PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บก.ลายจุดหวั่น เสียงนกหวีดอาจปลุกไทยเฉย 17 ล้านเสียง ทำเพื่อไทยซดแห้วหากยุบสภา


Nuling
สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนอน กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงวิพากษ์รัฐเดินหมากผิด จนต้องหนีตายออกจากซอยทิ้งทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอดประชาชนมีความชอบธรรมที่จะออกมาคัดค้าน มวลชนเสื้อแดงและเพื่อไทยร้าวหนัก จนอาจตั้งพรรค “เสื้อแดง”ขึ้นมาเอง ชี้หากยุบสภาวันนี้ไม่แน่ว่าจะได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาหรือไม่ ยืนยันเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อสั่งสอนนักการเมืองให้ตระหนักว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
บก.ลายจุด กล่าวว่า นักประชาธิปไตยใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ ส่วนนักเลือกตั้งนั้นใช้ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือ คนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องการนักประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยมีแต่นักเลือกตั้ง เราจึงต้องใช้คนพวกนี้ไปก่อนชั่วคราว โดยหวังว่าในอนาคตจะมีนักเลือกตั้งที่เป็นนักประชาธิปไตย ส่วนตัวเชื่อว่าทั้งคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงต่างก็มีคนที่มุ่งหวังให้ประชาธิปไตยในประเทศก้าวหน้า ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายก็มีผู้ที่เข้ามาหาประโยชน์จากการแบ่งขั้ว ส่วนกลุ่มคนที่ออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้นตนเห็นว่ามีความชอบธรรมสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนตระหนักถึงความเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง แต่การเอาตัวบุคคลหรือสถาบันมาเป็นข้ออ้างในการพูดเรื่องประชาธิปไตยฟังดูไม่เป็นเหตุเป็นผลทำให้คนพวกนี้ดูล้าหลัง ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มต้นรู้สึกถึงความเป็นประชาธิปไตยจากการตระหนักว่าเสียงของพวกเขาสามารถกำหนดรัฐบาลได้ ทำให้รู้สึกมีอำนาจ แต่การรัฐประหาร 2549 เป็นการปฏิเสธเสียงของพวกเขา เป็นที่มาของการต่อสู้เรียกร้อง ตนอยากจะบอกประชาชนทุกกลุ่มว่าสังคมไทยกำลังขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ตนเชื่อว่าปลายทางสังคมไทยจะต้องเป็นประชาธิปไตยแน่ แต่มาจากคนละทิศทางแม้จะมีจุดหมายเดียวกันทำให้เกิดความขัดแย้ง กลุ่มเสื้อเหลืองยึดสถาบันกษัตริย์เป็นสัญลักษณ์ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงพูดถึงเรื่องโครงสร้างมากกว่าแต่ก็ยังคงยึดตัวบุคคลคือมอง พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นเสมือนเทพเจ้า ตนตั้งข้อสังเกตว่าสังคมไทยไม่ชอบคุยเรื่องนามธรรมจนกลายเป็นความขัดแย้งที่ตัวบุคคลแทนที่จะขัดแย้งกันในหลักการ ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงขณะนี้เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากและถือเรื่องเหลือเชื่อ เพราะนับเป็นครั้งแรกที่เสื้อแดงส่วนใหญ่กว่า 80% รู้สึกโกรธและไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่าคนเสื้อแดงรู้สึกว่าคะแนนเสียงของตัวเองมีอำนาจเหนือนักการเมือง และการที่พรรคเพื่อไทยพลักดัน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ก็เป็นการยืนยันว่านักการเมืองไทยนั้นแย่ เหมือนกับที่กลุ่มเสื้อเหลืองกล่าวหาจริงๆ แต่กระนั้นก็เชื่อว่าเสื้อแดงส่วนนึงจะยังปกป้องรัฐบาลนี้จากการถูกไล่ให้ยุบสภา การแถลงของ นปช. เมื่อวานนี้ ( 6 พ.ย. 2556 ) แสดงให้เห็นรอยร้าวครั้งใหญ่ระหว่าง นปช.และพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวแล้วมีความเห็นด้วยหาก นปช.จะตั้งพรรคเสื้อแดงเป็นของตัวเอง แม้เย็นวันนี้ ( 7 พ.ย. 2556 ) นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะเดินทางไปพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่พรรคเพื่อไทยและแถลงข่าวร่วมกัน ก็น่าจะเป็นการรอมชอมกันเพราะมีสถานการณ์เฉพาะหน้า ตนไม่เชื่อว่า นปช.และพรรคเพื่อไทยจะยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีแบบเดิมได้อีกต่อไป ตนเห็นด้วยกับการรอมชอมเพื่อรักษาสถานการณ์เฉพาะหน้าเอาไว้ก่อน เพราะหากสถานการณ์เลยเทิดไปจนถึงการยุบสภา ตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาล เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัติและพรรคเพื่อไทยห่างกันแค่ 3 ล้านเสียง สถานการณ์ที่เป็นอยู่จะทำให้คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งไม่เลือกพรรคเพื่อไทย สวิงโหวตที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยจะไม่เลือกพรรคเพื่อไทยเพราะส่วนหนึ่งไปเป่านกหวีดแล้ว และคนที่ไม่ได้ใช้สิทธิ์ในคราวที่แล้วหรือ “ไทยเฉย” 17 ล้านเสียงได้ถูกปลุกโดยเสียงนกหวีดและจะไปเลือกฝ่ายตรงข้ามเพราะต้องการสั่งสอนพรรคเพื่อไทยผ่านการเลือกตั้ง  ท้ายที่สุดตนขอเสนอว่าเราต้องการพรรคการเมืองทางเลือกสองพรรคเท่านั้นคือ พรรคเสื้อแดง และพรรคเสื้อขาว
ไทยเฉย
สำหรับการคอรัปชั่นในสังคมไทย บก.ลายจุด กล่าวว่าตนเชื่อว่ายิ่งสังคมมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นเท่าใดการคอรัปชั่นจะลดน้อยลงเท่านั้น ตนรู้สึกแปลกใจที่สังคมไทยไล่บี้เอาเป็นเอาตายกับคุณทักษิณกรณีที่เซ็นยินยอมให้ภรรยาไปซื้อที่ ซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่าการคอรัปชั่นกรณีอื่นๆในสังคมไทย เป็นไปได้หรือไม่ที่คนไทยเอาความเกลียดชังการคอรัปชั่นทั้งหมดไปยัดไว้ที่คุณทักษิณเพียงคนเดียว เวลาที่เราพูดถึงการคอรัปชั่นเราพูดถึงทักษิณเพียงคนเดียว กลุ่มผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตะโกนด่าทักษิณโกงโดยมีนักการเมืองยืนอยู่บนเวทีเต็มไปหมด ตนอยากรู้ว่านักการเมืองเหล่านั้นไม่โกงหรือ แล้วกลุ่มคนที่ตะโกนอยู่ด้านล่างนั้นไม่ทราบจริงๆหรือ
ในช่วงท้ายมีผู้ถามถึงการตั้งพรรคการเมืองใหม่ บก.ลายจุดกล่าวว่า เราสมควรที่จะมีพรรคการเมือง ขนาดเล็ก เกิดขึ้นใหม่ เยอะๆ ตนสนใจพรรคการเมืองแบบโจรสลัด ( Pirates Party ) ไม่แน่ว่าตนอาจจะเป็นหัวหน้าพรรคเองก็ได้ อาจจะมีปัญหาเรื่องทุนดำเนินงานบ้างแต่ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ วันอาทิตย์นี้ตนจะจัดกิจกรรม โดยจะแจกแฮมเบอร์เกอร์ 3,000 ชิ้น ตอนนี้มีคนบริจาคเงินมาให้แล้ว 200,000 บาท เป็นการบริจาคโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากร้องขอ คนทั่วไปมักคิดว่าคนเสื้อแดงยากจน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ไม่ใช่ทักษิณคนเดียวที่มีเงิน วันอาทิตย์นี้จะจัดกิจกรรมที่แยกราชประสงค์เพื่อให้บทเรียนกับพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัติ รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความจำเป็นที่จะต้องรวมตัวคนเสื้อแดงเพื่อแสดงความแข็งแกร่งเนื่องจากเกรงว่าพรรคประชาธิปัติจะใช้โอกาสนี้ในการขับไล่รัฐบาล มั่นใจว่าจะมีคนมาร่วมเกินหนึ่งหมื่นคน ล่าสุดตนมีโอกาสสัมภาษณ์ทักษิณในรายการโทรทัศน์ของตน ทักษิณบอกตนว่าไม่ตายและไม่แพ้ ตนอยากบอกว่าไม่จริงทั้งสองอย่าง เพราะทุกคนล้วนต้องตายและทักษิณก็แพ้แล้ว ตนไม่รู้ว่าทักษิณจะหาทางกลับบ้านอยางไร ยังมองไม่เห็น แต่ที่เห็นตอนนี้คือภาพของรัฐบาลที่กำลังทิ้งทุกอย่างและหนีตายออกจากซอย
หนูหริ่ง

'ฮุนเซน' ประกาศขอปรองดองไทย ย้ำ เคารพคำตัดสินศาลโลก

สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ กรณี "เขาพระวิหาร" พร้อมเคารพผลการตัดสินของศาลโลก ย้ำ ขอปรองดองกับไทย มุ่งทำดินแดนให้เป็นพื้นที่สันติภาพ 

วันที่ 8 พ.ย.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ กรณีพิพาทพรมแดนพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ไทย-กัมพูชา ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชา เมื่อวันที่ 7 พ.ย. โดยแถลงการณ์มีใจความดังนี้

พี่น้องชนร่วมชาติที่เคารพที่รัก ในวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ จะออกประกาศของศาล ตามข้อเสนอของพระราชอาณาจักรกัมพูชาที่ได้ขอให้ตีความคำตัดสิน วันที่ 15 มิถุนายน 2505 เกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหาร กระผมขอใช้โอกาสนี้ เพื่อถวายพระเถรานุเถระทุกพระองค์ และแจ้งชนร่วมชาติทั้งหมด เกี่ยวกับประวัติคดี ดังนี้

หลังจากทหารไทย ได้เข้ายึดครองปราสาทพระวิหาร เมื่อปีพุทธศักราช 2497 และการพยายามหาทางแก้ไขด้วยสันติวิธี โดยไม่บรรลุผลสำเร็จในหลายปีที่ผ่านมา กัมพูชาก็ได้ยื่นฟ้องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทนี้ โดยยึดถือตามความจริงและกฎหมาย โดยเฉพาะแผนที่แนบท้าย 1 มาตราส่วน 1 : 200,000 ที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการร่วมฝรั่งเศส – สยาม เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ประกาศคำตัดสิน 3 ข้อ คือ
1. ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา
2. ไทยมีหน้าที่ถอนทหาร ตำรวจ และผู้ดูแลอื่นอีกที่ประจำการอยู่ในปราสาท และอยู่โดยรอบปราสาทในดินแดนของกัมพูชา
3. ไทยมีหน้าที่ต้องส่งคืนวัตถุโบราณทั้งหลายที่เจ้าหน้าที่ไทยได้นำออกจากปราสาทพระวิหาร หรือจากพื้นที่ปราสาทในห้วงที่ไทยยึดครองปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่ปี 2497 เป็นต้นมา ให้แก่กัมพูชา ตั้งแต่มีคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ปีพุทธศักราช 2505 เป็นต้นมา ข้อพิพาทระหว่างกัมพูชากับไทยเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารได้ลดลง และไม่มีการขยายวงกว้างเป็นที่น่าสนใจแต่อย่างใด แต่ข้อพิพาทในพื้นที่ปราสาทพระวิหารได้เริ่มร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ภายหลังจากทหารไทยได้เข้ามาในดินแดนกัมพูชา บริเวณ "วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ" ภายหลังจากปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ตามข้อเสนอของกัมพูชา ความขัดแย้งได้เพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้น กระทั่งมีการปะทะด้วยอาวุธจำนวนหลายครั้ง ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ ทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะกระทบต่อปราสาทพระวิหารอีกด้วย

โดยพิจารณาเห็นว่า การใช้กลไกทวิภาคี และพหุภาคีเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ไม่มีประสิทธิภาพ และการปะทะกันด้วยอาวุธตามแนวชายแดนกัมพูชา – ไทย ยังเกิดขึ้นอยู่นั้น ในวัตถุประสงค์ยุติข้อพิพาทนี้โดยสันติวิธีสอดคล้องตามการดำเนินการของนานาประเทศ และตามเป้าหมายในการรักษาความสัมพันธ์เป็นประเทศใกล้เคียงที่ดี และความร่วมมือที่แนบแน่นระหว่างประเทศและประชาชนของประเทศทั้งสอง กัมพูชา – ไทย เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2554 รัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นคำฟ้องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เสนอให้ออกคำสั่งมาตรการชั่วคราว เพื่อยุติการปะทะด้วยอาวุธ และเสนอขอให้ตีความในความหมายและขอบเขตของคำตัดสิน วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ด้วย เนื่องจากเห็นว่า ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นอีกในพื้นที่ปราสาทพระวิหารนี้ เกิดขึ้นจากการตีความแตกต่างกันระหว่างกัมพูชากับไทย ในความหมายและขอบเขตของคำตัดสินปี 2505 มีผลคือ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2554 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้เห็นชอบตามข้อเสนอของกัมพูชา ออกคำสั่งมาตรการชั่วคราว โดยให้ภาคีทั้งสองถอนทหารออกจากเขตปลอดทหารชั่วคราว พื้นที่ 17.3 ตารางกิโลเมตร พร้อมทั้งเห็นชอบรับพิจารณาตามข้อเสนอของกัมพูชาขอให้ตีความคำตัดสิน ปี 2505

ด้วยเหตุนี้ กระผมขอชี้แจงอีกครั้ง ถวายพระเถรานุเถระ และชนร่วมชาติทุกคนให้ทราบว่า การที่รัฐบาลกัมพูชาเสนอขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตีความคำตัดสินปี 2505 นั้น ไม่ใช่เพื่อสุมไฟเพิ่มความขัดแย้ง หรือมีความต้องการแย่งชิงดินแดนจากประเทศใกล้เคียงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลเห็นว่า การดำเนินการนี้ เป็นแนวทางหนึ่งที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพและจำเป็นที่สุดเพื่อภาคีทั้งสอง สามารถก้าวไปสู่การยุติปัญหานี้โดยสันติวิธี ในการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ การเคารพอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนซึ่งกันและกัน และการรักษาความสัมพันธ์เป็นประเทศใกล้เคียงที่ดี รัฐบาลกัมพูชายึดมั่นใน จุดยืนอย่างเคร่งครัดในความพยายามสร้างเส้นเขตแดนที่ชัดเจน และเปลี่ยนพื้นที่ชายแดนกัมพูชา กับประเทศใกล้เคียง ให้เป็นพื้นที่ชายแดน สันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ กระผม กับ ฯพณฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แห่งพระราชอาณาจักรไทย มีจุดยืนที่สอดคล้องกันว่า ถึงแม้ว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ข้างหน้านี้ ออกมาเช่นไรก็ตาม ประเทศทั้งสองต้องเคารพตามคำตัดสินนี้ และพยายามรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพตามแนวชายแดนให้ได้ ในความหมายนี้

กระผมขอเรียกร้องกำลังเจ้าหน้าที่ทุกประเภทที่กำลังปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน ขอให้รักษาความสงบเรียบร้อย ยึดมั่นในความอดทน และหลีกเลี่ยงการดำเนินการต่าง ๆ ที่อาจสร้างความตึงเครียด หรือเกิดการปะทะกันในที่สุดและกระผมก็ขอเรียกร้องถึงพระเถรานุเถระทุกพระองค์ พี่น้องชนร่วมชาติทุกคน ขอให้อยู่ในความสงบ ร่วมรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เช่นเดียวกับการรักษาและยกระดับความสัมพันธ์เป็นประเทศใกล้เคียงที่ดี มีความสามัคคี มิตรภาพ ความผาสุก และความร่วมมือ ที่แนบแน่นยิ่งขึ้นระหว่างประชาชนทั้งสอง กัมพูชา – ไทย เพื่อผลประโยชน์ร่วมของประชาชาติทั้งสองฝ่าย ทั้งต่อหน้าและระยะยาวในอนาคตต่อไป ขอขอบพระคุณ ขอขอบคุณ