PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ศาลจังหวัดทหารบกเชียงราย ตัดสินจำคุกคนต้านรัฐประหาร3เดือน ปรับ5พันบ. รอลงโทษ1ปี

ศาลจังหวัดทหารบกเชียงราย ตัดสินจำคุกคนต้านรัฐประหาร3เดือน ปรับ5พันบ. รอลงโทษ1ปี

รายงานจากกลุ่มทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า วันนี้ 14 สค. ศาลทหารบกที่เชียงรายได้อ่านคำพิพากษาคดีที่ถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนกฎอัยการศึกที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน คดีนี้นับเป็นคดีแรกที่ศาลทหารมีคำพิพากษาแล้วสำหรับกรณีพลเรือนที่ประท้วงการยึดอำนาจและถูกจับนำตัวขึ้นศาลทหาร

จำเลยในคดีนี้คือนายสราวุทธิ์ (ไม่ทราบนามสกุล) ถูกตัดสินจำคุก 6 เดือนและปรับ 10,000 บาท เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยได้ยื่นคำร้องให้ศาลรอการลงโทษเพราะมีครอบครัวต้องเลี้ยงดู และได้แนบหนังสือรับรองความประพฤติจากผู้ใหญ่บ้านที่รับรองที่อยู่ การประกอบอาชีพที่สุจริต มีความประพฤติดี และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ศาลจึงให้รอการลงโทษในส่วนของการจำคุกไว้หนึ่งปี
จากข้อมูลของกลุ่มไอลอว์เกี่ยวกับคดีนี้ระบุว่า จำเลยมีร้านขายของในเชียงราย และรณรงค์เคลื่อนไหวผ่านทางอินเตอร์เนท เคยร่วมกับกลุ่มที่ฟ้องร้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณว่าปราศรัยปลุกระดมประชาชนให้ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย หลังมีรัฐประหาร ได้ออกไปชูป้ายประท้วงตามสถานที่ต่างๆหลายแห่งในเมือง ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ทหารไปตามหาตัวที่บ้าน เมื่อไม่พบก็ได้ประกาศเรียกตัว นายสราวุทธิ์ถูกจับและกักตัวไว้นานเจ็ดวัน หลังจากนั้นจนท.ทหารได้ส่งตัวต่อให้กับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดี ถูกขังต่ออีกสิบสามวัน เขาได้ยืนขอประกันตัวเองพร้อมกับโพสต์ในเฟสบุ๊กว่าจะถูกดำเนินคดีในศาลทหาร

แคร์รี ยืนยันสัมพันธ์ไทย-สหรัฐยังดี แต่ถูกรบกวน เรียกร้องให้คืนประชาธิบไตยโดยเร็ว ผ่อนคลายการจำกัดเสรีภาพทางการเมือง





แคร์รี ยืนยันสัมพันธ์ไทย-สหรัฐยังดี แต่ถูกรบกวน เรียกร้องให้คืนประชาธิบไตยโดยเร็ว ผ่อนคลายการจำกัดเสรีภาพทางการเมือง



เมื่อวันที่ 14 ส.ค. จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์ที่ เมืองฮอนโนลูลู รัฐฮาวายแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ประชาธิบไตยและการลิดรอนสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย



พร้อมเรียกร้องให้ไทยกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด



"สำหรับประเทศไทย ผู้เป็นมิตรเก่าแก่และพันธมิตรของสหรัฐ ความสัมพันธ์ของเราถูกรบกวนด้วยความล้มเหลวของระบอบประชาธิบไตย และเราหวังอย่างยิ่งว่าจะสถานการณ์ดังกล่าวจะมีขึ้นชั่ว



คราวเท่านั้น" แคร์รี กล่าว



นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังได้เรียกร้องให้ ทางการไทยผ่อนคลายข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวทางการเมืองและการแสดงความเห็น รวมถึงการฟื้นฟูการปกครองโดยประชาชน และคืน



ประชาธิบไตยให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุดผ่านการเลือกตั้งที่มีความเสรีและเท่าเทียมกัน



ความเคลื่อนไหวดังกว่าวมีขึ้น ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิก ทั้ง อัฟกานิสถาน ออสเตรเลีย พม่า และหมู่เกาะ โซโลมอน อันเป็น



ส่วนหนึ่งของนโยบาย "คืนสมดุลแก่เอเชีย"  ซึ่งนอกจากไทยแล้ว แคร์รียังแสดงความกังวลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพม่า และจีนอีกด้วย



รัฐบาลวอชิงตันให้ความสำคัญแก่เอเชียในประเด็นด้าน การเติบโตทางเศรษฐกิจ การปฏิรูปพลังงาน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค และการพัฒนาความสัมพันธ์



ในระดับบุคคล



ที่มา : PostToday



2222222222

จอห์น แคร์รี ติงประชาธิปไตยไทยถอยหลัง



จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวสุนทรพจน์ที่ อีสต์-เวสต์ เซนเตอร์ ในเมืองฮอนโนลูลู รัฐฮาวายของสหรัฐเมื่อวาน(13 ส.ค.2557) โดยเปิดเผยถึงยุทธศาสตร์ขั้นต่อไปของสหรัฐต่อ



ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และกล่าวถึงสถานการณ์ประชาธิปไตยในชาติต่างๆในภูมิภาคนี้ด้วย



เขาเยือนฮาวายเป็นจุดสุดท้ายของการเดินสายเยือนทั่วโลกเริ่มตั้งแต่อัฟกานิสถาน ออสเตรเลีย เมียนมาร์และหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งเป็นแผนส่วนหนึ่งของความพยายามเพิ่มดุลอำนาจของสหรัฐใน



เอเชีย โดยรัฐบาลสหรัฐมุ่งให้ความสำคัญต่อภูมิภาคนี้ใน 4 เรื่องได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจ การปฏิวัติพลังงานและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับ



ภูมิภาค และการเพิ่มบทบาทของภาคพลเมือง



ส่วนเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนนั้น แคร์รีบอกว่า บางประเทศมีสถานการณ์ก้าวหน้าดีขึ้น แต่บางประเทศกลับถอยหลัง เช่น ไทย ที่มีการรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อเดือนพ.ค. เขาบอกด้วยว่า



ในฐานะที่ไทยเป็นชาติพันธมิตรใกล้ชิด สหรัฐรู้สึกเป็นกังวลต่อการถอยหลังของประชาธิปไตย และหวังว่าจะเป็นเพียงอุปสรรคชั่วคราวเท่านั้น พร้อมกับร้องขอให้ทางการไทยยกเลิกคำสั่งห้าม



การทำกิจกรรมทางการเมืองและการแสดงความเห็นในที่สาธารณะ คืนอำนาจปกครองแก่พลเรือน และคืนประชาธิปไตย โดยเร็วผ่านการจัดเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม



นอกจากนี้เขาพูดถึงเมียนมาร์ ที่เขาเพิ่งไปเยือนช่วงสุดสัปดาห์เพื่อร่วมประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก โดยบอกว่า เมียนมาร์ยังต้องเดินทางอีกยาวไกลกว่าจะไปถึงจุดที่เป็นชาติประชาธิปไตยโดย



สมบูรณ์



ขณะเดียวกันเขากล่าวถึงจีนด้วยว่า จีนพยายามพัฒนาประชาธิปไตยโดยยังคงยึดหลักอดทนอดกลั้นของตัวเองไว้ ถือเป็นแบบอย่างที่ทำให้เห็นว่าค่านิยมตามแบบชาวเอเชียและหลักการ



ประชาธิปไตยส่งเสริมซึ่งกันและกันได้อย่างไร



ที่มา : เนชั่น

//////////////

ข้อมูลท่าทีต่างประเทศก่อนหน้านี้



    -๒๓ พ.ค.๕๗ "นายจอห์น แคร์รี" รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐแถลง

    "ข้าพเจ้ารู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของกองทัพไทยในการประกาศงดใช้รัฐธรรมนูญ และเข้ามาควบคุมรัฐบาลภายหลังภาวะโกลาหลทางการเมืองที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ซึ่งไม่มีเหตุผลอัน



ชอบธรรมใดๆ ให้แก่การก่อรัฐประหารโดยกองทัพ..."

    -๒๙ พ.ค.๕๗ "นางแคทรีน แอชตัน" ผู้แทนระดับสูงสหภาพยุโรป (อียู) แถลง

    ".........เราเรียกร้องให้ผู้นำทหาร ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวด้วยเหตุผลทางการเมืองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทั้งหมด และยกเลิกการจำกัดเสรีภาพสื่อ เราขอร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างสูง



สุด และเคารพปฏิบัติตามสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานและสิทธิมนุษยชน การจัดทำแผนที่น่าเชื่อถืออย่างเร็วที่สุดในการคืนสู่การปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้งเท่านั้นที่จะช่วยให้การสนับ



สนุนของสหภาพยุโรปต่อประเทศไทยดำเนินต่อไปได้”

    -๓๐ พ.ค.๕๗ น.ส.เจน ซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลง

    "...........การแถลงแผนยุทธศาสตร์มุ่งสู่ความเป็นประชาธิปไตยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เมื่อค่ำวันที่ ๓๐ พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ยังขาดรายละเอียดบางอย่างไป สหรัฐยืนยันว่าหน



ทางที่ดีที่สุดในการก้าวไปข้างหน้าคือ การกำหนดเวลาให้มีการเลือกตั้งเร็วกว่าที่ระบุ และควรช่วยอำนวยการให้เกิดความโปร่งใสในกระบวนการเลือกตั้ง"

    -นายชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ

    "..........ให้คืนอำนาจให้ประชาชนคนไทย ด้วยการกำหนดให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมในทันที และจนกว่าจะทำตามที่สหรัฐเรียกร้อง สหรัฐขอระงับการสนับสนุนทางการทหาร และการ



ซ้อมรบร่วมกับไทย รวมทั้งทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพของทั้ง ๒ ประเทศ"

    -นายเดวิด จอห์นสตัน รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย     ".........ออสเตรเลียขอลดความร่วมมือกับกองทัพไทยและลดระดับความสัมพันธ์กับผู้นำทางทหารของไทย......ยังจัดกลไกป้องกันไม่ให้ผู้นำ



รัฐประหารเดินทางไปยังออสเตรเลียด้วย  ขอให้กองทัพไทยจัดทำแผนการคืนประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมให้เร็วที่สุด...."

////////



เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฯ ได้กล่าวแถลงนโยบายของสหรัฐฯ โดยให้รายละเอียดถึงวิสัยทัศน์ของสหรัฐฯ ในด้านความสัมพันธ์กับภูมิ



ภาคเอเซีย-แปซิฟิก ณ ศูนย์ East-West Center ในมหาวิทยาลัยฮาวาย วิทยาเขต Manoa จากการเดินทางมายังภูมิภาคนี้ซึ่งรวมถึงการเยือนพม่าและออสเตรเลียด้วย

เชิญฟังรัฐมนตรีแคร์รีกล่าวถึงพม่าในนาทีที่ 7.50 และ 40.53 และกล่าวถึงไทยในนาทีที่ 38.13 และ 40.26

On August 13th, U.S. Secretary of State John Kerry delivered a policy address detailing the U.S. vision for Asia-Pacific engagement at the East-West Center on the University of Hawaii-Manoa



campus following a trip to the region which included visits to Myanmar and Australia.

Hear his remarks about Myanmar at minute marker 7:50 and 40:53 and on Thailand at minute marker 38.13 and 40:26






“โฆษกประชาธิปัตย์"เต้น!! รีบแจง“พิพัฒน์”เจอทหารรวบเก็บส่วย ถูกขับจากพรรคนานแล้ว

“โฆษกประชาธิปัตย์"เต้น!! รีบแจง“พิพัฒน์”เจอทหารรวบเก็บส่วย ถูกขับจากพรรคนานแล้ว

วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19:44:22 น.


เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ โฆษกพรรค ปชป. กล่าวถึงกรณีนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร และสก.เขตบางรัก ถูกทหารคุมตัวกรณี มีส่วนพัวพันธ์เก็บส่วยพ่อค้าแม่ค้าย่านวัดหัวลำโพง ว่า ตนคงไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้ เพราะนายพิพัฒน์ไม่ใช่สมาชิกพรรค เนื่องจากถูกขับออกจากพรรคไปนานแล้ว โดยสาเหตุคือกระทำฝ่าฝืนมติพรรคลงสมัครเป็นประธานสภากทม. เมื่อปี 2555 ซึ่งในขณะนั้นพรรคมีมติส่งนายสมชาย เวสารัชตระกูล สก.เขตสายไหม ลงสมัคร

ศาลฎีกา ยกฟ้อง"ทักษิณ-พจมาน" ฟ้อง คตส.ปมที่ดินรัชดา!!

ศาลฎีกา ยกฟ้อง"ทักษิณ@พจมาน" ฟ้อง คตส.ปมที่ดินรัชดา!!
ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง "นาม ยิ้มแย้ม" อดีต ปธ.คตส. และพวก คตส.รวม 11 คน หลัง "ทักษิณ-พจมาน" ฟ้องปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทำสำนวนคดีซื้อที่ดินฟ้องศาลฎีกานักการเมือง ศาลชี้การทำงาน คตส. เทียบ ป.ป.ช.
วันที่ 14 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอ่านคำสั่งฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3020/2550 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กับพวก ซึ่งเป็นอดีต คตส. รวม 11 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200
จากกรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 50 - 21 มิ.ย. 50 จำเลยได้รับแต่งตั้งเป็น คตส. และมีอำนาจหน้าที่ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) และจำเลยทั้ง 11 คน ได้อาศัยอำนาจหน้าที่ บิดเบือนข้อเท็จจริง เจตนากลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองให้ตกเป็นจำเลยที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีซื้อขายที่ดิน 4 แปลง ย่านรัชดาภิเษก โดยบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อแกล้งให้โจทก์ทั้งสองเกิดความเสียหาย และต้องรับโทษจำคุกริบทรัพย์สิน
ศาลฎีกาพิเคราะห์ข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ ที่ฟ้องว่า คดีนี้ยื่นฟ้องก่อนที่ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คปค. จะบังคับใช้ในวันที่ 6 ก.ย. 2550 จึงไม่อาจมีการนำเอาประกาศ คปค. มาบังคับใช้ย้อนหลังได้ ศาลเห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมที่ให้ คตส. มีอำนาจเหมือน ป.ป.ช.ในการฟ้องร้องดำเนินคดี เป็นเรื่องของการกำหนดเกี่ยวกับวิธีการ แต่ไม่ใช่พฤติการณ์แก้กฎหมายของสารบัญ ดังนั้น เมื่อ พ.ร.บ.แก้ไขประกาศ คปค. มีผลบังคับใช้ได้ และคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่อำนาจของศาลอาญา ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน ไม่รับฟ้อง และสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
อย่างไรก็ตาม การฟังคำสั่งวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน โจทก์ทั้งสองได้ส่งผู้แทนมาฟังคำพิพากษา ส่วนจำเลยทั้ง 11 คน ไม่ได้ส่งตัวแทนมาฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นการยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเท่านั้น.
‪#‎ไทยรัฐ‬

14 ส.ค.2488 สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงอย่างเป็นทางการ

14 ส.ค.2488 สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงอย่างเป็นทางการ
พระจักรพรรดิ ฮิโรฮิโต (Emperor Hirohito) แห่งญี่ปุ่นทรงประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรผ่านทางวิทยุกระจายเสียงทั่วญี่ปุ่น (นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นกว่าพันปีที่คนญี่ปุ่นได้ยินเสียงจักรพรรดิของตน) ภายหลังจากที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกเมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคมที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ส่งผลให้ฝ่ายญี่ปุ่นเสียชีวิตกว่าสองล้านคน บ้านเมืองเสียหายยับเยิน พระจักรพรรดิ ฮิโรฮิโตทรงเรียกร้องให้คณะรัฐบาลญี่ปุ่นยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขเพื่อรักษาชาติพันธุ์ญี่ปุ่น ให้ยอมรับ “ข้อตกลงพอตสดัม” (Potsdam Declairation) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ มาโมรุ ชิเกะมึทซึ (Mamoru Shigemitsu) กับ นายพล โยชิจิโร คุเมซุ (Yoshijiro Umezu) ลงนามในสัญญาสงบศึก (Japanese Instrument of Surrender) กับ นายพล แมคอาเธอร์ (Douglas MacArthur) ท่ามกลางสักขีพยานจากประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรอื่น ๆ บนดาดฟ้าเรือประจัญบาน มิสซูรี (USS Missouri) เหนืออ่าวโตเกียวในวันที่ 2 กันยายน 2488 ซึ่งได้มีการเผยแพร่ไปทั่วโลกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก http://goo.gl/sUtbnA
‪#‎DemocratTH‬

‘ทักษิณ’ มอบอำนาจทนาย แจ้งความดำเนินคดีสำนักข่าวออนไลน์ กล่าวหาล้มเจ้า

วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17:43 น.  ข่าวสดออนไลน์ 


‘ทักษิณ’ มอบอำนาจทนาย แจ้งความดำเนินคดีสำนักข่าวออนไลน์ กล่าวหาล้มเจ้า

 เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้แจ้งความดำเนินคดีกับ สำนักข่าวออนไลน์แห่งหนึ่ง ที่ใช้ภาพและข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง รายงานข่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเครือข่ายล้มเจ้า เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 ส.ค. และวันที่ 9 ส.ค. โดยภาพที่ปรากฎในข่าวเป็นภาพเก่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้ใดที่เป็นการกล่าวหาว่าหมิ่นเบื้องสูง และเป็นเรื่องปกติที่บุคคลระดับอดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะจะมีคนมาขอถ่ายรูปด้วย ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

 ดังนั้น ตนในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะทำการแจ้งความดำเนินคดีอาญา กับสำนักข่าวออนไลน์ดังกล่าว ฐานหมิ่นประมาท และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในสัปดาห์หน้าต่อไป

 “การกระทำใดของบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นความย่อมเป็นการกระทำของแค่ละบุคคลที่จะต้องรับผิดชอบแต่ละบุคคล ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และขอเรียกร้องไปยัง ขบวนการทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขอให้เลิกพฤติกรรมเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เพื่อมากล่าวหาว่าเป็นขบวนการล้มเจ้าด้วย” นายวิญญัติกล่าว  

ภาพ ดช.ญี่ปุ่นแบกศพน้องชายมาร่วมเผาศพช่วงสงครามโลก2

ภาพนี้เป็นภาพของเด็กกำพร้าชาวญี่ปุ่น ที่แบกร่างไร้วิญญาณของน้องชายตัวเองไว้บนหลังขณะนำไปทำพิธีเผาศพที่สุสานแห่งหนึ่งในนางาซากิในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒โดยภาพนี้ถ่ายโดยช่างภาพอเมริกัน ชื่อโจ โอดอนเนลในปี ๒๔๘๘ ซึ่งได้พูดถึงภาพนี้เอาไว้ว่า
"ผมเห็นเด็กอายุสักสิบขวบเดินผ่านมา แบกเด็กอีกคนไว้ข้างหลัง ซึ่งในสมัยนั้นเด็กๆ ทั่วไปก็แบกน้องของตัวเองเดินเล่นไปมาไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร แต่กับเด็กคนนี้มันมีอะไรที่ต่างไป ผมดูออกทันทีเลยว่าเด็กคนนี้มาที่นี่ด้วยเหตุผลสำคัญบางอย่าง เขาไม่ได้สวมรองเท้า หน้าตาก็เคร่งเครียด หัวของเด็กน้อยที่อยู่บนหลังเขาก็ห้อยอยู่อย่างแน่นิ่ง เด็กคนนั้นยืนอยู่อย่างนั้นสักห้าหรือสิบนาทีได้ แล้วคนที่ใส่หน้ากากขาวก็เดินไปหาเขา แล้วค่อยๆ เอาเชือกที่ผูกเด็กน้อยที่อยู่บนกลางหลังของเขาออก ผมถึงรู้ว่าที่แท้เด็กที่อยู่บนหลังของเขานั้นตายเสียแล้ว แล้วคนที่ใส่หน้ากากขาวๆ ก็ค่อยๆ อุ้มศพเด็กคนนั้นไปเผา เด็กชายคนนั้นยืนนิ่ง มองดูเปลวไฟ กดริมฝีปากล่างเสียแน่นจนเลือดไหลออกมา เปลวไฟคุโชนค่อยๆ หรี่ลงเหมือนตะวันที่กำลังตกจากริมขอบฟ้า เด็กชายหันหลังและเดินจากไปอย่างเงียบๆ"
ในประกาศยอมแพ้สงครามผ่านสถานีวิทยุในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๔๘๘ จักรพรรดิฮิโระฮิโตะทรงร้องขอให้ประชาชนของพระองค์จงอดทนต่อสิ่งที่สุดแสนจะทานทนได้ เด็กชายคนนี้คือหนึ่งในคนที่จำต้องพบกับความอดทนนั้น
วันนี้เด็กในภาพนี้จะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ภาพเดียวของเขาได้สร้างพลังใจในหลายล้านพันความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตมนุษย์ให้กับทุกคนที่อยู่ข้างหลังจริงๆ
ถ้าใครเคยอ่านนิยายเรื่องสุสานหิ่งห้อย
ผมว่าความเจ็บปวดในหัวใจคงไม่ต่างกัน
ลิงค์หนังการ์ตูนสุสานหิ่งห้อยแบบมีซับภาษาอังกฤษครับ
http://www.youtube.com/watch?v=fD_-0dO2y2g
ที่มาภาพและบทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ
http://simonho.hk/2013/04/29/the-boy-in-nagasaki-2/
http://acegasm.tumblr.com/post/20471077761/real-life-grave-of-the-fireflies-photo-stoic

ศาลทหารบกเชียงรายพิพากษาคดีแรก"สราวุทธิ์"ชุมนุมเกิน5คน จำคุก6ด.ปรับ1หมื่น

NEWS UPDATES
รายงานจากกลุ่มทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า วันนี้ 14 สค. ศาลทหารบกที่เชียงรายได้อ่านคำพิพากษาคดีที่ถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนกฎอัยการศึกที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน คดีนี้นับเป็นคดีแรกที่ศาลทหารมีคำพิพากษาแล้วสำหรับกรณีพลเรือนที่ประท้วงการยึดอำนาจและถูกจับนำตัวขึ้นศาลทหาร
จำเลยในคดีนี้คือนายสราวุทธิ์ (ไม่ทราบนามสกุล) ถูกตัดสินจำคุก 6 เดือนและปรับ 10,000 บาท เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยได้ยื่นคำร้องให้ศาลรอการลงโทษเพราะมีครอบครัวต้องเลี้ยงดู และได้แนบหนังสือรับรองความประพฤติจากผู้ใหญ่บ้านที่รับรองที่อยู่ การประกอบอาชีพที่สุจริต มีความประพฤติดี และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ศาลจึงให้รอการลงโทษในส่วนของการจำคุกไว้หนึ่งปี
จากข้อมูลของกลุ่มไอลอว์เกี่ยวกับคดีนี้ระบุว่า จำเลยมีร้านขายของในเชียงราย และรณรงค์เคลื่อนไหวผ่านทางอินเตอร์เนท เคยร่วมกับกลุ่มที่ฟ้องร้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณว่าปราศรัยปลุกระดมประชาชนให้ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย หลังมีรัฐประหาร ได้ออกไปชูป้ายประท้วงตามสถานที่ต่างๆหลายแห่งในเมือง ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ทหารไปตามหาตัวที่บ้าน เมื่อไม่พบก็ได้ประกาศเรียกตัว นายสราวุทธิ์ถูกจับและกักตัวไว้นานเจ็ดวัน หลังจากนั้นจนท.ทหารได้ส่งตัวต่อให้กับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดี ถูกขังต่ออีกสิบสามวัน เขาได้ยืนขอประกันตัวเองพร้อมกับโพสต์ในเฟสบุ๊กว่าจะถูกดำเนินคดีในศาลทหาร

ที่มา :ฺ ฺฺBBCไทย

กรณีเรียกแผงเก็บค่าส่วย ทหารควบคุมตัว ปธ.สภาพกทม. ส่งกองปราบ

กรณีเรียกแผงเก็บค่าส่วย ทหารควบคุมตัว ปธ.สภาพกทม. ส่งกองปราบ
(14/8/57)เมื่อเวลา 16.00 น. ทหารคุมตัว นายพิพัฒน์ ลาภปราถนา สก.เขตบางรัก และ ปธ.สภากทม. ส่งกองปราบเพื่อให้ จนท.สอบสวน กรณีผู้ค้าร้องเรียนว่า นายพิพัฒน์ รีดส่วยแผงค้าหน้าวัดหัวลำโพง 200 บาท/ ตรม./วัน โดยเจ้าตัวปฎิเสธ
cr.@Namsifa1844

แอปฯ รายงานพื้นที่เสี่ยงอาชญากรรม ถูกวิจารณ์เรื่องเหยียดเชื้อชาติ

แอปฯ รายงานพื้นที่เสี่ยงอาชญากรรม ถูกวิจารณ์เรื่องเหยียดเชื้อชาติ
ประชาไท วันที่ 11 ส.ค. 2557
http://prachatai.com/journal/2014/08/55012

แอปพลิเคชันตัวใหม่ล่าสุดที่ให้ผู้ใช้ช่วยกันรายงานสภาพพื้นที่ที่รู้สึกแปลก ไม่น่าไว้วางใจหรืออันตราย ลงในแผนที่ ถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีลักษณะเหยียดสีผิว เนื่องจากอาจถูกใช้เหมารวมคนในย่านหนึ่งๆ ด้วยอคติ แต่ผู้พัฒนาแอปฯ ก็พยายามแก้ข้อกล่าวหา โดยบอกว่าเป็นแอปฯ ที่ทุกคนใช้ได้

10 ส.ค. 2557 โปรแกรมแอปพลิเคชันชื่อ 'สเก็ตช์แฟกเตอร์' (SketchFactor) ซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถรายงานสภาพในพื้นที่ซึ่ง "ให้ความรู้สึกแปลกๆ" ให้กับผู้ใช้รายอื่นๆ ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อในเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ

แอปพลิเคชันมือถือ 'สเก็ตช์แฟกเตอร์' เป็นโปรแกรมที่ให้ผู้ใช้สามารถระบุสิ่งที่ตนเองรู้สึกเกี่ยวกับสถานที่ "ให้ความรู้สึกแปลกๆ" และมีการให้คะแนนลงในแผนที่ได้ ซึ่งจะขึ้นเป็นรูปใบหน้าสีต่างๆ ปรากฏในแผนที่ เช่น ระบุว่าในพื้นที่ซอยหนึ่งมีคนตัวใหญ่ๆ น่ากลัวๆ อยู่ในแถบพื้นที่นั้น หรือมีอยู่รายหนึ่งที่ระบุถึงแหล่งพักพิงคนจนหรือคนไร้บ้านว่า "คนที่อาศัยอยู่ออกมาสังสรรค์กันด้านหน้าอาคารและดูเหมือนจะไม่มายุ่งกับคนอื่น แต่มันก็ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจ"

สำนักข่าวฮัฟฟิงตันโพสต์รายงานถึงแอปพลิเคชันนี้ในเชิงตำหนิว่า เป็นโปรแกรมที่ผลิตโดยคนผิวขาวเพื่อทำให้ย่านของคนผิวสี "ดูแปลกๆ" ซึ่งเว็บล็อกของทีมงานสเก็ตช์แฟกเตอร์ระบุว่าสิ่งที่ "ให้ความรู้สึกแปลกๆ" หมายถึงอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สบายใจและดูผิดปกติ

แซม บิดเดิล บล็อกเกอร์ของเว็บ Gawker วิจารณ์ไปในทำนองเดียวกัน เขาระบุในบทความว่า คำว่า "ให้ความรู้สึกแปลกๆ" หรือ "sketchy" เป็นคำที่วัยรุ่นผิวขาวใช้บรรยายถึงสถานที่ๆ พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งการใช้คำแบบนี้มักจะเป็นการพูดถึงย่านที่มีคนผิวสีอาศัยอยู่จำนวนมาก

แอปพลิเคชันนี้พัฒนาโดยอัลลิสัน แมคไกวร์ และแดเนียล เฮอร์ริงตัน ซึ่งเป็นคนผิวขาวทั้งคู่ แต่พวกเขาก็กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อฮัฟฟิงตันโพสต์ว่า ในแอปพลิเคชันนี้มีระบบโหวตให้คะแนนหรือลดคะแนนซึ่งจะทำให้โพสต์ที่มีลักษณะเหยียดเชื้อชาติอย่างหนักมีอยู่ไม่มาก และนอกจากเรื่องสุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับอาชญากรรมแล้วผู้ใช้ยังสามารถใช้ค้นหาเกี่ยวกับเรื่อง "ปรากฏการณ์ประหลาด" หรือ "ภาวะการเรื่องเชื้อชาติ" ได้ด้วย

แมคไกวร์อ้างว่ามันเป็นเรื่องดีที่มีการเตือนคนก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น ภารกิจในชีวิตของเธอคือการทำให้คนที่ไม่มีสิทธิมีเสียงได้มีสิทธิมีเสียงจากการใช้โปรแกรมผ่านสมาร์ทโฟน เธอบอกอีกว่าแอปพลิเคชันนี้ไม่ได้จำกัดให้คนผิวขาวใช้ได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใดก็สามารถใช้ได้ อีกทั้งยังยืนยันว่าแม้เธอและเฮอร์ริงตันจะเป็นคนผิวขาวที่ยังอายุไม่มาก แต่ไม่ได้ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายแค่คนวัยเดียวกันและสีผิวเดียวกัน

ทางด้านเฮอร์ริงตันกล่าวว่าเป้าหมายหลักๆ ของแอปพลิเคชันนี้คือให้ทุกคนได้นิยามคำว่า "ให้ความรู้สึกแปลกๆ" ในแบบของตัวเองได้

หลังถูกสื่อวิจารณ์พวกเขาก็โพสต์ในเว็บไซต์ของตนเองว่า "มันไม่ใช่ความลับ พวกเราเห็นสื่อกล่าวถึงในเชิงแย่ๆ มาแล้ว" โดยในเนื้อหามีการตัดพ้อว่าผู้คิดค้นแอปพลิเคชันนี้โดนกล่าวโจมตีตัวบุคคล และอ้างว่าสื่อที่โจมตีพวกเขาไม่ได้สัมภาษณ์พวกเขาเลย อีกทั้งยังยืนยันว่าแอปพลิเคชันของพวกเขามีไว้สำหรับทุกคน

ก่อนหน้านี้เคยมีโปรแกรมที่อาศัยข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อรายงานในรูปแบบเดียวกับสเก็ตช์แฟกเตอร์มาก่อน คือเว็บไซต์ชื่อ 'เก็ตโต้แทรกเกอร์' (GhettoTracker) ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเหยียดเชื้อชาติเช่นกัน เนื่องจากการอนุญาตให้แปะป้ายย่านต่างๆ ว่าเป็นย่าน "ชุมชนแออัด" หรือ "ghetto" ได้ โดยมาจากความรู้สึกของผู้ใช้แทนข้อมูลสถิติอาชญากรรมของทางการ ต่อมาเว็บไซต์นี้ก็ปิดตัวลงในที่สุด

ไมโครซอฟต์เองก็มีโปรแกรมแบบเดียวกัน ในปี 2555 ไมโครซอฟต์ได้รับสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ในขณะที่เดินทางไปพื้นที่นั้นๆ ผ่านระบบแผนที่ของ Bing ซึ่งมีการตั้งชื่อสิทธิบัตรว่า สิทธิบัตรจีพีเอสหลีกเลี่ยงแหล่งเสื่อมโทรม (avoid ghetto)

แต่ก็มีแอปพลิเคชันจำพวกนี้บางแอปฯ ที่ประสบความสำเร็จเนื่องจากใช้วิธีการเน้นไปที่ชุมชนโดยเฉพาะ เช่น แอปพลิเคชันชื่อ เน็กซ์ดอร์ (Nextdoor) ซึ่งเป็นโปรแกรมเครือข่ายสังคมที่เน้นการสื่อสารกันของคนในย่านชุมชนเดียวกันเกี่ยวกับเรื่องในท้องถิ่น รวมถึงเรื่องการรายงานอาชญากรรมและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ปัจจัยสำคัญของแอปพลิเคชันเหล่านี้อยู่ที่ตัวผู้ใช้เอง

"เทคโนโลยีจะเป็นสิ่งที่ดีได้ขึ้นอยู่กับทั้งสังคมผู้ใช้และผู้พัฒนา" ซีตา ปีนา กันกาดารัน ผู้ช่วยนักวิจัยระดับสูงที่สถาบันเทคโนโลยีของมูลนิธินิวอเมริกากล่าว

"เครื่องมืออย่างสเก็ตช์แฟกเตอร์อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือชุมชนในการสร้างความปลอดภัยได้อย่างดีเยี่ยมมาก โดยให้ผู้คนสามารถแชร์เรื่องราวต่างๆ ได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริบท คุณอาจจะนึกถึงชุมชนที่มีแนวโน้มหวาดกลัวคนนอกอย่างไม่มีเหตุผล หรือมีแนวโน้มอย่างมากที่จะใช้แอปฯ เช่นนี้ไปในทางเสริมสร้างอคติที่มีอยู่แล้ว" กันกาดารันกล่าว

ทหารจับกุม จนท.ศุลกากรประจำช่องเม็ก ในข้อหารับสินบน

เก็บตกเมื่อวาน ทหารจับกุม จนท.ศุลกากรประจำช่องเม็ก ในข้อหารับสินบน
จ.อุบลฯ เมื่อ 13ส.ค.57, 16:30 น. พ.อ.ประจวบ มูลประดับ รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 6 พร้อมชุดเคลื่อนที่เร็ว ได้ทำการเข้าตรวจค้นและจับกุม นาย ชุมพร เนตรประไพ จนท.ศุลกากรประจำช่องเม็ก ในข้อหารับสินบน และได้นำตัวไปสอบสวนที่ สภ.ช่องเม็ก
Cr.joon

"กยศ."ทุ่ม509ล้านจ้างตามหนี้เบี้ยวเงินยืมเรียน

"กยศ."ทุ่ม509ล้านจ้างตามหนี้เบี้ยวเงินยืมเรียน
กยศ.ตั้งงบ 509 ล้านบาท จ้างบริษัทตามหนี้ ตามสืบอายัดทรัพย์ ลูกหนี้กว่า 7 แสนราย
รายงานข่าวจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กยศ.ได้ตั้งงบประมาณ 509 ล้านบาท ประกาศจัดจ้างบริษัทติดตามหนี้ลูกหนี้ที่ค้างชำระ ติดตามสืบ และอายัดทรัพย์ จัดทำบันทึกข้อมูลลูกหนี้ทั้งหมด

ยุค คสช.กระบวนการยุติธรรมไล่เก็บคดีเก่านักการเมืองคู่ขัดแย้ง"เชาวริน"รายล่าสุด

นอนคุก ปลายทางชีวิต สส....... "เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ" เจ้าของนิทานหลอกคนงก " ทองโกโบริ" หลอกทักษิณสำเร็จ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ให้ จำคุก 12 เดือน ฉ้อโกงประชาชน หลอกขาย "จตุคามรามเทพ" โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจาก ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ต่อสังคม จากเดิมที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ให้จำคุก 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาเช่นกัน
จอมต้มหมู โดยจัดทำแผ่นพับโฆษณา เชิญชวนให้ประชาชน สั่งจองและซื้อวัตถุมงคล จตุคามรามเทพ รุ่น“ทรัพย์สินเนืองนอง เงินทองไหลมา" ซึ่งจัดสร้างจำนวน 40,000 องค์ ให้เช่าในราคาองค์ละ 199 บาท โดยอ้างว่า ได้ปลุกเสก ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว และศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นเท็จเพราะความจริงแล้ว ไม่มีการนำวัตถุมงคล ดังกล่าว ไปปลุกเสกตามสถานที่ที่อ้างแต่อย่างใด ทำให้มีผู้เสียหาย 2 คน จ่ายเงินไปจำนวน 1,791 บาท และ 1,194 บาท
ทองโกโบริ เป็นเรื่องโจ๊ก คุยฟุ้งว่าถ้ำลิเจีย มีทรัพย์มหึมา แค่พันธบัตร กว่า 5 หมื่นล้านดอลล์ลาร์สหรัฐ ทักษิณเอาด้วย เตรียมใช้ดาวเทียมถ่ายภาพ พิสูจน์ความมีอยู่จริง ของขุมทรัพย์ ก่อนไอเดียกระฉูดขยับ "โรดโชว์" พันธบัตรในต่างประเทศ กับฝรั่งเศรษฐีเพิ่มมูลค่า ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ราคาสูงกว่า การนำไปแลกเปลี่ยน กับธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคราวเดียว

อัพเดทโผ ครม. คาดเลือกนายกฯไม่เกินสัปดาห์สุดท้ายเดือนสิงหาฯ

อัพเดทโผ ครม. คาดเลือกนายกฯไม่เกินสัปดาห์สุดท้ายเดือนสิงหาฯ

Prev
1 of 1
Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 14 ส.ค. 2557 เวลา 12:28:58 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 13 ส.ค. ที่อาคารรัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ว่า ตน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธาน สนช. และนายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธาน สนช. ได้นัดหารือกันถึงการประชุม สนช. หากมีการโปรดเกล้าฯตำแหน่งประธานและรองประธาน สนช. ลงมาภายในวันที่ 14 สิงหาคม จะนัดประชุมวันที่ 15 สิงหาคม

มีเรื่องเร่งด่วน คือ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 จะให้สมาชิกพิจารณารับหลักการวาระแรกภายในวันเดียว พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณา และเปิดให้ยื่นแปรญัตติภายใน 7 วัน พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีข้อบังคับถาวร จะเป็นหลักเกณฑ์เชื่อมโยงไปถึงการเลือกนายกรัฐมนตรีว่าจะมีวิธีการเลือกอย่างไร การประชุม สนช.นัดที่ผ่านมา อนุโลมใช้ข้อบังคับของ สนช.ปี 2549 แต่การเลือกนายรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นอำนาจของ สนช. ต่างไปจากปี 2549 ให้หัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เป็นคนเลือก



นายสุรชัยกล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการเสนอให้เลือกนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องรอข้อบังคับ ก็จะหารือเรื่องนี้ในที่ประชุม อาจจะยกรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 มาเทียบเคียงกับรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ให้อำนาจ สนช. ทำหน้าที่ ส.ส.และ ส.ว. เป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะเทียบเคียงกันได้

ส่วนการกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรี ตั้งใจว่าควรจะเป็นวันที่ 21-22 สิงหาคม หรืออย่างช้าคือไม่เกินสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม เพราะนายกรัฐมนตรีจะต้องไปแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกทั้งยังมีขั้นตอนการทูลเกล้าฯ ครม. จึงอยากให้มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารงานในปีงบประมาณใหม่ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป จะได้เป็นไปตามโรดแมประยะที่ 2 และนำไปสู่ระยะที่ 3 ของ คสช.ต่อไป


ที่มา นสพ.มติชน

ทิศทางสื่อ'เซ็นเซอร์'ตัวเอง

โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยจัดเสวนา "1 เดือน คสช.เสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ"เมื่อวันที่22 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเชิญภาคส่วนต่างๆ ร่วมแสดงความคิดเห็นถึงผลกระทบหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจและจำกัดการเผยแพร่ข่าวสารของสื่อมวลชนมาแล้วครบ1 เดือน
สุภาพ คลี่ขจาย ประธานชมรมผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ระบุว่า สังคมกำลังต้องการเห็นสื่อทั้งหมดปฏิรูป ทบทวนบทบาทของตัวเอง ว่าได้ทำหน้าที่ในบทบาทที่ผ่านมาอย่างไร ในอนาคตอันใกล้เชื่อว่าช่องทีวีดิจิทัลจะปรับรายการที่มีเนื้อหาสร้างความขัดแย้งออกเกิดระบบเซ็นเซอร์ตัวเองเพื่อความอยู่รอดซึ่งหากคสช.เป็นห่วงเรื่องสร้างกระแสควรบอกหรือเตือนว่ารายการไหน เริ่มตั้งแต่เปลี่ยนตัวพิธีกรหรือยกทั้งรายการ รับรองได้ว่านาทีนี้ ไม่มีช่องไหนดื้อ
"ที่ผ่านมาเราไม่ได้อยู่กันดีๆ สื่อแบ่งข้างชัดเจนปลุกคนให้เห็นด้วยกับฝ่ายตัวเองแล้วชิงชังอีกฝ่าย พอ คสช.แตะเบรกให้หยุด คนจำนวนไม่น้อยก็เห็นด้วยว่าดีแล้วแวดวงเราก็ต้องถามตัวเองจะปฏิรูปอย่างไร" สุภาพ กล่าว
เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ผู้อำนวยการมีเดียมอนิเตอร์กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่ได้จริงจังในการจัดการกับทีวีการเมือง ทั้งที่กลุ่มวิชาชีพสื่อได้เรียกร้องในเรื่องนี้มาโดยตลอดหลังจากนี้เมื่อกลับไปเป็นสังคมประชาธิปไตยก็ต้องตั้งคำถามว่าแล้วพรรคการเมืองมีอุดมการณ์ทางการเมืองชัดเจนหรือยัง ไม่ใช่เป็นแบบการเมืองที่ใช้การตลาดขับเคลื่อนแบบที่เคยเป็น ปัญหาการใช้สื่อเป็นเครื่องมือจะกลับมาอีก
มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเช่นกันว่า กสทช.จัดระเบียบสื่อโทรทัศน์ยังไม่ดีพอที่ผ่านมายังมีสื่อประเภททำให้เกิดความขัดแย้ง แต่กลับเพิกเฉยจน คสช.เข้ามาจัดการ ขณะที่บทบาทของสมาคมนักข่าวและสภาการนักสื่อพิมพ์ฯก็ยังเป็นแค่เสือกระดาษ มีแค่แถลงการณ์ตอบโต้ สื่อมวลชนบางส่วนถูกใช้เป็นกระบอกเสียงในการรบกับฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อของรัฐที่ไม่ยอมเปิดพื้นที่ให้กับอีกฝ่าย จึงทำให้คนที่ไม่มีพื้นที่ต้องไปออกหาพื้นที่ให้ตัวเอง ส่งผลให้ข้อมูลที่ถูกแพร่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อและสร้างสงครามจิตวิทยา
ฐากร ตัณฑสิทธิ์เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่ากสทช.จะทำทุกอย่างให้สื่อวิทยุและโทรทัศน์ได้เปิดออกอากาศอย่างเต็มที่ โดยใน 1-2 วันนี้ คสช.อาจมีการออกคำสั่งให้วิทยุชุมชนที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการกลับมาออกอากาศได้ ส่วนสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมนั้น กสทช.ยังเดินหน้าให้ข้อมูลกับ คสช. เพื่อให้สถานีที่ยังถูกปิดออกอากาศได้ แต่สถานีโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ว่าจะเป็นช่องเอเชียอัพเดท เอเอสทีวี และบลูสกายต้องมีการพิจารณาอย่างระมัดระวัง
พิรงรอง รามสูต รณะนันทน์คณะนิเทศศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นว่า กฎหมายควบคุมสื่ออยากให้เพิ่มในเรื่องพหุนิยมในสื่อที่พุ่งเป้าว่าทำอย่างไรให้ความหลากหลายอยู่ร่วมกันได้ และสร้างพื้นที่สาธารณะที่แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกันได้ แม้ว่าจะมีความเห็นต่างกัน ซึ่งจะต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและมีข้อสรุป พร้อมกันนี้ สื่อมวลชนต้องคำนึงถึงความหลากหลายของคนในสังคม
นอกจากนี้ ในรัฐธรรมนูญอยากให้ครอบคลุมถึงข้อบังคับในการนำเสนอในเรื่องHate Speech เช่น ความคิดเห็นทางการเมือง มีการยั่วยุให้เกลียดชัง แต่จะต้องทำให้ชัดเจนและไม่ก้าวล่วงเสรีภาพการแสดงความเห็น