PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

รัฐบาลกองทัพงูเห่า?





TopStory22/5/62

รัฐบาลกองทัพงูเห่า?

ดึงเช็งจน"ลุง"เซ็ง?





TOPSTORY 21/5/62

ดึงเช็งจน"ลุง"เซ็ง?

ชวนกรีดยับพีระพันธุ์ ประชาธิปัตย์แตก 2 ก๊กเผชิญหน้า

ซัดกันนัวประชุม ส.ส. "ตู่" จวกไม่ใช่ของขาย พวกแย่ง "เก้าอี้ รมต." ธนาธรขอเชียงใหม่ ไล่เผด็จการครึ่งใบ!

“บิ๊กตู่” มีอึ้ง สื่อฮ่องกงปั่นกระแส “เจ้าสัว ซีพี” นั่งนายกฯไทย รอ พปชร.ถกพรรคร่วมส่งโผ ครม.มาให้เคาะ ปรามเก้าอี้ รมต.ไม่ใช่ของซื้อขาย “บิ๊กป้อม” ปรี๊ดข่าวจับเข่าคุย ปชป.-ภท.ตั้ง รบ. “กอบศักดิ์” บอกอดใจรอนิดกำลังต่อรองกันอยู่ นั่งนับวันรอก่อนเปิดประชุมสภาฯ กลุ่ม 27 ส.ส.สาย “ถาวร-กรณ์-อภิรักษ์” เบี้ยวนัดกดดันร่วมรัฐบาล “ลุงตู่” ทิ้งสื่อรอเก้อ “อภิสิทธิ์” ปัดข่าวโคมลอยไขก๊อก ส.ส. “บัญญัติ” ยันชัดไม่นั่งประธานสภาฯ ศึกใน ปชป.ถึงคราวระเบิด “ชวน” กรีดยับ “พีระพันธุ์” “พิชัย” แซะ “บิ๊กตู่” รีเทิร์นเศรษฐกิจทรุดยาว “โอ๊ค” กดดันสองพรรคตัวแปร อนาคตอยู่ในมือ ปชป.-ภท.แล้ว “ศรีสุวรรณ” ยื่น กกต.สอบ “ธนาธร” ให้ อนค.ยืม 110 ล้านบาท พ่วงสอบประวัติ 2 ส.ว.ต้องคดีทุจริต อนค.มั่นใจแจงปมยืมเงินได้

การเจรจาต่อรองจัดตั้งรัฐบาลยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้น ล่าสุดนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ นับวันรอก่อนเปิดประชุมรัฐสภา พร้อมเจรจาต่อรองกับสองพรรคตัวแปรสำคัญ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย เพื่อให้เกิดความลงตัวที่สุดในการร่วมรัฐบาล

บิ๊กตู่” ตีมึนใครจะเป็นนายกฯล่ะ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการฟอร์มทีมรัฐบาลด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ใครเป็นนายกฯล่ะ เขากำลังทำกันอยู่” จากนั้นคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์เข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรม ROADSHOW “ผลไม้ไทยอร่อยที่สุดในโลก” Thailand Fruit Festival 2019 : The World’s Most Delicious Fruits Fair ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ค. ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทย และเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก นายกฯเดินชมทุเรียน มังคุด เงาะ และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่นำมาแสดง และลองชิมน้ำสกัดจากหญ้าหวาน พร้อมกล่าวว่า วันๆมีแต่ข่าวทะเลาะกัน เมืองไทยมีเรื่องดีๆเยอะแยะ ขอให้ช่วยเสนอสิ่งดีๆ

อึ้งสื่อฮ่องกงปั่นกระแส “เจ้าสัวซีพี”

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม. ถึงกรณีสื่อฮ่องกงรายงานว่า นายกฯไทยคนต่อไปคือนายธนินท์ เจียรวนนท์ อดีตผู้บริหารเครือซีพี ว่า “เป็นไปได้ยังไง ผมไม่รู้เหมือนกัน” ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล การพิจารณาตำแหน่งรัฐมนตรียังไม่คิด วันนี้ทุกพรรคเขาหารือกันเอง อย่าเอาตนเข้าไปเกี่ยวข้อง ยังไม่ก้าวล่วงตรงนี้ เป็นเรื่องของคนที่คาดว่าจะมาเป็นรัฐบาลคุยกัน ทุกอย่างอยู่ที่การพูดคุยให้เข้าใจ ให้รู้เรื่องบ้านเมืองต้องการอะไร ถ้าล่าช้าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น การค้าการลงทุน ถ้าหยุดชะงักจะทำอย่างไร สงครามการค้าเกิดขึ้นขณะนี้ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ต่างชาติ และต้องดูแลคนภายในของเราคือลดความขัดแย้ง ถ้าทุกคนยังคิดเป็นซ้ายคิดเป็นขวา ไม่หาทางตรงกลางก็ไปไม่ได้


รอ พปชร.ส่งโผ ครม.มาให้เคาะ

เมื่อถามว่า ทางพรรคพลังประชารัฐได้หารือถึงตำแหน่งรัฐมนตรีที่จะจัดวางหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่ได้คุยกัน ให้เขาคุยกันมา ถ้าคุยกันได้เรื่องอย่างไรกับคนที่ถูกวางตัวเป็นรัฐมนตรีใหม่จากนั้นนำมาให้นายกฯตัดสินใจ ตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้เพราะยังไม่ได้เป็นนายกฯใหม่ เขาคงคุยกันอยู่และวันนี้บางพรรคเพิ่งประชุม ยังไม่ได้ข้อยุติ ส่วนการจับขั้วพรรคการเมืองตั้งรัฐบาล 10 กว่าพรรคนั้น มองให้มันดีมันก็ดี ถ้าไม่ร่วมมือกันจะกี่พรรคก็ไปไม่ได้ เน้นเอาของตัวเองหมดไม่ได้ ต้องเอานโยบายแต่ละพรรคมาร่วมเป็นนโยบายรัฐบาลแล้วจัดทำแผน สิ่งที่เขาหาเสียงกันมายอมรับว่าเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าอยากทำให้ประชาชนเห็นชอบทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ เพราะจะสร้างปัญหาใหม่หลายอย่าง ต้องเดินเป็นขั้นเป็นตอนทุกเรื่อง

เก้าอี้ รมต.ไม่ใช่ของซื้อขาย

นายกฯกล่าวว่า อย่างที่บอก ครม.ใหม่ รัฐบาลใหม่ ไม่ใช่จะทำงานง่าย เพราะมีกฎหมายออกมาหลายตัว ที่ผ่านมาแม้มีอำนาจเยอะก็ยังไม่ดันทุรัง บางเรื่องทำไม่ได้ ไม่ใช่มุ่งเอาชนะคะคานกัน เรื่องตำแหน่งเหล่านี้ไม่ใช่ขายของ ทุกคนมองเป็นเรื่องการขายของ พอพูดไปมากๆเข้าเขาจะเชื่อมั่นรัฐบาลเราหรือ กลายเป็นต่อรองอะไรกันเยอะแยะไปหมด คิดว่าเขาคุยกันรู้เรื่องแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกันก่อน ใครจะไปจัดแจงได้ทั้งหมด ส่วนข่าวที่ว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม มีส่วนร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น ไม่จริง เมื่อถามว่าเคยระบุว่ากระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม ต้องเป็นของพรรคหลักตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ทุกพรรคก็หวังทั้งนั้น เมื่อถามว่าเดือน มิ.ย.จะได้เห็นรัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “อยู่ที่พวกเราจ้ะ”

ให้รู้จักกาลเทศะอย่าด่วนต้าน

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงผลงาน 5 ปี คสช.ที่จะครบรอบในวันที่ 22 พ.ค. ว่า ในฐานะหัวหน้า คสช. พอใจผลงาน ทุกเรื่องทำมาดีแก้ปัญหาที่หมักหมมมายาวนาน เช่น ความสงบเรียบร้อย ปัญหาชาวนา การจำนำข้าว ทุจริตคอร์รัปชัน คนจนถูกเอาเปรียบ การคืนโฉนดให้ชาวบ้าน แก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย จัดระเบียบสังคม วินรถตู้และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ปัญหาปากท้อง การวางโครงสร้างเศรษฐกิจ การเชื่อมโยงคมนาคม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลายอย่างเกิดในรัฐบาลนี้ และต้องทำต่อในรัฐบาลหน้า ต้องมีนายกฯ และ ครม.ที่มีประสิทธิภาพ ทุกคนต้องปรับตัว เชื่อนักการเมืองทุกพรรคต้องทำแบบนี้ เพราะประชาชนเลือกตั้งมาแล้ว ต้องทำถูกต้องตามขั้นตอน ไม่ใช่แก้ปัญหาหนึ่งแล้วเจออีกปัญหาหนึ่ง แล้วกลับมาถมทับปัญหาเดิม ขอร้องอย่าเพิ่งออกมาต่อต้าน วันก่อนได้ไปฟังเทศน์มา พระท่านพูดถึงเรื่องกาลเทศะ การวางตัว การพูดจา ทุกอย่างต้องถูกกาลเทศะ ไม่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สบายใจ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ให้เหมาะกับสถานการณ์บ้านเมือง ทั้งการพัฒนาและปฏิรูปประเทศ


“บิ๊กป้อม” ปัดจับเข่าคุยตั้ง รบ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเดินทางถึงทำเนียบ นายทหารคนสนิทได้แจ้งว่ามีสื่อมวลชนมารอสัมภาษณ์เรื่องการพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวกับนายทหารคนสนิทด้วยสีหน้าหงุดหงิดเสียงเข้มว่า “ไม่ตอบ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตรตอบสั้นๆว่า “ไม่รู้เรื่อง” เมื่อถามย้ำว่ามีข่าวแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ไปคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้ๆ ไม่ได้ไป ให้ไปถามผู้ให้ข่าว มาถามอะไรตน ไม่รู้เขาปล่อยข่าวเพื่อหวังอะไร เมื่อถามว่าเป็นห่วงท่าทีพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ที่ยังสงวนท่าทีอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้แล้วแต่เขา เมื่อถามว่าเป็นการรวมกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรองหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ทราบ ส่วนที่นายกฯระบุว่าอยากให้เป็น รมว.กลาโหมต่อนั้น ยังไม่รู้ ถ้าท่านอยากได้ก็แล้วแต่ท่าน แต่เหตุการณ์ข้างหน้ายังไม่มีใครรู้ ท่านเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นนายกฯหรือไม่

จัดคนเหมาะกับงานดีกว่าโควตา

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวนายกฯอาจทาบทามให้กลับมารับตำแหน่ง รมว.มหาดไทยต่อ ว่า ต้องดูก่อนว่าใครจะเป็นนายกฯ และพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดว่าควรจัดลงไปทำงานอย่างไร โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลหน้าคือปัญหาปากท้อง การจัดคนลงไปทำงานเพื่อตอบสนองประชาชนให้ได้เป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องการแบ่งโควตา และอยู่ที่ว่าใครจะมาเป็นนายกฯ มีการพูดคุยกันอย่างไรให้ลงตัว ต้องให้เกียรติคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯและขอให้มาช่วยงานต่อ พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ต้องดูความเหมาะสมว่าเรามีความสามารถแค่ไหนอย่างไร และต้องให้เกียรตินายกฯกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย จะได้ไม่มีปัญหาว่าจะเลือกใคร อย่างไร เพราะต้องทำงานเป็นรัฐบาลผสม ต้องฟังนโยบายแต่ละพรรคอยากทำอะไรบ้าง


“วิษณุ” อุบนิ่งอนาคตการเมือง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุม ครม.วันนี้ ไม่ใช่การประชุมครั้งสุดท้าย เมื่อถามว่าต้องมีการยุบสภาก่อนวันที่ 24 พ.ค. ที่จะมีเสด็จพระราชดำเนินพิธีเปิดประชุมรัฐสภาหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ต้องยุบ เพราะรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ แตกต่างจากอดีตถ้าจะยุบต้องมีการแถลงนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ก่อน ส่วนกรณีมีชื่อติดโผ ครม.ในรัฐบาลใหม่นั้น ส่วนตัวไม่ได้รับการเทียบเชิญแต่อย่างใด หากได้รับเทียบเชิญยังไม่ทราบว่าจะตอบรับหรือไม่ เรื่องนี้ไม่เคยคิดอยู่ในหัวแม้แต่นิดเดียว “โผพวกคุณเองนะสิ ใครจะเป็นคนส่งเทียบเชิญผม วันนี้ก็เปิดหนังสือพิมพ์ 10 ฉบับดูกันให้ว่อนอยู่” เมื่อถามย้ำว่าถ้าได้รับการเทียบเชิญพร้อมตอบรับหรือไม่ นายวิษณุกล่าวติดตลกว่า “ต้องดูก่อนว่าขั้วไหน ขั้วที่สามหรือขั้วใด”

“ดอน” ย้ำคำเดิมขอพักไม่ไปต่อ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสข่าวว่ามีชื่อกลับมาเป็น รมว.ต่างประเทศในรัฐบาลชุดใหม่ว่า ขณะนี้ยังทำงานเตรียมการจัดประชุมผู้นำอาเซียนอยู่ เมื่อถามว่าส่วนตัวอยากทำหน้าที่ รมว.ต่างประเทศ อีกสมัยหรือไม่ เพื่อสานต่องานสำคัญดังกล่าว นายดอนตอบว่า เคยมีการถามมา แต่แจ้งไปแล้วว่าขอพัก เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้ยังอยากพักอยู่หรือไม่ นายดอนตอบว่า ยังอยากพักอยู่

“กอบศักดิ์” ให้รอนิดต่อรองกันอยู่

ที่พรรคพลังประชารัฐ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ดำเนินการต่อรอง ตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพรรคการเมืองที่จะเข้าร่วมรัฐบาล ขอให้อดใจรออีกนิดเกือบถึงเวลาแล้ว ขณะนี้ใกล้จะเปิดสภาผู้แทนราษฎร กระบวนการต่อรองยังดำเนินการอยู่ในตอนนี้ อยากให้อดใจรอกันอีกนิดว่าจะมีข้อยุติอะไรบ้าง แต่มั่นใจว่าข้อยุติจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ และจะมีข่าวดีให้กับพี่น้องประชาชน

นั่งนับวันรอก่อนเปิดประชุมสภาฯ

เมื่อถามถึงท่าทีพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ที่จับมือกันต่อรอง นายกอบศักดิ์ตอบว่า ให้ทุกพรรคตัดสินใจทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ทางพรรคเรารออยู่ อยากให้เขาดำเนินการให้เรียบร้อยก่อน และเราพร้อมเจรจาต่อรองเพื่อหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับประชาชน เราผ่านการเลือกตั้งมาทุกคนปรารถนาที่จะมีรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศต่อไป กำลังนั่งนับวันเหลืออีก 4 วัน จะเปิดสภาฯ และวันที่ 25 พ.ค.จะได้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อถามว่าท่าทีของ 2 พรรค ถือว่ากดดันพลังประชารัฐหรือไม่ นายกอบศักดิ์ตอบว่า ทุกพรรคพยายามต่อรองให้ดีที่สุดสำหรับพรรคตัวเองที่จะมาร่วมกับพลังประชารัฐให้ลงตัวที่สุด มั่นใจทุกพรรคจะยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก

“หนูนา” ขอนิ่งไว้ก่อนพ่อสอนไว้

ด้าน น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาล ว่า เป็นการหารือของ 2 พรรค ถือเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมืองที่แต่ละพรรคต้องพยายามให้อยู่ในสภาวะที่คิดว่าดีที่สุด ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนายังไม่ได้รับการทาบทามหรือพูดคุยจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยไม่มีการติดต่อมา หรือแม้แต่ประสานงานมา เราคงอยู่นิ่งๆ และรอประชุมพรรคในช่วงเย็นวันที่ 24 พ.ค.นี้ ก่อนจะตัดสินใจใดๆ

กลุ่ม 27 ส.ส.เบี้ยวนัดสื่อรอเก้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามี ส.ส.ทยอยเดินทางมารอประชุมตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นัดหมายไว้ในเวลา 13.00 น. ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ในกลุ่มนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ นายพนิต วิกิตเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค นายเจริญ คันธวงศ์ ที่จับกลุ่มดื่มกาแฟวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 23.30 น. ของคืนวันที่ 20 พ.ค. มีการส่งหมายข่าวในกลุ่มไลน์ผู้สื่อข่าวพรรคประชาธิปัตย์ว่า เวลา 12.00 น. วันที่ 21 พ.ค. ส.ส.กลุ่มของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลาและแกนนำ กปปส. ที่สนับสนุนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค จำนวน 20 คน รวมถึง ส.ส.ที่โหวตหนุนนายกรณ์ จาติกวณิช 5 คน และที่โหวตหนุนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อีก 2 คน รวม 27 คน จะรวมตัวแสดงท่าทีกดดันให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ แต่พอถึงเวลานัดหมายกลับไม่ปรากฏตัว มีเพียงนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเล่ ส.ส.สงขลา ที่เข้ามาในร้านกาแฟเมื่อไม่เห็นพรรคพวกก็รีบเดินออกไป

“อภิสิทธิ์” ปัดโคมลอยไขก๊อก ส.ส.

ต่อมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆถึงกระแสข่าวอาจลาออกจาก ส.ส. หากพรรคประชาธิปัตย์มีมติเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อว่า เป็นข่าวโคมลอย ไม่ทราบว่าใครปล่อยข่าวนี้ เมื่อถามถึงข่าวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงว่าให้พรรคอนาคตใหม่ยืมเงินไปใช้ก่อน มีความผิดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ตามหลักกฎหมายไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ต้องดูว่ากฎหมายจะเอาผิดในเรื่องอะไร

“บัญญัติ” ชัดไม่นั่งประธานสภาฯ

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวสองขั้วการเมืองวางตัวให้รับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เป็นข่าวที่พูดกันไปมา ขอถือโอกาสขอบคุณ ส.ส.หลายคนที่สนับสนุน แต่ในทางการเมืองตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ แต่ละพรรคแต่ละกลุ่มมีความมุ่งหมายอยู่ในใจว่าจะสนับสนุนใคร เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพราะประธานสภาฯเป็นตำแหน่งที่สำคัญและมีเกียรติ เป็นถึงประมุขของ 3 อำนาจอธิปไตยในระบบรัฐสภา ถือเป็นตำแหน่งที่น่าสนใจ ทั้งมีเกียรติแล้วยังทำประโยชน์ได้มาก เป็นกลไกสำคัญในการเอื้ออำนวยให้กับนิติรัฐ นิติธรรมของชาติ รวมถึงการบริหารและพัฒนาประเทศ ขอพูดจากใจจริงว่าอยากอยู่เป็น ส.ส.ธรรมดามากกว่าขึ้นไปนั่งเป็นประธานสภาฯ เพราะมีความคล่องตัวดูปัญหาของประชาชน

เป็น ส.ส.ลุยภารกิจอเวนเจอร์

“ผมยังอยากมีความคล่องตัวตรงนี้ ได้หารือกับเพื่อน ส.ส.ในพรรคหลายคน ว่าเราน่าจะร่วมกันทำหน้าที่นี้ คือลงไปดูปัญหาประชาชนให้ทั่ว นำมาคิดแก้ไข และยังมีภารกิจร่วมฟื้นฟูพรรคกับหัวหน้าพรรคคนใหม่ ยังเป็นเรื่องสำคัญอยู่ เพราะแฟนพันธุ์แท้และสมาชิกทั้งหลายฝากความหวังเอาไว้มาก เลยอยากเป็น ส.ส.ธรรมดามากกว่า แต่ท้ายที่สุดถ้าเพื่อนพรรคการเมืองต่างๆ ยังประสงค์จะให้คนของพรรคประชาธิปัตย์ไปดำรงตำแหน่ง ก็มั่นใจว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีคนหลายคนที่พร้อมขึ้นทำหน้าที่นี้ได้ดี ทุกวันนี้บ้านเมืองมีเรื่องอึมครึมมาก อยากเรียกร้องไปยังพรรคที่ทำให้หน้าที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นเจ้าภาพใหญ่จะต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจน คนจะได้ไม่ต้องทายกันว่าจะเป็นอย่างไรจนทำให้เกิดความกังวล ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดี” นายบัญญัติกล่าว

“ชวน” แจงกลางวงปมผู้มากบารมี

จากนั้นเวลา 13.30 น. มีการประชุม ส.ส.พรรค มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เข้าร่วม บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย ส.ส.ได้แบ่งกลุ่มระหว่างกลุ่มของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกลุ่มนายถาวร เสนเนียม นั่งคนละซีกด้านซ้ายด้านขวาอย่างชัดเจน จากนั้นนายจุรินทร์แจ้งกำหนดการร่วมงานรัฐพิธีเปิดประชุมสภา ในวันที่ 24 พ.ค. ส่วนในวันที่ 25 พ.ค. จะมีการประชุมเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อเข้าวาระที่ 3 การปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา นายชวนกล่าวให้ความรู้ถึงการวางตัว การใช้สิทธิต่างๆ พร้อมกับขอชี้แจงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงถึงผู้มากบารมีในพรรคว่า แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อตน แต่สังคมก็ทราบว่าตั้งใจหมายถึงใคร ขณะที่นายพีระพันธุ์พยายามชี้แจงว่าไม่ได้เอ่ยชื่อใคร และไม่ได้หมายถึงนายชวน แต่นายชวนตอบกลับว่า แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่คนนอกที่อ่านข่าวก็รู้ว่าหมายถึงใคร

แปลกใจ “จุลเจิม” เชียร์ออกหน้า

ต่อมานายชวน หลีกภัย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า กรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ระบุพาดพิงผู้ใหญ่มากบารมีเข้าแทรกแซงการเลือกหัวหน้าพรรคที่ผ่านมา กรณีนี้แม้ไม่เอ่ยชื่อแต่สังคมคนทั่วไปรู้ว่าหมายถึงใคร ส่วนตัวไม่มีปัญหาใดๆกับนายพีระพันธุ์ ที่ผ่านมาพูดถึงปัญหาภายนอกที่เข้ามาแทรกแซง ความจริงมีมาตั้งแต่สมัยเลือกหัวหน้าพรรคครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ก็พยายามแทรกเข้ามาด้วยการใช้เงิน และสิ่งต่างๆ ไม่ได้มีอะไรที่พูดพาดพิงนายพีระพันธุ์ แต่พูดถึงบุคคลภายนอกที่พยายามเข้ามาแทรกแซงด้วยเงินซื้อคนในพรรค และมีเหตุการณ์แปลกที่เกิดขึ้น คือ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กระบุว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีอีแอบที่อยากเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์ ข่าวนี้กระทบพรรคและคนในพรรคทุกคน มันแปลกตรงที่เชียร์นายพีระพันธุ์ แต่กล่าวหาคนอื่นคือนายกรณ์ จาติกวณิช หรือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน


กรีด “พีระพันธุ์” ไม่เคยพิฆาตใคร

นายชวนกล่าวอีกว่า ความจริง ม.จ.จุลเจิมดีกับพวกเรา ให้ความเคารพนับถือมาโดยตลอด แต่เที่ยวนี้แปลกๆหลายเรื่อง รวมทั้งสื่อที่ทำโพลผู้สมัครทั้ง 4 คน มีผลโพลออกมาแปลกๆผิดปกติ หรือกรณีข่าวปล่อยที่พาดพิงว่าตนโทรศัพท์ถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ยืนยันว่าไม่ได้โทร.ไปคุย แต่โทร.ไปหา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เพราะรู้จักคุ้นเคยส่วนตัว ถามตรงๆว่ามีข่าวว่าเงินผ่านมาทางคนของ กทม. บางคนหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.อ.อัศวินบอกว่า ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ จึงมาขอร้องสมาชิกพรรคอย่าให้เงินภายนอกเข้ามามีอิทธิพลเหนือภายในพรรค การที่นายพีระพันธุ์พูดว่าใครไม่อยู่ในอาณัติหรือฝ่ายตรงกันข้ามจะถูกพิฆาตนั้น ไม่จริง ตนไม่เคยพิฆาตใคร ไม่มีบารมีหรือแทรกแซงอะไร แม้แต่การจัดอันดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพวกที่สนิทของตนก็โกรธไปหลายคน เพราะไม่ได้ช่วย แม้แต่บุตรชายก็ไม่ได้ช่วย จึงไม่ได้มีอิทธิพลบารมีที่จะทำให้คนคนนั้นเสียหรือดีขึ้นมาได้

รู้ทันเกมบีบให้เข้าร่วมรัฐบาล

“ที่ต้องพูดเรื่องถูกแทรกแซงเพราะเราต้องหาทางป้องกัน ถ้ามีอิทธิพลเข้ามาจากภายนอก เพียงเพื่อนำคนของตัวเองเข้ามาตัดสินใจให้พรรคร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลง่ายๆจะผิดวัตถุประสงค์ไป แต่ผลการแทรกแซงได้จากใครก็รู้ๆกันอยู่ แต่เราไม่เอ่ยถึง รวมถึง ม.จ.จุลเจิมได้พูดถึงพรรค ผมก็ร่างจดหมายเพื่อกราบเรียนให้ท่านทราบว่าสิ่งที่ท่านพูดมาไม่จริง พรรคเราต่างเชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างมั่นคง ทั้งในนโยบายและทางปฏิบัติ ดังนั้น การที่กล่าวหาว่าถ้าเลือกคนอื่น หรือนายกรณ์ หรือนายอภิรักษ์จะมีปัญหา มันไม่ยุติธรรมกับบุคคลเหล่านี้ ผมจะทำหนังสือถึงท่านเป็นการส่วนตัวอีกทีหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ร่างไว้แล้ว” นายชวนกล่าว

หวั่นอนาคตคงต้องประมูลเก้าอี้

เมื่อถามว่านายพีระพันธุ์ระบุว่า ไม่กลัวการแทรกแซงจากภายนอก กลัวแต่ภายในแทรกแซง นายชวนตอบว่า ภายในเป็นเรื่องคนในพรรค คนในพรรคเลือกใครเป็นสิทธิของเขา ไม่ใช่การแทรกแซง แต่คนภายนอกไม่มีสิทธิ เป็นเรื่องที่น่ากลัว ส่วนความเป็นเอกภาพของพรรคในอนาคตนั้น การทำอะไรตรงไปตรงมาดีที่สุด แต่ถ้าปล่อยให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น วันหน้าจะมีปัญหาลามมา บอกในที่ประชุม ส.ส.วันนี้ว่าถ้าปล่อยให้มีการใช้เงิน หรือใช้วิธีการที่ผิดหลักการของพรรค วันหลังคงต้องประมูลเก้าอี้กัน เพราะส่วนตัวต่อต้านการซื้อเสียงมาตลอด เราไปต่อต้านข้างนอก แต่หากเราปล่อยให้ทำในพรรคโดยไม่สนใจ จะผิดแนวทางของเราเอง

มอบ กก.บห.ประสานงานร่วม รบ.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้นายองอาจ คล้าม– ไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธาน ส.ส. และแต่งตั้งนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นประธานคณะกรรมการประสานงาน หรือวิป ส.ส. และที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กรรมการบริหารพรรคไปพิจารณาประสานงานทิศทางกับพรรคการเมืองอื่น กรณีการตัดสินใจร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล รวมทั้งเรื่องงานในรัฐสภา และการทำงานในฝ่ายบริหาร โดยพรรคมีเป้าหมายสำคัญคือประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และสถาบันหลักของชาติมีความมั่นคงตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงให้ได้มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพตรงกับความ ต้องการของประชาชน คือเป้าหมายสูงสุดที่พรรคยึดถือประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ

โหวตนายกฯต้องยึดมติพรรค

นายราเมศกล่าวต่อว่า พรรคได้นัดประชุม ส.ส. และกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง ในวันที่ 23 พ.ค. โดยจะแยกเป็นสองวงประชุม หากหลังจากที่ประชุม ส.ส.ได้รับฟังข้อมูลที่กรรมการบริหารพรรคไปประสาน งานพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆแล้ว เห็นว่าควรเรียกประชุมร่วมกันก็มีโอกาสเรียกประชุมในวันที่ 23 พ.ค.เลย และอาจได้ความชัดเจนออกมาในวันดังกล่าวว่าจะตัดสินร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล ขณะนี้ กก.บห. ยังไม่ได้มอบหมายใครไปพูดคุยกับพรรคต่างๆ แม้มีกระแสข่าวว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ไปพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย ส่วนการลงมติเลือกนายกฯ นั้น หากพรรคมีมติไปในทิศทางใด ส.ส.ทั้งหมดต้องปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันตามมติพรรค

เตือน ส.ว.ทำขัด รธน.ต้องรับผิด

ขณะที่นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. หากเลือกบุคคลที่เป็นผู้เสนอแต่งตั้งให้ตัวเองมาเป็น ส.ว. อาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 114 ในส่วนที่ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดแจ้ง เพราะที่มาของการคัดเลือก ส.ว. ส่อมีความไม่เป็นกลาง มีผลประโยชน์ทับซ้อน นอกจากนี้ยังส่อขัดกับมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในหมวด 2 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลักข้อ 11 กำหนดว่าไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม จึงขอให้ ส.ว.ศึกษาอย่างถ่องแท้ รอบคอบ เพราะไม่มีใครรับผิดแทนท่านได้ หากลงมติขัดรัฐธรรมนูญ และมาตรฐานทางจริยธรรม

แซะ “บิ๊กตู่” รีเทิร์นไทยทรุดหนัก

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาสแรกเหลือเพียงร้อยละ 2.8 ต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้มาก ส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ต่ำกว่าร้อยละ 3.5 แน่นอน ขณะที่รัฐบาลชุดนี้โม้ไว้ว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 4 ถ้าจะอ้างเหตุผลเศรษฐกิจโลกตกต่ำ หรือต้องเผชิญกับสงครามการค้าอาจไม่ถูกต้องนัก เพราะมองย้อนไป 5 ปีจะพบว่าขณะที่เศรษฐกิจโลกดี ประเทศเพื่อนบ้านขยายตัวร้อยละ 6-9 ไทยโตเฉลี่ยได้เพียงร้อยละ 2-3 เท่านั้น แสดงถึงปัญหาการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล และการขาดความเชื่อมั่นจากต่างประเทศทั้งที่มีเลือกตั้งแล้ว จากการพูดคุยกับสื่อต่างประเทศ รวมถึงบรรดานักการทูต แสดงความกังวลกับการเลือกตั้งของไทยที่แปลกประหลาด ใช้ทุกองค์กรแบบบิดเบี้ยวเพื่อจะจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายตนให้ได้ ทั้งยังยึดติดกับแนวคิดแบบเผด็จการ เชื่อว่าแม้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ก็ไม่สามารถฟื้นความมั่นใจได้ เศรษฐกิจไทยจะยังตกต่ำไปอีกนาน

“โอ๊ค” กดดันสองพรรคตัวแปร

วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ปัญหาการเมืองไทยแก้ไม่ยากหากทุกพรรคเชื่อมั่นในเสียงประชาชน ประชาชนรอการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. ถึง 5 ปี พรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจ ได้ ส.ส.รวมกัน 120 กว่าคน แต่ตั้งธงต้องได้เป็นรัฐบาล ส่วนพรรคที่ไม่สนับสนุนโดนสารพัดวิธี แต่ได้ ส.ส.ถึง 245 คน ตัวแปรจึงมาตกอยู่กับพรรคตรงกลาง ที่มี ส.ส.รวมกันร้อยคนเศษ หากไปรวมกับขั้วสืบทอดอำนาจให้ลุง ก็จะได้รัฐบาลปริ่มน้ำที่ไม่มีเสถียรภาพ ต้องหาซื้องูเห่ามาเลี้ยง เท่ากับสนับสนุนให้การเมืองไทยเน่าเหม็น หากไปรวมกับฝ่ายประชาธิปไตยจะทำให้ได้รัฐบาลร่วม 350 เสียง ในภาวะปกติถือว่าเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพสูงมาก และการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะลงตัวไปนานแล้ว ที่สำคัญทั้งพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย พรรคตัวแปร ได้สัญญากับประชาชนไว้ก่อนเลือกตั้ง ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่สืบทอดอำนาจ จะไม่ยอมให้ ส.ว. 250 เสียง มากำหนดอนาคตประเทศ

อนาคตอยู่ในมือ ปชป.-ภท.แล้ว

นายพานทองแท้ระบุอีกว่า ตัวเลข 245 : 120 ชัดเจนว่าพรรคภูมิใจไทยนำพรรคมาร่วมกับฝั่งไหน การเมืองจึงจะมีเสถียรภาพในสภามากกว่ากัน และถ้า 2 พรรคนี้มาร่วมรัฐบาล เราจะมีเสียงในสภาถึง 348 เสียงจาก 498 เสียง เราจะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพแน่นปึ้ก ประชาธิปไตยไปต่อได้สบาย ประชาธิปไตยของไทยจะไปในทิศทางใด จะเริ่มต้นศักราชใหม่หลังจากอึมครึมมา 5 ปี หรือจะยังคงสืบทอดอำนาจให้อยู่กับ “ลุงตู่” คนเดิมต่อไป ขึ้นอยู่กับความเชื่อของ 2 พรรคหลักที่ยังอยู่ตรงกลาง ถ้าคิดว่าอำนาจเป็นของประชาชนไม่ใช่ของลุง ประชาธิปไตยจะชนะและเราจะชนะไปด้วยกัน ถ้าคิดเกรงกลัวเผด็จการก็ไม่ควรมีการเลือกตั้งที่ใช้งบประมาณไปกว่า 5 พันล้านบาท อนาคตประเทศไทยอยู่ภายใต้การตัดสินใจของ 2 พรรคที่ชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย

ยื่นสอบ “ธนาธร” ให้ อนค.กู้ 110 ล้าน

อีกเรื่อง ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีไปบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ยอมรับว่าให้พรรคอนาคตใหม่ยืมเงิน 110 ล้านบาท อีกทั้ง น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เคยให้สัมภาษณ์ถึงการกู้ยืมเงินจำนวน 250 ล้านบาทของพรรคจากนายธนาธรด้วย นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมืองมาตรา 66 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ระบุว่าบุคคลหรือนิติบุคคลใดจะบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้พรรคมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อปีมิได้ จึงเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 124 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ผิดมาตรา 125 ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค 5 ปี ยังมีข้อสงสัยอีกว่าการใช้จ่ายเงินของพรรคอนาคตใหม่เป็นไปตามมาตรา 87, 88, 89 นำไปใช้เกี่ยวกับการเลือกตั้งและการบริหารพรรคถูกต้องหรือไม่

จี้ตรวจประวัติ 2 ส.ว.ต้องคดีทุจริต

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ยังได้ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติของนายระวี รุ่งเรือง ส.ว.ลำดับที่ 146 นายสมเดช นิลพันธ์ ส.ว.ลำดับที่ 197 เนื่องจากพบว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111 (4) ประกอบมาตรา 108 ข. ลักษณะต้องห้าม (1) มาตรา 98 (8) (10) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.มาตรา 14 (10), (12) และระเบียบ กกต.ข้อ 3 ข้อ 52 (10), (12) เพราะพบว่านายระวี เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการกรณีทุจริตต่อหน้าที่ หรือประพฤติมิชอบในวงราชการ เรียกรับเงินจากสมัครเป็นสมาชิกอาสารักษาดินแดน (อส.) 6-8 ราย และยอมรับสารภาพในชั้นศาลว่ากระทำผิดจริง ส่วนนายสมเดช เคยต้องคำพิพากษา คดีกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างที่ดินเทศบาล ต.ธรรมศาลา จ.นครปฐม

อนค.มั่นใจแจงปมยืม 110 ล.ได้

นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถึงการให้พรรคยืมเงินจำนวน 110 ล้านบาท ขัด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 66 ว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะชี้แจงต่อไป ส.ส. และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ทุกคน มั่นใจในการดำเนินการของกรรมการบริหารพรรคที่นำโดยนายธนาธร ว่าเป็นไปอย่างรอบคอบ สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ทั้งหมด เชื่อว่าสังคมต่างรับรู้ได้ว่าประเด็นที่พรรคอนาคตใหม่ถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกเลือกปฏิบัตินั้นเป็นอย่างไร ตรงกันข้ามกับบางพรรคที่เรื่องร้องเรียนต่างๆไม่เคยคืบหน้า เช่น จัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุน หรือคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามการถือหุ้นสื่อของผู้สมัคร ส.ส.ที่มีหลักฐานชัดเจนยิ่งกว่ากรณีของนายธนาธร แต่ตอนนี้มีเพียงนายธนาธรคนเดียวที่ถูกส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

“ศรีสุวรรณ” เจอกันหลังเปิดสภา

นายคารมยังกล่าวถึงความคืบหน้ากรณี 11 ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ยื่นฟ้องนายศรีสุวรรณ กระทำการอันเป็นเท็จกลั่นแกล้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 143 ว่า ขณะนี้แกนนำพรรคอนาคตใหม่กำลังลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่เขต 8 จ.เชียงใหม่ คาดว่าจะเข้าให้การและยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพิ่มเติมได้หลังจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 25 พ.ค. เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคำร้องเรียนของนายศรีสุวรรณต่อ 11 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ไม่เป็นความจริง การกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยนั้นทำไม่ได้ ต้องมีข้อมูลข้อเท็จจริงประกอบด้วย

“ธนาธร” จวกยุคเผด็จการครึ่งใบ

ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่ช่วย น.ส.สีนวล บุญลือ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 หาเสียงเลือกตั้งซ่อม โดยเปิดเวทีปราศรัยบริเวณหน้าวัดข่วงเปา ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง มีชาวบ้านมาร่วมฟังราว 500 คน นาย ธนาธรขอให้ชาวบ้านออกมาเลือกพรรคอนาคตใหม่อย่างถล่มทลายต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช. และสกัดกั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ ขอให้นึกถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่มีโอกาสย้อนกลับมาอีกครั้ง นายธนาธรกล่าวว่า นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง นายกฯที่มาจากประชาชน ยังไม่เป็นจริงในประเทศนี้ ประชาธิปไตยเต็มใบ ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้งยังไม่เป็นจริง สิ่งที่เราเป็นอยู่ขณะนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยครึ่งใบ แต่เป็นเผด็จการครึ่งใบ เพื่อให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้า ขอให้ชาว เชียงใหม่ออกมาเลือกพรรคอนาคตใหม่ และนำทหารกลับกรมกอง สร้างประชาธิปไตย สร้างความถูกต้องให้เกิดขึ้นให้ได้ โดยชาวบ้านที่มาร่วมฟังปราศรัยต่างส่งเสียงเชียร์ให้นายธนาธรเป็นนายกฯคนต่อไป

เก้าอี้สภาสูงแบ่งเค้กลงตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงการวางตัวบุคคลดำรงตำแหน่งในวุฒิสภา ได้แก่ประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาอีก 2 ตำแหน่ง ล่าสุดลงตัวค่อนข้างชัดเจนแล้ว โดยตำแหน่งประธานวุฒิสภาคือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธาน สนช. ที่ยังคงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้มาทำหน้าที่ต่อเนื่อง ส่วนตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ที่ขับเคี่ยวกันอยู่ระหว่าง พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร อดีต สนช. ที่เป็นเพื่อนสนิทเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตรองนายกฯและ รมว.ยุติธรรม ล่าสุด พล.อ.อ.ประจินยอมถอยแล้ว เพราะประเมินเสียงสนับสนุนไม่น่าจะเพียงพอ เหลือเพียงชื่อ พล.อ.สิงห์ศึกเพียงคนเดียว ส่วนรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 คือ นายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธาน กกต. ที่มาในโควตาของ ส.ว.สายอาชีพที่เลือกไขว้กันเข้ามา โดยทั้ง 3 ตำแหน่งจะเสนอชื่อผู้เหมาะสมเพียงชื่อเดียว ไม่มีการเสนอชื่ออื่นมาประกบ เพื่อให้เห็นความเป็นเอกภาพของวุฒิสภา ไม่มีการแบ่งพรรคพวกกัน

ปลอบใจ “สุรชัย-พีระศักดิ์”

ส่วนตำแหน่งกรรมาธิการชุดต่างๆในวุฒิสภา มีทั้งหมด 22 ชุด เริ่มมีการจัดสรรวางตัวตำแหน่งประธาน กมธ.ชุดต่างๆกันแล้ว โดย กมธ.ชุดที่ลงตัวแล้ว คือ คณะกรรมาธิการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ วางตัวนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ อดีต สนช. เป็นประธาน กมธ. คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วางตัวนายมหรรณพ เดชวิทักษ์ เป็นประธาน กมธ. ส่วนนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. ที่ไม่ติดโผเป็นรองประธานวุฒิสภาในครั้งนี้ ถูกวางตัวดำรงตำแหน่งเป็นประธาน กมธ.คณะใดคณะหนึ่ง แต่ยังไม่กำหนดว่าเป็นชุดใด เพื่อเป็นการปลอบใจที่พลาดหวัง

ครม.ไฟเขียวโยก “บิ๊ก ขรก.” บัวแก้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ 4 ราย คือ นายธานี ทองภักดี เป็นเอกอัคร-ราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา นายธนา เวสโกสิทธิ์ เป็นรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นางวิลาวรรณ มังคละธนะกุล เป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และนายพินเทพ เทวกุล ณ อยุธยา เป็นกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

“หมอทศ” รำลึก 5 ปีคนไม่ทน คสช.

อีกเรื่อง นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 22 พ.ค.เป็นวันครบรอบการรัฐประหาร 5 ปี คสช.มีหลายหน่วยงานจัดกิจกรรมครบรอบ 5 ปีการรัฐประหาร บริเวณริมทางเท้า แยกราชประสงค์ ตนจะนำภาพวาดบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจ และบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหาร ที่วาดไว้ด้วยตัวเองในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไปจัดแสดงในเวลา 16.30-19.00 น. อยากให้ผู้สนใจร่วมชมนิทรรศการมนุษย์กับภาพวาด “คนไม่ทน คสช.” โดยมีกลุ่มพลังมดร่วมจัดแสดง

“เสี่ยหนู” ดำดินกินข้าวเลขา ปชป.

ต่อมาช่วงค่ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กลงภาพขณะทานอาหารที่ร้านทีเฮ้าส์ คาดว่าเป็นมื้อเที่ยง กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการจับไม้จับมือกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมระบุข้อความระบุว่า “ทำงานกันอยู่นะครับ ไม่ได้มากินกันเฉยๆ ตามที่ได้พูดไว้ทุกอย่าง” ทั้งนี้ก่อนที่นายอนุทินจะโพสต์ลงเฟซบุ๊กผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนายอนุทิน ถึงความคืบหน้าในการประสานนัดหมายหารือทิศทางการเมืองกับพรรคการเมืองอื่น แต่นายอนุทินตอบปฏิเสธว่ายังไม่มีการนัดหมายพูดคุย เนื่องจากทางประชาธิปัตย์ยังประชุมพรรคไม่เสร็จ