PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

จองตั๋วล่วงหน้าไปแล้ว


ตีปี๊บ ดักคอ ดักทาง กันเซ็งแซ่เลย
ถึงคิว “หมอเหวง” นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำหัวแถวเสื้อแดง นปช. ปฏิบัติการ “พูดแบบเหวงๆ” จี้ปมใหม่ คสช.ต้องเลื่อนการสอบ GAT/PAT ออกไปไม่ให้ตรงกับวันเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562
อ้างเหตุผลปนตีกินตามฟอร์ม การกำหนดวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ตรงกับวันเลือกตั้งอาจจะเกิดจากความพลั้งเผลอ หรืออาจจะเกิดจากความหวาดกลัวที่คาดการณ์ว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มจะใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรก จะใช้สิทธิในการเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
สรุปภาษาเหวงๆก็คือ ตีกัน คสช.ล็อกคะแนนเด็กรุ่นใหม่ไม่ให้เข้าทาง “ทักษิณ”
อาศัยเด็กเป็นเครื่องมือ “ตีกิน” เกทับบลัฟกดดันกันทางการเมือง
แต่เรื่องของเรื่อง โดยข้อเท็จจริงตามเงื่อนไขสถานการณ์ มันเริ่มเห็นปัจจัยแปรผันแทรกเข้ามา
ในมุมที่เป็นเหตุเป็นผลกับการที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปพูดย้ำในเวทีประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ที่ประเทศเบลเยียม การเลือกตั้งตามโรดแม็ปของประเทศไทยจะเกิดขึ้นแน่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า หรืออย่างช้าเดือนพฤษภาคม 2562
ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด โอกาสต้องเลื่อนปฏิทินเลือกตั้ง
การที่ “หมอเหวง” ออกมาเขี่ยปมสอบ GAT/PAT เท่ากับช่วยตอกย้ำความจำเป็นตามสภาวการณ์
“เข้าทาง” หาก คสช.จะเลื่อนคิวเลือกตั้งออกไป
เพราะอย่างไรเสีย โดยน้ำหนักความสำคัญถ้าเทียบกัน เรื่องอนาคตการศึกษาของเด็กต้องสำคัญกว่าเกมอำนาจทางการเมืองของผู้ใหญ่
ในอารมณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” บอกแค่ว่า เรื่องนี้ต้องมีทางออก โดยมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ
ตามรูปการณ์ ถึงตรงนี้กำหนดการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 62 เริ่มไม่ชัวร์
แต่ไม่ว่าจะเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ ในห้วงเวลาที่แตกต่างกันแค่ 2 เดือนนิดๆ ถึงตรงนี้ไม่มีผลอะไรแล้ว
ตามจังหวะถอดหัวโขน “ทุ่มหน้าตักเดิมพัน” ของรัฐมนตรี “4 กุมาร” ทีมพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ จ่อร่อนใบลาออก
ล็อกฤกษ์พานาทีที่ผูกโยงกับเงื่อนเวลาตาม “ไทม์ไลน์” บังคับใช้กฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ
พิธีกรรมตามกฎหมายก็ว่าไป แต่ยังไงก็หนีไม่พ้นถูกมองว่าเชื่อมโยงสั่งการเบื้องหลังได้อยู่ดี
อะไรไม่สำคัญเท่ากับว่า มันยังมี “เหลี่ยมเขี้ยว” แบบที่รองนายกฯวิษณุแบไต๋ โครงการขยายเกษียณอายุราชการจาก 60 ปี ออกไปเป็น 63 ปี ยังไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และเชื่อว่าจะไม่ทันรัฐบาลนี้ ต้องรอรัฐบาลต่อไป
ในเชิงเทคนิคการบริหารอาจเป็นเรื่องของการต้องทำอย่างรอบคอบ
แต่ในมุมการเมือง โยงกับสถานการณ์เลือกตั้ง มันก็หวังผลได้ อย่างไรเสียบรรดาข้าราชการและพวกที่ลุ้นขยายเกษียณอายุ ก็ต้องเอาใจช่วยทีม “ลุงตู่” กลับมาเป็นรัฐบาล
นี่คือการ “มัดจำ” คะแนนจาก “พรรคข้าราชการ” ทั่วประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ ทีมหนุน “ลุงตู่” มีโอกาสชู้ตประตู ทำคะแนนได้ต่อเนื่อง
ในจังหวะที่อาการของพวกจ้องเบี้ยวก็ลดโทนเฮี้ยวลงไป
ล่าสุด “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงโอกาสการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐหลังเลือกตั้ง โดยยังแทงกั๊กยักท่าตั้งเงื่อนไข
ต้องปรับโทนนโยบายการบริหาร เลิกการรวมศูนย์อำนาจ ปรับยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ
แต่สังเกตให้ดี “อภิสิทธิ์” ค่อยๆผ่อนดีกรีลงเรื่อยๆ
จากประเดิมเริ่มแรกที่เสียงแข็ง ขึงขัง ตั้งแง่พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ได้ในสถานเดียว “นายกฯลุงตู่” ต้องได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
มันก็แค่ลีลา “ลิเกการเมือง” รำป้อโชว์พ่อยกแม่ยก
เรื่องของเรื่อง เบื้องหลังว่ากันว่า แกนนำขาใหญ่พรรคประชาธิปัตย์แสดงความมั่นอกมั่นใจ ถึงขั้นเอ่ยปากชักชวนทีมข้าราชการ พรรคพวกคนสนิทมาช่วยทำงานตอนนั่งเป็นรัฐมนตรี
แอบตีตั๋วร่วมขบวน “ลุงตู่” ล่วงหน้าไปแล้ว
แนวโน้มโอกาสทอง ถ้าประชาธิปัตย์ยังพลาดก็ตายซากพอดี.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: