PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รสนา โตสิตระกูล:รัฐบาลหมิ่นเหม่ทำผิดกม.กรณีให้ธ.ออมสินปล่อยกู้ธกส.

ปรากฎการณ์ที่คนฝากเงินกับออมสินแห่กันไปถอนเงินฝากของตนในวันนี้สูงถึง 30,000 ล้านบาทแม้จะมีเงินฝากเข้ามา 10,000ล้านบาท หักลบแล้วก็ยังมีการถอนถึง 20,000ล้านบาท นับว่าเป็นยอดที่สูงมาก ไม่เคยมีการถอนในปริมาณสูงขนาดนี้มาก่อน แม้จะมีข่าวในทำนองว่าผู้บริหารของออมสินยังปากแข็งว่ายังรับสถานการณ์ได้ และการถอนเงินยังน้อยกว่าที่คาดไว้ คำพูดในทำนองนี้จะเป็นการเติมเชื้อไฟ และสร้างความโกรธแค้นให้กับผู้ฝากเงินเพิ่มมากขึ้น และอาจจะลุกลามเป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจได้ หากผู้บริหารออมสินยังไม่ยุติการกระทำดังกล่าว

การที่นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้จัดการใหญ่แบงค์ออมสินกล่าวว่าออมสินไม่ได้สนใจว่าธกส. จะเอาเงินกู้จากช่องทางอินเตอร์แบงค์ไปทำอะไร ต้องถือว่าเป็นการแสดงความเห็นที่อาจถูกมองว่าขาดความรับผิดชอบ ไม่ตรงไปตรงมา ด้วยเหตุผลว่า

1)ธนาคารออมสินไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ทั่วไป แต่ทำหน้าที่ในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบเงินฝากที่เป็นเงินออมของประชาชน ต้องดูแลเงินออมของประชาชนด้วยความรับผิดชอบยิ่งกว่าเงินของตัวเอง ด้วยการนำไปลงทุนอย่างระมัดระวัง จะทำเหมือนเป็นเงินของตัวเองที่เอาไปปล่อยกู้อย่างไรก็ได้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

2) การใช้ช่องทางอินเตอร์แบงค์ปล่อยกู้ธกส.จึงเป็นการใช้ช่องทางนี้แบบผิดวัตถุประสงค์ เพราะการกู้แบบอินเตอร์แบงค์มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสภาพคล่องระหว่างธนาคารต่อธนาคารที่มีข้อตกลงกัน ซึ่งเป็นการกู้ระยะเวลาสั้นๆ ประเภทกู้ข้ามคืน และมีวงเงินในระดับ 2,000-3,000ล้านบาทเท่านั้น เป็นงานในระดับปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

การที่ธนาคารออมสินเอาช่องทางการกู้แบบอินเตอร์แบงค์มาปล่อยกู้ให้ธกส. เพื่อเอาไปใช้ในโครงการจำนำข้าวจึงเป็นการปฏิบัติผิดวัตถุประสงค์ของการกู้แบบอินเตอร์แบงค์ เป็นการเลี่ยงระเบียบ และวัตถุประสงค์ของช่องทางเงินกู้นี้ และเป็นการไม่รับผิดชอบต่อเงินฝากของประชาชน ทำให้ประชาชนขาดความไว้วางใจจนนำไปสู่การแห่ถอนเงินดังกล่าว

ยิ่งกว่านั้นการเลี่ยงระเบียบ และวัตถุประสงค์การกู้แบบอินเตอร์แบงค์ จะกลายเป็นการเปิดช่องทางการกู้แบบอินเตอร์แบงค์อย่างบิดเบือนต่อไปได้อีก และจะกลายเป็นเปิดช่องทางใหม่ให้ฝ่ายการเมืองอาศัยช่องทางนี้ในการล้วงเงินไปใช้จ่ายแบบขาดความรับผิดชอบได้อีกในโครงการรับจำนำพืชผลชนิดอื่น โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการทุจริตมโหฬาร นอกจากการรับซื้อข้าวในราคาสูงกว่าราคาจริงมากกว่า 100% แล้วยังมีข้าวเสื่อมคุณภาพจำนวนเท่าไหร่ยังไม่มีตัวเลขชัดเจน และสต๊อคลมอีกจำนวนเท่าไหร่ก็ไม่รู้

ซีอีโอของออมสินจึงถูกมองว่าขาดความรับผิดชอบในการบริหารเงินฝากของประชาชน ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้บริหารที่ดูแลเงินของประชาชน แม้ซีอีโอออมสินจะปากแข็งว่าไม่มีฝ่ายการเมืองมาเกี่ยวข้องก็ตาม แต่ทางฟากธกส.กลับออกมาบอกกับสาธารณะอย่างตรงไปตรงมาว่ากระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินสำหรับจ่ายชาวนาด้วยการให้ธกส.กู้ยืมระหว่างธนาคารเป็นการชั่วคราวระยะสั้น30วันในวงเงิน5000ล้านบาทจากธนาคารออมสิน ถ้าเป็นเช่นนี้จริง รัฐบาลก็จะหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา181(4)และกฎหมายเลือกตั้ง แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับการไร้ธรรมาภิบาลในโครงการรับจำนำข้าว ได้ทำลายระบบการค้าข้าวไทยทั้งระบบและสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวนาไทยทั้งประเทศ ซึ่งถ้าหากได้รับเงินตามกำหนดเมื่อปลายปี2556 แล้วก็คงไม่เกิดกรณีอันเศร้าสลดที่ชาวนาฆ่าตัวตายถึง10 ราย และที่สำคัญคือกำลังทำลายหลักธรรมาภิบาลของระบบธนาคารรัฐ โดยการใช้ระบบซิกแซกล้วงเงินออกมาใช้อย่างไม่ถูกต้อง เพียงเพื่อแก้ปัญหาเลือดเข้าตาของนักการเมือง นอกจากจะไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนแล้ว ก็อาจจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ และแน่นอน กลุ่มคนที่เดือดร้อนจะไม่ใช่เฉพาะชาวนาเท่านั้น แต่จะเป็นพี่น้องคนไทยทัั้งประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น: