PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

สนธิญาณ​-สุวินัย​-กิตติธัช​ จับมือก้าวข้าม​Gen!! ตั้งสถาบัน"ทิศทางไทย"​ สร้างคลังปัญญาประเทศ



สืบเนื่องจากกรณีที่ “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” สื่อมวลชนอาวุโส ได้มีแนวคิดจัดทำโครงการขับเคลื่อนสังคมไทยด้วยประชาธิปไตยภายใต้จารีตประเพณีวิถีไทยโดยใช้ชื่อว่า“สถาบันทิศทางไทย” ซึ่งจะเป็นการรวมตัวกันของเหล่าบรรดานักคิด นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ และผู้มีความรู้ ความสนใจ เพื่อเพิ่มช่องทางเลือกตัว  ให้กับคนรุ่นใหม่ หรือผู้ที่ส่วนใจ สำหรับการเป็นประชาธิปไตย ที่ไม่ได้หลงลืมรากเหง้าของตนเอง โดยไม่มีเจตนาให้เป็นองค์กรสู้รบทางการเมืองหรือมีพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นศัตรู

 

 

ล่าสุด ดร.สุวินัย   ภรณวลัย  อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  หนึ่งในรายชื่อคณะกรรมการผู้ก่อตั้ง "สถาบันทิศทางไทย"  ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ระบุ... Manifesto (คำประกาศ) ของสถาบันทิศทางไทย / สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, สุวินัย ภรณวลัยและเวทิน ชาติกุล

 

(หนึ่ง) แลไปข้างหน้า ...



ในอีก​ 30​ ปี​ต่อจากนี้ จำนวนประชากรโลก​จะเพิ่มขึ้นจาก​ 7, 536 ล้านคน​ มาเป็น​ 9,847 ล้านคน​ การคาดการณ์​จำนวนประชากรในประเทศที่สำคัญ​ อินเดีย​- 1,676 ล้านคน, จีน​-​ 1,343​ ล้านคน,​ สหรัฐ- 397​ ล้านคน​ 

 

ส่วนประเทศไทย​ จำนวนประชากร​จะลดลงจาก​ 66.1 ล้านคน​ เป็น​ 62.6 ล้านคน​ อันเป็นผลมาจาก​ "คนมีลูกน้อยลง ครอบครัวหนึ่งเลือกที่จะมีลูกแค่ 1-2 คน หรืออาจจะไม่มีเลย", ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป, การวางแผนครอบครัว, ความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพ ฯลฯ

 

นอกจากนี้การ​พัฒนาการทางเทคโนโลยีใหม่ๆ​ ประเภท"คลื่นลูกที่สี่-คลื่นลูกที่​ห้า" จะทำให้เกิดการ​ "ทำลายล้าง" (disruption)​ ทางสังคม​/ เศรษฐกิจ​/ การเมือง​/ วิถีชีวิต​ ในสังคม​ไทยและสังคมอื่นๆทั่วโลก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้​

ไม่มีประเทศไหนที่จะรอดจากเงื้อมมือของการทำลายล้างทางเทคโนโลยีนี้ อาจต่างกันแค่ขนาดและระดับของการทำลายล้างเท่านั้น

 

ตามการประมวลของ​ McKinsey Global Institute การ​ Disruption ทางเทคโนโลยี่ที่สำคัญ​จะเกิดในสาขาพื้นที่​ดังต่อไปนี้

1.​ เทคโนโลยี​ปัญญาประดิษฐ์​ (AI), เทคโนโลยี​ Mobile Internet, เทคโนโลยี​ Automation of knowledge Work​ และ​ เทคโนโลยี​ Internet of Things (IOT) 
จะส่งผลทำให้​ การทำธุรกรรมการเงินผ่านอินเตอร์เน็ต, การตรวจโรคระยะไกล, ซอฟต์แวร์ “ฉลาด” ที่คิดวิเคราะห์ได้​ สามารถวินิจฉัยโรคจากข้อมูลและอาการ ร่างคำฟ้อง และแนะนำเรื่องกฎหมาย, ตัวสินค้าทุกอย่างจะมี​ IP address เพื่อส่งข้อมูลสื่อสารกลับได้, สามารถประเมิน​ คุณภาพของดินจาก​ sensors ที่โรยไว้​ ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค, ภาคการเงิน, ภาคสื่อ, ภาคกฏหมาย​-ความยุติธรรม​ จะได้รับผลกระทบและต้องปรับตัว

 

2.​ เทคโนโลยี​ Advanced robotics และ​ Autonomous vehicles (drones) 
จะทำให้เกิดหุ่นยนต์ผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ, เกิดการทดแทนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม,​ รถยนต์ไร้คนขับ, การสำรวจที่มนุษย์เข้าไปไม่ได้, การสำรวจผลิตผลการเกษตรขนาดใหญ่​ และ​ การสงคราม​ ทำให้​ภาคแรงงาน​ ภาคอุตสาหกรรม​ ภาคความมั่นคง​ ต้องปรับตัว 

 

3.​ เทคโนโลยี​การจัดเก็บข้อมูล​ (Cloud technology)​ และ​ เทคโนโลยี​ Blockchain 
จะทำให้เกิดระบบข้อมูลแบบอภิมหภาค​ (Big-Data)​ ของทุกๆ​เรื่อง​ และการเชื่อมต่อของเครือข่ายข้อมูล​ที่เข้าถึงตัวบุคคล​ มีความปลอดภัย​ และโปร่งใสมากขึ้น เช่น​ การตรวจสอบธุรกรรมการเงิน​, การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ, การใช้เงินภาษี​ประชาชน​ จะส่งผลให้ ปัจเจกบุคคลมีอำนาจ​ตรวจสอบเพิ่มขึ้น​ การสนับสนุนเสรีภาพ​ ประชาธิปไตย​จะเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ

 

4.​ เทคโนโลยี​ Genomics 
ที่สามารถปรับปรุงพัฒนายีนส์เพื่อรักษาโรค, พัฒนาพันธุ์สัตว์ พืช ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด​ ส่งผลต่อภาคเกษตร​ ประมง​ ป่าไม้​ รวมถึง​ การแพทย์​ 

 

5.​ เทคโนโลยี​พลังงาน​ แบบ​ Renewable 
ที่สามารถ​ ผลิตไฟฟ้าจากแหล่งต่างๆที่ไม่มีวันหมด​ เช่นจากแสงแดด ลม คลื่น​ ส่งผลต่อภาคพลังงาน

 

อนึ่ง ที่ผ่านมาการกำหนดทิศทางของสังคม​/การเมือง​/ เศรษฐกิจ​โลก​ จะอยู่ในมือของผู้กุมอำนาจและครอบงำทางการเงิน​ของอเมริกา​ ที่รู้จักกันในชื่อ Federal Reserve of​ New​ York​ สาขาหลักของ​ Federal​ Reserve​ Systems ที่พิมพ์เงินดอลล่าร์และดูแลความมั่นคงทางการเงินของสหรัฐ​ โดยมีผู้ถือหุ้นเป็น​ "เอกชน" 8​ ตระกูลใหญ่​ โดย​ 4​ ตระกูลใหญ่​อยู่ในอเมริกา​ (Goldman Sachs, Rockefellers, Lehmans และ​ Kuhn Loebs)​ และอีก​ 4​ ตระกูลอยู่ในยุโรป​ (Rothshlics of​ Paris and​ London, Warburg of​ Hamburg, Lazards of​ Paris​ และ​ Isael Moses Seifs of​ Rome)​

 

แต่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี​แบบทำลายล้างครั้งนี้ได้ทำให้​กลุ่มอำนาจทางการเงินที่เคยยึดกุมและครอบงำเศรษฐกิจโลกอยู่​ จำต้องปรับเปลี่ยนดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต​ และ​จะขยายกรอบให้มากกว่าเพียงนโยบายการเงินและการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ โดยจะครอบรวมไปถึงตลาดทุน​ที่เป็นต้นตอของวิกฤติเศรษฐกิจ​ และ​ การเข้าไปควบคุมการผลิตเศรษฐกิจปัจจัยพื้นฐาน​ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเสียเอง

 

ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มอำนาจทางการเงินกลุ่มนี้ ยังเตรียมนำเงินคริปโต (Cryptocurrency) อย่าง Libra มาทดแทนเงินดอลลาร์สหรัฐที่ใกล้จะล่มสลายในฐานะเงินสกุลหลักของโลก เพื่อครอบงำการเงินโลกสืบต่อไปอีกด้วย

 

พวกเรา, ชาวสถาบันทิศทางไทยแลเห็นแต่ "วิกฤตเชิงซ้อน" และ "การทำลายล้างระดับหายนะ" รออยู่เบื้องหน้า การจะขับเคลื่อนสังคมไทยให้อยู่รอดและรุดหน้าไปอย่างมั่นคงได้นั้น พวกเรานอกจากต้องเห็นป่าทั้งป่าแบบนักยุทธศาสตร์แล้ว พวกเรายังจำเป็นต้องตั้งโจทย์ให้ถูกและตีโจทย์ให้แตกด้วย ถึงจะสามารถนำพา "นาวาสยาม" ฝ่าพายุร้ายที่ตั้งเค้าอยู่เบื้องหน้า โดยเรือไม่ล่มจมใต้ท้องทะเลลึกได้

 

พวกเรา, ชาวสถาบันทิศทางไทย ได้ตั้งโจทย์หลัก 3 ข้อ โดยถือเป็นภารกิจทางประวัติศาสตร์ของสถาบันทิศทางไทย ดังต่อไปนี้

 

1.​ คนไทยทั้งประเทศต้องร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้​กับ​ การครอบงำ​-การผูกขาด​ของอำนาจทุนข้ามชาติ​ และอำนาจการเงิน​ของทุนนิยมสามานย์โลก ที่สามารถบดขยี้ประเทศเล็กๆให้ล่มสลายหรือย่อยยับได้ เพียงเพื่อผลประโยชน์อันเห็นแก่ตัวของทุนนิยมสามานย์โลก ด้วยสถานะทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศไทยในปัจจุบัน ทำให้ประเทศของเราเป็นที่หมายปองของเหล่าประเทศมหาอำนาจที่กำลังแข่งขันช่วงชิงความเป็นจ้าวโลกกันอย่างดุเดือดด้วยเดิมพันที่สูงยิ่ง

 

2.​ คนไทยทั้งประเทศต้องช่วยกันสถาปนา "ระบบเศรษฐกิจรากฐาน​" ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต​ เพื่อให้สังคมไทย​มีความแข็งแรง​ สามารถยืนอยู่ได้​บนขาตัวเอง​ อันเป็นแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางรากฐานไว้แล้ว การบริหารทรัพยากรของชาติร่วมกัน เพื่อให้เราสามารถพึ่งพาตนเองได้ อยู่รอดได้ด้วยตนเองแม้โลกตกอยู่ในภาวะวิกฤตอันเนื่องมาจากสงครามการค้า วิกฤตเศรษฐกิจโลก และการก่อสงครามตัวแทนเพื่อช่วงชิงการเป็นจ้าวโลก

 

3.​ คนไทยทั้งประเทศต้องเห็นพ้องต้องกันในการสถาปนาระบอบการปกครอง​ เพื่อให้มีการเกิดดุลของอำนาจในสังคมที่เป็น​ "อัตลักษณ์" ของตนเอง​ ไม่ใช่กลไกเสรี​ประชาธิปไตยแบบสุดโต่ง​ ที่เปิดช่องให้เกิดการแทรกแซงทั้งทางการเมือง​ ด้านความมั่นคง​ และ​ทางเศรษฐกิจ​ จาก​ "ต่างชาติ" ที่เป็นมหาอำนาจ



(สอง) มายาคติของ "เสรีนิยม-ประชาธิปไตย" ...

 

บนหนทางที่พัฒนาการทางเทคโนโลยีล้ำหน้าไปอย่างก้าวกระโดด​ แต่ยึงยึดติดอยู่กับระบบคิดแบบ​ "เสรีนิยม-ประชาธิปไตย" แบบตะวันตกกำลังพาสังคมตะวันตกไปยืนอยู่บนปากเหวของความล่มสลายทางเศรษฐกิจ​ สังคม​อย่างเห็นได้ชัด 

 

สหภาพยุโรปที่หลังยุคสงครามเย็นกลับฟื้นตัวมีความมั่งคั่งเหนืออเมริกาและจีนจากชัยชนะของโลกเสรี​ แต่บัดนี้กำลังตกอยู่ในภาวะโซชัดโซเซ​ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปในปัจจุบันอยู่ในระดับกะปลกกะเปลี้ย และความไม่เสมอภาคกันทางเศรษฐกิจสังคมกำลังเพิ่มสูงขึ้น​ รวมถึง​ การเพิ่มขึ้นของพรรคการเมืองที่ระแวงสงสัยการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวของยุโรป (Euroskeptic parties) ที่โจมตีโมเดลการรวมตัวแบบกึ่งสหพันธรัฐของอียู, ลัทธิเหยียดเชื้อชาติ (racism) และอาการเกลียดกลัวต่างชาติ (xenophobia) ตรงกันข้ามกับจินตนาการของอดีตนายกรัฐมนตรีมาร์กาเรต แธตเชอร์ (Margaret Thatcher) ของอังกฤษที่ประกาศในทศวรรษ​ 1980 ว่าโลกไม่มีทางเลือกอื่น​ (“there is no alternative” =TINA)​ นอกจากลัทธิเสรีนิยมที่อิงพลังตลาด (market liberalism)

 

ส่วนประเทศ​เสรีนิยมประชาธิปไตย​ อย่าง​สหรัฐฯนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งหลายซึ่งมีอยู่กำลังอยู่ในอาการเสื่อมโทรมผุพัง​ และการขยายตัวใหญ่โตเกินไปของเครือข่ายผลประโยชน์ร่วมระหว่างฝ่ายทหารกับอุตสาหกรรม (military-industrial complex) กำลังเป็นภัยคุกคามที่จะทำให้เศรษฐกิจล้มละลาย​ ไม่นับถึงความฉ้อฉลในกลุ่มธนกิจการเงินที่นำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจในประเทศครั้งใหญ่

 

แม้กระนั้นโลกตะวันตก​ ก็ยังดำเนินการ​ "แทรกแซง" และ​ แทรกซึม" ทั้งทางเปิดเผย​ (ผ่าน​ ฑูต, องค์กรจัดตั้ง, สื่อตะวันตก)​ ในรูปแบบการ ”สนับสนุนจากต่างประเทศ” และทางลับ ให้มีการเคลื่อนไหวเพื่อ​ "สร้างกระบวนการทำให้เป็นประชาธิปไตย" แก่กลุ่มนักเคลื่อนไหว​ เอ็นจีโอ​ สื่อ​ และพรรคการเมือง​ในประเทศที่เป็น​ "เป้าทางยุทธศาสตร์" ของโลกตะวันตก​ (แน่นอนว่าประเทศไทยคือหนึ่งในเป้าทางยุทธศาสตร์ของโลกตะวันตก)

 

"นโยบายต่างประเทศ" ของประเทศเหล่านี้​ (สหรัฐ อังกฤษ แคนาดา)​ ล้วนเป็นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง​ ไม่ใช่เพื่อ ”ประชาธิปไตย” และมีผลประโยชน์ร่วมกันกับกลุ่มอำนาจและกลุ่มผลประโยชน์ในประเทศที่ตนให้การ ”สนับสนุน” อยู่​ ดังปรากฏการมีส่วนร่วมของสหรัฐ อังกฤษ แคนาดาใน​ "การก่อสงครามที่มิชอบด้วยกฎหมาย" ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ลิเบียในแอฟริกาเหนือ ซีเรียในตะวันออกกลาง ไปจนถึงอัฟกานิสถานในเอเชียกลาง รวมไปจนถึงการร่วมกันให้ความสนับสนุนเผด็จการอย่างแท้จริงเช่น ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ และยูเครนที่มีแนวคิดแบบนีโอนาซี หรือการแสดงเจตนา​ "แทรกแซง" และละเมิด​ "อธิปไตยทางการฑูต" ในกรณีของการไปแสดงตนตามหมายเรียกของธนาธร​ จึงรุ่งเรืองกิจ

 

ความเสื่อมทรุดในตัวเองของโลกเสรีตะวันตก​ ความล้มเหลวของนโยบายต่างประเทศ​เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเค้าลางแห่งความหายนะและความพ่ายแพ้ของโลกตะวันตก​ และอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตยแบบสุดโต่ง​ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลก​ ตั้งแต่ความพยายามอย่างงุ่มง่ามในการเปลี่ยนแปลงการปกครองของเวเนซูเอลา ไปจนถึงความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายในซีเรีย และสงครามในอัฟกานิสถานที่ค้างคาอยู่กว่าสองทศวรรษ ในส่วนของภูมิภาคนี้ 

 

รวมถึงความล้มเหลวในประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่สหรัฐจะถูกชิงความเป็นใหญ่โดยจีนและอำนาจอื่นในภูมิภาคที่แข็งแกร่งขึ้น ในทางแพร่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการ​กวาดล้างทางเทคโนโลยี​ และ​ ลัทธิเสรีนิยม​-ระบอบประชาธิปไตยนิยม​-เศรษฐกิจทุนสามานย์โลก​ 

 

ประเทศไทยจำเป็นต้องมี​ "ทางเลือกอื่น" ที่จะรับมือบนพื้นฐานของทรัพยากรที่มี​ และรากฐานทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง​ของตนเองอย่างเร่งด่วน

 

นั่นคือความจำเป็นที่ต้องมุ่งเน้น​ "ความเข้มแข็งบนตัวของตัวเอง" ด้วยการวางโครงสร้้างทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับทรัพยากรของประเทศไทย​ และสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของโลก​ 

 

นั่นคือ​ การพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจด้านการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับ​ 25.07 ล้านคน​ (38.14% ของประเทศ)​ให้มั่นคง​

 

โดยเฉพาะการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับอาหาร​เพื่อตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงของประชากรโลกในอีก 30​ ปีข้างหน้า​ ซึ่งประชากรของไทยจะไม่เพิ่มขึ้น​ จะมีพื้นที่ที่สามารถใช้ได้เต็มที่​ เลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ (เช่น​ Smart​ Farm)​ เพื่อการปฏิรูปพื้นที่เกษตร​ ปฏิรูปการเพิ่มผลผลิต​ฯลฯ​ สร้างกระบวนการผลิตเป็น​ "ชุมชน" ที่เลี้ยงดูตัวเองและมีความมั่นคง​ แต่มีการเชื่อมโยง​ สื่อสาร​ ปฏิสัมพันธ์กับเป็น​ "สังคม" ด้วยระบบเทคโนโลยีและฐานข้อมูลที่ทันสมัย​ โดยสัมพันธ์กับระบอบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข​ ซึ่งเป็นรากฐานของ​ขนบ​ จารีต​ แบบแผนอันดีงามของไทย

 

นี่คือหนึ่งในแนวทางที่สถาบันทิศทางไทยต้องการนำเสนอต่อคนไทยทั้งประเทศในตอนนี้ และเป็นความชอบธรรมทางประวัติศาสตร์ของการก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย ที่เป็นเครือข่ายแห่งคลังปัญญาของประเทศนี้

 

(สาม) ทิศทางของสถาบันทิศทางไทย ....

1.​ สถาบันทิศทางไทยก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็น "เครือข่ายแห่งคลังปัญญาของประเทศนี้" ที่บูรณาการองค์กรสื่อทั้งสื่อหลักและสื่อโซเชียลเข้ากับเครือข่ายปัญญาชนผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ เพื่อช่วยกันยกระดับการรับรู้และสติปัญญาของผู้คนในสังคมโดยรวมให้มุ่งไปในทิศทางที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

 

2.​ คณะผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทยไม่ได้มีเจตนาสร้างสถาบันทิศทางไทยนี้ให้เป็นองค์กรสู้รบทางการเมืองหรือมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นศัตรูโดยเฉพาะ แต่เรามุ่งมองไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์และอย่างเป็นองค์รวมตามความเป็นจริงและปฏิบัติได้จริงโดยถือเป็นความสำคัญลำดับต้นๆของสถาบันทิศทางไทย

 

3.​ เนื้อหาของหลักสูตรหลักๆของสถาบันทิศทางไทย 

(1) องค์ความรู้เกี่ยวกับอนาคต  จะเข้าใจอนาคตของโลกในภาพรวมหลังจากนี้ได้อย่างไรโดยไม่หลงทาง หรือติดอยู่ในกับดักทางความคิดจนไม่เห็นความเป็นจริงของตัวเองและสังคมอย่างที่มันเป็นจริงๆ

 

(2) องค์ความรู้เกี่ยวกับทักษะพื้นฐานในศตวรรษที่ 21  อะไรคือทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งในศตวรรษที่ 21 ที่คนไทยควรมี ที่เราคิดอยู่ คือ ทักษะทางจิตกับทักษะการตื่นรู้(ความรู้ตัว) เพื่อแปรข้อมูลเป็นปัญญา

 

(3) องค์ความรู้เกี่ยวกับปัจจุบัน รู้ทันความเป็นไปของสังคมและของโลก อย่างไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร จนสามารถมองปัจจุบันอย่างเป็นองค์รวมในทุกๆมิติตามที่มันเป็นจริง และไม่ถูกบิดเบือน ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือการรับรู้ความเป็นจริงโดยไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์และอุปทานรวมหมู่

 

(4) องค์ความรู้เกี่ยวกับอดีต รักษาและถ่ายทอดภูมิปัญญาโบราณที่ทรงคุณค่าเอาไว้เพื่อมอบให้เป็นมรดกทางความคิดและมรดกทางจิตวิญญาณแก่อนุชนคนรุ่นหลัง

 

สำหรับรายชื่อกรรมการผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทยประกอบด้วย ...

 

ย้ายจุดควบแน่นอำนาจ

สัญญาณฝนแล้งหนัก หักมุมกับสภาที่ส่อเค้า “น้ำลายท่วม” แน่

ตามสถานการณ์แห่กระแส โหมโรงศึกอภิปรายนโยบายรัฐบาล งานแรกประเดิม “รับน้อง” ผู้นำอย่าง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เปลี่ยนยูนิฟอร์มมาเป็น “นายกฯเลือกตั้ง” เต็มตัว

ท่ามกลางเสียงรัวเกราะเคาะไม้ เขย่าขวัญ ถึงวันที่ต้องรู้ว่า “นรกมีจริง”

ในจังหวะเทกแอ็กชัน พรรคเพื่อไทย ทีมงานนายใหญ่ดูไบ ระดม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เปิดยุทธการตัดไม้ข่มนาม ทำท่า “ลับมีด” รอลากทีม “ประยุทธ์ ภาค 2” ขึ้นเขียง

จ้องเชือดประจานคุณสมบัติส่วนตัวรัฐมนตรีแบบรายหัว

แต่ก็กลัวซะที่ไหน ในอารมณ์แบบที่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขนทีมงานรัฐมนตรี ส.ส.ไปเข้าค่ายเก็บตัวกันที่วังน้ำเขียว นครราชสีมา ติวเข้มแท็กติก ซ้อมคิว แบ่งทีมจัดตัวบุคคลเตรียมรับมือการต่อยใต้เข็มขัดของฝ่ายค้าน

สวนหมัดแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ถ้าเล่นนอกเกมได้ล่อกันน้ำบานแน่

และตบท้ายยังมีคิวจัดปาร์ตี้คาวบอย คาวเกิร์ล โชว์เลยว่าไม่ซีเรียส

แถมช็อตสำคัญที่เป็นไฮไลต์เด็ดของงาน “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ โผล่เป็นแขกเซอร์ไพรส์กล่าวปิดเวทีสัมมนา โดยขอบคุณลูกทีมพลังประชารัฐที่มากันอย่างพร้อมเพรียง แสดงถึงความร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

พร้อมสัญญาว่าจะใจเย็น และรับฝากจะไปบอก “บิ๊กตู่” อย่านอตหลุด

ตามเกมที่นักการเมืองสายเก๋าของทีมพลังประชารัฐ “เก็งข้อสอบ” เดาทางฝ่ายค้านล็อกเป้าถล่ม “พี่น้อง 3 ป.” แน่ โดยเฉพาะ “บิ๊กป้อม” กับ “บิ๊กตู่” ที่หนีไม่พ้นตำบลกระสุนตก

เตือน “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ต้องเตรียมน้ำแข็งไว้กินเยอะๆ เพื่อให้ใจเย็น

เรื่องของเรื่องถึงจุดที่ทีมอำนาจท็อปบูตเริ่มจูนเข้าหานักการเมืองอาชีพ ตามเงื่อนไขสถานการณ์หมดโปรโมชันอำนาจพิเศษ เข้าสู่เกมร้อนๆในสภาที่ต้องอาศัยลูกล่อลูกชนของ ส.ส.เป็นหลัก

ได้เวลาเห็นความสำคัญของนักการเมืองที่จะคอยคุ้มกันในสภา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันยังแค่รายการ “เผาหัว” เวทีอภิปรายนโยบายรัฐบาลดุเดือดเลือดพล่านยังไง สุดท้ายก็จบแบบไม่มีการลงคะแนน ไม่มีการลงมติเหมือนเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ

อย่างดีมันก็แค่เวทีระบายแค้น ลูกติดพันจากเกมเลือกตั้ง

จุดสำคัญกว่านั้น มันคือเกมยาวๆ โฟกัสคิว “พี่ใหญ่” แกะรอยสัญญาณการเปิดหน้าเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “บิ๊กป้อม” ที่แบะท่า จ่อปักหลักสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

ถึงจังหวะ พล.อ.ประวิตร เสี่ยงออกหน้าลุยไฟการเมืองเต็มตัว

โชว์เป็น “ตัวจริง” เบื้องหลังค่ายพลังประชารัฐ ไม่กั๊กอีกต่อไป

แน่นอน ในมุมหนึ่งมันก็คือการขยาย “ภาพเชิงซ้อน” ให้เกิดความชัดเจนในกระบวนการอำนาจการจัดการภายในของพลังประชารัฐที่คลุมเครือๆ และเป็นจุดที่กองเชียร์สายแห่ พล.อ.ประวิตรน่าจะแฮปปี้

เมื่อ “พี่ใหญ่” ยึดแท่นการเมืองในพรรค มีหลักให้เกาะ

แต่อีกนัย มันก็ขยายภาพยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” เป็นพรรคทหารเด่นชัดขึ้น

ซึ่งนั่นไม่น่าห่วงเท่ากับตัว พล.อ.ประวิตรเอง ในมุมที่เปิดหน้าเปิดคางชก หนีไม่พ้นโดนลากมาขึงพืดเป็นเหยื่อล่อเป้าทางการเมือง ในสถานการณ์ที่อำนาจพิเศษหมดโปรโมชัน

ยิ่ง “พี่ใหญ่” การันตีจะประคองให้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอยู่ครบเทอม 4 ปี

มันยิ่งเป็นอะไรที่ท้าทาย “นายใหญ่” สั่งถล่มนั่งร้าน “ลุงตู่” ยับเยินแน่

ตามรูปการณ์ ต้องลุ้น “ฟีดแบ็ก” กระแสตอบรับจะออกมาแนวไหน และมันจะเป็นจังหวะ “นำร่อง” คิวของ “นายกฯลุงตู่” ที่ยังดึงเช็ง ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ เข้าปักหลักกับค่ายพลังประชารัฐ

น่าจะได้จังหวะ รอดูสภาพ “พี่ใหญ่” ก่อน

เรื่องของเรื่อง สถานการณ์มันถึงจุด “ควบแน่น” อำนาจในค่ายพลังประชารัฐ

ไฟต์บังคับทีม คสช.ต้องจูนเข้าหาทีมการเมืองพลังประชารัฐ เป็นทางลงหลังเสือไม่ให้โดนเสือกัด

แต่ในสถานการณ์ที่ตรงกันข้ามกันเลย กับจังหวะตีกรรเชียงของ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ผู้ปลุกปั้นทีมพลังประชารัฐ ที่บอกปัดนักข่าวถึงเรื่องวงสัมมนาพรรค

“ผมไม่ไป ไม่อยากเข้าไปยุ่ง”

โคตรเซียนการเมืองยี่ห้อ “สมคิด” ดึงตัวอยู่นอกวง ชิ่งจากวังวนอำนาจ

วัดระยะปลอดภัย ไม่เสี่ยงพลาด พังตอนจบ.

ทีมข่าวการเมือง

ซัดป้อมใช้ฮ.หลวงสัมนารีสอร์ตรุกป่า

แฉโดนจับ 2 หนถูกสั่งรื้อถอน ประวิตรเปิดตัวคุยโอ่จะอยู่ 4 ปี ‘วีระกร’ ขอให้ 2 ป.ใจเย็นยิ้มไว้!

“ประวิตร” เปิดตัวร่วมสัมมนาพลังประชารัฐกลางรีสอร์ตหรูรุกป่าวังน้ำเขียว สวนนโยบายรัฐบาล “บิ๊กตู่” ยิ้มเผล่กอดแกนนำ-ส.ส.ชื่นมื่น ลั่นเราครอบครัวเดียวกัน ประกาศจะทำให้รัฐบาล “ประยุทธ์ 2” อยู่ครบ 4 ปี “วีระกร” เตือน 2 ป.เป้าใหญ่ต้องยิ้มใจเย็น แนะนิ่งรับฟังแบบ “ป๋าเปรม” โฆษก พท.จวกงามไส้อุดหนุนรีสอร์ตผิดกฎหมาย จี้ต่อมจริยธรรมแจงขึ้น ฮ. ราชการพ่วงงานพรรค ผอ.ส่วนอุทยานฯยันรีสอร์ตฉาวบุกรุกป่าอนุรักษ์ถูกจับกุม 2 รอบสั่งรื้อถอนแล้ว “ชัยวัฒน์” อ้อมแอ้มเจ้าของร้องศาลปกครองคุ้มครอง พปชร.คงไม่รู้ “สมศักดิ์” โต้โผอ้างตั้งใจสะท้อนปัญหา ส.ป.ก.ทับที่ชาวบ้าน “เจ๊หน่อย” หยันไม่ด่างพร้อยไม่ต้องกลัวอภิปราย “สุทิน” ย้ำซักฟอกคุณสมบัตินายกฯแน่ ไม่แปลกใจ “ประวิตร” เจ้าของ พปชร.ตัวจริง ส.ว.ขอเพิ่ม 5 ชั่วโมงไม่พอจ้อ “สิงห์ศึก” ขึงขังไม่ใช่องครักษ์พิทักษ์รัฐบาล

กรณีมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะเข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัว โดยจะเข้ามาเป็นผู้บริหารขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐเอง ล่าสุด พล.อ.ประวิตรได้เปิดตัวเข้าร่วมการสัมมนา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐอย่างชื่นมื่น พร้อมประกาศจะทำให้รัฐบาล “ประยุทธ์ 2”อยู่ได้จนครบ 4 ปี โดยขอให้สมาชิกพรรคสามัคคีกลมเกลียว อย่าแตกแยกเป็นกลุ่มก๊วน

“บิ๊กป้อม” ร่วมวงสัมมนา ส.ส.พปชร.

เมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดการสัมมนา ส.ส. ของพรรคเป็นวันสุดท้าย เพื่อซักซ้อมรับมือการอภิปรายแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค. โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์จาก กทม.มาลงค่ายสุรนารี แล้วนั่งรถตู้เบนซ์กันกระสุน ทะเบียน ฌบ 7902 กรุงเทพมหานคร โดยใช้รถส่วนตัว ไม่มีรถนำขบวนมายังรีสอร์ต เข้าร่วมสัมมนาและพบปะกับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีการสวมกอดทักทายแกนนำและ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นกันเอง ทั้งนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ที่มาต้อนรับ โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา มาให้การต้อนรับด้วย

“วีระกร” ชี้ “ตู่–ป้อม” เป้าใหญ่ให้ใจเย็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตรได้ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พูดคุยเตรียมพร้อมแถลงนโยบายรัฐบาล โดยนายวีระกรแจ้งกับ พล.อ.ประวิตรว่า พรรคได้เตรียม พร้อมสำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาลไว้แล้ว ไม่ต้อง เป็นห่วง เพราะเราได้เตรียมทีมไว้ทั้งการอภิปรายนโยบายรัฐบาลและส่วนของการอภิปรายคุณสมบัติให้คอยช่วยกัน ส่วนเนื้อหาสาระ ถ้า พล.อ.ประวิตร ตอบเองจะเก่งที่สุด เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องมากที่สุด “สิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องอารมณ์ ช่วงอภิปราย ขอให้ พล.อ.ประวิตรใจเย็นๆ ยิ้มอย่างเดียวก็ชนะใจแล้ว กินน้ำแข็งเยอะๆ เพราะการอภิปรายเชื่อว่าท่านและนายกฯโดนเยอะหน่อย” ต้องใจเย็นๆ หน้าตาสดใส เหมือนเดินทางมาในวันนี้ นั่งยิ้มแบบนี้ตลอดการอภิปรายจะถือว่าเป็นเรื่องดี


ลั่นเราเป็นครอบครัวเดียวกัน

ต่อมาเวลา 08.55 น. พล.อ.ประวิตรได้เป็นประธานกล่าวปิดสัมมนา ส.ส.พลังประชารัฐว่า ขอชื่นชมคณะกรรมการบริหารพรรคและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของเพื่อนสมาชิกพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนทั้งประเทศ การสัมมนาเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ทักษะการเป็นผู้นำทางการเมือง ไปประยุกต์ใช้ทั้งในและนอกสภาฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเสริมสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในพรรคของเรา ครอบครัวของเรา ครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวพลังประชารัฐ เป็นครอบครัวใหญ่ เพื่อนำพาประเทศชาติให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืน รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนตลอดไป

ดันอยู่ 4 ปีขอกลมเกลียวอย่าแตกแยก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่พรรคได้ขอให้สื่อมวลชนออกจากห้อง เหลือเพียงรัฐมนตรีและ ส.ส. พล.อ.ประวิตรได้กล่าวว่า ขอให้ทุกคนสามัคคีกลมเกลียว จากนี้ไปขออย่าให้แตกกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนกันอีก ขอบคุณที่ช่วยเหลือกันมา และขอบคุณที่มากันอย่างพร้อมเพรียง แสดงถึงความร่วมมือ ส่วนการเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไม่ต้องกลัวถ้าทุกคนร่วมมือกันอยู่อย่างนี้ ตัวเองจะพยายามทำให้รัฐบาลอยู่ให้ได้ถึง 4 ปี การที่ มาวันนี้มาในฐานะผู้สนับสนุนที่อยากเห็นบ้านเมืองเดินต่อไปได้ การอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลที่ขอให้ตนใจเย็น อย่านอตหลุดนั้น จะนั่งยิ้มอย่างเดียว ไม่ตอบโต้ และจะไปเตือนนายกฯบอกน้องๆฝากมาให้ยิ้มด้วย อย่านอตหลุด

ส.ส.ให้นิ่งฟังฝ่ายค้านแบบ “ป๋าเปรม”

ต่อมาได้เปิดโอกาสให้ ส.ส.เปิดใจ โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณในฐานะตัวแทน ส.ส.ของพรรค พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้พรรคอาจมีความเห็นที่หลาก หลาย มีกลุ่ม มีก๊วน จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่วันนี้ยืนยันว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว เปรียบเสมือนก้อนกรวดที่ต่างคนต่างที่มา แต่เมื่อผ่านความร้อน วันนี้เกิดการหลอมรวมเป็นแก้วเนื้อเดียวกัน และเกิดจากปัญหาผู้ที่ไม่สมหวังในตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เมื่อพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลแล้ว จะรักษาขับเคลื่อนให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ ต่อไปนี้ยืนยันจะเดินหน้ารักษารัฐบาลนี้ไว้ให้นานที่สุด 4-12 ปี

ขณะที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ ลุกขึ้นกล่าวว่า ขอให้ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์รับฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านด้วยความนิ่ง แล้วนำตรงนั้นไปแก้ไขปัญหา เหมือนสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่รับฟังคำแนะนำไปแก้ไข จนทำให้รักษารัฐบาลอยู่ได้อย่างยาวนาน

ไม่กังวลมั่นใจคุณสมบัติครบถ้วน

ต่อมาหลังปิดสัมมนา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือการอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า เป็นเรื่องของพรรค วันนี้เพียงมาให้กำลังใจเฉยๆ ในฐานะผู้สนับสนุนพรรค ไม่มีความกังวลใดๆในการแถลงนโยบายรัฐบาล เมื่อถามว่ากังวลที่ฝ่ายค้านจ้องอภิปรายคุณสมบัติหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าเป็นการอภิปรายนโยบายจะไปซักฟอกอะไร คุณสมบัติตนเป็นอย่างไร “คุณสมบัติผมครบแล้วจะมาอภิปรายอะไร”

เมื่อถามว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ไม่ตอบ รอให้การอภิปรายแถลงนโยบายเสร็จสิ้นก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เคร่งเครียด

จัด 20 ส.ส. เคลื่อนที่เร็วตัดเกม

นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์สรุปปิดสัมมนา ส.ส. ว่า พรรคได้เตรียม 20 ส.ส.เป็นทีมตอบโต้แบบรวดเร็วในสภา หากฝ่ายค้านจะอภิปรายโจมตีนอกประเด็น เจาะจงรายบุคคลในเชิงลึก ทั้งนายกฯ รองนายกฯและรัฐมนตรีจะรีบสวนกลับทันที แต่หากฝ่ายค้านอภิปรายในเนื้อหาสาระจะปล่อยให้ดำเนินไปตามปกติ ไม่ประท้วงอะไรทั้งนั้น แม้จะต่อว่านโยบายรัฐบาลว่าไม่ดีก็ทำได้เต็มที่ อันไหนไม่ดีก็ว่าได้เลย เราไม่ประท้วงแน่ ส่วนพรรคอนาคตใหม่คาดจะพูดในเรื่องความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และอาจพูดถึง คสช.ที่ผ่านมา หรือหยิบยกประเด็นการทำร้ายนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราตอบได้ และตอนนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วเราไม่หนักใจ

“วีระกร–อนุชา” นำทีมสกัดฝ่ายค้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 ส.ส.ชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วย นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม. นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. นายประสิทธิ์ มะหะหมัด ส.ส.กทม. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง

“สมศักดิ์” ชี้ประคองดีๆปริ่มน้ำอยู่ยาว

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก จ.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯมาร่วมสัมมนาเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาล ก่อนหน้านี้พรรคยังไม่มีโอกาสได้พบปะหารือกับท่านเลย เราเป็นพรรคใหม่เปรียบเสมือนแก้วตกผลึกแล้ว แต่ก่อนมันคือเศษหินเศษดินทราย ต้องหลอมด้วยความร้อนและสารเคมี ขณะหลอมจะมีปัญหาบ้าง ต้องใช้ความร้อนแตกต่างกัน แก้วมันอาจแตกร้าวได้ แต่หากเราประคองดีๆมันจะอยู่ได้นาน เหมือนรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำหากทุกคนในพรรคและรัฐบาลสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน แก้วใบนั้นจะแข็งแกร่ง และเมื่อประชาชนได้รับประโยชน์จากรัฐบาลที่ทำงานตามนโยบายที่วางเอาไว้จะยิ่งเป็นเกราะอีกชั้นหนึ่ง เชื่อว่าแก้วเมื่อผ่านการหลอมแล้วจะไม่กลับไปเป็นเศษดินเศษทรายอีก พรรคผ่านพ้นช่วงขัดแย้งไปแล้ว ไม่สมควรจะมีกลุ่มอะไรหรือใครให้น่าลำบากใจอีก วันนี้รวมกันเป็นพลังประชารัฐ ไม่ควรนำเรื่องเก่ามาขยายความ สร้างความร้าวฉานอีกแล้ว

“วิษณุ” มั่นใจ “ชวน” คุมอยู่ถกนโยบาย

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า ยังพูดอะไรไม่ได้จนกว่าจะถึงวันแถลง การจัดกลุ่มอภิปรายเป็นการทำการบ้าน บริหารเวลาให้มีเนื้อหาสาระครบถ้วน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร รัฐบาลต้องเตรียมการ ฝ่ายค้านฝากอะไรมาเรารับได้อยู่แล้ว หากเข้าใจผิดต้องชี้แจง ขณะเดียวกันมีประธานรัฐสภาที่มีความรู้นั่งบัลลังก์ควบคุมการประชุมให้อยู่ในกฎเกณฑ์ แม้กติกาใหม่ยังไม่มี กติกาเก่าก็อนุโลมใช้กันได้ และมีการถ่ายทอดออกอากาศ หากเข้าข่ายมีความผิดจะเป็นความผิดได้ แม้ในสภาฯมีเอกสิทธิ์ฟ้องร้องไม่ได้ แต่เชื่อมั่นในองค์ 4 คือ 1.เกียรติยศศักดิ์ศรีสมาชิกรัฐสภา 2.เชื่อมั่นในประธานและรองประธานรัฐสภา 3.เชื่อมั่นในกฎเกณฑ์กติกา และ 4.เชื่อมั่นว่าไม่ใช่การพูดกันเอง 750 คน แต่พูดกับคนทั้งประเทศ ทุกคนต้องรับผิดชอบ

เตือนขั้ว ปชต.ปลุกระดมแก้ รธน.

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุในที่ประชุม ครม.ว่า “อย่าทิ้งผม อย่าให้ผมพูดคนเดียว” สะท้อนถึงความกังวลของนายกฯหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ได้สะท้อนอะไร ปิดประชุมกันเรียบร้อย เดินออกกันไปครึ่งหนึ่งแล้ว นายกฯถึงเปรยขึ้นมาเล่นๆ อาจพูดเล่นบ้างพูดจริงบ้างเป็นธรรมดา ส่วน 7 พรรคฝ่ายค้านประกาศจุดยืนร่วมแก้รัฐธรรมนูญ จะเดินสายเปิดเวทีรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ประชาชนเกี่ยวข้องได้ โดยรวบรวมรายชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 5 หมื่นรายชื่อ หรือรณรงค์ให้ตระหนักรู้และให้เห็นด้วย แม้ไม่ไปเข้าเสนอชื่ออาจช่วยออกความเห็น เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของทุกคน รัฐบาลก็คิดว่าน่าจะทำลักษณะนี้อยู่แล้ว ต้องแยกออกเป็น 2 ข้อ คือกระบวนการธรรมดาปกติดีอยู่ และนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แสดงอยู่ในตัวแล้วว่าต้องมีการพูดกับประชาชนให้เข้าใจ หากเป็นอย่างนี้ใครก็ทำได้ แต่กิริยาอาการท่าทางที่ทำหรือวันเวลาที่ทำ รวมถึงถ้อยคำที่จะใช้ต้องพึงระมัดระวัง เพราะกฎหมายเดิมมีอยู่แล้ว เมื่อถามว่า มองว่าดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะดิสเครดิตอะไร ทุกคนมีสิทธิทำได้

ไล่ “ธนาธร” ไปอ่าน รธน. ม.49

นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามคำร้องขอให้วินิจฉัยการกระทำของพรรคอนาคตใหม่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญว่า ไม่ขอให้ความเห็นจะเป็นการชี้นำ หากพูดอะไรไปแล้วถูกจะหาว่ารู้กันกับศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าพูดไปแล้วผิดตนจะเสียรังวัด ขอให้ไปอ่านมาตรา 49 หากเป็นอย่างไรก็ตามนั้น ความเป็นจริงบางอย่างบางครั้งต้องพูดทันที บางครั้งต้องรอจังหวะเวลาเหมาะสมต้องอาศัยกาลเทศะเป็นเรื่องๆไป

“เทวัญ” แจงโอนที่ดินคืนแม่หมดแล้ว

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า ตนคงจะมีเรื่องหุ้นสื่อ ขอชี้แจงว่าหุ้นสื่อเป็นวัตถุประสงค์ เวลาไปจดทะเบียนที่กระทรวงพาณิชย์ เป็นแบบฟอร์มให้กรอกอยู่แล้ว หุ้นในบริษัท เอส.ซี.เค.แลนด์ จำกัด คุณแม่ให้มาบริษัทไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ใส่ชื่อบริษัทไว้ซื้อที่ดินมา 30 ปีแล้ว ไม่มีรายรับและรายจ่ายเกี่ยวกับโฆษณาหรือสื่อสิ่งพิมพ์ คุณแม่อายุมากเป็นห่วงจึงยกที่ดินให้ ทุกวันนี้ท่านเปิดทีวีร้องไห้ทุกวัน เวลามีข่าวเรื่องนี้ท่านแค่หวังดีแก่บุตรแต่เหมือนกลายเป็นผลร้าย ตอนนี้โอนคืนไปหมดแล้ว ได้ขอขยายการชี้แจงต่อ ศาลรัฐธรรมนูญอีก 20 วัน สัปดาห์หน้าเตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สินในส่วนของส.ส.และอีกกว่า 10 วันจะยื่นในส่วนรัฐมนตรี

“อนุทิน” อุ้มพระไพรีฯนั่งทำเนียบฯ

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข เข้าทำเนียบฯอัญเชิญพระพุทธรูป 2 องค์ มาตั้งบูชาบนห้องทำงานชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 พร้อมนำตุ๊กตาจำลองผีตาโขนมาตกแต่งห้อง นายอนุทิน เปิดเผยว่าพระองค์หนึ่งได้จากวัดเสมียนนารี เจ้าอาวาสให้มาเมื่อวันที่ 21 ก.ค. เนื่องจากไปปล่อยโค อีกองค์เป็นพระไพรีพินาศ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ส่วน ตุ๊กตาผีตาโขนมินิได้มาจาก จ.เลย ตกแต่งห้อง จากนั้นเวลา 09.50 น. นายอนุทินเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล

“สมคิด” ไม่อยากเข้าไปยุ่ง พปชร.

ขณะที่เวลา 09.00 น. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบฯตามปกติ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯไปปรากฏตัวในวงสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ไม่ไปปรากฏตัวบ้างหรือ นายสมคิดตอบพร้อมยิ้มว่า “ไม่หรอก ผมไม่ไป ไม่อยากเข้าไปยุ่ง”

“หม่อมเต่า” โยนไตรภาคีเคาะค่าจ้าง

ที่กระทรวงแรงงาน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลด้านแรงงานว่า แม้พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเคยใช้นโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำหาเสียง แต่นโยบายรัฐบาลไม่ได้ระบุอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นตัวเลขชัดเจน เนื่องจากต้องพิจารณาจากคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ในระบบไตรภาคีจะพิจารณาตัวเลขที่เหมาะสม เห็นด้วยที่จะให้ใช้อัตราค่าจ้างใหม่ในเดือน ม.ค.2563 เพื่อไม่ให้กระทบแผนการเงินของนายจ้าง รวมถึงการคิดโบนัส การปรับค่าจ้างปลัดกระทรวงแรงงานต้องตอบเพราะเป็นกรรมการไตรภาคีตามกฎหมาย เอกชนต้องพอใจด้วย แต่จะทำอย่างไรให้พอใจ อาทิตย์ หน้าคงต้องไปคุยกัน ผมไปยุ่งด้วยไม่ได้

ต.ค.ได้อัตราใหม่ทันเริ่มใช้ ม.ค.63

ด้านนายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดค่าจ้างกล่าวว่า การพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 2562 ที่ชะลอมาตั้งแต่เดือน เม.ย.สัปดาห์หน้าบอร์ดค่าจ้างจะพิจารณาปรับค่าจ้าง แต่ยังไม่ได้กำหนดวันชัดเจน รอให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จก่อน จะพิจารณาจากข้อมูลตัวเลขเดิม ที่คณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดเสนอไว้ และได้พิจารณามาก่อนแล้วส่วนหนึ่ง และจะพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันด้วย จะสรุปเคาะตัวเลขค่าจ้างใหม่ภายในเดือน ต.ค. เพื่อให้ทันประกาศใช้อัตราค่าจ้างใหม่ในเดือน ม.ค.2563

สปส.ค้านรัฐจ่ายแทนประกันสังคม

ขณะที่นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงแนวคิดของประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่เสนอให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบประกันสังคม 5%แทนผู้ประกันตน 6-12 เดือนแทนการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทว่า ไม่เห็นด้วย แต่ขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบายว่าจะเห็นอย่างไร การจ่ายเงินสมทบ 3 ฝ่ายลูกจ้าง 5% นายจ้าง 5% และรัฐ 2.75% ถ้าจะให้รัฐบาลจ่ายแทนลูกจ้าง โดยอ้างเหตุผลว่าไม่ให้กระทบค่า ครองชีพ รัฐต้องจ่ายส่วนนี้มากถึง 90,000 ล้านบาทเป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ จะให้เอามาจ่ายให้คน 16 ล้านคน แล้วคนทั้งประเทศจะยอมหรือ และในจำนวนนี้มี 2.2 ล้านคนที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300-315 บาท รัฐจะมีซัพพอร์ตให้หรือไม่ อีกทั้งในเงินสมทบ 5% ยังมีเงินออมด้วยปัญหาจะกระทบกันเป็นลูกโซ่

นายกฯ ถก ผอ.ILO ช่วยแรงงาน

ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกาย ไรเดอร์ ผอ.ใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization:ILO) หรือไอโล เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยินดีในโอกาสที่ไอโลครบรอบ 100 ปี รัฐบาลจะมุ่งมั่นร่วมมือส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคมยกระดับมาตรฐานแรงงาน สร้างงานที่มี คุณค่า พร้อมกันนี้สองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะยกระดับการคุ้มครองแรงงานให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล พัฒนาให้คนไทยมีงานทําอย่างทั่วถึง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อแรงงานสตรี ผู้ด้อยโอกาส และแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายอย่างยั่งยืน

ถือฤกษ์เช้า 30 ก.ค. เข้ากลาโหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันอังคารที่ 30 ก.ค. เวลา 06.00 น. พล.อ.ประยุทธ์จะไปสักการะศาลหลักเมืองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าทำงานในตำแหน่ง รมว.กลาโหม จากนั้นหารือร่วมกับ รมช.กลาโหม พร้อมผู้นำเหล่าทัพ ก่อนจะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลไปประชุม ครม. ซึ่งจะมีการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นไปได้สูงที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ จะได้รับการแต่งตั้งให้มาทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล

งามไส้สัมมนาในรีสอร์ตรุกป่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท หมู่ 6 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว ที่พรรคพลังประชารัฐ ไปจัดสัมมนา ส.ส.และสมาชิกพรรค จากการตรวจสอบพบเป็นหนึ่งในรีสอร์ต ที่ถูกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่า มีการจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 2 ครั้ง ล่าสุด จับกุมโดยชุดพญาเสือ กรมอุทยานฯ เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2560 เนื่องจากบุกรุกพื้นที่เพิ่ม 34 ไร่ พบสิ่งปลูกสร้าง 18 รายการและกรมอุทยานฯ ได้ออกคำสั่งประกาศให้รื้อถอนตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานฯ แล้ว ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอัยการแต่ผู้ประกอบการยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลปกครองสูงสุด อยู่ในขั้นตอนของศาล

สวนทางนโยบายรัฐบาล “บิ๊กตู่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลที่ผ่านมาเคยมีนโยบาย ไม่สนับสนุน และเคยมีการรณรงค์ให้หน่วยงานราชการและประชาชน ไม่สนับสนุนหรือเข้าไปท่องเที่ยวในรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศ และโรงแรมที่รุกป่า โดยมีโรงแรม รีสอร์ต และบ้านพักตากอากาศ ถูกขึ้นแบล็กลิสต์อยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีของกรมอุทยานฯจำนวน 152 แห่ง และ 1 ในนั้นคือ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท ซึ่งเคยถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าในปี 2555

“ผอ.วิชัย” ยันบุกรุกจับกุม 2 รอบ

นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) กล่าวว่า 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท เคยถูกจับดำเนินคดีไปแล้ว 2 ครั้ง ข้อหาบุกรุกป่าอนุรักษ์ ครั้งแรกมื่อปี 2555 สมัยนายดำรงค์ พิเดช เป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ พบโดยมีสิ่งปลูกสร้าง 3 รายการ ต่อมาปี 2560 ถูกจับดำเนินคดีเป็นครั้งที่ 2 ข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มอีก 30 กว่าไร่ พบสิ่งปลูกสร้าง 18 รายการ แต่ไม่เจอตัวผู้ต้องหา ส่งดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน ขณะนี้กำลังจะประกาศใช้มาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติเพื่อรื้อถอนรีสอร์ต

“ชัยวัฒน์” อ้อมแอ้ม พปชร.คงไม่รู้

ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ที่ปรึกษาชุดปฏิบัติการพญาเสือ กล่าวว่า เคยไปจับกุมดำเนินคดีรีสอร์ตดังกล่าว ต้องไปดูขั้นตอนการดำเนินคดีผู้ ประกอบการขอคุ้มครอง ถ้าศาลสั่งให้คุ้มครอง ผู้ประกอบการยังสามารถทำธุรกิจได้ แต่ถ้าศาลยังไม่อนุญาตไม่สามารถทำได้ ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐจัดประชุมในรีสอร์ตดังกล่าวคงไม่เกี่ยวเพราะไม่รู้ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย


“จุติ” ไม่ประมาทสั่ง ขรก.สแตนด์บาย

เมื่อเวลา 09.15 น.ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. เข้าทำงานเป็นวันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนเป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกว่า 2 ชั่วโมง นายจุติกล่าวว่าขอให้ข้าราชการเตรียมข้อมูลชี้แจงการแถลงนโยบายรัฐบาล ไม่กลัวฝ่ายค้านจะซักฟอก ส่วนการจัดงบฯปี 2563 จะเน้นของบฯเพิ่มโดยเฉพาะผู้สูงอายุ 11.5 ล้านคนต้องให้เบี้ยยังชีพทุกคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปคนละ 1,000 บาท ตามที่หาเสียงไว้ รวมถึงงบฯอุดหนุนค่าอาหารที่ได้เพียงวันละ 57 บาทต่อคน

“ลูกท็อป” อัญเชิญหลวงพ่อโตเข้า ทส.

ช่วงเช้า ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯเดินทางเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันแรก มีนายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวง ทส. พร้อมผู้บริหารต้อนรับนำไปสักการะพระพุทธสยัมภู พระพุทธรูปประจำกระทรวง และศาลพระภูมิเจ้าที่ ปลูกต้นรวงผึ้งหน้ากระทรวง จากนั้นขึ้นห้อง ทำงาน ชั้น 20 ในเวลา 09.39 น.โดยนำพระพุทธรูปหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ มาตั้งบูชาประจำห้องทำงานเพื่อเป็นสิริมงคล นายวราวุธกล่าวว่า นำหลวงพ่อโตมาบูชาจะได้ทำงานราบรื่น ไม่มีเคล็ดลับอะไร เนื่องจากหลวงพ่อโตไหว้ทุกวัน พอมาทำงานที่ ทส.เลยนำมาไหว้ ดีใจที่ได้มาทำงานที่กระทรวงทรัพยากรฯ เพราะเคยฝันว่าอยากทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ครอบครัวศิลปอาชาให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก

รับร้องเรียนสอบอธิบดีกรมอุทยานฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่กระทรวงทส.ค่อนข้างคึกคัก มีกลุ่มองค์กรต่างๆเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึง รมว.ทส. โดยนายวราวุธลงมารับเรื่องด้วยตัวเองทุกกรณี อาทิ นายสมัคร ดอนนาปี อดีต ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ มายื่นร้องเรียนนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีเปลี่ยนแปลงงบประมาณโครงการเพาะชำกล้าไม้ และการขึ้นเงินเดือน 6 เปอร์เซ็นต์ให้ภรรยาตัวเอง โดยนายวราวุธ กล่าวว่าจะรับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณา ทุกอย่างจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ขณะที่องค์กรเพื่อสิทธิสัตว์แห่งประเทศไทยยื่นคัดค้านการส่งออกช้างไทยไปต่างประเทศ และกลุ่มพีมูฟ นำโดยนายจำนง หนูพันธ์ มายื่นหนังสือขอให้ยุติการทวงคืนผืนป่าและให้เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เป็นต้น

ส.ว.หวั่น 5 ชม. ไม่พอจ่อขอเพิ่ม

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อาคารสุขประพฤติ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จัดสัมมนาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เตรียมพร้อมการแถลงนโยบายของรัฐบาลมี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธาน ส.ว.เป็นประธานช่วงหนึ่งบรรดา ส.ว.ได้หารือถึงการจัดสรรเวลาอภิปรายที่ ส.ว.จะได้เวลา 5 ชั่วโมง อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่า 2 วันจะเพียงพอหรือไม่ เพราะเวลาที่รับทราบไม่รวมเวลาประท้วงของ ส.ส.แต่ละฝ่าย และไม่นับรวมเวลาที่ นายกฯ นำเสนอนโยบายและผู้นำฝ่ายค้านอภิปรายเปิดและปิด กังวลใกล้หมดเวลา ส.ว.อาจไม่ได้อภิปราย

เชื่อประท้วงลากยาวเที่ยงคืน 26 ก.ค.

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว. กล่าวว่าหากเทียบเกณฑ์อภิปรายของ ส.ว.การอภิปรายรายงานแผนการปฏิรูปประเทศเมื่อวันที่ 8 ก.ค. มี ส.ว. อภิปราย 45 คนได้คนละ 8 นาที รวมเกือบ 6 ชั่วโมง หาก ยึดหลักการดังกล่าวต้องได้เวลาเกินกว่า 5 ชั่วโมง วันที่ 23 ก.ค.ที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาจะเรียกตัวแทนวิป 3 ฝ่าย หารือต้องขอให้ทบทวนการจัดสรรเวลาให้เพียงพอต่อการอภิปรายของ ส.ว.ด้วย ที่กังวลคือการประท้วงอ่านข่าวจากสื่อมวลชนว่ารัฐบาลตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรี 20-30 คน เพื่อตอบโต้ฝ่ายค้านอภิปรายตัวบุคคล การแถลงนโยบายรัฐบาลไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านคงอดไม่ได้ให้ 3 วันอาจไม่พอ แต่เชื่อว่าวันที่ 26 ก.ค.ต้องจบในเที่ยงคืน

“สิงห์ศึก” ขึงขัง ส.ว.ไม่ใช่องค์รักษ์ รบ.

ช่วงบ่าย พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธาน ส.ว.ในฐานะ สว.กลุ่มเพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ส.ว.จะจัดกลุ่มการอภิปรายนโยบายรัฐบาล เน้นเนื้อหาสอดคล้องของแผนการปฏิรูปประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติ ยืนยันว่าจะไม่เป็นไปเพื่อพิทักษ์บุคคลใด หรือตามที่มีบางฝ่ายตั้งประเด็นว่าเป็นองครักษ์รัฐบาล การอภิปราย ส.ว.จะเน้นคุณภาพเป็นหลัก ยังไม่สรุปจะให้ ส.ว.ยื่นจำนงจนถึงเวลา 18.00 น. วันที่ 22 ก.ค. ควรได้รับ 5-6 ชั่วโมง ที่ฝ่ายค้านยกประเด็นที่มา ส.ว.เป็นจุดอ่อนในการบริหารประเทศ ส.ว.คือตัวแทนปวงชนชาวไทยและอยู่ภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 เชื่อว่า ส.ว.จะไม่ใช่จุดอ่อนแน่นอน

“เจ๊หน่อย” เย้ยไม่ด่างพร้อยอย่ากลัว

วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “นายกฯ จากประชาธิปไตยต้องไม่กลัวการอภิปราย” ระบุอาการกลัวเป็นเอามาก ตั้งแต่ประกาศว่าไม่ควรอภิปรายคุณสมบัติ ฟอร์มทีมองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ยืนยันฝ่ายค้านจะอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ และ รมต.ถ้าไม่มีคุณสมบัติด่างพร้อย ไม่ต้องกลัวการอภิปราย

“สุทิน” ยันซักฟอกคุณสมบัตินายกฯ

ที่พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยและประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายนโยบายรัฐบาลว่าเดิมฝ่ายค้านยื่นขออภิปราย 3 วัน แต่รัฐบาลขอลดเหลือ 2 วัน ถ้าใช้ 3 วันจะชนกับช่วงบรรยากาศวันสำคัญของประเทศเรายินดีให้ความร่วมมือ แต่ลดวันลงทำให้ทำงานลำบากมี ส.ส.แสดงความจำนงจะอภิปรายจำนวนมาก วันที่ 22 ก.ค.จะซักซ้อมความพร้อมว่าใครเหมาะสมจะอภิปรายหรือควรรออภิปรายครั้งหน้า กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯ พรรคเตรียมความพร้อมให้ความรู้ ถ้าไม่ไปชี้นำศาลเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ส่วนการแบ่งเวลาอภิปรายวันที่ 23 ก.ค.จะประชุมร่วมวิปฝ่ายค้านจะชัดเจนมากขึ้น

รู้กันอยู่ “บิ๊กป้อม” เจ้าของพรรคตัวจริง

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะลงเล่นการเมืองในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ นายสุทินกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก เรารับรู้มาว่า พล.อ.ประวิตรคือเจ้าของตัวจริงหรือคนก่อตั้งตัวจริง เพียงแต่จะใช้จังหวะเวลาใดเปิดตัว เป็นเรื่องน่ายินดีที่จะลงมาเล่นการเมืองแบบเปิดหน้าเปิดตาชัดเจน

จี้ “บิ๊กป้อม” แจงนั่ง ฮ. ไปงาน พปชร.

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ากรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นั่งรถตู้เบนซ์กันกระสุนไปที่รีสอร์ต อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ร่วมสัมมนากับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ สังคมมีสิทธิตั้งคำถามกับข้ออ้างไปปฏิบัติราชการแล้วเลยไปประชุมกับพรรค เอากำหนดการประชุมพรรคเป็นตัวตั้งแล้วทำโครงการปฏิบัติราชการต่างจังหวัดเสริม เพื่อจะใช้เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยราชการหรือไม่ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรมีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ความคุ้มค่ากับงบประมาณภาครัฐ หากนำไปใช้แก้ปัญหาภัยแล้งหนักสุดในรอบ 10 ปีจะเกิดประโยชน์มากกว่าหรือไม่ ถ้า พล.อ.ประวิตรเคารพประชาชนและองค์กรตรวจสอบ ต้องเปิดเผยว่าไปปฏิบัติราชการเรื่องใดสถานที่ใดแสดงหลักฐานให้ประชาชนตัดสินว่าสมเหตุสมผลหรือไม่

สับไม่ควรไปสัมมนาในรีสอร์ตผิด ก.ม.

นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า การจัดสัมมนาที่รีสอร์ต 88 การ์มองเต้ วังน้ำเขียว รัฐบาลกำลังจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ควรประพฤติปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัดแต่กลับทำในสิ่งน่าผิดหวัง มีโรงแรมหรือรีสอร์ตถูกกฎหมายมากมาย แต่กลับเลือกรีสอร์ตที่มีปัญหาบุกรุกพื้นที่อุทยานฯถึง 34 รายการและพบสิ่งปลูกสร้างอีก 18 รายการ อีกทั้งเคยถูกจับกุมมาแล้วถึง 2 ครั้ง กรมอุทยานฯสั่งให้รื้อถอนและอัยการกำลังทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาล พรรคพลังประชารัฐเคยใช้พลังดูดให้นักการเมืองพรรคอื่นย้ายพรรค บางคนมีคดีความแต่พอเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ บางรายรอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีเพราะส่งฟ้องศาลไม่ทันจนถูกสังคมวิจารณ์ว่าเป็นโปรย้ายค่ายหรือไม่ ขอให้จับตาดูต่อไปว่าสุดท้ายจะกลายเป็นรีสอร์ตที่ไม่ได้กระทำผิดกฎหมายใดๆเลยหรือไม่ กรณีจัดสัมมนาที่รีสอร์ตแห่งนี้ถือเป็นอีกเรื่องที่จะทำให้ประชาชนเกิดคำถาม และอาจไม่เชื่อถือในสิ่งที่รัฐบาลกำลังจะแถลงว่าจะทำได้จริงตามที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ เพราะถือเป็นพฤติการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ

“สมศักดิ์” อ้างตั้งใจสะท้อนปัญหา ส.ป.ก.

ช่วงเย็น นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเจ้าของพื้นที่และผู้เลือกสถานที่จัดสัมมนากล่าวว่า จริงๆเรารู้อยู่แล้วว่าที่ตรงนี้มีปัญหา ผู้ใหญ่ในพรรคเองทักท้วงเกรงว่าจะถูกโจมตีมาที่นี่ ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดิน ส.ป.ก.และไม่ถูกต้องจริง เพราะทำประโยชน์อื่นแต่เป็นการสะท้อนปัญหาการกำหนดเขตพื้นที่อุทยานฯที่ทำหลังมีผู้อยู่อาศัย โดยไม่มีการกำหนดเขตให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกคนรับรู้เหมือนกันให้เห็นว่าเมื่อเรื่อง ส.ป.ก.เป็นนโยบายพรรค เราประกาศแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับรัฐ เนื่องจากประกาศทับพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ทำให้เกิดปัญหาการบุกรุกที่ดินกรณีวังน้ำเขียวนำไปใช้ผิดประเภทและเป็นพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งกรมอุทยานฯ ไม่ประกาศให้ชัดเจนทำให้เกิดปัญหามาโดยตลอด

ฝากฝ่ายค้านมองที่เจตนา

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า แล้วเราอยากนำเสนอให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.ให้ชัดเจนว่านำไปใช้ประโยชน์อื่นนอกจากเกษตรกรรมได้หรือไม่ เอาวังน้ำเขียวเป็นตัวนำร่อง เพราะที่ดิน ส.ป.ก.กรณีที่มีศักยภาพสูงกว่าการทำไร่ พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ดี อยากจะพูดกับฝ่ายค้านว่าสิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์กับประชาชน ส.ส.ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลถามว่าแล้วปัญหาชาวบ้านเราไม่คิดจะช่วยกันแก้เหรอ อยากให้มองที่เจตนาต้องการให้ทุกคนรับรู้เข้าใจเหมือนกัน ถ้าต้องการแก้ไขปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.ต้องพามาดูให้เห็น อยากให้รับรู้เมื่อเป็นนโยบายพรรคเป็นปัญหาของคน 2,400,000 ครอบครัว เราต้องการแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้เขา ถ้าไม่เดือดร้อนทำการเกษตรและอยากถามว่าที่เป็นบ้าน ร้านค้า วัด แล้วจะทำอย่างไรในชุมชน

“ระวี”เจอ รปภ.สกัดสอบตู้ ปณ.7ล้าน

เมื่อเวลา 14.00 น. นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบการจัดสร้างตู้ไปรษณีย์ยักษ์ หน้าทางเข้าบริษัทไปรษณีย์สำนักงานใหญ่ แจ้งวัฒนะ วงเงิน 7.1 ล้านบาท จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าราคาแพงเกินจริงส่อทุจริต ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ รปภ.ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ไม่ให้เข้าตรวจสอบแจ้งว่าต้องทำหนังสือขออนุญาตผู้บริหารล่วงหน้า นพ.ระวีกล่าวว่า ขอให้รัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบความโปร่งใส หากพบพฤติกรรมส่อทุจริตให้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดเป็นตัวอย่าง และป้องปรามกระบวนการทุจริต ปกติตึกแถว 4 ชั้น งบฯก่อสร้างไม่เกิน 2 ล้านบาท การใช้งบฯกว่า 7 ล้านบาทสร้างตู้แค่นี้ไม่น่าเป็นไปได้ วัสดุที่ใช้เป็นวัสดุเกรดธรรมดา