PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ม็อปสวนยางนครศรีฯ ปะทะตำรวจปจ.ผู้ว่าฯเผ่น



วันนี้ ( 23 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันจังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียง กว่า 500 คน ได้รวมตัวกันที่บริเวณสี่แยกควนหนองหงส์ ถนนสายเอเชีย หมายเลข 41 อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อทวงถามรัฐบาลหลังจากที่ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาราคายางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำไปเมื่อวันที่ 4 ส.ค.56
กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดถนนสายเอเชียด้านขาขึ้น ด้วยการกางเต็นท์บนถนน และนำรถบรรทุกมาปิดขวางทางจราจรพร้อมกล่าวปราศรัย ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปได้ ทางแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 22 ทุ่งสง จึงได้แนะนำให้ใช้เส้นทางสำรองแทน ส่วนด้านขาล่องรถทุกชนิดยังคงผ่านได้ตามปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.ต.ต.รณพงษ์ ทราบแก้ว ผบก.ภ.จวจ.นครศรีธรรมราช พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยปราบจลาจลจำนวน 1 กองร้อย ได้เข้าไปทำการตรึงกำลังในพื้นที่ โดยมีโล่กำบัง และไม้กระบองเป็นอาวุธ พร้อมกับพยายามที่จะทำการเจรจากับแกนนำ แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ยอมที่จะร่วมเจรจาแต่อย่างใด

เมื่อเวลา 15.30 น. ม็อบชาวสวนยางพาราและชาวสวนปาล์มน้ำมันปะทะกับเจ้าหน้าที่ปราบจรจาจลอย่างรุนแรง โดยม็อบได้นำล้อยางมาวางไว้กลางถนนเพื่อจะทำการเผา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรึงกำลังเพื่อจะเข้าทำการรื้อจนเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง โดยม็อบได้ขว้างปาด้วยก้อนอิฐและก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่อย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับบุกขับไล่ สร้างความชุลมุนอย่างอลหม่าน ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้นำเต้นไปวางไว้กลางถนนอีกครั้ง ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าไปรื้อออก ใช้เวลาปะทะกันกว่า 15 นาที มีเจ้าหน้าที่ถูกขว้างได้รับบาดเจ็บ 43 นาย ส่วนชาวบ้านบาดเจ็บอีกหลายสิบคน
ถูกนำส่ง รพ.ชะอวดแล้วจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาไปยังรถกระจายเสียงที่นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรัธรรมราช อยู่บนรถ จนต้องรีบขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้าไปขับไล่ม็อบ และสามารถจับกุมตัวผู้ชุมนุมได้อีก 2 คน ในขณะที่สถานการณ์มีความตึงเครียดอย่างหนัก ส่วนมาตรการต่อไป ทาง พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.นครศรีธรรมราช ระบุว่าจะใช้แก็สน้ำตาเข้ามาสลายการชุมนุมต่อไป ขณะที่ผู้สื่อข่าวก็โดนบ้างได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน.

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ez05vtIWgl4

ทักษิณ โพสFB พบนายกฯมอนเตเนโกรก่อนไปลอนดอน

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ถึงการเดินทางไปมอนเตเนโกร และได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมอนเตเนโกร และอ้างว่าล่าสุดวันนี้ได้มาที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ
---

2 วันก่อนไปแวะทานข้าวเย็นกับนายกฯมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นเพื่อนกันและก็ไปนอนโรงแรมที่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงสมัยนายพลติโตของยูโกสลาเวียเมื่อก่อนนี้ (เดิมมอนเตเนโกรเป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวียก่อนจะแตกมาเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศ)

ก็ได้คุยกันถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเขา และก็ได้แนะนำไปว่าประเทศเขามีธรรมชาติที่สวยงามโดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนก็มีชายฝั่งทะเลที่มีวิวภูเขาสวยมาก มีเรือยอร์ชมาเทียบมากมายจนไม่มีที่จอด หน้าหนาวก็มีภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสวย พอหิมะละลายก็มีน้ำไหลตามแม่น้ำสะอาดและมีน้ำมาก มีน้ำบ่อธรรมชาติที่สามารถผลิตน้ำดื่มขายแข่งกับพวก Evian ได้สบายมากหากมีการตลาดและควบคุมคุณภาพดีๆ นักธุรกิจไทยที่ทำเรื่องนี้อย่างสิงห์น้ำน่าไปทำ

ช่วงนี้มีนักลงทุนจากตะวันออกกลางไปลงทุนทำโรงแรม อพาร์ทเม้นต์และบ้านขายหลายชุดตามชายฝั่งซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอิตาลีและอยู่ตอนใต้ของโครเอเชีย ผมก็เลยแนะนำว่า น่าจะทำยกเว้นวีซ่าให้กับหลายๆประเทศ จะได้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น เพราะตอนนี้นักท่องเที่ยวจากยุโรปเข้ามามากขึ้น เมื่อก่อนมีเฉพาะรัสเซียกับเซอร์เบียเพราะเขาพูดภาษาคล้ายกัน 

ผมก็เลยแนะนำให้เขาบุกทางท่องเที่ยวและให้เขาเป็น gateway ของสินค้าเข้าสู่ยุโรปตะวันออกได้ เพราะเขามีท่าเรือน้ำลึกที่ใช้เป็นท่าเรือหลักของยูโกสลาเวียสมัยก่อน และก็มีรถไฟวิ่งไปยังเมือง Belgrade เมืองหลวงของเซอร์เบียด้วย สามารถขยายต่อได้มากถ้าประเทศใหญ่สนใจจะใช้บริการเช่น จีน เป็นต้น สินค้าไทยที่มีขนาดหนัก (Bulky) เช่น ข้าวสาร รถยนต์ ที่จะส่งไปขายแถบยุโรปตะวันออกก็มาขึ้นท่าที่นี่ได้

ท่านคงจำได้ตอนสมัยที่ผมถูกไล่ล่า ที่นี่เป็นประเทศแรกที่เสนอให้ passport ผม passport ประเทศนี้สามารถเข้ายุโรปได้ทุกประเทศยกเว้นอังกฤษที่ต้องมีวีซ่า รวมทั้งเข้าประเทศในสหภาพโซเวียตเดิมได้ด้วยและอเมริกากำลังพิจารณายกเว้นให้ แต่ผมตอนนี้ก็ใช้ passport ไทยเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะภูมิใจในความเป็นไทยเต็มหัวใจครับ

สำหรับคนไทย ผมแนะนำว่าน่ามาเที่ยว สวยดีและไม่แพงมาก ที่นี่สะอาดและปลอดภัย ข้อเสียคือต้องขอ Visa ( ยกเว้นมี Schengen Visa) และสายการบินที่บินเข้ามาก็จะมีจาก Vienna, Austria จาก Geneva, Switzerland จาก Istanbul, Turkey จาก Rome, Italy คงยังมี Flight บินไม่มากพอครับ

ตอนนี้ผมอยู่London แล้วครับ พอดีเป็นหวัดมาจาก Dubai เพราะอากาศข้างนอกร้อนถึง 42 องศา เข้ามาในห้องแอร์ อากาศ 22 องศา เข้า-ออก เข้า-ออก เลยแย่เอาเหมือนกัน คราวหน้าจะเล่าเรื่องอังกฤษครับ


ป๋าเปรม ไม่บอกว่าจะไปร่วมสภาปฏิรูปหรือไม่

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 ส.ค.2556 ที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์กรณีที่จะครบรอบวันคล้ายวันเกิด 94 ปี ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ว่า "อยากได้ความรัก ความสามัคคีของคนในชาติของเรา อยากให้คนไทยกลับมารักกันเหมือนเดิม และดีๆ" ส่วนเรื่องการปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลนั้น พล.อ.เปรม กล่าวว่า "ไม่ได้สนใจว่าเขาจะทำอะไรกันบ้าง ถ้าจะเชิญไปร่วม สื่อรู้ได้อย่างไรว่า จะเชิญผมไปร่วม และขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกัน ผมยังเริ่มอะไรไม่ได้ สื่ออย่าเพิ่งมาถามว่า หากเชิญแล้วจะไปร่วมหรือไม่ ขอให้ถึงเวลาก่อน"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ ที่จะเป็นวันคล้ายวันเกิดพล.อ.เปรม ครบ 94 ปีนั้น พล.อ.เปรมไม่ได้เปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจและประชาชนเข้าร่วมอวยพรเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองยังมีความขัดแย้งกันอยู่ โดยในช่วงวันเกิดพล.อ.เปรมจะไม่เดินทางไปไหน แต่จะมีการเปิดบ้านในวันที่ 25 ส.ค. เพื่อให้พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และผบ.เหล่าทัพเข้าอวยพรวันเกิดในเวลา 09.00 น.เป็นการภายใน โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวแต่อย่างใด

"บุญติด"อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคชาติไทยพัฒนาเสียชีวิตแล้ว


วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2556 เวลา 19:14 น.
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 ส.ค.  ที่ศาลาวัดหนองบัว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์  นายเสนอ สุภิมานิล เป็นประธานรดน้ำศพน้องชาย คือ นายบุญติด สุรประพจน์ อดีต ส.ส.สุรินทร์ชื่อดัง  ปี 2526-2529 พรรคชาติไทยพัฒนา โปรโมเตอร์จัดชกมวยชิงแชมป์โลกและนักจัดรายการวิทยุชื่อดังเมืองช้าง ที่เสียชีวิตด้วยอายุ 72 ปี จากอาการป่วยเป็นเบาหวาน ตับอักเสบ ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ เมื่อคืนที่ผ่านมา     
โดยบรรยากาศการรดน้ำศพเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีนางสุภาวุดี สุรประพจน์  อายุ 69 ปี ภรรยา บุตรหลาน ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้าประชาชน เดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพเป็นจำนวนมาก  นายบุญติด เกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2484 เป็นบุตรของ นายเส้งฮาว-นางเปาะ สุรประพจน์  สมรสกับนางสุภาวุดี สุรประพจน์   มีบุตร 4 คน 1.นางหยาดรุ้ง บุญโสภา สมรสกับ พ.อ.พรชัย บุญโสภา สัสดีจังหวัดบุรีรัมย์ 2.นางสุธิศา ไหวดี สมรสกับ นายศิริพงษ์ ไหวดี ทนายความ 3.นางจันทร์พร กสิบุตรทวีรัตน์ สมรสกับ พ.อ.เทศศนฤทธิ์ กสิบุตร รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย และนายนันทพันธ์ สุรประพจน์ สมรสกับนางสาวบุศริน ไหวดี หัวหน้ากองสาธารณสุขเทศบาลตำบลเมืองที จ.สุรินทร์
ด้านนายนันทพันธ์ บุตรชาย เปิดเผยว่า พ่อเข้าออกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไม่กี่สัปดาห์ แต่มาเมื่อ 2 วันที่แล้วมีอาการไม่ดีจึงส่งโรงพยาบาลสุรินทร์ จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของคืนที่ผ่านมา พ่อมีอาการหอบอย่างรุนแรงจนกระทั่งมาเสียชีวิตลงอย่างสงบ   กำหนดตั้งสวดพระอภิธรรมศพ 7 วัน 7 คืน และกำหนดพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 ส.ค. เวลา 16.00 น. ณ เมรุวัดหนองบัว.   

DSI นัดฟังคดี อภิสิทธิ์-สุเทพ สั่งฆ่าประชาชน 26 ส.ค.56 นี้

 
 DSI นำอภิสิทธิ์สุเทพส่งอัยการฟ้องสั่งฆ่าปชช.เจ้าตัวปฏิเสธ (ไอเอ็นเอ็น)

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

          ดีเอสไอ ส่งสำนวนคนตาย-เจ็บ จากการชุมนุม ปี 53 กว่าหมื่นหน้า ยื่นอัยการลงความเห็นสั่งฟ้อง อภิสิทธิ์-สุเทพ พร้อมนัดฟังคดีอีกครั้ง 26 สิงหาคมนี้

          วันนี้ (26 มิถุนายน 2556) พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้นำสำนวนการสอบสวน คดีการเสียชีวิตของ นายพัน คำกอง ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ และการบาดเจ็บสาหัสของ นายสมร ไหมทอง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการณ์แห่งชาติ หรือ นปช. ที่มาร่วมชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2553  ซึ่งการเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหาร ภายใต้คำสั่งของ ศอฉ. โดยวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้นำสำนวนจำนวน 9 ลัง 61 แฟ้ม กว่าหมื่นหน้า มายื่นให้กับ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษแล้ว เพื่อให้มีความเห็นทางคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้  ในฐานะเป็นผู้กำหนดนโยบายและตัดสินใจในการออกคำสั่ง  โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้นัดทั้ง 2 มาส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ

          ขณะที่ บรรยากาศบริเวณด้านหน้าสำนักงานอัยกาสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก มีกำลังตำรวจจาก สน.พหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบ มาดูแลความเรียบร้อยทั่วอาคารของสำนักงานอัยการสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ให้กำลังใจ มารอมอบดอกไม้ให้กับ นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ด้วย

          ด้านนายอภิสิทธิ์ เปิดเผยหลังจากเข้าพบดีเอสไอว่า คดีนี้ตนขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเตรียมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากตนเห็นว่าข้อเท็จจริงนั้นมีปัญหาอยู่เช่น ความขัดแย้งกันเองในสำนวนคดี หรือดีเอสไอไม่มีอำนาจการสอบสวนเรื่องนี้ เพราะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ อำนาจต้องเป็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มากกว่า นอกจากนี้ ตนจะยื่นฟ้องนายธาริตและพนักงานสอบสวนอีก 4 คน ในข้อความปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอีกด้วย

          ขณะที่นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ตนนัดนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ มารับฟังคดีอีกครั้งในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ โดยมีระยะเวลาการพิจารณาสำนวนอย่างละเอียดประมาณ 2 เดือน อย่างไรก็ตามหากพิจารณาสำนวนคดีไม่เสร็จก็จะเลื่อนการสั่งคดีออกไปก่อน นอกจากนี้ ตนยังได้ตั้งคณะทำงานอัยการจากคดีพิเศษขึ้นมาอีก 1 ชุด มีทั้งหมด 5 คน คอยพิจารณาคดีอย่างเที่ยงธรรม แม้ว่าจะหนักใจอยู่บ้าง แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด และขอยืนยันว่า การทำงานของตนไม่มีฝ่ายการเมืองมากดดันแต่อย่างใด

"แถลงการณ์ฉบับสุดท้าย"ยุติบทบาทแกนนำ2รุ่นให้ร่วมม็อบอื่นได้

แถลงการณ์ฉบับที่ 5/2556
พันธมิตรประชาขนเพื่อประชาธิปไตย
เรื่อง
"แถลงการณ์ฉบับสุดท้าย"

ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2556 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยังไม่นำมวลชนเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ สืบเนื่องจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ปราศรัย พิธีกร ศิลปิน และประชาชน ได้ถูกกลั่นแกล้งโดยยัดเยียดข้อหาร้ายแรงอันเป็นเท็จ และเพิ่มผู้ต้องหาจำนวนถึง 96 คน อย่างอยุติธรรมในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องการสร้างพันธนาการให้กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อรักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่ศาลอาญาก็ได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ อ. 973/2556 ให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ว่า

"ห้ามมิให้จำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล"

และศาลอาญาได้แถลงย้ำคำสั่งดังกล่าวอีกเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ย่อมแสดงให้เห็นว่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ปราศรัย พิธีกร ศิลปิน และประชาชนอีกจำนวนมากได้ถูกลิดรอนสิทธิจากคำสั่งดังกล่าวอย่างชัดเจน

หากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมโดยทำตามเงื่อนไขภายใต้คำสั่งศาลอย่างครบถ้วนก็จะเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดยุทธวิธีในการชุมนุมให้ได้รับชัยชนะได้ ในทางตรงกันข้ามหากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะฝ่าฝืนคำสั่งศาลในช่วงเวลานี้เพื่อให้ได้รับชัยชนะทางยุทธวิธีในการชุมนุม ก็จำเป็นที่การเสียสละนั้นจะต้องได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างแท้จริงเท่านั้น และการเสียสละของแกนนำก็ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นมาตรการส่งเสริมการขายภาพลักษณ์หรือสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่จะพ่ายแพ้ด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้กับฝ่ายรัฐบาลในทุกกรณี



เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นว่าหากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำการชุมนุมคัดค้านปัญหาของประเทศรายประเด็นให้ได้ผลสำเร็จ ก็อาจคัดค้านได้อีกเพียงเรื่องเดียว ภายหลังจากนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งให้ถอนการประกันตัว ก็จะมีปัญหาชาติในเรื่องอื่นๆที่สำคัญตามมาอีกไม่สิ้นสุด ดังนั้นการเสียสละของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยการชุมนุมในปัญหารายประเด็นจึงย่อมไม่คุ้มค่ากับผลประโยชน์ของประเทศชาติที่จะได้รับในขณะนี้

ในทำนองเดียวกันหากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดยเคลื่อนไหวให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระหว่างการชุมนุมก็อาจถูกถอนประกันตัวจนไม่สามารถนำชุมนุมให้ได้รับชัยชนะได้ แม้ต่อให้การชุมนุมขับไล่รัฐบาลไปได้สำเร็จ ก็อาจจบลงด้วยการยุบสภาที่พรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก หรือแม้หากมีการสลับขั้วทางการเมือง หรือ การรัฐประหาร โดยปราศจากเป้าหมายในการปฏิรูปประเทศไทย หลังจากนั้นปัญหาวิกฤติของชาติก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่น การแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง และหากมีการเลือกตั้งใหม่พรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณก็จะได้รับชัยชนะกลับมาเป็นรัฐบาลยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลโดยปราศจากความมุ่งมั่นของผู้ที่หวังจะเข้าสู่อำนาจในอนาคตที่จะปฏิรูปประเทศไทย ปราศจากการเสียสละอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนแล้ว ย่อมไม่คุ้มค่าต่อประเทศชาติที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะนำการชุมนุ

ดังนั้นท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความสลับซับซ้อนพัฒนาไปมากขึ้น ที่ไม่สามารถยุติปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการคัดค้านปัญหารายประเด็น และการแก้ไขปัญหาระบอบทักษิณก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น ปัญหาของประเทศชาติจึงถูกยกระดับไปเป็นระบอบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งที่ทำให้การเมืองล้มเหลว ดังนั้นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงเห็นว่าหากมีความจำเป็นก็พร้อมจะเสียสละนำการชุมนุมแต่การชุมนุมนั้นจะต้องได้รับผลคุ้มค่าต่อประเทศชาติเท่านั้น จึงกำหนดความคุ้มค่าของการชุมนุมที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอยู่ที่ "การชุมนุมเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองที่ล้มเหลวในปัจจุบัน และปฏิรูปประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้น"

อย่างไรก็ตามนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลในระบอบทักษิณก็มุ่งเน้นที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้กับตัวเองและพวกพ้อง แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองส่วนใหญ่ฝ่ายรัฐบาล โดยมีเป้าหมายในการที่จะครอบงำในการคัดสรรผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมิให้สามารถตรวจสอบตัวเองได้เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในระหว่างช่วงปี พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2548 อันเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติมาจนถึงวันนี้ เราขอประณามนักการเมืองพรรคเพื่อไทยที่กระทำตัวเป็นทาสในระบอบทักษิณไม่มีสำนึกประโยชน์ของชาติ และสร้างวิกฤติให้แก่ประเทศชาติไม่มีวันจบสิ้น

ดังนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในนามตัวแทนแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงได้แสวงหาแนวร่วมเพื่อแก้ไขวิกฤติชาติให้ได้อย่างคุ้มค่าต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยได้เสนอทางออกให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์เสียสละลาออกมาเพื่อหยุดความชอบธรรมในจำนวนคณิตศาสตร์ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบอบเผด็จการรัฐสภา และสร้างกระแสเดิมพันหมดหน้าตักนำมวลมหาประชาชนทั่วประเทศเคลื่อนไหวเพื่อหยุดระบบการเมืองที่ล้มเหลว เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง และการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 65 ล้านคน โดยไม่เข้าร่วมกับการเมืองในระบบนี้อีกไม่ว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ก็ตามจนกว่าจะได้รับผลสำเร็จตามเป้าหมายการปฏิรูปประเทศไทย หากเป็นเช่นนั้นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่ิอประชาธิปไตยก็พร้อมเสียสละและจะร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าความเสี่ยงเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของประเทศชาติที่จะได้รับ เพราะหากการชุมนุมของมวลมหาประชาชนเกิดขึ้นเมื่อใดโอกาสที่จะมีการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้สำเร็จก็ย่อมมีสูง ซึ่งผลที่ได้คือมีโอกาสหยุดปัญหารายประเด็นในปัจจุบันได้ และมีโอกาสหยุดการเมืองระบอบทักษิณในภาวะวิกฤติเช่นนี้ได้ด้วย

ทั้งนี้ในยามที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ยังไม่ตื่นรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ยังหลงอยู่ในวังวนของสงครามขั้วอำนาจของพรรคการเมืองต่างๆ ลำพังการนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยย่อมไม่มีพลังพอที่จะนำการชุมนุมเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยได้ในเวลานี้ คงเหลือแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่มีศักยภาพพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น มวลชนที่มีฐานคะแนนถึง 12 ล้านเสียง นักปราศรัย นักกฎหมาย ฐานะการเงิน สถานีโทรทัศน์ ฯลฯ อีกทั้งผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์มิได้มีพันธนาการด้วยคำสั่งศาลเหมือนกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์จึงย่อมอยู่ในฐานะที่จะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้หากยอมเสียสละเพื่อเอาชาติเป็นตัวตั้ง

แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธไม่เสียสละลาออกจากระบบการเมืองล้มเหลวเพื่อออกมาร่วมสู้กับประชาชน ก็แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงหวังเพียงแค่ทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายรัฐบาล หรือ หวังสลับขั้วทางการเมืองในวันข้างหน้า หรือ หวังโค่นล้มรัฐบาลโดยสนับสนุนมวลชนกลุ่มอื่นให้เสียสละแทนตัวเอง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือพรรคการเมืองทุกพรรคในสภาผู้แทนราษฎรกำลังสมรู้ร่วมคิดรู้เห็นเป็นใจกันเพื่อรักษาระบอบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งแบบนี้เอาไว้เพียงเพื่อรออำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองในปัจจุบันหรือในวันข้างหน้าเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เชื่อได้ว่ามีการปฏิรูปประเทศไทยภายใต้ทิศทางการนำของพรรคประชาธิปัตย์ เราได้วิเคราะห์เห็นแล้วว่าแนวทางดังกล่าวที่พรรคการเมืองทุกพรรคกำลังเดินหน้าอยู่นั้นจะนำไปสู่ความชอบธรรมของระบอบทักษิณที่จะได้รับชัยชนะในระบบรัฐสภามากขึ้น และจะกระชับอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจนยากที่จะเยียวยาได้

การที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเสียสละในการนำชุมนุมย่อมไม่คุ้มค่าต่อประเทศหากมุ่งแต่เพียงคัดค้านปัญหารายประเด็น หรือโค่นล้มระบอบทักษิณโดยปราศจากการปฏิรูปประเทศ ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เสียสละที่จะนำการชุมนุมเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศอันเป็นประเด็นซึ่งคุ้มค่าที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะร่วมมือด้วย ดังนั้นจึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีฐานะการนำมวลชนได้จริงในสถานการณ์และเงื่อนไขในปัจจุบันนี้

อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้มีกลุ่มประชาชนจำนวนหนึ่งที่มีความห่วงใยบ้านเมืองซึ่งสนใจแต่เฉพาะการชุมนุมคัดค้านปัญหาบ้านเมืองรายประเด็น หรือบางกลุ่มอาจสนใจที่จะเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณแต่เพียงอย่างเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนอยู่ ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวทางของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามที่กล่าวมาข้างต้น ในขณะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มิอาจสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนอื่นใดโดยปราศจากความรับผิดชอบในความคาดหวังต่อทั้งชัยชนะต่อประเทศชาติและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้เข้าร่วมชุมนุมได้ ดังนั้นการดำรงอยู่ของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็อาจเป็นอุปสรรคในการเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มอื่นที่อาจไม่เห็นด้วยกับแนวทางของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้

ดังนั้นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งรุ่น 1 และ รุ่น 2 จึงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ยุติบทบาทจากฐานะแกนนำ เพื่อเปิดโอกาสให้ แกนนำ นักปราศรัย ศิลปิน พิธีกร ประชาชน ฯลฯ ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกับกลุ่มใดก็ได้อย่างอิสระเสรี และเปิดโอกาสให้เกิดขบวนการใหม่ในสังคมไทย โดยไม่ต้องรอแถลงการณ์หรือมติใดๆจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีก

การยุติบทบาทครั้งนี้ถือเป็นยุทธวิธีเดียวเท่านั้น ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจในปัจจุบัน หรือผู้ที่มีโอกาสจะมีอำนาจในอนาคต รวมถึง ทหารภายใต้จอมทัพไทยและศาลที่กระทำการภายใต้พระปรมาภิไธย ตลอดจนผู้ที่มีบทบาทในบ้านเมือง รวมถึงประชาชนทั่วไป ได้ตัดสินใจที่จะทำหน้าที่ของตนเองและเลือกเดินทางของตัวเอง มากกว่าที่จะคาดหวังหรือรอมติการนำมวลชนโดยแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้เป็นตัวแปรหรือเป็นเครื่องมือที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายที่แท้จริงของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเป็นอดีตรัฐบาลที่สร้างเงื่อนไขให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนเป็นเหตุอันสำคัญยิ่งที่ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่สามารถนำมวลชนได้เหมือนเช่นเดิม และในฐานะพรรคการเมืองฝ่ายค้านในปัจจุบันไม่เสียสละลาออกมานำการต่อสู้แบบหมดหน้าตักร่วมกับประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองทั้งๆที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศไปแล้วว่าพร้อมที่จะเสียสละเข้าร่วมการในการปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้ ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงยังคงเป็นปัญหาส่วนหนึ่งของประเทศและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศไทยด้วย พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องรับผิดชอบในผลที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อบ้านเมืองต่อไปด้วยเช่นกัน

เราขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าแม้แกนนำจะได้ยุติบทบาทไปแล้ว แต่ทุกคนก็ยังคงเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่เหมือนเดิม และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังคงอยู่เช่นเดิม อุดมการณ์ความเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังอยู่ในสายเลือดและจิตใจของทุกคนเหมือนเดิม และเรายังคงมีภาระหน้าที่ในการต่อสู้คดีความ เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ที่สูญเสีย บาดเจ็บ และเสียชีวิต ตลอดจนแสวงหาความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกดำเนินคดีในระหว่างการชุมนุมต่อไป โดยในระหว่างนี้เราได้ขอให้สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี เว็บไซต์แมเนเจอร์ สื่อสิ่งพิมพ์ และวิทยุในเครือ เอเอสทีวี-ผู้จัดการ ยังคงเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมเพื่อนำไปสู่การให้ปัญญากับประชาชนและการปฏิรูปประเทศ โดยแกนนำที่ยุติบทบาทไปก็จะยังคงทำหน้าที่ให้ปัญญากับประชาชนตามหน้าที่และบทบาทของแต่ละคนเพื่อเป้าหมายในการนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริงเท่านั้น

จนกว่าสถานการณ์จะถึงพร้อมที่ประชาชนทุกกลุ่มได้ตื่นรู้และตั้งสติได้ว่าต้องการการเปลี่ยนแปลงเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่ หรือเมื่อสถานการณ์ที่ผู้มีอำนาจหรือผู้ที่มีโอกาสจะเข้าสู่อำนาจในกาลข้างหน้า เสียสละอำนาจและผลประโยชน์ในปัจจุบันหรือในอนาคตเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์ของคนไทย 65 ล้านคน เมื่อถึงเวลาดังกล่าวแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่แม้จะยุติบทบาทไปแล้ว ก็พร้อมจะกลับมารวมตัวกันใหม่เพื่อทบทวนบทบาทของตัวเองในการเคลื่อนไหวมวลชนอีกครั้งหากในเวลานั้นพี่น้องประชาชนยังคงต้องการพวกเรา

แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 พร้อมผู้ประสานงาน และมีการแต่งตั้งแกนนำรุ่นที่ 2 ต่อมาวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551 อีกทั้งยังมีมีการแต่งตั้งแกนนำรุ่นที่ 2 เพิ่มเติมในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 และวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เราขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ไว้วางใจพวกเราตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปีที่ผ่านมา และขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ได้เข้าร่วมชุมนุมแบบต่อเนื่องปักหลักพักค้าง 3 ช่วงเวลา เป็นจำนวนเวลาถึง 384 วัน 384 คืน จนได้รับผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของการชุมนุมทุกครั้ง จึงนับเป็นการชุมนุมโดยสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธของภาคประชาชนครั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่สุดในโลก

เราขอยืนยันว่าจะยังคงแน่วแน่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของวีรชนและพี่น้องประชาชนที่เสียสละไม่เคยเปลี่ยน และขอให้มั่นใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นยุทธวิธีที่จะได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนในวันข้างหน้าอย่างแน่นอ

ด้วยจิตคารวะ

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ณ ห้องส่งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี

ศักยภาพ ปจ.นครบาล

รัฐบาลนี้พยายามเร่งเพิ่มขีดความสามารถ ศักยภาพ จำนวน รวมไปถึงเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่อต้านจลาจล อุปกรณ์และวัสดุควบคุมฝูงชน อย่างต่อเนื่องและอย่างเป็นระบบ 

หน่วยงานตำรวจที่ทำหน้าที่นี้ กำลังจะมีการขยับฐานะขึ้นเป็นเอกเทศ เพื่อใช้งานเฉพาะด้านได้อย่างเต็มรูปแบบตามมาตรฐานการควบคุมฝูงชนแบบนานาอารยะประเทศ 













พลังจากชาวบ้านร่วมใจกันสร้าง สะพานลูกบวบ แทนสะพานมอญที่ถูกกระแสน้ำพัดขาดที่สังขละบุรี

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา “สะพานมอญ” หรือ “สะพานอุตตมานุสรณ์” สัญลักษณ์ของ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ถูกน้ำป่าและน้ำฝนพัดพาเอาตอไม้ สวะ และแพ มาปะทะกับตอม่อ จนทำให้ช่วงกลางของสะพานพังลงมาเป็นระยะทางกว่า 50 เมตร
สะพานมอญ,สะพานไม้บวบ,ภาพจากเฟสบุ๊ก Wa Sukkharin
ล่าสุดชาวบ้านเชื้อสายมอญและทหารจากกองกำลังสุรสีห์ ได้ร่วมมือกันสร้างสะพานมอญแบบชั่วคราวจากไม้บวบยาวกว่า 300 เมตร กว้าง 6 เมตร ด้วยระยะเวลาในการสร้างเพียง 6 วัน จากที่มีกำหนดเวลา 2 สัปดาห์
ทั้งนี้มีเฟสบุ๊ก Wa Sukkharin ได้โพสต์ภาพสะพานมอญชั่วคราว จากไม้บวบนี้ด้วย ตั้งแต่การเริ่มก่อสร้าง จนกระทั่งสะพานเสร็จเป็นรูปร่างใช้สัญจรได้
อย่างไรก็ตาม นายชาธิป รุจนเสรี นายอำเภอสังขละบุรี ได้กล่าวถึงการซ่อมแซมสะพานมอญว่าต้องรอให้หมดฤดูฝนก่อน  อาจจะอยู่ในช่วงเดือน พ.ย. – ธ.ค. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างปลอดภัย และง่ายต่อการซ่อมแซม
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ก Wa Sukkharin
สะพานมอญ,สะพานไม้บวบ,ภาพจากเฟสบุ๊ก Wa Sukkharin
สะพานมอญ,สะพานไม้บวบ,ภาพจากเฟสบุ๊ก Wa Sukkharin
สะพานมอญ,สะพานไม้บวบ,ภาพจากเฟสบุ๊ก Wa Sukkharin
สะพานมอญ,สะพานไม้บวบ,ภาพจากเฟสบุ๊ก Wa Sukkharin
สะพานมอญ,สะพานไม้บวบ,ภาพจากเฟสบุ๊ก Wa Sukkharin
สะพานมอญ,สะพานไม้บวบ,ภาพจากเฟสบุ๊ก Wa Sukkharin