PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พล.อ.ไพบูลย์′ เผย ผบ.ทบ.ย้ำ จะไม่เกษียณหรือลาออก หากบ้านเมืองยังมีปัญหา

พล.อ.ไพบูลย์′ เผย ผบ.ทบ.ย้ำ จะไม่เกษียณหรือลาออก หากบ้านเมืองยังมีปัญหา
คสช.ไม่มีความคิดจะยึดอำนาจ แต่ประเทศไม่มีทางออก กปปส.เรียกร้องให้ปฏิรูป ตนเคารพในแนวคิดของเขา แต่ไม่เคารพในสิ่งที่เขาทำผิดกฎหมาย ขณะที่รัฐบาลรักษาการก็ไม่สามารถนำเงินค่าข้าวมาจ่ายให้ชาวนาได้เพราะกฎหมายไม่ถูกต้อง ในทางการเมืองไม่มีฝ่ายใดยอมกันเพราะกลัวจะเสียรูปมวย คสช. ไม่ใช่มนุษย์วิเศษที่จะสามารถบันดาลสิ่งใดก็ได้
แต่คสช.มีพลังที่จะทำให้ปัญหาหมดไปได้อาจจำเป็นต้องทิ้งมิติประชาธิปไตยไปสักระยะเพื่อแก้ปัญหาประเทศเพราะหากทำไม่สำเร็จจะเกิดผลกระทบมหาศาล คสช.ถือเป็นองค์กรเดียวที่จะแก้ไขได้ งานนี้ไม่ใช่เรื่องของคนเก่งแต่เป็นเรื่องของคนกล้า
ตนบอกผบ.ทบ.ว่าเราต้องกล้า ทำให้สำเร็จ ถ้าทำไม่สำเร็จแล้วเกษียณไปอาจจะมีความสุขกับลูกกับเมีย แต่ปัญหาจะคงอยู่กับประเทศนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ย้ำว่าจะไม่เกษียณหรือลาออกไปในขณะที่บ้านเมืองยังมีปัญหา
วันที่ 18 มิถุนายน ที่โรงแรมเอเชีย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. กล่าวระหว่าง เป็นประธานมอบนโยบายกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสถาบันการเงิน

บุกจับลักลอบขุดน้ำมันเพชรบุรณ์โยงปตท.

พ.ท.รัฐเขตฯและ ดร.วิวัฒิชัยฯ นำกองปราบและดีเิอสไอบุกจับ ผู้ลักลอบขุดเจาะน้ำมันดิบไปขายใน พท.สปก. อ.วิเชียรบุรี จ.เพรชบูรณ์ ทั้งที่ยังอยู่ระหว่างขออนุญาต สำรวจเท่านั้น พบผู้อาจเจอผิดร่วมยกยวง นายก รมต.พลังงาน ปลัดกระทรวงพลังงาน อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาต ติดตามข่าวช่อง๗ ประเด็นเด็ดเจ็ดสีเช้านี้ 11โมง และอาจน้อคเอ้า ปตท. ได้ง่ายไม่ต้องซื้อหุ้นคืน อาจโดนข้อหารับของโจร รับซื้อน้ำมันดิบเถื่อน ไม่เสียค่าสัมปทาน ผิดทั้งคนขาย(ผู้ขุดเจาะ) ผู้รับผิดชอบ(ก.พลังงาน นายก.ประธาน กพช. อธิบดีอีก2กรม) และผู้รับซื้อ(ปตท) คดีดีนี้ถ้าปิดจริงเอาผิดผู้เกี่ยวข้องย้อนหลังได้ 5ปี คาดว่าสองพรรคใหญ่โดนหมด อาจเจอแบบคดีถวิล เปลี่ยนสี ตั้งแต่อธิบดี ยันนายก ยันนายก อาจไล่ยึดทรัพย์รับของโจรและอาจเอาผิดผู้ว่า ปตท.ได้ด้วย

หลวงปู่พุทธะอิสระ รุ่น กูคือผู้ชนะ


หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) เพิ่ม 3 รูปภาพใหม่
ประชาสัมพันธ์
ถึงผู้มีจิตศรัทธาทุกๆ ท่าน
ขอเชิญร่วมสั่งจองรูปเหมือนหลวงปู่พุทธะอิสระ รุ่น กูคือผู้ชนะ วัตถุประสงค์ในการจัดทำเพื่อหาทุนไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาใช้ในการกู้ชาติที่เวทีแจ้งวัฒนะ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตามอุดมการณ์นักรบหัวใจสีขาว และทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์อื่นๆ เช่น การปลูกป่าให้กับแผ่นดิน รักษาสิ่งธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่หลวงปู่พุทธะอิสระท่านได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง 
ในการปลุกเสกหลวงปู่ท่านจะทำการปลุกเสกตลอดทั้งเข้าพรรษา 3 เดือน และทางเราจะกำหนดวันรับพระหลังออกพรรษา
สามารถสั่งจองได้ที่วัดอ้อน้อย (ธรรมะอิสระ) หรือ
จองผ่านธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ โดยสามารถไปรับใบจองได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ได้ทุกสาขา
ปล. ตัวอย่างการกรอกแบบฟอร์มให้ดูในรูป

ขุมทรัพย์อำนาจ?

ขุมทรัพย์
วันที่ 5 ต.ค. 2550 ตอนรับตำแหน่งรองนายกฯ พล.อ.สนธิแจ้งว่ามีทรัพย์สิน 38.7 ล้านบาท นางสุกัลยา คู่สมรส คนที่หนึ่ง 14 ล้านบาท นางปิยะดา คู่สมรส คนที่สอง 36.9 ล้านบาท น.ส.ศศินภา บุตรไม่บรรลุนิติภาวะ 3 แสนบาทเศษ รวม พล.อ.สนธิ นางสุกัลยา และน.ส.ศศินภา 53.1 ล้านบาท แต่ถ้ารวมนางปิยะด้วยเท่ากับ 90.1 ล้านบาท
วันที่ 6 ก.พ.2551 ตอนพ้นตำแหน่ง ทรัพย์สินของ พล.อ.สนธิ นางสุกัลยา และน.ส.ศศินภา เพิ่มเป็น 60.1 ล้านบาท
กระทั่งพ้นตำแหน่งครบ 1 ปีวันที่ 5 ก.พ. 2552 ทรัพย์สินของพล.อ.สนธิ นางสุกัลยา และน.ส.ศศินภา เพิ่มเป็น 62.2 ล้านบาท น่าสังเกตว่าการยื่นบัญชีฯ 2 ครั้งหลัง พล.อ.สนธิ มิได้แจ้งทรัพย์สินของภรรยาคนที่สอง แต่อย่างใด
หากเปรียบเทียบครั้งแรก กับ ครั้งหลัง ช่วงเวลาเพียงปีเศษ เพิ่มประมาณ 9 ล้านบาท ถือว่าพอสมควร (ถ้าการยื่นบัญชีฯครั้งแรก ไม่คลาดเคลื่อนหรือหลงลืม)
เมื่อเจาะลึกพบว่า พล.อ.สนธิมีเงินลงทุน ได้แก่ หุ้นการบินไทย ,กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร และ หุ้นสหกรณ์ออมทรัพย์ นสค. รวม 11.2 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง แต่รายการที่เพิ่มขึ้นคือ "ที่ดิน " และ "เงินฝาก"
เงินฝาก ตอนรับตำแหน่ง พล.อ.สนธิแจ้งว่ามี 23.5 ล้านบาท นางสุกัลยา 3.9 ล้านบาท ตอนพ้นตำแหน่งพล.อ.สนธิมี 29.3 ล้านบาท นางสุกัลยาลดลงเหลือ 1.3 ล้านบาท ตอนพ้นตำแหน่ง 1 ปี พล.อ.สนธิมี 26.6 ล้านบาท นางสุกัลยาเพิ่มเป็น 1.6 ล้านบาท
ส่วนที่ดิน ตอนรับตำแหน่ง พล.อ.สนธิแจ้งว่าไม่มี นางสุกัลยามี 1 แปลง 1.3 ล้านบาท ตอนพ้นตำแหน่ง พล.อ.สนธิ มี 1 แปลง มูลค่า 3.3 ล้านบาท นางสุกัลยา 4 แปลง 5.2 ล้านบาท ตอนพ้นตำแหน่ง 1 ปี พล.อ.สนธิมีที่ดิน 6 แปลง 6.3 ล้านบาท ส่วนนางสุกัลยามี 4 แปลง
เบ็ดเสร็จที่ดินของคนทั้งสองเพิ่มขึ้นประมาณ 9 แปลง
@ บิ๊กบัง หรือ จะสู้ บิ๊ก จ๊อด
มีข้อมูลระบุว่า "บิ๊กจ๊อด" ผู้ให้สัมปทาน "ดาวเทียมสื่อสาร"แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ รวยนับพันล้านบาท
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อติดตามการดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินของ พล.อ.สุนทร ชุดนายทองใบ ทองเปาด์ อดีตส.ว.มหาสารคาม ได้ตรวจสอบพบว่า "บิ๊กจ๊อด" มีทรัพย์สินอยู่ในการครอบครองของนางอัมพาพันธ์ ธเนศเดชสุนทร ภรรยา (อีกคน) ของ พล.อ.สุนทร ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ภายหลังจาก พล.อ.สุนทรเสียชีวิตเกิดศึกแย่งชิงมรดกระหว่าง นางอัมพาพันธ์ กับ พ.อ.(หญิง) คุณหญิงอรชร คงสมพงษ์ ภรรยาของพล.อ.สุนทร นางอัมพาพันธ์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแห่งกรุงเทพใต้ ขอให้มีคำสั่งเป็นผู้จัดการมรดก โดย พ.อ.(หญิง) คุณหญิงอรชร และบุตรชาย 2 คน ยื่นคัดค้าน พร้อมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางอัมพาพันธ์ กับพวก รวม 12 คน เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนนิติกรรม และเรียกคืนทรัพย์สินประมาณ 3,900 ล้านบาท
คณะกรรมาธิการวิสามัญฯเข้าไปตรวจสอบสินมูลค่า 1,000 ล้านบาท และมีข้อสังเกตว่า ช่วงก่อน-หลัง เป็นประธาน รสช. บัญชีเงินฝากของ พล.อ.สุนทร มีกระแสเงินไหลเวียนเข้า-ออก สูงถึง 122.6 ล้านบาท และ จำนวน 127.3 ล้านบาท ตามลำดับ
นางอัมพาพันธ์ ไม่ได้ประกอบธุรกิจ นอกจากเล่นหุ้นในบางครั้งแต่กลับมีทรัพย์สินในครอบครองมูลค่าถึง 1,000 ล้านบาท และไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าได้ทรัพย์สินมาอย่างไร
ต่อมากรมสรรพากรได้เรียกนางอัมพาพันธ์มาชี้แจงแหล่งที่มาของเงินฝากใน 29 บัญชี ประมาณ 500 ล้านบาท ปรากฏว่านางอัมพาพันธ์ ชี้แจงได้ประมาณ 400 ล้านบาท อีก 100 ล้านบาทชี้แจงไม่ได้ กรมสรรพากรจึงเรียกเก็บเสียภาษี พร้อมชดเชยค่าปรับและเงินเพิ่มตามกฎหมายกำหนด รวม 75 ล้านบาท
@ บิ๊กจ๊อด หรือ จะสู้ 2 จอมพล
อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งของ "บิ๊กจ๊อด" ถ้าเทียบกับ จอมพลสฤดิ์ ธนะรัชต์ กับ จอมพลถนอม กิตติขจร
มีข้อมูลระบุว่า จอมพลผ้าขะม้าแดงสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองและครอบครัวถึง 2,800 ล้านบาท
จอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งเคยเป็นลูกน้องจอมพลสฤษดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในขณะนั้นถึงเหตุผลในการยึดทรัพย์จอมพลสฤษดิ์เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2507 จำนวน 604.5 ล้านบาท ว่าอดีตเจ้านายของเขาใช้อำนาจโดยมิชอบกระทำการเบียดบังและยักยอกทรัพย์สินของรัฐ
และให้เหตุผลในการประกาศใช้ มาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร ยึดทรัพย์จอมพลสฤษดิ์ว่าต้องการมาใช้หนี้รัฐ เพราะจอมพลสฤษดิ์นำเงินของรัฐไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ซึ่งเป็นเงินฝากในธนาคารประมาณ 400 ล้านบาท ไม่รวมเงินฝากในต่างประเทศอีกหลายร้อยล้านบาท
ขณะที่จอมพลถนอมซึ่งถูกนายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกฯคนที่ 12 ใช้อำนาจตามมาตราเดียวกันยึดทรัพย์พร้อมกับจอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2517 มีมากกว่าพันล้านบาท
ในจำนวนนี้เป็นเงินฝากกว่า 472 ล้านบาท แบ่งเป็นจอมพลถนอม 24 ล้านบาท ท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร 98 ล้านบาท พ.อ.ณรงค์ 32 ล้านบาท นางสุภาภรณ์ กิตติขจร 32 ล้านบาท ไม่รวมทรัพย์สินอื่น 700-800 ล้านบาท
มารอดู พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงสปิริตด้วยความซื่อตรง เปิดเผยบัญชีว่ามีเงินเท่าไร

กกต.คาด พิจารณาคำร้อง ส.ส.-ส.ว.เสร็จ ก.ค. เผยปม "ยิ่งลักษณ์" ทัวร์นกขมิ้นใกล้เสร็จแล้ว เตรียมปรับปรุง ระเบียบสืบสวนสอดรับ ประกาศ คสช.

กกต.คาด พิจารณาคำร้อง ส.ส.-ส.ว.เสร็จ ก.ค. เผยปม "ยิ่งลักษณ์" ทัวร์นกขมิ้นใกล้เสร็จแล้ว เตรียมปรับปรุง ระเบียบสืบสวนสอดรับ ประกาศ คสช.
วันที่ 17 มิ.ย. 57 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย สำนักงาน กกต. แถลงสรุปการพิจารณาสำนวนร้องคัดค้าน การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ว่า มีคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งสิ้น 1002 สำนวน กกต.พิจารณาวินิจฉัยแล้วเสร็จ 413 สำนวน คงเหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ 589 สำนวน สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง สั่งเลือกตั้งใหม่ และนับคะแนนใหม่ รวม 56 เรื่อง ส่วนสำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. จากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.พ. มีทั้งสิ้น 34 เรื่อง ชี้ขาดแล้ว 1 เรื่อง โดยเป็นกรณีไม่รับเป็นคำร้อง คงเหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการรวม 33 เรื่อง
ขณะที่สำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ว. มีทั้งสิ้น 39 เรื่อง ชี้ขาดแล้ว 15 เรื่อง โดยเป็นกรณีไม่รับเป็นคำร้อง 8 เรื่อง ยกคำร้อง 6 เรื่อง และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ว.นครปฐม 1 เรื่อง คงเหลือสำนวนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 24 เรื่อง จำนวนนี้มี 3 เรื่อง ที่เสนอเข้าวาระพิจารณาของ กกต.แล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าสำนวนคัดค้านเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ที่เหลือ น่าจะพิจารณาได้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.
นายดุษฎี ยังกล่าวถึงกรณีร้องเรียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ทรัพยากรของรัฐ ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไปหาเสียงภาคเหนือ-อีสาน กรณีมอบเงินให้กับครอบครัวตำรวจที่เสียชีวิตจากการสลายชุมนุมและใช้สื่อของรัฐหาเสียง โดยเรื่องยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการไต่สวน ซึ่งเป็นชุดพิเศษที่ กกต.แต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นกรรมการ ทราบว่าได้เชิญข้าราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำแล้ว
ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา ตามขั้นตอนต้องเชิญมาชี้แจง แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจทำหนังสือมาชี้แจงแทนได้ คาดว่าอีกไม่นานจะแล้วเสร็จ
นายดุษฎี ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุม กกต.ยังมีมติให้มีการปรับปรุงระเบียบ เกี่ยวกับการพิจารณาสืบสวนสอบสวนเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้าน การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ให้สอดรับกับประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 58 ที่ให้ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นภายใน 60 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง จากเดิมกำหนดไว้เพียง 30 วัน ที่ผ่านมา กกต.มีเวลาแค่ 30 วัน ต้องประกาศรับรองผล ทำให้เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่ กกต.ไม่สามารถสอบสวนให้เสร็จได้ทัน ต้องประกาศรับรองผลไปก่อน แล้วมาดำเนินการภายหลัง
ดังนั้น กกต.จะมีเวลามากขึ้น จะสามารถใช้กลไกสืบสวน ในการเอาผิดผู้กระทำความผิดให้ได้ และหาก คสช. ให้จัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ก็จะดำเนินการตามระเบียบนี้ทัน.

หนี้สินล้นพ้นตัวพลเมืองสหรัฐฯ

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สาขาเซนต์หลุยส์ เผยแพร่รายงานล่าสุดในวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย. โดยระบุ ยอดหนี้สินทั้งของรัฐบาลอเมริกัน ภาคธุรกิจ ตลอดจนภาคประชาชนในเมืองสหรัฐฯล่าสุด มีมูลค่ารวมกันคิดเป็นเกือบ “60 ล้านล้านดอลลาร์” พร้อมชี้ว่า คนอเมริกันมากกว่าครึ่ง มีหนี้สินท่วมหัว ยังต้องผ่อนทั้งบ้าน รถ และยังติดหนี้บัตรเครดิตมโหฬาร!!!

นาซาเตือน "พายุสุริยะ"ถล่มโลก

นาซาเตือน "พายุสุริยะ"ถล่มโลก
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา ออกมาแถลงถึงการตรวจพบ โซลาร์ แฟลร์ หรือพายุสุริยะที่ทรงพลังต่อเนื่องกันถึง 3 ลูกในช่วง 2 วันคือวันที่ 10 และ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา พายุสุริยะลูกหลังนั้นมาถึงโลกในวันศุกร์ที่ 13 พอดิบพอดี
ที่นาซาต้องออกมาเตือนนั้นเนื่องจากพายุสุริยะทั้ง 3 ลูก จัดอยู่ในระดับ "เอ็กซ์ คลาส" ซึ่งเป็นระดับที่มีความเข้มข้นสูงสุด คือมีความเข้มข้นสูงกว่าเปลวสุริยะทั่วไปบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ 10,000 เท่าขึ้นไป ลูกที่เกิดขึ้นหลังสุดคือเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนนั้นมีความรุนแรงระดับ เอ็กซ์1.0 ส่วนอีก 2 ครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนนั้น รุนแรงกว่า ครั้งแรกจัดอยู่ในระดับ เอ็กซ์2.2 หรือเป็น 2 เท่าของเอ็กซ์ 1.0 ส่วนอีกครั้งก็เป็น เอ็กซ์ 1.5 รุนแรงกว่าเป็น 1.5 เท่าของลูกที่เกิดขึ้นหลังสุด
พายุสุริยะ เป็นการระเบิดของรังสีจากดวงอาทิตย์ที่รุนแรงเป็นพิเศษทำให้พุ่งทะยานออกไปในห้วงอวกาศ บางครั้งก่อให้เกิดกระแสพลาสมา และกระแสคลื่นของอนุภาคที่มีประจุ ซึ่งเรียกกันว่า "โคโรนา แมส อีเจคชั่น" หรือ ซีเอ็มอี ถ้าหากทิศทางของกระแสซีเอ็มอีตรงมายังโลก ก็สามารถก่อให้เกิด "จีโอแมกเนติก สตอร์ม" หรือ "พายุแม่เหล็กโลก" ที่ส่งผลให้การสื่อสารล่ม รบกวนดาวเทียมในวงโคจรรอบโลก กระทั่งยังอาจส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับขึ้นได้ พายุแม่เหล็กโลกนั้นเกิดขึ้นจากการที่อนุภาคของพายุสุริยะทำปฏิกิริยากับสนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง นอกจากสร้างปัญหาแล้ว ยังอาจก่อให้เกิด ออโรรา หรือ แสงเหนือ ที่สวยงามเกิดขึ้นได้

พายุสุริยะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้การสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงบนพื้นโลกบริเวณที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ล่มไปทั้งหมดเป็นเวลาราว 1 ชั่วโมง แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นมากไปกว่านั้น

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ สั่ง 33 รายชื่อรายงานตัวพรุ่งนี้

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ สั่ง 33 รายชื่อรายงานตัวพรุ่งนี้ พบอดีต ส.ส.- เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นักกิจกรรมเสื้อแดง ร่วมด้วยน้องชาย “นิสิต สินธุไพร” แกนนำ นปช. แดงเชียงใหม่ เจ้าของร้านหนังสือบุ๊ครีพับลิค พ่วง “สหายช่วง” คนใกล้ชิด “สนธิญาณ” กุนซือ “กำนัน” แถมด้วย “เม่น กลุ่มนักรบพระองค์ดำ” และการ์ด กปปส. แจ้งวัฒนะ จำนวนหนึ่ง
วันนี้ (17 มิ.ย.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกคำสั่งที่ 68/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ระบุว่า เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้บุคคลเข้ามารายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 18 มิถุนายน 2557 เวลา 10.00 - 12.00 น. ดังนี้
1. นางสุวรรณา ตาลเหล็ก (ผู้ประสานงานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย)
2. นางพรพิมล ลุนดาพร
3. นางสาวสุณีย์ เหลืองวิจิตร (อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ และอดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย)
4. นางสาวอดาน้อย ห่อมารยาท
5. นางสาวกริชสุดา คุณะแสน (หรือ สหายสุดซอย หรือ เปิ้ล นักกิจกรรมกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มเพื่อนนักโทษการเมือง และผู้ดูแลบ้านนางมนัญชยา เกตุแก้ว แกนนำเสื้อแดง จ.ชลบุรี)
6. นายกวี วงศ์รัตนโสภณ (เจ้าของร้าน ลี้ช้วงเฮง จ.ระยอง)
7. นายนพพร พรหมขัติแก้ว (แกนนำสมาพันธ์ชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตย (เชียงใหม่) ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่)
8. นางอัมรา วัฒนกูล
9. นายพรส เฉลิมแสน (แกนนำเสื้อแดงเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ)
10. นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร (ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม น้องชายนายนิสิต สินธุไพร แกนนำ นปช.)
11. นางสาวภัทรจิต โชติกพณิช (กรรมการผู้จัดการ โรงเรียนศูนย์พัฒนาภาษาอังกฤษ English Click)
12. นางพรรณราย เมาลานนท์ (ผู้ร่วมลงชื่อแก้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ)
13. นายพงษ์เทพ ไชยศล
14. นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ (อดีต ส.ส. กทม. เขตหนองจอก พรรคเพื่อไทย)
15. นายเกษมสันติ จำปาเลิศ
16. นายเทียนสวัสดิ์ เทียนเงิน
17. นางภัคจิรา ชุนฮะสี
18. นายนิทัศน์ ศรีสุวรรณ
19. นายหาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์ (แกนนำกลุ่มศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่)
20. นายองอาจ ตันธนสิน (แกนนำ นปช. แดงเชียงใหม่ อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่)
21. นางสาวรจเรข วัฒนพาณิชย์ (ผู้ก่อตั้งร้านสาธารณรัฐหนังสือ หรือ บุ๊ค รีพับลิค ริมถนนเลียบคลองชลประทาน จ.เชียงใหม่)
22. นางสาวนุ่มนวล ยัพราช (แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยแรงงาน)
23. นายอุทัย ม่วงศรีเมืองดี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ, กลุ่มบริหารยุทธศาสตร์พลังงาน สำนักงานคณะกรรมการ นโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ สพช.)
24. นายอานนท์ กลิ่นแก้ว
25. นายเจติศักดิ์ จันทร์ประดิษฐ์ (หัวหน้ากลุ่มนักรบศรีวิชัย)
26. นายศรายุทธ สังวาลย์ทอง
27. นายธงชัย สุวรรณวิหค (หรือ สหายช่วง แกนนำกลุ่มสันนิบาตประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ร่วมกับ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์)
28. นายดนัย ทิพย์ยาน (นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพ โฆษกกลุ่มพลังอาชีวศึกษา ปกป้องชาติและราชบัลลังก์)
29. นายวิษณุ เกตุสุริยา (เลขานุการ กปปส. ระยอง การ์ดรักษาความปลอดภัย กปปส. ผู้ต้องสงสัยกลุ่มมือปืนป๊อบคอร์น ในเหตุปะทะแยกหลักสี่)
30. นายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู (หรือ เม่น หัวหน้ากลุ่มนักรบองค์ดำ การ์ด กปปส. แจ้งวัฒนะ ผู้ต้องสงสัยกลุ่มมือปืนป๊อบคอร์น ในเหตุปะทะแยกหลักสี่)
31. นายสุขเสก พลตื้อ (การ์ดกลุ่ม นปช. ที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้มีการประกันตัวชั่วคราว ในคดีก่อการร้าย ปี 2553)
32. นายสุวิทย์ เม็นไธสง
33. นายวิระศักดิ์ โตวังจร (ผู้ร่วมชุมนุม นปช. จาก อ.บางละมุง จ.ชลบุรี)
สั่ง ณ วันที่ 17 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
อนึ่ง การให้เข้ามารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ก่อนหน้านี้ คสช. ขอเรียนชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ว่า การเชิญตัวบุคคลดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการดูแลและทำความเข้าใจเท่าที่จำเป็นไม่เกิน 7 วัน ทั้งนี้ ผู้ที่มีรายชื่อตามคำสั่งให้มารายงานตัวของ คสช. เกือบทั้งหมดให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และสามารถเดินทางกลับได้ภายในวันที่รายงานตัว จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกันทั่วhttp://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000068192

วสิษฐ เดชกุญชร...ผมต้องยอมรับว่าผมดู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผิด หรือประเมินความสามารถของท่านต่ำไป

วสิษฐ เดชกุญชร...ผมต้องยอมรับว่าผมดู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผิด หรือประเมินความสามารถของท่านต่ำไป
...เมื่อตอนที่ท่านประกาศกฎอัยการศึกนั้น ผมเพียงแต่รู้สึกยินดี เพราะการประกาศกฎอัยการศึก เป็นการระงับศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างมวลมหาประชาชนที่มีคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เป็นผู้นำ กับ นปช.ที่ใครก็ไม่รู้เป็นผู้นำ
...ท่านผู้อ่านคงจำได้ว่า คุณสุเทพประกาศเรียกชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศเพื่อเป็นการเผด็จศึกครั้ง สุดท้ายในวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 แม้จะไม่ปรากฏชัดว่าการ “เผด็จศึก” จะทำในรูปใดอย่างไร แต่ใคร ๆ ก็คงเดาออกว่า กปปส.กำลังจะใช้พลังมวลมหาประชาชนอันไพศาล กดดันบังคับให้รัฐบาลรักษาการ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ออกจากตำแหน่ง ในขณะเดียวกัน ฝ่าย นปช. ก็ขู่ฟ่อ ๆ ว่าจะป้องกันรักษารัฐบาลรักษาการเอาไว้อย่างสุดชีวิต ด้วยการใช้กำลังอาสาสมัครที่ผ่านการ ฝึกอบรมเชิงรบมาแล้วในหลายจังหวัดในภาคอีสาน เป็นกำลังตอบโต้
...การประกาศกฎอัยการศึกทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องยุติการเคลื่อนไหวลงทันที เพราะจะเป็นการฝ่า ฝืนกฎอัยการศึก และทำให้โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องเสียเลือดเนื้อเพราะการปะทะต่อสู้กันหมดไปด้วย แต่เพียงเท่านั้นก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความชาญฉลาดเป็นพิเศษแต่อย่างใด เพราะเพียงแต่ ใช้สามัญสำนึกก็ย่อมแลเห็นว่า หากปล่อยให้ กปปส.และ นปช.ปะทะกัน ความเสียหายที่จะเกิดแก่บ้าน เมืองจะร้ายแรงปานใด
การประกาศยึดอำนาจการปกครองหรือทำรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นสิ่งที่ผมมิได้คาด หมายและไม่ชื่นชม ผมเคยเห็นรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งต้องเข้าไปเกี่ยวข้องและสนับสนุน เพราะผมเป็นข้าราชการตำรวจ เมื่อผู้บังคับบัญชาร่วมทำรัฐประหารและมีคำสั่งผมก็จำเป็นต้องปฏิบัติ ตาม แต่ผมไม่เคยเชื่อว่ารัฐประหารจะเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองแต่อย่างใด และข้อเท็จจริงก็ พิสูจน์ทุกครั้งว่าหลังรัฐประหาร บุคคลที่เป็นผู้นำในการทำรัฐประหาร ญาติพี่น้อง และสมัครพรรคพวก ได้รับประโยชน์ส่วนตัวเป็นมูลค่ามหาศาล ส่วนประชาชนก็ตกทุกข์ได้ยากอยู่เช่นเดิมต่อไป
...เพราะฉะนั้น เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครอง และประกาศตั้งตัวเอง เป็นหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผมก็ได้แต่นึกในใจว่า “เอาอีกแล้ว” เท่านั้น ผมดีใจอยู่บ้าง ที่การยึดอำนาจทำให้รัฐบาลรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หมดสภาพลง แต่ผมไม่แน่ใจว่า คสช.จะเป็น เหลือบฝูงใหม่ที่จะมาดูดเลือดคนไทยต่อไปหรือไม่
และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมคลางแคลงใจในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือคลิป “ถั่งเฉ้า” หรือบันทึกการสนทนาระหว่างทักษิณกับบุคคลสำคัญในวงการทหาร ที่ระบุว่า “ตู่ไว้ใจได้”
..ผมเริ่มรู้สึกว่าผมประเมินความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ต่ำไป เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศ มาตรการแรก จะชำระหนี้ให้แก่ชาวนาที่ถูกรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ฉ้อโกงไปในโครงการรับจำนำข้าว หลังจากประกาศไม่นาน ชาวนาก็เริ่มได้รับเงินคืน จนคงจะครบถ้วนทุกคนในเดือนมิถุนายนนี้
ครั้นแล้วมาตรการอื่น ๆ ก็ตามมาติด ๆ ทำให้ผมรู้สึกว่า ถ้าหากว่าการทำรัฐประหารครั้งนี้ เป็นอุบัติเหตุหรือการตกบันไดพลอยโจน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็คงตระหนักในปัญหาจิปาถะของบ้าน เมือง และคิดจะแก้อยู่ก่อนแล้ว
...ยิ่งเมื่อได้ฟังคำปราศรัยในคืนวันศุกร์ทางวิทยุโทรทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าผมดู ท่านผิดหรือประเมินความสามารถของท่านต่ำไปจริง ๆ
...คุณประยุทธ์ไม่ใช่นักพูด และต้องใช้บันทึกหรือโพยประกอบการปราศรัยของท่านทุกครั้ง แต่ ท่านไม่ได้ก้มหน้าก้มตาอ่านบันทึกหรือโพยผิด ๆ ถูก ๆ หากแต่ใช้บันทึกเป็นเพียงส่วนประกอบหรือ เตือนความจำ ส่วนตัวคุณประยุทธ์เองเงยหน้าพูดกับผู้ฟังโดยใช้ภาษาง่าย ๆ แบบกันเอง และสามารถที่ จะย่อยหลายเรื่องที่จะพูด ให้พอเหมาะกับเวลาอันจำกัดทุกครั้ง ทำให้ผู้ฟังสามารถติดตามและเข้าใจ โดยตลอด
ที่สำคัญก็คือทุกครั้งที่พูด คุณประยุทธ์ไม่เคยโอ้อวดว่าปัญหาทั้งหลายท่านจะสามารถแก้ไขได้ อย่างเนรมิตหรือโดยเร็ว แต่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าทุกปัญหาจะแก้ได้ก็โดยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ผู้เกี่ยวข้องช่วย กัน
คุณประยุทธ์กำลังรุกคืบโดยทำตาม “โร้ดแม้ป” ที่แถลงไว้แล้วอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน
...มีหลายปัญหาที่คุณประยุทธ์ยังไม่พูดถึง และหลายคนรวมทั้งผมอยากจะเห็นคุณประยุทธ์รีบแก้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงเหมาว่าคุณประยุทธ์รู้แต่คงไม่กล้าทำ แต่บัดนี้ผมเชื่อแล้วว่าคุณประยุทธ์ตระ หนักในปัญหานั้นอยู่แล้ว และคงจะแก้ในที่สุด ตามแบบและวิธีของท่านเอง เช่นเดียวกับเรื่องอื่น ๆ ที่ เราท่านได้เห็นกันไปแล้ว.
สํานักข่าว อิศรา.

ประจิน เตรียมยื่นลาออก ทิ้ง"ประธาน บอร์ด" การบินไทย!!

ประจิน เตรียมยื่นลาออก ทิ้ง"ประธาน บอร์ด" การบินไทย!!
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เผยว่า จะยื่นหนังสือลาออกจาก ประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูปองค์กร โดยจะแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ของบริษัท ในวันที่ 20 มิ.ย.นี้
"เป็นเจตนารมณ์ของคสช. ที่ต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศทุกด้าน ซึ่งในเรื่องรัฐวิสาหกิจถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีการปฏิรูป เพราะมีผลต่อความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ"