PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

“คสช.”ซัด“กลุ่มพลเมืองโต้กลับ”จัดกิจกรรมเคลื่อนไหว สร้างเงื่อนไข


http://www.matichon.co.th/online/2015/03/14262304551426230494l.jpg

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดยนายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช. จากการไปจัดกิจกรรม ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะจัดกิจกรรมเดินเท้าเพื่อไปพบพนักงานสอบสวนในช่วง 14-16 มีนาคมนี้ว่า กรณีดังกล่าวคงเป็นความพยายามที่จะแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ไม่ต่างจากพฤติกรรมเดิมๆ ของนายอานนท์ ซึ่งพยายามไม่เข้าใจและสร้างเงื่อนไขอยู่ตลอด  ทั้งๆที่เมื่อบ้านเมืองเกิดภาวะไม่ปกติ ภาครัฐย่อมจะต้องมีมาตรการกฎระเบียบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ด้วยวัตถุประสงค์ให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย

พ.อ.วินธัยกล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มพลเมืองฯเรื่องการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหารว่า ความเป็นจริงดำเนินคดีเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเท่านั้น  ส่วนขั้นตอนการฟ้องดำเนินคดีของตำรวจ ไม่ว่าจะส่งฟ้องที่ศาลทหาร หรือศาลพลเรือนก็ตาม คงอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน

โฆษกกองทัพบกย้ำว่า หากผู้ถูกกล่าวหามีความผิดจริงตามองค์ประกอบของพยานหลักฐานที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะตัดสินคดีด้วยศาลใดก็ตาม ผลที่ออกมาย่อมไม่แตกต่างกันอย่างแน่นอน ส่วนโอกาสในการต่อสู้ทางคดีนั้น ขอยืนยันว่าจะศาลไหนก็ยังคงสามารถทำได้เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวคงเป็นมุมมองส่วนบุคคลที่ยังเข้าใจสถานการณ์ไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ทาง คสช. มั่นใจว่าสังคมส่วนใหญ่เข้าใจดีว่าในช่วงเวลาบ้านเมืองไม่ปกติ จำเป็นที่ภาครัฐจะต้องการให้คนในสังคมเคารพและปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบกติกามากขึ้น ภาครัฐจึงอาจต้องมีเงื่อนไขเสริมพิเศษมาบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติ

"เชื่อว่าสังคมยังคงสับสนในเจตนาที่แท้จริงของนายอานนท์ว่าสิ่งที่พยายามดำเนินการอยู่นั้นเพื่อตนเองหรือเพื่อประเทศชาติ. และจากข้อมูลที่ได้กิจกรรมในวันพรุ่งนี้อาจถูกส่อเค้าไปในลักษณะเชิงการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาสังคมส่วนใหญ่เข้าใจและให้ความร่วมมือกับ คสช. เป็นอย่างดี" โฆษก คสช. กล่าว และว่า กรณีที่มีบางบุคคลที่ยังไม่เข้าใจ คสช. คงจะเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิดถ้าพบมีละเมิดกฏหมาย ก็จำเป็นต้องดำเนินการ

สถานการณ์ข่าว13/3/58

ในหลวงเสด็จ

สำนักพระราชวัง เผย หมายกำหนดการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับวังสวนจิตรลดาในช่วงเย็นวันนี้

ทางสำนักพระราชวังได้แจ้งหมายกำหนดการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จะทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ในช่วงเย็นของวันนี้ ซึ่งทำให้ประชาชนที่ทราบข่าวทยอยเดินทางมายังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อจับจองพื้นที่ในการรอเข้าเฝ้าส่งเสด็จในวันนี้ด้วย โดยบรรยากาศที่ศาลาศิริราช 100 ปี

ล่าสุดในช่วงบ่ายวันนี้ ทางสำนักพระราชวังยังคงเปิดให้ประชาชนและพสกนิกรร่วมลงนามถวายพระพร ซึ่งยังคงมีพสกนิกรทยอยเดินทางมายังโรงพยาบาลศิริราชอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดีพร้อมมีการลงนามถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป


////////////////
ความมั่นคง/คดีระเบิด

พล.ท.กัมปนาท จับตากลุ่มป่วนเคลื่อนไหวในต่างประเทศ มั่นใจ จนท.ควบคุมสถานการณ์ได้ เร่งสอบโยงกลุ่มใดบ้าง โต้ "จตุพร" ยันไม่มีการจัดฉาก 

พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ถึงเหตุลอบวางระเบิดที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนดำเนินงานอย่างเต็มที่และเชื่อมั่นว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งขณะนี้สามารถรวบรวมข้อมูลโดยเชื่อว่ากลุ่มดังกล่าวมีเครือข่ายที่กว้างขวางและเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ส่วนจะเป็นกลุ่มขั้วอำนาจเก่า หรือกลุ่ม นปช. หรือไม่นั้น อยู่ในระหว่างขั้นตอนการสอบสวนจึงไม่สามารถให้คำตอบได้

ส่วนกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ออกมากล่าวว่า เหตุระเบิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และจะไม่มีการเรียกตัว นายจตุพร มาปรับทัศนคติ เพราะเกรงว่าจะเป็นประเด็นทางสังคมตามมา

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีการสร้างสถานการณ์เพื่อสืบทอดอำนาจ และเหตุดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อโรดแมปและกระบวนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นตามกรอบระยะเวลาที่ตั้งไว้
-------------------
"วินธัย" แจงข้อเรียกร้องกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ทุกศาลยึดตามพยานหลักฐาน มั่นใจสังคมเข้าใจ

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ทำหน้าที่โฆษกคณะรักษาความสบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ซึ่งนำโดย นายอานนท์ นำพา ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช. จากการจัดกิจกรรมที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา จะจัดกิจกรรมเดินเท้าเพื่อไปพบพนักงานสอบสวนในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. นี้ เป็นความพยายามที่จะแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์แบบเดิม ๆ แต่มีความพยายามที่จะไม่เข้าใจและสร้างเงื่อนไขอยู่ตลอด ภาครัฐจึงจำเป็นต้องมีมาตรการรองรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อความสงบเรียบร้อย

ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหารนั้น เป็นเพียงบางคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเท่านั้น พร้อมกับยืนยันว่า การฟ้องคดี ทั้งศาลพลเรือน และศาลทหาร ล้วนเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ยึดตามพยานหลักฐาน และให้โอกาสในการต่อสู้คดีเท่าเทียมกัน ส่วนจะตัดสินอย่างไรก็ย่อมไม่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ พ.อ.วินธัย มั่นใจว่าสังคมส่วนใหญ่จะเข้าใจดี ภาครัฐต้องการให้คนในสังคมเคารพและปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบกติกา จึงต้องมีเงื่อนไขเสริมพิเศษมาเสริม เพื่อให้สังคมส่วนรวมและประเทศชาติเกิดความสงบ
--------------------------
รองเจ้ากรมพระธรรมนูญ ยัน พลเรือนขึ้นศาลทหารเฉพาะความมั่นคงขัดคำสั่ง คสช. เท่านั้น ยันพิจารณาไม่ต่างจากศาลพลเรือน

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.ร.ท.กฤษฎา เจริญพานิช รองเจ้ากรมพระธรรมนูญ หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร ได้ชี้แจงกรณีกลุ่มพลเมืองโต้กลับ จะจัดกิจกรรมพลเมืองรุกเดินจาก อ.บางบัวทอง มายังพื้นที่ปทุมวัน ในระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคม ผ่านย่านชุมชนสายเส้นทาง เพื่อเรียกร้องในประเด็นการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร ว่า พลเรือนจะขึ้นศาลทหารเฉพาะ ในกรณีความผิดร้ายแรง ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 107-112 ซึ่งเกี่ยวกับความผิดต่อสถาบัน และประกาศฉบับที่ 113-118 เช่น การล้มล้างเปลี่ยนแปลง แบ่งแยกราชอาณาจักร หรือสะสมอาวุธ สมคบกันเป็นกบฏ ซึ่งผู้กระทำผิดในคดีร้ายแรงภายใต้กฎอัยการศึก ต้องขึ้นศาลทหาร เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง

พร้อมทั้งชี้แจงว่า กระบวนการยุติธรรมของศาลทหารกับศาลพลเรือนไม่มีความแตกต่างกัน ขอให้ประชาชนเข้าใจและไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายที่ยั่วยุเพื่อหวังผลทางการเมือง
----------------
ผบช.น. เผยทหารส่งมอบผู้ต้องหาระเบิดศาล 4 คน ให้กับ ตร. ส่วนที่เหลือรอครบ 7 วันก่อน เตรียมแผนรับมือป่วนแล้ว

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงกรณีการส่งตัวผู้ต้องหาในคดีระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหารจะได้ส่งมอบผู้ต้องหาทั้งหมด 4 รายที่ถูกออกหมายจับชุดแรก คือ นายมหาหิน ขุนทอง อายุ 34 ปี, นายยุทธนา เย็นภิญโญ อายุ 33 ปี, น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง อายุ 56 ปี (ภรรยานายมหาหิน) และ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง อายุ 20 ปี (ภรรยานายยุทธนา) มาส่งให้กับพนักงานสอบสวนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมมีการแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง ส่วนกรณีการจับกุมตัว น.ส.สุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ อายุ 49 ปี ขณะนี้ได้ส่งให้เจ้าหหน้าที่ทหารควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมตามกฎอัยการศึกแล้ว ส่วนของกลางที่สามารถยึดได้ อาทิ อาวุธสงครามเจ้าหน้าที่จะได้นำส่งให้กับกองบังคับการปราบปรามต่อไป

โดยขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดเหลือเพียง นายวีระศักดิ์ โตวังจร อายุ 36 ปี ยังคงหลบหนีอยู่ และ นายชาญวิทย์ จริยานุกูล เบื้องต้นทราบว่าจะมีการขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทหารแต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการเข้ามามอบตัวแต่อย่างใด

ด้าน นายณเรศ อินทรโสภา, นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน และ นายวิชัย อยู่สุข ขณะนี้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งต้องรอให้ครบ 7 วัน ก่อนส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง

ซึ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยังกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเชื่อว่าจะมีการก่อเหตุในลักษณะนี้อีกในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร เพื่อท้าทายอำนาจรัฐแน่นอน แต่ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกขอให้ระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นเท่านั้น เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางกองทัพได้มีการเตรียมแผนรับมือพร้อมกับวางกำลังดูแลจุดเสี่ยงต่าง ๆ ในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง ซึ่งผู้ก่อเหตุอาจเป็นกลุ่มอื่นที่นอกเหนือจากกลุ่มนี้อีกก็ได้
-------------------
ผบช.ภ.1 เด้ง ผกก.สส.นนทบุรี เข้ากรุ หลังไม่ใส่ใจหน้าที่ ให้ รองผกก.สส.สระบุรี รักษาการแทน

พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 69/2558 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาการแทนตามคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 68/2558 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2558 ให้ พ.ต.อ.พุฒิพัฒน์ วรรธ์จิรัฐ ผู้กำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เนื่องจากไม่มีความรับผิดชอบและไม่ใส่ใจในการปฏิบัติหน้าที่ หากให้รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้

ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการของกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 72(3) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 จึงให้ พ.ต.ท.พิเชียรยศ อรุณพันธ์กุล รองผู้กำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
--------------------
ทหาร คุมตัวผู้ต้องหาคดีระเบิด ส่งให้ตำรวจเดินทางไป สตช. ทันที ล่าสุด จับตัว "ใหญ่ พัทยา" มือหาระเบิดได้แล้ว

เจ้าหน้าที่ทหารกรมทหาราบที่ 11 รักษาพระองค์ ได้ควบคุมตัว นายมหาหิน ขุนทอง , น.ส.ณัฎฐพัชร์ อ่อนมิ่ง , น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง และนายยุทธนา เย็นภิญโญ  4 ผู้ต้องหา ที่ร่วมกันวางแผนก่อเหตุ ขว้างระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก จากค่ายทหารกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ มาที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อจะเดินทางไปพร้อมขบวนของ พลตำรวจโทศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไปยัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทำการแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งยังไม่มีนายตำรวจท่านใด สามารถยืนยันได้ว่า หลังแถลงข่าวแล้วจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก หรือไม่

ทั้งนี้มีรายงานล่าสุดว่า ทหาร สามารถรวบตัว นายวีระศักดิ์ โตวังจร หรือ ใหญ่ พัทยา ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการจัดหาระเบิดและอาวุธปืน มาให้ผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุได้แล้ว อีกทั้ง ยังเป็นตัวเชื่อมโยงที่จะสามารถสาวไปถึงผู้บงการระดับสูงกว่า นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์  ได้  ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด
----------------------
ผบ.ตร. เผย คุมตัว 4 ผู้ต้องหาระเบิดศาล มายัง สตช. แล้ว  ย้ำ ทำตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ

เจ้าหน้าที่ทหาร ควบคุมตัว นายมหาหิน ขุนทอง , น.ส.ณัฎฐพัชร์ อ่อนมิ่ง , น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง และนายยุทธนา เย็นภิญโญ ผู้ต้องหาคดีปาระเบิดศาลอาญา รัชดา ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน หลังถูกควบคุมตัวครบ 7 วัน ตามกฎอัยการศึก ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน โดย พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้สอบปากคำด้วยตัวเองโดยเปิดเผยก่อนการสอบปากคำว่า วันนี้ ตำรวจจะรับมอบตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลการสอบสวน ส่วน นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ และผู้ต้องหารายอื่นที่ถูกจับกุมแล้ว ยังอยู่ในการควบคุมตัวของทหารอีกหลายคน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ส่วนกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ตั้งข้อสังเกตว่ามีการจัดฉากนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นของแต่ละคน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการแสดงความคิดเห็นผ่านทางสังคมออนไลน์ ทั้งผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่ตำรวจจะทำตามพยานหลักฐาน เพื่อให้ความจริงปรากฏ  ซึ่งก่อนหน้านี้ ตำรวจก็นำตัวผู้ต้องหามาแถลงต่อสื่อมวลชนและเปิดโอกาสให้ซักถามอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่รับฟังความคิดเห็น และก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด

สำหรับกรณีที่ พนักงานสอบสวน เข้าตรวจสอบบ้านพักผู้ต้องหา พบหลักฐานรายชื่อ เบอร์โทรศัพท์อดีตข้าราชการระดับสูง ยืนยันว่า ไม่ได้มาจากคำซัดทอดของผู้ต้องหา แต่ตำรวจจะต้องบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาไว้ในสำนวน ซึ่งขณะนี้ ยังไม่พบมีความเชื่อมโยงกับอดีตข้าราชการคนดังกล่าว
---------------------
ผบ.ตร. แถลงคดีระเบิดศาล

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พ.อ.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมาย

ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการสอบปากคำ 4 ผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เบื้องต้น ผู้ต้องหา 3 คนให้การรับสารภาพ ประกอบด้วย นายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ น.ส.ณัฎฐพัชร์ อ่อนมิ่ง โดยทั้งหมดให้การซัดทอดว่า มีน.ส.สุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ เป็นผู้จ้างวาน ส่วน น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง อายุ 20 ปี ยังคงให้การปฏิเสธแต่ทางการสืบสวนว่าวันเกิดเหตุ น.ส.ธัชพรรณ อยู่ในการวางแผน

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า นอกจากผู้ต้องหาทั้ง 4 คนแล้ว ขณะนี้ทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับไว้อีก 6 คน โดยหนึ่งในผู้ต้องหาคือเดียร์ผู้จ้างวาน และจะนำมาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 มีนาคม 2558 พร้อมระบุ จากแนวทางการสอบสวนทราบว่า นางเดียร์ เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาก่อน แต่จะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ นปช. หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ พร้อมย้ำว่า เหตุการณ์ระเบิดทั้งที่หน้าห้างสรรพสินค้าพารากอน และที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เป็นขบวนการเดียวกันและผู้ต้องหาบางคนรู้จักกัน

อย่างไรก็ตาม หลังการสอบปากคำตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ไปทำแผนประกอบคำสารภาพบริเวณหน้าศาลอาญาต่อเนื่อง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และจะขออำนาจศาลทหารฝากขังผลัดแรก
พรุ่งนี้
---------------------------
ผบก.น. นำกำลังคุมตัว 4 ผู้ต้องหาปาระเบิดใส่ศาลอาญา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพก่อนฝากขังพรุ่งนี้

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมตำรวจ-ทหาร ควบคุมตัว นายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง และ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง ผู้ต้องหาที่ร่วมกันวางแผนก่อเหตุ ขว้างระเบิดอาร์จีดีไฟว์ ใส่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพซึ่งจุดแรกบริเวณ ด้านหน้าศาลแพ่งเป็นจุดที่ นายมหาหิน เปลี่ยนมาขี่รถจักรยานต์และให้ นายยุทธนา เป็นผู้ซ้อนท้าย จุดที่สองบริเวณประตูทางออกศาลอาญา ซึ่งเป็นจุดที่ นายยุทธนา ขว้างระเบิด เข้ามาตกภายในบริเวณลานจอดรถของศาลอาญา ก่อนขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปทางแยกรัชโยธิน ระหว่างนี้ก็ถูกตำรวจและทหารเข้าจับกุม และเกิดการยิงปะทะกัน ทำให้รถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหาล้มลง บริเวณด้านหน้าสำนักงานอัยการ ซึ่งเป็นจุดที่สาม จากนั้น นายยุทธนา ได้วิ่งหลบหนี และถูกจับกุมได้บริเวณสะพานลอย ส่วน นายมหาหิน ได้วิ่งหลบหนีมาด้านในสำนักงานอัยการก่อนจะนำอาวุธปืน ไปโยนทิ้งด้านหลังสำนักงานอัยการก่อนจะถูกติดตามจับกุมตัวได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่พาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาร่วมกันวางแผนก่อเหตุ ก่อนจะคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง วันพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง
--------------
รรท.ผบก.ป. ระบุ ได้รับการประสานจากทหารจะนำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความ นางเดียร์ และพวก กรณีบึ้มศาลอาญา

พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการจับกุมผู้กระทำผิดเพิ่มเติมในคดีลอบปาระเบิด ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคมโดยระบุว่า ล่าสุด ได้รับการประสานจากทหารกรมพระธรรมนูญ จะนำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางเดียร์ และหญิงอีก 1 คน ที่สืบสวนพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ในฐานะผู้สั่งโอนเงิน และผู้โอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อก่อเหตุ ซึ่งทั้ง 2 คน ถูกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังเข้าจับกุมได้ที่บ้านพักในจังหวัดมุกดาหาร เมื่อวานที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวอีกว่า จากแนวทางการสืบสวนยังพบว่า คดีดังกล่าวยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย ซึ่งทหารและตำรวจ จะสืบสวนขยายผล เพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
---------------------
ทหารเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาบึ้มศาลอาญาเพิ่มหลังพบหลักฐานในไลน์เพิ่ม

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันนี้ จากที่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีขว้างระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารสามารถจับกุมตัว นายชาญวิทย์ จริยานุกูล อายุ 61 ปี ซึ่งขณะนี้มีเพียง นายวีระศักดิ์ โตวังจร หรือ ใหญ่ พัทยา อายุ 42 ปี ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้

ด้านพนักงานสืบสวนสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับเพิ่มเติมภายในวันนี้ ที่ศาลทหารกรุงเทพ อาทิ นายบาส (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) และนายวิทย์ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ซึ่งทั้งคู่ได้ร่วมประชุมวางแผนก่อนที่จะมีเหตุระเบิด ส่วน นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ อายุ 49 ปีนั้น ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับต่างให้การว่า นางเดียร์ คือผู้บงการอยู่เบื้องหลัง เพื่อหวังให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ภายในประเทศ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารและพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว ได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาได้ทั้งหมด เพื่อตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐาน การสนทนาทางไลน์ของกลุ่มผู้ต้องหา เพราะได้รับแจ้งเบาะแสว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะมีการเตรียมก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ ก่อนวันที่ 15 มี.ค.ที่จะถึงนี้ จากการตรวจสอบไลน์ของผู้ต้องหาพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการแสดงคิดเห็นพิมพ์ข้อความส่งทางไลน์ เสนอจุดที่ลงมือวางระเบิดในวันดังกล่าว โดยมีชื่อวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม อยู่ในเป้าหมายด้วย
-----------------------
ทหาร ตร. ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับชุดแรก จำนวน 4 ราย มาสอบสวนเพิ่มเติมที่ บช.น.

พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ควบคุมตัวผู้ต้องหาขว้างระเบิดที่หน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก จำนวน 4 ราย คือ นายมหาหิน ขุนทอง น.ส.ณัฏฐพัชร์
อ่อนมิ่ง, นายยุทธนา เย็นภิญโญ และ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง หลังทำแผนประกอบทำรับสารภาพแล้วเสร็จ เพื่อมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ห้องสอบสวนความมั่นคง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
โดยมี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง

/////////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ

นายกฯ มีกำหนดปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุม "วาร์ตัน โกลบอล ฟอร์รัม" (Wharton Global Forum) ก่อนนำคณะบินญี่ปุ่น

ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. วันนี้ ในเวลาประมาณ 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นประธานกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุม Wharton Global Forum ครั้งที่ 47 “Asia in a Borderless World” ที่ ห้องบอลรูม 1-2 โรงแรมแชงกรี-ลา เขตบางรัก

หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 12.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง  ไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 (the Third United Nations World Conference on Disaster Risk Reduction - 3WCDPR) ที่ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13-14 มีนาคม 2558
--------------------
นายกฯ ยัน เดินหน้าประเทศอย่างรวดเร็ว ในเวลาที่จำกัดตามโรดแมป ไม่ลิดดรอนสิทธิ์ ปิดกั้นใคร ขอช่วยดูแลเกษตรกร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุมระดับโลก Wharton Global Forum ครั้งที่ 47 "เอเชียในยุคที่โลกไร้พรหมแดน" ณ  ห้องบอลรูม 1-2 โรงแรมแชงกรี-ลา เขตบางรัก โดยมี รองนายกรัฐมนตรี คณะตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ที่ เกี่ยวข้อง ผู้นำทางธุรกิจและนักวิชาการชั้นนำของโลก  ศิษย์เก่าของวอร์ตัน สคูล เข้าร่วมการประชุม เพื่อร่วมอภิปรายในครั้งนี้อย่างคับคั่ง ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวดรอบพื้นที่ โดยมีการตรวจสอบบุคลและสิ่งของอย่างละเอียด

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า จะเดินหน้าประเทศไทยรวดเร็วในเวลาที่จำกัด พร้อมผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความก้าวหน้าในทุกมิติทั้งของไทยและในอาเซียน  อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้ร่วมกันดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย โดยขออย่ากดราคาสินค้าเกษตร

