PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

จองตั๋วล่วงหน้าไปแล้ว


ตีปี๊บ ดักคอ ดักทาง กันเซ็งแซ่เลย
ถึงคิว “หมอเหวง” นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำหัวแถวเสื้อแดง นปช. ปฏิบัติการ “พูดแบบเหวงๆ” จี้ปมใหม่ คสช.ต้องเลื่อนการสอบ GAT/PAT ออกไปไม่ให้ตรงกับวันเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562
อ้างเหตุผลปนตีกินตามฟอร์ม การกำหนดวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ตรงกับวันเลือกตั้งอาจจะเกิดจากความพลั้งเผลอ หรืออาจจะเกิดจากความหวาดกลัวที่คาดการณ์ว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มจะใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรก จะใช้สิทธิในการเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
สรุปภาษาเหวงๆก็คือ ตีกัน คสช.ล็อกคะแนนเด็กรุ่นใหม่ไม่ให้เข้าทาง “ทักษิณ”
อาศัยเด็กเป็นเครื่องมือ “ตีกิน” เกทับบลัฟกดดันกันทางการเมือง
แต่เรื่องของเรื่อง โดยข้อเท็จจริงตามเงื่อนไขสถานการณ์ มันเริ่มเห็นปัจจัยแปรผันแทรกเข้ามา
ในมุมที่เป็นเหตุเป็นผลกับการที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปพูดย้ำในเวทีประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ที่ประเทศเบลเยียม การเลือกตั้งตามโรดแม็ปของประเทศไทยจะเกิดขึ้นแน่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า หรืออย่างช้าเดือนพฤษภาคม 2562
ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด โอกาสต้องเลื่อนปฏิทินเลือกตั้ง
การที่ “หมอเหวง” ออกมาเขี่ยปมสอบ GAT/PAT เท่ากับช่วยตอกย้ำความจำเป็นตามสภาวการณ์
“เข้าทาง” หาก คสช.จะเลื่อนคิวเลือกตั้งออกไป
เพราะอย่างไรเสีย โดยน้ำหนักความสำคัญถ้าเทียบกัน เรื่องอนาคตการศึกษาของเด็กต้องสำคัญกว่าเกมอำนาจทางการเมืองของผู้ใหญ่
ในอารมณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” บอกแค่ว่า เรื่องนี้ต้องมีทางออก โดยมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ
ตามรูปการณ์ ถึงตรงนี้กำหนดการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 62 เริ่มไม่ชัวร์
แต่ไม่ว่าจะเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ ในห้วงเวลาที่แตกต่างกันแค่ 2 เดือนนิดๆ ถึงตรงนี้ไม่มีผลอะไรแล้ว
ตามจังหวะถอดหัวโขน “ทุ่มหน้าตักเดิมพัน” ของรัฐมนตรี “4 กุมาร” ทีมพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ จ่อร่อนใบลาออก
ล็อกฤกษ์พานาทีที่ผูกโยงกับเงื่อนเวลาตาม “ไทม์ไลน์” บังคับใช้กฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ
พิธีกรรมตามกฎหมายก็ว่าไป แต่ยังไงก็หนีไม่พ้นถูกมองว่าเชื่อมโยงสั่งการเบื้องหลังได้อยู่ดี
อะไรไม่สำคัญเท่ากับว่า มันยังมี “เหลี่ยมเขี้ยว” แบบที่รองนายกฯวิษณุแบไต๋ โครงการขยายเกษียณอายุราชการจาก 60 ปี ออกไปเป็น 63 ปี ยังไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และเชื่อว่าจะไม่ทันรัฐบาลนี้ ต้องรอรัฐบาลต่อไป
ในเชิงเทคนิคการบริหารอาจเป็นเรื่องของการต้องทำอย่างรอบคอบ
แต่ในมุมการเมือง โยงกับสถานการณ์เลือกตั้ง มันก็หวังผลได้ อย่างไรเสียบรรดาข้าราชการและพวกที่ลุ้นขยายเกษียณอายุ ก็ต้องเอาใจช่วยทีม “ลุงตู่” กลับมาเป็นรัฐบาล
นี่คือการ “มัดจำ” คะแนนจาก “พรรคข้าราชการ” ทั่วประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ ทีมหนุน “ลุงตู่” มีโอกาสชู้ตประตู ทำคะแนนได้ต่อเนื่อง
ในจังหวะที่อาการของพวกจ้องเบี้ยวก็ลดโทนเฮี้ยวลงไป
ล่าสุด “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงโอกาสการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐหลังเลือกตั้ง โดยยังแทงกั๊กยักท่าตั้งเงื่อนไข
ต้องปรับโทนนโยบายการบริหาร เลิกการรวมศูนย์อำนาจ ปรับยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ
แต่สังเกตให้ดี “อภิสิทธิ์” ค่อยๆผ่อนดีกรีลงเรื่อยๆ
จากประเดิมเริ่มแรกที่เสียงแข็ง ขึงขัง ตั้งแง่พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ได้ในสถานเดียว “นายกฯลุงตู่” ต้องได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
มันก็แค่ลีลา “ลิเกการเมือง” รำป้อโชว์พ่อยกแม่ยก
เรื่องของเรื่อง เบื้องหลังว่ากันว่า แกนนำขาใหญ่พรรคประชาธิปัตย์แสดงความมั่นอกมั่นใจ ถึงขั้นเอ่ยปากชักชวนทีมข้าราชการ พรรคพวกคนสนิทมาช่วยทำงานตอนนั่งเป็นรัฐมนตรี
แอบตีตั๋วร่วมขบวน “ลุงตู่” ล่วงหน้าไปแล้ว
แนวโน้มโอกาสทอง ถ้าประชาธิปัตย์ยังพลาดก็ตายซากพอดี.

ทีมข่าวการเมือง

โฆษกบรรยากาศ

เทคนิค “บิ๊กตู่” แก้เบื่อ4 ปีกว่า

ไม่เปลี่ยน “นายกฯ”
แต่ ปลด...”เสธ.ไก่อู”
เปลี่ยนบรรยากาศ
สร้าง Look ใหม่

แถลงข่าว ในฐานะโฆษกรัฐบาล ครั้งสุดท้าย.....24 ตุลาคม 2561

“เสธ.ไก่อู” พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด ไปทำหน้าที่ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ตำแหน่งเดียว

ตั้ง “บี พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์” รองเลขาฯนายกฯ ฝ่ายการเมือง เป็น โฆษกประจำสำนักนายกฯ หรือ โฆษกรัฐบาล แทน 

“หลายคนอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง 
 ...ผมก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศของตนเองบ้างเหมือนกัน...” พลเอกประยุทธ์ แจง....

“...จะได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ ลุ้คใหม่หน่อย ไม่เบื่อหน้า นายกฯ เบื่อหรือยัง จะได้หาคนมาชี้แจงแทนนายกฯ....ยัน
พล.ท.สรรเสริญ ไม่ได้บกพร่องอะไรเพียงแต่ เปลี่ยนบรรยากาศ เท่านั้นเอง”

บิ๊กตู่คุยมหาธีร์

(24/10/61)ช่วยไทย ดับไฟใต้ เหมือนที่ไทย เคยช่วยมาเลเซีย ปราบโจรจีนคอมมิวนิสต์

“บิ๊กตู่”คุย  “Mahathir Mohamad” เดินหน้าช่วยไทยแก้ปัญหาชายแดนใต้ เป็น facilitator การพูดคุยต่อ อย่างตรงไปตรงมา /ย้ำ จังหวัดชายแดนใต้เป็น “ปัญหาภายใน “ของไทย  แต่ความร่วมมือจากต่างประเทศ จะทําให้แก้ได้ง่ายขึ้น ยันยึดหลัก รธน.ไทย/ นายกฯมาเลเซีย ลั่น “เราไม่มีปัญหาระหว่างกัน”ขอบคุณไทย เคยช่วย มาเลเซียแก้ปัญหา “จคม.”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  พบหารือ กับ นาย Mahathir Mohamad   นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ ทำเนียบรัฐบาล ในการเยือยไมย 24-25 ตค.2561

พลเอกประยุทธ์. ระบุว่า นายมหาธีร์ ถือเป็นรัฐบุรุษ และเป็นผู้นำอาวุโสของภูมิภาคและของโลก และมีผลงานและคุณูปการมากมายในการพัฒนามาเลเซีย รวมถึงสร้างสัมพันธภาพระหว่างไทยกับมาเลเซีย

โดยจะสร้าง “ทศวรรษใหม่แห่งความสัมพันธ์” ระหว่างกัน อีกทั้งในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ไทยและมาเลเซียต้องร่วมมือกันสร้างเสถียรภาพความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน พร้อมขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ร่วมมือกันผลักดันความร่วมมือในกรอบอาเซียน

โดยได้หารือกันค่อนข้างลงลึกใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1. การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ และความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยผมได้เล่าถึงนโยบายของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

โดยฝ่ายไทยถือว่าจังหวัดชายแดนใต้เป็นปัญหาภายใน 

แต่ขณะเดียวกันความร่วมมือจากต่างประเทศก็จะทําให้การแก้ไขปัญหาทำได้ง่ายขึ้น 

ขณะเดียวกัน ผมได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เกี่ยวกับกระบวนการพูดคุยฯ ที่ฝ่ายมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกอย่างตรงไปตรงมา 

ซึ่งการพูดคุยจะดำเนินการต่อไปโดยมีมาเลเซียเป็นผู้ประสานงาน และทุกอย่างจะอยู่บนพื้นฐานและกรอบของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 

นอกจากนี้จะขยายความร่วมมือการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน การพัฒนาเศรษฐกิจและประเด็นความมั่นคงในภาพใหญ่ โดยเฉพาะการต่อต้านการก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่ง การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติยาเสพติดและการค้ามนุษย์

2. การพัฒนาเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงตามแนวชายแดน โดยตนได้เสนอให้ทั้งสองประเทศยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจขึ้นเป็น”หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่เข้มข้น” 

3. ความร่วมมือในกรอบอาเซียน โดยเฉพาะในปีหน้าที่ไทยจะทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนจึงมีเป้าหมาย ก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และประเทศสมาชิกก้าวไปพร้อมกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

ไทยและมาเลเซียจะทำงานอย่างใกล้ชิดในทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความสงบสุขมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมีฐานะที่มั่นคงและยั่งยืน รวมทั้งมีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของการมีเสถียรภาพความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

Mahathir Mohamad กล่าวว่า ในการเยือนไทยเพราะอยากสร้างความคุ้นเคยกับอาเซียน หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี 

ซึ่งต้องขอขอบคุณนายกฯและรัฐบาลไทยสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น และการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา 

“เราไม่มีปัญหาระหว่างกันและ เรามีประวัติศาสตร์ความร่วมมือในอดีต ซึ่งมาเลเซียเคยมีปัญหา และไทยได้ให้การสนับสนุนเพื่อยุติปัญหานั้น
 ก็ขอขอบคุณไทยในด้านนี้ 

ทั้งนี้ปัจจุบันไทยมีปัญหาชายแดนใต้ เราก็ยินดีที่จะช่วยไทยในทุกด้านเพื่อแก้ไขความรุนแรงและก็มั่นใจว่า ด้วยว่าความร่วมมือของสองประเทศจะทำให้สามารถแก้ไขและลดปัญหานี้ได้ 

และเห็นว่าการแสดงมิตรภาพ ไม่ใช่แค่การพูดคุย แต่ต้องเป็นการปฏิบัติอย่างแท้จริงในฐานะมิตรที่ใกล้ชิด 

นอกจากนี้ในส่วนของการค้าระหว่างไทย-มาเลเซียใน ปี 2018 มีมูลค่าสูงขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ มูลการค้า 14,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเราสามารถเพิ่มมูลค้าการค้าได้ เมื่อแก้ด่านศุลกากร ที่ปัจจุบัน มีจุดผ่านแดน 4 ด่าน ที่รัฐกลันตัน 2 ด่าน และรัฐเคดาห์ และรัฐเปอร์ลิส

นอกจากนี้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างลังกาวีและสตูล มีการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองของสองประเทศ เราควรพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกการไปมาหาสู่ของประชาชนทั้งสองฝ่าย เพื่อที่จะบรรลุตามเป้าหมายนี้ 

โดยเราจะเปิดด่านศุลกากร 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งสินค้า และเราจะมีการสร้างสะพาน 2 สะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก ที่เชื่อมกับรัฐกลันตัน

 อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีปัญหาเส้นทางถนน เชื่อว่าแก้ไขปัญหานี้ได้ และเราพร้อมที่จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ที่มีอุปสรรค ในทุกทางที่เป็นไปได้ 

อย่างกรณีประชาชนถือ 2 สัญชาติ ต้องมีความพยายามแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดการค้ามนุษย์และการขนส่งสินค้าที่ผิดกฎหมาย

เราเห็นว่าประชาคมอาเซียนมีความแข็งแกร่ง มีประชากรกว่า 600 ล้านคน และด้วยความต้องการทางทรัพยากรต่างๆ อาเซียนควรเป็นตลาดภายในของทุกประเทศ โดยเราจะหารือประเด็นดังกล่าวในการพูดคุยอาเซียนครั้งต่อไป 

เชื่อว่าในความพยายามจะบรรลุเป้าหมาย ด้วยการที่ผู้นำควรร่วมกันหารือบ่อยครั้ง และในระดับผู้แทนควรจะหารือเพื่อแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆระหว่างกัน เชื่อว่าเราจะสามารถยกระดับกระบวนการต่างๆในการข้ามพรมแดน 

ทั้งนี้ส่วนตัวยินดีอย่างยิ่งที่จะสร้างมิตรภาพกับ พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่าผู้นำที่มีความใกล้ชิดระหว่างกันจะช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างสำเร็จ

พูดคุยสันติสุขรอบใหม่เข้าช่อง fast track มาเร็วเคลมเร็ว

พูดคุยสันติสุขรอบใหม่เข้าช่อง fast track มาเร็วเคลมเร็ว ผู้อำนวยความสะดวกมาเลย์คนใหม่ ตันศรี ราฮิม นัวร์ สายตรงนายกมาเลย์ เลือกมากับมือให้มาประสานการพูดคุยรอบใหม่ มีกรอบเวลาทำงานไม่เกิน สองปี ซึ่งเป็นช่วงที่มหาเธร์มีเวลาทำงานครึ่งเทอมแรกก่อนส่งไม้ต่อให้อันวาร์ อิบราฮิม 
ราฮิม นัวร์ มั่นใจระหว่างหารือนอกรอบเช้านี้กับ พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ หน.คณะพูดคุยสันติสุข การพูดคุยรอบใหม่จะบรรลุสันติสุขในพท.ภายในกรอบเวลาหนึ่งปี กล่าวระหว่างแถลงข่าวการพูดคุยครั้งนี้จะเป็นยุคสมัยใหม่new era ของการสร้างสันติสุขในจชต.บอกก่อนเดินทางมาได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกมหาเธร์ ที่เล่าให้ฟังถึงความตั้งใจสร้างให้เกิดสันติสุขในพท.ชายแดน ยอมรับการก่อเหตุร้ายของบีอาร์เอนในจชต.ถือเป็น security threat ภัยความมั่นคงที่มาเลย์พร้อมร่วมมือแก้ไขปัญหา เหมือนช่วงเหตุการณ์ปี2532 ที่รัฐบาลไทยช่วยมาเลย์แก้ปัญหาจคม.พรรคคอมมิวนิสต์มาลายาจนมีการลงนามข้อตกลงสันติภาพปลายปี 2532
ระหว่างหารือ บิ๊กเมาถูกตันศรีราฮิม สอบถามจะเริ่มกระบวนการพูดคุยได้เมื่อไหร่ พล.อ.อุดมชัยตอบทันที ให้เร็วที่สุด หากสัปดาห์หน้านัดตัวแทนกลุ่ม hard core คุยได้ พร้อมเดินทางไปมาเลย์ทันที ได้ข้อยุติเบื้องต้น มาเลย์รับประสานตัวแทนbrnมาพูดคุยในสัปดาห์หน้า
การพูดคุยรอบใหม่จะแบ่งเป็นสองกลุ่ม บิ๊กเมา ชี้แจงตันศรีราฮิม ถึงroadmap ที่วางไว้ การพูดคุยกับกลุ่ม hard core เพื่อชี้แจงข้อเสนอของบีอาร์เอนที่เสนอก่อนหน้านี้ห้าข้อ และทำความเข้าใจต่อนโยบายของรัฐบาล
บิ๊กเมาตอบคำถามตันศรีราฮิม นัวร์ เรื่องการหยุดยิง ระหว่างพูดคุยสันติสุข พล.อ.อุดมชัย แจงไม่มีความจำเป็นต้องหยุดยิงระห่างการพูดคุย เพื่อให้การพูดคุยเดินหน้า ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงปฏิบัติหน้าที่ตากปกติ
หากตันศรี ราฮิม จัดให้ตัวแทนhardcoreมาพูดคุยได้ในสัปดาห์หน้า อย่างที่รับปาก ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ตลอด่ช่วงห้าปีของการพูดคุย ดุลเล่ะห์ แวมานอ ไม่ยอมร่วมเจรจา ผู้อำนวยความสะดวกคนก่อน ซัมซามิน กดดันอะไรไม่ได้ ...
ต้องไม่ลืมว่าตันศรีราฮิม เป็นอดีตผู้การสันติบาล รับรู้สถานการณ์ในพท.ชายแดนอย่างดี มหาเธร์ไฟเขียวมาเอง ตันศรีเดินหน้าเต็มสูบ...i have confidence ..ตันศรีพูดชัดเจนระหว่างแถลงข่าว...นิว18...

ศาลจำคุก10ปี-ตลอดชีวิต’13โจ๋’ร่วมฆ่านศ.ศิลปากรไขควงเเทงขมับดับ

ศาลจำคุก10ปี-ตลอดชีวิต’13โจ๋’ร่วมฆ่านศ.ศิลปากรไขควงเเทงขมับดับ ป้าลั่นไม่อโหสิกรรม
วันที่ 24 ตุลาคม 2561
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1756/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายกรกนก หรืออาร์ท วรัญญสาธิต กับพวกรวม 14 คนเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าและทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,290 ฯลฯ
กรณีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 พวกจำเลยได้บุกเข้าไปในห้องพักเลขที่ 13 หอพักบ้านเกรียงไกร เลขที่ 153/2 ม.5 ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยจำเลยที่ 1,2,4,7 และ13 ร่วมกันเจตนาฆ่านายธีรพงศ์ หรือปอนด์ ฐิติฐาน อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรีโดยใช้ร่วมกันทำร้ายร่างกาย และใช้ไขควงปลายแหลมเป็นอาวุธแทงที่ขมับด้านขวาทะลุผ่านศีรษะ เข้าไปในเนื้อสมองจนถึงแก่ความตาย
นอกจากนี้จำเลยที่ 3,5,6,10,12,14 ยังร่วมกันทำร้ายร่างกายนายธีรพงศ์ กับเพื่อนๆ อีก 3 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ชั้นพิจารณาพวกจำเลยให้การปฏิเสธ คงมีจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
โดยชั้นพิจารณา นายเดชาธร หรือไบร์ท มูลมณี จำเลยที่ 2 เพียงคนเดียว ที่ไม่ได้รับการประกันจึงถูกคุมขังในจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งวันนี้ศาลเบิกตัวมาจากเรือนจำ
ขณะที้ศาลพอเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า มีประจักษ์ที่อยู่ในห้องเกิดเหตุ , ที่หอพัก และผู้บาดเจ็บ รวมทั้งวงจรปิดหน้าหอพัก-สถานที่ตามเส้นทางรถยนต์พวกจำเลยขับผ่าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบิกความสอดคล้องว่า จำเลยที่ 1-13 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในห้องผู้ตาย และรุมทำร้าย โดยจำเลยที่ 1 ล็อกคอผู้ตาย แล้วจำเลยใช้ไขควงแทงขมับจนเสียชีวิตในเวลาต่อมาขณะถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
จึงพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายกรกนก หรืออาร์ท วรัญญสาธิต จำเลยที่ 1สถานเดียวฐานฆ่าผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.288
นายเดชาธร หรือไบร์ท มูลมณี จำเลยที่ 2 ให้จำคุก 25 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ ม.288 และบุกรุกโดยมีเหตุฉกรรจ์ ม.365 (1)(2)(3)
ส่วน ส.ต.ชรินทร หรือบิ๊ก แก่สาร จำเลยที่3, นายภาคิน หรือมิค เสือนาค จำเลยที่10, นายอธิบ หรือซิม กุญแจทอง จำเลยที่ 12ให้จำคุก 1 ปี ฐานบุกรุก
และนายญาณวัฒน์ หรือปาร์ม ทิพย์เที่ยงแท้ จำเลยที่ 4 , นายเรวัติ หรือเต้ย วงศ์ขยาย จำเลยที่ 5 , นายกฤตนันท์ หรือปาล์ม เนียมเงิน ตำเลยที่ 6 , นายศุภสิทธิ์ หรือแป้ง ตีท้วม จำเลยที่ 11 ให้จำคุก 11 ปี
ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนได้รับอันตรายฯ ม.290 และบุกรุก โดยส่วนของนายญาณวัฒน์ จำเลยที่ 4 ให้นับโทษคดีที่ศาลหัวหินด้วยอีก 1 เดือนรวมจำคุกเฉพาะ จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 11 ปี 1 เดือน
สำหรับนายเศรษฐา หรือเปิ้ล อุปถัมภ์ จำเลยที่7 , นายธีราพัฒน์ หรืออั้ม โพธ์สุทธิ์ จำเลยที่8 , นายธีรธานนท์ หรือนนท์ ทัพนาค จำเลยที่ 9, นายชินกิตติ์ หรือ อกิต อรรถวรรธน จำเลยที่ 13 จำคุก 10 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนได้รับอันตรายฯ ม.290 และบุกรุก
และให้จำเลยที่ 1-13 ร่วมกันชดใช้เงินค่าเสียหายแก่เจ้าของหอพักโจทก์ร่วมที่ 1 ด้วย 150,000 บาท กับชดใช้ผู้บาดเจ็บโจทก์ร่วมที่ 2 จำนวน 125,000 บาท , โจทก์ที่ 3 จำนวน 95,000 บาท และมารดาผู้ตาย โจทก์ร่วมที่ 4 จำนวน 6,870,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 25 ก.พ.60 (วันเกิดเหตุ)
โดยพิพากษายกฟ้อง น.ส.มาริสา หรือลูกหมี เงินทอง จำเลย 14 เพราะวันเกิดเหตุไม่ได้ลงจากรถยนต์พวกจำเลยเข้าไปในห้องเกิดเหตุ
นางอรุณี ดีสุวรรณ ป้าของนายธีระพงษ์ ฐิตะฐาน หรือ น้องปอนด์ นศ.มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี วัย 24 ปีถูกกลุ่มวัยรุ่น ในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ใช้เหล็กไขควง แทงที่ศีรษะเสียชีวิต ภายในหอพัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาของศาล ว่า วันนี้ศาลได้ให้ความยุติธรรมที่สุดแล้ว เบื้องต้นครอบครัวพอใจกับผล โดยจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดีต่อ แต่หากฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์ ก็เป็นเรื่องของอีกฝ่าย
ทั้งนี้ยันไม่ขออโหสิกรรมให้ ขอให้คนที่ฆ่าหลานตนเองไปรับโทษ ตามกฎหมายส่วนศพน้องที่ขณะนี้ยังแช่อยู่ในโลงเย็นที่บ้าน ในจังหวัดชุมพร หลังจากนี้ จะยังรอดูจนกว่าคดีจะสิ้นสุดจริงในชั้นศาล แล้วจะพิจาณาเรื่องการฌาปนกิจต่อไป แต่เบื้องต้น แม่ยังทำใจไม่ได้ ทุกวัน กลับจากทำงานยังกลับมาเปิดดูหน้าลูกชายในโลงทุกวัน
ส่วนหากน้องปอนด์ฟังอยู่ อยากบอกว่าให้น้องไปสู่สุขคติ และไปยังภพภูมิที่ดี ชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดมาเป็นคนในครอบครัวอีก
ต่อมาญาติของจำเลยที่ 1,3 – 13 รวม 12 คน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ มูลค่าคนละ 7 แสนบาทขอปล่อยชั่วคราว
ส่วนนายเดชาพล หรือไบร์ท มูลมณี จำเลยที่2 ไม่ยื่นขอประกันตัว
อย่างไรก็ตามศาลพิจารณาแล้ว ในส่วนของ นาย กรกนก หรืออาร์ท วรัญญสาธิต จำเลยที่ 1 เห็นควรส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้ศาลอุทธรณ์ พิจารณาสั่งประกันต่อไป
ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 11 คนคือ จำเลยที่ 3 – 13 ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวคนละ 7 แสนบาท ระหว่างอุทธรณ์
#มติชน

"ชาติไทยพัฒนา"เผย "หนูนา-ประภัตร" คุมพรรค สอดรับบิ๊กเนมเข้าพรรค "ท็อป" ยันรุ่นใหม่ในพรรครับได้

"ชาติไทยพัฒนา"เผย "หนูนา-ประภัตร" คุมพรรค สอดรับบิ๊กเนมเข้าพรรค "ท็อป" ยันรุ่นใหม่ในพรรครับได้


เมื่อวันที่ 22 ต.ค. แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หลายคนได้เดินทางมายังที่ทำการพรรคเพื่อหารือเกี่ยวกับประชุมใหญ่ของพรรคที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 ต.ค.

นายประภัตร โพธสุธน แกนนำพรรค ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงการเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการพรรค ระบุเพียงว่า ไม่มีอะไร ขอให้รอการประชุมใหญ่สามัญของพรรค วันที่ 26 ต.ค.นี้

ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำคนรุ่นใหม่พรรคชทพ. กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าน.ส.กัญจนา ศิลปอาชา จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และนายประภัตร จะมาเป็นเลขาธิการพรรค ว่า ก่อนหน้านี้อดีตนักการเมืองที่เป็นผู้ใหญ่ของในวงการการเมืองยังไม่ได้มีความชัดเจนในการจะเข้ามาร่วมกับพรรคหรือไม่ แต่เมื่อขณะนี้มีความชัดเจนแล้ว ในพรรคจึงต้องมีการปรับกระบวนทัพก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งเต็มตัว เพื่อให้สอดรับกับการที่จะมีผู้ใหญ่เข้ามา เพราะเมื่อผู้ใหญ่ที่อยู่ในวงการเมืองหลายๆ ฝ่ายให้ความวางใจพรรค ชทพ.มากขึ้น จึงเป็นการให้ความมั่นใจ ทำให้พรรคหนักแน่นและเข้มแข็งมากขึ้น ตนต้องขอบคุณ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง

นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่เดิมเคยชูคนหนุ่มรุ่นใหม่แล้วมามีการเปลี่ยนแปลงนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่มีปัญหา เพราะตนและน้องๆ ทุกคนยังทำงานในพรรค เพื่อให้เป็นอย่างที่เคยพูดว่า พรรคนี้คนรุ่นเดิมกับคนรุ่นใหม่ต้องทำงานผสมผสานกัน ไม่ได้ต่างอะไรกับที่เคยพูดไป ที่สำคัญที่สุดองค์กรคือ พรรค ชทพ. ทั้งนี้ ขอให้ไปดูวันที่ 26 ต.ค. ว่าคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะออกมาอย่างเป็นทางการนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า วันที่ 26 ต.ค. จะมีบิ๊กเซอร์ไพร์สซ้ำอีกหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า จะมีใครมาเติมหรือไม่อย่างไร ต้องรอวันที่ 26 พ.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ทุกคนจะต้องมีพรรคสังกัดเพื่อลงสมัครสส. ซึ่งเป็นไปตามกำหนดกรอบ 90 วันของกฎหมาย

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ อาจมาร่วมกับพรรค ชทพ. นายวราวุธ กล่าวติดตลกว่า ตนไม่ทราบ สงสัยจะเป็นข่าววงใน แต่บางทีเป็นไปได้ว่า มีอดีต ส.ส.ไปทางไหนแล้วโควตาเต็ม ก็เกิดการยักย้ายถ่ายเทของผู้สมัครก็เป็นไปได้ แต่สำหรับกรณีนายสุชาตินั้นตนยังไม่ได้ข่าวแต่อย่างใด