PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

"หมอธี" เผย"บิ๊กตู่"ชวนเอง ไปเป็น "สว."พรุ่งนี้ทำงานวันสุดท้าย


"หมอธี" เผย"บิ๊กตู่"ชวนเอง ไปเป็น "สว."พรุ่งนี้ทำงานวันสุดท้าย

7พ.ค.62- นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ลาออกเพื่อไปดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า การลาออกของตนและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) อีก 2 ท่าน คือ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงษ์ และ นพ.อุดม คชินทร จะมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคมนี้ ซึ่งทราบว่า ครม.ได้เตรียมที่จะตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรักษาการแล้ว ทราบว่าน่าจะเป็นรองนายกรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่ง 
 ส่วนการไปเป็น สว.ของตนนั้น ได้รับคำชักชวนจากนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ซึ่ง สว.ชุดนี้จะเข้ามาทำหน้าที่ดูแลเรื่องการปฏิรูปตามแผนยุทธศาสตรชาติ โดยตนจะเข้ามาทำงานพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) เป็นวันสุดท้าย ส่วนงานการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เลขาธิการคุรุสภา และผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.ที่หลายคนเป็นห่วงนั้น เรื่องนี้หน้าที่ของ รมว.ศธ. คือ กำหนดกฏเกณฑ์ซึ่งตนได้ดำเนินการแล้ว การสรรหาเป็นหน้าที่ของกรรมการที่ต้องเดินหน้าต่อไป ส่วนการเสนอคณะกรรมการ สกสค.และคุรุสภา เพื่อคัดเลือก แม้ตนไม่อยู่แล้วหากกรรมการครบองค์ประชุมก็สามารถที่จะประชุมได้ โดยเลือกประธานซึ่งอาจจะเป็นปลัด ศธ. หรือจะเป็นรักษาการรัฐมนตรีก็ได้ ซึ่งตามกฎหมายสามารถทำได้

เพื่อไทยดิ้น สูตรคำนวณส.ส.ปาร์ติ้ลิสต์ต้องได้เพียง 16 พรรคเท่านั้น ถ้า 27 ถือว่านอกกฎหมาย


เพื่อไทยดิ้น สูตรคำนวณส.ส.ปาร์ติ้ลิสต์ต้องได้เพียง 16 พรรคเท่านั้น ถ้า 27 ถือว่านอกกฎหมาย

7 พ.ค.62-นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรค เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.ทั้ง 7 คน พร้อมพกใบเหลืองจดรายชื่อ กกต. เพื่อขอให้พิจารณาการประกาศผลการรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) โดยการพิจารณานั้นทาง กกต.ต้องยึดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 
นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนและทีมโฆษกเดินทางมายื่นหนังสือถึง กกต. หลายครั้ง แต่ยังคงไม่ได้รับความชัดเจน ครั้งนี้พรรคเลยตัดสินใจเข้ายื่นหนังสือถึง กกต.เป็นรายบุคคล เพื่อขอให้ กกต. แต่ละคน ทบทวนว่าการคำนวณ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ของแต่ละพรรคต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยพรรคเพื่อไทยเห็นว่าหากคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อตามรัฐธรรมนูญ จะมีเพียง 16 พรรคเท่านั้นที่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่ถ้า กกต.ยึดนอกเหนือจากกฎหมาย ก็จะส่งผลให้มี 27 พรรคการเมืองที่จะได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 
การเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการปกครองระบอบประชาธิปไตย กกต. มีอำนาจที่ต้องควบคุมให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อให้เกิดการยอมรับโดยรวม

ด้านนายชุมสาย กล่าวว่า หากผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) ออกมาเป็นอย่างไรก็ถือว่าเป็นที่สุด พรรคจะน้อมรับและไม่ก้าวล่วงคำตัดสินของศาล

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ลาออกไปเป็น ส.ว. อีกทั้งขั้นตอนการสรรหาก็ให้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นส่วนหนึ่งคณะกรรมการสรรหา นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเหมือนเป็นการแจกเก้าอี้ ส.ว. ให้กับญาติพี่น้องของบุคคล ทั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือบุคคลที่เคยร่วมรัฐประหารกันมา เหมือนเป็นการเล่นเก้าอี้ดนตรี  ทั้งที่ ส.ว. มีอำนาจคล้าย ส.ส. แต่กลับไม่ได้มาจากประชาชน อีกทั้งประชาชนไม่มีสิทธิเลือกเหมือนตอนปี 2540 ซึ่งการกระทำดังนี้ จะส่งผลให้ไม่ยึดโยงกับประชาชน ไม่สามารถตอบสนองและสร้างความสุขให้กับประชาชนได้ ตนคิดว่าประชาชนจะไม่ได้รับประโยชน์ เป็นการสืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นและการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศไม่เกิดขึ้น

'ปิยบุตร'ผวาส้มหวานหายวูบ 7 เสียง


'ปิยบุตร'ผวาส้มหวานหายวูบ 7 เสียง ขู่กกต.ต้องใช้สูตรคำนวณ 16 พรรค ไม่เช่นนั้นเจอบทลงโทษหนัก

7 พ.ค.62-  นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่  แถลงกรณีการคำนวณที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า ตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการคำนวณ มี 2 มาตรา ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 128 เมื่ออ่านทั้ง 2 บทบัญญัตินี้แล้ว ในมาตรา 91 และ 128 สรุป ความได้ว่า วิธีการคำนวณ ต้องคิดจากจำนวน ส.ส. พึงมีก่อนที่ 71,574.98 คะแนน 

หมายความว่า พรรคใดที่มี ส.ส.ในสภาได้ ต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 71,000 คะแนน เว้นแต่ พรรคที่มี ส.ส. เขตมากกว่า ส.ส. พึ่งมี นั่นคือพรรคเพื่อไทย ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่เองนั้น เรามีคะแนนดิบที่ 6,265,950 คะแนน และอาจได้เพิ่มอีกจากการเลือกตั้งซ่อมในเขต 8 จ.เชียงใหม่ คำนวณคร่าว ๆ ประมาณ 6.3 ล้านคะแนน ซึ่งเราจะได้ ส.ส.ทั้งหมด 87 ที่นั่ง

เขากล่าวว่าหากวันพรุ่งนี้(8 พ.ค.) กกต. ยืนยันว่า จะใช้สูตรคำนวณแบบ 27 พรรค จะทำให้พรรคมีจำนวน ส.ส. เหลือเพียง 80 คน คิดเป็นคะแนนดิบที่หายไปประมาณ 600,000 คะแนน หมายความว่า 600,000 เสียงของประชาชนที่เลือกเรา หายวับไปกับตา 

"เราพูดมาตลอดว่าระบบการเลือกตั้งครั้งนี้ออกแบบมาเพื่อให้ความสำคัญกับทุกคะแนนเสียง แต่ กกต. วินิจฉัยแล้วว่า ไม่ต้องนับบัตรเลือกตั้งที่มาจากนิวซีแลนด์ ทั้งนี้ มีคนไทย ในนิวซีแลนด์ติดต่อมาที่พรรค บอกว่า เขาไปกา เขต 1 นครปฐม ทั้ง 4 คนเป๊ะ หมายความ ว่า คะแนนนี้ในส่วนนี้หายไป"

นายปิยบุตรกล่าวว่า หากการตีความของกกต.ในวันพรุ่งนี้ ยืนยันว่า จะใช้สูตร 27 พรรค หมายความคะแนน ของพรรคอนาคตใหม่ หายไป 600,000 คะแนน ซึ่งจะส่งผลตามมาหลายประการ ได้แก่
1.ความไม่เป็นธรรมจากคะแนนที่หายไป ทั้ง พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ เสรีรวมไทย ก็โดนเช่นกัน แต่พรรคเราโดนเยอะที่สุดถึง 7 คน

2.เกิดความไม่เป็นธรรมระหว่างผู้สมัคร แบบแบ่งเขต หลายเขตผู้สมัคร ได้คะแนน 30,000 ถึง 40,000 คะแนน จึงได้เป็น ส.ส. แต่ปรากฎว่าบางพรรค ได้คะแนนเพียง 30000-60000 จากทั้งประเทศ กลับได้ ส.ส. 1 คน

3.การจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคที่อยู่ฝ่ายต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. เสียงจะหายไปเกือบ 10 คน หมายความว่าเสียงข้างมากในสภา จะเปลี่ยนไปทันที เพราะพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะมีเสียงไม่ถึง 250 เสียง เกิดความไม่เป็นธรรม ซึ่ง กกต.ต้องยึดเอาตามที่ประกาศในกฎหมายล่วงหน้า
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่ากรณีผู้ตรวจการแผ่นดินร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พรป.ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ขัดกับ รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 หรือไม่ กรณีดังกล่าว ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยเป็นเช่นใด ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา 

เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่า การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ สมมติศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า ขัดกันจริง ก็ทำให้มาตรา 128 สิ้นผลไป แต่กกต. ยังมี มาตรา 91 เป็นฐานสำหรับการคำนวณ จำนวน สส. อยู่ดี  หากวินิจฉัยว่า มาตรา 128 ไม่ขัด กกต.ก็ไม่มีทางเป็นอื่น ที่จะคำนวณ สส. ปาร์ตี้ลิสต์ได้ 

อย่างไรเสียก็ต้องคำนวณจาก มาตรา 91 เป็นหลัก สูตร 27 พรรคก็เกิดไม่ได้ แต่สิ่งที่กำลังขยายความกันอยู่ ทำราวกับว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พรป.ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 ไม่ขัด จะให้ กกต. ใช้ สูตร 27 พรรคมาคำนวณได้ทันที ทั้งที่ความจริงเป็นคนละเรื่องกัน เพราะอำนาจการคำนวณสูตร เป็นอำนาจของ กกต. เว้นเสียแต่ กกต.จะคำนวณขัดกับ มาตรา 91 อันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 
"หาก กกต.ตีความสูตรตำนวณ จาก พรป.ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 128 แล้วตีความเอง จนเกิดสูตร 27 พรรค แต่ปรากฎว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ นี่ไม่ใช่เรื่องกฎหมายขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องการใช่อำนาจ ของกกต.ขัดกับรัฐธรรมนูญแทน"

นายปิยบุตรกล่าวว่าอยากให้กกต. คำนวณ สส. แบบบัญชีรายชื่อโดยคิดจากฐานรัฐธรรมนูญ ตามที่มาตรา 91 ระบุ พรรคไหน ไม่ถึง 71,000 คะแนน ก็ต้องเป็นไปตามนั้น หากการใช้อำนาจของ กกต. ทำให้พรรคอนาคตใหม่ หายไป 600,000 คะแนน และ สส. 7 คนรวมถึงคะแนนเสียง และจำนวนของ ส.ส.ของพรรคอื่นที่ได้รับผลกระทบ หาก กกต.ใช้อำนาจตามขัดกับรัฐธรรมนูญนั้นมีโทษทางกฎหมาย ทั้งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย กกต.เอง จะมีบทลงโทษ หนัก ซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยง หากกกต.ใช้อำนาจตีความเอง โดยใช้สูตร 27 พรรค ขอส่งสัญญาณไปว่า หากใช้อำนาจโดยไม่ชอบ จะต้องรับผิดทางกฎหมายด้วย ที่สำคัญคือ จะกระทบกับทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลของพวก และเสียงของประชาชนที่เลือกพวกเขาเหล่านี้ เรื่องนี้เขียนไว้ชัดแล้ว ต้องดำเนินตามกติกา.

ยุ่ง ตาย ห่_!'สมชัย'ดักคอกกต.ไม่ขัด ไม่ได้แปลว่า คำนวณได้ตามใจชอบ

ยุ่ง ตาย ห่_!'สมชัย'ดักคอกกต.ไม่ขัด ไม่ได้แปลว่า คำนวณได้ตามใจชอบ

7พ.ค.62- นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อดีตผู้สมัครส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่ขัด ไม่ได้แปลว่า คำนวณได้ตามใจชอบ

การวินิจฉัยคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า มาตรา 128 ของ พรป.ส.ส.ขัดกับ รัฐธรรมนูญมาตรา 91 หรือไม่

ความเห็นส่วนตัวที่ไม่ใช่การชี้นำศาล คือ ม.128 เป็นส่วนขยายในเชิงขั้นตอนการคำนวณที่เพิ่มจาก 5 ขั้นในรัฐธรรมนูญมาเป็น 8 ขั้นใน กม.ลูก จึงไม่มีสิ่งใดที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลฯซึ่งถือเป็นที่สุด

แต่การบอกว่าไม่ขัด ก็ยังเป็นความรับผิดชอบของ กกต.ที่ต้องดำเนินการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ "ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ" ด้วย

แต่หากหวยออกอีกทางว่าขัด แปลว่า กม.ลูกร่างมาไม่ดี กกต.ไม่สามารถนำวิธีการที่เขียนใน กม.ลูกมาคำนวณได้ ก็ต้องยึดรัฐธรรมนูญที่มีแค่ 5 ขั้นตอนเป็นหลักในการคำนวณไปพลางก่อน จะรอแก้ กม.แล้วค่อยมาคำนวณอาจสายเกินไป เพราะจะเลยกรอบ 150 วัน และ สนช.น่าจะไม่เหลือพอที่ประชุมแก้กฎหมายแล้ว เห็นลาออกไปเป็น ส.ว.กันหมดตั้งแต่ ประธาน รองประธาน

ตอนนี้ ได้แต่นึกถึงคำพูดประจำของอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ "ยุ่ง ตาย ห่_"

ทศพิธราชธรรม

ทศพิธราชธรรม
สมเด็จพระสังฆราชถวายวิสัชนาพระธรรมเทศนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ ให้ทรงทศพิธราชธรรม ราชสังคหวัตถุ จักรวรรดิวัตร และพละ ย่อมสำเร็จเป็นพระบารมีในอนาคต
วันนี้ (5 พ.ค.) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีล ถวายพร และถวายวิสัชนาพระธรรมเทศนา "ทศพิธราชธรรมจริยาทิกถา" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีใจความตอนหนึ่งว่า
สมเด็จพระบรมศาสดา เมื่อทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ยังต้องทรงบำเพ็ญพระพุทธกิจโปรดเวไนยนิกรให้ดื่มด่ำพระสัจธรรมยังพระพุทธภูมิให้สำเร็จเป็นอันดี ข้อนี้มีอุปมาฉันใด พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงดำรงราชัยสวรรคก็มีอุปไมยฉันนั้น จึงขอรับพระราชทานเลือกสรรพระราชธรรมของโบราณกษัตริย์มาถวายวิสัชนา โดยมีทศพิธราชธรรมมาเป็นปฐม 10 ประการ ดังนี้
1. ทาน การให้ พระมหากษัตริย์พึงชุบเลี้ยงพระราชวัง ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ข้าราชการ บรรพชิต ตลอดจนอาณาประชาราษฎร ด้วยวัตถุปัจจัยบรรดาอามิตรทั้งหลายตามฐานานุรูปของบุคคลนั้นๆ และการพระราชทานธรรมทานแจกจ่ายพระบรมราโชวาท พระราชดำริ อันถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ให้พสกนิกรทั้งหลายเจริญรอยตาม
2. ศีล การสังวรกาย วาจาให้ปราศจากโทษ พระมหากษัตริย์พึงเว้นจากความประพฤติทุจริต กล่าวในการทางปกครอง ย่อมหมายถึงรัฐธรรมนูญ บทกฎหมาย และจารีตประเพณีอันดีงาม กล่าวในทางพุทธศาสนา หมายถึงศีล อย่างน้อยคือศีล 5 ของฆราวาสทั่วไป และพระราชาจะทรงรักษาและโน้มน้าวให้พสกนิกรรักษาด้วย
3. บริจาค พระมหากษัตริย์พึงสละสิ่งไม่เป็นประโยชน์หรือเป็นประโยชน์ เพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ใหญ่กว่า เพื่อบรรเทาความตระหนี่ ดังพระพุทธภาษิตที่ว่า พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะอันประเสริฐ เพื่อรักษาชีวิตก็พึงสละอวัยวะ เพื่อจะรักษาธรรมะก็พึงสละทรัพย์ อวัยวะ และแม้ชีวิตได้ทั้งสิ้น
4. อาชวะ ความซื่อตรง พระมหากษัตริย์พึงประพฤติพระองค์ ซื่อตรงในการงานตามหน้าที่ของพระประมุข ปราศจากมารยา ซื่อสัตย์สุจริตต่อสัมพันธมิตร พระราชวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาท ไม่ทรงหลอกลวงประทุษร้ายโดยอยุติธรรม
5. มัททวะ ความอ่อนโยน พระมหากษัตริย์พึงมีพระราชอัธยาศัยอ่อนโยน ละมุนละม่อม ไม่ถือพระองค์ด้วยความดื้อรั้น เมื่อมีผู้กราบบังคมทูลพระกรุณาด้วยเหตุผลของบัณฑิตก็ควรทรงสดับฟังโดยถี่ถ้วน ถ้าดีควรอนุโมทนาและปฏิบัติตาม และควรมีความอ่อนน้อมท่านผู้เจริญโดยวัยและคุณความดี
6. ตบะ การกำจัดความเกียจคร้านและความชั่ว พระมหากษัตริย์พึงมีตบะ ซึ่งตบะของพระมหากษัตริย์คือการคุ้มครองประชาชน ต้องทรงพากเพียรที่จะขจัดความเกียจคร้านเบื่อหน่ายที่จะรักษาอาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข ต้องทรงตั้งพระราชหฤทัยบำเพ็ญพระราชกิจอย่างสม่ำเสมอและให้ดียิ่งขึ้น
7. อักโกธะ ความไม่มักโกรธ พระมหากษัตริย์พึงมีพระเมตตาสูงส่ง ไม่ทรงปรารถนาจะก่อเวรภัยแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ไม่ทรงพระพิโรธด้วยเหตุอันไม่สมควร แม้จะมีเหตุให้ทรงบรรลุแก่อำนาจแห่งความโกรธ ก็พึงข่มพระราชหฤทัยให้สงบระงับ มิให้บังเกิดพระกริยาอันไม่งดงาม ไม่น่ารัก น่าเคารพ ดุจมีพระฉายส่องพระพักตร์เป็นเครื่องกำกับพระอาการไว้เสมอ
8. อวิหิงสา การไม่เบียดเบียนผู้อื่น ตลอดจนสรรพสัตว์ให้ตกทุกข์ได้ยาก พระมหากษัตริย์พึงประกอบด้วยพระมหากรุณา ไม่ปรารถนาจะทรงเบียดเบียนผู้ใดให้ลำบาก ไม่ทรงก่อทุกข์ยากแก่มนุษย์หรือสัตว์เพียงเพื่อความสนุก ไม่ขูดรีดหรือกะเกณฑ์ราษฎรอย่างเหลือกำลัง กระทั่งเกิดความระส่ำระสาย ทรงคุ้มครองประชาชนดุจดังบิดรมารดารักษาบุตร
9. ขันติ ความอดทนต่อสิ่งที่ควรอดทนเป็นเบื้องหน้า พระมหากษัตริย์พึงมีพระราชหฤทัยกล้าหาญ อดทนต่อโลภะ โทสะ และโมหะ ย่อมต้องทรงอดทนต่อสู้กับกิเลสได้ ทรงสามารถอดทนต่อถ้อยคำที่ชั่ว ติฉินนินทา ทรงรักษาพระกายพระวาจาให้สงบเรียบร้อยได้เสมอ
10. อวิโรธะ การไม่ปฏิบัติให้ผิดจากการที่ถูกที่ตรง ดำรงอาการคงที่ พระมหากษัตริย์พึงรักษาพระราชจรรยานุวัตรตามหลักนิติศาสตร์และราชศาสตร์ ไม่ทรงประพฤติคลาดจากความยุติธรรม ทรงยกย่องผู้กระทำดีสมควรได้รับการยกย่อง ทรงปราบปราบผู้กระทำเลวสมควรถูกกำราบ ไม่ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเชิดชูหรือข่มเหงบุคคลใดๆ ด้วยอำนาจแห่งอคติ คือ ความลำเอียง 4 ประการ เพราะความชอบ ความชัง ความกลัว และความเขลา
หากทรงดำรงพระราชธรรมได้ดังนี้ พระปีติโสมนัสมหาศาลก็จะบังเกิดแก่พระองค์ และย่อมทรงเป็นที่สรรเสริญว่า ทรงปกครองโดยธรรมะเป็นอุบาย ชนทั้งหลายก็น้อมเข้าสวามิภักดิ์ต่อพระประมุขผู้ได้ชื่อว่า ทรงปกครองโดยธรรม มิใช่โดยอำนาจ ต่างเจริญสุขสวัสดีร่วมกันได้ทุกสถาน

เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?

คัดลอกจากFB
////
คำพูดตอนหนึ่งของ อาจารย์หวังหงเหลี่ยง แห่งมหาวิทยาลัยชิงหัว คลาสสิคมากๆ,
เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?

สังคมที่สับสนวุ่นวาย, จิตใจคนที่ยากแท้หยั่งถึง, ความผูกพันที่ไม่อาจปล่อยวาง, สุขทุกข์ที่ไม่จบสิ้น, หนทางยากลำบากที่ไม่รู้จบ, ความเบื่อหน่ายที่ไม่จบสิ้น,
วันวานที่ไม่อาจลืม, วันนี้ที่แสนจะวุ่นวาย, วันพรุ่งนี้ที่ ไม่อาจคาดเดา, สุดท้ายไม่รู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อใด, นี่คือชีวิตของคนเรา.
ดังนั้นไม่ว่าจะเหนื่อยจะยุ่งวุนวายเท่าไหร่ อย่าลืมที่จะรักตัวเอง, ทำเพื่อตัวเองบ้างบางครั้ง, ใช้เงินบ้างเมื่อมีโอกาส ไม่ลืมที่จะดูแลตัวเองให้ดี!
ชีวิตคนเราก็เหมือนสภาพอากาศ, พยากรณ์ได้, แต่มักมีสิ่งเหนือความคาดหมาย. ไม่ว่าจะ สุขสดใส หรือเศร้าหมอง, จิตใจที่เป็นสุข คือทรัพย์สมบัติที่ไม่อาจจะแย่งไปได้.
ทำทุกวันให้ดีที่สุด, ดูแลร่างกายหนึ่งเดียวของเรา, คือการดูแลรักษาที่ดีที่สุด. นิ่งเมื่อประสบความสำเร็จ, อดทนเมื่อล้มเหลว, ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ, มีความสุขอยู่กับปัจจุบัน, ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามวาสนา, คือการใช้ชีวิตอย่างฉลาดปราดเปรื่อง
เราทุกคนต่างมีข้อเสีย, ดังนั้นควรอภัยให้แก่กันและกัน, ทุกคนล้วนมีข้อดี, ดังนั้นควรชื่นชมซึ่งกันและกัน, ทุกคนล้วนมีนิสัยส่วนตัว, ดังนั้นควรอ่อนข้อให้กันและกัน, ทุกคนล้วนแตกต่าง,
ดังนั้นควรยอมรับซึ่งกันและกัน, ทุกคนล้วนมีเรื่องเศร้าโศกเสียใจ, ดังนั้นจึงควรปลอบโยนซึ่งกันและกัน, คนล้วนมีความสุข, จึงควรแบ่งปันซึ่งกันและกัน, เพราะเรามีบุญวาสนาจึงได้มาพบกัน,
ดังนั้นขอให้ทะนุถนอมทุกคนในครอบครัว เพื่อนฝูง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวัน!
10 ปีหลังจากนี้, หากเรายังรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง, ยังสามารถไปท่องเที่ยวยังที่ต่างๆ ออกกำลังกายหรือเต้นรำ ลูกๆของพวกเรา ก็คงจะต้องพูดว่า พ่อและแม่นี้เป็นคนฉลาดมาก!
ของขวัญให้ลูกๆที่ดีที่สุดก็คือสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของพ่อแม่
ตลอดชีวิตของคนเรามีสิ่งที่ ต้องทำให้ดีที่สุดสองเรื่อง:
ข้อหนึ่ง อบรมเลี้ยงดูบุตรหลาน ไม่ให้เป็นภาระสังคม,
ข้อสอง ดูแลตัวเองให้ดี อย่าเป็นภาระบุตรหลาน.
ผ่านไปอีกไม่กี่ปี พวกเราล้วนต้องจากไป
หากจะพูดถึงโลกนี้ พวกเราล้วนไม่มีความหมาย.
เราต่อสู้ดิ้นรนมาทั้งชีวิต เอาอะไรไปไม่ได้ เรายึดมั่นมาทั้งชีวิต ล้วนไม่อาจนำติดตัวไป.
เกิดมาชาตินี้ ไม่ว่ายากดีมีจน ล้วนต้องเดินมาจนถึง สุดท้าย เมื่อตายจากไป หันกลับมามอง ตลอดชีวิตของเราล้วนเป็นความว่างเปล่า
ดังนั้น นับแต่บัดนี้ เราต้องตั้งใจใช้ชีวิต มีความสุขกายสบายใจในทุกวัน เจริญรุ่งเรืองเท่าไหร่ ชั่วพริบตาเดียว ต่างล้วนจากไป หาประโยชน์ไม่ได้ ,
จงทำดีต่อทุกๆคนเพราะไม่มีชาติหน้า.
ชิวิตหนึ่งสั้นนัก คนเคยสัญญากันไว้ว่าจะอยู่ร่วมกันตลอดไป แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปเหลือเป็นเพียงอดีต
สัญญากันไว้ว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เดี๋ยวเดียวกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
บางคนนัดกันไว้ว่าพรุ่งนี้พบกัน แต่พอตื่นขึ้นมาพบว่าอยู่กันคนละโลก
ดังนั้นเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ อย่าพลาดโอกาสในการที่จะได้พบปะกับคนรัก
เพื่อนที่ร่วมสู้กันมา เพื่อนนักเรียน หรือเพื่อนร่วมงาน รักกันเมื่อยังมีโอกาส โอบกอดกันเมื่อยังทำได้
อย่าปล่อยมือที่จูงกันมา ไปเที่ยวเล่นเมื่อยังสามารถอยากกินอะไรกิน ดูแลเอาใจใส่คนรอบกายอย่าโกรธกันอย่างง่ายๆโดยไม่มีเหตุผล
ความเข้าใจกันคือความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด อย่าปล่อยให้ชีวิตเต็มไปด้วยข้อสงสัย อย่าละเลยกับคนที่คุณรัก
ไม่มีคนที่โง่ที่สุด มีแต่คนที่แกล้งโง่เพื่อคุณ ให้อภัยคุณ เพราะไม่ต้องการเสียคุณไป
ความซื่อสัตย์จึงอยู่ด้วยกันยาวนาน รู้จักทะนุถนอมจึงสมควรที่จะได้รับ
เมื่อได้ประโยชน์จงอย่าลืมที่จะเปิดโอกาสให้ผู้อื่น, เมื่อมีเหตุผล อย่าลืมที่จะให้อภัยคนอื่น
เมื่อเก่งกว่าอย่าหัวเราะเยาะคนอื่น เก่งเกินไปมีแต่คนรังเกียจ จู้จี้จุกจิกเกินไปมีแต่คนรำคาญ เย่อหยิ่งเกินไปมีแต่คนหลีกหนี
เราเกิดมาในโลกนี้ล้วนแต่ว่างเปล่า ทำไมจึงต้องหมกมุ่นกับทุกสิ่งทุกเรื่อง ไม่อาจปล่อยวาง พูดมากไปทำร้ายคนอื่น เครียดแค้นเกินไปทำร้ายจิตใจ ไม่ทำร้ายผู้อื่นไม่ทำร้ายจิตใจ นั่นคือการปล่อยวาง
ชั่วชีวิตนี้ ขอเพียงรู้จักปล่อยวาง เป็นตัวของตัวเอง ไม่ทำเรื่องละอายใจ
โลกนี้ล้วนมีเหตุขัดแย้งมากมาย เอาชนะแล้ว สูญเสียศรัทธาผู้คน
ผลประโยชน์บนโลกนี้มากมาย พอเพียงก็พอ อย่าเห็นผลประโยชน์มีค่ามากกว่าความสัมพันธ์
ใจเป็นสุข วันเวลาก็ผ่อนคลาย เป็นตัวของตัวเอง ชีวิตนี้จึงมีค่า!
คิดมากไปทำให้กังวล ใส่ใจมากไป ความคิดก็จะถูกครอบงำ มุ่งหวังมากไป ก็จะเป็นทุกข์
ดูแลทะนุถนอมคนที่อยู่ข้างกาย เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่ในชาติหน้า
รู้จักหาความสุขกับปัจจุบัน เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะตาย
เรียนรู้ที่จะมีความสุขในทุกๆวัน เพราะมีเพียงแต่วันนี้ไม่มีชาติหน้า
ขอมอบแด่คนในครอบครัว นักเรียน เพื่อนร่วมงาน สหายผู้ร่วมรบ พวกพ้องน้องพี่ทั้งหญิงชาย คนที่รักผมและคนที่ผมรัก.

รมต.ลาออก 15 คนไม่กระทบงานครม.ที่เหลือ 17 คน

‪(7พ.ค.)นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า รมต.ลาออก 15 คนไม่กระทบงานครม.ที่เหลือ 17 คน ส่วนคสช.ลาออก 4 คนเหลือ 9 คน นายกและรองนายกทั้ง 3 คนถ่ายภาพกับ 15 รมต.ที่ลาออก‬
เปิดรายชื่อ 15 รมต.ที่ลาออกไปเป็น ส.ว.
1.พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี
2.พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี
3.นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
4.พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
5.นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
6.พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
7.พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
8.พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
9.นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
10.นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา
11.นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
12.นายวิสุทธ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
13.นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
14.นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการอุตสาหกรรม
15.นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

จดหมายถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่อง ม.44โทรคมนาคมอาจจะฝ่าฝืน รธน.

จดหมายถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เรื่อง ม.44โทรคมนาคมอาจจะฝ่าฝืน รธน.
ด่วนที่สุด
วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
เรื่อง ขอใช้สิทธิตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๖ ประกอบมาตรา ๗ (๑๑) เกี่ยวกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒ อาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ
เรียน ผู้ตรวจการแผ่นดิน
สิ่งที่ส่งมาด้วย คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒
เนื่องด้วยข้าพเจ้าได้รับการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ จากการที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒ ซึ่งข้าพเจ้ามีความเห็นว่าอาจเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ ๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒ มีเงื่อนไขที่รอนสิทธิประโยชน์ของประชาชน
๑.๑ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒ มีเงื่อนไขบางประการที่รอนสิทธิประโยชน์ของประชาชน ได้แก่
๑.๑.๑ ข้อ ๕ ประกอบ ข้อ ๖ ซึ่งยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตรายใดที่ไม่สามารถชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ได้ สามารถเลื่อนกำหนดเวลาการชำระเงินได้ นั้น
ข้าพเจ้าขอเรียนว่า การที่รัฐยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตสามารถเลื่อนกำหนดเวลาการชำระเงินได้ ทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้รับใบอนุญาตในการประหยัดดอกเบี้ย แต่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ เนื่องจากรัฐบาลจะได้รับกระแสเงินสดล่าช้ากว่ากำหนดเดิม รัฐบาลจึงจะต้องหาแหล่งเงินอื่นมาทดแทนโดยต้องเสียดอกเบี้ย จึงเป็นการเลือกปฏิบัติเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๗ , ไม่เป็นการรักษาวินัยการเงินการคลัง ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๖๒ , และไม่แป็นการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๖๔ (๑)
๑.๑.๒ ข้อ ๑๐ ซึ่งกำหนดว่า ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล รายใดประสงค์จะคืนใบอนุญาตที่ได้รับ ก็ให้คืนได้โดยไม่มีเบี้ยปรับ และยังให้สำนักงาน กสทช. พิจารณากำหนดค่าชดเชยให้แก่ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าว รวมทั้งจะมีการลดค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล (MUX) บางกรณีด้วย นั้น
ข้าพเจ้าขอเรียนว่า การที่รัฐยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลคืนใบอนุญาตได้ โดยไม่มีบทลงโทษ และยังอาจได้รับค่าชดเชย รวมทั้งอาจได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ กรณีที่เดิมผู้รับใบอนุญาตมีภาระความผูกพันต่อรัฐ นั้น ทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้รับใบอนุญาต แต่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ เนื่องจากรัฐบาลจะขาดไปซึ่งรายได้ตามข้อตกลงเดิม รัฐบาลจึงจะต้องหาแหล่งเงินอื่นมาทดแทนโดยต้องเสียดอกเบี้ย รวมทั้งจะต้องทำการเรียกเก็บภาษีจากประชาชนมากขึ้นเพื่อชดเชย จึงเป็นการเลือกปฏิบัติเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๗ , ไม่เป็นการรักษาวินัยการเงินการคลัง ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๖๒ , และไม่เป็นการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๖๔ (๑)
ข้อ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒ มีเงื่อนไขที่เลือกปฏิบัติ และเป็นการผูกขาดตัดตอนทางเศรษฐกิจ
๒.๑ ข้อ ๘ ซึ่งกำหนดให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการจัดสรรคลื่นความถี่ที่มีการเรียกคืนตามข้อ ๑๑ สำหรับใช้ในกิจการโทรคมนาคม โดยพิจารณาจัดสรรคลื่นความถี่ให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ย่าน ๘๙๐ - ๙๑๕ MHz / ๙๓๕ - ๙๖๐ MHz ก่อน นั้น
ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ข้อกำหนดนี้เป็นการให้อภิสิทธิ์แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ย่าน ๘๙๐ - ๙๑๕ MHz / ๙๓๕ - ๙๖๐ MHz เหนือกว่าผู้ประกอบธุรกิจเดียวกันรายอื่นๆ จึงเป็นการเลือกปฏิบัติเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๗ , และไม่เป็นการขจัดการผูกขาดตัดตอนทางเศรษฐกิจ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๕
๒.๒ ทั้งนี้ ถึงแม้ประกาศข้อ ๘ วรรคสองจะกำหนดว่า ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน ๘๙๐ - ๙๑๕ MHz / ๙๓๕ - ๙๖๐ MHz ไม่ประสงค์จะขอรับการจัดสรรคลื่นความถี่ตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขและให้ผู้ได้รับใบอนุญาตชำระเงินประมูลคลื่นความถี่ในงวดที่เหลือตามข้อ ๕ ให้ครบถ้วน และให้สำนักงาน กสทช. จัดให้มีการประมูลคลื่นความถี่ดังกล่าวโดยวิธีการประมูลคลื่นความถี่ต่อไป โดยน่าจะเป็นการอ้างว่าเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้รัฐได้รับประโยชน์ที่ชดเชยกับการเลื่อนกำหนดเวลาการชำระเงินที่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ นั้น
ข้าพเจ้าขอเรียนว่า เงื่อนไขตามข้อ ๘ วรรคสองนั้น มิได้มีข้อกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตจะต้องเสนอให้ประโยชน์แก่รัฐเป็นมูลค่าขั้นต่ำอย่างไร หรือกำหนดอัตราประมูลขั้นต่ำอย่างไร จึงเป็นการกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐแบบเลื่อนลอย ที่ไม่เป็นการป้องกันผลประโยชน์ของชาติและสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๐ (๒) , เป็นการไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๖๒ , และไม่แป็นการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๖๔ (๑)
ข้อ ๓. เหตุผลประกอบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒ ไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา ๔๔
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ บัญญัติเงื่อนไขในการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ไว้เพียง ๓ ประการ ดังนี้
มาตรา ๔๔ ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อ ป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทําการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่ง หรือการกระทํา หรือการปฏิบัติท่ีชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ ดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒ ได้ระบุเหตุผลความจำเป็นไว้ว่า
โดยที่ในปัจจุบันได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า สภาพปัญหาจากการแข่งขันทางธุรกิจสําหรับกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ปัญหาด้านความพร้อมทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงผลกระทบจากรายได้ของผู้ประกอบการที่สุจริต อันส่งผลถึงความสามารถในการชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ทันภายในระยะเวลาที่กําหนดนั้นยังคงอยู่ จึงจําเป็นต้องปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอนและ กําหนดระยะเวลาในการชําระค่าธรรมเนียม เพื่อให้การประกอบกิจการดังกล่าวสามารถดํารงอยู่ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนอีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งเพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ย่าน ๗๐๐ MHz และ ๒๖๐๐ MHz ซึ่งจะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนเทคโนโลยี ๕G อันทําให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีความมั่นคงและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ข้าพเจ้าขอเรียนว่าเหตุผลดังกล่าวไม่เข้าข่ายเงื่อนไข ๓ ประการในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มีรายละเอียด ดังนี้
๓.๑ การอ้าง “ปัญหาจากการแข่งขันทางธุรกิจ” นั้น เป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะประเทศไทยใช้นโยบายเศรษฐกิจเสรี ดังนั้น ทุกธุรกิจในประเทศไทยจึงต่างประสบปัญหาจากการแข่งขันทางธุรกิจกันทั้งนั้น โดยนโยบายเศรษฐกิจเสรีใช้หลักการให้ภาคเอกชนจะต้องแก้ปัญหาจากการแข่งขันทางธุรกิจด้วยตนเอง มิใช่แก้ปัญหาด้วยการใช้ทรัพยากรของประชาชนส่วนรวม
๓.๒ การอ้าง “ผลกระทบจากรายได้ของผู้ประกอบการที่สุจริต” นั้น ไม่เข้าข่ายเงื่อนไขของมาตรา ๔๔ เพราะรายได้และผลกำไรหรือขาดทุนของผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลนั้น แม้รวมกันทุกราย ก็ยังเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อยเปรียบเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของประเทศ (ซึ่งแสดงโดยตัวเลข จีดีพี) ไม่สามารถจะตีความได้ว่าเข้าข่ายเป็นปัญหาต่อความมั่นคงของเศรษฐกิจของประเทศและถึงแม้ผู้รับใบอนุญาตบางรายจะประสบปัญหา แต่ก็ยังจะมีผู้รับใบอนุญาตอีกหลายรายที่ดำเนินการต่อไปได้
๓.๓ การอ้าง “ความสามารถในการชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตภายในระยะเวลาที่กําหนด” นั้น เป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะนอกจากสองธุรกิจนี้ ยังมีธุรกิจอื่นอีกมากมายที่ผู้รับใบอนุญาตอาจมีปัญหาเรื่องความสามารถในการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตภายในระยะเวลาที่กําหนด นอกจากนี้ บริษัทโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องก็เป็นบริษัทขนาดยักษ์ใหญ่อันดับต้นของประเทศ และบริษัทส่วนใหญ่มีกำไรจำนวนสูง นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทดังกล่าว ก็เป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวยอันดับต้นของประเทศไทย รวมทั้งเป็นนิติบุคคลในต่างประเทศ อาทิ กองทุนความมั่งคั่งของชาติอื่น บริษัทโทรคมนาคมข้ามชาติในยุโรป เป็นต้น จึงไม่สามารถจะตีความได้ว่าเข้าข่ายเป็นกลุ่มบุคคลที่ยากไร้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองถึงขั้นที่รัฐบาลไทยจะต้องใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ไปช่วยเหลือ และไม่สามารถถือได้ว่าเป็นปัญหาต่อความมั่นคงของเศรษฐกิจของประเทศ
แต่ในทางกลับกัน มาตรการนี้เป็นการรอนสิทธิและประโยชน์ของปวงชนชาวไทยทั้งมวลไปให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทเหล่านี้อย่างไม่เป็นธรรมอย่างชัดแจ้ง
๓.๔ การอ้างว่า “เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน” นั้น ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตามพฤติกรรมปัจจุบันของผู้บริโภค เพราะขณะนี้ประชาชนได้เปลี่ยนพฤติกรรม มีการส่งต่อและรับรู้ข่าวสารและข้อมูลแก่กันอย่างมากมายผ่านระบบโซเชียลมีเดียโดยใช้โครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แล้ว และถึงแม้ผู้รับใบอนุญาตบางรายจะประสบปัญหา แต่ก็ยังจะมีผู้รับใบอนุญาตอีกหลายรายที่ดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น ประชาชนจึงยังมีช่องทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลที่ยังเหลืออยู่
๓.๕ การอ้างว่า “เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ย่าน ๗๐๐ MHz และ ๒๖๐๐ MHz ซึ่งจะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนเทคโนโลยี ๕G” นั้น ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงว่ายังมีบริษัทเอกชนอื่นในโลกอีกมากมายที่จะสนใจเข้าร่วมประมูลในเทคโนโลยี ๕G นอกเหนือจากผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ย่าน ๘๙๐ - ๙๑๕ MHz / ๙๓๕ - ๙๖๐ MHz นอกจากนี้ การอ้างถึงคลื่นความถี่ย่าน ๒๖๐๐ MHz ก็มิได้เกี่ยวข้องกับการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน ๗๐๐ MHz ในช่วง ๖๙๔ - ๗๙๐ MHzตามที่ระบุในข้อ ๑๑ ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒ แต่อย่างใด จึงเป็นการอ้างแบบเหมารวมโดยไม่จำเป็น
๓.๖ การอ้างว่า “ทําให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีความมั่นคง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด” นั้น ไม่ตรงกับเงื่อนไขในมาตรา ๔๔ เพราะมาตรา ๔๔ บัญญัติให้ใช้อำนาจเฉพาะในเรื่อง “ป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความมั่นคงของเศรษฐกิจของประเทศ” จึงเป็นเฉพาะกรณีที่มีเรื่องเร่งด่วนฉุกเฉิน ที่บ่อนทําลายความมั่นคงของเศรษฐกิจ อันจำเป็นต้องดำเนินการแบบฉับพลัน โดยไม่สามารถรอให้มีการเสนอกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบและโปร่งใสตามขั้นตอนปกติ แต่ในเรื่องมาตรการที่ช่วยส่งเสริมความมั่นคงของเศรษฐกิจ หรือเอื้ออำนวยให้เศรษฐกิจมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องมีการพิจารณากันหลายฝ่ายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมิใช่วัตถุประสงค์ของมาตรา ๔๔
นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยี ๕G ในโลกขณะนี้ ก็ยังมีข้อจำกัดสืบเนื่องจากรัฐบาลสหรัฐตั้งแง่ต่อต้านบริษัท หัวเหว่ย ของประเทศจีน มิให้เข้ามาร่วมในการก่อสร้างแกนหลักของระบบ ๕G ในประเทศยุโรป ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ซึ่งจนบัดนี้หลายประเทศยังไม่สามารถหาทางออกได้ ดังนั้น การพัฒนาเทคโนโลยี ๕G ในประเทศไทยจึงมิใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะต้องละเลยกระบวนการถ่วงดุลและการพิจารณาจากหลายฝ่ายในสภานิติบัญญัติแห่งชาติแต่อย่างใด
ข้อ ๔. การละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพต่อผู้ร้อง
ข้าพเจ้าเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๓ วรรคหนึ่ง และเป็นผู้หนึ่งที่จะได้รับประโยชน์จากการที่ผู้รับใบอนุญาตต่างๆ ปฏิบัติตามพันธะข้อผูกพันเดิมที่มีต่อรัฐ
เนื่องจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๖๒ ที่ยกเลิกพันธะข้อผูกพันเดิมที่มีต่อรัฐให้แก่ผู้รับใบอนุญาตโดยไม่จำเป็น นั้น มีผลเป็นการรอนสิทธิประโยชน์ที่ข้าพเจ้าพึงจะได้รับจากการที่ผู้รับใบอนุญาตต่างๆ ปฏิบัติตามพันธะข้อผูกพันที่มีต่อรัฐ รวมทั้งเป็นการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หลายมาตรา ตลอดจนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๔๔จึงเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นต้องขอความเมตตากรุณาจากท่านได้โปรดตรวจสอบว่ามีการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพต่อข้าพเจ้าตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๖ ประกอบมาตรา ๗ (๑๑) อย่างไร หรือไม่
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
(นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง