PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

"คำพิพากษา" คดีนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล

"คำพิพากษา" 
คดีนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล 




วีระ FB ถามผู้มีอำนาจปล้อยยิ่งลักษณ์หนี

ยิ่งลักษณ์เลือกหนีออกนอกประเทศ โดยไม่ไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค.2560 มีประเด็นต้องพิจารณาดังนี้
1. ยิ่งลักษณ์ต้องหนีเพราะทราบผลคำพิพากษาล่วงหน้าว่าจะเป็นโทษต่อเธอ
มีผู้ใดนำผลคำพิพากษามาแจ้งแก่ยิ่งลักษณ์
คดีสำคัญๆทำไมจำเลยมักทราบผลคำพิพากษาล่วงหน้า แสดงว่าระบบการรักษาความลับของศาลไทยมีปัญหาใช่หรือไม่?
ถ้าเป็นเช่นนี้รัฐบาลต้องหาตัวคนที่แอบเอาความลับของศาลไปบอกแก่ยิ่งลักษณ์ มิฉะนั้นรัฐบาลอาจตกเป็นจำเลยเสียเอง
2. ถ้าไม่เกี่ยวกับคำพิพากษารั่ว อาจจะมีผู้ใดที่คงมี Power มากทีเดียว ไปบีบหรือเสนอต่อรองกับยิ่งลักษณ์ ให้เลือกหนีออกนอกประเทศ เพื่อจะได้ไม่ต้องติดคุกและไิม่ต้องหมดตัว โดยคนกลุ่มนี้ต้องการไล่ยิ่งลักษณ์ ให้ออกไปจากประเทศและให้ออกไปจากการเมือง (การสืบทอดอำนาจของใครบางคนก็จะราบรื่น)
ถ้าเป็นเช่นนี้รัฐบาลต้องไปลากตัวไอ้คนชั่วคนนั้นมาลงโทษให้ได้ มิฉะนั้นรัฐบาลอาจตกเป็นจำเลยเสียเอง
3. ภายใต้อำนาจเผด็จการที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดและอย่างเข้มแข็งของ คสช. ถ้าไม่มีคนทรยศต่อชาติ แอบหรี่ตาหรือช่วยพายิ่งลักษณ์หนี ยิ่งลักษณ์คงไม่สามารถเล็ดรอดออกนอกประเทศได้อย่างแน่นอนใช่หรือไม่?
ถ้าเป็นเช่นนี้รัฐบาลต้องไปลากตัว ไอ้คนทรยศต่อชาติคนนั้นมาลงโทษให้ได้ มิฉะนั้นรัฐบาล คสช. อาจตกเป็นจำเลยเสียเอง
4. ถ้ารัฐบาล คสช. ไม่จริงใจในการหาความจริงเกี่ยวกับการหลบหนีของยิ่งลักษณ์ ให้คนทั้งโลกเชื่อถือและยอมรับได้ รัฐบาล คสช. ก็จะไม่มีความน่าเชื่อถืออีกต่อไป
ปล. อย่าลืมว่าคดีนี้เป็นคดีสำคัญ ศาลฎีกาฯมีคำสั่งห้ามจำเลยเดินทางออกนอกประเทศ ผู้นำประเทศก็เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ไม่ต้องเป็นห่วงว่ายิ่งลักษณ์จะหนี เพราะยิ่งลักษณ์อยู่ในสายตาของรัฐบาลตลอดเวลา แต่ทำไมยิ่งลักษณ์จึงสามารถหนีออกนอกประเทศได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
มันเกิดอะไรขึ้น?
ใครจะตอบคำถามนี้ได้บ้าง?

หนีไปแล้ว

หนีไปแล้ว
วันนี้ผมไปที่ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ตั้งแต่เช้าตรู่ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระจายกำลังปิดล้อมพื้นที่ และตรวจตราผู้เข้าออกอย่างเข้มงวด กองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากทั้งไทยและต่างชาติ แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์จากประเทศเยอรมนียังมาทำข่าว
09.15 น. ผมพบมวลชนยืนรอให้กำลังใจริมถนนแจ้งวัฒนะหน้าศาลฎีกาฯ รอ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาศาล แต่ก็ยังไร้วี่แวว
09.30 น. ผมได้พบกับ คุณมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล พี่สาวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงได้ถือโอกาสสอบถาม แกบอกว่า คิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ น่าจะมา เพราะเมื่อวานยังคุยกันอยู่ ส่วนอาการป่วยเป็นไปได้ เพราะอาจเกิดความเครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอ วันนี้มาให้กำลังใจพร้อมครอบครัว
09.45 น. ทนายความแจ้งต่อศาลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ป่วยกะทันหัน ด้วยโรค “น้ำในหูไม่เท่ากัน” มีอาการวิงเวียนศรีษะอย่างแรง ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ แต่โจทก์แถลงคัดค้านว่า “ไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยจริงเนื่องจากไม่มีใบรับรองแพทย์ และอาการป่วยที่อ้างไม่ถึงขนาดที่จะเดินทางมาศาลไม่ได้”
ศาลพิเคราะห์แล้ว ไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยขนาดเดินทางมาศาลไม่ได้ พฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยหลบหนี จึงให้ออกหมายจับจำเลย ปรับนายประกันเต็มตามสัญญา และเลื่อนไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 กันยายน 2560
ผมว่าหากคนป่วยจริง เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีคงจะหาใบรับรองแพทย์ไม่ยาก และที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์มาศาลทุกครั้งไม่เคยขาดแม้แต่ครั้งเดียว
ต่อมามีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกตามเส้นทางธรรมชาติไปสู่ประเทศกัมพูชา หากเป็นจริงคงต้องมั่นใจอย่างมากว่าคนที่พาไปและเส้นทางที่ไปต้องปลอดภัย 100% ไม่ใช่ทะเล่อทะล่าแล้วไปถูกจับ
คงมีคน “เปิดทาง” ให้
ยิ่งหนีไป รัฐบาลเขายิ่งชอบ เพราะหากอยู่ก็เป็นปัญหาหนักอก กลืนไม่เข้า คายไม่ออก
ฮุนเซนอำนวยความสะดวก ทักษิณส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ ขึ้นฟ้าแล้วจะบินไปไหนก็ได้ ขอลี้ภัยทางการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ส่วนคดีระบายข้าวจีทูจี ที่นายบุญทรง เตริยาภิรมน์ เป็นจำเลยพร้อมกับพวกอีก 28 ราย หนีไปเสีย 2 ราย อยู่ในคุกแล้ว 1 ราย
ศาลลงหนักถ้วนหน้า นายบุญทรงโดนไป 42 ปี นายภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยง (อยู่ในคุกอยู่แล้ว) เจ้าของบริษัทสยามอินดิก้า โดน 48 ปี
จำเลยอื่นๆ ลดหลั่นกันไปตามพฤติการณ์คนละ 20-30 ปี ไม่ว่าระดับอธิบดี ผอ. ข้าราชการ แถมยังต้องชดเชยเงินกันอีกเป็นหมื่นล้าน
แรกๆคดีนายบุญทรงจะอ่านตอนเช้า คดียิ่งลักษณ์อ่านตอนบ่าย แต่ทั้งสองคดีมีความเกี่ยวพันต่อเนื่องกัน เป็นคดีเกี่ยวกับนโยบายจำนำข้าว ศาลจึงให้มาพร้อมกัน
หากคดีนายบุญทรงผลออกมาดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็สามารถกลับมาฟังคำพิพากษาได้
แต่เมื่อผลออกมานายบุญทรงโดนหนักขนาดนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงไปไม่กลับ และรู้แล้วว่า คำพิพากษาลับหลังในวันที่ 27 กันยายนนี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร

"บิ๊กตู่" ส่งสัญญาณ ถึง"ปู" ขอให้เข้ามาต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ลั่นให้เกียรติ แค่ทำตามหน้าที่

"บิ๊กตู่" ส่งสัญญาณ ถึง"ปู" ขอให้เข้ามาต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ลั่นให้เกียรติ แค่ทำตามหน้าที่ /วอนเลิกแบ่งแยกสี ย้ำไทยมีสีเดียวคือสีธงชาติ ลั่น ไม่มีใครเกลียด เลือดสีแดงได้แดงมันคือเลือด จะใครมีเลือดสีอื่นบ้าง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ไม่ได้เอ่ยชื่อ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์" แต่ กล่าว ในตอนหนึ่ง ว่า รู้สึกเป็นห่วงเด็กรุ่นหลังไม่รู้จักนิทานอีสป คำเทียบคำเปรียบเปรย บางครั้งการพูดคาดลูกคาบดอก ก็ไปตีความกันผิด บางครั้งผม ก็พูดคาบลูกคาบดอก แรงบ้าง เบาบ้าง ก็เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ในวันนี้
"วันนี้ผมให้เกียรติทุกคน ผมไม่เคยไปอะไรกับใคร ผมให้เกียรติ แต่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องไปดูกันเอง
ขอให้ยอมรับในการกระบวนการยุติธรรม เข้ามาต่อสู้กันเท่านั้นเอง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
มนุษย์เรา คนเราดูถูกกันไม่ได้ ก็ให้ความเป็นธรรมกับเขา และเขาเองก็ต้องรักษากติกา แค่นี้เองหน้าที่ของผม และไม่ใช่เรื่องที่ผมมาทำให้มันเกิด มันเกิดมาก่อนหน้าผมอยู่แล้ว
วันนี้ไม่มีพวกมาต่อต้านหรือไม่ ไม่มี เลิกมีได้แล้ว เรื่องสีสัน พอ วันนี้มีสีเดียวคือสีธงชาติ จะสีอะไรก็ไม่รู้ แต่เป็นสีธงชาตินั้นแหละ จะไปเกลียดสีแดงได้อย่างไร สีแดงมันคือเลือด จะใครมีเลือดสีอื่นบ้างเล่า ทุกคนก็มีเลือดสีแดงทั้งนั้น ยกเว้นมีแต่คนไปทำสี เสียใช่หรือไม่"นายกฯกล่าว
เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีมอบถ้วยรางวัล Thailand Management Excellence Award 2017 ให้แก่สถานประกอบการดีเด่น

"บิ๊กป้อม" เชื่อ "ยิ่งลักษณ์" อาจหนี



"บิ๊กป้อม" เชื่อ "ยิ่งลักษณ์" อาจหนี
ออกนอกประเทศ ทาง"เกาะช้าง" มีหลายช่องทาง ยัน ไม่ได้ช่วยเปิดทางให้หนี ยอมรับ คาดไม่ถึงว่าจะหนี เพราะยืนยัน ไม่หนีมาตลอด ลั่นหาก ขรก.หรือ ทหาร ช่วยให้หนี จะโดนโทษหนัก เผยหน่วยมั่นคงรายงาน “ปู"ไม่ออกจากบ้านพักมา 2 วัน

ให้สัมภาษณ์ ครั้งที่2 หลังประชุม....... ..พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหลบหนีออกนอกประเทศ ตั้งแต่คืนวันที่ 23 ส.ค. โดยมีรถของราชการระดับสูง พาหลบหนีไปตามเส้นทางเกาะช้าง เข้าประเทศกัมพูชา โดยมีปลายทางอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า อาจเป็นไปได้ว่าหนีไปแล้วจริงๆ เพราะมีเส้นทางการหลบหนีหลายเส้นทาง คิดว่าอาจเป็นไปได้เพราะทางออกมันเยอะ
" ไม่รู้ว่าจะไปทางเกาะช้างหรือเกาะอะไร หรือเปล่า"
แต่ ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันผ่านสื่อมาโดยตลอดว่า จะไม่หลบหนี ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะหลบหนี
พร้อมยืนยันว่าฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ หรือ เปิดช่องทางให้มีการหลบหนี
เพราะที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงก็ได้ติดตาม และดูแลตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด และตรวจสอบต่อไปว่าใช้เส้นทางใดในหลบหนี
ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าหลบหนีไปเส้นทางใด มีแต่กระแสข่าวว่าใช้เส้นทางเกาะช้างหลบหนี
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณี ที่มีการข่าวว่า มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พานางสาวยิ่งลักษณ์หลบหนีว่า ซึ่งหากรู้ว่าเป็นใคร ต้องได้รับโทษตามกฎหมายและหากเป็นทหาร ก็ต้องสั่งปลดออกจากตำแหน่งทันที
ส่วนกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้านั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ผมไม่แน่ใจว่า มีการเตรียมการล่วงหน้าหรือไม่
ส่วนการเผยแพร่ภาพที่มีการทำบุญผ่านโซเชียลก่อนหน้านี้ เพื่อพร่งความเคลื่อนไหว นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ซึ่งนับจากนี้ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนจะมีการตั้งทีมติดตามตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ อีกทั้ง ศาลยังไม่มีการพิพากษาเป็นที่สิ้นสุด หากจะตามก็คงตามในเฉพาะคดีที่ศาลออกหมายจับเท่านั้น
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าฝ่ายความมั่นคงได้มีการติดตามความเคลื่อนไหว น.ส.ยิ่งลักษณ์ พบว่าไม่ได้ออกจากบ้านมา 2 วันแล้ว
ส่วนกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าในวันนี้จะไม่เดินทางมาศาลนั้น ตนไม่ทราบ สื่อมวลชนคิดไปเองทั้งนั้น
ส่วนจะเป็นการวางด้วยตัวเอง หรือมีคนวางแผนให้นั้น ตนไม่ทราบเพราะตนไม่ใช่นางสาวยิ่งลักษณ์

คาดไม่ถึง นึกว่าจะมา ยังคิดว่า กล้าหาญ ?.."บิ๊กตู่"ถาม"ปู"



คาดไม่ถึง นึกว่าจะมา ยังคิดว่า กล้าหาญ ?.."บิ๊กตู่"ถาม"ปู"
"บิ๊กตู่" สั่ง "ฝ่ายความมั่นคง" ตามหาตัว"ยิ่งลักษณ์" ให้ตรวจจุดเข้าออกประเทศ ชายแดน เผย นึกว่าจะมา ยังคิดว่า กล้าหาญ ยอมรับคาดไม่ถึง ว่าจะหนี แต่ใครช่วยให้หนี ชี้ อยู่ที่ประชาชนจะให้ทำอะไร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มารับฟังคำพิพากษาคดีว่า ได้รับรายงานแล้ว เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอเลื่อนรับฟังคำพิพากษา ซึ่งการอ้างป่วย ก็เป็นเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขอเลื่อน แต่ศาลไม่อนุญาต และการที่ศาลออกหมายจับ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมด้วย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เกี่ยวเพราะเป็นผู้บริหารประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า"ผมสั่งกระบวนการยุติธรรมได้หรือไม่ เขาทำตามกฏหมายหรือเปล่าล่ะ

"ผมทำได้แต่เพียงว่า กำชับฝ่ายความมั่นคงให้ดูแล้ว ป่วยจริงหรือเปล่า อยู่ที่ไหน "
พร้อมกำชับดูเรื่องเส้นทางเข้าออกทั้งช่องทางปกติและไม่ปกติ ซึ่งต้องดูตรงนั้น
"เมื่อเช้ายังนึกดีใจอยู่ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนกล้าหาญ มารับการพิจารณา
แต่ต่อมาได้รับการแจ้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มา เพราะป่วย ปัญหาน้ำในหู"
เมื่อถามว่า ได้รับแจ้งหรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ในประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการรายงานเข้ามา แต่ให้ดูอยู่แล้ว ซึ่งยังไม่พบอะไร ขณะนี้ยังหาตัวอยู่
เมื่อถามว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่จะกระทบต่อกระบวนการปรองดองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชนจะไปอะไรกับเขา
"เขาไม่อยู่แล้ว เขาจะไปไหน แล้วใครทำให้เขาไป รัฐบาลหรือ เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมายถ้าไม่อยู่แล้วกฏหมายว่าอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีหมายอะไรหรือไม่ ก็ไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นหมายเรียกหมายจับ อีก 1 เดือนก็พิจารณาใหม่ ถ้าไม่มาก็เป็นเรื่องใหญ่โต
"แล้วทำไมไม่เข้าไปอยู่ในระบบ ในเมื่อมั่นใจ ผมก็ให้เกียรติ เข้าไปอยู่ในระบบสิครับ บรรดาคนที่มาอออยู่ที่ศาล มากันทำไม มาแล้วทุกอย่างวุ่นวาย ปั่นป่วน เพราะคนมันเยอะ ไหนจะคนรอบๆข้าง วุ่นวายไปอีก
ตอนแรกก็ว่าดีที่บอกจะมาฟังคำพิพากษา ผมก็สบายใจ ซึ่งศาลเขาก็ดูแลในส่วนของการพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรม แต่ไม่มาเพราะว่าป่วย ป่วยแล้วแต่ยังหาตัวไม่เจออยู่เลย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จากนี้กังวลหรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมาหรือไม่มา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า"คนกังวล ไม่ใช่ผม เขาต้องเป็นคนกังวล เพราะเป็นคนโดนคดี
ในเมื่อบอกว่าไม่มีอะไรผิดก็ต้องสู้คดีให้ได้ แล้วกฎหมายเขาก็ช่วยแก้ปัญหาแล้ว กฎหมายใหม่สามารถอุทธรณ์ได้ด้วย แต่การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่อยู่หมายความว่าอย่างไร จะบอกว่าไม่เป็นธรรมอีกหรือไม่
เมื่อถามว่า แสดงว่ามีเจตนาจะหลบหนีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ต้องไปถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาถามผมแล้วจะรู้ไหมล่ะ เพราะผมไม่ใช่ น.ส.ยิ่งลักษณ์
เมื่อถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถอุทธรณ์ ได้ภายใน30 วัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "สื่อฯ ก็รู้พูดไปหลายครั้งแล้ว และศาลเองก็พูด"
เมื่อถามว่าจะมีการประเมินหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมไม่เคยประเมิน ไม่เคยตัดสินก่อนศาล เพราะผมไม่ใช่ผู้พิพากษา ผมไม่ได้เรียนกฎหมาย"
เมื่อถามว่า คิดก่อนหรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะหนีไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่เคยคิด เพราะท่านแสดงว่าจะมาต่อสู้คดีมาโดยตลอด แล้วบรรดาพรรคเพื่อไทยก็ออกมาบอกว่าจะสู้คดีแน่นอน แต่ถ้าไม่สู้แล้วจะเชื่อมั่นกันได้หรือไม่
ขอให้ไปดูคนอื่นด้วยที่เคลื่อนไหวกันอยู่ขณะนี้ ทุกคนออกมาพูดบอกว่าจะมาเจอกันโดยจะมากันทั้งหมด แล้วทำไมไม่มา ขอให้ไปถามคนที่มีปัญหา อย่ามาถามผมเลย เพราะผมไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ผมกำลังทำเรื่องที่สร้างสรรค์"
เมื่อถามว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่นั้นจะทำให้มวลชนแผ่วลงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ประชาชนคือประชาชนคนไทย ไม่ใช่คนของใคร ความรักเป็นเรื่องของแต่ละคน แต่หากทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไม่ว่าจะพวกไหนก็ตาม จะมีปัญหากับกฎหมายทั้งสิ้น ทุกพวก

เผยเหตุที่”ปู”ตัดสินใจออกนอกประเทศพร้อม”ไปป์”ลูกชาย พอถึงสิงคโปร์ก็บินไปดูไบทันที

เผยเหตุที่”ปู”ตัดสินใจออกนอกประเทศพร้อม”ไปป์”ลูกชาย พอถึงสิงคโปร์ก็บินไปดูไบทันที


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
หลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเลยขอเลื่อนฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว โดยอ้างว่ามีอาการป่วย น้ำในหูไม่เท่ากัน วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ แต่องค์คณะพิจารณาแล้วไม่น่าเชื่อว่าอาการป่วยของจำเลย จะไม่สามารถเดินทางมาฟังได้ อีกทั้งไม่มีใบรับรองเเพทย์ อันเชื่อได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และปรับนายประกันเต็มจำนวน และนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 27 ก.ย.2560 เวลา 09.00 น.

ความคืบหน้าเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปทำบุญกราบไหว้สมเด็จโตที่วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นมีข้อมูลว่าวันที่ 24 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์แล้ว ขณะเดียวกันมีข้อมูลอีกว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์เช่นเดียวกัน

รายงานข่าวเปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางออกจากประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติทางชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ หรือสนามบินโปเชงตง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงพนมเปญไปทางตะวันตก 7 กิโลเมตร ก่อนบินตรงไปประเทศสิงคโปร์ แล้วบินต่อไปประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือดูไบ ต่ออีกทอด

นอกจากนี้มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางออกนอกประเทศครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้พา”น้องไปป์”ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชายวัย 15 ปีเดินทางไปด้วย โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ติดสินใจออกนอกประเทศพร้อมลูกชาย ก็เพราะเป็นห่วงว่าหากมีคำพิพากษาให้จำคุก จะทำให้ขาดคนดูแลลูกชายคนเดียว จึงตัดสินใจพาลูกชายเดินทางออกนอกประเทศไปด้วย

เปิดปูม 9 ผู้พิพากษา ชี้ชะตา 'ยิ่งลักษณ์'

เปิดปูม 9 ผู้พิพากษา ชี้ชะตา 'ยิ่งลักษณ์'
  • 24 สิงหาคม 2560 เวลา 06:33 น. |


เปิดปูม 9 ผู้พิพากษา ชี้ชะตา 'ยิ่งลักษณ์'
- +
เหลือเพียงอีกหนึ่งวัน คือวันที่ 25 ส.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในข้อหาปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และคดีการทุจริตการระบายข้าวแบบจีทูจี ที่มี "บุญทรง เตริยาภิรมย์"อดีต รมว.พาณิชย์ และ "ภูมิ สาระผล" อดีต รมช.พาณิชย์ พร้อมพวก 28 คน
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ทั้งนี้ ก่อนจะถึงวันพิพากษา ย้อนกลับไปดูถึงที่ไปที่มาและประวัติขององค์คณะผู้พิพากษาที่จะทำหน้าที่ตัดสินคดีนี้ ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้เลือกไว้ 9 คน โดยมีประวัติผลงานในการตัดสินคดีสำคัญทางการเมืองที่น่าสนใจดังนี้
1.ชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกาและว่าที่ประธานศาลฎีกาคนใหม่ ผลงานเมื่อครั้งเป็นอดีตอธิบดีศาลผู้พิพากษาศาลอาญา ได้ทำบันทึกแย้งคำพิพากษาขององค์คณะศาลอาญาที่สั่งยกฟ้อง ศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร กับพวก รวม 5 คน ในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ยอมเก็บภาษี คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่โอนหุ้น บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ มูลค่า 738 ล้านบาท ให้กับ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม เมื่อปี 2540 ซึ่งการทำบันทึกความเห็นแย้งของอธิบดีศาล ต่อองค์คณะผู้พิพากษาในศาล ปกติไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เรื่องนี้จึงได้รับความสนใจจากหลายฝ่ายอย่างกว้างขวาง
ล่าสุด ชีพเป็นองค์คณะตัดสินยกฟ้องคดี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมพวก สั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดล้อมรัฐสภา
2. ไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากร เป็นหนึ่งในองค์คณะตัดสินจำคุก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.ไอซีที แปลงสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมเอื้อประโยชน์กลุ่มชินคอร์ป 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา และยังเคยเป็นองค์คณะพิพากษาให้ยึดทรัพย์ของ นฤมล หรือ ณัฐกมล หรือ ณฐกมล หรือ อินทร์ริตา นนทะโชติ หรือ นนทะ วัชรศิริโชติ อดีตข้าราชการประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและพลังประชาชน 68 ล้านบาท
3.ธนสิทธิ์ นิลกำแหง ประธานแผนกคดีเลือกตั้ง เป็นองค์คณะตัดสินยกฟ้องคดีสมชาย และเคยเป็นองค์คณะพิพากษาให้ยึดทรัพย์นฤมล
4.ธนฤกษ์ นิติเศรณี รองประธานศาลฎีกา ว่าที่ประธานศาลอุทธรณ์ เป็นองค์คณะตัดสินยกฟ้องคดีสมชาย และยังเคยเป็นองค์คณะผู้พิพากษาตัดสิทธิ ปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ผู้สมัคร สส.เขต 8 จ.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ลงเล่นการเมือง 5 ปี ข้อหาแจ้งทรัพย์สินเท็จ เมื่อครั้งเป็น สส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) เมื่อปี 2551
5.วิรุฬห์ แสงเทียน รองประธานศาลฎีกา เคยเป็นองค์คณะผู้พิพากษา กรณีปุระพัฒน์เช่นกัน
6.โสภณ โรจน์อนนท์ ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นองค์คณะตัดสินยกฟ้องคดีสมชาย
7.พิศล พิรุณ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว เป็นองค์คณะตัดสินยกฟ้องคดี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมพวก สั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดล้อมรัฐสภา
8.อุบลรัตน์ ลุยวิกกัย ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อม เจ้าของสำนวนในคดีตัดสินจำคุก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.ไอซีที แปลงสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมเอื้อประโยชน์กลุ่ม ชินคอร์ป 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา
9.ธานิศ เกศวพิทักษ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เคยตัดสินคดีสำคัญในอดีตครั้งดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คือ ยุบพรรคไทยรักไทย เป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาคดียึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 4.6 หมื่นล้านบาท และเป็นองค์คณะตัดสินจำคุก ประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย 12 ปี ฐานร่วมกันทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง กรุงเทพมหานคร
ขณะที่องค์คณะผู้พิพากษาในคดีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ของบุญทรง ซึ่งมีองค์คณะผู้พิพากษาทั้งหมด 9 คน โดยใน 5 คน เป็นองค์คณะเดียวกับคดี "ยิ่งลักษณ์" คือ ธนฤกษ์ ไสลเกษ วิรุฬห์ ชีพ และพิศล ส่วนที่เหลือ คือ ทัศนีย์ จั่นสัญจัย ธรรมเกณฑ์ พฤษภา พนมยันตร์ นวลน้อย ผลทวี และอภิรัตน์ ลัดพลี
บรรยายภาพ -ชีพ จุลมนต์,ธนฤกษ์ นิติเศรณี,โสภณ โรจน์อนนท์,พิศล พิรุณ,วิรุฬห์ แสงเทียน 

“ยิ่งลักษณ์”ขึ้นเครื่องที่สนามบินโปเชนตง-พนมเปญ ก่อนบินตรงไปสิงคโปร์

“ยิ่งลักษณ์”ขึ้นเครื่องที่สนามบินโปเชนตง-พนมเปญ ก่อนบินตรงไปสิงคโปร์

หลังจากที่นายชีพ จุลมนต์ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนรายงานกระบวนการพิจารณาคดีจำนำข้าวก่อน โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเลยขอเลื่อน โดยด้างว่ามีอาการป่วย น้ำในหูไม่เท่ากัน วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้
องค์คณะพิจารณาแล้วไม่น่าเชื่อว่าอาการป่วยของจำเลย จะไม่สามารถเดินทางมาฟังได้ อีกทั้งไม่มีใบรับรองเเพทย์ อันเชื่อได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และปรับนายประกันเต็มจำนวน และนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 27 ก.ย.2560 เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปทำบุญกราบไหว้สมเด็จโตที่วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นมีข้อมูลว่าวันที่ 24 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์แล้ว ขณะเดียวกันมีข้อมูลอีกว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์เช่นเดียวกัน
 รายงานข่าวเปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางออกจากประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติทางชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ หรือสนามบินโปเชงตง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงพนมเปญไปทางตะวันตก 7 กิโลเมตร ก่อนบินตรงไปประเทศสิงคโปร์

จำคุก "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีต รมว.พาณิชย์ 42 ปี

15:00 ศาลฎีกานักการเมือง พิพากษาจำคุก "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีต รมว.พาณิชย์ 42 ปี ข้อหาโกงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ "ภูมิ สาระผล" อดีต รมช.พาณิชย์ โดน 36 ปี "เสี่ยเปี๋ยง" 48 ปี คุมตัวส่งเรือนจำ #INN