษ์ โกษะโยธิน และ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แต่ดูทรงแล้ว ท้ายที่สุด 2 คนนี้อาจยอมหลีกทาง เทเสียงโค้งสุดท้าย

ดูตามหน้าเสื่อ “อภิรักษ์” ที่แนบแน่นกับ “อภิสิทธิ์” น่าจะเลือกหนุนฝ่าย “จุรินทร์”

ส่วน “พีระพันธุ์” ที่ดึง ถาวร เสนเนียม มาเป็นคู่หูชิงเก้าอี้เลขาธิการพรรค มีเงาร่าง “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ทาบอยู่เบื้องหลัง อาจเลือกเทเสียงให้ “กรณ์” ที่มีจุดยืนร่วมรัฐบาลชัดเจน

แต่ตัวแปรสำคัญ ยังอยู่ที่ผู้อาวุโสในพรรคอย่าง “ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน” รวมทั้ง “อดีตหัวหน้ามาร์ค” ที่กุมเสียงโหวตเตอร์กลุ่มใหญ่ไว้ในมือจะเลือกใครเป็นทายาท

ล่าสุดมีพรายกระซิบ บรรดาขาใหญ่เตรียมเทเสียงให้ “จุรินทร์” ฉายแววเป็นต่อ เหนือคู่แข่งคนอื่น

แต่ถ้าเกมพลิก ขาใหญ่วางเฉย ปล่อยให้ฝ่ายลุงกำนันเดินเกมร่วมรัฐบาล “กรณ์” ก็มีโอกาสอาจแซงเข้าป้าย

หรือจุดลงตัว คือล็อกเก้าอี้ให้ “จุรินทร์” นำทัพ ปชป.ไปร่วมรัฐบาล วินวินด้วยกันทุกฝ่าย สบายแฮ!!!

“พ่อลูกอิน”

ปริ่มน้ำยื้อกับใต้น้ำ

ระวังฟ้าผ่านะ”

อารมณ์เกรียนคีย์บอร์ดโลกโซเชียลฯ อำ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยอมรับว่าได้แอบแชตไลน์คุยกับ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย

แซวผู้ชายแอบคุยเรื่องลับๆกับผู้ชาย

ในอารมณ์ขำๆกับข่าว “ขั้วที่สาม” กระแสการ “ผสมพันธุ์อย่างไม่เป็นธรรมชาติ” ของ “ตัวแปร” คือพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา

ตามกระแสนักการเมืองจับมือแหกค่ายท็อปบูตจัดสูตรรัฐบาล “นักเลือกตั้งอาชีพ”

เกิน 376 เสียง ปิดสวิตช์ 250 ส.ว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

และก็รีบรับมุกแห่กระแสต่อทันทีเลย ตามอาการของ “มือใหม่หัดพลิ้วเหลี่ยมการเมือง” ลีลา “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

แสร้งทำเป็นอุบไต๋ “ยังไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูล” ปมขั้วที่สาม เนื่องจากขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพูดคุย และต้องเคารพกลุ่ม หรือพรรคการเมืองต่างๆที่พูดคุยด้วย

ไม่ปฏิเสธ ทำเป็นแฝงนัย เหมือนกั๊กๆตอบรับในที

แต่ที่ไปไกล แบะท่าหรามาเลยก็คิวของพรรคเพื่อไทย “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯทีมดูไบ

ยอมรับเต็มปากเต็มคำ “ลุ้น” พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์มาจับขั้วรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดการสืบทอดอำนาจของฝั่งที่หนุน คสช. โดยไม่ได้หวังให้มาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

ยอมถวายใส่พานให้แม้แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

มองกันตื้นๆในทางทฤษฎี ตัวเลขมันย้ายสมการกันง่ายๆ แต่ในทางปฏิบัติ “โคตรยาก” กับโจทย์ให้ประชาธิปัตย์ “จูบปาก” เพื่อไทย ฝ่ายเทิดทูนสถาบันแท็กทีมกับพวกโดนด่าอยู่ตรงข้ามกับสถาบัน

“รัฐบาลปริ่มน้ำ” กับ “รัฐบาลใต้น้ำ” ในห้วงเปลี่ยนผ่านประเทศ จะเลือกฝั่งไหน

“อภิสิทธิ์” บอกอ่านข่าวแล้วขำๆ “อนุทิน” ก็บอกเขินๆ “ไม่มีใครติดต่อมา และไม่ได้ติดต่อใคร”

ไม่มีใครกล้าพูดเต็มปากเต็มคำ เพราะต่างรู้แก่ใจ มันก็แค่มุก “พระเจ้าเหา” เกมต่อรองแบบเก่าของพรรคตัวแปร แห่กระแสกดดัน เขย่าโควตารัฐมนตรี

แบบที่จับไต๋ได้ในห้วงกระแส “ขั้วที่สาม” โผล่ออกมายั่วทีมดูไบ กระตุ้นมือใหม่หัดขับทางการเมืองอย่างทีมอนาคตใหม่ให้มีเหลี่ยมขย่มขั้วพลังประชารัฐ

เตะตัดขา “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ให้ตีตั๋วต่อง่ายๆ

อีกทางมันก็มีข้อมูลจากแหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนาม แต่ประสงค์โควตารัฐมนตรี ปฏิบัติการปล่อยโพยผ่านทีมปั่นกระแส แชร์ข่าว “พิมพ์เขียวเดียวกัน” ในโซเชียลฯลามถึงสื่อกระแสหลัก

ปมแรก พรรคร่วมรัฐบาลตีกัน ตั้งแง่ไม่เอาพี่น้อง 2 ป. ทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ร่วมขบวนรัฐบาล “ลุงตู่” รอบสอง

เพราะมีปัญหาเรื่องของภาพลักษณ์เป็นตัวถ่วง

อีกปมก็โยนระเบิดไปที่ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ที่โดนข้อหาหมั่นไส้ พรรคตัวแปรไม่พอใจที่อมกระทรวงเศรษฐกิจไว้หมด ไม่ยอมคาย

ตามเป้าหมายที่อ่านเกมได้ตื้นๆ ไม่ใช่เหลี่ยมลึกซึ้งอะไร

มุมหนึ่งก็เป็นแรงเขย่าให้ “บิ๊กป้อม” หลุดขบวน ตามรูปการณ์ “บิ๊กป๊อก” ต้องขยับมายึดป้ายกลาโหมแทน เพื่อให้โควตาเก้าอี้มหาดไทยว่าง ซึ่งนั่นจะเข้าทางพรรคภูมิใจไทยที่ตีตราจองไว้

หรือถ้ากระแสไม่เอา 2 ป. จุดติด ก็เคลียร์ทั้ง “พี่ป้อม-พี่ป๊อก”

ในขณะที่อีกมุมก็เขย่า “สมคิด” มุ่งกระทรวงเศรษฐกิจ เพราะงบสูง โดยเฉพาะ “คมนาคม” ที่หุ้มทองฝังเพชร ว่ากันว่ามีขาใหญ่ประกาศจองต่อหน้าผู้บริหารรัฐวิสาหกิจในสังกัดมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ขณะที่ทีมประชาธิปัตย์ ที่งัดเชิงกับ “สมคิด” มาเป็นระยะ ก็ต้องการเข้ามาแชร์พื้นที่ แต่ตามหลักความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ยังไงนายกฯก็ต้องใช้งาน “สมคิด” เป็นหลักในการคุมการขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่

เลยทำได้แค่ดิสเครดิต หงุดหงิด ขู่ให้ “สมคิด” ยอมคาย

แต่ถ้าฟลุก ในอารมณ์ “สมคิด” เป็นพวกภูมิต้านทานแรงเสียดทานการเมืองต่ำ หากเห็นเสือหิวเสือโหย หลุดเข้ามาจองกระทรวงเงินกระทรวงทอง ถอนทุน ระดมเสบียงเลือกตั้ง

“จอมยุทธ์กวง” โดดหนี ไม่กล้าพายเรือให้เสือหิวเสือโหย นั่นก็เข้าทางเลย

ทั้งหมดทั้งปวง นั่นคิดในมุมของพรรคตัวแปรที่สนุกกับมุกพระเจ้าเหา แต่ในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านประเทศ นักการเมืองเผลอย่ามใจไม่ได้ ในฐานะตัวก่อปัญหาวิกฤติ ยังติดชนักพฤติกรรมน้ำเน่า

เอาเป็นว่า ท่ามกลางกระแสขั้วหนุนทักษิณดิ้นสู้ทุกทาง เกมผุดขั้วที่สาม พรรคตัวแปรต่อรอง แต่จับอาการล่าสุด

พล.อ.ประยุทธ์ ไม่หงุดหงิด แถมอารมณ์ดีกับคำถามความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล

“กำลังดำเนินการอยู่นะจ๊ะ”

สบายอก สบายใจ ถือตั๋วชัวร์ๆอยู่บนขบวนรถไฟแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน