PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ไม่ได้กลั่นแกล้ง !!

ไม่ได้กลั่นแกล้ง !!
"บิ๊กป้อม" ป้อง "3นายพล ตำรวจ" ไม่ได้กลั่นแกล้ง "สันธนะ" ชี้ ถ้า "รองโจ๊ก" ทำอะไรไม่ดี ก็ว่าไป ชี้ ถ้าผิด 7 ขัอ ก็ต้องถอดยศ ยัน ไม่ได้กลั่นแกล้ง !!
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึง การที่ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ฟ้อง 3 นายพลตำรวจกลั่นแกล้ง เรื่องตลาดดอนเมือง นั้นว่า ไม่ได้กลั่นแกล้ง เพราะทางตำรวจหาพยาน หลักฐาน แจ้งความดำเนินคดี
และ ถ้า ผบ.ตร. รองผบ.ตร. หรือ รองโจ๊ก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ทำอะไรไม่ดี ก็ว่าไป
"ยืนยัน ว่า ไม่มี การกลั่นแกล้ง แค่สันธนะ ตัวเอง ก็ต้องรู้ว่า ตัวเองเป็นยังไง" พลเอกประวิตร กล่าว
ส่วนการ ถอดยศ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ถ้าผิดตาม7 ขัอ ก็ตัอง โดนถอดยศ เป็นธรรมดา
"ไม่กลั่นแกล้ง ถ้าผิดใน7ข้อ ก็ว่าตามนั้น ถ้าไม่ผิด ก็ไม่เป็นไร ว่าไปตามกม. ตามระเบียบ" พลเอกประวิตร กล่าว

"ไม่ให้มา"

"ไม่ให้มา"
"บิ๊กป้อม" ยัน "ไม่ให้มา" "ม็อบคนอยากเลือกตั้ง"จะชุมนุมที่ทำเนียบฯ 22 พค. ยัน ไม่ปะทะ เชื่อไม่มีอะไร น่า
พลเอกประวิตร กล่าวถึง "คนอยากเลือกตั้ง"จะมาชุมนุมที่ทำเนียบฯ 4ปี คสช. 22 พค.นี้ว่า อยากเลือกตั้ง เราก็ให้เลือกตั้ง ไง ปีหน้า แล้วจะอะไรอีก ทุกเรื่องเราชี้แจง ทุกเริ่อง
เมื่อถามว่า กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จะมาแน่ใช่มั้ย เจรจาไดเหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า มาไง ไม่ให้มาหรอก
เมื่อถามว่า ถ้าไม่ให้มา หากมีการสกัด อาจมีปะทะ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่มีปะทะ ไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า ท่านมองในทางที่ดี ใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า. ไม่มีน่า ไม่มีอะไรน่า

"ครม.น้อย" ตั้ง “สุวพันธ์” นั่งปธ. คณะกรรมการฯ ติดตามแก้ไขปัญหา กลุ่ม “P-move

"ครม.น้อย" ตั้ง “สุวพันธ์” นั่งปธ. คณะกรรมการฯ ติดตามแก้ไขปัญหา กลุ่ม “P-move”มี ผู้แทนจากกลุ่มP move 12 คนเข้าร่วมด้วย /“บิ๊กป้อม” สั่งแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้อง ชี้ทุกอย่างทำตามกฎหมาย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 (กขป.5) หรือ ครม.น้อย
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงข้อเรียกร้องของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) โดยให้ มีการตั้ง"คณะกรรมการติดตามและแก้ไขปัญหา" ขึ้นมาพิจารณา ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เรื่องไหนที่ผ่อนผันได้ก็คุยกัน เรื่องไหนที่ติดข้อกฎหมายก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จะต้องแก้กฎหมายก่อน ซึ่งต้องดำเนินการตามขั้นตอนของการแก้กฎหมาย
ทั้งนี้ในที่ประชุมได้สั่งการให้ช่วยเหลือตามข้อเรียกร้องของกลุ่มP move ซึ่งรัฐบาลพยายามช่วยให้ได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันกลุ่มp move ต้องเข้าใจว่าทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากลุ่มP move กลับแล้ว จะไม่มีกลุ่มอื่นมาเรียกร้องอีก
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุม กขป.5 ได้ร่วมพิจารณาจัดทำร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามขับเคลื่อนการแก้ปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P move
โดยมีหลักการว่า จากกรณีที่ทางกลุ่มประชาชนได้ร้องเรียนถึงปัญหา และข้อเสนอแนะในการดำเนินการแก้ปัญหา ทางรัฐบาลมีความจริงใจที่จะรับปัญหาเหล่านั้นมาแก้ไข เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมให้มีประสิทธิภาพ ต้องการให้มีความสอดคล้องต่อความต้องการของประชาชน และเกิดความเป็นธรรม
รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
จึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งจะเป็นคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5
โดยจะมีหน้าที่ 2 เรื่อง คือ 1.ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับประเด็นความเดือดร้อนของประชาชน
2.รวบรวมปัญหา แนวทางการแก้ไขผลกระทบ และการเยียวยาประชาชน รวมถึงพิจารณาการใช้มาตรการและกฎหมายเพื่อแก้ปัญหา ให้เป็นไปตามกระบวนการตามกรอบกฎหมายที่มีอยู่
พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ขณะนี้จัดทำร่างคำสั่งเรียบร้อยแล้ว โดยมีนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะอนุกรรมการ และจะมีผู้แทนและปลัดจากกระทรวงต่างๆ รวมถึงมีผู้แทนจากกลุ่มP move อีก 12 คนเข้าร่วมด้วย
โดยจะนำร่างคำสั่งนี้ให้ นายกรัฐมนตรีลงนามต่อไป หลังจากนั้นจะเรียกมาประชุมร่วมกัน
ทั้งนี้ปัญหาโฉนดที่ดินชุมชนนั้นทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะไปทบทวนการแต่งตั้งคณะกรมการเพื่อแก้ปัญหานี้ต่อไป และจะเสนอให้ที่ประชุมทราบต่อไป

09.00 INDEX ผลสะเทือน “ปฏิรูป” ก่อน “เลือกตั้ง” เมื่อ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ “ซาโตริ”

09.00 INDEX ผลสะเทือน “ปฏิรูป” ก่อน “เลือกตั้ง” เมื่อ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ “ซาโตริ”


ทั้งๆที่บทบัญญัติของ “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560″ บ่งบอกอย่างเด่น ชัดถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในทางการเมือง
นั่นก็คือ การสืบทอด”อำนาจ”
ทุกอย่างดำเนินไปตาม “ยุทธศาสตร์” อย่างครบถ้วนและบริบูรณ์
1 ทำลายคู่ต่อสู้ให้อ่อนแอ แตกแยก กระจัดกระจาย
ขณะเดียวกัน 1 สร้างความแข็งแกร่ง มั่นคง ให้กับฝ่ายตนอย่างรอบด้าน
ไม่ว่าจะโดยการจัดวาง 250 ส.ว. ไม่ว่าจะโดยการขับเคลื่อน “ประชารัฐ” ไม่ว่าจะโดยการขับเคลื่อน “ไทยนิยม ยั่งยืน”
ทุกอย่างยังดำรงยุทธวิธี”ลับ ลวง พราง”มั่นแน่ว
ลักษณะลับ ลวง พราง คือ การไม่ยอมรับโดยตรงว่าทุกปฏิบัติการ นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ก็เพื่อที่จะดำเนินตามเป้าหมาย
“อยากอยู่ยาว”
เพราะแม้กระทั่ง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก็สามารถสรุปได้ในเดือนกันยายน 2558

และบังเกิด”ตาสว่าง”ในเดือนพฤษภาคม 2561
เพราะคำว่า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”ที่เปล่งดังกึกก้องในห้วงแห่งการดำเนินมาตรการ”ชัตดาวน์”ทั้งกรุงเทพมหานครและทั้งต่อการเลือกตั้ง
ก็เสมอเป็นเพียง”ม่าน”ปิดบังเป้าหมายอย่างแท้จริง
ถามว่าทั้งหมดนี้ชาวบ้านรับรู้กันอย่างซอดแจ้งแทงตลอดหรือไม่ ตอบได้เลยว่า รู้ และรู้มากยิ่งกว่า นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ
จึงยังสงสัยกันว่า เหตุใดยุทธวิธี “ลับ ลวง พราง”จึงยังดำรงอยู่แม้จะใกล้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แล้วก็ตาม
เหมือนกับนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กระบวนการ “ลับ ลวง พราง”จะเป็นด้านรุกอย่างต่อเนื่อง
แต่ปมเงื่อนอยู่ตรงที่ลับ ลวง พราง กับ ความเป็นจริง
หากเมื่อใดชาวบ้านบังเกิดอาการ”ตาสว่าง”เหมือนกับที่ นาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประสบ อะไรจะตามมา
นี่คือโจทย์ที่”ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”ไม่ได้คิดตระเตรียมไว้ก่อน

สุเทพ ออกโรงป้อง’บิ๊กตู่’มีผลงาน ชี้มีคนต่อต้าน-เกียร์ว่าง จนปฎิรูปไม่เป็นตามคาดหวัง

สุเทพ ออกโรงป้อง’บิ๊กตู่’มีผลงาน ชี้มีคนต่อต้าน-เกียร์ว่าง จนปฎิรูปไม่เป็นตามคาดหวัง


นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และอดีตเลขาธิการ กปปส.ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก “Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการปฏิรูปประเทศ ว่า ขณะนี้มีหลายคนพูดว่า เสียของเสียเวลา ไม่สามารถปฎิรูปประเทศได้ตามเจตนารมณ์ของประชาชน แต่ตนอยากบอกว่าเท่าที่ติดตามความคืบหน้ามาโดยตลอด เห็นว่าเขามีผลงาน โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งวางกรอบในการปฎิรูปเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับอื่นเขียนไว้อย่างนี้ โดยบอกเสร็จสรรพว่า จะต้องมีปฎิรูปประเทศในเรื่องอะไร เมื่อไร และทำอย่างไร เช่น เรื่องการปฎิรูปตำรวจ เขียนไว้อย่างชัดเจน ว่าทำให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีก่อนการเลือกตั้ง
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น แน่นอนว่ามีปัญหาและอุปสรรคมากมาย ตนเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตั้งใจปฎิรูปประเทศ แต่กลับมีอุปสรรค มีคนต่อต้าน มีคนเข้าเกียร์ว่าง เข้าเกียร์สโลว์ ทำให้การปฎิรูปไม่สามารถดำเนินการไปได้อย่างที่คาดหวัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย พวกเราประชาชนทราบดีว่า ในการที่จะปฎิรูปเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆในประเทศให้ดีขึ้นนั้น ต้องกระทบต่อคนที่เขาคุ้นเคย กับระบบเก่า วิธีการแบบเก่า
“แน่นอนว่าคนที่เสียผลประโยชน์ก็จะทำให้มีการต่อต้าน มีผู้คัดค้านเป็นธรรมดา จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราประชาชน ที่ต้องรวมพลังกันผลักดันให้การปฎิรูปประเทศบรรลุผลตามเจตนารมณ์ของประชาชนกันต่อไป และจะต้องทำให้ได้ เพราะถ้าไม่มีการปฎิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุข เราก็จะเสียโอกาสมากขึ้นในการพัฒนาประเทศ และสูญเสียการอยู่ดี กินดีของประชาชน” นายสุเทพ กล่าว

ทั้งนี้ ขอเรียกร้องชักชวนประชาชนทั้งหลายให้ช่วยกันเป็นกำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สามารถปฎิรูปประเทศได้ ถึงจะไม่ครบในทุกๆ ด้านที่ประชาชนเรียกร้อง ตนก็ขอฝากไว้ว่า อะไรที่ทำได้ก่อนการเลือกตั้งก็ต้องทำให้สำเร็จ เพื่อทำให้เห็นและเป็นกำลังใจกับประชาชนที่เอาใจสนับสนุนอยู่ตอนนี้ โดยเฉพาะการปฎิรูปตำรวจ ตนมั่นใจว่านายมีชัยจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง และคิดว่าการปฎิรูปตำรวจจะสำเร็จเป็นรูปธรรมและเป็นประจักษ์พยาน ทำให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของ พล.อ.ประยุทธ์
“พล.อ.ประยุทธ์ ครับ ผมและประชาชนไม่คิดว่าเสียของ ไม่คิดว่าเสียเวลา ท่านทำอะไรได้ทำเถอะครับ ปฎิรูปประเทศเถอะครับ อย่างน้อยที่สุด เสร็จสักเรื่องสองเรื่องก็ยังดี ที่เหลือเราก็มาช่วยกันผลักดัน ดำเนินการกันต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะของเป็นกำลังใจให้กับคณะกรรมการชุดของนายมีชัยด้วยครับ” นายสุเทพกล่าว

‘วิษณุ’ ท่องโคลงโลกนิติ ตอบเรื่องงานการเมืองในอนาคต หยอดรักนักข่าว

‘วิษณุ’ ท่องโคลงโลกนิติ ตอบเรื่องงานการเมืองในอนาคต หยอดรักนักข่าว บอกเริ่มพูดแบบนักการเมืองเป็น(คลิป)


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 พฤษภาคม ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสนใจทางการเมืองที่มีประสบการณ์มานาน โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในอนาคตคนในรัฐบาลคสช.อาจตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ หากมีการมาทาบทามไปเป็นที่ปรึกษาพรรคจะสนใจหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวปฏิเสธว่า ขอไม่ตอบ พร้อมย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “เคยได้ยินโคลงโลกนิติหรือไม่ ในบทที่ว่า เขาบ่เรียกอย่าเพิ่งขึ้นเคหา ท่านบ่ถามอย่าเจรจาอวดรู้ ซึ่งแต่งในสมัยรัชกาลที่ 3 ในเมื่อเขายังไม่ได้เชิญขึ้นบ้านอย่าเพิ่งขึ้นไป เขายังไม่ได้ชวนคุยอะไรก็อย่าเพิ่งไปพูด วันนี้ผมตอบอะไรก็ผิดไปทั้งนั้น ผมตอบว่าไม่ก็จะมีคนบอกว่าใครเชิญมึง ถ้าผมบอกว่าเอาก็จะมีคนบอกว่าไอ้นี่กระดี๊กระด๊า เขายังไม่ทันจะเชิญเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องทำอะไร เฉยๆไว้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวิษณุอยู่กับการเมืองมานาน วันนี้รักการเมืองบ้างหรือยัง นายวิษณุ หยุดคิดไปสักครู่ ก่อนตอบว่า “รักผู้สื่อข่าวการเมือง และที่พูดเช่นนี้ก็เพราะนักข่าวการเมืองเป็นผู้ถาม ถ้าผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจถามก็จะตอบว่ารักออเจ้าทั้งหลาย”

ผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่าพูดแบบนี้เรียกว่าพูดแบบนักการเมืองแล้ว นายวิษณุ กล่าวว่า “ชักจะเป็นแล้ว วันนี้ผมเป็นทุกอย่าง ก่อนหน้านี้เดินทางไปเมืองคานส์ผมยังนึกว่าตัวเองเป็นดารา แต่ก็ไม่ได้เดินพรมแดงเหมือนคนอื่นที่เกี่ยวข้อง เลยไม่มีรูปเอามาอวดกับทุกคน”

รายงาน : ศึกษา จากอดีต รัฐบาล พรรค ‘คสช.’ กุมภาพันธ์ 2562

รายงาน : ศึกษา จากอดีต รัฐบาล พรรค ‘คสช.’ กุมภาพันธ์ 2562



ศึกษา จากอดีต
รัฐบาล พรรค ‘คสช.’
กุมภาพันธ์ 2562
รัฐบาล “พรรค คสช.” ในขณะนี้ก็เหมือนกับรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อนการยุบสภาและก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์มั่นใจหรือไม่
ตอบได้เลยว่า หากศึกษาแต่ละคำพูดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หลังการยุบสภาและก่อนการเลือกตั้งมากด้วยความมั่นใจ
หากไม่มั่นใจก็คงไม่ “ยุบสภา”
เป็นความมั่นใจที่เห็น “นปช.” อันเป็นแขนขาของพรรคเพื่อไทยถูกปราบปรามอย่างต่อเนื่องจากเมื่อเดือนเมษายน 2552 และจากเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
หนียะย่าย พ่ายจะแจ
เป็นความมั่นใจที่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกองทัพและกลไกแห่งระบบราชการว่าจะสามารถสยบพรรคเพื่อไทยอันต่อเนื่องจากพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทยอย่างแน่นอน
ถามว่าผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 เป็นอย่างไร
จะทำความเข้าใจต่อความแข็งแกร่งของรัฐบาล “พรรค คสช.” ได้อย่างถูกถ้วนกับสภาพความเป็นจริงต้องศึกษาและทำความเข้าใจกับบทเรียนในอดีต
เป็นอดีตของรัฐบาล นายชวน หลีกภัย เมื่อปี 2538
ที่ตัดสินใจยุบสภาแล้วเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม กระทั่งต้องพ่ายแพ้ต่อพรรคชาติไทยของ นายบรรหาร ศิลปอาชา
เป็นอดีตของรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อปี 2539

ที่ตัดสินใจยุบสภาแทนที่จะลาออกแล้วเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน กระทั่งต้องพ่ายแพ้ต่อพรรคความหวังใหม่ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
เป็นอดีตของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อปี 2540
สภาพของ นายชวน หลีกภัย เมื่อปี 2538 เป็นอย่างไร สภาพของ นายบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อปี 2539 เป็นอย่างไร สภาพของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อปี 2540 เป็นอย่างไร และสภาพของ นายชวน หลีกภัย เมื่อปี 2544 เป็นอย่างไร
สามารถเห็นได้ผ่านรัฐบาล “พรรค คสช.” ในเดือนพฤษภาคม 2561
ถามว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ของ คสช.อันส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีและค่อยๆ พัฒนาก่อรูปขึ้นเป็น “พรรค คสช.” มีเป้าหมายอย่างไร
1 เป้าหมายเพื่อจัดการกับพรรคเพื่อไทย
บนพื้นฐานที่ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นอวตารของพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นอวตารของพรรคไทยรักไทย
1 เป้าหมายเพื่อ “ปฏิรูป” ก่อน “การเลือกตั้ง”
เวลาจากเดือนพฤษภาคม 2557 มายังเดือนพฤษภาคม 2561 รวมแล้ว 4 ปี
ผลงานและความสำเร็จเป็นอย่างไร
คำตอบจากปาก นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ แจ่มชัด
การก่อรูปของ “พรรค คสช.” สำแดงออกอย่างเปิดเผยว่า 1 คสช.ต้องการสืบทอดอำนาจ และ 1 เป็นการสืบทอดอำนาจโดยผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป้าหมาย คือ จะเลือกตั้งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
จากเดือนพฤษภาคม 2561 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จึงเป็นเวลาแห่งการพิสูจน์ตนเองเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลอันมาจากการรัฐประหาร ว่าจะดำเนินไปด้วยความทระนงองอาจเยี่ยงชายชาติทหารหรือพยายามเอารัดเอาเปรียบคนอื่นๆ
ผลการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คือ คำตอบ

จนกระจาย

จนกระจาย



เหลืออีก 7 วันจะครบรอบ 4 ปี ที่ คสช.แผ่พังพานควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จประเทศไทย
แสดงว่าประชาธิปไตยถูกปิดซ่อมใหญ่มาแล้วถึง 4 ปี
จากที่เคยเต็มใบ ซ่อมเสร็จเหลือแค่ครึ่งใบเท่านั้นเอง
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าเนื่องในโอกาสที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ หน.คสช.บริหารบ้านเมืองครบ 4 ปี คาดว่าจะมีการจัดโปรโมชันประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาล คสช.เพื่อกระตุ้นต่อมความจำว่ารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาต่างๆ ไปมากเพียงใด??
และเพื่อตอบโต้กระแสโจมตีว่ารัฐบาล คสช.ไม่มีผลงาน
“แม่ลูกจันทร์” มองว่า 4 ปีประเทศไทยภายใต้รัฐบาล คสช.มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลายประการ
มีการทุ่มเม็ดเงินอัดฉีดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ทำให้งบประมาณรายจ่ายรัฐบาลติดลบบานทะโร่ติดกัน 4 ปี
อย่างไรก็ดี 4 ปีผ่านไป หลายเรื่องที่รัฐบาล “นายกฯบิ๊กตู่” ประกาศจะเร่งแก้ไข...
ยังไม่เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
การปฏิรูปประเทศ...เดินหน้าช้าเป็นเต่าคลาน
หลายเรื่องรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน
หลายเรื่องยังไม่ได้ลงมือทำอย่างที่ฉายหนังโฆษณา
เช่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทำให้คนรวยก็รวยขึ้นๆ ส่วนคนจนก็จนลงๆ
4 ปี คสช.ไม่ทำให้ช่องห่างความเหลื่อมล้ำแคบลง กลับยิ่งถ่างความเหลื่อมล้ำให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตนำผลวิเคราะห์ของ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต และงานวิจัยของ ดร.ดิเรก ปัทมศิริวัฒน์ เป็นใบเสร็จยืนยัน
ยืนยันว่า 4 ปี รัฐบาล คสช.ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ย่ำแย่ลงอย่างน่าตกใจ
ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดอันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดีย และรัสเซีย
นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล เอื้อให้กลุ่มทุนใหญ่มั่งคั่งร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็ว
นายทุนเจ้าสัวเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของ ประชากรครอบครองทรัพย์สินเพิ่มเป็น 58 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าเศรษฐกิจไทย
คนกลุ่มเล็กๆ 65,000 คน หรือ 0.1 เปอร์เซ็นต์ของประชากรไทย 65 ล้านคน ครอบครองครึ่งหนึ่งของปริมาณเงินฝากทั้งระบบ
อภิมหามหาเศรษฐีเพียง 50 คน เป็นเจ้าของทรัพย์สิน 30 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีประเทศไทย
คิดเป็นมูลค่า 4.3 ล้านล้านบาทโดยประมาณ
ดร.อนุสรณ์ ชี้ว่าปัญหารวยกระจุกจนกระจายเป็นอุปสรรคใหญ่ทำให้ประเทศไทยอ่อนแอ
รัฐบาลต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ลดการผูกขาด ลดปัญหาทุจริต เพิ่มการแข่งขัน เพิ่มความโปร่งใส เพิ่มโอกาสให้ประชาชนอย่างเท่าเทียม
ดร.อนุสรณ์ ย้ำว่าสิ่งแรกที่รัฐบาล คสช.จะพิสูจน์ความจริงใจจะแก้ไขปัญหาเหลื่อมล้ำอย่างที่ฉายหนังโฆษณา
คือเร่งคลอด พ.ร.บ.เก็บภาษีที่ดิน เพื่อเก็บภาษีจากผู้ถือครองที่ดินจำนวนมากให้ออกมาบังคับใช้โดยเร็ว!!
เก็บภาษีจากคนรวยส่วนน้อยไปช่วยประชาชนส่วนใหญ่ที่ยากจน
วันนี้ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดิน พร้อมคลอดแล้ว
แต่ติดอยู่นิดเดียว...
ยังไม่มี “ไฟเขียว” จากหัวหน้าหมอตำแย.
"แม่ลูกจันทร์"

‘ชวน’ ตัวช่วย ‘อภิสิทธิ์’

‘ชวน’ ตัวช่วย ‘อภิสิทธิ์’



ต้องปลุกปรมาจารย์ “ชวน หลีกภัย” มากู้สถานการณ์กันแล้ว
ตามแนวโน้มสถานการณ์ล่าสุดที่ “นิด้าโพล” สะท้อนตัวเลขยี่ห้อประชาธิปัตย์หล่นไปอยู่อันดับที่ 3 ตามหลังพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคที่ประชาชนต้องการให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ทั้งๆที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช. ยังไม่ได้เปิดตัวชัดๆเลยด้วยซ้ำ
เซียนเขี้ยวการเมืองยี่ห้อประชาธิปัตย์นั่งเฉยอยู่ได้ก็แปลกเต็มที
และคนที่รับบทจุดพลุก็คือนายพีรยศ ราฮิมมูลา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเขี่ยลูก ยกกรณีเลือกตั้งมาเลเซียที่ทำให้นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในวัย 92 ปี
ทำให้มีประชาชนในภาคใต้จำนวนมากนึกถึงอดีตนายกฯชวนที่มีอายุ 79 ปี ยังสามารถหวนกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และเป็นนายกรัฐมนตรีได้
ในอารมณ์แบบที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เองก็แบะท่าอวยเต็มที่ บอกมีคนจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนนายชวน
เพราะเป็นแบบอย่างที่ดีของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย แม้เจ้าตัวจะแสดงออกว่าไม่รับตำแหน่งแล้ว แต่เมื่อมีการปลดล็อกและเลือกกรรมการบริหารพรรคกันใหม่
การพิจารณาเสนอชื่อนายกฯก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการของพรรค
“อภิสิทธิ์” กับทีมประชาธิปัตย์กวักมือเรียกหา “ชวน หลีกภัย” มากู้สถานการณ์เฉพาะหน้า
กระโดดโหนกระแส “มหาธีร์” กันตัวโก่ง
เรื่องของเรื่อง แม้เบื้องหน้าจะเหมือนการฉวยเหลี่ยมเบิ้ลบลัฟรัฐบาลทหาร กดดัน “นายกฯลุงตู่”
แบบที่นายอภิสิทธิ์พยายามโยงเลยว่า ผลการเลือกตั้งมาเลเซีย ทำให้ประชาชนตื่นตัวในการไม่ยอมรับหรือต่อต้านการคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจมิชอบต่างๆ โดยใช้สิทธิผ่านกระบวนการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังดูลอยๆเทียบเคียงกันไม่ชัด
เพราะสถานการณ์ไทยกับมาเลเซียคนละเงื่อนไข ถือเป็นคนละบริบทกัน
จุดสำคัญจริงๆของการกระโดดโหน “มหาธีร์” เปิดทาง กวักมือเรียก “ชวนคัมแบ็ก” เป้าหมายแรกเลย น่าจะอยู่ที่การกอบกู้สถานการณ์ฉุกเฉินในประชาธิปัตย์
กระบวนการโค่น “เดอะมาร์ค” กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
เกมไหลใกล้ถึงจังหวะหักดิบ ตามเงื่อนเวลาถ้า คสช. เปิด
ไฟเขียวให้พรรคทำกิจกรรมทางการเมือง เวทีเปิดให้เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคกันใหม่เมื่อไหร่
ยุทธการไล่โละ “อภิสิทธิ์” เกิดขึ้นทันทีแน่ๆ
และเท่าที่เช็กสถานการณ์จากคนวงใน ตอนนี้มีแค่ผู้อาวุโสระดับนายชวน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ฯลฯ กับทีมงานผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันที่ใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์เท่านั้น
ที่ยังพร้อมยื้อหนุน “เดอะมาร์ค” นั่งหัวหน้าพรรค
ถือหลักการ ลากถูลู่ถูกังกันไปตามยถากรรม
ขณะที่ฝ่ายโค่นกระดาน นำทีมโดยแนวร่วม “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำค่าย กปปส.ที่แฝงตัวเป็นหอกข้างแคร่ อาทิ นายวิทยา แก้วภราดัย นายถาวร เสนเนียม ฯลฯ
ซ่องสุมกำลังเสียงส่วนใหญ่ อยู่ในสถานการณ์เตรียมพร้อม
“ยึดเมือง”
ตามท้องเรื่อง สู้ก็ท้าเป็นท้าตาย ไม่สู้ก็เฉาตายอยู่ดี
ไหนๆก็เสี่ยงวัดดวงไปเลยดีกว่า
เพราะถ้าหัวหน้าพรรคยังชื่อ “อภิสิทธิ์” ประชาธิปัตย์ไม่รู้จะไปทางไหน
จะตีตั๋วเกาะขบวนรถไฟไปกับ “นายกฯลุงตู่” ก็ลำบาก เพราะเปิดหน้าซัดกันมาจนกระดากใจ ครั้นจะพลิกนรกหันไปจับมือกับค่ายเพื่อไทย จูบปากกับลูกข่าย “ทักษิณ” ก็พะอืดพะอม
กัปตัน “อภิสิทธิ์” นำเรือมาอยู่ในจุดลอยคว้าง เท้งเต้ง รอวันจม
อารมณ์แบบที่เดาได้ กลุ่มทุนที่ไหนจะเสี่ยงแทงหวย ไม่แปลก
ที่ประชาธิปัตย์จะน้ำเลี้ยงเหือดแห้ง
ถ้าปล่อยให้สถานการณ์รุนแรงกว่านี้ โอกาสเลือดไหลออก
อาจรวมถึงปักษ์ใต้
มันจึงเป็นอะไรที่ต้องกระตุกจังหวะ เปลี่ยนหัวให้ยี่ห้อ “ชวน หลีกภัย” มาประคองสถานการณ์
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไม่ต้องมโนไปถึงขั้นได้ลุ้นเหมือน “มหาธีร์”
แค่ได้โอกาสตีตั๋วร่วมขบวนกับ “ลุงตู่” ก็หรูแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ป้าทุบรถชนะคดี! ศาลสั่ง กทม.รื้อ 5 ตลาดรอบบ้านภายใน 60 วัน

ป้าทุบรถชนะคดี! ศาลสั่ง กทม.รื้อ 5 ตลาดรอบบ้านภายใน 60 วัน พร้อมให้ กทม.จ่ายค่าสินไหมชดเชย คนละกว่า3.6 แสนบาท
.
น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ(เสื้อขาว) เจ้าของบ้านในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ย่านสวนหลวง ร.9 พร้อมน้องสาว ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หลังยื่นฟ้องผู้ว่าฯ กทม. ผอ.เขตประเวศ สนง.เขตประเวศ และกรุงเทพมหานคร กรณีปล่อยให้เกิดการสร้างตลาด 5 แห่งรอบบ้านพักโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
.
โดยศาลปกครองกลางแผนกคดีสิ่งแวดล้อมมีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานครสั่งเจ้าของตลาดทั้ง 5 แห่ง รื้อถอนอาคารตลาดทั้งหมดให้แล้วเสร็จ ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด
.
พร้อมดูแลไม่ให้มีการวางแผงลอย ความสะอาด เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ รวมถึงให้ชดใช้เยียวยาอนุญาตให้มีการสร้างตลาดโดยไม่ชอบทำให้ต้องสูญเสียความสงบสุข ตลอดระยะเวลา 7 ปีเศษ ตั้งแต่ปี 2553 ถึงกุมภาพันธ์ 2561 แก่โจทก์ 4 ราย รายละ 368,400 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่คดีถึงที่สุด ที่ ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อ 16 พ.ค. 2561
ภาพ Thai News Pix / ภานุมาศ สงวนวงษ์
#WorkpointNews