PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

บิ๊กตู่ ยัน แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ไม่สืบทอดอำนาจตัวเอง แต่สืบทอดอำนาจประชาชน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 มกราคม ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเนื่องในวันครูแห่งชาติ ครั้งที่ 61 พุทธศักราช 2560 โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ว่า ตนไม่ได้วางเพื่อจะอยู่หรือสืบทอดอำนาจ ตนจะสืบทอดอำนาจของประชาชน ความต้องการทั้งหมดจะอยู่ในนั้น ความต้องการในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ จะทำอะไรก็ทำแต่ผลสัมฤทธิ์จะต้องออกมาว่าผลการศึกษาเป็นอย่างไร ทรัพยากรเรามี 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ เศรษฐกิจควรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าไร เขียนในยุทธศาสตร์ชาติ อยากให้ช่วยอธิบายเรื่องยุทธศาสตร์ชาติด้วยจะได้เลิกพูดสักทีว่าตนจะมาแสวงหาประโยชน์หรืออำนาจ ซึ่งอำนาจเหล่านี้ก็เพื่อให้ทุกคนทำงานและอำนาจที่ให้ประชาชนได้รับรู้ว่าประชาชนจะมีอนาคตอย่างไรใน 20 ปีข้างหน้า เรื่องวิธีการของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถือว่าเป็นกรอบกว้างเฉยๆ เท่านั้น วันนี้ตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ขึ้นมาเรื่องการปรองดอง ในปีนี้เราจะทำตามโรดแมปใช่ไหม เพราะทุกอย่างทำมาหมดแล้ว ทั้งการปฏิรูป ปรองดอง เราต้องสร้างการรับรู้ให้มากขึ้นคนจะได้เลิกทะเลาะกันเสียที ตนจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างตนได้วางแผนไว้แบบนี้ คิดทุกวันว่าจะสร้างการรับรู้อย่างไร ตนยืนยันไม่ได้มองเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ รวมถึงการสืบทอดอำนาจ ตนมองแต่ว่าประเทศจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรใน 20 ปีข้างหน้า และจะทำอย่างไรให้แผนสภาพัฒน์ฯ มีพลังพอที่จะให้เขาทำ ฉะนั้นเรื่องยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นกรอบกว้างๆ และแผนของสภาพัฒน์ฯจะสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ต้องทำแบบนี้ นอกจากที่รัฐบาลเลือกตั้งจะทำตามนโยบายการเมืองของท่านแล้ว ท่านจะต้องดูในกรอบว่าประเทศจะได้อะไร ไม่ใช่ได้เฉพาะกลุ่มเกษตรกรเพราะทั้งหมดคือประเทศไทย ทั้งหมดจะต้องเจริญเติบโตไปพร้อมนี่คือสิ่งจำเป็น ตนขอฝากเอาไว้

เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริจาค10ล้านบาท ช่วยน้ำท่วมใต้

เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริจาค10ล้านบาท ช่วยน้ำท่วมใต้ในงาน‘ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้’ช่วยฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบความเดือดร้อนจากน้ำท่วมหนัก
วันนี้(15ม.ค.2560) เวลาประมาณ 18.00น. คุณศุภชัย เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้บริจาคเงินจำนวน 10 ล้านบาทเพื่อสมทบทุนในการช่วยฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยมอบให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในรายการ‘ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้’ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้น ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อระดมพลังจากทุกภาคส่วนในรูปแบบประชารัฐ ให้กำลังใจและเสียสละ ช่วยเหลือพี่น้องร่วมชาติ ในยามที่ต้องเผชิญความลำบาก
รายการ‘ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้’ จัดขึ้นในช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค.ตั้งแต่เวลา18.00 น. – 20.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แทนรายการเดินหน้าประเทศไทย โดยในช่วงแรกของรายการนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ได้มารับโทรศัพท์ในการบริจาคด้วย โดยประชาชนสามารถโทรศัพท์เข้าไปร่วมบริจาคเงินในรายการผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 -356 -0303
อนึ่งจากสถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความห่วงใยต่อปัญหาความเดือดร้อนที่พี่น้องชาวใต้ในหลายจังหวัดกำลังเผชิญอยู่ จึงได้เร่งระดมสรรพกำลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหนักในภาคใต้อย่างเร่งด่วน โดยบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำในการจัดผลิตภัณฑ์อาหารสดและอาหารสำเร็จรูปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมผ่านหลายช่องทางทั้งภาครัฐ มูลนิธิ องค์กรการกุศล สื่อมวลชน เพื่อที่จะได้กระจายความช่วยเหลือให้เข้าถึงผู้ประสบภัยให้ได้มากที่สุด
ด้าน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินโครงการ“ช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากใจเซเว่น อีเลฟเว่น” มอบขนมเบเกอรี่ และน้ำดื่ม แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ผ่านองค์กรต่างๆ อาทิ มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก และสภากาชาดไทย เป็นต้น
นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ทรู คอร์ปอเรชั่น และสถานีข่าวโทรทัศน์ TNN24 ช่อง 16 ร่วมกับ สภาวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-อาเซียน และภาคีเครือข่าย เปิดรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และ ฟื้นฟูพื้นน้ำท่วมภาคใต้ พร้อมเชิญชวนส่ง SMS บริจาคผ่านมือถือเครือข่าย TrueMove H

"ลุงตู่" ห่วงเด็กเห็นเครื่องบินตก กลัวการเป็นนักบิน



"ลุงตู่" ห่วงเด็กเห็นเครื่องบินตก กลัวการเป็นนักบิน
(14/1/60)นายกฯ ขอพ่อแม่ผู้ปกครองอธิบายเด็ก หลังเห็นGripen ตก ต่อหน้าต่อตา ชี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ อย่ากลัวการเป็นนักบิน ถือเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะชั้นสูงและเสียสละเพื่อประเทศชาติ
พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของ น.ต.ดิลกฤทธิ์ ปัถวี นักบินผู้บังคับเครื่องบินสาธิตการบินผาดแผลงในงานวันเด็กแห่งชาติ ณ กองบิน 56 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และประสบอุบัติเหตุเครื่องบินขัดข้อง เสียการควบคุมขณะทำการบินชุดสุดท้าย เป็นเหตุให้เครื่องบินตกและนักบินเสียชีวิต
นายกฯ ฝากแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังครอบครัว และญาติมิตรของ น.ต.ดิลกฤทธิ์ ปัถวี ถือเป็นการเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทางกองทัพต้องดูแลช่วยเหลือตามระเบียบราชการอย่างครบถ้วน รวมทั้งวิเคราะห์หาสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่เกิดเหตุขึ้นอีก
นายกฯ ยังเป็นห่วงเด็กเยาวชนที่ชมการแสดงสาธิตในครั้งนี้ และเห็นภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกอันอ่อนไหวของเด็กๆ จึงอยากฝากให้คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง ได้ช่วยอธิบายน้องๆ ให้เข้าใจว่า อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เราไม่คาดหวัง แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยหลายปัจจัย อย่าให้ภาพติดตา หรือความตื่นตกใจ ทำให้มีทัศนคติเป็นลบต่ออาชีพนักบินหรือละทิ้งความฝันที่จะเป็นนักบิน เพราะอาชีพนักบินถือเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ต้องใช้ทักษะชั้นสูง ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ
โดยเฉพาะการเป็นนักบินในสังกัดกองทัพ เนื่องจากหลายภารกิจ ต้องอาศัยการบิน เพื่อเข้าร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ

บริจาค ออก ทีวี.

บริจาค ออก ทีวี.
(15/1/60)‪นายกฯบิ๊กตู่ นั่งรับสาย รับบริจาคช่วยน้ำท่วมใต้เอง ที่ทำเนียบฯ มี"น้องเมย์ รัชนก"เป็นผู้ช่วย คอยจด.....นายกฯ เริ่มบทสนทนา ว่า "นายกรัฐมนตรี ครับ"....พร้อมเผย คนที่โทรมาบริจาค ให้กำลังใจชาวใต้ที่น้ำท่วม และให้กำลังใจนายกฯด้วย ขอบคุณมากครับ
บิ๊กป้อม และรองนายกฯ. รวมทั้ง บิ๊กโด่ง บิ๊กเข้ บิ๊กน้อย และ ครม.ก็ร่วมรับโทรศัพท์ รับบริจาคช่วยน้ำท่วม.... โดยมี ดารา นักร้อง ทีมช้างศึก เป็นผู้ช่วย พร้อม 3 พลทหาร"กวินทร์-ชิน-ชาโน"...แค่1 ชม.แรก ยอดบริจาค กว่า170 ล้านแล้ว
ยอด เมื่อจบรายการ 329.3 ล้านบาท
ถ่ายทอดช่อง11 โทร02-356-0303 เปิด 20คู่สาย‬

.ไอเดีย"บิ๊กป้อม"เรื่องปรองดอง จับนักการเมืองมาเซ็นMOU ลงสัตยาบัน

ฟัง....ไอเดีย"บิ๊กป้อม"เรื่องปรองดอง จับนักการเมืองมาเซ็นMOU ลงสัตยาบัน

"พลเอกประวิตร" เผย เตรียมให้ทุกพรรคการเมือง ทุกกลุ่มการเมือง ลงนามMOU ข้อตกลงปรองดอง เพิ่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ในทุกด้าน แต่ไม่มีเรื่อง นิรโทษกรรม หรือ คดีความต่างๆ ยันไม่ขัดต่อรธน./ยันทหารเป็นคนกลาง รับฟังความเห็น ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ยันผมไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร....ชี้การนำม็อบออกมาแสดงพลัง ทางการเมือง ตัองยึดตามพรบ.การชุมนุม ในที่สาธารณะ ไม่ใช่จะเอาออกมาได้แบบเมื่อก่อน แต่จะต้องขออนุญาตก่อเผยจะอนุมีติรายชื่อคกก.ปรองดองเสร็จวันนี้ มี "ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายกฎหมาย-นักวิชาการ" ชี้ทุกฝ่ายทำMOU สร้างข้อตกลงร่วมกัน ยันไม่เกี่ยว "นิรโทษ,อภัยโทษ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ว่า ในเรื่องความปรองดองนั้นจะพิจารณาตั้งคณะกรรมการในวันนี้ (16 มกราคม) ให้แล้วเสร็จ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้ตนเข้ามาดูแลการสร้างความปรองดอง โดยให้ทุกพรรคการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุย พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นว่าจะสร้างความปรองดองในสังคมไทยได้อย่างไร

ทั้งนี้เตรียมลงนามคำสั่ง ตั้งคณะกรรมการ อำนวยการ ที่มี พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกลาโหม เป็นประธาน และมี 3 คณะอนุกรรมการด้านต่างๆ เช่น รับฟังความเห็น และด้านประชาสัมพันธ์
"การปรองดองไม่ใช่เป็นเรื่องของพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ประชาชนที่เข้าไปสังกัดพรรคการเมือง และมีแนวความคิดต่าง ๆ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นได้ "

"ผมย้ำว่าไม่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดรธน.ไม่เกี่ยวกับการอภัยโทษและนิรโทษกรรม แต่เป็นเรื่องการสร้างข้อตกลงร่วมกัน เช่น ในหมู่บ้านจะอยู่ร่วมกัน และตกลงกันว่าการใช้น้ำ ทางทิศเหนือใช้วันจันทร์ ทางด้านทิศใต้ใช้วันอังคาร อย่างนี้เรียกว่าเป็นการตกลงร่วมกัน ซึ่งไม่ใช่การขัดกฎหมาย และผมก็ไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเอง แต่เป็นข้อตกลงที่ทุกฝ่ายยอมรับ เพื่อสร้างความปรองดองของคนในประเทศต่อไปในอนาคต" พล.อ.ประวิตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องให้ทุกฝ่ายลงนามMOUร่วมกันหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ถูกต้อง ซึ่งต้องให้ทุกฝ่ายพึงพอใจและสามารถอยู่ร่วมกันได้

แต่ขอย้ำว่าไม่ใช่เรื่องกฎหมาย อดีตก็เป็นเรื่องอดีต คงไม่เกี่ยวกัน

ส่วนจะทำMoUห้ามพรรคการเมืองนำประชาชนเข้าร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มีพ.ร.บ.ชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ พ.ศ.2559 บังคับใช้อยู่ ถ้าจะชุมนุมก็สามารถขออนุญาตได้ เรื่องนี้ไม่เป็นอะไร

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบการสร้างความปรองดองนั้น จะมีตัวแทนพรรคการเมืองแต่ละพรรคมาแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะ โดยเราจะมีผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้ใหญ่ ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายกฎหมาย นักวิชาการ และผู้ที่เกี่ยวข้องมารับฟัง พร้อมรวบรวมประเด็นทั้งหมด เพื่อเขียนเป็นกติกา และจะมาชี้แจงให้พรรคการเมือง และทุกฝ่ายรับทราบ กติกาข้อใดที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถหารือกันได้

ส่วนคสช.จะแก้คำสั่งปลดล็อกเพื่อให้นักการเมืองสามารถประชุมพรรคด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่จำเป็นปลดล็อกนักการเมือง เพราะผม และคสช. อยู่ในส่วนการพูดคุย ด้วย

ถามว่าการสร้างความปรองดอง เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันทหารจะทำอย่างไร เพราะทหารก็ถูกมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นั่นเป็นการโจมตีกองทัพ กองทัพไม่เคยโจมตีใคร และกองทัพไม่เคยมีศัตรู

"ผมไม่มีศัตรู และไม่เคยขัดแย้งกับใคร เพียงแค่นักข่าวขัดแย้งกับผม แต่ผมไม่ขัดแย้งกับนักข่าว เมื่อนักข่าวถามผมก็เป็นประเด็น"

คนไทยพร้อมสำหรับ ประเทศไทย 4.0 หรือยัง? โดย : กาแฟดำ

 คนไทยพร้อมสำหรับ ประเทศไทย 4.0 หรือยัง? โดย : กาแฟดำ

วันก่อน สำนักทำโพลล์แห่งหนึ่ง รายงานว่าคนไทยส่วนใหญ่ ไม่รู้ว่า Thailand 4.0 หรือ “คนไทย 4.0” มีความหมายที่แท้จริงอย่างไร

ซึ่งก็ไม่ควรจะสร้างความแปลกใจให้กับใครมากนัก


เพราะศัพท์แสงคำนี้ยังเป็น “นามธรรม” อยู่ หากจะทำให้สำเร็จจะต้องมีคำอธิบายให้เป็น “รูปธรรม” ที่จับต้องได้แพร่หลายในหมู่คนไทย จนกลายเป็นวิถีแห่งการปฏิบัติในชีวิตประจำวันให้ได้

ข่าวบอกต่อมาว่านายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานราชการให้กับความสำคัญกับเรื่องนี้ เตรียมปรับแผนปี 2560 เพื่อดร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในเรื่องคนไทย 4.0 และ Thailand 4.0 โดยให้เริ่มเห็นผลใน 6 เดือน (จากคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกรัฐบาล)

เริ่มต้นต้องมีคำอธิบายเป็นภาษาง่าย ๆ ก่อนว่า ประเทศไทย 4.0 คืออะไร? และวันนี้ประเทศไทยส่วนไหนอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร 1.0 หรือ 2.0 หรือ 3.0?

คำอธิบายทางการบอกว่า ประเทศไทย 4.0 หมายถึงการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจโดยให้ขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม ปัญญา และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับรายได้สูง

แน่นอนว่าหากจะให้ประเทศไทยไปถึง 4.0 ก็ต้องสร้างคนไทย 4.0 เพราะประเทศจะไปไหนโดยไม่มีคนที่มีคุณสมบัติที่สอดคล้องกันไม่ได้อยู่แล้ว

คนไทย 4.0 เป็นอย่างไร? คำชี้แจงทางการคือเป็นคนมีความรู้ ทักษะอาชีพสูงขึ้น รับผิดชอบสังคม มีอัตลักษณ์ความเป็นไทย สามารถใช้เทคโนโลยีทันสมัย ทำงานน้อยลง แต่มีผลผลิตมากขึ้น

คนไทยส่วนใหญ่อยู่ที่ 1.0 และ 2.0 คือกลุ่มเกษตรรายย่อย SME Otop แรงงานระดับต่ำ คนด้อยโอกาส คนพิการ คนจนในเมืองที่จะต้องช่วยให้ให้เข้าถึงทรัพยากร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ มีโอกาสที่เป็นธรรม
เป้าหมายของทางการคือจะต้องพัฒนาคนไทย 1.0 เป็น 2.0 คนไทย 2.0 พัฒนาเป็น 3.0 ตามลำดับด้วยการใช้เทคโนโลยีพัฒนาตัวเอง แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ติดต่อกับคนทั่วโลกก็ก้าวสู่ความเป็นคนไทย 4.0 ด้วยกัน

ในทางปฏิบัติจะต้องแปรสภาพของคนไทยจากเกษตรแบบเดิมเป็น “เกษตรกรที่ฉลาด” ที่ฝรั่งเรียกsmart farmer เปลี่ยนจาก SME, Otop เป็น smart enterprises หรือ startups และเปลี่ยนแรงงานระดับต่ำเป็นแรงงานที่มีทักษะสูงขึ้นเป็นต้น

เริ่มต้นก็ต้อง “แก้นิสัยไม่ดี” บางประการของคนไทยที่มีนักวิจัยนำเสนอไว้อย่างน้อย 8 ประการคือ
- ระบบอุปถัมภ์ เล่นเส้นสาย พวกพ้อง
- ขี้เกียจ
- ลูกอีช่างขอ รอแต่ความช่วยเหลือ
- รักการเฉลิมฉลอง ชอบเที่ยว แม้เป็นหนี้สินก็ยอม
- ติดแบรนด์ต่างประเทศ ใช้ของหรูหราราคาแพง
- ไม่รักษาเวลา อ้างรถติดฝนตก
- ไม่มีทีมเวิร์ก
- ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง ไม่พัฒนา

ดังนั้นการสร้าง “คนไทย 4.0” จึงเป็นเรื่องไม่ง่าย จะต้อง “ยกเครื่อง” การศึกษากันตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปถึงมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ในสามเดือนหกเดือน หรือจะใช้คำสั่งเด็ดขาดจากข้างบน ลงมากำหนดให้ยกระดับคนไทยขึ้นไป ตามลำดับเพื่อให้ประเทศไทยเป็น Thailand 4.0 ให้ได้ในปีนั้นปีนี้

เป้าหมายการทำให้คนไทยเก่งขึ้นฉลาดขึ้น และตระหนักว่านวัตกรรมสมัยใหม่ กำลังเปลี่ยนทุกอย่างเป็นเรื่องถูกต้องและจะต้องทำอย่างปฏิเสธไม่ได้

แต่นั่นต้องเริ่มที่ทุกคน ทุกครอบครัว ทุกชุมชนและทุกภาคส่วนของสังคมอย่างเป็นระบบ เป็นรูปธรรมที่ประเมินผลกันอย่างตรงไปตรงมาได้ตลอด