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าในเรื่องของการเมือง ประเทศไทยกำลังเดินหน้าตาม โรดแมป (Road map) และไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ หรือปิดกั้น ยกเว้น ต่อสู้กับคนที่ทุจริตและผู้ไม่หวังดี
------------------
นายกฯ ย้ำ ชะลอภาษีที่ดิน ห่วงประชาชนเดือดร้อน สั่งการทบทวนทั้งระบบ ก่อนบินไปญี่ปุ่นประชุมลดความเสี่ยงภัยพิบัติ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่สั่งการชะลอการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า ภาษีดังกล่าวเป็นภาษีอนาคต ทั้งนี้ เห็นว่าประชาชนจะเดือนร้อนจึงสั่งให้ชะลอเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน โดยให้ไปสร้างความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องของโครงสร้างภาษี ซึ่งภาษีดังกล่าวเป็นในส่วนของท้องที่โดยมีการใช้ของเดิมมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้มีการทบทวนเรื่องดังกล่าวทั้งระบบ และไม่ยืนยันว่าจะทบทวนเสร็จสิ้นภายในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่

ทั้งนี้ ในเวลาประมาณ 12.00 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะเดินทางไปยังเมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 13-14 มีนาคม นี้
----------------------
นายกฯ นำคณะบินไปญี่ปุ่นแล้ว ประชุมลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติระดับโลก มีกำหนดทวิภาคี "ชินโซ อาเบะ-บัน คี มูน" ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทาง ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แล้ว เพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 (the Third United Nations World Conference on Disaster Risk Reduction - 3WCDPR) ที่ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13-14 มีนาคม 2558

โดยกำหนดการเบื้องต้นในวันที่ 14 มีนาคมนั้น นายกรัฐมนตรี จะร่วมหารือทวิภาคีกับ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ก่อนร่วมกล่าวถ้อยแถลงและแสดงวิสัยทัศน์ของประเทศไทยเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีจะร่วมหารือทวิภาคีกับ นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เวลาประมาณ 23.50 น.ของวันพรุ่งนี้
--------------------
รมว.สธ. เผยจะเดินทางไปเมืองเซนได ญี่ปุ่น ร่วมประชุมว่าด้วยความเสี่ยงจากภัยพิบัติทั่วโลก

น.พ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.) ถึงวันที่ 15 มีนาคมนี้ ตนเองจะเดินทางไปยังเมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นําที่จัดขึ้นทุก 10 ปี โดยการเดินทางไปครั้งนี้ เพื่อรับรองกรอบการดําเนินงานระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ

นอกจากจะเข้าร่วมหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่น และหารือกับเลขาธิการสหประชาชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศการพัฒนาที่ยั่งยืน และสถานการณ์การเมืองไทย พร้อมกับนายกรัฐมนตรีและคณะในวันที่ 14 มีนาคมแล้ว ในวันที่ 15 มีนาคม จะเข้าร่วมประชุมในหัวข้อ "การลดความเสี่ยงภัยพิบัติ กรณีจากโรคระบาด และการระบาดใหญ่" โดยไทยจะนำเสนอประสบการณ์การเตรียมความพร้อมและการรับมือโรคระบาดที่สำคัญ เช่น โรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ 2009 รวมถึงความพร้อมจัดการความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสโคโรนา และโรคอีโบลาด้วย โดยหวังขยายความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนและระดับนานาชาติ พัฒนาศักยภาพร่วมกันในการรับมือกับโรคระบาด และภัยพิบัติอื่น ๆ อาทิ ภัยจากแผ่นดินไหว และสภาพอากาศแปรปวน ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
//////////////
ยกร่างรัฐธรรมนูญฯ

พรเพชร มีคำสั่งงดประชุม สนช. จับตา ป.ป.ช. ส่งสำนวน 250 ส.ส. หลังมีมติชี้มูล ขณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทบทวนรายมาตรา

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา เช้านี้ การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด ถึงแม้ไม่มีการประชุมใหญ่ เนื่องจาก นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีคำสั่งงดการประชุม เพราะไม่มีวาระค้างการพิจารณา โดยวานนี้ที่ประชุม มีมติไม่ถอดถอนอดีตสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 38 คน ออกจากตำแหน่ง กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ประเด็นที่มา ส.ว. โดยมิชอบ ทำให้ไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ส่วนสำนวนถอดถอนอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 250 คน กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว. นั้น ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมสำนวนและหลักฐานผู้ถูกกล่าวหา 3 กลุ่ม เตรียมส่งเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดำเนินการถอดถอนภายใน 15 วัน ขณะเดียวกัน วันนี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อทวบทวนรายมาตราต่อเนื่องเป็นวันที่ 5
-------------
เวทีเสวนาสานพลัง ปชช.เพื่อปฏิรูปวันที่ 2 เตรียมสรุปความเห็นหลังแบ่ง 8 กลุ่มย่อยแยกทำกิจกรรมวานนี้

คณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติและสถาบันพระปกเกล้า จัดเวทีการประชาเสวนาหาทางออก สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศ วันที่สอง ที่โรงแรมอมรินทร์ ลากูน จังหวัดพิษณุโลก เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ 9 จังหวัด ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเป็นการอภิปรายในหัวข้อเรื่อง "ทบทวนกระบวนการและมอบโจทย์การเสวนา" โดยแบ่งกลุ่มย่อยประชาเสวนาหาทางออก 8 กลุ่ม ในประเด็นสำคัญดังนี้ พลเมืองที่ดีและการมีส่วนร่วมทางการเมือง ผู้นำ การต่อต้านการทุจริต การปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่พึ่งปรารถนา

จากนั้น จะแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อหาคำตอบในประเด็น ทำอย่างไรจึงจะเกิดสิ่งที่ปรารถนาเช่นนั้นได้ ใครต้องเข้ามาช่วยกันเพื่อทำให้เกิดขึ้น และตัวท่านเองจะมีส่วนช่วยให้เป็นได้อย่างไร ก่อนที่จะอภิปรายและสรุปผลการประชุมเพื่อเสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป
--------------
กมธ.ยกร่าง ทบทวนไปแล้วประมาณ 120 มาตรา ยันทุกเรื่องที่แขวนไว้ ต้องจบภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้เสร็จร่างแรกนำถกชี้แจงประชาชน

รศ.นรีวรรณ จินตกานนท์ รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 4 เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การพิจารณาทบทวนรายมาตราตลอด 4 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทำบันทึกเจตนารมณ์ และปรับแก้ถ้อยคำให้ถูกต้อง และดูความเชื่อมโยงในแต่ละมาตรา โดยไม่มีการแก้ไขหลักการแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ชั้นการพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็จะมีการแปรญัตติ และการเสนอแก้ไข จึงจะมีการปรับแก้เนื้อหา และหลักการทีเดียวในช่วงดังกล่าว ซึ่งล่าสุดผ่านไปแล้วประมาณ 120 มาตรา โดยในวันนี้จะเข้าสู่หมวดของรัฐสภา รวมถึงคณะรัฐมนตรีด้วย

ส่วนเรื่องที่แขวนที่ไว้ โดยเฉพาประเด็นสัดส่วนสตรี 1 ใน 3 นั้น ก็จะพิจารณาเมื่อถึงมาตราที่เกี่ยวข้อง และจะต้องหาข้อสรุปให้ได้ทันที เพราะวางกรอบการทบทวนไว้ว่า จะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ เพื่อที่จะได้นำร่างแรก ไปสอบถาม รับฟังความเห็นของประชาชนอีกครั้งในประเด็น สำคัญ ๆ ต่อไป
------------------
"ปรีชา" ดีใจ ประชาชนมีความตื่นตัวรับรู้ มีส่วนร่วมในการยกร่าง รธน. ย้ำ รธน. ใหม่ เป็นของประชาชน 

บรรยากาศเวทีประชาเสวนาหาทางออก สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ที่ โรงแรมอมรินทร์ ลากูน จังหวัดพิษณุโลก ล่าสุด อยู่ระหว่างการแบ่งกลุ่มย่อยประชาเสวนาหาทางออก 8 กลุ่ม ในประเด็นสำคัญดังนี้ พลเมืองที่ดีและการมีส่วนร่วมทางการเมือง ผู้นำ การต่อต้านการทุจริต การปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่พึ่งปรารถนา

โดย นายปรีชา วัชราภัย รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 5 กล่าวว่า จากที่ประชาชนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่ประชาชนมีความตื่นตัวที่จะรับรู้ โดยเฉพาะเรื่องความปรองดองที่จะเกิดขึ้นในประเทศ และเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีต่อประชาชน

นอกจากนี้ นายปรีชา ยังระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของประชาชน ซึ่งทุกความเห็นมีความสำคัญต่อการร่างรัฐธรรมนูญ ถึงแม้จะร่างไปแล้วก็ตาม
---------------------
"บวรศักดิ์" กำชับ กมธ.ยกร่าง ชี้แจงทำความเข้าใจประชาชนเกี่ยวกับเนื้อหาสาระสำคัญของ รธน. พร้อมนำเทปรายการ เผยแพร่ใน ม.รามคำแหง ด้วย

การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการฯ ทำหน้าประธานการประชุม สามารถพิจารณาทบทวนบทบัญญัติเป็นรายมาตรา และบันทึกเจตนารมณ์ไปแล้ว 117 มาตรา ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระพิจารณาทบทวน ได้มีการหารือถึงการเผยแพร่ และนำเสนอสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สู่สาธารณะ โดยขอให้ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูฐ ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ไปออกรายการโทรทัศน์ หรือรายการวิทยุ เพื่อสื่อสารไปสู่สาธารณะและหลังการออกรายการแล้ว ให้นำเทปบันทึกรายการดังกล่าว ทำสำเนาแจกจ่ายไปยังหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือ  อีกทั้งได้ร้องขอให้ นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง นำขอเทปบันทึกรายการของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไปเผยแพร่ผ่านโทรทัศน์ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารไปยังประชาชน นอกเหนือจากที่ประชาชนจะรับฟังจากนักการเมืองฝ่ายเดียว
------------------
กมธ.ยกร่าง จัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกภาคเหนือตอนล่าง วันที่สอง "ปรีชา" ยัน ความเห็น ปชช. มีความสำคัญ ขณะ "ถวิลวดี" รับกังวลสัดส่วนหญิงชาย 1 ใน 3 

คณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติและสถาบันพระปกเกล้า จัดเวทีการประชาเสวนาหาทางออก สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศ วันที่สอง ที่ โรงแรมอมรินทร์ ลากูน จังหวัดพิษณุโลก เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ 9 จังหวัด ภาคเหนือตอนล่าง ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยประชาเสวนาหาทางออก 8 กลุ่ม ในประเด็นสำคัญดังนี้ พลเมืองที่ดีและการมีส่วนร่วมทางการเมือง ผู้นำ การต่อต้านการทุจริต การปฏิปเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่พึ่งปราถนา

จากนั้น จะแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อหาคำตอบในประเด็น ทำอย่างไรจึงจะเกิดสิ่งที่ปราถนาเช่นนั้นได้ ใครต้องเข้ามาช่วยกันเพื่อทำให้เกิดขึ้น และตัวท่านเองจะมีส่วนช่วยให้เป็นได้อย่างไร โดยนายปรีชา วัชราภัย รองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 5 กล่าวว่า จากที่ประชาชนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่ประชาชนมีความตื่นตัวที่จะรับรู้ โดยเฉพาะเรื่องความปรองดองที่จะเกิดขึ้นในประเทศ และเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีต่อประชาชน พร้อมย้ำว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของประชาชน ซึ่งทุกความเห็นมีความสำคัญถึงแม้จะร่างไปแล้วก็ตาม ส่วนเรื่องจะทำประชามติหรือไม่นั้น ยังไม่ถึงเวลา และในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ไม่ได้บัญญัติไว้ ซึ่งจะต้องฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ว่าต้องการ
หรือไม่

ด้านนางถวิลวดี บุรีกุล กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นขอประชาชน กล่าวว่า จากที่ได้ฟังเสียงของประชาชนในจังหวัดพิษณุโลกครั้งนี้ มีความสอดคล้องกับหลายเวที ในเรื่องการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ รวมถึงต้องการเห็นความสามัคคีกันของคนในชาติ และในภาคเกษตรกรรมนั้น เน้นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  ทั้งนี้ นางถวิลวดี ยังกล่าวว่า มีความกังวลต่อการร่างรัฐธรรมนูญในการเพิ่มพื้นที่ทางการเมืองให้กับเพศหญิง ทั้งในระบบบัญชีรายช
---------------------
"ถวิลวดี" รับกังวลประเด็นสัดส่วนสตรี 1 ใน 3 เผย ความเห็น ปชช. ภาคเหนือตอนล่าง เน้นปราบทุจริตคอร์รัปชั่น ต้องการมีส่วนร่วมตรวจสอบภาครัฐ 

บรรยากาศเวทีประชาเสวนาหาทางออก สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย ที่โรงแรมอมรินทร์ ลากูน จังหวัดพิษณุโลก ล่าสุด นางถวิลวดี บุรีกุล กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นของประชาชน เปิดเผยถึงความเห็นของประชาชนในจังหวัดพิษณุโลกครั้งนี้ ว่า มีความสอดคล้องกับหลายเวทีในเรื่องการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น การให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ รวมถึงต้องการเห็นความสามัคคีกันของคนในชาติ และในภาคเกษตรกรรมนั้น เน้นที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทั้งนี้ นางถวิลวดี ยังกล่าวว่า มีความกังวลต่อการร่างรัฐธรรมนูญในการเพิ่มพื้นที่ทางการเมืองให้กับเพศหญิง ทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและสภาท้องถิ่น ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
-----------------------
กมธ. เผย ปชช. ให้การสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมส่งสัญญาณถึง สปช. เห็นชอบ

ที่ประชุมกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้รายงานผลการเผยแพร่สาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ในหมวดที่เกี่ยวข้องกับประชาชนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่รับทราบเนื้อหา ให้การสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และพร้อมให้ความร่วมมือในการส่งสัญญาณให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยสำหรับการลงพื้นที่ เพื่อนำร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก ไปรับฟังความคิดเห็นใน 4 จังหวัดนั้น  เบื้องต้นได้รับรายงานว่า คณะกรรมาธิการทั้ง 36 คน จะร่วมลงพื้นที่ด้วย โดยกรรมาธิการจะเป็นฝ่ายชี้แจงรัฐธรรมนูญในมาตราที่สำคัญ หลังจากนั้นจะเปิดโอกาสให้ประชาชนซักถามข้อสงสัย โดยกำหนดให้มีประชาชนมาร่วมรับฟังเวทีละไม่เกิน 200 คน เริ่มตั้งแต่วันที่ 3-4 เม.ย. ที่ จังหวัดเชียงใหม่ ,
วันที่ 2-3 พ.ค ที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช , วันที่16-17 พ.ค. ที่จังหวัดขอนแก่น และวันที่ 23-24 พ.ค. ที่ กรุงเทพมหานคร
---------------------------
ปชช.9 จว.ภาคเหนือตอนล่าง ต้องการให้นักการเมืองไม่โกง กำหนดนโยบายการศึกษาชัดเจน แก้เหลื่อมล้ำ

บรรยากาศเวทีประชาเสวนาหาทางออก สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย ที่ โรงแรมอมรินทร์ ลากูน จังหวัดพิษณุโลก ล่าสุด เป็นการอภิปรายผลการประชุมกลุ่มย่อย ใช้เวลาในการอภิปราย กลุ่มละ 5 นาที  ในประเด็นการสร้างความสามัคคีและความปรอง คุณธรรมนักการเมือง ปฏิรูปการเกษตรไทยเศรษฐกิจที่ดี โดยประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้นักการเมืองไม่คดโกง ทั้งก่อนและหลังเป็นการเมือง

ส่วนในภาคการศึกษานั้น ต้องการให้กำหนดนโยบายไว้ใน พ.ร.บ.การศึกษา ซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระชาติชาติและเพื่อให้เด็กผู้ด้อยโอกาสมีสิทธิเท่าเทียมกันเด็กในเมืองด้านการเกษตรกรรม ต้องแก้ปัญหาระบบโดยเปลี่ยนจากระบบเคมีเป็นเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวทางพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อย่างไรก็ตาม ต้องการให้สภาปฏิรูปแห่งชาติบัญญัติในเรื่องเกษตรไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
/////////////

เสธน้ำเงิน:จับตากลุ่ม"พลเมืองโต้กลับ"

Cr:ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 13 มี.ค.58 ขบวนการล้มเจ้า มหาลัยเก่าแก่ก่อหวอดอีกแล้ว
กรณีแก๊งค์ชู 3 นิ้ว ขบวนการล้มเจ้ารับจ้าง นำโดยนายอานนท์ ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช. จากการไปจัดทำบ้าๆ บอๆ ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ก่อหวอดอีกแล้ว จะเดินเท้าล่อเป้าฝ่าบาทาประชาชน เพื่อไปพบตำรวจ ช่วง 14-16 มี.ค.58
เพราะแก็งค์นี้มองว่าบ้านเมืองสงบเกินไป และระหว่างทางคงไม่มีใครดักกระทืบในจมบาทา..ผิดซะแล้ว ขบวนการล้มเจ้าเผาไทยแดงเทียมเกวียน คิดจะเดินก่อกวนหาเรื่อง พรายกระซิบมาว่า งานนี้มีมือดีเตรียมไม้หน้า 3 ไว้รอหวดระหว่างทาง 14 กม.ที่จะเดินอื้อเลย
และการข่าวมาว่า งานนี้กลุ่มที่เดินป่วนเมืองเพื่อหวังเป็นข่าว จะโดนแก็งค์ก่อการร้ายแดง นปช.ปาระเบิด RGD-5 ใส่ เพื่อจะหาเหตุใส่ร้ายรัฐ แล้วจะเอาศพมาแห่ตามธรรมเนียม..ให้ดูว่าช่วงที่แก๊งค์นี้เดิน จะฝ่าบาทา ไม้หน้าสาม ไข่เน่า อึ จากประชาชนที่จะปาใส่ได้สักกี่น้ำ
ใครอยู่ระหว่างเส้นทางเตรียมของไว้ต้อนรับขับสู่ขบวนการล้มเจ้านี้ได้เลย เดี๋ยวช่วงจังหวะดีๆ จะได้เห็นแดงฆ่าแดง เพื่อแห่ศพกันเอง..งานนี้เกิดอะไรขึ้นรัฐไม่เกี่ยว เพราะเขาสร้างสถานการณ์กันเอง
@ เสธ น้ำเงิน2
http://www.facebook.com/thailandcoup


รวบตัว "นายกหมออนามัย" คาดอนเมือง เหตุมาให้กำลังใจปลัด สธ. สั่งรายงานตัว กอ.รมน.ทุก ชม.

นายกสมาคมหมออนามัยถูกรวบตัวคาสนามบินดอนเมือง สั่งรายงานตัว กอ.รมน.ทุกชั่วโมง ห้ามหลบหนี ด้าน "หมอประชุมพร" ชี้ทำเกินกว่าเหตุ ยันไม่ได้ก่อเหตุอะไร เผยจับตาดูได้ ระบุไม่ได้ทำอะไรก้าวร้าว รับถูกตามตัวด้วยเช่นกัน
       
       วันนี้ (13 มี.ค.) พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ พยาธิแพทย์ รพ.สุรินทร์ และที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสาคร นาต๊ะ นายกสมาคมหมออนามัย ซึ่งมาร่วมให้กำลังใจ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ถูกล็อกตัวที่สนามบินดอนเมืองและถูกเชิญไปที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พร้อมให้รายงานตัวทุกชั่วโมง ห้ามหลบหนี เรื่องนี้ถือว่าทำเกินกว่าเหตุ เพราะนายสาครไม่ได้ไปก่อเหตุอะไร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถูกปล่อยตัวมาแล้ว ทั้งนี้ ตนก็ถูก กอ.รมน.ตามหาตัวทั่วเมืองสุรินทร์เช่นกัน แต่บังเอิญว่าอยู่ กทม.
       
       "การที่กักตัวนายสาครนั้น เพราะนายสาครเป็นนายกสมาคมหมออนามัย และเป็น 1 ใน 50 กว่าชมรมที่รวมตัวกันเป็นประชาคมสาธารณสุข ทั้งนี้ หากจะมีการจับตาดูก็ไม่เป็นไร แต่พวกเราขอยืนยันว่าจะไม่ทำอะไรก้าวร้าว ส่วนการหารือกันของประชาคมเห็นว่าจะมีการทำป้ายเพื่อคัดค้านการปลดปลัดสธ." พญ.ประชุมพร กล่าว
       
       นายวัฒนะชัย นามตะ ประธานชมรมสหวิชาชีพ กล่าวถึงกรณีออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มข้าราชการ บุคลากร ลูกจ้าง สธ.ไม่ให้ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว หรือจัดกิจกรรม ว่า ถือเป็นคำสั่งที่ค่อนข้างตลก เพราะการชุมนุมให้กำลังใจผู้บังคับบัญชาจะถือเป็นความผิดได้อย่างไร ถ้าเช่นนั้นคนที่ออกมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีถือว่ามีความผิดด้วยหรือไม่ และยืนยันว่าการเรียกร้องของข้าราชการ สธ.ไม่ได้เป็นเรื่องเรียกร้องชุมนุมทางการเมือง ไม่มีอาวุธ ไม่มีระเบิด แต่ออกมาเรียกร้องเรื่องการบริหารจัดการภายในกระทรวงฯ ยืนยันว่าช่วงนี้จะเป็นการอารยขัดขืนโดยสงบอยู่ในที่อย่างถูกต้อง เช่น สวมชุดดำปฏิบัติหน้าที่ ขึ้นป้ายข้อความคัดค้านการย้ายปลัด สธ.ไม่เป็นธรรมหน้าโรงพยาบาล โดยจะทำเช่นนี้จนกว่าจะได้ปลัด สธ.คืนมา
       
       “การตั้งกรรมการสอบปลัด สธ.ไม่เป็นธรรม ถ้าจะสอบสวนก็ต้องสอบตัว รมว.สาธารณสุข เพราะถือเป็นคู่ขัดแย้ง แต่การเลือกสอบปลัด สธ.เพียงฝ่ายเดียว ก็เหมือนสาดน้ำใส่ฝ่ายเดียว เปียกฝ่ายเดียว ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหา” นายวัฒนะชัย กล่าว

แม่ทัพภาคที่ 1 แฉคนต่างแดนชักใยแก๊งป่วนเมือง ลั่นฟันถึงตัวผู้บงการ

ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย แฉแก๊งเคลื่อนไหวป่วนเมืองอยู่ต่างประเทศ รับเครือข่ายกว้างขวางต้องใช้เวลาจัดการ ให้มั่นใจฝ่ายความมั่นคง คุมสถานการณ์ได้ ขอประชาชนเป็นหูเป็นตาร่วมมือแจ้งเบาะแสเพื่อความสงบของบ้านเมือง ลั่นเล่นงานถึงตัวผู้บงการ เย้ยกลุ่มพลเมืองโต้กลับแก๊งหน้าเดิม
       
       (13/3/58)พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ว่าขอให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกภาคส่วน ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยเฉพาะประชาชนส่วนใหญ่ที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสให้ดี ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาและเครือข่ายไว้แล้ว
       
       “ผมเรียนว่าในประเทศเรามีปัญหาน้อย แต่ปัญหาส่วนใหญ่มาจากผู้ที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ต่างประเทศ และเครือข่าย ไม่ใช้ว่าทำวันนี้ เดือนนี้แล้วจะจบ เพราะเครือข่ายกว้างขวางพอสมควร ทั้งนี้เราได้ติดตามเครือข่ายต่างๆ เพื่อให้เกิดความมั่นคง ผมเชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสามารถสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นให้กับพี่น้องคนไทยได้ ทั้งนี้งานด้านความมั่นคงมีหลายมิติ ทำไม่มีจบ เพราะฉะนั้นต้องร่วมมือ อย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องของทุกภาคส่วน และคนไทยทุกคน ถ้าเราอยากเห็นประเทศชาติสงบเราก็ต้องร่วมมือกัน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะกำลังเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอ” พล.อ.กัมปนาทกล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดในครั้งนี้หรือไม่ พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า ยังไม่พูดถึง เพราะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในการสอบสวนขยายผลติดตามต่อๆไป เพื่อให้ถึงตัวผู้บงการ ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าถ้าหลักฐานถึงใครก็ต้องเกี่ยวข้องหมด เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ไม่ต้องมาร้อนตัว เจ้าหน้าที่กำลังทำงานอย่างเต็มที่ สำหรับข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจะโยงใยกับบัญชีดำของกองทัพบกหรือไม่นั้นไม่ขอตอบ เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่
       
       ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อโรดแม็ปของทางรัฐบาลในการเลือกตั้งหรือไม่นั้น พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า ยืนยันว่ายังเดินตามโรดแมป คสช. ตลอดจนไม่มุ่งหวัง สืบทอดอำนาจ ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าการลอบวางระเบิดเป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่ พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ และไม่ขอพูดถึง และไม่จำเป็นต้องเรียกมาปรับทัศนคติเพราะจะกลายเป็นประเด็นอีก
       
       ส่วนกรณีที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ออกมารณรงค์ในวันที่ 14-16 มี.ค.นี้ เพื่อต่อต้านไม่ให้นำพลเรือนไปขึ้นศาลทหารนั้น ตนมองว่าให้ไปดูกลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหว เช็คประวัติ ย้อนหลังและดู ความเชื่อมโยงต่างๆ ที่ผ่านมาก็เป็นตัวบ่งชี้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร หน้าที่ของเราคือทำอย่างไรให้เกิดความสงบเรียบร้อย ขณะนี้ประเทศชาติกำลังเข้าสู่การปฏิรูปได้ และทุกคนต้องการเดินหน้าไปตามโรดแมป

“ประยุทธ์” สวนมะกันอย่าตัดเสื้อตัวเดียวให้คนทั้งโลกใส่ แฉสหรัฐฯ แบนไม่ให้เข้า

“ประยุทธ์” สวนมะกันอย่าตัดเสื้อตัวเดียวให้คนทั้งโลกใส่ แฉสหรัฐฯ แบนไม่ให้เข้า
วันนี้ (13 มี.ค.58) ที่ห้องบอลรูม 1-2 โรงแรมแชงกรี-ลา เขตบางรัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมระดับโลกวอร์ตัน ครั้งที่ 47 ระหว่างวันที่ 13-14 มี.ค. โดยมีคณาจารย์และนักวิชาการจากวอร์ตันสกูล เหล่าศิษย์เก่า รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและเอกชนในภูมิภาค ผู้นำทางธุรกิจ และนักวิชาการชั้นนำของโลก เข้าร่วมอภิปรายเกี่ยวกับอนาคตของเอเชีย ในหัวข้อ “เอเชียในยุคที่โลกไร้พรมแดน” เพื่อให้สอดรับกับการเปิดตัวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและการพัฒนาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้
โดย พล.อ.ประยุทธ์ปาฐกถาตอนหนึ่งว่า วันนี้คนไทยมีโอกาสและเป็นความหวัง และเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยืนยันวันนี้ประเทศไทยยังเปิดไม่ได้ปิดอะไรเลย วันนี้คนไทยต้องช่วยกันเที่ยวเมืองไทย เพราะคนต่างชาติยังชอบประเทศไทย มีตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่มีช่วงที่นักท่องเที่ยวน้อยลงไปบ้างในตอนที่มีการชุมนุม หรือช่วงประชาธิปไตยเต็มใบ ยืนยันว่าเราไม่เคยละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือปิดกั้นใครอยู่แล้ว ตอนนี้บ้านเมืองสงบถือเป็นโอกาสของเราซึ่งหลายประเทศเข้าใจปัญหา แต่มีอีกหลายประเทศที่ไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ใช่ศัตรู วันนี้เราดูแลชาวต่างชาติมากกว่าคนไทยเสียอีก
“วันนี้เรามีความสัมพันธ์กับหลายประเทศ ขอทุกประเทศอย่ามาโกรธประเทศไทยเพราะผม วันนี้อะไรที่ติดขัดผมก็จะเคลียร์ให้หมด ขอให้ไปบอกประเทศท่านด้วย หากมีปัญหาอะไรบอกผม ผมจะเคลียร์ให้ได้ เพราะเพียงแค่ไปประชุมจับมือกัน ไม่มีประโยชน์ แต่ต้องพูดกันเพราะเราเป็นเพื่อนกัน ไม่เช่นนั้นประเทศเล็กก็จะยอมเขาไปเสียหมด เราต้องมองโลกในภาพรวมด้วย วันนี้เราเดินหน้าทุกอย่างอย่างมั่นคงแต่ต้องไม่ล้มละลาย คนไทยทุกคนมีน้ำใจ มีรอยยิ้ม ผมอาจเป็นคนไทยที่ไม่ดีเท่าไหร่เพราะยิ้มน้อย พูดจาเสียงดังตามแบบทหาร แต่ที่ทำไปเพราะอยากให้ประเทศเดินหน้าได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้ไทยมีความสัมพันธ์กับหลายประเทศ โดยเฉพาะอาเซียนที่จะต้องมีการเดินหน้าและเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ มนุษยชาติมีความแตกต่างกัน จึงขอบอกกับสหรัฐฯ ให้เข้าใจด้วยว่า การตัดเสื้อจะตัดตัวเดียวแล้วให้ทุกคนใส่ไม่ได้ ต้องมีเสื้อหลายขนาดที่เหมาะกับแต่ละคน จึงต้องมีช่างตัดเสื้อ ไม่ใช่ตัดเสื้อโหลแล้วใส่ได้หมด จะตัดเสื้อตัวเดียวให้คนทั้งโลกใส่ไม่ได้ เหมือนกับแต่ละประเทศมีปัญหาต่างกัน แต่ด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ หรือประเทศตะวันตกจะทำให้ประชาคมโลกดีขึ้น จึงต้องมองในภาพรวมคนทั้งโลกจึงจะมีความสุข ขัดแย้งกันไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ความเจริญก้าวหน้า และความมั่นคง ต้องร่วมมือกันทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะอาเซียนที่มีทั้งอาเซียนบวก3 และอาเซียนบวก6 ยืนยันตนจะเดินในตลาดพวกนี้ทั้งหมด ถึงแม้ว่าสหรัฐจะไม่ให้ตนไป แต่ตนก็เปิดให้เขามา เพราะเรามีความสัมพันธ์มากว่า 200 ปี โดยเราต้องร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ตามแนวคิดไทยบวก 1 ที่หากลงทุนในไทยต้องไปประเทศเพื่อนบ้านด้วย เช่น พม่า ลาว และกัมพูชา
“ขณะนี้ประเทศไทยกำลังถูกจับตามองจากทั่วโลกว่าจะล้มเหลวหรือดีขึ้น แต่ผมคิดว่าต้องดีขึ้นอยู่แล้ว ประเทศไทยไม่เหมือนประเทศอื่นเพราะมีความหลากหลาย และทุกชาติต้องมีความภูมิใจในตัวเอง วันนี้เราต้องอยู่กับปัจจุบัน เตรียมอนาคต เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นในรัฐบาลหน้าทั้งสิ้น ก็ต้องเลือกกันมาให้ดีๆ วันนี้ผมยังถูกต่อว่าอยู่เลย หาว่าประเทศไทยเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีของการปกครองในโลก ผมไม่เข้าใจ ทุกประเทศกำลังจับตามองเราอยู่ว่าประเทศไทยจะไปอย่างไร และแปลกใจว่าทำไมคนไทยไม่มีปัญหา และมองว่าคนไทยอีกส่วนหนึ่งยังไม่อยากไปเป็นประชาธิปไตย เขาก็เลยแปลกใจอยู่ เราบอกเขาว่าประเทศไทยไม่เหมือนคนอื่น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้เราต้องนำไปสู่การปฏิบัติให้ประชาชนเข้าใจ เพราะยังมีหลายส่วนไม่เข้าใจ จึงต้องปรับการประชาสัมพันธ์ พูด ส่งเสริมในเรื่องที่ดี และตนก็ต้องระวังในเรื่องการพูดด้วย เพราะพูดอะไรออกไปก็อาจมีคนนำไปจับประเด็นจนทำให้เข้าใจผิดได้ วันนี้ขอให้ทำความเข้าใจกับต่างชาติ แต่เรื่องการเมืองก็อย่าพูดถ้าเขาไม่ถาม ยืนยันเราเดินหน้าตามโรดแมปอยู่แล้ว
“วันนี้พูดอะไรก็ระวังพวกนักข่าวข้างหลังด้วย วันก่อนที่ผมพูดเรื่องประวัติศาสตร์ประเทศไทยว่ามีถิ่นฐานมาจากไหนตอนตอบคำถามนักข่าว ทำไมผมจะไม่รู้ บางครั้งผมก็พูดเล่น แต่เอาไปตีความไปจับประเด็นจนทำให้เข้าใจผิด หาว่าผมไม่รู้ประวัติศาสตร์ ทำไมผมจะไม่รู้ ผมสอบประวัติศาสตร์ได้ที่ 1 นะ วันหลังผมจะพูดให้น้อยลง นักข่าวข้างหลังจะได้ตกงานกันหมด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ขอต่างชาติช่วยเพิ่มราคาสินค้าเกษตร เพราะทั้งประเทศไทยและอาเซียนกำลังประสบปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จึงต้องขอกันดื้อๆ เพราะในการไปเจรจากับประเทศต่างๆ หลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ วันนี้เราต้องช่วยกันดูแลเกษตรกรรายได้น้อย เพราะถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ถ้าไม่มีการสนับสนุนก็จะออกนอกระบบกันทั้งหมด และจะเกิดปัญหาในภายหลัง และทุกอย่างต้องนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ สร้างความน่าสนใจ และสร้างความแตกต่าง เช่นเดียวกับรัฐบาลถ้าไม่แตกต่างก็อยู่ไม่ได้ เพราะจะไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ความขัดแย้งในโลกนั้นต้องแก้ด้วยสองอย่าง คือ การใช้กำลัง ซึ่งตรงนี้ต้องค่อยๆทำ แต่ถ้ารุนแรงมากมันก็ไม่จบ และการแก้ปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำ เพราะต้นเหตุของความขัดแย้งทั่วโลก เพราะเมื่อเขารวมตัวกันได้ก็มีหัวหน้ากองกำลังของตัวเองขึ้นมาไปสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วก็ไปสู้กับนอกประเทศ เขาคิดแบบนี้ ถ้าเราสนับสนุนดูแลเขาได้ ส่วนไหนรบก็รบไป ส่วนไหนช่วยก็ต้องช่วย ถ้ารบกันตลอดวันหน้าจะอันตราย แต่ตนไม่ขัดแย้งก็ต้องทำ เราต้องทำทุกอย่าง เพราะความคิดมันเปลี่ยนยาก โดยปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้ก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ ในการสร้างความเข้าใจ วันนี้มีคนที่สร้างความไม่เข้าใจมาทำให้วุ่นวาย
“ผมเป็นทหารมา 38 ปี ปีสุดท้ายก็จะเกษียณอายุ ดันจับพลัดจับผลูขาหักหกล้มมาเป็นนายกฯ ไม่ได้คิดและไม่อยากเป็น วันนี้อยากให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน การปกครองแบบใด เราเป็นคนที่อยู่ในโลกใบเดียวกัน โลกที่เป็นโลกแห่งความสุข ผมคาดหวังแบบนั้นในวันหน้า เดี๋ยวผมก็ไปแล้ว ฉะนั้นช่วยกันดูแลเรื่องเหล่านี้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ด้านเศรษฐกิจ การเชื่อมโยงเป็นหลักการในการพูดคุยในเวทีโลก ทั้งโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รถไฟความเร็วสูงเราเดินหน้าทั้งหมด ซึ่งมีการวางแผนไว้แล้ว แต่ต้องขึ้นอยู่กับสภาพการค้าการลงทุน และการจัดตั้งกองทุนรวม หรือการลงทุนร่วม เพื่อให้ใช้งบประมาณของรัฐน้อยลง ส่วนเรื่องธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก็ต้องสร้างความเข้มแข็งโดยการนำเข้าสู่ระบบให้ได้เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างเป็นเขตเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ได้ ซึ่งเราก็ต้องเลียนแบบและขอคำแนะนำจากเขาด้วย นอกจากนี้ตนได้สั่งการในเรื่องวันสต็อปเซอร์วิส เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าการลงทุน ลดขั้นตอนและเวลาต่างๆ แต่ต้องขอเวลาเพราะไม่เคยทำมาก่อน ส่วนเรื่องกฎหมายก็มีการแก้ไขทั้งหมด ทั้งนี้ขอเชิญชวนให้ต่างชาติเข้ามาตั้งสำนักงานนานาชาติในไทย ได้ฝากตลาดหลักทรัพย์ดูแลในเรื่องนี้แล้ว รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางการขนส่งตนได้มีการพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ว่าเราจำเป็นต้องมีการค้าขายกัน เรื่องการปักปันเขตแดนเราจะไม่พูดถึงในวันนี้ แต่วันหน้าจะปักปันอย่างไรก็ว่ากันไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างนั้น ขออย่าเพิ่งทะเลาะกัน วันนี้ยังไม่ออกอะไรเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่นำมาหารือ ยืนยันเราจะต้องแบ่งปันเฉลี่ยกันระหว่างคนรวยและคนจน ทั้งนี้คนไทยไม่เคยพบความเปลี่ยนแปลง แต่จำเป็นต้องเข้าใจในเรื่องต่างๆ อะไรที่รัฐบาลให้ก็บอกว่าดี แต่พอบอกว่าจะเก็บภาษีกลับเก็บไม่ได้ ไม่รู้ว่าต่างประเทศเป็นเหมือนกันหรือไม่ แต่หลังจากตนสั่งให้ชะลอเรื่องภาษีก็ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นแล้ว แต่ก็ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาเรื่องนี้ต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของ พ.ร.บ.ดิจิตอล ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการ คาดว่าไม่เกิน 6 เดือนสามารถใช้งานคลื่นความถี่ 4 จี ได้ ซึ่งหากมีเรื่องดิจิตอลเกิดขึ้น ก็ต้องดูเรื่องความปลอดภัยด้วย เพราะทุกวันนี้มีการหลอกลวงกันมาก ซึ่งหากไม่มีปัญหาใครจะไปอยากรู้ข้อมูลส่วนตัว เว้นแต่มีการสอบสวนแล้วพบว่าผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย