PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เช็คชื่อคนดัง แห่ถอน – ปิดบัญชีออมสินประท้วงจำนำข้าว !

เช็คชื่อคนดัง แห่ถอน – ปิดบัญชีออมสินประท้วงจำนำข้าว !

เขียนวันที่
วันจันทร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 17:05 น.
เขียนโดย
ศุภเดช ศักดิ์ดวง
 “…สาเหตุก็เป็นห่วงเรื่องเงินเหมือนกัน เรื่องเงินที่ฝากไว้ ก็รับฟังจากข่าวสารจากคำให้การเรื่องข้าว ซึ่งรัฐบาลจะบริหารเงินไปช่วยเหลือชาวนา มองดูแล้วมันน่าจะยาก พอดีที่เรามีเงินฝากอยู่ในแบงก์ออมสิน เมื่อฟังข่าวนี้เราก็รู้สึกกังวลใจในการทำงานของธนาคารออมสิน ถ้าเขาให้เงินกู้ไปแบบนี้ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ…”
cash17

จากกรณีที่รัฐบาลได้ข้อยุติเกี่ยวกับแนวทางหาแหล่งเงินกู้ที่จะนำมาชำระหนี้ให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว โดยจะใช้วิธีการให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในรูปแบบอินเตอร์แบงก์ (การปล่อยกู้ระหว่างธนาคาร) นั้น จากที่เคยให้วงเงินปกติ 5,000 ล้านบาท เป็น 20,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะทำ Letter of comfort ค้ำประกันให้นั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557 นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ยอมรับว่า ได้ปล่อยเงินกู้ในรูปแบบอินเตอร์แบงก์ให้กับ ธ.ก.ส. จริง โดยโอนเงินให้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมียอดเงินกู้ทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท
จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดกระแสประชาชนแห่ถอนเงิน หรือปิดบัญชีกับธนาคารออมสินกันจ้าละหวั่น โดยเฉพาะในโซเชียลเน็ตเวิร์คมีการแชร์ภาพบุคคลที่ไปถอนเงิน หรือปิดบัญชีกับธนาคารออมสินเป็นจำนวนไม่น้อย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รวบรวมบุคคลมีชื่อเสียงที่ไปถอนเงิน หรือปิดบัญชีกับธนาคารออมสิน ดังนี้
1.นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Nicha Hiranburana Thuvatham ระบุว่า “นายวรวิทย์ ผ.อ.ธนาคารออมสิน เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่า เหตุผลสองประการแรกที่คนไปถอนเงินคือ 1) มีความจำเป็นต้องใช้ 2) ดอกเบี้ยธนาคารอื่นดีกว่า และขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานสถานการณ์ซีเรียส เพราะวันจันทร์เป็นวันที่มีธุรกรรมมากเป็นปกติอยู่แล้ว
เรียน ผ.อ.ธนาคารออมสิน โปรดทราบ ดิฉันเป็นลูกค้าออมสิน ที่ผ่านมาไม่เคยถอนเงินออมสิน แต่วันนี้ไปถอนเงิน และไม่ใช่ด้วยสองเหตุผลนั้น โปรดเข้าใจ”
2.นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชื่อ สมชาย แสวงการ ระบุว่า “ไปธนาคารออมสินเรียบร้อยแล้ว 1 บัญชีที่สาขาราชวัตร ตั้งแต่ 8.30 น. พนักงานร่วมใส่ชุดดำช่วยบริการลูกค้าอย่างดี 9 ใน 10 ถอนและปิดบัญชีครับ”
“ไปธนาคารออมสินรักษาสิทธิในฐานะลูกค้าขอถอนจนหมดบัญชีเหลือแค่ 100 เพราะต่างสาขา พนักงานธนาคารใส่ชุดดำบริการด้วยความเข้าใจ ที่สำนักงานใหญ่ก็คนเยอะมากเช่นกัน เราทุกคนยืนยันต้องการช่วยชาวนาที่ถูกโกงแต่ไม่ประสงค์ช่วยคนที่โกงชาวนา”
PIC 3
3.ภาพจากเฟซบุ๊ก นางสาวรุ่งมณี เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ระบุว่า “ปฏิบัติภารกิจ…ถอน!”
 PIC 5
4.ภาพจากเฟซบุ๊ก รศ.ดร.เรณู เวชรัชต์พิมล อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ ม.ศิลปากร นักวิชาการอีเอชไอเอ ที่ไปถอนเงินจากธนาคารออมสินถึง 7 บัญชี
 PIC 4
5.ภาพจากแฟนเพจ Kanok Ratwongsakul Fan Page ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “เมื่อประชาชนเกิดความสงสัย “ออมสิน” ว่าไปข้องเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ลูกค้าจึงแห่ไปถอนเงิน ภาพนี้ที่ห้างพาราไดซ์ ถูกถอนเงินจนเงินสดหมด ต้องขอจ่ายเป็นแคชเชียร์ หรือถ้าจะบอกว่า สาขาของออมสินกำลังเกิดภาวะสภาพคล่องสะดุด…ก็ว่าได้ ^^”
 PIC 1
PIC 2 
อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ในโซเชียลเน็ตเวิร์กมีการแชร์ภาพเอกสารที่แสดงรายการรับฝาก – ถอนเงินของธนาคารออมสิน สาขาพาราไดซ์ พาร์ค (ศรีนครินทร์) ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ระบุว่ามีจำนวนรายการถอนเงินที่ผิดปกติถึง 80 ราย วงเงินกว่า 57 ล้านบาท พร้อมระบุ 2 สาเหตุหลักว่า เนื่องจากธนาคารเอาเงินไปปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส. และดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์อีกด้วย
และ 6.นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตเลขาคณะกรรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ส่งอีเมล์เวียนถึงคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) ระบุว่า “เรียนทุกท่านครับ ผู้จัดการธนาคารออมสิน ขาดจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี ขาดความรับผิดชอบต่อเงินฝากของเด็กและผู้ฝากกู้ทั่วไป … ไร้จริยธรรม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ทางพนักงานธนาคารและผู้คนในสังคมต่างพากันคัดค้านอย่างหนัก … นี่คืออีกตัวอย่างหนึ่งของระบอบทักษิณ
ผมจะไปถอนเงินจากธนาคารแห่งนี้ แม้มีเงินฝากไม่มากนัก แต่ก็ต้องทำ”
นอกจากนี้ในเว็บไซต์ศูนย์ข่าวภาคใต้ เนชั่น รายงานว่า เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.นครศรีธรรมราช รวมตัวแต่งชุดดำประท้วง แสดงการคัดค้านการกู้เงินจากธนาคารออมสินไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าว ขณะที่ธนาคารออมสิน มีลูกค้าแห่ปิดบัญชีเป็นจำนวนมาก โดยมียอดถอนรวมกว่า 10 ล้านบาทแล้ว
ส่วนเว็บไซต์สำนักข่าวไทย รายงานว่า ประชาชนจำนวนมากแห่ถอนเงินฝากจากธนาคารออมสิน จ.ตรัง เนื่องจากเกรงว่าธนาคารจะนำเงิงนฝากไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าว โดยเพียง 1 ชั่วโมง ถอนเงินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
คำถามคือ ลูกค้าที่เคยจงรักภักดีกับธนาคารออมสิน เหตุใดถึงแห่ไปถอนกันเป็นจำนวนมากขนาดนี้ภายในวันเดียว
“สาเหตุก็เป็นห่วงเรื่องเงินเหมือนกัน เรื่องเงินที่ฝากไว้ ก็รับฟังจากข่าวสารจากคำให้การเรื่องข้าว ซึ่งรัฐบาลจะบริหารเงินไปช่วยเหลือชาวนา มองดูแล้วมันน่าจะยาก พอดีที่เรามีเงินฝากอยู่ในแบงก์ออมสิน เมื่อฟังข่าวนี้เราก็รู้สึกกังวลใจในการทำงานของธนาคารออมสิน ถ้าเขาให้เงินกู้ไปแบบนี้ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ”
คำยืนยันจากปากของ นาย น (นามสมมติ) ที่แสดงถึงความกังวลใจว่า ธ.ออมสิน จะนำเงินของเขาไปให้ ธ.ก.ส. กู้เงินให้รัฐบาลชำระหนี้ชาวนาเรื่องจำนำข้าว
นาย น ระบุอีกว่า สาขาที่ตนไปถอนคือ ธ.ออมสิน สาขาราชดำเนินกลาง ซึ่งมีคนไปค่อนข้างเยอะหากเทียบกับธนาคารอื่น โดยเมื่อตนไปถึงได้บัตรคิวที่ 202 ขณะที่เคาน์เตอร์เพิ่งประกาศว่าถึงคิวที่ 127 เท่านั้น และระหว่างรอคิวก็นานมากจนผิดปกติ จึงกลับมาก่อนเพราะต้องทำงานที่ค้างไว้
“ที่น่าสนใจคือคนที่ไปถอนเงินวันนี้มีการแต่งกายหรือทาสัญลักษณ์ธงชาติไทยค่อนข้างหนาตา”
เมื่อถามว่าหาก ธ.ออมสิน ถามเหตุผลถึงการถอนจะตอบว่าอย่างไร นาย น ยืนยันหนักแน่นว่า ก็บอกว่าฟังจากข่าวแล้วเราไม่สนับสนุนการให้เอาเงินเราไปกู้แบบนี้ เพราะว่าแม้ว่าทำอินเตอร์แบงก์ โดยเฉพาะเจาะจงจะให้ ธ.ก.ส. ซึ่งกำลังมีข่าวคราวที่ว่าต้องการเงินมาก แล้วเอาเงินไปทำอย่างนั้น เราไม่สนับสนุน
“ทำโดยปกติก็จริง แต่ถ้าบอกว่า ธ.ก.ส. มีสภาพคล่องอยู่แล้วจะมากู้ทำไม”
PIC 6
( ภาพจากเฟซบุ๊กของ “ร้อยลี ซันเดย์” ที่ไปถอนเงินจาก ธ.ออมสิน โดยได้สมุดบัญชีตั้งแต่ยุคแรก ๆ)
PIC 7
( ภาพจากเฟซบุ๊กของ “สมัญญา อรรควุฒิวาณิชย์” ที่ฉีกบัญชีของธนาคารออมสิน)
kong
(ภาพจากอินสตาแกรมหมอก้อง-สรวิชญ์ ระบุไปขายสลากออมสินคืน และได้แคชเชียร์เช็ค เพราะธนาคารไม่มีเงินสด)
ขณะที่ล่าสุด ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน แถลงว่าเบื้องต้นวันนี้ ธนาคารในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล และภาคใต้ ในช่วงเวลาที่ปิดทำการ ไม่นับธนาคารในห้างสรรพสินค้า พบว่ามีการถอนเงินไปถึงกว่า 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนรัฐบาลจะมีท่าทีอย่างไรกับเหตุการณ์ดังกล่าว ก็คงต้องติดตามกันต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: