PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทหารคุมตัว "ทอม ดันดี" ส่งกองปราบปราม ทำสำนวนฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ก่อนนำตัวส่งฟ้องต่อศาลทหาร 15 มิ.ย.นี้...

ทหารคุมตัว "ทอม ดันดี" ส่งกองปราบปราม ทำสำนวนฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ก่อนนำตัวส่งฟ้องต่อศาลทหาร 15 มิ.ย.นี้...
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. 57 มีรายงานว่า ที่กองปราบปราม พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้ควบคุมตัว นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ "ทอม ดันดี" อดีตศิลปินนักร้องชื่อดัง ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งให้ไปรายงานตัวต่อ คสช. ตามคำสั่งที่ 53/2557 มาส่งให้พนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยมี พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. มาคอยรับตัว
พ.ต.อ.ประสพโชค เปิดเผยว่า จะควบคุมตัว นายทอม ดันดี เอาไว้จนถึงวันที่ 15 มิ.ย. จากนั้นจะนำตัวไปฟ้องต่อที่ศาลทหารกรุงเทพ ในส่วนของคดีหมิ่นเบื้องสูงนั้น ทางด้านคดียังอยู่ในชั้นพิจารณาของอัยการ ถ้าอัยการมีความเห็นมาระหว่างที่ควบคุมตัวอยู่ที่กองปราบปราม ทางเจ้าหน้าที่ก็จะทำหนังสือมาอายัดตัวต่อไป.

6ปี ผลพวงจากการอุดหนุนแอลพีจีและดีเซลสูงถึง 5.5แสนล้านบาท

6ปี ผลพวงจากการอุดหนุนแอลพีจีและดีเซลสูงถึง 5.5แสนล้านบาท
ข้อมูลที่คุณ มนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน อดีตผู้บริหารบริษัทบางจากปิโตรเลียม รวบรวมไว้ แสดงให้เห็นถึง ความพยายามที่จะอุดหนุนราคาแอลพีจีและดีเซล ที่ต้องแลกกับเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ที่รัฐควรจะได้จากภาษี และที่ผู้ใช้เบนซินต้องกลายเป็นผู้แบกภาระเอาไว้ ในระยะ6ปี (2551-2556) สูงถึง 5.5แสนล้านบาท นั่นหมายถึงว่า หากเราปล่อยให้ราคาพลังงานสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง เราจะมีเม็ดเงินไปพัฒนาระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ได้อีกหลายสายเลยทีเดียว
เฉพาะการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปชดเชยส่วนต่างราคาแอลพีจีนำเข้า ที่ราคาตลาดโลกอยู่ระหว่าง600-1,200 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่รับควบคุมราคาขายที่หน้าโรงแยกก๊าซเอาไว้ที่333เหรียญสหรัฐต่อตัน ใช้เงินรวมทั้งสิ้น ประมาณ180,000 ล้านบาท โดยเฉพาะปี2555 ปีเดียว ใช้ไปเกือบ50,000 ล้านบาท
ราคาก๊าซที่ปากหลุม ซึ่งผู้รับสัมปทานขายให้ปตท. อยู่ที่ประมาณ360เหรียญสหรัฐต่อตัน ในปัจจุบัน จากที่ปี2551 อยู่ที่ราคาประมาณ 236เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือเพิ่มขึ้นมา52.5% แต่ ราคาหน้าโรงแยกก๊าซ ยังคง333เหรียญสหรัฐต่อตันเท่าเดิม ส่วนต่างตรงนี้ คิดออกมาเป็นเงินประมาณ34,600 ล้านบาท
กองทุนน้ำมัน ยังต้องไปชดเชยราคาแอลพีจีให้กับโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อให้โรงกลั่นผลิตแอลพีจีออกสู่ตลาด (เพราะยังถูกกว่าแอลพีจีนำเข้า) คิดเป็นเงินรวมประมาณ 13,700 ล้านบาท
ในฝั่งของการเข้าไปอุดหนุนราคาดีเซลเอาไว้ ไม่ให้เกิน ลิตรละ 30บาท โดยการลดภาษีสรรพสามิต จากที่เคยเก็บ 5.30บาทต่อลิตร ลงเหลือ 0.005บาทต่อลิตร ตั้งแต่ วันที่21เม.ย.2554 จนถึงปัจจุบันนี้ รัฐสูญเสียรายได้จากภาษี ปีละ108,000 ล้านบาท หรือรวม3ปีเศษ คิดเป็นเงินประมาณ 333,000 ล้านบาท
ยังมีเงินที่กองทุนน้ำมันเคยอุดหนุนราคาในบางช่วงเพื่อไม่ให้ราคาดีเซลทะลุเกิน 30บาทต่อลิตรอีก 23,000 ล้านบาท
***ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คุณมนูญ เสนอให้รัฐบาล คสช. ปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่ง ที่ยังอยู่ 21.38บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นมาให้เท่ากับราคาแอลพีจีครัวเรือน ที่ยังตรึงเอาไว้ อยู่ที่ 22.63 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากที่ปล่อยให้ปรับราคาขึ้นมาจาก18.13บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่กลุ่มคุณรสนา เสนอตรงกันข้ามคือให้ปรับราคาแอลพีจีครัวเรือน ลงมาให้เท่่ากับแอลพีจีภาคขนส่ง
กลุ่มผู้ใช้เบนซินและแก๊สโซฮอล์ อี10 ควรจะต้องผสานเสียงให้ดังกว่านี้ ในการเรียกร้องการปรับขึ้นแอลพีจี เพราะภาระในช่วง6ปีที่ผ่านมากว่า 5.5แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินของผู้ใช้น้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ ในขณะที่ผู้ใช้แอลพีจีและดีเซล ยังทำตัวเป็นเด็กที่ไม่ยอมโต ต้องให้คอยอุ้มอยู่ตลอดเวลา และร้องเสียดังกว่า เมื่อจะมีใครประกาศจะปรับราคาขึ้น
***โครงสร้างพลังงานไทยถูกนโยบายรัฐทำให้บิดเบือนไปนานจนคนหลงคิดไปว่าเรามีแอลพีจีและดีเซลราคาถูก ในช่วง6ปีที่ผ่านมา การทำให้แอลพีจีราคาถูกกว่าต้นทุน ทำให้คนหันมาใช้แอลพีจีเพิ่มขึ้นถึง128%
มองถึงประโยชน์ของประเทศโดยรวม หวังว่า คสช.จะกล้าพอที่จะลงมือสางภาระเรื่องโครงสร้างที่บิดเบือนนี้ให้จบในช่วงที่ยังอยู่ในอำนาจ ‪#‎ความไม่รู้พลังงานไทย‬

ผู้บริโภคจี้อาร์เอสคืนเงินค่ากล่องเพราะดูบอลโลกผ่านทีวีปกติได้


ผู้บริโภคจี้อาร์เอสคืนเงินค่ากล่องเพราะดูบอลโลกผ่านทีวีปกติได้

เลขาธิการผู้บริโภคเสนอให้ใช้เงินค่าโฆษณาจ่ายสมทบค่าลิขสิทธิ์ให้กับอาร์เอส พร้อมขอให้ คืนเงินค่ากล่องให้กับผู้บริโภค เพราะถึงไม่มีกล่องก็ดูถ่ายทอดสดได้ ด้าน 'สุภิญญา' ชี้ ใช้เงินกองทุนฯ ไม่ถูกวัตถุประสงค์ ยังดูไม่รอบคอบพอ...

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2557 นางสาวสารี อ่องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวถึงกรณีถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ว่า มีทั้งคนดีใจและเสียใจ เมื่อศาลปกครองสูงสุดยืนยันตามศาลปกครองกลางให้อาร์เอสชนะคดีนี้ ซึ่งหมายความว่าคนไทยจะได้ชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกผ่านทางฟรีทีวี 22 แมตช์ ตามแผนการตลาดเดิมของบริษัท อาร์เอส ส่วนผู้ที่ต้องการชมครบทั้ง 64 แมตช์ คงจะต้องไปชมผ่านทางกล่องรับสัญญาณต่างๆ ที่ถูกเข้ารหัสไว้

เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวต่อว่า มีข้อเสนอให้ใช้เงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. จ่ายสมทบค่าใช้จ่ายให้กับอาร์เอส ให้ถ่ายทอดฟุตบอลโลกในสถานีโทรทัศน์ ช่อง 5 และช่อง 7 แต่มีคนคัดค้านกันมากว่า สมควรที่จะใช้เงินกองทุนฯ ในการจ่ายตอบแทนค่าลิขสิทธิ์ให้อาร์เอสหรือไม่ ผลที่เกิดขึ้นก็มีพอควร นอกเหนือจากต้องตัดสินว่า เงินกองทุนฯ สามารถใช้เพื่อจ่ายสมทบค่าลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ได้หรือไม่ และหากบังคับให้ถ่ายทอดทั้งหมดในช่อง 5 และ 7 จะเกิดปัญหากับผู้บริโภคที่ซื้อกล่องอาร์เอสไปว่า จะขอเงินคืนได้จากใคร เพราะถึงไม่มีกล่องก็สามารถดูได้อยู่แล้ว


ข้อเสนอทางออกเรื่องนี้ที่พอจะเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในสายตาผู้บริโภค

1. ใช้งบโฆษณาที่ได้รับจากทั้งช่อง 5 และช่อง 7 จ่ายสมทบค่าลิขสิทธิให้กับอาร์เอสเพราะการถ่ายทอดสดที่เกิดขึ้น ย่อมมีผลประโยชน์เกิดขึ้น สัดส่วนของผลประโยชน์จะจัดสรรสมทบให้กับอาร์เอสอย่างไร โดยไม่ต้องใช้เงินกองทุนฯ
2.อาร์เอสรับผิดชอบคืนเงินค่ากล่องให้กับผู้บริโภคที่ต้องการเอาเงินคืน
3. การหามาตรการป้องกันการทำสัญญาที่เกินเลยกฎหมายภายในประเทศ หรือการจัดซื้อลิขสิทธิ์ร่วมกัน เหมือนอย่างที่เคยดำเนินการ
4. การปรับแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ให้เกิดสมดุล ระหว่างการคุ้มครองเจ้าของสิทธิและการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาทั้งของไทยและต่างประเทศในปัจจุบัน ต่างกำหนดข้อยืดหยุ่นเพื่อไม่ให้การคุ้มครองสิทธิมารุกล้ำสิทธิในการเข้าถึง ข้อมูลข่าวสารการศึกษาและประโยชน์ของสาธารณะ
5. พึงระวังในการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไม่ว่ากับทั้งยุโรป สหรัฐฯ และ TPP ที่ต้องไม่เกินเลย WTO โดยเฉพาะ ไม่ให้การคุ้มครองความตกลงใหม่ ACTA (Anti Counterfeit Trade Agreement) เพราะละเมิดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารความรู้ของประชาชนผู้บริโภค

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของกองทุนวิจัยและพัฒนาฯ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุ กระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ประกอบด้วย

1. ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม อย่างทั่วถึง ตลอดจนส่งเสริมชุมชนและสนับสนุนผู้ประกอบกิจการบริการชุมชน ตามมาตรา 51

2. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรสื่อสาร การวิจัยและพัฒนาด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม รวมทั้งความสามารถในการรู้เท่าทันสื่อเทคโนโลยีด้านการใช้คลื่นความถี่ เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

3. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนการดำเนินการขององค์กรซึ่งทำหน้าที่จัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมของการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์

4. สนับสนุน ส่งเสริม และคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม

5. สนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยจัดสรรเงินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

ด้าน นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่เห็นชอบครั้งนี้ เนื่องจากกังวลว่าไม่สอดคล้องต่อวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ รวมทั้งการพิจารณาครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ในระยะเวลาที่กระชั้นชิด โดยยังไม่ได้ผ่านการประเมินผลกระทบอย่างรอบคอบรอบด้าน โดยเงินกองทุนเป็นเงินสาธารณะ ไม่ใช่เงินส่วนตัวเหมือนเงินในตู้เอทีเอ็มที่เราจะกดใช้เมื่อไรก็ได้ ซึ่งจะต้องมีธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ยิ่งในยุคนี้ที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ และอยากให้หน่วยงานรัฐบริหารงบอย่างมีเหตุผล ซึ่งการนำเงินไปให้อาร์เอสไม่ถือว่าใช้เงินกองทุนฯ เพื่อผลประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ มติที่ประชุมบอร์ด กสทช. 6 ต่อ 1 เห็นชอบใช้เงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. วงเงิน 427 ล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แก่บริษัทอาร์เอส อินเตอร์ เนชั่นแนล บรอดคาสติ้งแอนด์สปอร์ต เมแนจเม้น จำกัด เพื่อให้มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ทั้ง 64 นัด โดยประชาชนจะได้รับชมฟรีผ่านทางช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 8 ในระบบความคมชัดสูง หรือไฮเดฟิเนชั่น และเตรียมจะขอทางฟีฟ่าเพื่อให้ถ่ายได้เพิ่มทางช่อง 11 ด้วยนั้น

สำหรับมติ 1 เสียงที่ไม่เห็นด้วย คือ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียง ซึ่งได้ลงคะแนนแล้ววอล์กเอาต์ ขณะที่นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม เข้าร้วมประชุมแต่ไม่ได้ลงคะแนน ส่วนคณะกรรมการที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ มี 8 คน จากคณะกรรมการทั้งหมด 11 คน ส่วนที่ไม่ได้เข้าร่วม 3 คน คือ พันเอกนที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. และประธาน กสท. เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึง นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และพันตำรวจเอกทวีศักดิ์ งามสง่า กรรมการ กสทช.

คสช.ย้าย อสส.สัญญาณถึงศาล


ในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ท่านไม่เคยแตะต้องผู้พิพากษา ทั้งที่บางครั้งฝ่ายทหารคือจอมพลประภาสกดดันเพราะยุคนั้นก็มีผู้พิพากษาเลวอยู่เหมือนกัน จนครั้งหนึ่งจอมพลประภาสถึงกับบ่นว่าผู้พิพากษานี่แตะต้องไม่ได้
ทั้งนี้เพราะจอมพลสฤษดิ์ท่านเชื่อพระยาอรรถการีย์นิพนธ์ว่าไม่ว่าการปกครองเป็นแบบไหนถ้าผู้เป็นรัฎฐาธิปัตย์ยังเคารพศาล ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เ้มื่อนั้นก็ไม่มีใครติเตียนได้ว่าเป็นเผด็จการทรราช การที่ไม่แตะต้องผู้พิพากษาบางคนที่ไม่ดี ไม่ใช่เพราะปล่อยปัญหาแต่เพราะถือธรรมเป็นใหญ่ 
ท่านเจ้าคุณเคยกล่าวกับท่านว่าผู้พิพากษาเป็นลูกน้องในหลวง ดังนั้นตลอดสมัยจอมพลสฤษดิ์ ก็ยึดมั่นในเรื่องนี้
ท่านเจ้าคุณทราบเรื่องไม่ดีไม่งามท่านก็ส่งสัญญาณผ่านคนสนิทคือท่านศาสตราจารย์กำธร พันธุลาภ ไปถึงประธานศาลฎีกาในฐานะที่เป็นประธาน กต ว่า ฝ่ายทหารเขาเกรงใจสถาบันตุลาการ ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นสถาบันตุลาการก็ต้องเกรงใจฝ่ายทหาร อย่าให้เขาหนักใจ และบอกความนัยว่าใครมั่งไม่ดี ไม่อำนวยความยุติธรรมจนราษฎรเดือดร้อน
ท่านประธานศาลฎีกาท่านทราบแล้วตรวจสอบก็มีคำสั่งให้ย้ายผู้พิพากษานั้นก่อน และเสนอต่อ คณะกรรมการตุลาการพิจารณาสั่งย้ายเป็นทางการ นี่เป็นแบบอย่า่งอันมีมาในแผ่นดินแล้ว
ผมเชื่อว่าการย้า่ยอัยการสูงสุด โดยพลเอกประยุทธ์แถลงว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น ก็เหมือนครั้งจอมพลสฤษดิ์นั่นแล และเชื่อว่าท่านประธานศาลฎีกาน่าจะได้รับสัญญาณแล้ว

เผย..สงครามสะท้านโลก อดีต ปัจจุบัน ส่องอนาคต ตั่วเฮียจีน อาตี๋ไทย

แฉ..ความลับ เพิ่ม 24 รูปภาพใหม่
วันที่ 12 มิ.ย. 57 เผย..สงครามสะท้านโลก อดีต ปัจจุบัน ส่องอนาคต ตั่วเฮียจีน อาตี๋ไทย
เรื่องการแทรกแซง กิจการภายในประเทศอื่น และก่อสงครามแตกแยกไปทั่วโลก ไม่มีใครเกินรัฐบาลอเมริกา สงครามที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 และสงครามย่อยๆ ในภูมิภาคต่างๆ และในประเทศใหญ่ กลาง เล็ก ล้วนมีรัฐบาลอเมริกา อยู่เบื้องหน้า หรือเบื้องหลังทั้งสิ้น
ที่ใกล้ตัวคนไทยจนสัมผัสกลิ่นดินปืนได้ ก็คือ สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อเมริกาถึงกับมาตั้งฐานทัพ และส่งกำลังทหารมาประจำในประเทศไทย , การทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมา กับนางาซากิ ของญี่ปุ่น ที่ทำให้ทั้ง 2 เมืองราบพนาสูญ ประชาชนล้มตายกองเท่าภูเขาเลากา พิการอีกมากคนานับ
ต่อมาก็สงครามเกาหลี จนแยกเกาหลีออกเป็นเหนือไต้ ในปัจจุบัน สงครามในเวียดนาม ที่สร้างความทุกข์เข็ญ เป็นบาดแผลในใจให้คนเวียดนามต่อมาอีกหลายสิบปี สนามบินอุดร ที่อเมริกาใบรรทุกระเบิดไปทิ้งใส่ประชาชนเวียดนาม ยังคงอนุสรณ์อยู่จนทุกวันนี้
ในภูมิภาคอื่นก็แถวแอฟริกา เช่น โซมาเลีย , ในอาฟกานิสนิสถาน ที่อเมริกา ส่งกำลังไปประจำการ เอาระเบิดมาทิ้งปูพรมใส่เทือกเขาแทบทุกตารางนิ้ว เพื่อล่าตัวบินลาเดน จนประเทศเละไปหมด
หนุนให้เกิดความยุ่งเหยิงวุ่นวายในย่านมุสลิม เกิดอาหรับสปริง เริ่มจากจนรัฐบาลอาหรับเป็นคลื่นปฏิวัติการเดินขบวน การประท้วงและสงครามซึ่งเกิดขึ้นในโลกอาหรับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2553 จนปัจจุบัน ผู้ปกครองถูกโค่นจากอำนาจ จากในตูนิเซีย อียิปต์ ลิเบีย และเยเมน การก่อการจราจลอุบัติขึ้นในบาห์เรน และซีเรีย การประท้วงใหญ่เกิดขึ้นในอัลจีเรีย อิรัก จอร์แดน คูเวต โมร็อกโก และซูดาน
และการประท้วงเล็กเกิดในเลบานอน มอริเตเนีย โอมาน ซาอุดิอาระเบีย จิบูตี และเวสเทิร์นสะฮารา การประท้วงใช้เทคนิคการดื้อแพ่งร่วมกัน การรณรงค์อย่างต่อเนื่อง การนัดหยุดงาน การเดินขบวน การเดินแถว และการชุมนม การใช้โซเชียลมีเดีย
การเดินขบวนอาหรับสปริงหลายประเทศเผชิญกับการตอบสนองรุนแรงจากทางการ การใช้ทหารอาสาสมัครนิยมรัฐบาล และขบวนโต้ตอบ การโจมตี จากผู้ประท้วงด้วยความรุนแรงในบางแห่ง
ล่าสุดที่เห็นๆ หมาดๆ กลิ่นคาวเลือด จากคมอาวุธยังคละคลุ้งอยู่ปัจจุบัน ก็ที่ประเทศซีเรีย และยูเครน ที่รัฐบาลอเมริกาและผองเพื่อน ผู้ใช้กลยุทธ์ “ แบ่งแยกเพื่อปกครอง “ มาตลอด โดยการสนับสนุนทางนโยบาย เงินทุน อาวุธ ในกับกลุ่มๆ หนึ่งในประเทศนั้น เพื่อให้คนในชาตินั้นๆ สู้รบกันเองจนปั้วเปี้ย หมดแรง ถึงตอนนั้นอเมริกา และพันธมิตร ก็จะกรีฑาทัพไปซ้ำเติมบดขยี้ทันที ภาษาไทยเรียกแต้มแก่ว่างั้นเถอะ
สงครามยุยงให้คนฆ่ากันเอง ที่สำคัญๆ จะไม่กล่าวเสียไม่ได้ ก็คือ สงครามอิหร่าน โดยอเมริกาสนับสนุนพระเจ้าชาร์มูฮัมหมัด เรซา ปาฮ์เลวี ของอิหร่าน ต่อมาก็ถูกอะญาตุลลอฮ์ โคไมนี ผู้นำศาสนา ประกาศการปฏิวัติอิสลาม ล้มล้างอำนาจลง และก้าวขึ้นสู่อำนาจเป็นผู้นำประเทศอิหร่านแทน
ช่วงนั้นอเมริกาจึงหันไปหนุนซัดดัมฮุสเซนอย่าลับๆ ทำให้กองทัพอิรัก มีกำลังเข้มแข็งกว่าละเมิดพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศ ประธานาธิบดี อะญาตุลลอฮ์ โคไมนี อิหร่าน จึงประกาศสงครามกับอิรัก ที่นำโดยซัดดัม ฮุสเซน กินระยะเวลายืดเยื้อถึง 8 ปี ระหว่างเดือนกันยายน 2523 ถึง เดือนสิงหาคม 2531 เสียหายยับเยินอ่วมทั้ง 2 ประเทศ สงครามครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บฝ่ายอิหร่าน ระหว่าง 750,000-1,000,000 คน ฝ่ายอิรักประมาณ 375,000 - 400,000 คน
เมื่อยุอิรักเกิดสงครามจนอ่วมอรทัยแล้ว ทีนี้อเมริกาก็หันมาเล่นงานอิรักเองบ้าง โดยก่อสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่ 1 เริ่มจากอิรักที่เป็นประเทศมีน้ำมันมาก แต่ไม่มีทางออกทะเล บุกคูเวตตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2533 อเมริกาได้ยืมมือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ บีบอิรักทางเศรษฐกิจทันที และส่งทหารอเมริกันไปยังซาอุดิอาระเบีย โดยมีกำลังทหารส่วนใหญ่มาจากอเมริกา ซาอุดิอาระเบีย อังกฤษ และอียิปต์ เพื่อขับไล่กองกำลังอิรักออกจากคูเวต
เริ่มต้นขึ้นจากการทิ้งระเบิดทางอากาศเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2534 ตามมาด้วยการโจมตีภาคพื้นดินเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ สงครามดังกล่าวสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะอย่างเด็ดขาดของกองกำลังผสม รุกเข้าไปในพรมแดนอิรัก และยุติการรุกคืบ และประกาศหยุดยิง 100 ชั่วโมงหลังจากการทัพภาคพื้นดินเริ่มต้นขึ้น การรบทางอากาศและพื้นดินจำกัดอยู่ภายในอิรัก คูเวต และพื้นที่บริเวณพรมแดนของซาอุดิอาระเบีย และอิรักได้ปล่อยขีปนาวุธสกั๊ด ต่อเป้าหมายทางทหารของกองกำลังผสมในซาอุดิอาระเบีย และอิสราเอล
ต่อมาอเมริกา ใช้ปฏิบัติการพายุทะเลทราย ก่อสงครามในอิรักครั้งที่สอง โดยก่อนการรุกราน อเมริกา และอังกฤษ ใส่ร้ายอิรักว่า ครอบครองอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง คุกคามความมั่นคงของตนและพันธมิตรในภูมิภาคยุโรป พ.ศ. 2545 อเมริกายืมมือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อีกแล้วครับท่าน ผ่านมติกำหนดให้อิรักต้องยอมตรวจสอบว่า มิได้มีอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง และขีปนาวุธร่อนอยู่ในครอบครอง
แต่คณะตรวจสอบอาวุธ ไปตรวจกี่รอบก็ยังไม่พบหลักฐานอาวุธสักที จึงยุยงคนอิรักให้ก่อสงครามกลางเมืองซะเลย เพื่อขับไล่ ซัดดัม ฮุสเซน เอาดื้อๆ จนอิรักวุ่นวายยุ่งเหยิง วันที่ 20 มีนาคม 2546 อเมริกาจึงสวมรอยยึดครองอิรัก และการจับกุมตัวประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ถูกพิจารณาโดยศาลอิรัก และประหารชีวิตโดยรัฐบาลใหม่ของอิรักที่อเมริกาชักใย
ประเทศอิรัก ภายหลังถูกอเมริกาโจมตีด้วยอาวุธ และสังหารซัดดัม ฮุสเซน ลง ก็ชักใยประเทศนี้มาตลอด โดยการตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดจากมุสลิมนิกายซุนนีย์ปกครอง แล้วก็ครอบงำรัฐบาลใหม่ยึดเอาแหล่งน้ำมันมาทั้งหมด และเงินทุนสำรองประเทศราว 9 ล้านๆ บาทด้วย..แม้สงครามจะสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ก็ยังมีการสู้รบกันประปราย
สงครามครั้งนี้ได้คร่าชีวิตคนอิรักไปแล้วถึง 5 แสนคน บาดเจ็บพิการอีกนับไม่ถ้วน สหประชาชาติรายงานว่า มีผู้ลี้ภัย 4.7 ล้านคน (ประมาณ 16% ของประชากร) โดยมี 2 ล้านคนหนีออกนอกประเทศ และประชาชนพลัดถิ่นในประเทศ 2.7 ล้านคน ในปี 2550 คณะกรรมการต่อต้านคอร์รัปชันของอิรักรายงานว่า เด็กอิรัก 35% หรือเกือบ 5 ล้านคนกำพร้า กาชาดแจ้งว่าในเดือนมีนาคม 2551 สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในอิรัก อยู่ในระดับวิกฤตที่สุดในโลก โดยมีชาวอิรักหลายล้านคน ถูกบีบให้พึ่งพาแหล่งน้ำที่ไม่เพียงพอและคุณภาพต่ำ
ตั้งแต่นั้นมา ความรุนแรงประปรายยังมีต่อไปทั่วประเทศ กองกำลังติดอาวุธผสม ระหว่างกลุ่มนิกายต่าง ๆ ได้นำไปสู่การก่อความไม่สงบในอิรักในเวลาไม่นานนัก การต่อสู้ระหว่างกลุ่มในอิรักโดยนิกายซุนนีย์ และชีอะห์หลายกลุ่ม มีการเกิดกลุ่มย่อยแยกใหม่ของอัลกออิดะฮ์ขึ้นในอิรัก ในปี 2551 ก็เกิดสงครามระหว่างนิการสุหนี่ กับนิกายชีอะห์
สถานการณ์สงครามกลางเมืองในอิรักตอนนี้วิกฤติหนัก เพราะกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามอิรักและเลแวนท์ หรือ ไอซิล ซึ่งมีนักรบอยู่ราว 3,000-5,000 คน และมีความโยงใยกับกลุ่มอัลกออิดะห์ กลุ่มติดอาวุธนี้ เป็นพวกวาฮะบี สายเคร่ง ต่อต้านทุกศาสนา ทุกนิกายที่ไม่ใช่สำนักคิดเดียวกัน กลุ่มนี้ได้รับทุน อาวุธ สนับสนุนจากอเมริกา ยุโรป และอิสราเอล
เป็นแนวคิดเดียวกับกลุ่มตอลีบัน ที่เคยใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายพระพุทธรูป และโบสถ์คริส ในอาฟกานิสถาน เป็นกลุ่มเดียวกับก่อความไม่สงบในภาคใต้อิรัก เป็นสายป่านเดียวกับกลุ่มที่ปฏิบัติการถล่มสนามบินในเมืองนาจาร์ ที่ปากีสถาน จนย่อยยับคนตายและเจ็บเพียบ
ตอนนี้กลุ่มนี้ได้ยึดเมืองรามาดี และ ฟัลลูจา ไว้ได้สำเร็จ และต่อเนื่องด้วยบุกโจมตีและยึดเมืองโมซูล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัก ที่มีประชากรราว 2 ล้านคนไว้ได้อีก ประชาชนกว่า 5 แสนคน (หนึ่งในสี่) ต้องอพยพหนีตายกันอลหม่าน
กลุ่มไอซิล ยังได้รุกคืบต่อไป ด้วยการเข้ายึดเมืองติกริต บ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ที่อยู่ใกล้กับกรุงแบกแดดเพียง 150 กิโลเมตร มีการสู้รบกับทหารของรัฐบาลด้วยอาวุธหนักนานาชนิด แม้แต่ทหารจำนวนมาก ก็ถอดเครื่องแบบ แล้วใส่ชุดพลเรียนหนีไปด้วยเช่นกัน การยึดเมืองโมซูลไว้ได้ต้องถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของกลุ่มติดอาวุธนี้
เหตุผลในการรุกคืบอย่างหนักครั้งนี้ เป้าหมายหลักไม่ใช่ยึดทั้งประเทศอิรัก เพราะอเมริกาและพันธมิตรยึดครองชักใยอยู่เบื้องหลังอยู่แล้ว แต่พวกเขาต้องการวางรากฐาน เพื่อเตรียมการทำสงครามกับประเทศอิหร่านที่อยู่ติดกันอีกครั้ง แล้วทำลายมุสลิมนิกายชีอะห์ และขบวนการฮิสบุลเลาะห์ ที่เป็นคู่ต่อกรกับอิสราเอลอยู่
นายกรัฐมนตรี นูรี อัลมาลิกี ของอิรัก เองก็ประกาศจะขับไล่กลุ่มติดอาวุธให้ได้ พร้อมกับจะเอาผิดกับทหารอิรักที่หนีทัพในระหว่างที่กลุ่มไอซิลเข้าโจมตี หลังถูกกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงโจมตี ผู้นำอิรัก บอกว่าจะไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากต่างชาติ แต่จะจัดการวิกฤตที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กงศุลตุรกีในเมืองโมซูลเกือบ 50 คน ก็ถูกกลุ่มติดอาวุธจับตัวไปด้วย
นายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ประณามการลักพาตัวเจ้าหน้าที่กงศุลตุรกี ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ส่วนสหรัฐแสดงความกังวลกับสถานการณ์ในอิรักเช่นกัน
นี่คือตัวอย่างอย่าเป็นรูปธรรม แผนการยุยง ของอเมริกาและพันธมิตร ให้อิสลามสู้รบกันเองจนง่อยเปลี้ย เจ็บจริง ตายจริง พินาศจริง เพื่อทำลายอิสลามให้อ่อนแอลง แล้วประเทศพวกตนเองก็จะเข้าไปค่อยๆ ฮุบสมบัติ และทรัพยากรของประเทศเหล่านั้น มาเป็นของตนเองไปเรื่อยๆ เหมือนไม่รู้จักพอ..ใช้กำลังที่แข็งแรงกว่าปล้นเอาคนอ่อนแอกว่า ว่างั้นเถอะ
เมื่อใดที่คนในชาติแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย หรือฝ่ายย่อยๆ เมื่อนั้นอเมริกา และผองเพื่อน จะเข้ามารุมตอดทันที โดยเข้ามาสนับสนุนฝ่ายหนึ่ง ทั้งทางลับและเปิดเผย ในรูปแบบทุนทางการเงิน อาวุธสงคราม การบ่อนทำลายสถาบันหลัก การแทรกแซงทางการทหาร ทางเศรรษฐกิจการเงิน ฯลฯ
ทีนี้มาดูทางตั่วเฮีย จีน บ้าง พฤติกรรมโดยธรรมชาติคนเอเชีย จะให้ความสำคัญกับเพื่อนตนเอง มากกว่าฝรั่ง คนจีนจะพร่ำสอนลูกหลานเสมอ เรื่องบุญคุณต้องทดแทน มีผู้รู้ให้ข้อมูลว่า สมัยก่อนประเทศไทยมีวิกฤติสูงสุดทางทหาร คือ เมื่อเวียดนามบุกเขมรในเดือน ธันวาคม 2521 จนมาประชิดชายแดนไทย
เวียดนามช่วงนั้นมีกองทัพเกรียงไกรมาก เพิ่งไล่อเมริกาเตลิดเปิดเปิงกลับบ้าน จนอเมริกาหงอยมาแล้ว เวียดนามยังส่งกำลังมาชักใบหนุนหลังรัฐบาลเขมรด้วยในช่วงนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม เบ่งกล้ามขู่ไทยว่าอย่าหือนะ เพราะกองทัพเวียดนาม สามารถบุกยึดถึงกรุงเทพได้ภายในเวลาไม่นาน ในตอนนั้นกองทัพไทย ยังต้องต่อสู้ติดพันกับพรรคคอมมิวนิสต์แดงแห่งประเทศไทยรุนแรงอยู่ ไม่อยู่ในสถานะที่จะก่อสงครามภายนอกประเทศได้อีก
ไทยหันไปขอให้อเมริกาช่วย เพราะเราเคยให้เขาใช้สนามบินอุดร มาเป็นฐานบินนกยักษ์ B52 ไปทิ้งระเบิดเวียดนามตั้งหลายปี อเมริกาตอบว่าเขาเองก็ยังเอาตัวไม่รอด หมดสภาพจากสงครามเวียดนาม เขาจึงขอแค่ส่งใจมาช่วยแทน..ว่าแล้วส่งความช่วยเหลือมาให้ ขนปืนใหญ่รุ่น M-198 ขนาด 155 มม. ขึ้นเครื่องบินมา แค่ 1-2 กระบอก แล้วหลังจากนั้น ก็ส่งบิลตามมาเรียกเก็บเงินอีก...ฮา โหย
ทีนี้ไทยเราก็มึน จังหันไปทางจีนบ้าง เริ่มที่ พล.อ.เกรียงศักดิ์ฯ สังการให้นายทหารฝ่ายเสนาธิการไม่กี่คน ในศูนย์อำนวยการร่วมสนามเสือป่า ประสานกับทูตทหารจีน ชื่อ เหมา มากับเลขาทูตหนุ่มพูดไทยคล่องชื่อ จาง ( 20 กว่าปีต่อมาคือ เอกอัครราชทูตจาง) เพื่อขอพบผู้นำของจีน
จากนั้น พันเอก 2 คน ของกองทัพไทยบินไปปักกิ่ง แล้วได้รับเกียรติให้ได้เข้าพบ เติ้งเสี่ยวผิงด้วย ต่อมาไม่นานก็มีคณะนายทหารระดับสูงมากจากจีน เดินทางมาเยือนไทย เข้าร่วมประชุมและฟังการบรรยายสรุปที่ ศูนย์อำนวยการร่วมฯ สนามเสือป่า พล.อ.เกรียงศักดิ์ฯ ถึงกับพูดตรงๆว่า ถ้าเวียดนามบุกไทยๆ คงไม่สามารถรับมือได้แน่ ขอให้ตั่วเฮีย จีนช่วยด้วย
ไม่นานนัก จีนก็ก่อสงครามสั่งสอน ที่ชายแดนระหว่างจีนกับชายแดนเวียดนามด้านทิศเหนือ รบกันอย่างรุนแรง เวียดนาม จึงจำใจต้องถอนกำลังหน่วยรบหลัก ทั้งหมด 10 กว่ากองพล ออกจากเขมร และเวียดนามใต้ เพื่อไปรบกับจีนที่ชายแดนด้านเหนือ พอเวียดนามหลงกลดังกำลังกลับไปไว้ที่เหนือหมด จีนก็เลิกรบถอนกำลังรบกลับ..อ้าว..เวียดนามก็วืดๆๆๆ
ตามประวัติศาสตร์นั้น จีนเคยปกครองเวียดนามอยู่หลายร้อยปี จึงเป็นไม่เบื่อไม้เมากันมาแต่โบราณแล้ว หลังจากนั้น ไทยก็เริ่มพัฒนากำลังรบอาวุธหนักตามแบบสากล โดยจัดหารถถังและยานเกราะจากจีนหลายร้อยคัน ซื้อในราคามิตรภาพ แต่จริงๆ ซื้อไม่กี่คัน เพราะที่เหลือตั่วเฮียจีนแถมให้ แบบซื้อ 1 แถม 5 ประมาณนั้น พวกรถถัง T-69 สมัยนั้นที่ปลดประจำการไปแล้ว ปัจจุบันก็แปรสภาพเป็นปะการังเทียมในทะเล ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะ บางรุ่นที่ปรับปรุงอะไหล่ ก็ยังมีประจำการในกองทัพบก
สัปดาห์ก่อน กลุ่มนักธุรกิจไทย-จีน สภาอุตสาหกรรมไทย-จีน นักธุรกิจภาคธนาคาร เช่น ธนาคารไอซีบีซี นักธุรกิจภาคอุตสาหกรรมไอที การสื่อสาร บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัทผลิตรถยนต์ โรงงานผลิตปุ๋ย ธุรกิจทำเหมืองแร่ และบริษัทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้า คสช.
เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจกับประเทศไทย เพื่อประสานความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน และสร้างความมั่นใจในการลงทุนของสองประเทศ หัวหน้า คสช. ได้อธิบายเหตุผลและความจำเป็นในการเข้ามาบริหารประเทศ ที่ต้องปลดล็อคข้อกฎหมายและข้อระเบียบต่างๆ เพื่อให้มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอุปสรรค
หัวหน้า คสช.ได้ให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้น การลงทุนจากนี้ไปจะมีความโปร่งใส มีความยุติธรรม ตรวจสอบได้ ไม่มีคอรัปชั่น มุ่งผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับนักธุรกิจที่ประสงค์ที่เข้ามาลงทุนในไทยขอให้มีข้อคำนึง 5 ข้อ
1.มองผลประโยชน์ตอบแทนที่ประเทศไทยควรได้รับมากที่สุด
2.สร้างความเข้มแข็งให้กับคนไทยใน เรื่องวิชาชีพ เทคโนโลยี การตั้งบริษัทลูก
3.เพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ เช่น ใช้น้ำยางดิบของไทยในอุตสาหกรรมยางรถยนต์
4.โรงงานที่ตั้งขึ้นใหม่ต้องนำพลังงานทดแทนมาช่วยลดมลพิษ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
5.พัฒนาบุคลากรของไทย โดยให้จัดฝึกอบรมดูงาน ให้ทุนการศึกษาเพื่อให้แรงงานมีความรู้มากขึ้น
และได้ขอความร่วมมือนักธุรกิจชาวจีนให้ข่าวสารกับนักลงทุนรายอื่น รวมทั้งนักท่องที่ยวชาวจีนให้มาเที่ยวและมาลงทุนในไทย และได้ยืนยันกับนักธุรกิจจีนว่าขอให้มั่นใจประเทศไทยและเชื่อมันว่าไทยจะกลับมาแข็งแกร่ง พร้อมกันนี้ไทยยืนยันความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่มีต่อจีนมายาวนานในทุกระดับ
สัปดาห์นี้ผู้แทนกระทรวงกลาโหมของไทย ก็นำคณะสามเหล่าทัพ ไปเยือนจีนตามคำเชิญอย่างเป็นทางการ ย้อนอดีตในประวัติศาสตร์ที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว จะเห็นว่าความสัมพันธ์มีเชื้อสายเผ่าพันธ์รากแก้ว รากแขนงหยั่งลึกระหว่างไทย จีน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตั่วเฮียจีน พร้อมเป็นมิตรแท้ในยามยากให้อาตี๋ไทย เรื่องนี้เกิดมานานกว่า 1,000 ปีมาแล้ว
ก็เป็นความจริง ที่ท่านผู้รู้บอกว่า นายกฯ ไทยจะเข้าพบประธานาธิบดีอเมริกา แบบทวิภาคีแสนยากเย็น (ยกเว้นไอ้มาม่ากับปูเน่า อันนั้นอินเลิฟยามเย็น) แต่ยามไทยวิกฤติ แม้แต่นายทหารยศระดับพันเอก ยังได้รับเกียรติอย่างสูงให้เข้าพบผู้นำยิ่งใหญ่ของจีนได้ เห็นชัดเจนถึงความแตกต่างในการแสดงออกแสดงความรู้สึกจริงใจ ของวัฒนธรรมเอเซีย และการให้เกียรติกันแบบพี่น้อง บุญคุณของจีนครั้งนี้ คนไทยจะไม่มีวันลืม และต้องทดแทนกันตามแบบตั่วเฮี่ย กับอาตี๋
อเมริกากับสงครามเป็นของคู่ก่อน วัฒนธรรมประเทศเขาเริ่มต้นมาจากการแย่งชิงดินแดนมาจากชนเผ่าพื้นเมือง แก่งแย่งคนอื่นมาตั้งแต่ตั้งต้นสร้างประเทศเขา วัฒนธรรมแบบนี้จึงถ่ายทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน บทเรียนสอนใจนี้ เตือนสติคนไทยว่า การมีอาวุูธท่ามกลางความขัดแย้ง และการเจรจากันที่ไม่บรรลุผล จะนำมาซึ่งการสู้รบกันเองของคนไทยด้วยกัน
มีความเสี่ยงจะเกิดสงครามกลางเมืองเหมือนหลายๆ ประเทศอยู่ขณะนี้ ผลที่ตามมา คือ การบาดเจ็บล้มตายของลูกเด็กเล็กแดง ผู้หญิง คนชรา ที่อ่อนแอ และสภาพการบังคับใช้กฎหมายบ้านเมืองที่ล้มเหลว ไม่เหลือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การทำมาหากินตามปกติทำไม่ได้..
นี่เป็นบทเรียนที่ล้ำค่าสำรับเรา การที่ คสช. ระดมกวาดล้างอาวุธสงคราม และจับกุมตัวผู้ครอบครองมาลงโทษ จึงเป็นเหมือนการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ที่สำคัญที่สุดคือ คนไทยต้องรักและสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่านี้ หันหน้าเข้าหากัน ก่อนที่ไฟสงครามกลางเมือง จะโหมกระพือเอาชีวิตผู้คนที่เรารักทั้งสองฝ่าย จากไปอย่างชั่วนิจนิรันดร์ไม่มีวันกลับคืนมา
การได้รู้ความจริงบางครั้งมันเป็นทุกข์ แต่การไม่รู้อะไรเสียเลยมันเป็นทุกข์มากกว่า
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จออกมหาสมาคม เนื่องในพระราชพีธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2530 ความว่า "...ความสามัคคีนี้ เป็นคุณธรรมสำคัญประการหนึ่ง ซึ่งหมู่ ชนผู้อยู่ร่วมกันจำเป็นต้องมี ต้องถนอมรักษา และต้องนำมาใช้อยู่สม่ำเสมอ เนื่องด้วยสรรพกิจการงานที่เป็นส่วนรวมทุกด้าน ทุกระดับ ต้องอาศัยบุคคลหลายฝ่ายร่วมกันทำกิจกรรม “
และนำภาพที่ชวนลำลึกในอดีต เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรการสาธิตอาวุธต่อสู้รถถังแบบใหม่ ณ ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ ตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ( 11 June 1980. His Majesty inspecting the demonstration of TOW heavy anti-tank guided weapon missile, at Infantry Centre, Dhanarat Fort, Pran Buri District, Prachuap Khiri Khan Province)
ท่านจงภูมิใจเถิดว่า ประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นจอมทัพไทย ที่กล้าแข็ง นำพาผสกนิกรไทยฝ่าฟันอุปสรรค ทั้งปวงนานา มากกว่า 64 ปีแล้ว จากจำนวนราษฎรต้นรัชกาลเพียง 17 ล้านคน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัวเป็นกว่า 67 ล้านคน..คนไทยโชคดีที่สุดในโลกแล้ว
เสธ น้ำเงิน4
https://www.facebook.com/thailandcoup

วิลาศยื่นคสช.สอบทุจริตอดีตเลขาธิการสภาฯ

วิลาศยื่นคสช.สอบทุจริตอดีตเลขาธิการสภาฯ

อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือ คสช. ให้ตรวจสอบการทุจริตการบริหารงานของอดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ คสช. ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อขอให้ตรวจสอบการบริหารงานของ นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีข่าวปรากฏอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ เช่น โครงการจัดซื้อจัดจ้างนาฬิกาแบบแขวน เครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็น ตลอดจนการปรับปรุงห้องทำงานภายในอาคารรัฐสภา นอกจากนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ยังพบว่ามีการทำผิดระเบียบและขั้นตอนการตามกฎหมาย ภายหลังยุบสภา ยังมีการพาข้าราชการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ โดยให้ลูกจ้างและข้าราชการ 2,000 คน ใช้งบประมาณกว่า 60 ล้านบาท แต่มีข่าวรั่ว จึงชะลอโครงการ ดังนั้น แม้ คสช. จะมีคำสั่งย้าย นายสุวิจักขณ์ ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วก็ตาม แต่จะต้องดำเนินการเอาผิดและตรวจสอบ เพราะยังมีอีกหลายโครงการที่ส่อทุจริต

เนส.แจ้งตือนภัยธรรมชาติ

ด่วน! มีหนังสือแจ้งเตือน ให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ

ปรากฏการณ์ เมฆกันชน

หนังสือแจ้งเตือน ให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 10 – 15 มิถุนายน 2557 นี้
จาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถึง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต โดยมีรายชื่อจังหวัดที่เฝ้าระวังระบุในเอกสาร คือ กาญจนบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบครีขันธุ์,  กำแพงเพชร, อุทัยธานี, ตาก, สุโขทัย, พิษณุโลก, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, เชียงราย, แพร่ ,น่าน, เลย, หนองคาย, อุดรธานี ,หนองบังลำภู ,บึงกาฬ ,ชลบุรี ,ระยอง ,จันทบุรี, ตราด, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง

รับมือภัยธรรมชาติ

รับมือภัยธรรมชาติ

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในได้มีกระแสข่าวที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ และปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาดูได้ยาก เกิดขึ้นมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ปรากฏการณ์ เมฆกันชน หรือ เมฆอาคัส เกิดขึ้นที่อุดรธานี และเชียงราย ในใกล้เคียงกันเพียงหนึ่งวัน ซึ่งเหตุการณ์นี้ ผู้เชียวชาญด้านเมฆได้เตือนให้ระวังฝนตกฟ้าคะนองและฟ้าผ่า

 อ่านข่าว ปรากฏการณ์ เมฆกันชน    อ่านข่าว ดร. สมิท เตือนอาจเกิดสึนามิ อีกครั้ง  

ak3

จักรภพ เพ็ญแข:เราได้ร่วมกันก่อตั้งองค์การเพื่อการต่อสู้เผด็จการขึ้นแล้ว

พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยและชิงชังเผด็จการทุกท่าน

ผมต้องขออภัยที่ขาดการติดต่อกับท่านไปนานทีเดียว เหตุผลก็เพราะระบอบเผด็จการของไทย ได้ใช้อำนาจเถื่อนทุกวิถีทางในการทำร้ายและทำลายพวกเราอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชี้ว่า เมืองไทยคงไม่ได้กลับคืนสู่ภาวะประชาธิปไตยอีกนาน และเหลือบในเครื่องแบบทหารฝูงนี้คงจะยึดครองอำนาจรัฐที่ปล้นไปจากประชาชนทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตัวเอง ลูกเมีย (บางคนหลายๆ บ้าน) และพรรคพวกอย่างนับไม่ถ้วน นี่คือความทุกข์อันมหาศาลที่ฝ่ายอำมาตย์ศักดินาร่วมกันก่อให้กับสังคมไทย นโยบายคืนความสุขให้กับพวกเราจึงเป็นเพียงการแสดง (ที่ไม่สมจริง) และเป็นคำโกหกตอแหลล้วนๆ หนทางเดียวที่พวกเราชาวไทยจะได้ความสุขกลับคืนมาคือ ต้องต่อสู้โค่นล้มคนเลวเหล่านี้เท่านั้น
ขอไม่ใช้เวลาท่านมากเหมือนก่อนๆ เพราะสถานการณ์รัดรึง ผมขอสรุปสั้นๆ ให้ทุกท่านได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวของขบวนประชาธิปไตย ดังนี้

1.เราได้ร่วมกันก่อตั้งองค์การเพื่อการต่อสู้เผด็จการขึ้นแล้ว อีกไม่กี่วันนี้จะถือวันดีทางประวัติศาสตร์เป็นวันประกาศอิสรภาพของคนไทยทั้งชาติและทั่วทั้งโลก รวมทั้งภารกิจที่เราจะถือเป็นธงชัยแห่งการปฏิวัติประชาธิปไตยสืบไป

2.อย่านึกน้อยใจว่าทำไมเรายังไม่ปรึกษาหารือ หรือเชื้อเชิญท่านเข้าร่วม ถึงวันนั้นท่านจะรู้เองว่าใครที่มีหัวใจประชาธิปไตยและชิงชังเผด็จการคือเครือข่ายเดียวกันทั้งสิ้น วันนี้เราอยู่ภายใต้ความกดดันจากทุกสารทิศ ขอให้เห็นใจ เข้าใจ ถึงเวลาเราจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดที่สุด ประดุจเป็นร่างกายจิตใจเดียวกัน
3.นานาชาติหลั่งไหลให้ความสนับสนุนเราอย่างน่าชื่นใจ ผมรู้ดีเพราะเป็นศูนย์กลางในเรื่องนี้อยู่ เรามีมวลมิตรประชาธิปไตย ไม่เฉพาะเชื้อสายไทยแต่เป็นระดับโลก ซึ่งประกาศองค์กรแล้วเราจะได้เปิดเผยกันต่อไป วันนี้ต้องขอเก็บหลายอย่างไว้เป็นภารกิจลับก่อน ขอให้ท่านโปรดเข้าใจ
วันนี้คุยเท่านี้ก่อนครับ งานรออยู่อีกมากนัก
รักทุกท่านมาก ผมมอบชีวิตให้กับท่านและประชาธิปไตยไทยเรียบร้อยแล้ว
จักรภพ เพ็ญแข
พ. 11 มิ.ย.57

14มิ.ย.จะเกิดภัยพบัติในไทย?

Piyacheep S.Vatcharobol เพิ่ม 6 รูปภาพใหม่
หลายท่านค่อนข้างจะวิตก กังวลเรื่องภัยพิบัติวันที่ ๑๔ นี้เป็นอย่างมาก
ผมก็ต้องขอให้ท่านทั้งหลายตั้งสติให่ดีว่า โอกาสที่จะเกดภัยพิบัติใหญ่มากกับประเทสเราแบบสึนามิที่ญี่ปุ่นเซนได หรือ แบบ ๒๖ ธันวาคมนั้น ยังไม่มีรายงานเตือนทางธรรมชาติขิงสัตว์ในชายฝั่งตะวันตกตลอดแนวระนองยันสตูล และ ฝั่งตะวันออกจากแหลมงอบจังหวัดตราดถึงตากใบนราธิวาส
ส่วนภาคเหนือเชียงรายนั้น ก็สมควรที่จะวิตกกังวลบ้างด้วยแผ่นดินยังไม่สนิทแนบแน่นดี พลังงานยังปลดปล่อย คายออกมาเรื่อยๆ ดังนั้นหากมีพลังงานมากระตุ้น มีไฟฟ้ามาช้อตใหม่ ก้ย่อมเกินแผ่นดินไหวได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่น่าจะเกิดเกินมากไปกว่า ๖.๓ หรือ ๖.๕ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาตามที่มีข้อมูลบันทึกว่าแผ่นดินไหวใหญ่จะไม่เกิดซ้ำบริเวณที่เดิม แต่ระแวกใกล้เคียงนั้น มีโอกาสเกิดได้
คืนวันที่ ๑๐ ที่มีการระเบิดระดับ X Class ๒ ลูก X 2.2 X 1.5 ที่พลังงานจะมาถึงโลกประมาณ ๑๘.๐๐น .ของวันศุกร์ที่ ๑๓
เช้า-เที่ยงวันที่ ๑๑ ที่มีการระเบิดระดับ M และ C ๔ ลูก พลังงานก็จะมาถึงโลก เช้าวันเสาร์ที่ ๑๔
บ่ายสามวันที่ ๑๑ ที่มีการระเบิดระดับ X 1.0 พลังงานจะมาถึงโลกวันที่ ๑๔ หลังเที่ยง
เราจะเห็นว่าพลังงานจะมากระทบโลกเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๓ และพลังงานตามมาสมทบเป็นระรอกและหนักในวันที่ ๑๔ ก็ตั้งสมุติฐานรอได้เลยว่า แผ่นดินไหวใหญ๋ ระดับ ๗.๕ ขึ้น ไปน่าจะเกิดขึ้นในส่วนที่เปราะบางและพลังตกกระทบสะสมจนต้องคลายพลังงานหรือความเครียดออก มีโอกาสเกิดแน่นอนถึงร้อยละ ๙๙
พลังงานที่ออกมาทั้งหมดนี้มาจากจุดับเดียวกันคือ ๒๐๘๗ ทำให้จุดดับ ๒๐๘๗ อ่อนพลังไปมาก แต่ยังมีเดลต้าอยู่ ซึ่งก็หมายความว่าสามารถปล่อย X Class ออกมาได้อีก
:Solar_Region_Summary: 2014 Jun 10
# Region Location Sunspot Characteristics
# Helio Spot Spot Mag.
# Num Lat.,CMD Long. Area Extent class count class
2077 S04W80 305 20 1 HRX 1 A
2079 N13W56 281 110 5 DSO 6 B
2080 S12W36 261 320 10 DKC 26 BGD
2082 N15W28 253 220 8 DAI 14 B
2084 S12W70 295 10 6 BXO 3 B
2085 S20W30 255 460 14 EKC 24 BG
2087 S18E71 154 100 8 DAI 5 BD
๒๐๘๕ เดลต้าหายไป แต่ ๒๐๘๐ เดลต้ายังอยู่ ทำให้การคาดการณ์ว่าจะเกิด CME X/M ยังคงที่ ที่ 60%/30%
ก่อนนอน ตื่นนอน ระหว่างทำงานก็สังเกตุสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเราว่ามันเป็นอย่างไร สุนัข แมว นก เป็ด หมู วัว ช้าง ควาย แพะ แกะ มีอาการตื่นตระหนกตกใจบ้างหรือไม่? หากมีอาการ ก็พึ่งระวังไว้นะครับ
ที่แน่ๆคือ ดูเมฆแผ่นดินไหวว่า ว่าเกิดไหม?
เกิดเต็มพื้นที่ไหม? มีแสงสรสรรไหม?
มาเรียนรู้ สังเกตุ ร่วมกัน นะครับ
หาบทความ วิธีการรับมือแผ่นดินไหวมาอ่านไว้ เผื่อเตรียมรับมือก้ไม่เสียหายใช่ไหมครับ???