PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หัวใจของประชาธิปไตยคือ: เมื่อคนเราเท่ากัน อำนาจย่อมเกิดจากตัวเลข

เบื้องหลังตัวเลข ๒๐ ล้านของคนไทยที่ออกมาเลือกตั้ง ๒ กุมภาพันธ์ คือ ๒๐ ล้านเหตุผลที่พวกเขาแต่ละคนตัดสินใจออกมาเลือกตั้งทั้ง ๆ ที่ถูกกปปส. ขัดขวางกีดกันกลั่นแกล้งนานัปการ

เหตุผลต่าง ๆ ของคนต่าง ๆ ที่ออกมาเลือกตั้งเหล่านั้น "อยู่ยงคงกระพัน" ต่อให้อำนาจศาลเจ้า ม็อบ "มวลมหาประชาชน" และพรรคการเมืองขี้แพ้ขี้ฟ้องใด ๆ สั่งโมฆะเลือกตั้ง โมฆะเสียงของพวกเขา แต่หากเหตุผลของพวกเขาถูกต้อง มันก็ย่อมยังดำรงคงอยู่ ยังมีน้ำหนัก และตราบที่เหตุผลเหล่านั้น ถูกต้อง ก็ไม่มีใครหน้าไหนจะมาโมฆะมันได้ ไม่ว่าด้วยอำนาจตลก ๆ อะไรก็ตาม

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญจะบ้าจี้ วินิจฉัยตามที่พรรคประชาธิปัตย์ฟ้องร้องว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ใช้อำนาจตลกมาโมฆะ ๒๐ ล้านเหตุผลของคนไทย ๒๐ ล้านคน เท่ากับศาลปรักปรำว่าคนไทย ๒๐ ล้านคนที่ออกมาเลือกตั้งเป็นจำเลยทำผิดในการเลือกตั้ง

พวกเราในบรรดาจำเลยทั้ง ๒๐ ล้านคน จะขอใช้สิทธิกล่าวแก้คดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เราต้องการประกาศเหตุผลของเราว่า ทำไมเราไปเลือกตั้ง ๒ กุมภาฯ ทั้ง ๆ ที่ถูกกปปส. ขัดขวางกีดกันกลั่นแกล้งทำร้ายข่มขู่ด้วยกำลังและอาวุธสงครามนานัปการ

เราต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญรับฟังเหตุผลของพวกเราทุก ๆ คน! จำเลยผู้เลือกตั้งทั้ง ๒๐ ล้านคนจะเรียกร้องสิทธิ์กล่าวแก้คดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ!

เราจะประกาศให้โมฆะบุคคลและโมฆะศาลเจ้าทั้งหลายได้รับรู้รับฟังกัน

เกษียร เตชะพีระ
สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย


สำนักงานข้าหลวงใหญ่ยูเอ็น กังวลเหตุรุนแรงไทย

สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มีความกังวลต่อการปะทะกันอย่างรุนแรง ใต้บริบทการชุมนุมทางการเมือง

(4 กุมภาพันธ์ 2557, กรุงเทพมหานคร) สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงความกังวลต่อกรณีการเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธปืน ใกล้สำนักงานเขตหลักสี่ ระหว่างกลุ่มต่อต้านรัฐบาล และกลุ่มสนับสนุนการเลือกตั้ง ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 เหตุการณ์นั้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 คน

OHCHR เข้าสังเกตการณ์สถานการณ์ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2557 เป็นต้นมา และมีกังวลเป็นอย่างมากที่เห็นบุคคลบางส่วนในที่พื้นที่ชุมนุมมีอาวุธ รวมถึงอาวุธปืน ขณะเดียวกัน ระเบิดและปืนได้ถูกใช้ต่อกลุ่มผู้ชุมนุม โดยผู้ก่อเหตุไม่ทราบฝ่าย OHCHR มีความกังวลอย่างสูงว่า สถานการณ์ปัจจุบันสามารถแพร่ขยายไปสู่ความรุนแรงที่ร้ายแรงและการเผชิญหน้า กันด้วยอาวุธ OHCHR เรียกร้องให้ทุกฝ่าย ละเว้นการพกพาอาวุธหรือใช้ความรุนแรง

แม้ว่าทาง OHCHR มีความยินดีที่เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายมีความอดกลั้นในการควบคุมฝูงชน ในหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา OHCHR ขอเน้นว่า รัฐบาลมีหน้าที่การสืบสวนและดำเนินการกับผู้ที่รับผิดชอบต่อกรณีเหตุรุนแรง ในวันเสาร์ และเรียกร้องทุกฝ่ายให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสืบสวนนี้

แม้ ว่า OHCHR ให้ความสำคัญกับสิทธิในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมอย่างสงบ ในฐานะที่เป็นหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย OHCHR ย้ำกับทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องว่า การใช้สิทธิเหล่านี้ มาพร้อมกับความรับผิดชอบในการเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้อื่นเช่นเดียวกัน ประชาชนควรจะมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นสงบและในการใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง ในวันที่ 1 และ 2 กุมภาพันธ์ 2557 OHCHR ได้ลงพื้นที่ในเขตจตุจักร ดินแดง ดอนเมือง หลักสี่ ลาดพร้าว พญาไท ราชเทวี สายไหม และพื้นที่อื่นๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อสังเกตสถานการณ์ก่อนและช่วงการเลือกตั้ง

Admin เดบูต์


กองกำลังลับของฮุนเซ็น"

4ก.พ.57 มีการระบุจาก เพจ Watch Red Shirt ศูนย์ปฏิบัติการติดตามผู้ชุมนุมเสื้อแดง ว่า ชายที่ถูกยิงหน้า หลักสี ชื่อ"อาเกว"เป็นอดีตทหารรับจ้างเวียดนาม ที่เข้ามาช่วยเขมรแดง

"ไม่ธรรมดา.....ชายที่นอนนิ่งที่ถูกยิงหน้า ไอทีสแควร์....เป็นกองกำลังลับของฮุนเซ็น". ภาพชายที่นอนนิ่ง ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อโปโลขาว สายเส้นขวางเล็ก อยู่ที่บริเวณ โลเคิลโรด หน้า IT Square หลักสี่ อาเกว เป็นอดีตนายทหารรับจ้างเวียตนาม ที่เข้ามาช่วยเขมรแดงรบ เพื่อยึดอำนาจในเขมรให้ฮุนเซน และยังคงกำลัง เป็นกองกำลังลับ สำหรับปฎิบัติภาระกิจต่างๆ เพื่อขจัดคู่ต่อสู้ของฮุนเซน ในเขมร เมื่อฮุนเซน และทักษิณ จับมือกัน จน ดองกัน แบบเครือญาติ อาเกว และกองกำลังของ อาเกว ก็ถูกถ่ายโอนมาให้ทักษิณ ในการดูแลของ นปช.และเข้ามาทำหน้าที่เฉกเช่นเดียวกันกับ ที่ฮุนเซนเคยใช้งาน เมื่อวันนั้น อาเกว คงคิดว่า การที่ตัวเอง และกองกำลังของตนเองหมกตัวอยู่แถวดอนเมือง น่าจะปลอดภัย แต่การข่าวของทหาร..รู้มานานแล้ว แต่ก็สงสัยว่า ตำรวจก็รู้ ทำไมถึง ไม่จัดการอะไร ทหารจึงถึงบ้างอ้อ เพราะ ตำรวจทำตามคำขอ ของ นปช. ที่ต้องการให้ตำรวจ ทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับกลุ่มของ อาเกว วันนั้น อาเกว คือ ชายรายแรก ที่ถูกยิงจากกระสุนความเร็วสูงนอนสงบนิ่ง อยู่ที่ หลักสี่ เพื่อตัดทอนการสั่งการ ให้กองกำลังของ อาเกว ทำการได้สำเร็จ เป้าหมาย พุทธะอิสระ และคนรอบข้าง เพื่อสร้างสถานการณ์ปฎิวัติ... ตอนนี้ กองกำลังของ อาเกว..หลบหนี จากดอนเมือง กระจัดกระจาย หนีตาย เพื่อข้ามแดน กลับเขมร บางส่วนหนีขึ้นทางเหนือของไทย เพื่อใช้ช่องทางชายแดนกลับเวียตนาม กองกำลังนี้ มี ประมาณ 30 คน @ข่าวล่าสุด รพ.แถลง คนไข้รายนี้อัมพาต ตั้งแต่ระดับคอลงมา @ธิดา_ไปเยี่ยมอาการ ตั้งแต่วันแรก ขอบคุณแหล่งข้อมูล_Gukonthai Neverdie


"สตง." กัดไม่ปล่อย! เตรียมร่อนหนังสือเตือนฉบับที่สอง ถึง "ปธ.กกต." "รักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์"ทบทวนจัดเลือกตั้งอีกครั้ง

"สตง." กัดไม่ปล่อย! เตรียมร่อนหนังสือเตือนฉบับที่สอง ถึง "ปธ.กกต." "รักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์"ทบทวนจัดเลือกตั้งอีกครั้ง หลังผลการดำเนินงานวันที่ 2 ก.พ. พบปัญหาเพียบตามคาด เสี่ยงถูกตัดสินโมฆะ ระบุชัดพูดแล้วไม่ฟัง เงินแผ่นดิน 3.8 พันล้าน สูญเปล่า ต้องมี "ผู้รับผิดชอบ" 

จากกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนถึงนายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทบทวนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม 2557

โดยให้เหตุผลในเรื่องความกังวลและห่วงใยต่อการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจำนวน 3,885 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเลือกตั้งของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งในและต่างประเทศ ที่จะต้องเสียไป เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความสูญเปล่าไม่ประหยัด ไม่เกิดประโยชน์คุ้มค่า อันเนื่องมาจากการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินมิได้ผลตามเป้าหมายของการเลือกตั้ง ส.ส. และอาจจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปหลายครั้งในระยะเวลาใกล้เคียงกัน

(อ่านประกอบ: "สตง."จี้"กกต."ทบทวนจัดเลือกตั้ง2ก.พ.หวั่นเงินแผ่นดิน3.8พันล.สูญเปล่า, ไม่ใช่แค่กกต.!สตง.ร่อนหนังสือจี้"ยิ่งลักษณ์"ทบทวนจัดเลือกตั้ง2ก.พ.ด้วย)

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 แหล่งข่าวระดับสูงจาก สตง. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ในเร็วๆ นี้ สตง.จะทำหนังสือแจ้งเตือนฉบับที่สอง ไปถึงนายศุภชัย ประธาน กกต. และน.ส.ยิ่งลักษณ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาทบทวนการจัดเลือกตั้งอีกครั้ง เนื่องจากผลการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ออกมา ปรากฎให้เห็นชัดเจนถึงความไม่เรียบร้อยในการดำเนินจัดการเลือกตั้ง ในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติ มีหลายเขตที่ถูกยกเลิกไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ และต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ และมีแนวโน้มสูงว่า ในหลายพื้นที่อาจจะมีปัญหาซ้ำรอยเกิดขึ้นอีก ต้องจัดเลือกตั้งอีกหลายครั้งถึงจะแล้วเสร็จ อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติมาแล้วจำนวน 3,885 ล้านบาท ตามที่ สตง.เคยท้วงติงไป

นอกจากนี้ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นอาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล กรณีมีผู้นำเรื่องไปร้องเรียน และหากผลการพิจารณาออกมาว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นโมฆะ ก็เท่ากับว่างบประมาณจำนวน 3.8 พันกว่าล้านบาท ที่ใช้จ่ายไปเกิดความสูญเปล่า

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า "ก่อนหน้าการเลือกตั้ง 2 ก.พ. สตง. ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนเป็นทางการไปแล้ว หลังการเลือกตั้งเราจำเป็นต้องทำหนังสือแจ้งเตือนไปอีกครั้ง ให้ กกต. และรัฐบาล พิจารณาทบทวนเรื่องการจัดการเลือกตั้งต่อไปอีกครั้ง โดยรอบคอบ เพื่อให้การใช้จ่ายเม็ดเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นเงินภาษีประชาชน คุ้มค้าและเกิดประโยชน์มากที่สุด

"ถ้าครั้งนี้ เราเตือนไปแล้ว ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หากมีความเสียหายเกิดขึ้น จะต้องมีผู้รับผิดชอบ" แหล่งข่าวระดับสูงจากสตง.ระบุ


(คลิป)อภิสิทธิ์ ตอบ บีบีซี.ประเด็นบอยคอตเลือกตั้ง





ชมคลิป′มาร์ค′ตอบ′บีบีซี′ ประเด็นบอยคอตเลือกตั้ง กับปฏิกิริยา...เมื่อเจอคำถามเข้าเป้า!?!

วันที่ 04 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 14:14:13 น.



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ บีบีซี ของ อังกฤษ ซึ่งมีนายโจนาธาน  เฮด  เป็นผู้ตั้งคำถาม เกี่ยวกับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ บอยคอตการเลือกตั้ง ครั้งล่าสุด  โดยสรุปใจความได้ว่า   นายอภิสิทธิ์ ได้อธิบายเหตุผลว่า   ไม่ใช่เพราะกลัวแพ้  เพราะก่อนจะมีการเลือกตั้งในครั้งนี้  ได้ทำการหยั่งเสียงประชาชน  ก็พบว่า  มีคะแนนนำเล็กน้อย  แต่เพราะประชาชนไม่อยากเลือกตั้ง  ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ทำให้ครบองค์ประชุมของสภา   ทั้งในทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องยอมรับความจริง และหาวิธีทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไป   ตนเองคิดว่า  ประชาชนทุกฝ่ายยอมรับความจำเป็นที่จะต้องมีการเลือกตั้ง แต่ที่ตกลงกันไม่ได้ คือจะต้องมีการปฏิรูปแบบใด หรือต้องมีการปรับปรุงกระบวนการเลือกตั้งอย่างไร เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าการเลือกตั้งเหล่านี้เป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม เป็นเหตุให้พวกเขาเรียกร้องให้มีการปฏิรูป



ทั้งนี้ นายโจนาธานได้ตั้งคำถามว่า  รู้สึกสบายใจไหมกับการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย  แต่ตัวคุณเองไม่เคยแสดงจุดยืนออกห่างจากกระบวนการที่กำลังทำลายประชาธิปไตยเลย   นายอภิสิทธิ์ ก็ตบอว่า  ไม่มีใครสบายใจกับปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้   แต่ก็ได้เสนอทางเลือก ทางออก ไปแล้ว  แต่รัฐบาลปฏิเสธที่จะยอมรับ จากนั้น นายโจนาธานได้ตั้งคำถามต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเมืองไทย ซึ่งระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีส่วนร่วมในการทำให้ประเทศชาติเกิดความวุ่นวาย พร้อมกับถูกมองว่า สนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอย่างกลุ่ม กปปส. อีกหลายคำถาม ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้ตอบโต้ชี้แจงในหลายประเด็น ด้วยท่าทีที่จริงจัง



อย่างไรก็ตาม มติชนออนไลน์ได้นำคลิปวิดีโอ ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์ที่มีการอัพโหลดผ่านเว็บไซต์ยูทูบ ที่มีความยาว 04.25 นาที มาให้ได้ชมปฏิกิริยาการโต้ตอบ ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย กับ ผู้สื่อข่าว บีบีซี มาให้ได้ชมกัน...



ที่มาข่าว : มติชน

ระวังน้ำผึ้งหยดเดียว เนรเทศลุงสาธิต จะบานปลาย กระทบความสัมพันธ์ ไทย-อินเดีย เหมือนกรณี สหรัฐฯ -อินเดีย

ระวังน้ำผึ้งหยดเดียว เนรเทศลุงสาธิต จะบานปลาย กระทบความสัมพันธ์ ไทย-อินเดีย เหมือนกรณี สหรัฐฯ -อินเดีย ที่ กงสุลใหญ่อินเดี แห่งนครนิวยอร์ก "นางเทพญาณี โกบราเกด" ถูกจับกุมตัว และใส่กุญแจมือในที่สาธารณะ และถอดเสื้อผ้าค้นตัว ระหว่างอยู่ในการควบคุมตัว ของเจ้าหน้าที่ในสหรัฐฯ

คนรัฐบาลออินเดีย ประณามเหตุการณ์นี้ ถือเป็นเรื่องเกียรติภูมิของชาติ การกระทำต่อนักการทูตอินเดียนั้น เป็นเรื่องไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง อินเดียได้ลดเอกสิทธิ์ทางการทูต ต่อบรรดานักการทูตสหรัฐฯ โดยได้ขอให้คืนบัตรประจำตัว นอกจากนี้ รัฐมนตรีมหาดไทย "นายสุชิล กุมาร" และรองประธานพรรคคองเกรส ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล "นายราหุล คานธี" ก็ได้ยกเลิก กำหนดการไปพบ คณะผู้แทนสภาคองเกรสจากสหรัฐฯ เพื่อประท้วงการจับกุม นักการทูตอินเดีย

รัฐบาลอินเดีย กำลังจะมี เลือกตั้งทั่วไปอีก 4 เดือน อาจมีการนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง พรรคฝ่ายค้านอาจแสวงประโยชน์ได้


เสรี สุวรรณภานนท์:รัฐบาลรักษาการ"ยิ่งลักษณ์"หมดอายุ1เม.ย.57

วันที่ 4 ก.พ. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมมูญ 2540 ได้โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า "เสรี สุวรรณภานนท์" ระบุว่า หลังรัฐบาลประกาศ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 55 และจัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 57 แล้ว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 127 บัญญัติให้มีการเรียกประชุมสภาฯ ครั้งแรก หลังการเลือกตั้งภายใน 30 วัน และให้สภาฯ เลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่เปิดสภาฯ แต่เมื่อพิจารณาสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน คาดว่าจะไม่สามารถกระทำได้อย่างแน่นอน
 
ดังนั้นจะทำให้รัฐบาลรักษาการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หมดอายุลงในวันที่ 1 เมษายน 2557 และเมื่อถึงวันที่ 2 เมษายน ประเทศไทยก็จะไม่มีรัฐบาลรักษาการอีกต่อไป ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศก็จะล่มสลาย และประชาชนได้รับความเดือดร้อน
 
นายเสรี โพสต์ต่อไปว่า หากต้องการแก้ปัญหาบ้านเมืองในปัจจุบัน รัฐบาลรักษาการ ควรลาออกจากตำแหน่ง ดีกว่ารอให้ประชาชนออกมาสู้รบกันเอง จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง
 
ข้อความที่นายเสรี โพสต์บนเฟซบุ๊คส่วนตัวมีดังนี้
 
อายุรัฐบาลรักษาการ มีถึงวันที่ 1 เมษายน 2557
 
ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกา ให้มียุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา ทำให้อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 และทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ตาม รธน. มาตรา 180 ซึ่ง รธน. มาตรา 181 กำหนดให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ เท่ากับคณะรัฐมนตรีปัจจุบัน คงทำหน้าที่รักษาการตามที่พูดกัน
 
แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันที่ทำหน้าที่รักษาการอยู่ จะมีอายุเวลารักษาการเท่าใดนั้น รธน.มาตรา 127 ได้บัญญัติว่า ภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก ก็เพื่อจะให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ซึ่งทำให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญ ก็มีเจตนาที่จะให้มีนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว และไม่ต้องการให้คณะรัฐมนตรีรักษาการไปนาน ๆ เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องอำนาจหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ดังกล่าว
 
ซึ่งหลังจากวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ตอนนี้ผลการเลือกตั้งปรากฏว่ายังไม่สามารถเลือกตั้งให้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ครบจำนวน 95% ตาม รธน.มาตรา 93 หากมีการประชุมรัฐสภาครั้งแรก ตาม รธน. มาตรา 127 คงมีได้เฉพาะสมาชิกวุฒิสภา ที่ทำหน้าที่รัฐสภา ตาม รธน. มาตรา 132 เท่านั้น เพราะยังไม่มีสภาผู้แทนราษฎร แต่ถือว่าเป็นเจตจำนงที่รัฐธรรมนูญ ประสงค์ให้มีการประชุมรัฐสภาครั้งแรกภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคม 2557 การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา ก็มีปัญหามากมาย ที่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นโมฆะหรือไม่ ?
 
ส่วนการจัดการเลือกตั้งอีกต่อไปได้หรือไม่นั้น ก็ยังเป็นปัญหา เพราะ รัฐธรรมนูญ มาตรา 108 กำหนดให้วันเลือกตั้งต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร แต่ที่ผ่านมา การเลือกตั้งไม่สามารถทำได้วันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
 
ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ได้บัญญัติว่า “ให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก ตามมาตรา 127 โดยจะครบกำหนดเวลาในวันที่ 1 เมษายน 2557 เท่ากับว่า ตามมาตรา 172 และมาตรา 127 ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลรักษาการย่อมมีอายุอยู่ได้ถึงวันที่ 1 เมษายน 2557 เท่านั้น และในที่สุด นับแต่วันที่ 2 เมษายน 2557 ประเทศไทยก็จะไม่มีรัฐบาลรักษาการอีกต่อไป
 
และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน การเลือกตั้งที่จะให้ได้ ส.ส.จำนวน 95% ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 เพื่อจะให้เปิดประชุมรัฐสภา ภายในวัน 30 วันนั้น ไม่อาจกระทำได้แน่นอน และการให้สภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบแต่งตั้งบุคคลให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกดังกล่าว ก็ไม่อาจกระทำได้ อายุของคณะรัฐมนตรีรักษาการก็จะสิ้นสุดในวันที่ 1 เมษายน 2557 รัฐบาลรักษาการ ก็คงทำหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็นตาม รธน.มาตรา 181 ทำให้เกิดปัญหาการบริหารประเทศมากมาย ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นนานมากกว่านี้อีกต่อไป เศรษฐกิจของประเทศก็จะล่มสลาย ประชาชนก็จะได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาของบ้านเมืองในปัจจุบัน รัฐบาลรักษาการ ควรลาออกจากตำแหน่งในช่วงเวลานี้ก็จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น ซึ่งน่าจะดีกว่ารอไปให้ถึงวันที่ 1 เมษายน 2557 อย่างแน่นอน
 
ดีกว่าปล่อยให้ประชาชน ออกมาปะทะออกมาสู้รบกันเองให้บาดเจ็บล้มตาย ซึ่งจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด และดีกว่าปล่อยให้เศรษฐกิจของประเทศต้องล่มสลายพังพินาศเสียหายเนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอยู่ในปัจจุบัน
 

ศรส.เนรเทศ"สาธิต เซกัล"ระวังผลกระทบไม่คาดคิด


บรรลัยกันแน่คราวนี้ เป็ดเน่า คนโบราณสอน" อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน ชาติไทยจักสิ้น แผ่นดินจะสูญ อย่าอ้างเบื้องฟ้า เพื่อหาบุญคุณ อย่าอ้างธรรมนูญ ค้ำบุญตัวเอง " มีคำสั่งให้ ตม.เนรเทศ นายสาธิต เซกัล แกนนำหลักของ กปปส. ซึ่งมีตำแหน่ง นายกสมาคมธุรกิจอินเดีย-ไทย เนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าว ทั้งๆที่ใช้ชีวิตในไทยเกือบตลอดชีวิต

ลุงสาธิต นับว่าความสำคัญ เพราะมิได้ แค่มีตำแหน่ง นายกสมาคมธุรกิจอินเดีย-ไทย ที่มีความสำคัญต่อการค้า การลงทุน ระหว่าง 2 ประเทศ ที่ผ่่านมามีบทบาทแกนหลัก ในการสร้างสัมพันธ์ทางการค้า โดยอินเดียเป็นตลาดขนาดใหญ่ ประชากรกว่า 1 พันคน มีเศรษฐีมีราว 300 ล้านคน นักท่องเที่ยวอินเดีย นิยม ที่เดินทางเข้ามาจัดงานแต่งงานในไทย และยังมี กองทัพมดเดินทางเข้ามาซื้ อสินค้ากลับไปขายปีละ 5,000 คน

สินค้าที่อินเดียมีความต้องการมาก คือ ทองและอัญมณีและเครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้เด็กแรกเกิด-14 เดือน ของตกแต่งบ้านผลไม้ไทย เช่น เงาะ ล าไย ทุเรียนมังคุด มะขามหวาน และส้มโอ ส่วนธุรกิจบริการ ที่มีโอกาสลงทุนในอินเดีย ก็มีร้านอาหารไทย ซึ่งนิยมต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน

นอกจากนี้ การจับกุม ลุงสาธิต จะทำให้ ชาวซิกข์ถือเป็นชาวอินเดีย กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ในสังคมไทย ออกมาต่อต้านรัฐบาล ร่วมกับ กปปส ทั้งประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มหัวรุนแรง ได้เห็นกันแล้วว่า วันลุงกำนันเดิน นับเป็นครั้งแรกที่คนอินเดียนำเงินมาบริจาค ในกิจกาารมทางการเมือง

ที่มา FB 
Siriwanna Jill


'บรรหาร'จี้กกต.เร่งจัดการลงคะแนนลต.

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

0
 
"บรรหาร"พอใจภาพรวมการเลือกตั้ง จี้กกต.เร่งจัดการลงคะแนนเลือกตั้งเขตที่เหลือ รับเป็นห่วงรัฐบาล หลังกปปส.ยกระดับการชุมนุม คาดไม่ลามพรรคร่วม
นายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา พอใจในภาพรวมการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 2 ก.พ. ส่วนที่มีบางเขตไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ตนอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ส่วนจำนวนว่าที่ ส.ส. พรรคชาติไทยพัฒนา แบบแบ่งเขตที่สื่อมวลชนได้คาดการณ์ไว้ที่ 21 ที่นั่งนั้น เบื้องต้นทางพรรคยังสรุปชัดเจนไม่ได้ แต่ไม่อยากให้ได้ส.ส.น้อยกว่าที่ผ่านมา
นายบรรหาร กล่าวถึงการยกระดับการชุมนุม กปปส. เป็นการปิดล้อมที่ทำงานของครม. ว่า ตนเป็นห่วงอยู่ แต่เชื่อว่าจะไม่มีการยกระดับกดดันพรรคร่วมรัฐบาลให้เลิกสนับสนุนรัฐบาล ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรตนไม่รู้

เพจฝ่าย กปปส.แฉมีการระดมพลผ่าน"โกตี๋"ก่อนเกิดเหตุการณ์หลักสี่เลือด๑ก.พ.

(4ก.พ.57) FB ฝ่าย กปปส.เพจ กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ ออกมา แฉ ว่า 
Nanniie Nance เป็นทีมงานฝ่ายเสื้อแดง ที่ร่วมในท่ม งานของ เพจ นะโม ตัสสะ มีส่วนในการทำให้เกิดสถานการณ์นองเลือดที่หลักสี่ โดยนะ ข้อความสื่อสารของ   Nanniie Nance  ที่โพสวันนั้น มายืนยัน ว่า มีการขอระดัมพล เพื่อทำการยึด สำนักงานเขตหลักสี่ ที่หลวงปู่พุทธ อิสระ เข้าไปยึดไว้ก่อน คืน  โดย Nanniie Nance  ให้มีการประสานกับ อำนวย และ โกตี๋ เพื่อเคลื่อนไหวในเวลา ๑๒.๐๐น.ของวันที่ ๑ ก.พ.๕๗


น้องแนน หนึ่งในทีมงานของนะโม ตัสสะ ที่มีส่วนร่วมทำให้เกิดสงครามกลางเมือง@แยกหลักสี่ admin...puk


แดงจับตาองค์กรอิสระสอยยิ่งลักษณ์ ปลุกเตรียมม็อบตัดน้ำไฟป่วนแบบกปปส.

เพจ สายเสื้อแดง ให้ จับตาสถานการณ์การเตรียมใช้องค์กรอิสระ จัดการรัฐบาล"ยิ่งลักษณ์"โดยใช้ ปปช.ขัดการ"ยิ่งลักษณ์"กรณีจำนำข้าว และ ใช้ศาลรัฐธรรมนูญเอาผิด สว.เลือกตั้ง  เตือนให้เตรียมพร้อมออกมาเคลื่อนไหวใหญ่ แบบกปปส.หาก มีการจัดการ"ยิ่งลักษณ์"หลุดพ้นอำนาจ
//
สารถึงพี่ๆเสื้อแดง
************************
ตอน : มันไม่ใช่แค่ สงครามของคนเสื้อแดง
แต่มันคือสงครามของ ผู้รักประชาธิปไตย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

หลังเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 2 กุมภา ที่ผ่านมา
และ จากคลิป นายทหารเก่า ระดับอายุ 70 อัพ

นั่นคืออะไร ??

นั่นคือ อีกกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังของม็อบ กปปส. อีก 1 กลุ่ม

เกมส์ที่ฝั่งตรงข้ามที่จะเดินต่อจากนี้ คือ ????

การใช้องค์กรอิสระ ในมืออำมาตย์

1. ให้ กกต. สะมะชัย ( สมชัย ) ยื้อการเลือกตั้ง 28 เขต
เพื่อไม่ให้ครบ 95 %
ซึ่งจะมีผลทำให้ รัฐบาลเปิดสภาไม่ได้
( ข้อนี้ ต้องจับจ้อง และ กดดัน กกต. สมชัย )

2. การที่มี " นายกฯรักษาการ "
นั่นคืออุปสรรคที่ฝั่งตรงข้าม ตั้งนายกฯ ม.7 ไม่ได้

แล้วฝั่งตรงข้ามจะทำอย่างไร ?

ใช้ ปปช. ขับเคลื่อน เอาผิด นายกฯเรื่องจำนำข้าว ให้ได้
ถึงแม้ว่า หลักฐานจะสาวไปไม่ถึงก็ตามที

3. ใช้ ศาลรัฐธรรมนูญ เอาผิด สว. เลือกตั้ง
ในการลงชื่อแก้กฏหมายรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยที่มาของ สว.

เพราะ .. ถ้าไม่มี นายกฯรักษาการ และ ไม่มี สว.เลือกตั้ง
ก็จะเหลือเพียง สว. ลากตั้ง ซึ่งสั่งได้
ทำการเปิดสภา เลือกนายกฯ ในกรณีฉุกเฉิน

พี่ๆ .. มองข้าม ม็อบ กปปส. ไปก่อนได้เลย
เพราะ มันเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆในเกมส์
ที่มีหน้าที่ พยายามขัดขวางการเลือกตั้ง เท่านั้นเอง

จุดใหญ่ ให้โฟกัสไปที่ องค์กรอิสระทั้งหมด
ที่จะค่อยๆเริ่ม ขับเคลื่อนกันออกมา

คนเสื้อแดง และ คนรักประชาธิปไตย ควรทำอย่างไร ?

1. จับจ้อง / กดดัน / ให้ กกต.สมชัย
รีบจัดการเลือกตั้งที่เหลือ

2. จับตาไปที่ ปปช. และ ศาลรัฐธรรมนูญ
ถ้าตัดสินเพื่อที่จะปลด นายกฯรักษาการ
นั่นคือเวลาของ ... " คนเสื้อแดง " ที่จะต้องเคลื่อนพล

แล้วให้คนเสื้อแดงเคลื่อนออกมาเที่ยวนี้ทำอะไร ??

ก็ดูว่า .. ม็อบ กปปส. มันทำไว้อย่างไร ?
เราก็ทำแบบนั้นเช่นกัน ( มันทำได้ .. เราก็ทำได้ )

เช่น .. มันตัดน้ำ-ตัดไฟได้ .. เราก็ต้องทำได้ เช่นกัน
ส่วนที่ไหนบ้าง ? ถึงตอนนั้น คงมาว่ากันอีกที

เอาที่กรุงเทพฯนี่แหละ .. เพราะเป็นแหล่งรวมของ " สลิ่ม "
เพราะฉะนั้น เมื่อสลิ่มเป็นคนก่อหวอดครั้งนี้ขึ้นมา
สลิ่มกรุงเทพฯก็คงต้องรับผลที่ตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ครั้งนี้อยากให้คนเสื้อแดง รวมใจครั้งยิ่งใหญ่ .. ก้าวออกมา
เรามี พี่น้องเรา ทั่วประเทศ 26 ล้านคน
ถ้าเคลื่อนพลครั้งนี้ อยากเห็นอย่างต่ำ 10 %
( 2.6 ล้านคน ) อยู่ในกรุงเทพมหานคร
เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

ถ้าเหตุการณ์ปลด นายกฯ เกิดขึ้น
มันคงถึงเวลาที่ คนเสื้อแดง คงต้องสำแดงพลัง
ปกป้อง ความถูกต้อง / ปกป้องประชาธิปไตย

สิ่งที่เลวร้าย แบบสุดๆ ที่คนเสื้อแดงจะต้องประสบ
ก็มีอย่างเดียว ซึ่ง พี่ๆ คงรับทราบกันดี
นั่นคือการ เคลื่อนพลออกมาของทหาร

แล้วถ้า .. ไม่สู้ได้มั้ย ??

ได้เจ้าค่ะ .. เพราะ ถ้ามันกลับมาได้เที่ยวนี้ ..
มันจะไล่ล่า พี่น้องเรา แบบไม่เหลือซาก

แล้วถ้าสู้ล่ะ ??

สู้ .. ก็มีลุ้น !!

เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ .. พี่ๆคงต้องถามใจตัวเอง แล้วว่า ..

" ลุกขึ้นสู้ .. หรือจะอยู่ .. อย่างคุกเข่า "

นะโม ( สู้เท่าที่มี .. ก็ยังดี กว่าไม่สู้ )

กลาโหม แจง เป็นเอกสารปลอม

พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า เอกสาร ที่มีการเผยแพร่กัน อย่างกว้างขวางใน โซเชี่ยล มีเดีย นั้น ไม่ใช่เอกสารของทางราชการ ของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ แต่อย่างใด โดยทาง สำนักพระราชวัง ได้รับทราบเรื่องแล้วว่า มีการปลอมเอกสารเช่นนี้ จึงอยากขอร้องว่า อย่านำการเมืองไปเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ที่คนไทยทุกหมู่เหล่า เทิดทูน เลย เพราะการดูแลความปลอดภัย รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นหน้าที่ของตำรวจ และทหารในพื้นที่ อยู่แล้ว ไม่มีกำลังพล ของหน่วยในพระองค์ มาเกี่ยวขัอง แต่อย่างใด จึงขอเรียนให้ทราบ โดยทั่วกัน

ที่มา : เพจวาสนา นาน่วม


“ดาบ 4 เล่ม” ในมือ “องค์กรอิสระ” จ่อคอหอยรัฐบาลยิ่งลักษณ์

“ดาบหนึ่ง” การไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่มา ส.ว. ซึ่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำวินิจฉัยว่าขัดมาตรา 68 ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นการไต่สวนของ “คณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ” (ป.ป.ช.) และ ป.ป.ช.ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหาให้กับ ส.ส.และ ส.ว. จำนวน 310 คนแล้ว

ผลสะเทือนของคดีนี้คือ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคสี่ ระบุว่า หาก ป.ป.ช.มีมติชี้มูลกับบุคคลใด “ผู้ดำรงตำแหน่งที่ถูกกล่าวหา” จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้จนกว่ากระบวนการถอดถอนในวุฒิสภาจะได้ข้อยุติ นั่นคือหาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยรายใดถูก ป.ป.ช.ชี้มูลในคดีนี้ จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว นับแต่วันที่ชี้มูล

หลังจากนั้น ยังต้องไปรอลุ้นว่าจะถูก ส.ว.ลงมติถอดถอนหรือไม่ ซึ่งหากใครได้รับเสียงถอดถอนเกินกว่า 3 ใน 5 ของจำนวน ส.ว.เท่าที่มีอยู่ จะต้องถูกตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งใดทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี

“ดาบสอง” โครงการรับจำนำข้าว คดีนี้อยู่ที่ ป.ป.ช.เช่นกัน โดยล่าสุด ป.ป.ช.ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหากับ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีต รมว.พาณิชย์ กรณีจีทูจีขายข้าวกับจีนเป็นเท็จ ส่วน “ยิ่งลักษณ์” ก็ถูกตั้งอนุกรรมการไต่สวนในฐานะ “ประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)” กรณีที่ทราบถึงความเสียหายโครงการดังกล่าวแต่ไม่ระงับยับยั้ง

จุดเสี่ยงของคดีนี้ ก็เช่นเดียวกันคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือหาก “ยิ่งลักษณ์” ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

ที่น่าสนใจคือกรณีนี้มีผู้ยื่นคำร้องให้เอาผิดกับ “ยิ่งลักษณ์” ทั้งปมถอดถอน และปมให้ดำเนินคดีอาญา

หากเป็นกรณีถอดถอน จะใช้เวลาดำเนินการไม่นาน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่าให้ต้องทำ “โดยเร็ว” ส่วนกรณีดำเนินคดีอาญา แม้จะส่งไปที่ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพียงศาลเดียว” แต่จากสถิติการดำเนินคดีในศาลฎีกาฯ ดังกล่าว มักจะใช้เวลา 1-2 ปีด้วยกัน

นั่นแปลว่าต่อให้การเลือกตั้งผ่านฉลุย และ “ยิ่งลักษณ์” ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก 4 ปี แต่ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปอย่างน้อย 1-2 ปี เรียกง่ายๆ ว่า “เกือบครึ่งเทอม”

“ดาบสาม” กรณีที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ว.สรรหา และ “วิรัตน์ กัลยาศิริ” อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินของ “รัฐบาล” ขัดต่อมาตรา 181 (4) หรือไม่

เพราะการเลือกตั้งในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีความชอบธรรมมากพอหรือไม่ และหากไม่มีความธรรมการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะเฉพาะพื้นที่กทม.-ปริมณฑล หรือจะโมฆะทั้งประเทศ

ซึ่งต้องรอลุ้นคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ในเร็วๆนี้

และ “ดาบที่สี่” สดๆ ร้อนๆ จากกรณีที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะให้ฝ่ายกฎหมายของพรรค ไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่าการที่รัฐบาลยังดึงดันจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ต่อไป แม้ กกต.จะทักท้วงถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ แล้ว อาจการกระทำเพื่อให้ได้อำนาจมาโดยมิชอบเข้าข่ายฝ่ายฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 68

ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่า ในคำร้องที่ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากจะขอให้ "การเลือกตั้งเป็นโมฆะ" แล้ว จะมีกรณีที่ขอให้ "ยุบพรรคเพื่อไทย" ด้วยหรือไม่

ทั้งหมดคือ “ดาบ” จากมือ “องค์กรอิสระ” ที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ยังต้องเผชิญหน้าด้วย เส้นทางที่ความฝันที่หอมหวาน อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นขื่นขมก็ได้

http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/27035-yingluck-gov.html#.UvBasZA9ZGE.twitter


รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ต้องการเห็นการทำรัฐประหารในไทย ไม่ว่าในกรณีใด ๆ


 ระหว่างการแถลงข่าวของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ มีผู้ถามถึงการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยอมรับความชอบด้วยกฎหมายของการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่

เจน ซากี โฆษกกระทรวงบอกว่า การเลือกตั้งในประเทศไทยเกิดขึ้นโดยสงบและเป็นระเบียบในเกือบทั่วทุกพื้นที่ของไทย มีเหตุรุนแรงไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นการขัดขวางผู้ไปใช้สิทธิและเจ้าหน้าที่เลือกตั้ง และการขัดขวางไม่ให้ส่งหีบและบัตรเลือกตั้ง

“แน่นอน เราเสียใจกับการที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากถูกขัดขวางไม่ให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง และขอเน้นย้ำข้อเรียกร้องของเราให้ทุกฝ่ายงดเว้นจากการใช้ความรุนแรงและให้อดกลั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวิต และการทำลายทรัพย์สิน” โฆษกกระทรวงกล่าวพร้อมกับย้ำว่าจุดยืนของรัฐบาลสหรัฐฯ คือการสนับสนุนให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาเจรจากันอย่างจริงใจ

ต่อคำถามที่ว่า “มีประชาชนบางส่วนในประเทศไทยเริ่มพูดว่าหนทางที่ดีอย่างหนึ่งในการแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ คือการให้ทหารออกมาทำรัฐประหาร จากความสัมพันธ์ที่ยาวนานของกระทรวงที่มีต่อกองทัพไทย ท่านได้เคยเจรจากับกองทัพไทยเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้ทำรัฐประหารหรือไม่?

เจน ซากีบอกว่า “เราไม่ต้องการเห็นการทำรัฐประหารหรือความรุนแรง หรือการใช้วิธีแก้ปัญหาในลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าในกรณีใด ๆ อย่างแน่นอน เราได้พูดคุยโดยตรงกับทุกกลุ่มในสังคมไทยเพื่อชี้แจงให้เห็นความสำคัญของการใช้ช่องทางตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเพื่อคลี่คลายความแตกต่างทางการเมือง และนั่นยังคงเป็นเป้าหมายที่สำคัญของเรา”

QUESTION: A follow-up on that. Some people in Thailand start to say that the good way of getting out of the crisis would be to stage a military coup. So given your historic ties with the Thai military, do you have any conversation with the Thai military to prevent them from doing so?

MS. PSAKI: Well, we certainly do not want to see a coup or violence or recourse to – in this – and in any case, of course. We are speaking directly to all elements of Thai society to make clear the importance of using democratic and constitutional means to resolve political differences. And that’s where our focus remains.

Jen Psaki Spokesperson
Daily Press Briefing
Washington, DC
February 3, 2014
http://www.state.gov/r/pa/prs/dpb/2014/02/221180.htm#THAILAND


รัฐบาล ศรส.เนรเทศ สาธิต เซกัล กปปส.สีลม

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.พ.2557 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดี กรณีแกนนำกปปส.ที่กระทำผิดกฎหมายด้วยการขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 ม.ค.และวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งในพื้นที่กทม.และต่างจังหวัด โดยศรส.ได้เร่งรัดให้ดำเนินการขอออกหมายจับ ซึ่งเริ่มได้รับหมายจับจากศาลอาญาตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.แล้ว นอกจากนี้ที่ประชุมยังพูดถึงการเปิดสถานที่ราชการจำนวนหนึ่ง ที่เริ่มเปิดให้บริการในวันนี้ได้ ตามนโยบายของศรส.ร่วมกับข้าราชการหน่วยงานต่างๆ โดยตำรวจ และทหาร ร่วมกันดูแลความความสงบเรียบร้อย ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยเปิดส่วนราชการอื่นๆต่อไป ขณะเดียวกันศรส.จะทำหนังสือแจ้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อส่งข้อมูลการกระทำผิดของแกนนำกปปส.ที่ร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนอย่างยิ่ง พร้อมกันนี้จะทำหนังสือส่งไปยังสถานทูตต่างๆและสหประชาชาติ เพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำผิดของแกนนำกปปส.ในทุกมิติที่มีการดำเนินคดี โดยจะยึดกฎหมายเป็นหลัก เพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสงบเรียบร้อย และจะไม่มีการสลายการชุมนุมเป็นอันขาด ส่วนกรณีของนายสาธิต เซกัล แกนนำกปปส. ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว ได้ร่วมกระทำผิดในข้อหาต่างๆ และถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อหาแล้วนั้น ศรส.จะแจ้งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการสั่งเนรเทศตามกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเร็ว

พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี กล่าวด้วยว่า ศรส.มีมติต้องดำเนินการเปิดสะพานพระราม 8 ให้กลับมาใช้ได้ตามปกติ โดยจัดชุดเจรจาในวันที่ 6 ก.พ.ก่อน โดยมีทีมเจรจาประกอบด้วยพล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงศ์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบการเจรจา และตัวแทนภาคประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ผู้แทนตำรวจ ทหาร



ผลการประชุมกก.บห. ประชาธิปัตย์ ยื่นถอดถอน “ยิ่งลักษณ์-ครม.ทั้งคณะ” ชี้ จัดการเลือกตั้งโมฆะ ขัด ม.68

4 ก.พ. 2557
“ ผลการประชุมกก.บห. ประชาธิปัตย์ ยื่นถอดถอน “ยิ่งลักษณ์-ครม.ทั้งคณะ” ชี้ จัดการเลือกตั้งโมฆะ ขัด ม.68

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ครั้งแรก หลัง กกต.รับรอง โดยในที่ประชุมหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่ประชุมโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้กำชับว่า แม้พรรคจะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่พรรคต้องทำภารกิจอีกมากมาย ขอให้สส.พรรคและสมาชิกพรรคช่วยกันนำพาประเทศชาติผ่านวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ โดยที่ประชุมมีแนวทางว่า

1.พรรคจะยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาการจัดการเลือกตั้งที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาขัดรัฐธรรมนูญเพราะการเลือกตั้งไม่ได้จัดขึ้นพร้อมกันทุกเขตทั่วประเทศในวันเดียวกัน และกกต.ยังไม่สามารถระบุได้ว่าอีก 28 เขตจะเลือกตั้งได้หรือไม่พร้อมกับยังไม่ยืนยันว่าวันที่ 23 ก.พ.จะเลือกตั้งได้อย่างไร

2.การนับคะแนนยังไม่มีการประกาศผล แต่มีแกนนำของพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาระบุถึงผลนับคะแนนเข้าข้างพรรคเพื่อไทย พรรคมองว่าเป็นการส่งผลต่อแรงจูงใจในการตัดสินใจของประชาชนที่จะมาใช้สิทธิเลือกตั้งซึ่งเป็นการขัดต่อหลักความเสมอภาค หากจะมีการกำหนดเลือกตั้งหลังจากนี้ “การเลือกตั้งที่ผ่านมามีหลายองค์ประกอบที่ขัดต่อกฎหมาย มิชอบธรรม พรรคประชาธิปัตย์จึงมีความจำเป็นที่จะต้องยับยั้ง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่าที่ประชุมได้พิจารณามอบหมายฝ่ายกฎหมายให้ทำคำร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยเหตุผล

1.การเลือกตั้งขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 กล่าวคือ การจัดการเลือกตั้งมีองค์ประกอบหลายประการที่ขัดต่อกฎหมายแต่รัฐบาลยังดึงดันไม่ฟังคำทักท้วงของหลายฝ่าย จึงเป็นการจัดการเลือกตั้งที่มิชอบ

2.ที่ประชุมพิจารณาเตรียมยื่นคำร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทยและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค กรณีใช้อำนาจฝ่ายบริหารเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมือง กรณีประกาศพรก.ฉุกเฉินทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง

3.ที่ประชุมพิจารณาเตรียมยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ต่อปปช.กรณีมีพฤติกรรมจัดการการเลือกตั้งมิชอบ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยจะรวบรวมรายชื่อประชาชน 2 หมื่นรายชื่อเพื่อยื่นต่อ ปปช.ต่อไป

นอกจากนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังได้เปิดเผยถึงการหารือถึงกรณีความเดือดร้อนของชาวนาว่าที่ประชุมเห็นว่ารัฐบาลไม่มีสิทธิที่จะนำเงินจากธนาคารพาณิชย์เพื่อจ่ายแก่ชาวนา แต่สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งทำคือการเร่งระบายจำหน่ายข้าวแล้วนำเงินมาให้ชาวนา รัฐบาลจะอ้างว่าทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการนั้นฟังไม่ขึ้น

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวสรุปตอนท้ายว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบจัดตั้งคณะกรรมการกลางซึ่งประกอบด้วย อดีตหัวหน้าพรรค อดีตกรรมการบริหารพรรค ผู้ทรงคุณวุฒิ18ท่าน เพื่อเป็นที่ปรึกษาการดำเนินงานของพรรค ทั้งนี้พรรคจะได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 28-29 มี.ค.57 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เพื่อสานต่อนโยบายสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย 7 ด้าน


2014/02/04 กรุงไทยย้ำไม่ปล่อยกู้จำนำข้าว ลั่นไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือการเมือง





2014/02/04 กรุงไทยย้ำไม่ปล่อยกู้จำนำข้าว ลั่นไม่ยอมตก

เป็นเครื่องมืทางการเมือง

ราชเลขานุการในพระองค์ ชี้แจงหนังสือลับใช้ทหารรักษาพระองค์ รปภ. “ปู” ของปลอม


ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ชี้หนังสือลับถึงปลัดกลาโหมเนื้อหาการรักษาความปลอดภัย “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ระดับสูงสุดโดยให้ใช้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ ที่เผยแพร่ตามสังคมออนไลน์เป็นเอกสารปลอม 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ เอกสารราชการที่มีตราประทับชั้น “ลับที่สุด” ของสำนักราชเลขานุการในพระองค์ฯ กองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ลงนามโดย พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ฯ

โดยเนื้อหาในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ส่งถึงปลัดกระทรวงกลาโหม (กห.) โดยมีเนื้อหาว่าด้วย การรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีระดับสูงสุด โดยการใช้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ

ซึ่งจากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวไปยัง พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์แล้ว ได้รับการชี้แจงว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000013620