PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

'ศรีสุวรรณ'จ่อร้อง'ป.ป.ช.'สอบ'คฤหาสน์ปรีชา'

'ศรีสุวรรณ'จ่อร้อง'ป.ป.ช.'สอบ'คฤหาสน์ปรีชา'

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สมาชิกสนช. และอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม มีคฤหาสน์ในจังหวัดพิษณุโลก และเนื่องจาก พล.อ.ปรีชา เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ "ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง" ตามมาตรา 39 (15) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม จะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช.ภายใน 30 วันหลังจากพ้นจากตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2559 ดังนั้นการปรากฏว่า พล.อ.ปรีชา มีคฤหาสน์ แต่ยังไม่ได้แจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบ จึงอาจเข้าข่ายความผิด คือ จงใจปกปิดข้อเท็จจริงของทรัพย์สินที่ควรแจ้งให้ทราบ ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 39(15)ประกอบมาตรา 32, 33 และ 35 

ดังนั้นเพื่อทำความจริงให้ปรากฏสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะไปร้องเรียนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบตามกฎหมาย หากพบความผิด ป.ป.ช.สามารถเสนอให้อัยการและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยได้ต่อไป 

ในขณะที่ ป.ป.ช. อัยการและศาลดำเนินการนั้น จะขอให้อายัดทรัพย์สินไว้ก่อนในขณะไต่สวนด้วย โดยสมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ในวันพุธที่ 28 ธันวาคม 2559 เวลา 11.00 น. ที่ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี

ที่ดิน 12 แปลง‘ปรีชา-เมีย’มีแค่คอนโด 1 ห้อง ก่อนบ้านใหม่โผล่ไม่มีในบัญชีฯ ป.ป.ช.

พลิกโฉนดที่ดิน 12 แปลง ‘พล.อ.ปรีชา-เมีย’ ใน จ.พิษณุโลก 10 แปลง 6 ล้าน มีเรียงติดกัน 9 โฉนด มีคอนโดฯแค่ 1 ห้อง 1.7 แสน ก่อนยอมรับสร้างบ้านไว้อยู่หลังเกษียณ ยังไม่แจ้งบ้านเลขที่ ไม่เคยแจ้ง ป.ป.ช. ว่ากำลังสร้างบ้าน
PIC preechaa 27 12 59 1
พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ตกเป็นที่สนใจจากสาธารณชนอีกครั้ง!
ภายหลังถูกนายวีระ สมความคิด ออกมาระบุว่า บ้านหรูหลังหนึ่งที่ จ.พิษณุโลก เป็นของ พล.อ.ปรีชา ที่ยังไม่ได้มีการชี้แจงบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยบ้านหลังดังกล่าว ไม่ปรากฏเลขที่บ้าน อยู่ในซอยพระองค์ขาว (ซอย 5) หลังวัดอรัญญิก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก 
ต่อมา มีสื่อหลายสำนักรายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ปรีชา ยอมรับว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของตัวเอง สร้างไว้อาศัยหลังเกษียณอายุราชการ และอยู่ระหว่างชี้แจงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เพิ่มเติม 
ล่าสุด นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า เบื้องต้นยังไม่เห็นข้อมูลเรื่องนี้ แต่ตามหลักการถ้ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามาอย่างเป็นทางการ ป.ป.ช. จะรับเรื่องเพื่อตรวจสอบเป็นข้อมูลเชิงลึกต่อไป นี่เป็นวัตถุประสงค์สำคัญในการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบ
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯของ พล.อ.ปรีชา ที่แจ้งช่วงเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อปี 2557 เฉพาะรายการที่ดิน พบว่า พล.อ.ปรีชา ไม่มีที่ดิน มีแต่ของนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา คู่สมรส รวม 12 แปลง มูลค่ารวม 9.1 ล้านบาท แบ่งเป็น
ที่ดิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก 10 แปลง ระบุมูลค่ารวม 6 ล้านบาท 
5 แปลง ได้มาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2557 มูลค่ารวม 3 ล้านบาท ได้แก่
1.โฉนดเลขที่ 89859 เนื้อที่ประมาณ 90 ตารางวา
2.โฉนดเลขที่ 89867 เนื้อที่ 2 งาน
3.โฉนดเลขที่ 38123 เนื้อที่ประมาณ 51 ตารางวา 
4.โฉนดเลขที่ 89860 เนื้อที่ประมาณ 1 งาน 38 ตารางวา
5.โฉนดเลขที่ 89861 เนื้อที่ประมาณ 1 งาน 71 ตารางวา
อีก 5 แปลง ได้มาเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2557 มูลค่ารวม 3 ล้านบาท ได้แก่
1.โฉนดเลขที่ 89862 เนื้อที่ประมาณ 1 งาน 35 ตารางวา
2.โฉนดเลขที่ 89863 เนื้อที่ประมาณ 89 ตารางวา
3.โฉนดเลขที่ 89864 เนื้อที่ประมาณ 1 งาน 32 ตารางวา
4.โฉนดเลขที่ 89865 เนื้อที่ประมาณ 56 ตารางวา
5.โฉนดเลขที่ 89866 เนื้อที่ประมาณ 2 งาน
โดยมีโฉนดเรียงติดกัน 9 แปลง ได้แก่ โฉนดเลขที่ 89859-89867 (ดูเอกสารประกอบ)
ส่วนอีก 2 แปลง โฉนดที่ดิน 109220 ต.บ้านคู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มาเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2550 เนื้อที่ 2 งาน 35 ตารางวา มูลค่า 1.2 ล้านบาท และโฉนดที่ดิน 29286 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มาเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2530 เนื้อที่ 1 ไร่ มูลค่า 1.9 ล้านบาท
PIC ทรพยสนปรชาบาน 1
ขณะที่แจ้งว่า มีห้องชุด 1 หลัง เลขที่ 42/56 ชั้น 3 อาคารเลขที่ 42 ชื่ออาคารชุด ตนนานครคอนโดทาวน์ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตั้งบนโฉนดเลขที่ 86747 ได้มาเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2541 1.7 แสนบาท (ดูเอกสารประกอบ)
PIC ทรพยสนปรชาบาน 2
ยังไม่ปรากฏข้อมูลบ้านที่ จ.พิษณุโลก รวมถึงไม่ปรากฏข้อมูลว่า ได้แจ้งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า กำลังก่อสร้างบ้านอยู่แต่อย่างใด ?
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ปรีชา ถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินกรณีกรอกข้อมูลไม่ตรงกัน ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตีตกข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ดำเนินการไต่สวนต่อ คือกรณีเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาทในบัญชีเงินฝากนางผ่องพรรณช่วงปี 2557 ทั้งที่แจ้งว่าไม่มีรายได้ และไม่ประกอบธุรกิจ

84 สนช.เข้าชื่อแก้ กม.คณะสงฆ์ ให้กษัตริย์สถานปนาพระสังฆราช ตัดอำนาจ มส.

วันนี้ (27 ธ.ค.) นพ.เจตน์ ศิรธรานท์ โฆษกวิป สนช. แถลงภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาวาระการเข้าชื่อของสมาชิก สนช. จำนวน 84 คน เพี่อเสนอแก้ไข พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ฉบับปี พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 ในมาตรา 7 เรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช โดยให้ยกเลิกข้อบัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์รองลงมาตามลำดับ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช” โดยแก้ไขเป็น “พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” ซึ่งเป็นข้อบัญญัติเดิมของมาตรา 7 ใน พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505
       

       นพ.เจตน์ กล่าวว่า โดยคณะกรรมาธิการการศาสนาและศิลปวัฒนธรรม ที่มีพล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ให้เหตุผลการเสนอแก้ไขดังกล่าวได้รับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องมาแล้ว และเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชที่ผ่านมา รวมถึงกลับไปใช้ความเดิมตามโบราณราชประเพณี ที่เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ. นี้ จะเสนอเข้าที่ประชุม สนช. ในวันที่ 29 ธ.ค. นี้ ซึ่งจากการประสานงานไปยังรัฐบาล ทาง ครม. จะส่ง นายออมสิน ชีวพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณารับเรื่องไปศึกษา ส่วนจะส่งเรื่องกลับมาให้ทาง สนช. เมื่อไหร่อย่างไรขึ้นอยู่ทาง ครม. แต่คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมสนช. ได้ภายหลังปีใหม่
       
       เมื่อถามว่า แสดงว่า ตัดขั้นตอนการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชของมหาเถรสมาคมออกไปใช่หรือไม่ นพ.เจตน์ กล่าวว่า หากดูตามถ้อยคำจะเป็นลักษณะนั้น คือ ตัดตอนของมหาเถรสมาคมออกไป ถือเป็นการผ่าทางตันปัญหา แต่ทั้งนี้ คงต้องดูการศึกษาของคณะกรรมาธิการ และ ครม. อีกครั้งว่าเป็นอย่างไร
       
       ส่วนความเป็นไปได้ที่จะพิจารณา 3 วาระรวด โฆษกวิป สนช. กล่าวว่า ที่ประชุมวิปสนช. ยังไม่ได้กำหนดจะพิจารณาอย่างไร แต่จะต้องทำโดยเร็ว เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะเกิดแรงต่อต้านจากผู้ที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากกฎหมายเดิมใช้มาเป็นเวลานาน นพ.เจตน์ กล่าวว่า คงต้องสื่อ ตนไม่ทราบว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมหรือไม่ แต่ว่ากฎหมายต้องรีบทำ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกฎหมายใหม่ยังไม่มีการประกาศใช้แสดงว่าจะยังไม่มีการตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่หรือไม่ นพ.เจตน์ ถ้าจะตั้งก่อนกฎหมายบังคับใช้ก็ได้ แต่หากกฎหมายเสร็จแล้วจึงจะมีผลใช้บังคับ

คดีพลิก ! ศาลสั่งคุก “พิจิตต” 5 ปี ซื้อที่ดินตาบอดจอดรถขยะ กทม.



คดีพลิก ! ศาลสั่งคุก “พิจิตต” 5 ปี ซื้อที่ดินตาบอดจอดรถขยะ กทม.
วันที่ 27 ธ.ค.59 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. ,และพวกรวม 8 คน ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตฯ,ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สินฯ สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" ตามประมวลกฎหมายอาญา ในการจัดซื้อที่ดินตาบอดมูลค่า 270 ล้านบาท ปี 2540 สำหรับจอดรถขยะกทม.
ศาลชั้นต้นพิจารณาเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2558 ยกฟ้องนายพิจิตต แต่วันนี้ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้ให้จำคุกนายพิจิตต ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับเงินหรือผลประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายอาญา จำคุกคนละ 5ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้นั้น เกิดขึ้นช่วงปี 2538-2540 สมัยที่นายพิจิตต ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ได้ทุจริตจัดซื้อที่ดินจอดรถขยะ รถน้ำ ของกรุงเทพมหานครย่านบางซื่อ โดยการจัดซื้อดังกล่าวเป็นการจัดซื้อในราคาสูงเกินจริง และยังเป็นที่ดินตาบอด
โดยคดีนี้อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร ,นายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯกทม. กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ โดยศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า
การเสนอขายที่ดินให้กับกรุงเทพมหานครดังกล่าว ไม่ได้เป็นการเสนอขายในราคาที่ดินที่สูงกว่าราคาประเมินจริง เพราะหนึ่งในจำเลยได้ประกาศซื้อที่ดินในเขตบางซื่อ และได้สอบถามราคาประเมินและราคาขายที่ดินทั้งจากสำนักงานที่ดิน กรุงเทพมหานคร และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปรากฏราคาใกล้เคียงกัน
รวมทั้งลักษณะที่ดินที่จัดซื้อเป็นที่ดินพร้อมใช้งานทันที จึงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดซื้อไม่ขัดต่อระเบียบกรุงเทพมหานครในการใช้วิธีซื้อพิเศษ โดยไม่ประกวดราคาดังนั้น นายพิจิตตกับพวกบางส่วนซึ่งเป็นจำเลยไม่มีความผิด แต่นายสมคาด สืบตระกูล อดีตเลขานุการผู้ว่ากรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 4 และนายชวน พัฒนวรานนท์ อดีตผอ.เขตบางซื่อ จำเลยที่ 8
พยานหลักฐานโจทก์ที่ได้ความจากเจ้าของที่ดิน เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เบิกความสอดคล้องกันว่าหลังจาก นายชวนได้จดทะเบียนรับโอนที่ดินในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2540 เจ้าของที่ดินได้ออกเช็ค 18 ล้านบาท ผ่านนายหน้าขายที่ดิน แต่มีการนำเช็คเข้าบัญชีเงินของนายสมคาดและนายชวน เชื่อว่าเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินของกรุงเทพมหานคร
จึงตัดสินว่านายสมคาด มีความผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 จำคุก 8 ปี ส่วนนายชวน จำเลยที่ 8 มีความผิด ฐานเรียกรับทรัพย์สินฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้จำคุก 10 ปี
คดีนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2551 ชี้มูลความผิดนายพิจิตต กับพวก 11 คน ในการจัดซื้อที่ดินตาบอดมูลค่า 270 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2540 สำหรับจอดรถขยะกทม. และส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกด้วย
.....................
s.news

"บอร์ด กสท. สั่งปิดถาวร ทีวีช่อง DMC ธรรมกาย"

สั่งปิดถาวร DMC !!!
"บอร์ด กสท. สั่งปิดถาวร ทีวีช่อง DMC ธรรมกาย"
"ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง และ กิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. พันเอกนที ศุกลรัตน์ บอกว่า ที่ประชุมบอร์ด กสท. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกใบอนุญาตการดำเนินกิจการโทรทัศน์ของช่อง DMC (ช่องทีวีของธรรมกาย) ซึ่งมีมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าของใบอนุญาต"
"เนื่องจากทางบอร์ดกสท.ได้พิจารณาแล้วว่าพฤติกรรมต่างๆของทั้งนายองอาจ โฆษกวัดพระธรรมกาย, มูลนิธิธรรมกาย และมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องกันทำให้เชื่อได้ว่าหากพ้นระยะเวลาการพักใบอนุญาตแล้วช่องดีเอ็มซีจะเป็นช่องทางการนำเสนอข่าวสารในลักษณะที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ"
"จึงอาศัยอำนาจตามประกาศของ กสทช. มาตรา 37 ของพ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์พ.ศ. 2551 และเงื่อนไขแนบท้ายการอนุญาติประกอบกิจการของช่อดีเอ็มซี ข้อ 12(4) กรณีที่เป็นประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐและส่วนรวม จึงมีมติให้ใบอนุญาติของช่องดีเอ็มซีสิ้นสุดหลังระยะเวลาการพักใช้ใบอนุญาติ 30 วัน ในวันที่ 6 ม.ค.2560 เป็นต้นไป"
""""""""""""""""
s.news

นายกเตือนใครคิดสร้างความวุ่นวายช่วงปีใหม่

นายกฯ  เตือน ใครที่คิดจะทำอะไรที่ไม่เกิดความสงบ หรือวุ่นวาย อะไรต่างๆ ช่วงปีใหม่ ขอให้เลิกเสียเถอะ เพราะบ้านเมืองกำลังต้องการความสงบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวว่า ปีใหม่นี้นายกฯ เป็นห่วงอะไร ประเด็นใดบ้างเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ตนห่วงประชาชนมากกว่า การเมืองก็คือการเมือง เป็นอย่างไรก็รู้อยู่ มีเห็นด้วยไม่เห็นด้วยบ้าง แต่ก็ขอให้คิดถึงประเทศชาติเป็นสำคัญก็แล้วกัน ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ตาม ขอให้คิดถึงประเทศชาติมาก่อนเสมอ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง จะทำอะไรก็ตามต้องให้ประชาชนมีความสุข

“ยิ่งช่วงปีใหม่ ใครที่คิดจะทำอะไรที่ไม่เกิดความสงบ หรือวุ่นวาย อะไรต่างๆ ขอให้เลิกเสียเถอะ เพราะบ้านเมืองกำลังต้องการความสงบ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การป้องกันรับมือเหตุการณ์ช่วงปีใหม่นั้น คงไม่เฉพาะช่วงปีใหม่ แต่ช่วงปีใหม่เป็นความเข้มงวดกวดขันเน้นย้ำให้มากขึ้น แต่การเตรียมพร้อมของส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร พร้อมอยู่แล้ว รวมถึงคสช.ด้วย ซึ่งมีการสั่งการและเน้นย้ำไปแล้ว ทำอย่างไรให้เหตุการณ์บ้านเมืองสงบมากที่สุด โดยไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น และต้องขอความร่วมมือจากภาคประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังแจ้งเตือน หากจะหวังจากเจ้าหน้าที่อย่างเดียว บางทีไม่ทันการณ์ ต้องช่วยกันดูเพราะเป็นบ้านของเรา 

ส่วนเรื่องวันหยุดราชการในช่วงปีใหม่ รัฐบาลประกาศให้หยุดตั้งแต่ 31 ธ.ค.59-3ม.ค.60 รวม 4 วัน ซึ่งไม่รู้ใครไปบอกว่าหยุดตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 

สำหรับการอวยพรปีใหม่ของนายกฯ ที่จะให้ประชาชนนั้น ความจริงได้อวยพรไปหลายรอบแล้ว ซึ่งในวันศุกร์ที่จะถึงก็จะอวยพรผ่านรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน อีกครั้ง

“การอวยพรถือว่าผมให้มาตลอด อย่าไปคิดว่าสิ่งที่ตนและรัฐบาลจะทำอะไรให้ใครซักคน ไม่ได้ให้เฉพาะกรณีวันพิเศษ เช่น ต้องให้ในวันเกิดถึงจะรักกัน หรือวันสำคัญอะไรซักอย่าง จริงๆ แล้วไม่ใช่ มันรักได้ทุกวัน มันให้กันได้ทุกวัน ความห่วงใยความปรารถนาดีและไม่ต้องการให้ทุกคนลำบาก เดือดร้อน อยากทำให้ประชาชนมีความสุข นี่คือสิ่งที่เป็นสังคมไทย ปราศจากความขัดแย้ง หรือถ้าขัดแย้งก็แก้ไขที่ต้นทาง ยุติให้ได้โดยเร็ว ไม่ใช่ขยายความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ใช่สังคมไทย วันหน้าจะอยู่ไม่เป็นปกติสุขอีก”