PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ใครเอารูปถ่ายไปแอบอ้างจับหมด

ถ่ายรูปกับนายกฯ
นายกฯประยุทธ์ สั่ง กต.-ตำรวจ ดำเนินดีและจับกุมแก๊งค์ยูฟัน หากเอารูปตนเองที่ถ่ายไปแอบอ้างหรือหลอกลวง ใครถ่ายรูปกับผมแล้วไปอ้าง จับหมด "ใครที่ถ่ายรูปกับผมแล้วนำไปแอบอ้างก็จับกุมหมด ถ่ายรูปแล้วนำไปแอบอ้างไม่ได้ แต่ถ้าถ่ายแล้วไปเพื่อดูเล่น ชื่นชมหรือด่าเงียบๆก็ไม่มีปัญหา"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด ที่ใช้วิธีการนำรูปที่ถ่ายกับ ผมและนำไปหลอกลวง ว่า ผมได้สั่งการณ์ไปยังกระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าอย่าไปสนใจ เพราะการที่มาเข้าพบผมและร่วมถ่ายรูปไปนั้นมาในฐานะที่ผมเป็นรัฐบาลจะเอาตนไปอ้างไม่ได้ ถ้าผืดก็ขอให้จับกุมเลย
"ใครที่ถ่ายรูปกับผมแล้วนำไปแอบอ้างก็จับกุมทั้งหมด ถ้าผิดก็ต้องดำเนินคดี ถ่ายรูปแล้วนำไปแอบอ้างไม่ได้ แต่ถ้าถ่ายแล้วไปเพื่อดูเล่นปชื่นชม หรือด่าเงียบๆก็ไม่มีปัญหา"


นายกฯ เผย "หมอยงยุทธ"หนังสือลาออกแล้ว อ้างมีปัญหาสุขภาพ มอบ "พล.อ.วิลาส" รักษาการ

นายกฯ เผย "หมอยงยุทธ"หนังสือลาออกแล้ว อ้างมีปัญหาสุขภาพ มอบ "พล.อ.วิลาส" รักษาการ มึ"เสธ.ไก่อู"อยู่ ไม่ตั้งใครแทน เผยผมทำหน้าที่โผษกฯ พูดแทนทุกวัน อยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คช.) ให้สัมภาษณ์โดยยอมรับว่า ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว
โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ โดยตนเพิ่งลงนามในหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งก่อนที่จะมาประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ "โดยในหนังสือลาออกเขียนว่าผมมีปัญหาเรื่องสุขภาพครับ และที่ผ่านมาก็พยายามอย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมจึงมีความจำเป็นต้องไปดูแลสุขภาพ เมื่อยื่นหนังสือมาผมก้อนุมัติไปเท่านั้นเอง"
ส่วนจะแต่งใครให้ขึ้นมาทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแทน หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มอบหมายให้ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการ โดยมี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯก็ทำหน้าที่อยู่แล้ว
"ผมยังไม่ตั้งใคร ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเพราะทำงานได้อยู่แล้ว"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าจะไม่ทำให้เรื่องการชี้แจงผลงานรัฐบาลปัญหาหรือ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า "ไม่มีปัญหา ผมชี้แจงได้หมดอยู่แล้ว ผมก็ทำแทนทุกวันอยู่แล้ว ก็ขอร้องว่าอย่าไปเขียนให้เป็นประเด็น เพราะเรื่องนี้เป็นความสมัครใจ ไม่ีความขัดแย้งอะไร เขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสใส่กันทุกวัน ไม่เห็นเขามาบ่นอะไรให้ผมฟัง"
ตลอดทั้งวัน (15 พ.ค.) ร.อ.น.พ.ยงยุทธไม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะได้แจ้งด้วยวาจากับนายกรัฐมนตรีในการลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.และได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับนายกรัฐมตรีในวันที่ 15 พ.ค.


แพทย์ระบุ“พ่อคูณ”หยุดหายใจ เหตุเสมหะอุดกั้น ปอดซ้ายรั่ว-สัญญาณชีพยังไม่คงที่

แพทย์ระบุ“พ่อคูณ”หยุดหายใจ เหตุเสมหะอุดกั้น ปอดซ้ายรั่ว-สัญญาณชีพยังไม่คงที่
Cr:ผู้จัดการ
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รพ.มหาราชนครราชสีมา ประกาศฉบับที่ 1 ระบุสาเหตุ “หลวงพ่อคูณ” หยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้น มาจากเสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ และปอดด้านซ้ายรั่ว ยังเฝ้าระวังดูแลใกล้ชิดเพราะสัญญาณชีพยังไม่คงที่ พร้อมตั้งคณะกรรมการแพทย์ดูแลรักษาโดยตรง-สั่งงดเยี่ยม
ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ถูกนำส่งเข้ารักษาอาการอาพาธเป็นการด่วนด้วยภาวะหยุดหายใจ ที่ห้องไอซียู หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม ชั้น 2 อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ( 15 พ.ค.) นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ ( 15 พ.ค.) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ออกประกาศเรื่อง อาการอาพาธพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ฉบับที่ 1 ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2558 เวลา 05.45 น. ได้รับแจ้งจากคณะพยาบาลที่ดูแลพระเทพวิทยาคม พบว่ามีอาการหมดสติ ไม่รู้สึกตัว คณะแพทย์ พยาบาลจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาและโรงพยาบาลด่านขุนทด ตรวจประเมินว่า พระเทพวิทยาคม หยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้น จึงได้ปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพชั้นสูง (CPR) เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง จนอาการทรงตัว ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจพร้อมทั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจ และส่งต่อมารักษาที่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาถึง โรงพยาบาล เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น.
นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้มอบหมายให้คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขาทำการรักษา จากการประเมินพบว่า พระเทพวิทยาคม มีลมรั่วในปอดด้านซ้าย และมีเสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ ขณะนี้พักรักษาตัวในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คณะแพทย์ พยาบาลยังเฝ้าระวังดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสัญญาณชีพยังไม่คงที่ จึงขอความร่วมมือประชาชนงดเยี่ยมอาการอาพาธ
จึงประกาศมาเพื่อทราบ ประกาศ ณ วันที่ 15 พ.ค. 2558 ลงชื่อ คณะแพทย์ผู้ให้การรักษา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมายังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแพทย์ดูแลอาการ พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทโธ) เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดูแลอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม โดยคณะกรรมการที่ปรึกษา มี นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เป็นประธานกรรมการ ซึ่งมีหน้าที่ให้คำปรึกษา แนะนำ แนวทางการรักษา และดูแลอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม
ส่วนคณะกรรมการแพทย์ดูแลอาการอาพาธ มี นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ มีหน้าที่ดูแลตรวจวินิจฉัยให้การรักษา พระเทพวิทยาคม อย่างใกล้ชิดและสรุปผลการรักษาทุกวัน ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 15 พ.ค. 2558


"บิ๊กจิ๋ว"ลั่นยังมีภาระสำคัญกว่าอยู่บ้านเลี้ยงหลาน

"บิ๊กจิ๋ว"ลั่นยังมีภาระสำคัญกว่าอยู่บ้านเลี้ยงหลาน | เดลินิวส์

„"บิ๊กจิ๋ว"ลั่นยังมีภาระสำคัญกว่าอยู่บ้านเลี้ยงหลาน 

"บิ๊กจิ๋ว"ขอนักการเมือง รวมพลังทำให้ประเทศกลับมายิ่งใหญ่ ยันยังมีภาระหน้าที่สำคัญกว่าอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ลั่นทิ้งแผ่นดินไม่ได้ ด้าน "อ๋อย"แนะ คสช.รับฟังความเห็นต่าง 
วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 เวลา 14:10 น. 

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่บ้านพักซอยปิ่นประภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเสร็จสิ้น ได้มีแกนนำพรรคเพื่อไทย ทยอยเดินทางเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดครบ 83 ปีอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ นายวราเทพ รัตนากร โดยนายเสนาะ ได้กล่าวกับพล.อ.ชวลิต ว่า บุญกุศลที่ พล.อ. ชวลิต ได้สั่งสมมา รวมถึงบารมีของบูรพกษัตราธิราชเจ้า จงขจัดทุกข์ ขจัดโรคภัย และสเนียดจัญไรทั้งหลายออกไปจากชีวิตของ พล.อ.ชวลิต ให้คงเหลือแต่สิ่งดีงาม และขอให้กำลังใจ พล.อ. ชวลิต ที่จะไม่ต้องพูดจาประชดประชันรุ่นน้อง เพราะใครทำดีก็จะเห็นเอง วันนี้เราสองคนมีบารมีที่สั่งสมกันมา ไปที่ไหนมีแต่คนรักและเคารพนับถือ ดังนั้นในบั้นปลายของชีวิต ขอให้ พล.อ.ชวลิต อยู่เป็นหลักชัยแก่ลูกหลาน หากมีโอกาสขอให้เข้ามาบริหารบ้านเมืองอีกครั้งโดยไม่จำเป็นต้องดำรงตำแหน่งนายกฯ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็เชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือบ้านเมืองได้ ส่วนตัวยืนยันที่จะยืนเคียงข้างพี่ชายคนนี้ตลอดไป 

ขณะที่ พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ขอบคุณทุกคนที่มาอวยพรวันเกิดตนในวันนี้ ทราบดีว่าความรัก ความผูกพันธ์ ไม่เคยห่างเหิน ตั้งแต่เราเริ่มต้นทำงานมาด้วยกัน เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการสร้างชาติ สร้างแผ่นดินให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีต ตนได้บอกพี่น้อง และผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีความปราถนาดีต่อแผ่นดินและมีแนวทางเดียวกันอย่างชัดเจน ว่าโปรดอย่าได้ทิ้งแผ่นดินนี้ อย่าได้ทิ้งภารกิจหน้าที่ที่ได้ทำมา แผ่นดินนี้ยังต้องการภารกิจสุดท้ายแห่งชีวิต พวกเราต้องรวมพลังกันทำให้ชาติกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งให้ได้  วันนี้ตนเห็นว่ามีประชาชนต้องการความช่วยเหลือจริงๆ และคิดว่าผู้ที่ทำหน้าที่กำลังพยายามแก้ปัญหากันอย่างเต็มที่  คงไม่น่ารังเกียจหากพวกเราที่ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง แต่มีภาระต่อแผ่นดิน ประเทศชาติ ต่อราชบัลลังค์ ยังต้องอยู่กับพวกเราไปตลอดชีวิต จึงขอฝากว่าอย่าทิ้งแผ่นดิน เพราะเรายังมีภาระที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นให้ได้ ถือเป็นหน้าที่ของเราซึ่งสำคัญกว่าการเลี้ยงหลาน ขอให้ทุกท่านที่มีความปรารถนาดีเหมือนกับพวกเรา ร่วมกันกับเราเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเรามีความปรารถนาดีและฝันถึงมาโดยตลอด ถ้าทำช้าไป เราจะเสียใจอย่างที่สุด และขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่มาในวันนี้ และไม่ว่าพรรคไหนก็ได้ ขอแค่ร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินต่อไป 

ทางด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ในบ้านเมืองกับ พล.อ.ชวลิต มาโดยตลอด พล.อ.ชวลิต เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย มีความห่วงใยต่อบ้านเมือง เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ห่างไกล วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองต้องการความเห็นจากหลายฝ่าย ไม่ต้องการการปิดกั้นความเห็นต่าง อีกทั้ง พล.อ.ชวลิต ถือเป็นบุคคลสำคัญ และเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งของบ้านเมืองที่ในอดีตเคยแก้ปัญหาความขัดแย้ง จึงถือว่าท่านเป็นบุคลากรที่ยังทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ "คสช.ควรรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย โดยเฉพาะความเห็นของ พล.อ.ชวลิต เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์มาก และพล.อ.ชวลิต ไม่มีความคิดที่จะรวมกลุ่มการเมือง หรือจับกลุ่มอำนาจของกลุ่มความหวังใหม่ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็สามารถทำงานเพื่อบ้านเมืองได้"นายจาตุรนต์.“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/321426

เสนาะ โปรยหวาน วันเกิดบิ๊กจิ๋ว หนุนบริหารบ้านเมืองในอนาคต

พร้อมเคียงข้างพี่ชายเสมอ เสนาะ โปรยหวาน วันเกิดบิ๊กจิ๋ว หนุนบริหารบ้านเมืองในอนาคต

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12:16:33 น
"เสนาะ" หนุน "บิ๊กจิ๋ว" เข้าบริหารบ้านเมืองในอนาคต ลั่นพร้อมยืนเคียงข้าง ด้าน"บิ๊กจิ๋ว" ขอเพื่อนร่วมอุดมการณ์จับมือทำงานเพื่อประเทศชาติครั้งสุดท้าย
http://www.matichon.co.th/online/2015/05/14316668871431666907l.jpg

บรรยากาศที่บ้านปิ่นประภาคม ในช่วงสาย ได้มีแกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดยนายเสนาะ เทียนทอง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายวราเทพ รัตนากร นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีตพรรคความหวังใหม่ และบุคคลสำคัญเดินทางเข้าอวยพรวันเกิด พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 85 ปี อย่างต่อเนื่อง

โดยนายเสนาะ เทียนทอง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กลุ่มวังน้ำเย็น กล่าวอวยพรวันเกิดและกล่าวชื่นชมในฐานะที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีและรับผิดชอบงานบ้านเมืองที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่าขอเป็นกำลังใจให้พลเอกชวลิตพบเจอกับสิ่งดีดี และเดินไปสู่อนาคตที่สดใส ถ้ามีโอกาสก็ขอให้ได้มาบริหารบ้านเมืองไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีบารมีได้และตนในฐานะรุ่นน้องก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างพี่ชายเสมอและไม่ต้องไปพูดประชดประชันใครเพราะใครทำดีก็จะเห็นเอง

ด้านพลเอกชวลิตได้กล่าวขอบคุณบุคคลที่เข้ามาร่วมอวยพรวันเกิดในครั้งนี้ว่า ขอให้ทุกคนที่มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติอย่าทิ้งแผ่นดิน ให้ปฏิบัติหน้าที่และร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อประเทศชาติเป็นครั้งสุดท้าย เพราะภารกิจสุดท้ายของทุกคนที่จะต้องทำให้แผ่นดินกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ส่วนการสนทนากับผู้ที่เข้ามาร่วมอวยพรวันเกิดครั้งนี้ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาตนเลือกคบคนไม่ผิดและขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยและขอให้ร่วมมือร่วมใจทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายให้สำเร็จเช่นกัน

‘บิ๊กจิ๋ว’ฟันธงอนาคตมีฉีก‘รธน.’อีก

‘บิ๊กจิ๋ว’ฟันธงอนาคตมีฉีก‘รธน.’อีก

‘บิ๊กจิ๋ว’ฟันธงอนาคตมีฉีก‘รธน.’อีก

"บิ๊กจิ๋ว" เปิดบ้านให้อวยพรวันเกิดครบ 83 ปี ฟันธง อนาคตมีฉีกรธน.อีก ย้ำ พบชาวนาแค่ไปรับฟังปัญหา ชี้ปัญหามีต้นเหตุจากความต่างในสังคม

  
  
          วันที่ 15 พ.ค.58 เมื่อเวลา 07.00 น. ที่บ้านปิ่นประภาคม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพักให้บุคคลทั้งข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ และประชาชน เข้าอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 83 ปี โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีบุคคลในแวดวงต่างๆ ทยอยเดินทางเข้าอวยพรอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ และนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. นายพิทยา พุกกะมาน กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สมาชิกพรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีต รมช.คมนาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ นายเสนาะ เทียนทอง สมาชิกพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ ยังมีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางมาร่วมอวยพรวันเกิดหลังจากที่เดินทางไปอวยพรวันเกิดนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยอีกด้วย อาทิ นางยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เดินทางมาร่วมอวยพรวันกิดนั้น จะได้รับเหรียญหลวงพ่อเกษม เขมโก รุ่นชนะศึกชายแดน และหนังสือบันทึกสัมภาษณ์พิเศษพล.อ.ชวลิตในรายการพีชทีวี สเปเชี่ยล เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 58 ด้วย
 
          พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์ว่า วันเกิดปีนี้อยากให้เกียรติประวัติของชาติที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตของไทย ที่เคยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และเราเคยไปช่วยรอบบ้านเอาไว้ แต่วันนี้กลับกลายเป็นรัฐล้มเหลว ทำให้รู้สึกเจ็บปวด การจะกลับมาเหมือนเดิมนั้นง่ายนิดเดียว หันหน้าเข้ามาหากันและเปิดใจก็เท่านั้นเอง วันเกิดปีนี้อยากเห็นประเทศสงบสุข เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีตที่เป็นศูนย์กลางทางการค้า ขอให้คนไทยหันหน้าเข้าหากัน ส่วนการลงพื้นที่พบปะชาวนาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นั้นเป็นเพียงการลงไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและแนะแนวทางให้แก้ปัญหา ไม่มีนัยยะทางการเมืองหรือต้องการทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาล ที่ผ่านมาได้เดินทางไปหลายจังหวัด ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ แต่ไม่มีใครให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้เสียใจที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลออกมาต่อว่า ว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เพราะตระหนักดีว่าภาระของรัฐบาลมีมาก บางครั้งอาจให้ความดูแลช่วยเหลือเกษตรกรไม่ทั่วถึง ดังนั้น ตนจึงขอช่วยเหลือในส่วนนี้
  
          ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลและ คสช.จับตาการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะการพบชาวนาที่จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า การลงพื้นที่เป็นเพียงการลงไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและแนะแนวทางให้แก้ปัญหาเท่านั้น ทั้งนี้ รัฐบาลจะแก้ปัญหาบ้านเมืองถูกทางหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลเห็นปัญหาหลักของชาติคืออะไร หากรู้ก็จะสามารถแก้ได้ตรงจุด ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าวันนี้ทุกคนมองว่าปัญหาคือต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกภาคส่วนจึงมุ่งไปที่จุดนั้น ในขณะที่ปัญหาปากท้องประชาชนกลับได้รับความสนใจน้อยกว่าทั้งที่มีความสำคัญ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ เพราะเชื่อว่าจะมีการฉีกรัฐธรรมนูญเหมือนทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนรัฐบาล
  
          พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเสนอให้ทำรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับคือ ฉบับที่20 และ21หากไม่พอใจฉบับที่20 ก็นำฉบับที่21 มาใช้โดยไม่ต้องฉีกอีก แต่เสนอไปแล้วกลับถูกด่ากลับมา ส่วนเรื่องการทำประชามตินั้น ตนท้าพนันได้เลยว่าต้องมีการฉีกอีกแน่นอน ที่ผ่านมามันเป็นวงจร มีการยกร่าง จัดการเลือกตั้ง แล้วเมื่อขัดแย้ง ทหารก็เข้ามาและฉีกรัฐธรรมนูญ จากนั้นก็ยกร่างใหม่ เป็นอย่างนี้มาตลอด ทั้งนี้ คงต้องให้เกียรติรัฐบาลและให้เครดิตบ้างว่าเขาจะทำได้หรือไม่ และเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจที่พลาดบ้าง แต่เป็นหน้าที่ของเราที่จะสะท้อนให้เขาทราบว่าประชาชนคิดเห็นอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ขอกำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาประเทศ และขอให้ทุกคนเห็นใจโดยเฉพาะการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการบริหารประเทศในภาวะเช่นนี้ในฐานะรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อลดความขัดแย้งและสร้างความปรองดอง และไม่มีอะไรต้องชี้แนะนายกรัฐมนตรี เพราะใจถึงใจ ส่งถึงกันอยู่แล้ว
  
          ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มองรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างว่าเกิดจากบุคคลเฉพาะกลุ่มที่ต้องการเข้ามาแสวงหาอำนาจหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดอย่างนั้น เดี๋ยวจะถูกเชิญตัว อย่างที่บอก รัฐธรรมนูญเกิดขึ้นเพราะความขัดแย้ง ดังนั้นต้องช่วยกันแก้ไขจุดนี้ ที่กังวลกันว่าเมื่อรัฐธรรมนูญยังมีความขัดแย้งจะทำให้เกิดความปรองดองได้หรือไม่นั้น ต้องบอกว่าความปรองดองไม่ได้เกิดที่รัฐธรรมนูญ แต่เกิดขึ้นเพราะความแตกต่างในสังคม จึงต้องแก้ตรงนี้ สำหรับแผนปรองดองที่รัฐบาลดำเนินการนั้นมองว่าจะสำเร็จหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ยังไม่ทราบในสาระสำคัญ แต่การปรองดองจะต้องทำก่อนการพัฒนา ปรองดองก่อนการปฏิรูปตามที่คสช.กำหนดไว้ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ในเมื่อยังมีการปฏิบัติสองมาตรฐานอยู่ในขณะนี้จะทำให้เกิดการปรองดองได้อย่างไรนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลเป็นหลักที่พูดถึงสื่อ อาจหมายความว่าขอความร่วมมือจากสื่อให้ช่วย เพราะเห็นว่ามีความเป็นอิสระเสรี ซึ่งไม่ต้องการเห็นการปรองดองแบ่งระดับ แบ่งพวก แบ่งฝ่าย
  
          ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า มองรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าจะเปิดทางให้มีการตั้งพรรคทหารเกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาทหารไม่เคยมีพรรคของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปห่วงในเรื่องนี้ ส่วนที่ถามว่าคสช.มีแนวโน้มไปสนับสนุนพรรคการเมืองให้ลงเลือกตั้งหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ทราบ แต่เขาคงต้องแสดงความเป็นธรรม มิเช่นนั้นจะเข้ามาแก้ปัญหาได้อย่างไร
  
          พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึงโอกาสที่จะเป็นแกนนำพรรคการเมืองและนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้งด้วยว่า หากถามถึงความพร้อม ส่วนตัวก็พร้อม แต่วันนี้ไม่ว่าจะอยู่สถานะใดก็สามารถแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองได้ ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของตัวมันเอง ทุกคนสามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องอยู่ในฐานะอะไรเลย ถ้าถามว่าพร้อมหรือไม่ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนพร้อมหมด แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ เพราะอยู่ที่ไหนก็ทำงานให้บ้านเมืองได้ ตอนนี้ควรปล่อยให้กลไกต่างๆ เดินต่อไปได้ คอยช่วยเหลืออยู่ตรงกลางดีกว่าเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์กองกำลังที่สาม เข้ามาคั่นกลางความขัดแย้งในอนาคต โดยใช้เวลาระหว่างนี้แนะนำแนวทางให้กับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายก็ถือว่าพอแล้ว
  
          ด้านคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภริยา พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า อย่ามองเรื่องที่ พล.อ.ชวลิตไปพบชาวนาว่าเป็นเรื่องการเมืองเลย เพราะพล.อ.ชวลิตมีเจตนาที่ดี อยากช่วยเหลือชาวนาให้มีสถานภาพที่ดีขึ้น อย่าไปหาว่าจะปฎิวัติเลย
  
          ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์ คุณหญิงพันธุ์เครือได้หอมแก้มพล.อ.ชวลิตเพื่อเป็นของขวัญ และพล.อ.ชวลิตก็ได้หอมแก้มกลับพร้อมทั้งระบุว่า เรารักกันมานาน เรียกรอยยิ้มและเสียงฮือฮาจากสื่อมวลชนและผู้ที่เดินทางไปร่วมอวยพรได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สำหรับบรรยากาศโดยรอบงานวันเกิดพล.อ.ชวลิตนั้น มีทหารนอกเครื่องแบบมาคอยสังเกตุการณ์พร้อมทั้งบันทึกภาพบรรยากาศภายในบ้านพักของพล.อ.ชวลิตด้วย





แกนนำ-ส.ส.พท.แห่อวยพรวันเกิด "บิ๊กจิ๋ว"
  
          แกนนำและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ นายวราเทพ รัตนากร นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย นายอุดมเดช รัตนเสถียร นายชวลิต วิชยสุทธิ์ และนายไพจิต ศรีวรขาน เดินทางมาร่วมอวยพรวันเกิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งนำกระเช้าดอกไม้มาร่วมอวยพรด้วย โดยนายเสนาะ กล่าวว่า บุญกุศลที่ พล.อ.ชวลิตได้สั่งสมมา รวมถึงบารมีของบูรพกษัตริยาธิราชเจ้า จงขจัดทุกข์ ขจัดโรคภัยทั้งหลายออกไปจากชีวิตของ พล.อ.ชวลิต ให้คงเหลือแต่สิ่งดีงาม และขอให้กำลังใจ พล.อ.ชวลิต อย่าประชดประชันรุ่นน้อง เพราะวันนี้ใครทำดีก็จะเห็นเอง วันนี้เราสองคนมีบารมีที่สั่งสมกันมา ไปที่ไหนมีแต่คนรักและเคารพนับถือ ดังนั้น ในบั้นปลายของชีวิตขอให้ พล.อ.ชวลิตอยู่เป็นหลักชัยแก่ลูกหลาน หากมีโอกาสขอให้เข้ามาบริหารบ้านเมืองอีกครั้งโดยไม่จำเป็นต้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะไม่ว่า พล.อ.ชวลิตจะเข้ามาในฐานะไหนก็เชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือบ้านเมืองได้ ตนยืนยันที่จะยืนเคียงข้างพี่ชายคนนี้ตลอดไป
  
          ด้านพล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่มาอวยพรในวันนี้ ทำให้รู้สึกชื่นใจและรู้ว่าที่ผ่านมาเลือกคบคนไม่ผิด ดังนั้น ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในสิ่งที่พึงปรารถนา ขอให้ร่วมมือกันครั้งสุดท้ายในการสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับบ้านเมือง เพราะวันนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ทราบดีว่าความรัก ความผูกพันธ์ ไม่เคยห่างเหินตั้งแต่เราเริ่มต้นทำงานมาด้วยกัน เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการสร้างชาติ สร้างแผ่นดิน ให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีตอีกครั้ง ได้บอกพี่น้องและผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีความปรารถนาดีต่อแผ่นดินและมีแนวทางเดียวกันอย่างชัดเจนว่า โปรดอย่าทิ้งแผ่นดินนี้ อย่าทิ้งภารกิจหน้าที่ที่ได้ทำมา แผ่นดินนี้ยังต้องการภารกิจสุดท้ายแห่งชีวิต พวกเราต้องรวมพลังกัน กลับมาสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ให้เกิดในบ้านเมืองเราให้ได้ วันนี้มีประชาชนต้องการความช่วยเหลือจริงๆ และคิดว่าผู้ที่ทำหน้าที่กำลังพยายามแก้ปัญหากันอย่างเต็มที่ อย่างเต็มกำลัง คงไม่น่ารังเกียจหากพวกเราไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง แต่ภาระต่อแผ่นดิน ประเทศชาติ ต่อราชบัลลังก์ยังต้องอยู่กับพวกเราไปตลอดชีวิต ขอฝากว่า อย่าทิ้งแผ่นดิน เพราะเรายังมีภาระที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นให้ได้ เราเคยทำร่วมกันมาและประสบผลสำเร็จไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับไปสู่ปัญหาเหล่านั้นอีกครั้ง ถือว่าเป็นหน้าที่ของเรา ซึ่งสำคัญกว่าการไปเลี้ยงหลานอย่างที่ได้กล่าวไว้ ขอให้ทุกท่านที่มีความปรารถนาดีเหมือนกับพวกเรา ร่วมกันกับเราเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเรามีความปรารถนาดีและฝันถึงมาโดยตลอด ถ้าทำช้าไปเราจะเสียใจอย่างที่สุด ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่มาในวันนี้ และไม่ว่าพรรคไหนก็ได้ ขอแค่ร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินต่อไป




"จาตุรนต์" ติง"คสช." ควรรับฟังความเห็น "บิ๊กจิ๋ว"
 
          นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด ครบ 83 ปี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ได้มาเยี่ยมเยียนพร้อมทั้งอวยพรวันเกิด พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของบ้านเมือง ในอดีตที่ผ่านมาเคยแก้ปัญหาความขัดแย้งมาก่อน จึงเป็นบุคลากรที่ยังทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ในบ้านเมืองกับ พล.อ.ชวลิตมาโดยตลอด ซึ่งพล.อ.ชวลิตเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย มีความห่วงใยต่อบ้านเมือง เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ห่างไกล วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองต้องการความเห็นจากหลายฝ่าย และไม่ต้องการการปิดกั้นความเห็นต่าง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควรรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายโดยเฉพาะความเห็นของ พล.อ.ชวลิต เพราะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มาก และไม่มีความคิดที่จะรวมกลุ่มการเมืองหรือจับกลุ่มอำนาจของกลุ่มความหวังใหม่ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็สามารถทำงานเพื่อบ้านเมืองได้

 
.......................................
(หมายเหตุ ภาพ... ทวีชัย จันทะวงค์)

"ชูวิทย์"โพสFBเปรียบเทียบคดีอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์


หลายปีก่อน ผมเป็นผู้นำเรื่องราวความไม่ชอบมาพากลของ "โครงการโรงพัก 396 แห่ง" มาเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ เพราะความพังพินาศของโครงการ เห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า
เริ่มต้นเซ็นสัญญาเดินโครงการในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ นายกฯชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลุงกำนันคนดีของ กปปส. เป็นเจ้าของโปรเจ็ค
โครงการก่อสร้างอาคารแค่สองชั้นธรรมดาๆ เหมือนโรงพักทั่วไป ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แต่ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 2 รัฐบาลก็ยังไม่แล้วเสร็จ เหลือเป็นซากร้างจนกระทั่งถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลที่ 3
ผมได้นำเรื่องไปร้องเรียนที่ ป.ป.ช. การสอบสวนใช้เวลานานหลายปี จนไม่กี่วันก่อน คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหานายสุเทพ ว่าปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
ส่วนนายอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลในขณะนั้น ไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบ รอดจากข้อกล่าวหาหน้าตาเฉย เพราะ ป.ป.ช. บอกว่าเป็น "ความผิดเฉพาะตัว" ยังไม่มีหลักฐานสาวไปถึง
แตกต่างจากคดีทุจริตจำนำข้าว ที่ ป.ป.ช. บอกว่า แม้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนในการทุจริต แต่มีพฤติกรรม "ส่อ" ว่าจะมีการทุจริต ดังนั้นยิ่งลักษณ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลต้องร่วมรับผิดชอบ
สำหรับประเทศไทยแล้ว "คอรัปชั่น" แปลความหมายได้แตกต่างกันในแต่ละยุคแต่ละสมัย ผมไม่สงสัยเลยว่า ทำไมประเทศไทยถึงแก้ปัญหาคอรัปชั่นไม่ได้เสียที
บางยุคนายกฯต้องร่วมรับผิดชอบกับรัฐมนตรี แต่บางยุคนายกฯก็ไม่ต้องร่วมรับผิดชอบกับรัฐมนตรี แม้จะเห็นว่าเหลือแต่ "ซากความอัปยศ" ตำตา
เป็นยังไงล่ะครับ เราสำลักความเท่าเทียมกันพอหรือยัง?

บิกจิ๋ว ประกาศพร้อมนั่งนายกฯอีกรอบ

"พล.อ.ชวลิต" ประกาศพร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯ อีกรอบ เพื่อประเทศชาติ มั่นใจรัฐธรรมนูญถูกฉีกแน่ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล - See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/647130#sthash.dz1sdjC6.dpuf

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพัก ให้คนใกล้ชิด นักการเมือง ข้าราชการ เข้าอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 83 ปี โดยบรรยากาศคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า มีบุคคลสำคัญทยอยเข้าอวยพร อาทิ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. นายเสนาะ เทียนทอง พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพิทยา พุกกะมาน แกนนำพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวาดะห์ นำโดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เข้าอวยพร พล.อ.ชวลิตกันอย่างคึกคัก

จากนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า วันเกิดปีนี้อยากเห็นประเทศสงบสุข เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีตที่เป็นศูนย์กลางทางการค้า พร้อมขอให้คนไทยหันหน้าเข้าหากัน ส่วนการลงพื้นที่พบชาวนาที่ จ.พระนครศรีอยุธยาของตนที่ผ่านมานั้น ยืนยันว่าเป็นเพียงการลงไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อน และแนะแนวทางให้แก้ปัญหา ไม่มีนัยทางการเมืองหรือต้องการทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาล และที่ผ่านมาได้เดินทางไปหลายจังหวัด ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ แต่ไม่มีใครให้ความสนใจ ทั้งนี้ไม่เสียใจที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลออกมาต่อว่า ว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เพราะตระหนักดีว่าภาระของรัฐบาลมีมาก บางครั้งอาจให้ความดูแลช่วยเหลือเกษตรกรไม่ทั่วถึง ดังนั้นตนเองจึงขอช่วยเหลือในส่วนนี้ 

เมื่อถามว่ารัฐบาลแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ถูกทางหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลเห็นปัญหาหลักของชาติคืออะไร หากรู้ก็จะสามารถแก้ได้ตรงจุด ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าวันนี้ทุกคนมองว่าปัญหาคือต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกภาคส่วนจึงมุ่งไปที่จุดนั้น ในขณะที่ปัญหาปากท้องประชาชน กลับได้รับความสนใจน้อยกว่าทั้งที่มีความสำคัญ อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติ เพราะท้าพนันได้เลยว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะถูกฉีกเหมือนทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนรัฐบาลแน่นอน 

นอกจากนี้ พล.อ.ชวลิต ได้ให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาประเทศ โดยขอให้ทุกคนเห็นใจ โดยเฉพาะการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการบริหารประเทศในภาวะเช่นนี้ในฐานะรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อลดความขัดแย้งและสร้างความปรองดอง ทั้งนี้ไม่มีอะไรต้องชี้แนะนายกรัฐมนตรี เพราะใจส่งถึงกันตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อถามถึงโอกาสในการกลับมาเป็นแกนนำพรรคการเมือง และนั่งเก้าอี้นายกฯ อีกครั้ง พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า หากถามถึงความพร้อม ส่วนตัวก็พร้อม แต่วันนี้ไม่ว่าจะอยู่สถานะใดก็สามารถแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองได้ โดยขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของตัวมันเอง - See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/647130#sthash.dz1sdjC6.dpuf

ปปช.จัดการครม.ยิ่งลักษณ์

15052558 อย่าเสียใจ หากไม่มีรายชื่อ ยังจะมีอีก หากทักษิณกลับมาแล้วถูกล้มอีก
ดูรายชื่อ “34 ครม.+ ยิ่งลักษณ์” ถูก อนุ ป.ป.ช.แจ้งข้อหาเยียวยาเสื้อแดงมิชอบ 
มี เฉลิม นิวัฒน์ธำรง สุรพงษ์โต ณัฐวุฒิแดง จารุพงษ์ ชัชชาติ บุญทรง ฯลฯ
มวลมหาประชาชน ต้องเรียกร้องให้บรรดาเสนาบดีเสนอกนา 34 คน จ่ายเงินคืน

ข่าวโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 

ดูรายชื่อ “34 ครม.+ ยิ่งลักษณ์” ถูก อนุ ป.ป.ช.แจ้งข้อหาเยียวยาเสื้อแดงมิชอบ 
คณะรัฐมนตรีชุดที่ 1 ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (แฟ้มภาพ) 

ดูรายชื่อ “34 ครม.+ ยิ่งลักษณ์” ถูก อนุ ป.ป.ช. แจ้งข้อหา ออกมติ ครม. เยียวยาแดง มิชอบ ไร้อำนาจไม่มีกฎหมายรองรับ 
สั่งแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน ส่วน “อดีตอธิบดีฯ ปกรณ์” รอด แค่ทำตามมติ ครม.

วันนี้ (14 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงถึง
กรณีข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสมัยนั้น 
รวมทั้ง นายปกรณ์ พันธุ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่า 
ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2548 - 2553 โดยไม่มีอำนาจ ไม่มีกฎหมายรองรับนั้น

ทางคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. มีมติว่ากรณีนายปกรณ์นั้น 
ถือเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาในการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ชุมนุมทางการเมือง และเป็นการปฏิบัติตามมติ ครม. 
จึงยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงเพียงพอตามข้อกล่าวหา จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป

ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ ครม. ในขณะนั้น ที่มีมติอนุมัติและจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว โดยไม่มีอำนาจ และไม่มีกฎหมายรองรับ 
ทางคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เห็นว่าเป็นการใช้งบประมาณ จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2 พันล้านบาท 
โดยออกหลักเกณฑ์และอัตราเยียวยาขึ้นมาใหม่ 
และไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีกฎหมายใดมารองรับ และ
ไม่ใช่การใช้จ่ายเงินที่เป็นกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตาม พ.ร.บ. งบประมาณปี 2502

“แต่เป็นการจ่ายเงินลักษณะเงินสงเคราะห์ และเงินจำนวนดังกล่าวมีจำนวนที่สูงมาก 
เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานการเยียวยากรณีอื่นๆ เช่น การจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้”

คณะอนุกรรมไต่สวนฯ จึงมีมติแจ้งข้อกล่าวหาต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ ครม. รวม 34 ราย 
ฐานหลีกเลี่ยง ละเว้น ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 
และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 
ทำให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศ ของประเทศ
ที่ต้องจ่ายเงินเพื่อการดำเนินการดังกล่าวเป็นจำนวน 1,921,061,629.46 บาท 
(หนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกหมื่นหนึ่งพันหกร้อยยี่สิบเก้าบาทสี่สิบหกสตางค์)

โดยผู้ถูกกล่าวหาต้องมาแก้ข้อกล่าวหากับคณะอนุกรรมการไต่สวนภายใน 15 วัน 
หลังจากรับทราบข้อกล่าวหา 
ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ช. ได้ทยอยส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยังบุคคลทั้งหมดให้ได้รับทราบแล้ว.

ย้อนรอย มติ ครม. ไร้กฎหมายรองรับ ใครอยู่ใน ครม. ชุดนั้นบ้าง 
มีรายงาน คณะรัฐมนตรีชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ของรัฐบาล 
1.นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกอบด้วย 
2. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ปคอป. 
3.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี
4.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง
5.พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรองนายกรัฐมนตรี
6.นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
7.นางนลินี ทวีสิน อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
8.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
9.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม
10.นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีตรมช.คลัง
11.นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตรมช.คลัง
12.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ
13.นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
14.นายธีระ วงศ์สมุทร อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์
15.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์
16.นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ อดีตรมว.คมนาคม
17.พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรมช.คมนาคม
18.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมช.คมนาคม
19.นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
20.น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
21.นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ อดีตรมว.พลังงาน
22.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์
23.นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีตรมช.พาณิชย์
24.นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ อดีตรมช.มหาดไทย
25.นายฐานิสร์ เทียนทอง อดีตรมช.มหาดไทย
26.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรมว.ยุติธรรม
27.นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีตรมว.แรงงาน
28.นายสุกุมล คุณปลื้ม อดีตรมว.วัฒนธรร
ม29.นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
30.นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช อดีตรมว.ศึกษาธิการ
31.นายศักดา คงเพชร อดีตรมช.ศึกษาธิการ
32.นายวิทยา บุรณศิริ อดีตรมว.สาธารณสุข
33.นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีตรมช.สาธารณสุขและ
34.ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ อดีตรมว.อุตสาหกรรม

ทั้งนี้ แม้หลายรัฐบาลจะมีกฎหมายในการจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีต่างๆ 
ก็ไม่เคยใช้อำนาจพิเศษนอกเหนือเหมือนกันรัฐบาลปัจจุบัน ที่ไม่อิงกฎหมาย
แล้วยังออกมติ ครม. โดยไม่มีกฎหมายรองรับอีก 
ในขณะที่วงเงินที่ คอป. เสนอก็ให้จ่ายไม่เกินรายละ 3.2 ล้านบาท

โดยรายชื่อผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองครั้งนั้น 
จำนวนทั้งสิ้น 522 ราย 
โดยเป็นผู้เสียชีวิต จำนวน 44 ราย 
ทุพพลภาพ 6 ราย 
บาดเจ็บสาหัส 56 ราย 
บาดเจ็บทั่วไป 177 ราย 
และบาดเจ็บเล็กน้อย 239 ราย.

เสื้อแดงUSAยื่นนส.ครองเกรส


สิ...RED USA เริ่มสู้แระได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงสภาคองเกรสของสหรัฐอย่างเป็น
ทางการให้ประเทศไทยหยุดละเมิดสิทธิมนุษย์ชน…ฯลฯ..

RED USA คือกลุ่มคนไทยที่เรียกร้องและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษย์ชนในสหรัฐมาอย่าง​เสมอต้นเสมอปลาย...

กิจกรรมฟ้องโลกของ RED USA ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐประหาร 22 พฤษภา ที่มีผู้ร้องเรียนต่อสภาคองเกรสอย่างเป็นทางการ และสภาคองเกรสได้นำขีอเรียกร้องเข้าสู่ขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว..

การเรียกร้องของ RED USA สร้างความชอบธรรมให้สหรัฐอเมริกาและนานาอารยะประเทศสามารถออกมาตรการที่เป็นรูปธรรมก​ดดันประเทศไทยได้…
เนื่องจากผู้ร้องมีตัวตน มีเอกสารร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างเป็นทางการ และมีการแถลงด้วยวาจาต่อหน้าวุฒิสมาชิกและสส. อเมริกันและต่อหน้าตัวแทนองค์การสิทธิมนุษยชนมากมายรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย..

RED USA เรียกร้องให้ประชาคมโลกและผู้ที่เข้าร่วมประชุมในวันนั้นซึ่งมีทั้งวุฒิสมาชิกและสมา​ชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐบาลอเมริกัน ตัวแทนจากองค์กรสิทธิมนุษยชนระดับโลก สื่อมวลชน และองค์กรสิทธิมนุษยชนจากหลายประเทศให้ร่วมกันกดดันประเทศไทยให้หยุดละเมิดสิทธิมนุษ​ยชน ให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯมาตรา 112 ให้ยกเลิกมาตรา 44 ให้ปลดปล่อยนักโทษการเมืองทุกคนและให้คืนประชาธิปไตยสู่ประชาชนผ่านการเลือกตั้งโดยเ​ร็ว

วันที่ 11 พฤษภาคมของทุกปีคือวัน VIETNAM HUMAN RIGHTS DAY ตามที่ประธานาธิบดีบิล คลินตันได้ลงนามประกาศเป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 1994 และวันที่ 11 พฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมา เป็นการประชุมประจำปีครั้งที่ 21 เพื่อรำลึกถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศเวียตนามหรือ VIETNAM HUMAN RIGHTS DAY จัดขึ้นที่ Russell Senate Office Bldg., Room 325, Washington, DC. มีตัวแทนระดับเบอร์หนึ่งของหน่วยงานหลายแห่งเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้อาทิ Amnesty International, Human Rights Watch, Freedom Now, American Federation of Labor and Congress of Industrial Organizations, Robert F. Kennedy Center for Justice and Human Rights และ VOA เป็นต้น

RED USA ขอใช้ข้อเขียนนี้ส่งความขอบคุณจากใจถึง Dr. Quan Nguyen, President of The Vietnamese American Communities of USA และ Dr. Richard Saisomorn, President of The Laotian New Generation Democracy Movement ที่เป็นลมใต้ปีกเปิดโอกาสให้ RED USA ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมและเสนอข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการเป็นกรณีพิเศษต่อสภาค​องเกรสของประเทศสหรัฐอเมริกาในการประชุมครั้งนี้

RED USA ขอขอบคุณ Peter Stockton อดีตนายทหารแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯที่อาสาเป็นตัวแทนของ RED USA ในการประชุมและแถลงข้อเรียกร้องต่อสมาชิกสภาคองเกรส ผู้เข้าร่วมประชุมและต่อประชาคมโลกในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

คลิปรายละเอียดของการประชุมและคลิปข้อเรียกร้องของ RED USA ต่อที่ประชุมในวันนั้นจะนำเสนอผ่านสังคมออนไลน์ในโอกาสต่อไป


RED USA
May 13, 2015

[Image: bXRZeh2.jpg]


[Image: ARkUITS.jpg]