PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ธ.ก.ส.แจงการใช้เงินจ่ายจำนำข้าว



ธ.ก.ส.แจงการใช้เงินจ่ายจำนำข้าว

ธ.ก.ส. ยันจ่ายเงินจำนำข้าว ตามที่รัฐเป็นผู้จัดหามาให้และการใช้เงินจากการระบายข้าวเท่านั้น โดยไม่ใช้เงินฝากของลูกค้า แจงพยายามเต็มที่ในการดำเนินงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวการกู้เงินในตลาดเงินเพื่อนำมาให้ ธ.ก.ส.ใช้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในขณะนี้นั้น ธ.ก.ส.ขอเรียนชี้แจงว่า เงินที่จ่ายจำนำข้าวยังเป็นไปตามเงื่อนไขเดิมคือ เป็นเงินจากงบประมาณ เงินที่กระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหามาให้โดยการค้ำประกัน และเป็นเงินจากการระบายข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ส่งมาชำระคืน เท่านั้น โดยไม่ใช้เงินฝาก ธ.ก.ส. แต่อย่างใด สำหรับการกู้เงินระยะสั้นที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นวิธีการหนึ่งในหลาย ๆ วิธีการ ในการหาเงินทุนที่นำมาใช้ในโครงการของกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นส่วนงานรับผิดชอบดำเนินการ

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งระบายข้าวและส่งเงินมาชำระคืน มากกว่าแผนงานเดิมที่วางไว้ เช่น เดือนมกราคม จากเดิมคาดว่าจะส่งมาชำระหนี้ประมาณ 3,500 ล้านบาท แต่สามารถส่งมาชำระคืนได้ถึง 10,036 ล้านบาท ส่วนเดือนกุมภาพันธ์ขณะนี้ส่งมาชำระคืนแล้ว 6,269
ล้านบาท จึงคาดว่านับจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะเร่งระบายข้าวและส่งเงินมาชำระคืนโดยเฉลี่ยเดือนละ 8,000 – 10,000 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส.ก็จะเร่งทยอยจ่ายเงินดังกล่าวให้กับเกษตรกรตามลำดับก่อนหลังการนำใบประทวนมาแจ้งขอรับเงินจาก ธ.ก.ส. ไว้แล้วอย่างเคร่งครัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร

อย่างไรก็ตามระหว่างที่รอเงินจากรัฐบาล ธ.ก.ส.ได้ออกมาตรการยืดเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเป็นระยะเวลา 6 เดือน และหากเกษตรกรมีความประสงค์จะใช้เงินเพื่อนำไปลงทุนทำการผลิตในฤดูกาลใหม่ หรือค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่จำเป็น ธ.ก.ส. พร้อมให้เงินกู้ก้อนใหม่ ตามหลักเกณฑ์สินเชื่อปกติของ ธ.ก.ส. เพื่อลดปัญหาการไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยในอัตราสูง และเป็นภาระหนัก

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ธ.ก.ส. ได้ทยอยจ่ายเงินดังกล่าวให้เกษตรกรไปแล้ว 62,994 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณข้าวเปลือกจำนวน 3.91 ล้านตัน เกษตรกร 512,118 ราย คงเหลือเงินที่ต้องจ่ายประมาณ 116,000 ล้านบาท ปริมาณข้าวประมาณ 6.7 ล้านตัน เกษตรกรประมาณ 900,000 ราย

โอละพ่อ! จับหนุ่มใหญ่นกแอร์ พกอาวุธที่ชุมนุม คปท. พบเป็นเครือข่ายภาคประชาช

โอละพ่อ! จับหนุ่มใหญ่นกแอร์ พกอาวุธที่ชุมนุม คปท. พบเป็นเครือข่ายภาคประชาชน

จับเจ้าหน้าทีระดับสูงสายการบิน พบกระสุนไรเฟิล กล้องเล็ง เสื้อเกราะ ประทัด มีด บัตรเสื้อแดง  เจ้าตัวอ้างชอบสะสม ใช้ป้องกันตัว  ประกาศตัวเองไม่สังกัดฝ่าย  สื่อตีข่าวเด็กโกตี๋มาป่วน แกนนำเสื้อแดงปฎิเสธ ไม่เคยรู้จัก สืบประวัติออนไลน์เป็นแกนนำภาคประชาชน เคยเข้าร่วมสนับสนุนการชุมนุม
ภาพจาก ผู้จัดการ
31 มกราคม 2557 จากกรณีที่ หน่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้จับกุมตัวนาย สัมภาษณ์ กูลศรีโรจน์ วัย50ปี ในที่ชุมนุมของ   คปท.พร้อม พร้อมประทัดยักษ์ กล้องติดปืนเพื่อส่องระยะไกล มีดยาว 3 เล่ม กระสุนปืนไรเฟิล แผ่นป้ายทะเบียน ตฎ 7769 กรุงเทพมหานคร และ ฆธ 9042 กรุงเทพมหานคร กระสุนปืนสั้นขนาด .22 รวม 23 นัด ใช้งานแล้ว 1 นัด เสื้อเกราะ 1 ตัว บัตรการ์ดเสื้อแดง STAFF.PRESS FM 105.65 MHz RED GUARD RADIO สถานีวิทยุเพื่อมวลชน พร้อมลายเซนต์ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำแดงปทุมฯ 2ใบ
โดยที่นาย นายนัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าการ์ด คปท.ได้เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ได้ตรวจพบผู้ต้องสงสัยคือนายสัมภาษณ์ กูลศรีโรจน์  เมื่อทำการตรวจค้น ได้พบอาวุธ อุปกรณ์ที่ได้พบเห็น มีทั้งประทัดยักษ์ที่ผลิตเอง มีลักษณะคล้ายระเบิด กระสุนปืน กล้องที่ติดอาวุธปืน แผ่นป้ายทะเบียนปลอม ที่ใช้เปลี่ยนเวลาก่อเหตุ 
โดยที่ก่อนหน้านั้นกลุ่มการ์ด คปท.ได้พบรถต้องสงสัยเป็นรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตครุยเซอร์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศว 5052 กรุงเทพมหานคร บริเวณถนนพิษณุโลก หน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม พบของกลางดังกล่าว ขณะที่คนขับรถไม่ยอมให้การใดๆ ทราบชื่อภายหลังคือ นายสัมภาษณ์ กูลศรีโรจน์
นายสัมภาษณ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุผลที่พกอาวุธเข้ามานั้นเพราะว่าตนเองเป็นคนที่ชอบสะสมมีด กริดได้มาจากอินโดนีเซีย เก็บไว้ในรถ บางครั้งตนถูกตามจากทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายไหน จึงเอาไว้ป้องกันตัว ส่วนกระสุนปืนเป็นปืนมีทะเบียน เป็นของบิดา ได้มายังไม่ได้โอน (ผู้จัดการรายงาน)

ภาพจาก posttoday
เมื่อผู้สื่อข่าวได้เข้าไปดูเฟซบุ๊กของนาย สัมภาษณ์ กูลศรีโรจน์พบว่าเมื่อวันที่ 9 มกราคม นายสัมภาษณ์ได้โพสต์ภาพพร้อมประกาศตามหารถ โตโยต้า สปอร์ตครุยเซอร์ เลขทะเบียน ษว. 5052 กทม. สีน้ำตาลทอง โดยระบุว่าได้นำไปช่วยขนของในที่ชุมนุมของ คปท.เมื่อวันที่ 5 มค. 2557 โดยระบุว่ารถได้ถูกขโมยจากบริเวณสะพาน ชมัยมรุเชษฐ์ ไปเร่ขายโดยการ์ดอาสาฯของ คปท.เอง  เมื่อเปรียบเทียบพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่มียี่ห้อ สี รุ่นและ เลขทะเบียนตรงกับ รถที่ถูกยึดได้ในบริเวณที่ชุมนุมวันนี้ 
เมื่อสืบค้นในกูเกิล ยังได้พบอีกว่า นอกจากที่ นายสัมภาษณ์ มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายฝึกอบรมการบิน ของสายการบินนกแอร์แล้ว ยังพบว่า นายสัมภาษณ์ยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่ทำงานด้านสิทธิของผู้ป่วย โดยทำงานใกล้ชิดกับองค์กรเอกชนที่ทำงานด้านผู้บริโภคและด้านสาธารณสุข 
(คนซ้าย) นายสัมภาษณ์ กูลศรีโรจน์ ผู้แทนเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ในงานสัมนาทางวิชาการ เรื่อง "การกำหนดประเด็นการวิจัยเชิงนโยบายทางการแพทย์และสาธารณะสุข" จัดโดย คณะกรรมการวิจัยและพัฒนาของวุฒิสภาร่วมกับ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่ ร.ร.เซนจูรี่ พาร์ค เมื่อวันที่ 29 ก.ย.51
 
เมือผู้สื่อข่าวได้โทรไปเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากนายสัมภาษณ์ ๆได้กล่าวว่าตอนนี้ตนได้อยู่ในการดูแลของ จนท.ตำรวจ และไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้เพิ่มเติม เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเสียรูปคดี  แต่ขอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้อยู่ฝ่ายใดและไม่ได้เป็นเสื้อแดงแน่ๆ

 
ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถาม ไปยัง วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จ.ปทุมฯ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “โกตี๋” วุฒิพงศ์ ได้กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักนายสัมภาษณ์มาก่อน  สำหรับบัตรของกลุ่มที่ถูกค้นได้ เป็นบัตรสำหรับแจกชาวบ้านที่อย่ากได้ทั่วไป หรือที่จริงแล้วใครก็สามารถที่จะคัดลอกออกจากเฟซบุ๊กมาพิมพ์ก็ได้  แต่สำหรับบัตรที่เป็นของสมาชิกกลุ่มจริงๆจะมีการพิมพ์ชื่อ สกุล และ รันนัมเบอร์ทำทะเบียนรายชื่อไว้ทุกใบ  ในส่วนของสตาฟของผม ผมจะรู้จักทุกคน  แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานียังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าเขาคิดจะเข้าไปทำการใหญ่จริง ใครเขาจะพกหลักฐานหรืออาวุธเข้าไปมากมายอย่างนั้น

ศาลสั่งชายไม่ทราบชื่อเหยื่อกระสุน 19พ.ค.53 ถูกยิงระหว่างจนท.เข้า พท. แต่ไม่ทราบใครทำ

ศาลสั่งชายไม่ทราบชื่อเหยื่อกระสุน 19พ.ค.53 ถูกยิงระหว่างจนท.เข้า พท. แต่ไม่ทราบใครทำ

ศาลสั่งชายไทยไม่ทราบชื่อนามสกุล ถูกยิงด้วยปืนลูกโดดความเร็วสูงที่ศีรษะ 10.00 น. 19 พ.ค.53 ระหว่างที่จนท.ทหารเคลื่อนควบคุมพื้นที่จากแยกศาลาแดงมุ่งหน้าถ.ราชดำริ โดยยังไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำ
17 ก.พ.2557 เมื่อเวลา 13.30  ที่ศาลอาญา รัชดา ห้อง 812 ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อช.5/2556 ไต่สวนชันสูตรพลิกศพชายไทยไม่ทราบชื่อนามสกุล ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณแยกสารสิน ถนนราชดำริ ในเหตุการณ์สลายชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53
ศาลอ่านคำสั่งการไต่สวนฯ ได้ความว่า เมื่อระหว่างวันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค. 53 กลุ่ม นปช. จัดชุมนุมตั้งเวทีปราศรัยบริเวณสะพานผ่าฟ้าลีลาศ ต่อมาตั้งเวทีที่สี่แยกราชประสงค์ เพื่อกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นประกาศยุบสภา แต่สถานการณ์ชุมนุมมีความรุนแรงขึ้น นายอภิสิทธิ์จึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เมื่อวันที่ 8 เม.ย.53 และออกคำสั่งจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) พร้อมออกคำสั่งแต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
ต่อมาในวันที่ 14 พ.ค.53 ศอฉ.มีคำสั่งให้ดำเนินการมาตรการปิดล้อมสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อขอคืนพื้นที่และพื้นผิวจราจรบริเวณสี่แยกราชประสงค์ โดยมีคำสั่งให้กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์(พล.ม. 2 รอ.)  เป็นผู้ควบคุมทางยุทธการทำการปิดล้อมสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมตามแนวถนนพระราม 4 ถนนวิทยุ ถนนสาทร ถนนพญาไท ถนนอังรีดูนังต์ และถนนสีลม กระทั่งวันที่ 19 พ.ค. 53 ศอฉ.มีคำสั่งให้ดำเนินการใช้มาตรการปิดล้อมกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสวนลุมพินีและพื้นที่ต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 03.00 น. โดยมีคำสั่งให้พล.ม. 2 รอ. เข้าร่วมปฏิบัติการดังกล่าว
ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารขอคืนพื้นที่บริเวณถนนราชดำริจากแยกศาลาแดงไปถึงแยกราชดำริ พบศพนายถวิล คำมูล บนถนนราชดำริบริเวณป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ ตรงข้ามอาคาร สก. โรงพพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และพบศพชายไทยไม่ทราบชื่อนามสกุลบนถนนราชดำริ ฝั่งมุ่งหน้าแยกศาลาแดงใกล้เกาะกลางถนน ห่างจากจุดที่พบศพนายถวิลประมาณ 17 เมตร เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและแพทย์นิติเวช จึงร่วมกับพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนทำการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย และส่งศพไปตรวจที่หน่วยนิติเวช คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี จากการตรวจสภาพศพพบบาดแผลกระสุนปืนทางเข้าบริเวณศีรษะ บริเวณข้อศอกซ้ายด้านหลัง บริเวณต้นขาซ้ายด้านหน้า และบริเวณเหนือข้อเท้าขวาด้านใน สาเหตุที่ตายเนื่องจากบาดแผลถูกกระสุนปืนลูกโดดที่ศีรษะทะลุเข้ากะโหลกศีรษะทำลายเนื้อสมอง สันนิษฐานว่าเป็นกระสุนปืนความเร็วสูง
คำสั่งศาลระบุว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าเหตุและพฤติการณ์ที่ตายเป็นอย่างไร ได้ความจากนายตนัยฉัตร แซ่ตั้ง นายภัสพล ไชยพงษ์ และ นายวัฒนชัย เอี่ยมนาค พยานผู้ร่วมชุมนุมว่า ในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารเริ่มสลายการชุมนุมจากแยกศาลาแดงมุ่งหน้าแยกราชดำริ มีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง หลังจากนั้นนายถวิล คำมูล ถูกยิงล้มลงบริเวณป้ายรถแท็กซี่อัจฉริยะ เมื่อ นายวัฒนชัยกับพวกพยายามจะนำร่างนายถวิลออกมา ได้ถูกยิงบาดเจ็บ โดยทิศทางของกระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมาจากด้านเจ้าหน้าที่ทหารที่เคลื่อนกำลังเข้ามา และเจ้าหน้าที่ทหารที่ซุ่มอยู่ในสวนลุมพินี
ข้อเท็จจริงในส่วนนี้ ได้ความจากเจ้าหน้าที่ทหารที่นำกำลังเข้ามาควบคุมทางยุทธการจากพล.ม. 2 รอ. โดยเฉพาะ พ.ท.อดุลย์ ลอยฟ้า ที่นำกำลังเข้าควบคุมพื้นที่สวนลุมพินี และ พ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ที่นำกำลังเข้าทำลายแนวกั้นของผู้ชุมนุมบริเวณพื้นที่ถนนราชดำริ ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น. ของวันดังกล่าว ไม่ปรากฏว่ามีการปะทะหรือใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม ซึ่งขัดแย้งกับพยานฝ่ายผู้ชุมนุม ประกอบกับไม่มีผู้พบเห็นผู้ตายในช่วงเวลาที่นายถวิลถูกยิง คงได้ความจากฝ่ายผู้ชุมนุมดังกล่าวว่า ผู้ตายเป็นผู้ร่วมชุมนุมคนหนึ่ง
หลังจากปฏิบัติการขอคืนพื้นที่แล้ว จึงพบศพผู้ตายบริเวณใกล้เคียงกับที่พบศพนายถวิล โดยผู้ตายถูกกระสุนปืนเข้าจากทุกทิศทาง ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถยืนยันทิศทางการยิงได้ เพราะไม่ทราบว่าขณะผู้ตายถูกยิงอยู่ในตำแหน่งใดและลักษณะใด จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า กระสุนปืนที่ยิงผู้ตายยิงมาจากด้านเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าควบคุมพื้นที่ ข้อเท็จจริงคงรับฟังได้เพียงว่า ผู้ตายถูกยิงในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารเคลื่อนกำลังพลเข้ามาควบคุมพื้นที่จากแยกศาลาแดงมุ่งหน้าไปแยกราชดำริ โดยยังไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำ
ศาลจึงมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือชายไทยไม่ทราบชื่อนามสกุล ถึงแก่ความตายที่ถนนราชดำริ หน้าอาคาร สก. รพ.จุฬาฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 เวลาประมาณ 10.00 น. เหตุและพฤติการณ์การตาย สืบเนื่องมาจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกโดดความเร็วสูงที่ศีรษะทะลุเข้ากะโหลกศีรษะทำลายเนื้อสมอง ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารเคลื่อนกำลังพลเข้ามาควบคุมพื้นที่จากแยกศาลาแดงมุ่งหน้าถนนราชดำริ โดยยังไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำ

ขรก.บำนาญขู่ถอนเงินออมสิน

ดิฉันได้รับสำเนาจดหมายของ ดร.กฤษณา ชุติมา ราชบัณฑิต ที่จะส่งถึงผู้จัดการใหญ่ธนาคารออมสิน สืบเนื่องจากการที่ออมสินได้ปล่อยกู้ให้กับธกส.แบบอินเตอร์แบงค์ซึ่งเป็นการกู้เสริมสภาพคล่องระยะสั้น เพื่อให้ธกส.ไปใช้ในโครงการจำนำข้าวซึ่งเป็นเงินกู้แบบระยะยาว ทำให้ผู้ฝากที่เป็นวัยเกษียณทั้งหลายกังวลใจมาก ท่านโทรมาปรึกษาว่าท่านและเพื่อนวัยเกษียณทั้งหลายจะไปถอนเงินหากออมสินไม่ยุติการกระทำดังกล่าว ท่านขอให้ดิฉันช่วยเผยแพร่จดหมายของท่าน ก่อนที่ผู้บริหารธนาคารออมสินจะถลำไปมากกว่านี้

ดิฉันก็ขอสนองเจตนา และความกังวลของท่าน ด้วยการช่วยเผยแพร่จดหมายของท่านในพื้นที่นี้ค่ะ

บ้านเลขที่ ๔ ซอยเพชรเกษม ๒๔ ถนนเพชรเกษม
แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

เรียน ผู้จัดการใหญ่ธนาคารออมสิน

ดิฉันเป็นข้าราชการบำนาญ อายุ ๘๗ ปีแล้ว ดิฉันฝากเงินกับธนาคารออมสินด้วยความเชื่อมั่นว่าเป็นธนาคารที่มีหลักประกันมั่นคง
หากธนาคารออมสินนำเงินทั้งหมดของดิฉันไปให้กู้ระยะยาวเมื่อดิฉันมีความจำเป็นต้องใช้เงินในยามเจ็บป่วย ธนาคารจะนำเงินจากไหนมาคืนให้ดิฉัน
ดิฉันและเพื่อนๆ รวมทั้งญาติมิตรลูกศิษย์ที่เคารพนับถืออีกจำนวนมาก ขอแจ้งเตือนให้ธนาคารออมสินทราบว่า หากธนาคารออมสินนำเงินฝากของพวกเราไปให้กู้ระยะยาวจำนวนมาก
พวกเราจะพร้อมใจกันไปถอนเงินจากธนาคารออมสินและจะไม่ไว้วางใจนำเงินมาฝากกับธนาคารออมสินอีกต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อแจ้งเตือนธนาคารออมสินด้วยความวิตกกังวลอย่างมาก

ขอแสดงความนับถือ

ศาสตราจารย์ ดร.กฤษณา ชุติมา
ราชบัณฑิต

เอกสารศุลากรมัด “โตโยต้าไทย”ที่ “ประมนต์ สุธีวงศ์”เป็นประธาน ส่อเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์พรีอุส 1.1หมื่นล้าน!!

ตะลึง “บริษัท”ประธานต้านคอรัปชั่น จ่อ “โกง”ซะเอง!
เอกสารศุลากรมัด “โตโยต้าไทย”ที่ “ประมนต์ สุธีวงศ์”เป็นประธาน
ส่อเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์พรีอุส 1.1หมื่นล้าน!!




“สังคมไทย” อยู่ยากขึ้นทุกวัน …
บางคน “รู้หน้า” ก็ “ไม่รู้ใจ”…
บางคน “ข้างนอกสุกใน” แต่ “ข้างในกลับเป็นโพรง” …
ซ้ำร้าย “บางคน” ป่าวประกาศว่า “ต่อต้านกระบวนการโกง”  …
บางครั้งบางที “ตัวตน” ที่แท้จริง
อาจจะ “สวนทาง” กับ “ภาพภายนอก” ชนิด “หน้ามือกับหลังเท้า” ก็เป็นได้ !!!
 …
ทีมงานพระนครสาส์น
ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการรถยนต์จำนวนมากมาระยะหนึ่งว่า
ผู้ประกอบการรถยนต์รายใหญ่บางรายได้
ดำเนินการทางธุรกิจด้วยการเอาเปรียบสังคมและประชาชนอย่างรุนแรง
ด้วยการพยายามที่จะหลบเลี่ยงการจะต้องเสียภาษีบางประเภท
ในอัตราที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ในการประกอบธุรกิจเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัทของตัวเอง 
จึงได้พยายามตรวจสอบอย่างหนักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

ล่าสุดตรวจสอบพบว่า สำนักงานศุลากรท่าเรือแหลมฉบัง
ได้ดำเนินการตรวจสอบและสอบสวน
กรณี “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด”
นำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ TOYOTA รุ่น Prius จำนวนมาก
จากการนำเข้าสินค้าต่างล็อต-ต่างครั้ง
ซึ่งพบว่ามีปริมาณและส่วนส่วน
ที่นำมาประกอบเข้ากันเป็นรถยนต์สำเร็จรูปได้จำนวนมาก
โดยในการนำเข้านั้นเป็นการแยกสำแดงชนิดสินค้าและประเภทพิกัดตามของนั้นๆ
และใช้สิทธิยกเว้นอากรและลดอัตราอากรตามมาตรา 12 และยกเว้นอากร
และลดอัตราอากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากญี่ปุ่นนั้นไม่ถูกต้อง


 โดยพบว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน 2555
“ฝ่ายปฏิบัติการตรวจสอบ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแฉลมฉบัง”
ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติดังกล่าว
และได้จัดทำ “ใบทักท้วงการตรวจสอบอากร”
ระบุว่า สินค้าที่นำเข้าโดย “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด”
ซึ่งเป็นชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าโดยแยกเป็นสิ้นส่วนต่างๆ
ในลักษณะ CKD (COMPLETE KNOCK DOWN) และมีปริมาณสอดคล้องต้องกัน
เพื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้วสามารถประกอบเป็นรถยนต์สำเร็จรูปได้เป็นจำนวนมาก
 
โดยกรณีดังกล่าวไม่สามารถแยกชำระอากรตามรายชนิดสินค้าได้
เมื่อตรวจสอบข้อมูลในส่วนของเครื่องยนต์พบว่ารหัสเครื่องยนต์ขึ้นต้นด้วย
2ZR นั้นเป็นรหัสเครื่องยนต์ที่มีความจุของกระบอกสูบ 1,797 ลบ.ซม.
ของรถยนต์ TOYOTA รุ่น Prius ดังนั้น จึงเห็นควรให้สินค้าตั้งแต่รายการที่

( …เลขที่รายการสินค้า… )
จัดเข้าประเภทพิกัด 8703.23.41 อัตรา 80%
ในฐานะรถยนต์ ที่เป็นชิ้นส่วนครบชุดสมบูรณ์
ที่ความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 1,800 ลบ.ซม.
ตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรข้อ 2 (ก) 


ประเภทที่ระบุถึงของใด
ให้หมายรวมถึงของนั้นที่ยังไม่ครบสมบูรณ์หรือยังไม่สำเร็จ
หากว่าในขณะ
นำเข้ามีลักษณะอันเป็นสาระสำคัญของของที่ครบสมบูรณ์
หรือสำเร็จแล้ว และให้หมายรวมถึงของที่ครบสมบูรณ์ หรือสำเร็จแล้ว
(หรือที่จำแนกเข้าประเภทของที่ครบสมบูรณ์หรือสำเร็จตามนัยแห่งหลักเกณฑ์นี้)
ที่นำเข้ามาโดยถอดแยกออกจากกัน หรือยังไม่ได้ประกอบเข้าด้วยกัน




( ตัวอย่าง “ใบทักท้วงการตรวจสอบอากร” 2 ใน 240 ใบทักท้วงฯ สินค้า 240 ครั้ง
ครั้งละนับพันรายการแตกต่างกันไป) 




โดยมีการประเมินมูลค่าในจำนวนที่ชำระไม่ถูกต้อง
และเรียกเก็บ “ค่าอากรขาเข้า,ค่าภาษีสรรพสามิต,ค่าภาษีเพื่อมหาดไทย
และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม” ตามจำนวนที่ขาดไปทั้งหมด


 จากการตรวจสอบพบว่า
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของสินค้าที่นำเข้า
ในลักษณะข้างต้นจำนวนมากกว่า 240 ครั้งและมีนำเข้าครั้งละนับพันรายการ!!!


จากนั้น “สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง”
ได้ดำเนินการตรวจสอบตามการ “ทักท้วง” ดังกล่าว
เพื่อประเมินมูลค่าความเสียหายและเรียกเก็บอัตราภาษีต่างๆที่ขาดไป

ซึ่งต่อมาในเดือน “พฤศจิกายน 2555″ ได้มีการ
ออก “แบบแจ้งการประเมิน/เรียกเก็บอากรขาเข้า/ขาออกภาษีสรรพสามิต
ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่นๆ” เพื่อแจ้งกับ “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด”
จำนวนกว่า 240 ฉบับ ตามจำนวนสินค้าที่ได้มีการนำเข้าและเสียภาษีไม่ถูกต้อง




( ตัวอย่าง”ใบแจ้งการประเมิน/เรียกเก็บอากรฯ”
1ใน240 ใบแจ้งฯ ตามจำนวนการนำเข้า )


โดยแบ่งเป็น “อากรขาเข้า” ที่ขาดไป 
จำนวน 7,411,906,701.31 บาท
(เจ็ดพันสี่ร้อยสิบเอ็ดล้านเก้าแสนหกพันเจ็ดร้อยหนึ่งบาทสามสิบเอ็ดสตางค์)


 เป็น “ค่าภาษีสรรพสามิต” ที่ขาดไป
จำนวน 2,685,234,718.87 บาท
(สองพันหกร้อยแปดสิบห้าล้านสองแสนสามหมื่น
สี่พันเจ็ดร้อนสิบแปดบาทแปดสิบเจ็ดสตางค์)


 เป็น “ค่าภาษีเพื่อมหาดไทย” ที่ขาดไป
จำนวน 211,930,500.39 บาท
(สองร้อยสิบเอ็ดล้านเก้าแสนสามหมื่นห้าร้อยบาทสามสิบเก้าสตางค์)

 และเป็น “ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม” ที่ขาดไป
จำนวน 1,386,459,717.96 บาท
(หนึ่งพันสามร้อยแปดสิบหกล้านสี่แสนห้าหมื่น
เก้าพันเจ็ดร้อยสิบเจ็ดบาทเก้าสิบหกสตางค์)


 ซึ่งเท่ากับว่า   “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด”
ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ในการนำเข้าสินค้า
และเสียภาษีไม่ถูกต้องครั้งนี้จำนวนมากถึง 11,695,531,638.53 บาท

(หนึ่งหมื่นหนึ่งพันหกร้อยเก้าสิบห้าล้านห้าแสนสามหมื่น
หนึ่งพันหกร้อยสามสิบแปดบาทห้าสิบสามสตางค์) 


 จากการตรวจสอบพบว่า “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ไทยแลนด์ จำกัด” นั้น

มี “นายประมนต์ สุธีวงศ์” ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย)
เป็น “ประธานคณะกรรมการบริษัทฯ”“องค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย)”
เจ้าของ สปอตโฆษณาต่อต้านคอรัปชั่น “อย่าให้คนโกงมีที่ยื่น” อันลือลั่น !!
“บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย”
ที่มี “ประมนต์ สุธีวงศ์” เป็น “ประธานคณะกรรมการบริษัท”
กลับ “ถูกเรียกเก็บภาษี” จากการกระทำที่อาจจะเข้าข่ายหลบเลี่ยงภาษี
และชำระภาษีไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท !!!


กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น “ประมนต์ สุธีวงศ์” …ระวัง !!!
ระวัง…ไม่มีที่ยืน !!!!!



http://www.phranakornsarn.com/cockroach/2935.html

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ : ผมแวะไปเปิดบัญชีที่ธนาคารออมสินมาครับ


เมื่อวานตอนเย็นผมไปอยู่ที่มอเตอร์เวย์ ตรงด่านลาดกระบังขาเข้าครับ รถเยอะ ติดยาวสูงสุดประมาณ 3.5 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง ผมนั่งดู รถผ่านช่องเก็บเงินได้นาทีละ 7 คัน มี 10 ช่อง รับรถได้ 4,200 คันต่อชั่วโมง ถ้าเมื่อไรรถมากกว่านี้ ก็จะเริ่มติด ทางแก้คือ เพิ่มความเร็วมากกว่า 7 คันต่อนาที (ยากครับ ยกเว้นใช้ easy pass) และ/หรือ เพิ่มช่องเก็บเงิน คงต้องเร่งทำ reverse lane ก่อน อีกทางคือเบี่ยงรถออกทางบางบ่อเพื่อให้ไปใช้ทางลอยฟ้า บางนา-บางปะกง ที่ยังไม่แน่นเท่ามอเตอร์เวย์ครับ

วันนี้ตอนเช้าประชุมหัวหน้าหน่วยเพื่อสรุปผลกระทบในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ต่อด้วยตรวจงานรถไฟสายสีแดง ตอนเย็นก่อนกลับบ้าน ผมแวะไปเปิดบัญชีที่ธนาคารออมสินมาครับ สาขาในห้างเปิดถึงทุ่มนึง บริการดีมากครับ พนักงานยิ้มแย้ม ทำงานคล่องแคล่ว ผมเปิดบัญชีเผื่อเรียก (บัญชีออมทรัพย์) และ ทำบัตร ATM/Debit ใช้เวลา 10 กว่านาทีเท่านั้น

ธนาคารออมสิน เป็นธนาคารของรัฐ มีความมั่นคง พ.ร.บ. ธนาคารออมสิน กำหนดให้รัฐบาลเป็นประกัน ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเงินฝาก ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 1,000 สาขา และ บัญชีเงินฝากมากกว่า 26 ล้านบัญชีครับ ผมฝากแล้วสบายใจครับ

ส่วนที่ไปวิ่งเมื่อวาน ก็ขอยืนยันว่าไม่ได้ใบ้หวยครับ (กลัวเดี๋ยวคนเอาแป้งมาถูตัวผม) และ ที่แขวนคออยู่ในรูปคือเหรียญรางวัลที่เขาแจกให้คนที่วิ่งถึงเส้นชัยทุกคนครับ


ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี: ขอเชียร์คุณสมชัยสักครั้ง

ขอเชียร์คุณสมชัยสักครั้ง

ผมเคยสวดคุณสมชัยไปพอสมควร เพราะเห็นที่ผ่านมาพูดเยอะเหลือเกิน และยังปรากฏว่ามีหลายโอกาสทำตัวไม่ค่อยจะเป็นกลางตามบทบาทเท่าไหร่ ไอ้ที่แย่ที่สุดก็คือแสดงอาการไม่อยากเลือกตั้งเอาดื้อๆ (เหมือนจะรอใครอยู่อย่างนั้น)

แต่วันนี้ ต้องขอชมกันหน่อย สำหรับผลการหารือที่คุณสมชัย จัด (ที่ยังกลัวอยู่คืออีก 4 เสือ เขาจะเอาด้วยหรือป่าว) ผมมีประเด็นสำคัญอยู่ 4 เรื่องครับ

1. เรื่องการลงสมัครในเขตที่ยังไม่ครบ 28 เขตภาคใต้ กกต. คงจำได้นะครับว่าท่านแนะนำให้ผู้สมัครไปแจ้งความ (เขาก็ไปแจ้งความแล้ว) ท่านแนะนำให้เขาไปร้องศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง (เขาก็ไปยื่นศาลแล้ว) และศาลก็พิจารณาไม่รับคำร้อง โดยอธิบายกลับมาว่าเป็นอำนาจของ กกต. ดังนั้นในกรณีนี้คุณสมชัยเอาเลยครับ ประกาศรับรองเขาเลยเพราะเขาไปสมัครจริงๆ แต่ถูกขัดขวางโดย กปปส. สำหรับกลุ่มที่ยังไม่ได้สมัครวันนั้น ก็ประกาศรับนอกเขตเลยครับจะได้หมดปัญหา (เอาเรือนจำก็ได้หากมาขัดขวางก็จะไม่ได้ออก)

2. กรณีรับรองผล ส.ส. ประเภทเขต หากเขตไหนเขาเสร็จสิ้นไปแล้วก็รับรองไปเลย ไปรอเขตอื่นที่ไม่เกี่ยวทำไม หากจะผิดถูกอย่างไรท่านก็สอยให้ใบเหลืองใบแดงเขาได้ทีหลัง (ที่ผ่านๆมาเขาก็ทำอย่างนั้น) ในกรณีประชาธิปัตย์เขาอยากให้รอแน่นอน รออะไรรู้ไหมครับ รอจนกว่า ปชป.จะล้มการเลือกตั้งครั้งนี้สำเร็จแล้ว ปชป. จะปรับปรุงนิสัย ขอลงแข่งด้วยในครั้งต่อไปนะซิ ส่วนกรณี ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อหาก กกต.จะรอจนจบการเลือกตั้งจริงๆ ก็มีเหตุผลเพียงพอเพราะจะต้องเป็นคะแนนของทุกหน่วยทั่วประเทศ

3. เรื่องใหญ่ที่สุดคือ แล้วจะเลือกกันอีกทีเมื่อไร ( ข้อเสนอเดิมของท่าน 20 และ 27 เมษายน ใครคงรับไม่ได้แน่เพราะนานเกินรอ ) ผมพูดคุยกับพรรคพวกเห็นด้วยจริงๆ กับวันที่ 2 มีนาคม เพราะเท่ากับเลื่อนไปจากเดิมเพียงเดือนเดียว สำหรับความคิดจะไปรวมกับการเลือกตั้ง ส.ว. นั้นนอกจากจะไม่เคยทำมาก่อนแล้วยังจะเสียเวลาไปอีกหนึ่งเดือนเปล่าๆ

4. สุดท้ายการเลือกตั้งครั้งนี้ (ยืนยันว่ายังเป็นครั้งเดิม) จะดำเนินการบนพื้นฐานอะไร เรื่องนี้ความจริงมันไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลยก็ของเก่ายังไม่แล้วเสร็จ แล้วจะไปออกพระราชกฤษฎีกาซ้อนเข้ามาอีกได้อย่างไร อย่าลืมสิครับ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เคยวินิจฉัยแล้วกรณีการไปร้องของผู้สมัครที่ถูกขัดขวางการสมัครว่าเป็นอำนาจของ กกต. ในการจัดการเลือกตั้ง ไม่จำเป็นต้องมาร้องขออำนาจอะไรอีก กกต.ก็ใช้อำนาจประกาศไปเลยครับ รับรองพวกผมและพรรคอื่นๆ ทั้งหมดไม่ฟ้องท่านเด็ดขาด

แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ท่านจะไปสนใจทำไม เพราะไม่ใช่ผู้ได้เสียอะไร อย่าลืมการร้องเรียนฟ้องร้องผู้ร้องต้องกระทำด้วยมือสะอาดเท่านั้น (ปชป. บอยคอตการเลือกตั้งแบบยกพรรค และยังพบว่ามีหลายภาคส่วนเกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้งแบบปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งผู้คนเขารู้กันทั้งเมือง) แล้วจะมีสิทธิ์ไปร้องอะไรอีก

ท่านสมชัยเอาเลยครับ จัดเลือกตั้งให้สำเร็จโดยเร็วรับรองท่านจะเป็นเสือตัวที่ 5 อย่างสมศักดิ์ศรีเลย สำหรับเสื้อเดิมที่ผมออกแบบให้ท่านเอาไปเผาทิ้งได้เลยครับ


ศรส.มอบหมายช่อง 11 และช่อง 9 ถ่ายทอดสด การขอคืนสถานที่ราชการและถนน จากม็อบ กปปส.

ศรส.มอบหมายช่อง 11 และช่อง 9 ถ่ายทอดสด การขอคืนสถานที่ราชการและถนน จากม็อบ กปปส. โดยจัดรายการพิเศษ ชื่อ “ภารกิจ คืนความสงบ กทม.” หรือ Peace for Bangkok Mission : Joan of Arc
ศรส.มอบหมายช่อง 11 และช่อง 9 ถ่ายทอดสด การขอคืนสถานที่ราชการและถนน จากม็อบ กปปส. โดยจัดรายการพิเศษ ชื่อ “ภารกิจ คืนความสงบ กทม.” หรือ Peace for Bangkok Mission

17 ก.พ. 57 ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านเผยแพร่ข่าวสารและประชาสัมพันธ์ ใน ศรส. เปิดเผยว่า ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. ได้มอบหมายกรมประชาสัมพันธ์ จัดรายการพิเศษ ชื่อ “ภารกิจ คืนความสงบ กทม.” หรือ Peace for Bangkok Mission
โดยให้ออกอากาศผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 หรือ NBT ซึ่งจะเป็นสถานีแม่ข่ายในการถ่ายทอดสดภารกิจของ ศรส. ในการขอคืนสถานที่ราชการและถนน ตามเป้าหมายต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อแสดงความโปร่งใส ของ ศรส. ในการดำเนินการ การขอคืนสถานที่ราชการและถนน จากม็อบ กปปส. และเพื่อพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้สลายการชุมนุม
ไม่ได้ใช้ความรุนแรง และปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อคืนความสงบสุขให้บ้านเมืองและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย

โดย ศรส. ประกาศภารกิจจะขอคืนสถานที่ราชการและถนน รวม 5 จุด คือ
1. ทำเนียบรัฐบาล
2. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
3. กระทรวงพลังงาน
4. กระทรวงมหาดไทย
5. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

ทั้งนี้ สำหรับกำลังเจ้าหน้าตำรวจที่จะใช้ในภารกิจพรุ่งนี้ มีจำนวนขั้นต่ำ 15,000 นาย และ มีกำลังเสริม standby พร้อมปฏิบัติหน้าที่ อีก 10,000 นาย รวม เป็น 25,000 นาย
‪#‎ขอบคุณเจ้าของภาพ‬

สุเทพ เทือกสุบรรณ:ขออย่างเดียว.. ถ้ามันทำร้ายผมถึงเป็นถึงตายแม้แต่เด็กตัวเล็กๆก็จะลุกขึ้นสู้ทั้งแผ่นดิน

17 ก.พ. เวลา 19.33 น. "คำต่อคำ" สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ‪#‎เวทีสีลม‬

ที่มีการถามว่าจะแตกหักกับรัฐบาลเมื่อไหร่ ขอถือโอกาสนี้ประกาศถึงมวลมหาประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดว่า วันที่19 ก.พ.นี้ จะระดมมวลชนใหญ่ทั้งประเทศ ขอบอกเลยว่า เป็นที่ชัดเจนเราจะสู้แตกหักกันไปเลยซึ่งเป็นการต่อสู้พร้อมกับกลุ่มชาวนาที่ประกาศชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ถ้าต้องการยึดอำนาจเป็นของตัวเองก็ขอให้กลับมาบัญชาการ เพราะฝ่ายมวลมหาประชาชนพร้อมแล้วที่จะต่อสู้ ขอให้พ.ต.ท.ทักษิณอย่ามัวแต่โทรมาตำหนิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงานและผอ.ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ที่ทำงานไม่ได้ตามที่ต้องการ และไม่ต้องให้ นายพานทองแท้ เขียนข้อความโจมตีเพราะทราบดีว่าคนเขียนไม่ใช่นายพานทองแท้

"ข่าววงในของผม ทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิม โกรธจัด และกล่าวหาว่าผมผิดคำพูดว่า จะอยู่เฉพาะเวทีลุมพินี และปทุมมัน ขอบอกเลยว่าไม่เคยโทรคุยหรือสัญญาอะไรกับร.ต.อ.เฉลิมเลย การยุบเวทีลาดพร้าวและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไม่ใช่เพราะร.ต.อ.เฉลิมขอร้องแต่มาจากมีสุนัขลอบกัดยิงถล่มเอาระเบิดขว้างใส่ เรารักประชาชนไม่ต้องการให้บาดเจ็บล้มตายจึงยุบสองเวทีมารวมที่เวทีอโศก ปทุมวัน ราชประสงค์ ลุมพินี ไม่เคยพูดที่ไหนว่าจะเหลือเฉพาะเวที ลุมพินีและปทุมวัน"

ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศจะขอยึดคืนพื้นที่ในวันที่ 18ก.พ.โดยในส่วนเวทีแจ้งวัฒนะมีความเชื่อมั่นว่า พระพุทธะอิสระมีลูกศิษย์มากมายสามารถปกป้องพื้นที่ได้ โดยขอให้ลูกศิษย์หลวงปู่ไปพร้อมในพื้นที่พร้อมสวดมนต์อิติปิโส ส่วนกระทรวงมหาดไทย จะมีมวลชนนำโดย นายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. ออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดนำกำลังไปรักษาพื้นที่ไม่ให้ร.ต.อ.เฉลิมแย่งชิงไปได้ ขณะที่นายชุมพล จุลใส แกนนำกปปส. จะนำมวลชนอีกสองพันคน ขึ้นรถไปทำเนียบรัฐบาลและตนเองจะนำมวลชนที่ปทุมวันเดินเท้า 50 นาทีไปสมทบ

"จะดูสิว่าจะยึดทำเนียบฯได้หรือไม่ เอาทำเนียบฯเป็นเดิมพัน ถือโอกาสนี้กราบเรียนถึงพี่น้องชาวกรุงเทพ พรุ่งนี้ศึกใหญ่ที่ทำเนียบฯ ถ้าพี่น้องกรุงเทพไม่ต้องการให้ยิ่งลักษณ์เข้าทำเนียบ ขอระดมกำลังไปรักษาทำเนียบฯก่อน08.30 น. วันนี้จะเป็นการเผชิญหน้ายกแรก ใครมีรถให้นำมาจอดขวางเลย

ส่วนพื้นที่รอบนอกทำเนียบฯ จะมีกลุ่มคปท. คอยดูแล ส่วนสะพานมัฆวาน ถนนลูกหลวง ตนเองจะนำมวลชนไปดูแล ทั้งนี้มีกติกาให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอย่าใจร้อน ห้ามนำอาวุธมา แต่ให้นำหนังสือสวดมนต์มาแทน

"ขออย่างเดียวถ้าพรุ่งนี้ผมถูกจับหรือฆ่าผม พี่น้องอย่าเสียขบวน ถ้ามันทำร้ายผมถึงเป็นถึงตายแม้แต่เด็กตัวเล็กๆก็จะลุกขึ้นสู้ทั้งแผ่นดิน และไม่ต้องกลัวจะรักษาฐานที่มั่น ถ้าเจ้าหน้าที่มายึดเวทีได้ ก็ตั้งเวทีใหม่ แต่จะไม่ยอมให้ยึดคืนทำเนียบรัฐบาลเด็ดขาดเพราะประกาศแล้วไม่ให้ยิ่งลักษณ์และคนตระกูลชินวัตรนั่งเก้าอี้นายกฯอีกต่อไปทั้งชาตินี้และชาติหน้า เราต้องรักษาทำเนียบฯเพื่อให้รัฐบาลที่มาจากประชาชนไปนั่งเท่านั้น"

‪#‎กปปส‬ ‪#‎ปฏิรูปประเทศ‬ ‪#‎thaiuprising‬ ‪#‎PDRC‬ ‪#‎occupybangkok‬‪#‎shutdownBKK‬ ‪#‎posttoday‬


เตือนออมสินอย่าฝนกระแส

อยากกระซิบถึง ธ.ออมสินเบาๆ อย่าฝืนสู้กระแส เหมือนอดีตที่ประเทศไทยเคยฝืนสู้ค่าเงินบาท เลยครับ มีแต่แพ้กับเสมอตัว คนที่เอาเงินออกไปวันนี้ 37,000 ล้านบาท ไปแล้ว ไปลับทั้งนั้น ในขณะที่คนฝากเงินเข้าวันนี้ 10,000 กว่าล้านบาท เค้าเห็นท่าไม่ดีเมื่อไหร่ ถอนได้ทันที เงินสำรองที่มีแค่สองแสนกว่าล้าน คงจะฝืนสู้การถอนของประชาชนได้ไม่เกิน 7 วัน !!!

ทางที่อาจจะรอดตายทางเดียว MD ลาออก พร้อมการยืนยัน จะไม่ปล่อยกู้อะไรที่เกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวอีก !!!

ส่วนพวกโลกสวยอยากช่วยชาวนา อย่าเสียเวลาด่าคนถอนเงิน กรุณาหันไปด่ารัฐบาลของท่าน ที่ไม่กล้าขายข้าวเต็มที่ กลัวคนจะรู้ว่า stock ข้าว มีจริงเท่าไหร่

อยากช่วยชาวนา อย่าสร้างหนี้ให้ทุกคนเพิ่ม แค่ขายข้าวเท่านั้นเอง !!!

Dr. Oat
อยากกระซิบถึง ธ.ออมสินเบาๆ อย่าฝืนสู้กระแส เหมือนอดีตที่ประเทศไทยเคยฝืนสู้ค่าเงินบาท เลยครับ มีแต่แพ้กับเสมอตัว คนที่เอาเงินออกไปวันนี้ 37,000 ล้านบาท ไปแล้ว ไปลับทั้งนั้น ในขณะที่คนฝากเงินเข้าวันนี้ 10,000 กว่าล้านบาท เค้าเห็นท่าไม่ดีเมื่อไหร่ ถอนได้ทันที เงินสำรองที่มีแค่สองแสนกว่าล้าน คงจะฝืนสู้การถอนของประชาชนได้ไม่เกิน 7 วัน !!!

ทางที่อาจจะรอดตายทางเดียว MD ลาออก พร้อมการยืนยัน จะไม่ปล่อยกู้อะไรที่เกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวอีก !!!

ส่วนพวกโลกสวยอยากช่วยชาวนา อย่าเสียเวลาด่าคนถอนเงิน กรุณาหันไปด่ารัฐบาลของท่าน ที่ไม่กล้าขายข้าวเต็มที่ กลัวคนจะรู้ว่า stock ข้าว มีจริงเท่าไหร่ 

อยากช่วยชาวนา อย่าสร้างหนี้ให้ทุกคนเพิ่ม แค่ขายข้าวเท่านั้นเอง !!!

Dr. Oat

ส่อเค้า เล่นแง่กัน ระหว่างทหาร-ตำรวจ คดี ยิง "ขวัญชัย"

เล่นแง่.....
ส่อเค้า เล่นแง่กัน ระหว่างทหาร-ตำรวจ คดี ยิง "ขวัญชัย" ทหาร เผยตำรวจ นัดสอบพยานเลย ทั้งๆที่นัดสอบทหาร 4นายก่อนเท่านั้น แต่กลับเปลี่ยน ทหารเลยขอเลื่อน นำตัว 4ทหารกลับค่ายก่อน ไว้ค่อยนัดไปใหม่ หลังรอทั้งวัน ผบ.พล.ร.9 ยัน ให้ความร่วมมือแล้ว

พลตรี ไพโรจน์ ทองมาเอง ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 เปิดเผยว่า เพิ่งได้รับทราบจากนายทหารพระธรรมนูญ เมื่อเย็นวันนี้ 17 กพ. เองว่า ต้องเลื่อนการให้ ทหาร 4 นาย ผู้ต้องหาคดียิง นายขวัญชัย ไพรพนา มอบตัวและให้ปากคำกับตำรวจ ตามที่นัดหมายไว้ในวันนี้ ที่บชภ.4 ขอนแก่น หลังจากที่ รอทั้งวัน จนที่สุดต้องนำตัวทหารทั้ง4 นาย กลับที่ตั้งก่อน
"ทางนายทหารพระธรรมนูญ อัยการศาลทหาร และ ทหารทั้ง 4 นาย เดินทางไปที่ขอนแก่น แล้ว ตั้งแต่เช้า เพื่อรอที่จะเข้าพบ พนักงานสอบสวน แต่ปรากฏว่า ทางตำรวจแจ้งว่า จะขอสอบปากคำพยานเลย ซึ่งทางเรายังไม่พร้อม และไม่เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ จึงได้ประสานกับทางตำรวจ ในการเลื่อนการพบตำรวจ เพื่อให้ปากคำ ออกไปก่อน โดยเรานำตัว ทหารทั้ง 4 นาย กลับมาดูแลตามเดิม”
พลตรี ไพโรจน์ กล่าวว่า ถือว่าทางทบ.เราได้ให้ความร่วมมือแล้ว พาไปแล้ว แต่ทางตำรวจ ไม่ได้ทำตามที่ได้ประสานงานตกลงกันไว้ ที่จะสอบปากคำเฉพาะทหารก่อน แต่กลับจะสอบพยานเลย ซึ่งเรายังไม่พร้อม จึงขอเลื่อนออกไป


"ศรส." เตรียมกำลังตำรวจ กว่า 25,000 นาย ขอคืนพื้นที่พรุ่งนี้ เล็งกวาด 5 จุด




"พล.ต.อ. วรพงษ์" หาหรือร่วม "ศรส." สำหรับภารกิจขอคืนพื้นที่ พรุ่งนี้ ประกอบด้วย ทำเนียบรัฐบาล ก.มหาดไทย ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และ ก.พลังงาน ในขณะที่จะเริ่มภารกิจรอบทำเนียบรัฐบาล

วันนี้ ( 17 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ ศรส. ว่า สำหรับกำลังเจ้าหน้าตำรวจที่จะใช้ในภารกิจขอคืนพื้นที่ พรุ่งนี้(18 ก.พ.) มีจำนวนขั้นต่ำ 15,000 นาย และ มีกำลังเสริมเตรียมความพร้อมในที่ตั้งและ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ อีก 10,000 นาย รวม เป็น 25,000 นาย

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภารกิจขอคืนพื้นที่ของ ศรส. จะประกอบด้วย ทำเนียบรัฐบาล ก.มหาดไทย ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และ ก.พลังงาน ในขณะที่จะเริ่มภารกิจรอบทำเนียบรัฐบาลเวลา 08.00 น.

‪#‎ทีนิวส์‬

เสธน้ำเงิน : เปิดโปง..ยุทธการหน้าแตกแห่งชาติ..ขีปนาวุธน่าขนลุกอเมริกาสยอง

แฉความลับ

17 ก.พ.57

หลังจากโดนตู่คางคกต่อสายหาชายดูไบ บอกเป็ดเหลิมดีแต่โม้ ไม่เอาไหน ขอให้เปลี่ยนเอาออกจาก ผอ.ศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) แล้วให้แต่งตั้งจารุคลองหลอดเป็นแทน เพราะเด็ดขาดกว่าและทุยแดงจะเข้าช่วยเข้าประทะเต็มที่ จนการประชุมบริษัทเผาไทยที่ตึกชินชั้น 33 คนในที่ประชุมขอให้สมชายม่านรูดไปคุยกับคากคกตู่ สมชายม่านรูดบอกว่าคางคกตู่มันไม่รู้ว่าเขามองมันเป็นอะไร ถ้า “ คุยกับมันคุยกับหมาดีกว่า “..ฮา ยกระดับสัตว์จากคางคกเป็นหมาอีก !!

ต่อมาทั้งเป็ดเหลิม และริดสีดวง ที่ต่างถูกหมายหัว เพราะขันอาสาเข้ามาเองแต่ทำงานไม่เข้าเป้า จึงหวังโชว์ฟอร์มสอพลอแสดงผลงานให้เข้าตาเจ้านายท่านคากคกตู่ (ฮา) เพื่อแลกกับบำเหน็จกำนัลที่จะมีการตบรางวัลหลังเสร็จศึกนี้ วางแผนใน ศรส.ว่า “เราไปปล่อยข่าวท่อน้ำเลี้ยง 23 ราย กปปส. กับสื่อ ให้พวกมันเต้น ให้พวกมันบ้า กันเอาเอง ปล่อยข่าวไป พวกมันก็กลัวเอง เดี๋ยวมันก็หยุดเอง มันจะได้รู้ว่า เรารู้ว่าใครทำอะไร โดยที่เราไม่เดือดร้อนเลย ถ้ามันจะฟ้อง ก็ฟ้องสื่อเอาเอง ” สุดท้ายทั้ง 2 คนก็โดนด่าเละจากแกนนำพรรคอั้งยี่แดง และบริษัทบิ๊กๆ อายจนแทบมุดลงรูแทนปูเน่า

ยิ่งแก้ก็เหมือนวัวพันหลัก นำมาซึ่งความหงุดหงิดใจของเป็ดเหลิมที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน ดูได้จากอากัปกิริยาขณะสัมภาษณ์สื่อรายวัน ที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ผรุสวาทแบบอันธพาล ด่ากราดชายชุดดำนาย และผู้ปฏิบัติ โดนกันเป็นทิวแถวหัวยันหาง ถึงขนาดด่าชายชุดดำระดับปฏิบัติว่า “ เลี้ยงเสียข้าวสุก “ เป็ดเหลิมจึงวางแผนใหญ่ กะรุกเพื่อเรียก “ชื่อเสีย” ตัวเองคืน โดยใช้ฤกษ์ 14 ก.พ.57 วันพระใหญ่มาฆะบูชา ที่ผ่านมาหวังทำบาปให้จั๋งหนับ

โดยจะสลายการชุมนุม คปท.จุดข้างทำเนียบ (Cr บางส่วนจาก@ Buncha Srisongruk) ที่เป็ดเหลิมเจอกลศึกลวง “ ทิ้งค่ายแล้วมาเอาคืน “ ดังนี้

- เวลา 08.00 น. ชายชุดดำแถวแรก ตั้งขบวนเดินตบเท้า ออกจากลานพระบรมรูปทรงม้า พร้อมโล่และกระบอง จัดแถวตอนเรียงสิบ ดาหน้าผ่าเข้าไปยังแยกมิสกวัน โดยมีขบวนรถรบรรทุกสิ่งของพิเศษบางชนิด ซ่อนไว้มิดชิด ยืนประกบด้วย ชุดดำอรินทราช อาวุธพิเศษครบมือ เคลื่อนตามหลังอย่างช้าๆ

- ผ่านด่านรบด่านแรก กองกระสอบทราย ที่ตั้งเป็นกำแพงชั้นนอกของนักรบอิสระ ชายชุดดำ ต้องวางโล่กระบอง ยกทะลายกระสอบทรายอย่างทุลักทุเล แต่ไหงจึงไร้การต่อต้าน จากเจ้าของด่าน หัวหน้าชายชุดดำเริ่มเกาหัวแกรก ๆ ว.ถามเจ้าของโปรเจค ว่าเป้าหมายทำไม ถึงไร้ร่องรอย เหมือนค่ายร้าง
- ว.ตอบกลับมายืนยันว่า จากมิกสกวันจนถึงสะพานมัฆวาน คือเป้าหมาย ต้องขอคืนพื้นที่ การเคลื่อนที่ยึดครองจึงเดินหน้าต่อไป

** ช่วงนี้อีกจุดเวลาเดียวกัน..การชุมนุมของทุยแดงและแกนนำสู้แล้วรวย ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ที่จดจ่อหน้าจอทีวีลุ้นกับภารกิจยึดคืนพื้นที่ของเป็ดเหลิม แกนนำสู้แล้วรวยก็ลุ้น มวลชนก็ลุ้น ต่างคนต่างลุ้น พอชายชุดดำยึดพื้นที่ถนนราชดำเนินกลางไปจนถึงสะพานมัฆวานฯ ได้ ทุยแดงก็ส่งเสียงเฮลั่นสนั่น

- การขอคืนพื้นที่จุดนี้ ชายชุดดำต้องออกแรงในการยึดพื้นที่ กันจนเหงื่อตก ขนกระสอบทราย รื้อสะแลนกันแดด และตาข่ายกัน M79 กันชุลมุน สายตาสอดส่ายหาสิ่งของต้องห้าม ตามที่ นายกำชับนักกำชับหนา

** ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ทุยแดงและแกนนำ สะใจยิ่งกว่าเชียร์มวยเสียอีก สียงดังลั่นว่า "มันต้องอย่างนี้ซิ.!!" , "เห็นมั้ย เห็นมั้ย..ไม่ต้องกลัว" , "นึกว่าโม้เป็นอย่างเดียว" สารพัดคำเยินยอปนความสะใจถูกพ่นออกมา

- ผ่านไป 2 ชั่วโมง ภารกิจชายชุดดำเสร็จเรียบร้อย เสียง ว.มาเร่งเร้าจากหัวหน้าโปรเจค ถึงหัวหน้าหน่วยรื้อค้น บอกให้ส่งสิ่งของที่ยึดได้ เข้าไปในทำเนียบฯ ด่วน จะแถลงข่าวแล้ว จึงมีเสียงตอบอย่างอ้อมแอ้มว่า..” สิ่งของยึดได้ส่วนใหญ่ เป็นกระสอบทราย หลายร้อยใบ มีทรายเต็ม จะให้ขนไปไหม? , นอกนั้นเป็น เต๊นท์ และกระโจมนอน แกนนำไม่พบ ควบคุมใครไม่ได้ เจอแค่หญิงชราแก่ๆ นั่งตำหมากไหลย้อย !!.

- และแถมมี “ กางเกงใน ตากยังไม่แห้งกลิ่นตุๆ , ผ้าอนามัย..หัวหน้าหน่วยตรวจค้นถามว่า..จะยึดไปโชว์ ทั้งหมดไหม?..ว.2.. ( เพราะริดสีดวง อาจอยากยึดของกลาง 2 อย่างนี้ ไปทำเป็นคดีพิเศษต่อ เพื่อขโมยของกลางไปใช้กับเมียน้อยชื่อไก่ )..

- วันนั้นเป็ดเหลิมที่อุตส่าห์ใส่เสื้อยืดสีแดง สวมทับด้วยแจคเกตสีเข้ม กะจะให้กล้องทีวี โคลสอัพ ส่งตรงถึงนายใหญ่ ว่าภารกิจเสร็จเรียบร้อย ได้ผลสมความมุ่งหมาย หวังถล่มกำนันให้หงายเงิบ เมื่อเหตุการณ์กลับพลิกตาละปัดแบบนี้..เป็ดเหลิมจึงหันรีหันขวาง อย่างหัวเสีย นักข่าวที่เชิญมา กำลังตั้งกล้องกันอยู่ตรงหน้า สายตาทุกคู่จ้องมา เอาไงดีหว่า..จึงเข้าไปกระซิบที่ข้างหู มีวันนี้เพราะพี่ให้ ซุบซิบๆ ว่า “ เอาของกลางที่เราเตรียมมาเองมาซิ “ !!

- สักครู่ใหญ่ กล่องกระดาษใหญ่ถูกยกเข้ามา แล้วสิ่งของที่อยู่ภายใน ก็ทะยอยออกวางบนโต๊ะ ท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของนักข่าว เพราะมันคือ หนังสะติกไม่ถึงสิบอัน พร้อมลูกเหล็กกลม และน๊อตเหลี่ยมถุงใหญ่ ตามติดด้วยปุ๋ยใส่ต้นไม้ให้งาม ใบไม้เขียวๆ และกระป๋อง ผูกโบว์ติดธงชาติ

- เป็ดเหลิมเริ่มแถลงข่าว ท่ามกลางการก้มหน้าแบบขี้ไม่สุด เหงื่อตกของย้อย มีวันนี้เพราะพี่ให้ ว่า..ผลการขอคืนพื้นที่วันนี้ เราสุดภูมิใจที่สามารถยึดอาวุธร้ายแรงของผู้ชุมนุมได้หลายรายการตามภาพ..ฮาๆ (เสธ เห็นอาวุธแล้วมันร้ายแรงมาก ขีปนาวุธประเภทนี้อเมริกาเห็นถึงกับขนลุก !!..นี่มันร้ายแรงกว่าระเบิดนิวเคลียร์อีกนะนี่ หน่วยพิสูจน์หลักฐานคงตะลึงกันไปหลายวัน )

- ขณะยืนแถลงข่าวหน้าทำเนียบได้ราว 5 นาที..เสียงระเบิดปิงปอง บึ้ม!! ถูกขว้างมาตกใกล้ๆ จนนักข่าวเจ็บเล็กน้อยไป 1 คน..เป็ดเหลิมตาเหลือก เยี่ยวปริบราดกางเกง...รีบเลิกแถลงข่าว เดินหนีหายวับไปอย่างรวดเร็ว

** ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ พอเป็ดหลิมสั่งถอยแค่นั้นแหละ เสียงโขมงโฉงเฉง “ เหี้ย, ห่า , สารพัดสัตว์ “ ก็ผสมกันทยอยออกมาจากทุยแดง และแกนนำใหญ่สู้แล้วรวย ที่ดูทีวีลุ้นอยู่ ถึงกับด่ากราดออกมาว่า " อย่างนี้เอาเป็ดเหลิมไว้ไม่ได้, การเมืองเสียหายหมด, ต้องคุยกับดูไบ, ต้องเปลี่ยนตัว"...มาวัดกันว่าพ่อไอ้ปื๊ด กับคางคกตู่..ใครจะอยู่ใครจะไป

ล่าสุด 17 ก.พ. เป็ดเหลิมนั่งแถลงข่าวอย่างเดียวดายคนเดียวที่ศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) โดยมีฉากหลักเป็นแบล๊กดร็อปเก่าๆ สีน้ำเงิน เหมือนขายประกัน ในห้างโลตัส บิ๊กซี เพราะคนอื่นไม่กล้ามานั่งแถลงด้วย เพราะกลัวถูกกัดคอจากเป็ดเหลิมที่เหมือนคนบ้าหลุดโลกขึ้นทุกวัน และที่สำคัญกลิ่นข้าวโพดมันหอมโชยแรง ๆ มาจากกระบอกรถคั่วข้าวโพดดำทมึนที่ขนเข้า กทม.มา..

วันนี้เป็ดเหลิมแถลงข่าวกร้าวว่า..” ผมกราบเถิดครับประชาชนถอนตัวชุมนุมกลับบ้านเถอะ ”..ฮา และนัดนักข่าวอีกว่า วันต่อไปชายชุดดำจะเข้าสลาย 5 จุด..( มันยังไม่เข็ด เดี๋ยวจะโดนอีกไม่ใช่น้อย เดี๋ยวมันจะรู้ว่าจะเจอกลศึกไม่ซ้ำแบบอะไรอีก..รอเตรียมหัวเราะให้ฟันร่วงได้เลย)

ส่วนคางคกตู่ แกนนำสู้แล้วรวย ที่ทำท่าจะรวยแล้วเลิก ก็ประกาศที่ห้างแถวลาดพร้าว ต่อหน้ามวลชนมหาศาล ( 30 คน) ช่วงบ่ายว่า

“ เป็ดเหลิมทำงานเป็นไหม ถ้าไม่กล้าทำ ให้เฉดหัวไปบวช “..หุย ฮาๆ !!

@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai