PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข้อตกลงลับทักษิณ-พจมานบนเกาะฮ่องกง ไม่มีใครแตะต้องทรัพย์สินของเธอได้ !(ข้อมูล ณ 17ก.ย.52)

ตอนที่แล้ว ประชาชาติออนไลน์ เปิดประเด็นร้อนว่า คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร์ หายไปไหน ? วันนี้ คุณหญิงอ้อ ปรากฏตัวแล้วในศาล เพื่อยืนยันว่า ทรัพย์สินของเธอและอดีตนายกฯ แยกกองออกจากกันแล้วอย่างสิ้นเชิง โดยข้อตกลงลับบนเกาะฮ่องกง ฉะนั้น อยากรู้ว่าทรัพย์สินของคุณหญิงอ้อแห่งวังจันทร์ส่องหล้ามูลค่า 8,484.4 ล้านบาท มีอะไรบ้าง คลิกอ่านโดยพลัน เราเชื่อว่า คุณจะต้องทึ่งและอึ้ง !! 

... แล้ว คุณหญิงพจมาน   ก็ปรากฎตัวต่อสาธารณะอีกครั้ง  หลังจาก เธอ เงียบหายไปนาน
  เป็นการปรากฎตัว เพื่อต่อสู้ และปกป้อง ทรัพย์สินส่วนตัว ของเธอเอง  ไม่ให้ถูกยึดรวมกองไปกับของอดีตสามี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  
  ในคดีที่อัยการสูงสุด ร้องขอให้ ทรัพย์สินจำนวน 76,000 ล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งบุคคลในครอบครัวและผู้ร้องค้าน ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ โดยขณะดำรงตำแหน่งใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
   เช้าวันที่ 15 กันยายน  คุณหญิงพจมาน   ผู้คัดค้านที่  1 เดินทางมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง  พร้อมกับ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม 
    คุณหญิงนอกทำเนียบ   วัย 53 ปี ใส่แว่นกรอบสีเข้ม ดูไม่แตกต่างจาก สตรีหมายเลข 1 ในวันที่สามีเธอเรืองอำนาจมากที่สุดในประเทศ 
    นั่นคือ เธอยัง เข้มแข็ง  เยือกเย็น และมีสมาธิดี   ไม่มีคำตอบจากปากของเธอ เมื่อนักข่าว ยิงคำถามเข้าใส่เธอเป็นชุด   มีแต่รอยยิ้มเล็กๆ 
    เมื่อเธอสาบานตนต่อศาล  ก่อนเบิกความ ทุกคนถึงได้รู้ว่า เธอคือ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร์ ไม่ใช่  ดามาพงศ์  อย่างที่สื่อหลายฉบับเขียนนามสกุลเธอผิดมาโดยตลอด 
     บนบัลลังก์ นายสมศักดิ์ เนตรมัย ท่านผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน  นั่งฟังคำเบิกความของคุณหญิงอ้อ อย่างพินิจพิเคราะห์
   @ เราหย่ากันแล้ว- ทรัพย์สินแยกกอง   ตอนหนึ่งของคำเบิกความ  คุณหญิงพจมาน  กล่าวว่า    พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการชักชวนจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมืองหัวหน้าพรรคพลังธรรม ให้ลงเล่นการเมืองในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และมอบให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้ 
   " ข้าพเจ้า  ไม่เห็นด้วยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะลงเล่นการเมือง แต่ก็ไม่สามารถคัดค้านได้  ข้าพเจ้า ไม่เคยมอบเงินสนับสนุนพรรคพลังธรรมและไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีข้อตกลงอะไรพิเศษหรือไม่  " 
     คุณหญิงอ้อ เล่า ฉากหลังทางการเมืองว่า   หลัง พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นตำแหน่ง ต่อมาเมื่อปี  2544 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาขอเงิน และก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แม้จะเป็นผู้สนับสนุนให้เงินบริจาคพรรคไทยรักไทยก็ตาม แต่ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารพรรคไทยรักไทยและไม่มีตำแหน่งใดๆในพรรค และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการบริหารราชการในฐานะภริยาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแต่อย่างใด และไม่เคยได้รับผลตอบแทนใดขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บริหารราชการแผ่นดิน 
    นัยของคุณหญิงพจมานก็คือ การยืนยันว่า เธอไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในการบริหารบ้านเมือง ช่วงที่สามีของเธอเป็นผู้นำประเทศ นั่นเอง 
    สำคัญที่สุด   เธอต้องการ "กันตัวเองและกันทรัพย์สิน" ของเธอ ออกจากอดีตสามีของเธอ   อย่างชัดเจน และ อย่างสิ้นเชิง    
    คุณหญิงอ้อ บอกด้วยว่า  ภายหลัง ได้จดทะเบียนหย่ากันที่ประเทศฮ่องกง ได้ทำข้อตกลงกันว่า "ทรัพย์สินที่มีชื่อใครก็ให้บุคคลนั้นไป "
   อีกประเด็นหนึ่งที่คุณหญิงอ้อ  เฉลยความจริงก็คือ บ้านที่ประเทศอังกฤษ เธอยืนยันว่า สินทรัพย์รายการนี้ เป็นชื่อของเธอ ไม่ใช่ของ เสี่ยแม้ว
   " ส่วนที่มีข่าวว่าประเทศอังกฤษได้อายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ กว่า  100,000 ล้านบาทนั้นไม่เป็นความจริง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีทรัพย์สินในต่างประเทศ ซึ่งบ้านในประเทศอังกฤษมูลค่า  200 ล้านบาทนั้นเป็นของข้าพเจ้าเอง " 
   เป็นความจริงอย่างที่คุณหญิงพจมาน กล่าวอ้าง 
  เพราะ บ้านที่อังกฤษ หลังดังกล่าว ปรากฎอยู่ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช.  ในรายการ "  บ้าน วู๊ดซัม แมนเนอร์, อิสต์โร้ด เซ็นต์จอร์จส ฮิล, เวยบ์บริดจ์, เซอร์เร่ย์ เคที 13 โอแอลดี ประเทศอังกฤษ  มูลค่า 264,000,000 บาท  " 
   นั่นแสดงว่า ทรัพย์สินชิ้นนี้ อยู่ในข้อตกลงลับบนเกาะฮ่องกง ตั้งแต่ ปลายปี 2551 
  เช่นดียวกับ ที่ดินบนถนนรัชดา ห้วยขวาง มูลค่ากว่า 700 ล้าน ก็เป็นของเธอแต่ผู้เดียว
   ประเด็นที่น่าสนใจที่ปรากฏจากปากคำของคุณหญิงพจมาน ทำให้สังคมได้รู้ว่า อดีตสามีของเธอไม่มีทรัพย์สินอื่นใดในต่างประเทศเลย   ฉะนั้นแล้ว ดีลที่ปรากฏเป็นข่าวเกี่ยวกับการลงทุนซื้อสัมปทานแหล่งน้ำมัน หรือ การซื้อเหมืองทองคำ เหมืองเพชร  อาจเป็นดีลที่ตกลงกันด้วยวาจา หรือ ดีลที่ละเลงกันด้วยน้ำลายล้วนๆ  
   @ ความฉลาดและเนียน แบบคุณหญิง      ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  บรรพ 5 ครอบครัว  กำหนดว่า  ทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา มี  2 ประเภท คือ 
   หนึ่ง สินส่วนตัว ได้แก่ทรัพย์สินต่อไปนี้คือ   1.  ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส  2.  เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับกายตามสมควรแก่ฐานะหรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  3. ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรส โดยการรับมรดก หรือโดยการให้โดยเสน่หา 4. ของหมั้น 
   สอง  สินสมรส ได้แก่ ทรัพย์สินต่อไปนี้ คือ  1. คู่สมรสได้มาในระหว่างสมรส  2. ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรม หรือโดยการให้เป็นหนังสือ เมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส  3. เป็นดอกผลของสินส่วนตัว   4.   ถ้ากรณีเป็นที่สงสัยว่าทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นสินสมรสหรือมิใช่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสินสมรส
  มาตรา 1532 บัญญัติว่า   เมื่อหย่ากันแล้วให้จัดการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยาแต่ในระหว่างสามีภริยา   ถ้าเป็นการหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ให้จัดการแบ่งทรัพย์สินของสามีภริยาตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนการหย่า
  มาตรา 1533   เมื่อหย่ากันให้แบ่งสินสมรสให้ชายและหญิงได้ส่วนเท่ากัน
  แต่กรณี คุณหญิงอ้อและอดีตนายกฯ ทักษิณ ได้มีการทำข้อตกลง การแบ่งทรัพย์สิน ในวันจดทะเบียนหย่ากันที่ฮ่องกง  ปลายปี 2551 
  อาจารย์ผู้สอนกฎหมายครอบครัวและมรดกมากกว่า 30 ปี กล่าวว่า ข้อตกลงที่คุณหญิงอ้อกับพ.ต.ท.ทักษิณ  ตกลงกันอย่างไรก็ได้ ไม่มีข้อห้าม   ข้อตกลงมีขึ้นมาก็เพื่อต้องการแยกทรัพย์สินออกจากกันให้ชัดเจน  ชิ้นใดเป็นของทักษิณ ชิ้นใดเป็นของคุณหญิงอ้อ  
   ถ้าไม่มีข้อตกลงก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายคือ แยกเป็น สินส่วนตัว และ สินสมรส 
   แต่เมื่อมีข้อตกลง ทั้งสองคนจะตกลงกันอย่างไรก็ได้  ข้อตกลงดังกล่าวจะอยู่ในสัญญาหย่า 
   ฉะนั้น ถ้า ทักษิณ ถูกยึดทรัพย์ 76,000 ล้าน  หากยึดได้ไม่ครบก็ไม่อาจมายึดจากกองทรัพย์สินของคุณหญิงอ้อได้ โดยคุณหญิงอ้อสามารถอ้างข้อตกลงมายืนยันกับศาลได้ว่า ทรัพย์สินของทักษิณกับทรัพย์สินของคุณหญิงแยกออกจากกันอย่างชัดเจนและสิ้นเชิง 
   ข้อตกลง"ลับ"ดังกล่าว ไม่มีใครรู้  นอกจากทักษิณและคุณหญิงอ้อ จนกว่าศาลจะให้คุณหญิงอ้อนำมายืนยัน 
    และที่สำคัญ ข้อตกลงนี้ ใช้ยืนยันได้ทั้งโลก !!!
   อาจารย์สอนกฎหมายครอบครัวผู้นี้ เชื่อว่า ข้อตกลงดังกล่าว ป้องกันทรัพย์สินของคุณหญิงอ้อ ได้อย่างแน่นอน !!!
  จากการตรวจสอบของ ประชาชาติออนไลน์   ผ่านการ ยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินครั้งล่าสุด (รัฐบาลทักษิณ   พ้นจากตำแหน่ง 1 ปี  เมื่อ  19 ก.ย. 2550 )  
  คุณหญิงพจมาน  มีทรัพย์สิน 8,484.4 ล้านบาท  ประกอบด้วย เงินสด  1 ล้านบาท, เงินฝาก 19 บัญชี  1,993.7 ล้านบาท, เงินลงทุน 3,206.2 ล้านบาท   เงินให้กู้ยืม 28 ล้านบาท, ที่ดิน 123 แปลง 289.6 ล้านบาท, บ้าน 5 หลัง 588 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ 37 แห่ง  รวม 289.6 ล้านบาท  
    รถยนต์ 12 คัน 34.1 ล้านบาท, สิทธิและสัมปทาน 375,374 บาท และทรัพย์สินอื่นๆ ได้แก่ นาฬิกาและเครื่องประดับ รวมมูลค่า 310.4 ล้านบาท แต่มีหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือกับสถาบันการเงิน 110.4 ล้านบาท
    ประชาชาติออนไลน์ เชื่อว่า นี่คือ ทรัพยสินของคุณหญิงอ้อ ที่ปรากฏอยู่ในข้อตกลงลับที่ฮ่องกง 
      @ ความจริงเรื่องหุ้นชินคอร์ปจากปากคุณหญิง
    นอกจาก ประเด็นทรัพย์สินของคุณหญิงอ้อและพ.ต.ท.ทักษิณ แยกออกจากกันอย่างชัดเจนตามข้อตกลงลับแล้ว
    ในคดีการขายหุ้นชินคอร์ป  ข้อเท็จจริงจาก ปากของคุณหญิงพจมาน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสำนวนของอัยการสูงสุด และสำนวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)  จนน่าสงสัยว่า ต้องมีใครพูดจริง ใครพูดเท็จ สักคน ? 
    ประเด็นการเบิกความที่สำคัญที่สุด คือ การยืนยันขายหุ้นชินคอร์ป ให้ "ลูกโอ๊ค-บรรณพจน์" ปี 2543 มีการซื้อขายกันจริงไม่มีอำพราง ขายหุ้นให้แล้วจบ ไม่มีจ่ายเงินปันผลให้อีก
   อีกประเด็น คือ กรณี บริษัทวินมาร์ค ที่ คตส.กล่าวหาว่า คุณหญิงอ้อและพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของนั้น ...เธอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง 
   ความจริงจากปากของเธอคือ    บริษัทวินมาร์ค  มี นายมามุส โมฮัมหมัด อัล อัลซาลี  มหาเศรษฐี ชาวตะวันออกกลาง ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเรียลเอสเตท เพื่อนนักธุรกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของ และมาขอซื้อหุ้นจากพยานและพ.ต.ท.ทักษิณ มูลค่า  650 ล้านบาท เพื่อต้องการนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 
  " ข้าพเจ้าและพ.ต.ท.ทักษิณ จึงขายหุ้นให้ไปในราคาพาร์ ซึ่งไม่ทราบว่าบริษัทวินมาร์คจะถือครองหุ้นเป็นเวลานานเท่าใดก่อนที่จะขายหุ้นต่อให้กับ น.ส.พินทองทา "
   เอาเข้าจริงแล้ว แนวการเบิกความของคุณหญิงอ้อ สอดคล้องกับแนวความของ โอ๊ค เมื่อวันที่ 3 กันยายน  เวลาบ่ายโมง 
   และสอดรับกับคำเบิกความของ  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ  เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม  จนน่าเชื่อว่า เป็นความจริงชุดเดียวกัน 
  3 กันยายน  ลูกชายของคุณหญิงอ้อ  บอกกับศาลว่า  การซื้อขายหุ้นของบริษัท ชินคอร์ป ให้กลุ่มเทมาเส็ก ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นอำนาจในการตัดสินใจของตนเอง โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน บิดาและมารดาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่มีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ เป็นผู้ดำเนินการติดต่อซื้อขายกับกลุ่มเทมาเส็ก ส่วนตนกับนางสาวพิณทองทา ซึ่งเป็นน้องสาว ได้มอบอำนาจให้ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เป็นผู้ดำเนินการ
   "การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ขายหุ้นชินคอร์ปให้ข้าพเจ้า ในราคาพาร์ เมื่อต้นปี 2543 เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการวางมือทางธุรกิจ ก่อนจะลงเล่นการเมือง และข้าพเจ้าก็ได้จ่ายเงินค่าซื้อหุ้นให้ตามจำนวนอย่างครบถ้วน และไม่ได้ปกปิดทรัพย์สิน"
    ก่อนหน้านี้ 6 สิงหาคม คุณปูน้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ   เบิกความด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ  ในฐานะผู้คัดค้านการยึดทรัพย์ 
   เธอบอกกับศาลว่า   การซื้อหุ้นจากพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 2543 มีการโอนหุ้นชินคอร์ปฯถูกต้อง และชำระเงินทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว โดยเงินปันผลที่ได้นำไปสร้างบ้านไม่เคยนำไปให้พ.ต.ท.ทักษิณ 
   ขณะเดียวกันเมื่อขายหุ้นที่ได้มานำไปใช้จ่ายเงินลงทุน บริจาคเข้ามูลนิธิไทยคม และมีการถูกอายัด 337 ล้านบาท ไม่เคยนำเงินดังกล่าวให้พ.ต.ท.ทักษิณ หรือคุณหญิงพจมาน เธอ ตำหนิว่า  การไต่สวนของคตส.ไม่เคยเปิดโอกาสให้เธอได้พิสูจน์ทรัพย์ 
   ( ตอนต่อไป  ประชาชาติออนไลน์ จะตามไปดูการเพิ่มทุนหมื่นล้าน ในบริษัทของคุณหญิงอ้อว่าเหตุใด การเพิ่มทุนจึงโผล่ในชื่อของ โอ๊ค และ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ เท่านั้น โปรดติดตาม    ) 
----------------------------------
 
  เปิดกรุ  สมบัติ ส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร์
     จากการยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินครั้งล่าสุด (รัฐบาลทักษิณ   พ้นจากตำแหน่ง 1 ปี  เมื่อ  19 ก.ย. 2550 )  คุณหญิงพจมาน   มีทรัพย์สิน 8,484.4 ล้านบาท  ประกอบด้วย เงินสด  1 ล้านบาท, เงินฝาก 19 บัญชี  1,993.7 ล้านบาท, เงินลงทุน 3,206.2 ล้านบาท   เงินให้กู้ยืม 28 ล้านบาท, ที่ดิน 123 แปลง 289.6 ล้านบาท, บ้าน 5 หลัง 588 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ 37 แห่ง  รวม 289.6 ล้านบาท  
      รถยนต์ 12 คัน 34.1 ล้านบาท, สิทธิและสัมปทาน 375,374 บาท และทรัพย์สินอื่นๆ ได้แก่ นาฬิกาและเครื่องประดับ รวมมูลค่า 310.4 ล้านบาท แต่มีหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือกับสถาบันการเงิน 110.4 ล้านบาท
      แยกเป็นรายละเอียดได้ ดังนี้
 @ เงินฝาก  19 บัญชี 1,993.7 ล้านบาท ได้แก่ กรุงศรีอยุธยา/สะพานควาย/ประจำ  เลขที่บัญชี 013-2-08229-9  จำนวนเงิน 20,128,547 บาท 
 กรุงเทพ/ถนนสุขสวัสดิ์/ประจำ  เลขที่บัญชี 164-2-28388-9  จำนวนเงิน 10,074,171 บาท 
 นครหลวงไทย/สะพานควาย/ประจำ  เลขที่บัญชี 108-3-09761-3  จำนวนเงิน 1,020,313 บาท
 ไทยพาณิชย์/รัชโยธิน,ประจำ   เลขที่บัญชี 111-1-03165-7 จำนวนเงิน 101,004,,928 บาท
 ไทยพาณิชย์/รัชโยธิน/ประจำ   เลขที่บัญชี 111-1-04128-8 จำนวนเงิน 5,026,780 บาท
 ไทยพาณิชย์/รัชโยธิน/ประจำ  เลขบัญชี111-1-04129-6  จำนวนเงิน 5,026,780 บาท
 ไทยพาณิชย์/รัชโยธิน/ประจำ  เลขที่บัญชี 111-1-13211-0  จำนวนเงิน 200,000 บาท
 ไทยพาณิชย์/ชิดลม/ประจำ  เลขที่บัญชี 001-1-55021-8  จำนวนเงิน 1,106,963,013 บาท
 ไทยพาณิชย์/ลาดพร้าว ซ.59/ประจำ เลขที่บัญชี 010-1-04492-3 จำนวนเงิน 4,810 บาท
 ทหารไทย/ย่อยเพนนินซูล่า พลาซ่า/ประจำ เลขที่บัญชี 202-3-00330-0 จำนวนเงิน 10,063,895 บาท
 ไทยพาณิชย์/รัชโยธิน/ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 111-2-27722-2 จำนวนเงิน 701,400,888 บาท
 ไทยพาณิชย์/ซอยอารีสัมพันธ์/ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 056-2-00065-1 จำนวนเงิน 1,789,656 บาท
 ไทยพาณิชย์/ซอยอารีสัมพันธ์/ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 056-2-13152-5 จำนวนเงิน 517,787 บาท
 ไทยพาณิชย์/ศรีนครพิงค์/ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 549-2-23232-8 จำนวนเงิน 42,269 บาท
 กรุงเทพ/ราชวัตร/ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 146-0-44839-0 จำนวนเงิน 10,301,270 บาท
 นครหลวงไทย/ราชวัตร/ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 111-2-10662-3 จำนวนเงิน 1,252 บาท
 ธนชาต/ย่อยเอ็มบีเค เซ็นเตอร์/ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 036-2-02266-7 จำนวนเงิน 20,095,400 บาท
 ไทยพาณิชย์/ซอยอารีสัมพันธ์/กระแสรายวัน เลขที่บัญชี 056-3-00505-2 จำนวนเงิน 0 บาท
 ไทยพาณิชย์/รัชโยธิน/กระแสรายวัน เลขที่บัญชี 111-3-02030-1 จำนวนเงิน .00 บาท 
 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด  64,360,886.12 บาท
 @  เงินลงทุน  3,206.2 ล้านบาท แบ่งเป็น หลักทรัพย์จดทะเบียนและรับอนุญาต 6 แห่ง คือ 
 กองทุนเปิดทีซีเอ็มพลัส 483,285.9813 หุ้น จำนวน 206,894 บาท
 บมจ.เงินทุนหลักทรัพย์นครหลวงเครดิต 800 หุ้น จำนวน 8,000 บาท
 กองทุนเปิดรวงข้าวทวิภาค 5,000,000 หุ้น จำนวน 39,744,000 บาท
 บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี 3,616,660 หุ้น จำนวน 11,066,979 บาท
 บมจ.เอส ซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น 9,253,127 หุ้น จำนวน 79,576,892 บาท
 กองทุนสะสมทรัพย์ตราสารหนี้ 57,799,458.9970 หุ้น จำนวน 1,007,698,887 บาท 
 รวม 1,138,301,654 บาท
 
  หลักทรัพย์และเงินลงทุนอื่น 15 แห่ง ได้แก่
 โอ เอ ไอ ลิสซิ่ง จำกัด 100 หุ้น จำนวน 1,000 บาท
 เอส ซี เค เอสเทต จำกัด 1,550,000 หุ้น จำนวน 15,500,000 บาท
 เอส ซี ออฟฟิซ พลาซ่า จำกัด 19,999 หุ้น จำนวน 199,990 บาท
 บี.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 16,817,500 หุ้น จำนวน 168,175,000 บาท
 พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด 6,993,000 หุ้น จำนวน 69,930,000 บาท
 ประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 49,000 หุ้น 490,000 บาท
 เวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด 9,959,900 หุ้น จำนวน 99,599,000 บาท
 โอ เอ ไอ คอนซัลแตนท์ แอนด์แมนเนจเม้นท์ จำกัด 60,999,950 หุ้น จำนวน 609,999,500 บาท
 โอเอไอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด 56,249,997 หุ้น จำนวน 562,499,970 บาท
 ทุนนวัตกรรม จำกัด 1,874,993 หุ้น จำนวน 5,624,979 บาท
 เดอะ เพนนินซูล่า ทราเวล เซอร์วิส 20,000 หุ้น จำนวน 200,000 บาท
 โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด 2,856,625 หุ้น จำนวน 285,662,500 บาท
 โรงพยาบาลหริภุญชัย เมโมเรียล จำกัด 100,000 หุ้น จำนวน 1,000,000 บาท
 อัลไพน์กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด 24,899,987 หุ้น จำนวน 248,999,870 บาท
 AIG ASIA DIRECT INVESTMENT FUND LTD 1,000,000 หุ้น จำนวน 47,872 บาท 
 รวม 2,067,929,681.17 บาท
เงินให้กู้ยืม 2 ราย 28 ล้านบาท ได้แก่
 บริษัท ที.ซี.แอสเซท พลัส จำกัด 25,000,000 บาท และนายประทักษ์ ลิขิตเลอทรวง 3,000,000 บาท
@ ที่ดิน 123 แปลง 289.6 ล้านบาท ได้แก่ ที่ดินเปล่า เขตดุสิต กรุงเทพฯ  228,000.00 บาท 
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1276 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  720,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1276 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  960,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1278 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  1,248,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1264-1266 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  2,640,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1264-1266 เขตดุสิตกรุงเทพฯ  240,000 บาท
 ที่ดินเปล่า เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,080,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 534 เขตดุสิต กรุงเทพฯ   1,680,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 536 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  2,040,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 520 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,734,000 บาท
 อาคาร 1 ชั้น เลขที่ 526 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,200,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 528 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,080,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 530 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  1,080,000 บาท
 อาคารเลขที่ 1268 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  360,000.000 บาท
 อาคารเลขที่ 1376/1 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 37,050,000 บาท
 ที่ดินเปล่า เขตดุสิต กรุงเทพฯ  600,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 532 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  1,000,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1274 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  540,000 บาท
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1274 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 792,000 บาท
 ตึกแถว 2 ชั้น เลขที่ 552-554 เขตดุสิต กรุงเทพฯ  1,404,000 บาท
 ตึกแถว 2 ชั้น  เลขที่ 552-554 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,512,000 บาท
 ที่ดินเปล่า เขตลาดพร้าว (โชคชัย 4) กรุงเทพฯ 1,683,000 บาท
 ที่ดินเปล่า เขตลาดพร้าว (โชคชัย 4) กรุงเทพฯ 1,600,000 บาท
 บ้านบางพลัด 1875/554 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 11,000,000 บาท
 บ้านบางพลัด 1875/554 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ  109,524 บาท
 บ้านบางพลัด 1875/554 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ  6,425,000 บาท
 ตึก 2 ชั้น 558/75 หรือ 72/4 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ  3,000,000 บาท
 ตึก 2 ชั้น 1156/10 อ.ดุสิต กรุงเทพฯ  13,095,000 บาท
 ตึกแถว 3 ชั้น 1875/670-2 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ  1,200,000 บาท
 ตึกแถว 3 ชั้น 1875/670-2 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ  1,200,000 บาท
 ตึกแถว 3 ชั้น 1875/670-2 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ  1,200,000 บาท
 ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น 33/8-12 (โชคชัย 4) เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ  900,000 บาท
 ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น 33/8-12 (โชคชัย 4) เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ  900,000 บาท
 ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น 33/8-12 (โชคชัย 4) เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ  900,000.00 บาท
 ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น 33/8-12 (โชคชัย 4) เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ  900,000.00 บาท  
 ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น 33/8-12 (โชคชัย 4) เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ  900,000.00 บาท
 ตึกแถว 3 ชั้น 72/229 อ.เมือง จ.นนทบุรี  950,000 บาท
 ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 16/156 อ.นนทบุรี จ.นนทบุรี  850,000 บาท 
 บ้าน 1 ชั้น เลขที่ 402/29 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี  5,000,000 บาท 
 บ้านเลขที่ 256-7 เชียงใหม่กรีนวัลเล่ย์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 4,444,027  บาท
 บ้านเลขที่ 256-7 เชียงใหม่กรีนวัลเล่ย์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 4,576,106  บาท
 บ้านเลขที่ 256-7 เชียงใหม่กรีนวัลเล่ย์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 5,015,667 บาท
 บ้าน 2 ชั้น เลขที่ 158/2 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ  360,000 บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  804,000 บาท
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  379,000 บาท
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  404,000  บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  625,000 บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  244,000 บาท
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  1,525,000 บาท  
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  322,000  บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  548,000 บาท
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 1,600,000 บาท
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  344,000 บาท  
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  1,919,000 บาท
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  679,000  บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  771,000  บาท
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 637,000 บาท
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 616,000  บาท
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  769,000 บาท  
 ที่ดินเปล่า เขตพระโขนง กรุงเทพฯ  6,000,000 บาท  
 ที่ดินเปล่า เขตพระโขนง กรุงเทพฯ  6,720,000 บาท
 ที่ดินเปล่า เขตหนองจอก กรุงเทพฯ  7,500,000  บาท  
 ที่ดินเปล่า เขตคลองหลวง จ.ปทุมธานี   3,200,000 บาท
 บ้านบางพลัด 1875/774 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ  25,536,000 บาท
 ที่ดินเปล่า เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 4,464,000 บาท
 ที่ดินเปล่า เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 8,730,000  บาท  
 ที่ดินเปล่า เขตบางพลัด กรุงเทพฯ  8,820,000  บาท  
 ที่ดินเปล่า เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 50,000  บาท 
 ที่ดินเปล่า เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 50,000  บาท 
 ที่ดินเปล่า เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 4,000,000  บาท
 ที่ดินเปล่า เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 4,000,000  บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.ไทรน้อย (บางบัวทอง) จ.นนทบุรี   2,378,400  บาท  
 ที่ดินเปล่า อ.ไทรน้อย (บางบัวทอง) จ.นนทบุรี 780,000 บาท  
 ที่ดินเปล่า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ  60,000  บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ  7,148,400 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต  4,008,600 บาท  
 ที่ดินเปล่า อ. เขาคิชฌกูฎ จ.จันทบุรี  250,947  บาท 
 ที่ดินเปล่า อ. เขาคิชฌกูฎ จ.จันทบุรี  229,053 บาท
 ที่ดินเปล่า อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 10,120,800 บาท
 บ้านเลขที่ 144622 ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี   6,068,649  บาท 
 บ้านเลขที่ 144622 ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 6,068,649 บาท 
 บ้านเลขที่144622 ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี  5,931,351 บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา  3,360,000 บาท  
 ที่ดินเปล่า อ.บางละมุง จ.ชลบุรี  1,000,000 บาท 
 ที่ดินเปล่า เขตบางกอกน้อย กรุงเทพ  469,800  บาท 
 ที่ดินเปล่า เขตบางกอกน้อย กรุงเทพ 510,000 บาท 
 ที่ดินเปล่า เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 599,800 บาท 
 ที่ดินเปล่า เขตหนองจอก กรุงเทพฯ 638,421 บาท 
 บ้านเลขที่ 229/1 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 เขตบางพลัด กรุงเทพ19,388,650 บาท 
 บ้านเลขที่ 229/1 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ  16,684,340 บาท 
 บ้านเลขที่ 229 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 16,684,340 บาท 
 บ้านเลขที่ 229 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 12,122,760 บาท 
 บ้านเลขที่ 229 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ12,045,050 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร,  412,360 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร 1,013,800 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร  588,200 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร   104,920 บาท
 ที่ดินเปล่า อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร   968,400 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร 228,550 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร  663,770 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา 3,341,240 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา  4,303,970 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา  4,303,970 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา  3,998,160 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา  3,813,166 บาท 
 ที่ดินเปล่า เขตบางเขน กรุงเทพฯ  3,960,000 บาท 
 บ้านสองชั้นเลขที่ 99/18 อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี  5,385,000 บาท 
 ที่ดินเปล่า อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี  1,725,000 บาท 
 ที่ดินเปล่า ซอยทองพุน 3 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ  918,000 บาท
 ที่ดินเปล่า แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  463,244,184 บาท 
 ที่ดินเปล่า แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  1,186,002 บาท 
 ที่ดินเปล่า แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  11,912,342 บาท 
 ที่ดินเปล่า แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  295,657,472 บาท 
 ที่ดินเปล่า แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  74,700,000 บาท 
 อาคาร 1771 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  16,284,510 บาท 
 อาคาร 1771 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  33,775,280 บาท 
 อาคาร 1771 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  520,802,899 บาท 
 อาคาร 1771 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  17,490,770 บาท 
 อาคาร 1771 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  33,473,715 บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.หนองจอก อ.หนองจอก (เจียระดับ) กรุงเทพฯ  5,000,000 บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  3,095,069 บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  40,495,045 บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  94,223,886 บาท 
 ที่ดินเปล่า ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา 79,946,400 บาท

@ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 
 บ้านอาศัย 5 หลัง ได้แก่ บ้านเลขที่ 256-7 หมู่ 3 โครงการเชียงใหม่กรีนวัลเลย์ ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 50,000,000 บาท
 472 และ 474 ถ.จรัญสนิทวงศ์ 69 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จ.กรุงเทพฯ 153,000,000 บาท
 1446/22 ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 93,000,000 บาท 
 299-299/1 ถ.จรัญสนิทวงศ์ 69 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด จ.กรุงเทพฯ 28,000,000 บาท
 สถานที่ตั้งบ้าน วู๊ดซัม แมนเนอร์, อิสต์โร้ด เซ็นต์จอร์จส ฮิล, เวยบ์บริดจ์, เซอร์เร่ย์ เคที 13 โอแอลดี ประเทศอังกฤษ 264,000,000 บาท 
 รวม 588,000,000.00 บาท
 
สิ่งปลูกสร้างอื่น 37 แห่ง ได้แก่
 ประเภทสิ่งปลูกสร้างเลขที่ อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1268 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้นเลขที่ 1264-1266 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 534 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 536 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 520 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคาร 1 ชั้นเลขที่ 526 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้นเลขที่ 528 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 530 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคารเลขที่ 1376/1 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 50,000,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1276 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้นเลขที่ 532 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 อาคาร 2 ชั้น เลขที่ 1274 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ตึกแถว 2 ชั้นเลขที่ 552 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ตึกแถว 2 ชั้น เลขที่ 554 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ตึก 2 ชั้น เลขที่ 558/75 หรือ 72/4 อ.บางกอกน้อย กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ตึก 2 ชั้น เลขที่ 1156/10 อ.ดุสิต กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ตึกแถว 3 ชั้นเลขที่ 1875/670 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ตึกแถว 3 ชั้นเลขที่ 1875/671 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ตึกแถว 3 ชั้นเลขที่ 1875/672 เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น เลขที่ 33/8 (โชคชัย 4) เขตบาดพร้าว กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น เลขที่ 33/9 (โชคชัย 4) เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น เลขที่ 33/10 (โชคชัย 4) เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น เลขที่ 33/11 (โชคชัย 4) เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น เลขที่ 33/12 (โชคชัย 4) เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 1,000,000 บาท 
 ตึกแถว 1 ชั้น เลขที่ 72/2/29 อ.เมือง จ.นนทบุรี 1,000,000 บาท 
 ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เลขที่ 16/156 อ.นนทบุรี จ.นนทบุรี 1,000,000 บาท 
 บ้าน 1 ชั้น เลขที่ 402/29 เขตบางละมุง จ.ชลบุรี 1,000,000 บาท 
 บ้าน 2 ชั้น เลขที่ 99/18 อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี 1,000,000 บาท 
 อาคารเลขที่ 1770 ถนนเพชรบุรนีตัดใหม่ เขตบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 178,172,826 บาท
 ห้องชุดเลขที่ 41/2-3 ชั้น 2 อาคารเลขที่ 41 ชื่ออาคารชุดรอยัลปาร์ค เขตพญาไท กรุงเทพฯ 1,500,000 บาท 
 ห้องชุดเลขที่ 312/22 ชั้น 10 อาคารเลขที่ 1 ชื่ออาคารชุดสราญชลพัทยา คอนโดมิเนียม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 5,564,152 บาท
 ประเภทสิ่งปลูกสร้างเลขที่ห้องชุดเลขที่ 312/23 ชั้น 10 อาคารเลขที่ 1 ชื่ออาคารชุดสราญชลพัทยา คอนโดมิเนียม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 3,615,616 บาท   ห้องชุดเลขที่ 312/24 ชั้น 10 อาคารเลขที่ 1 ขื่ออาคารชุดสราญชลพัทยา คอนโดมิเนียม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 9,000,000บาท 
 ห้องชุด เลขที่ 51/33 ชั้น 12 อาคารเลขที่ 1 ชื่ออาคารชุดเซ็นจูรี่ไฮทส์-1 เขตคลองเตย (บางกะปิ) กรุงเทพฯ 8,650,000 บาท 
 ห้องชุด เลขที่ 202/56 ชั้น 6 อาคารเลขที่ 202 ชื่ออาคารชุดยูคอมเพล็กซ์ คอนโดมิเนียม หมู่ 7 ต.บางเสาธง กิ่ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 2,500,000 บาท   ห้องชุด เลขที่ 202/57 ชั้น 6 อาคารเลขที่ 202 ชื่ออาคารชุดยูคอมเพล็กซ์ คอนโดมิเนียม หมู่ 7 ต.บางเสาธง กิ่ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 2,600,000บาท    รวม 289,602,594 บาท
@ ยานพาหนะ 12 คัน ได้แก่
 BMW ทะเบียน 2ฮ-9999/กรุงเทพมหานคร 453,600 บาท 
 TOYATA ทะเบียน 4ค-3003/กรุงเทพมหานคร 12,960 บาท 
 TOYOTA ทะเบียน ผฉ-5511/กรุงเทพมหานคร 51,840 บาท 
 TOYOTA ทะเบียน พบ-2299/กรุงเทพมหานคร 518,400 บาท 
 MITSUBISHI ทะเบียน พน-6789/กรุงเทพมหานคร 388,800 บาท 
 BENZ ทะเบียน ภข-888/กรุงเทพมหานคร 4,082,400 บาท 
 BENZ ทะเบียน ภษ-9999/กรุงเทพมหานคร 4,536,000 บาท 
 BMW ทะเบียน ษษ-1214/กรุงเทพมหานคร 4,535,000 บาท 
 BENZ ทะเบียน วล-1111/กรุงเทพมหานคร 5,184,000 บาท 
 BMW ทะเบียน พค-9999/กรุงเทพมหานคร 6,480,000 บาท 
 BMW ทะเบียน สว-1314/กรุงเทพมหานคร 6,560,000 บาท 
 TOYOTA ทะเบียน สจ-6793/กรุงเทพมหานคร 1,320,000 บาท 
  รวม 34,124,000  บาท
@ สิทธิและสัมปทาน 1 แห่ง ได้แก่ ประเภทของสิทธิและสัมปทาน กรมธรรม์ประกันภัย บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด 375,374 บาท
@ ทรัพย์สินอื่น 108 รายการ ได้แก่
 สร้อยคอเพชรสีเหลือง 1 เส้น 15,000,000 บาท 
 สร้อยข้อมือเพชรสีเหลือง 1 เส้น 4,000,000 บาท  
 ต่างหูเพชรสีเหลือง 1 คู่ 5,000,000 บาท, 
 สร้อยคอเพชร 1 เส้น 10,000,000  บาท, 
 สร้อยคอเพชร 1 เส้น 8,500,000 บาท, 
 ต่างหูเพชร 1 คู่ 4,000,000  บาท, 
 จี้เพชรกลม 1 อัน 4,000,000  บาท, 
 จี้เพชรรูปหัวใจ 1 อัน 4,000,000  บาท, 
 ต่างหูเพชร 1 อัน 1,000,000  บาท, 
 จี้เพชร 1 อัน 2,000,000  บาท, 
 ต่างหูเพชร 1 คู่ 5,000,000  บาท, 
 ต่างหูระย้าเพชร 1 คู่ 900,000  บาท, 
 ///////
(ข้อมูล ณ 17ก.ย.52)
 

อีสานโพลชี้ คนอีสานเกินครึ่งยังมีความเข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญน้อยกว่า 20 %


ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจอีสานโพลในเรื่อง "คนอีสานกับร่างรัฐธรรมนูญ 2559” พบว่าคนอีสานเกินครึ่งยังมีความเข้าใจในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญน้อยกว่า 20% แต่เห็นว่ารัฐบาลไม่ควรปิดโอกาสของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นต่อเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ
ผลการสำรวจดังกล่าว จัดทำขึ้นจากการสำรวจระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 6 พฤษภาคม 2559 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,220 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด
เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า มีความเข้าใจเนื้อหาภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญฉบับทำประชามติมากน้อยแค่ไหน โดยให้ตอบเป็นเปอร์เซ็นต์ระหว่าง 0-100% พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 54.3 มีความเข้าใจเนื้อหาภาพรวมน้อยกว่า 20% ขณะที่มีผู้เข้าใจเนื้อหาในระดับ 20% - 39.9% ร้อยละ 14.9 ส่วนผู้ที่เข้าใจเนื้อหาระหว่าง 40% - 59.9% มีอยู่ร้อยละ 15.7 อย่างไรก็ตาม โดยเฉลี่ยแล้วกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมีความเข้าใจเนื้อหาภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญเพียงประมาณ 22.9% เท่านั้น
เมื่อสอบถามถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาล กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 55.0 เห็นว่าควรเปิดโอกาสอย่างมีเสรีภาพ ร้อยละ 41.1 เห็นว่าควรเปิดโอกาสโดยมีการควบคุม มีเพียงร้อยละ 3.9 ที่เห็นว่าไม่ควรเปิดโอกาส
ส่วนประเด็นคำถามพ่วงในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอีสานโพลได้สอบถามถึงความเห็นของกลุ่มตัวอย่างเรื่องการกำหนดบทเฉพาะกาลว่าด้วยการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี โดยผ่านรัฐสภาที่มี สว.สรรหาอยู่ในช่วง 5 ปีแรกนั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 56.5 ไม่เห็นด้วยต่อการกำหนดบทเฉพาะกาลดังกล่าวในรัฐธรรมนูญ แต่อีกร้อยละ 43.5 เห็นด้วย
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)

มติกองทัพเรือไทย! ใช้3.6หมื่นล้านซื้อเรือดำน้ำจีน บอกสเปกดี อยู่ใต้น้ำได้ 21 วัน

วันที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15:13:45 น.


ผบ.ทร. ตกผลึกเลือกเรือดำน้ำจีน 3 ลำ จัดซื้อแบบจีทูจี ชี้ตอบโจทย์-คุ้มค่า  มีเครื่องเอไอพี อยู่ใต้น้ำ 21 วัน เทียบกับประเทศอื่น เผย ดำเนินการโปร่งใส ไม่มีซุกใต้พรม แจง คัดทหารรุ่นใหม่ 17 คน เฟ้นหา ยันไม่มีการล็อบบี้จากฝ่ายการเมือง

เมื่อวันที่2 กรกฎาคม ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า กองทัพเรือมีมติเป็นเอกฉันท์ในการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน จำนวน 3 ลำ โดยใช้งบประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งการจัดซื้อในครั้งนี้เป็นแบบแพ็กเกจ ถ้าหากว่าศักยภาพลำต่อลำจะตอบโจทย์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งบางครั้งได้มาลำเดียวแต่เรือไม่มีอะไรเลย  ขณะที่งบประมาณของกองทัพเรือก็หมดแล้ว มีแต่เรืออย่างเดียวทำอะไรไม่ได้ ซึ่งการจัดซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีนเพราะมีคณะกรรมการของกองทัพเรือพิจารณา 17 คน ซึ่งเป็นคนที่อยู่บนเรือ เอาทหารเรือที่อยู่ในกองเรือดำน้ำ ที่จะต้องเป็นผู้ไปอยู่บนเรือดำน้ำ เป็นผู้ให้คะแนนเองทั้งหมด ซึ่งการจัดซื้อเรือของประเทศจีนเพราะมีอาวุธครบ โดยงบประมาณที่จะใช้ 7 ปี หรือ 10 ปี ขึ้นอยู่กับรัฐบาล จะซื้อในลักษณะจีทูจี

พล.ร.อ.ไกรสร กล่าวต่อว่า เรามีคณะกรรมการเดินทางไปดูเรือดำน้ำ 6 ประเทศที่เราสนใจ โดยจัดคณะกรรมการที่เป็นคนรุ่นใหม่ จำนวน 17 คน จากกองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ และให้คะแนน 14 คนเลือกเรือดำน้ำของประเทศจีน ประเทศเยอรมัน 2 คน และประเทศสวีเดน 1คน ยืนยันไม่มีใครไปชักนำเรื่องการลงคะแนน เลือกด้วยตัวเอง เพราะเป็นเรือในอนาคต การคัดเลือกจึงต้องให้เด็กรุ่นใหม่เลือก นอกจากนี้ประเทศจีนให้การดูแลเป็นอย่างดี ทั้งการฝึกอบรม อะไหล่เรือดำน้ำจำนวน 8 ปี อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากองทัพเรือมีประสบการณ์เรื่องการซื้ออาวุธ เมื่อไม่มีเงินเราก็ไม่สามารถจัดซื้อได้ ดังนั้นการจัดซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีนครั้งนี้ถือเป็นความฉลาดและคุ้มค่ามากที่สุด

“การซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีน3ลำเป็นเรือใหม่ทั้งหมดใช้เวลาต่อเรือ 5-6 ปี กว่าที่จะส่งมาให้ และในระหว่างการต่อเรือเราจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูในรายละเอียด 2 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ กำลังพลจึงต้องไปศึกษาพอสมควร การคัดเลือกเรือของประเทศจีนเป็นการตอบโจทย์ เพราะสามารถซื้อได้ถึง 3 ลำ แต่ถ้าเป็นของประเทศอื่นจะได้เพียง 2 ลำ ทั้งนี้จะต้องมีการบริหารงบประมาณที่มีจำกัด และที่สำคัญประเทศจีนเป็นเพียงชาติเดียวที่ให้ระบบ เอไอพี เป็นระบบที่ทำให้เรืออยู่ใต้น้ำนานถึง 21 วัน โดยไม่ต้องโผล่ ขณะที่เรือของประเทศเกาหลีใต้และเยอรมัน ไม่มีระบบเอไอพี อยู่ใต้น้ำได้ 5-6 วันก็ต้องโผล่ขึ้นมา ต่างกันเยอะ ซึ่งเรือดำน้ำต้องเงียบ พรางตัวอย่างเดียว ถ้า 4-5 วันแล้วต้องโผล่ขึ้นผิวน้ำ ดาวเทียมสามารถจับได้หมด ต้องเข้าใจ บางคนบอกว่าซื้อของประเทศจีนแล้ว ส่ายหัว ความจริงแล้วไม่ใช่ ผมยังไม่อยากอธิบาย เพราะรัฐบาลยังไม่ได้อนุมัติ รอให้อนุมัติก่อนจึงสามารถพูดคุยได้ ใครถามก็ตอบได้ เพราะผมเดินทางไปดูด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้พูดไม่ได้ เพราะสื่อก็โจมตี ไม่มีประโยชน์ที่มานั่งทะเลาะกัน” ผู้บัญชาทหารเรือกล่าว

พล.ร.อ.ไกรสรณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ทราบว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนำเรื่องนี้เข้า ครม.เมื่อไหร่ แต่ยืนยันว่า กองทัพเรือจะทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ทั้งนี้ ครม.จะอนุมัติให้ก็ได้ ไม่อนุมัติให้ก็ไม่เป็นไร เราไม่มีอะไรซุกอยู่ใต้พรม ทุกอย่างเปิดเผย ยืนยันว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีนไม่มีการล็อบบี้จากฝ่ายการเมือง และการจัดซื้อเป็นระบบจีทูจี จ่ายเงินโดยภาครัฐ กองทัพเรือไม่เกี่ยว เพราะกองทัพเรือพิจารณาตาม ครม. ได้สั่งการ

พล.ร.อ.ไกรสรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำยามที่ไม่มีสงคราม เรื่องนี้ตอบยาก เพราะเวลาจะใช้ มันไม่มีจะใช้ เราไม่มีเรือดำน้ำมา 50 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยสงครามโลก แต่เมื่อซื้อก็เหมือนคนเริ่มขับเรือใหม่ แต่การขับเรือกับขับรถต่างกัน เพราะเรือดำน้ำต้องใช้คน 50 คน การทำงานต้องเป็นทีม และเทคโนโลยีเมื่อเราซื้อมาแล้วก็สามารถเดินเรือได้ แต่ด้านเทคนิคการใช้อาวุธต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องใช้เวลา ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ได้เลย ต้องใช้เวลาเรียนรู้อย่างน้อย 3 ปี ที่สำคัญเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ในการป้องปราม บางประเทศเล็กๆ มีเรือดำน้ำ 5 ลำ ยังไปต่อเพิ่มอีก 3 ลำ และพื้นที่ก็ไม่มี ซึ่งการซื้อมาเป็นอำนาจต่อรองกับประเทศเพื่อนบ้าน

////
หมายเหตุ :ข่าวเก่า ปี2558 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435824878

วัฒนาFb:"จ้า ทำไมต้องศาลทหาร"


นางสาวพัฒน์นรี หรือ หนึ่งนุช ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์หรือจ่านิว ถูกนายทหารพระธรรมนูญเข้าร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอ้างว่าเป็นตัวการร่วมกับนายบุรินทร์ อินติน กระทำความผิดในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะตอบกลับด้วยคำว่า "จ้า" อันเป็นการแสดงให้เห็นว่ายอมรับและเห็นด้วยกับการโพสต์ข้อความของนายบุรินทร์ฯ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 "ตัวการ" คือการร่วมกระทำความผิดของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ซึ่งอาจเป็นการกระทำร่วมกันหรือแบ่งหน้าที่กันทำก็ได้แต่จะต้องเกิดขึ้นก่อนความผิดสำเร็จ หากความผิดถูกกระทำจนสำเร็จลงแล้ว ผู้ที่เข้ามาหลังจากนั้นไม่อาจเป็นตัวการในความผิดนั้นได้อีก ตามคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนระบุว่านายบุรินทร์ฯ ได้ลงข้อความในเฟซบุ๊คมีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างชัดเจน ย่อมแสดงว่านายบุรินทร์ฯ เป็นผู้กระทำความผิดด้วยตนเองตามลำพังจนสำเร็จลงแล้ว แม้ภายหลังนายบุรินทร์ฯ จะมีการพูดคุยว่า "อย่าว่าผมนะที่คุยแบบนี้" และนางสาวพัฒน์นรีฯ ตอบกลับด้วยคำว่า "จ้า" ก็ไม่อาจทำให้นางสาวพัฒน์นรีฯ ตกเป็นตัวการร่วมกับนายบุรินทร์ฯ ได้ตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวหา
ประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 กำหนดให้คดีความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ฯ อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลทหาร แต่การนำพลเรือนมาขึ้นศาลทหารขัดกับข้อ 10 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและ ข้อ 14 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง นอกจากนี้ยังขัดกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งศาลทหาร ดังปรากฏตามเหตุผลท้ายพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 ที่ระบุว่า "เพื่อให้สะดวกแก่การใช้และเพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีทหารเสร็จเด็ดขาดไปโดยรวดเร็ว" ศาลทหารจึงถูกตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาคดีทหารเท่านั้น การนำพลเรือนมาขึ้นศาลทหารที่นอกจากจะขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามแล้ว ยังขัดต่อวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งศาลทหารอีกด้วย ดังนั้น การจับกุมดำเนินคดีกับนางสาวพัฒน์นรีฯ ซึ่งเป็นแม่ของนายสิรวิชญ์หรือจ่านิวที่กำลังเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ ด้วยข้อหาตามมาตรา 112 จึงไม่อาจแปลเป็นอย่างอื่นได้นอกจากรัฐบาลกำลังใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง
โฆษกรัฐบาลได้ออกมาตำหนิเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ที่เรียกร้องให้ยูเอ็นเข้ามาตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะคดีนี้ว่า เป็นการชักศึกเข้าบ้านและเป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย ที่จริงแล้วคนที่ควรละอายคือคนที่ไม่รักษากติกา หากรัฐบาลเคารพต่อคำมั่นสัญญาที่ตัวเองไปลงนามผูกพันไว้และไม่ได้มีการกระทำที่เป็นการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนแล้ว ประชาคมโลกหรือองค์กรใดก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ ตามคำพูดที่นายกรัฐมนตรีชอบพูดบ่อยๆ ว่า "ถ้าไม่ได้ทำผิดแล้วกลัวอะไร"
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
9 พฤษภาคม 2559

ชาวฟิลิปปินส์ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ปธน.อย่างคึกคัก

ชาวฟิลิปปินส์ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ปธน.อย่างคึกคัก
คูหาเลือกตั้งในฟิลิปปินส์เปิดให้ประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งไปลงคะแนนกันแล้วในวันนี้ (9 พ.ค.) โดยมีชาวฟิลิปปินส์ทยอยออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันอย่างคึกคักเพื่อสรรหาผู้จะมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ ซึ่งนายโรดริโก ดูเตร์เต นายกเทศมนตรีฝีปากกล้าถูกมองว่าเป็นตัวเต็งในศึกเลือกตั้งครั้งนี้
นายดูเตร์เต นายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ต้องขับเคี่ยวกับผู้สมัครอื่นอีก 5 คน แต่ผลการสำรวจความนิยมก่อนการเลือกตั้งพบว่าเขามีคะแนนนิยมนำโด่ง แม้ก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะเคยแสดงความคิดเห็นที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและแสดงจุดยืนทางการเมืองที่แข็งกร้าวก็ตาม
การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเฟ้นหาผู้มาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ต่อจากประธานาธิบดีเบนิกโน “นอยนอย” อากีโน ที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง เพราะรัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์กำหนดให้ประธานาธิบดีมีวาระการดำรงตำแหน่งเพียงสมัยเดียวเป็นเวลา 6 ปี
การเลือกตั้งครั้งนี้ยังเป็นการสรรหารองประธานาธิบดี วุฒิสมาชิก และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับท้องถิ่นด้วย ซึ่งบรรดาผู้สมัครต่างชูนโยบายในการรณรงค์หาเสียงหลายด้าน อาทิ การปฏิรูปเศรษฐกิจและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน การแก้ปัญหาการทุจริตและอาชญากรรม รวมทั้งการแก้ปัญหาข้อพิพาทเรื่องเขตแดนในทะเลจีนใต้
ขณะเดียวกัน ทางการฟิลิปปินส์ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100,000 นายออกรักษาความสงบเรียบร้อย ท่ามกลางปัญหาความรุนแรงก่อนหน้าการเลือกตั้ง โดยในวันนี้ มีผู้ถูกลอบยิงเสียชีวิต 7 คนในจังหวัดซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการต่อสู้ทางการเมืองอย่างดุเดือด ส่วนเมื่อวันเสาร์ (7 พ.ค.) ก็มีผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีคนหนึ่งถูกสังหารทางตอนใต้ของประเทศ
ทั้งนี้ มีชาวฟิลิปปินส์ลงทะเบียนเลือกตั้งครั้งนี้กว่า 54 ล้านคน การเลือกตั้งเริ่มมาตั้งแต่เวลา 06.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น และจะสิ้นสุดในเวลา 17.00 น. แต่เจ้าหน้าที่เลือกตั้งเผยว่า อาจขยายเวลาการเลือกตั้งในบางท้องที่เพราะเกิดปัญหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการเลือกตั้งขัดข้อง
ภาพประกอบ: (ภาพกลางแถวล่าง) นายแมนนี ปาเกียว นักชกชื่อดังมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง (ภาพล่างขวา) ชนเผ่าอิโกรอตของฟิลิปปินส์มาร่วมใช้สิทธิ์ด้วย