PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ตรวจยิบประวัติว่าที่รมต.ชงบิ๊กตู่ดูโควต้าชพน.

"บิ๊กตู่" ถอนหายใจเมินตอบทูลเกล้าฯ ถวาย ครม.ชุดใหม่ สอนหลักธรรมะ "ขันติ โสรัจจะ" จะได้รู้ต้องทำตัวอย่างไร "วิษณุ" เผยส่งแบบฟอร์มให้ว่าที่ รมต.กรอกประวัติ ยันเช็กเข้มแยก 2 บัญชี "ขัด กม.-ความเหมาะสม" พปชร.ไม่ห่วง "อุตตม" เซ็นอนุมัติกู้กรุงไทย ชี้จบนานแล้ว โยนนายกฯ ปมโควตา ชพน.

(24/6/62)09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงาน CLMVT  Forum 2019 : CLMVT as the New Value Chain Hub of Asia ว่า ตลอดเวลาที่ทำงานมา 5 ปี พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรและทำตัวอย่างไร แม้หลายคนจะบอกว่านายกฯ เป็นคนตลกก็ตาม แต่ที่ผ่านมาได้ทำงานอย่างเต็มที่ การทำงานทุกอย่างต้องคำนึงถึงกฎหมายและกติการะเบียบที่กำหนดไว้ด้วย อย่าคิดแต่เพียงว่าเราคิดและพูดได้ทั้งหมด เพราะกลายเป็นการพูดที่ไร้ความรับผิดชอบ
    นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มีการพัฒนาการเรียนการสอน นอกจากวิชาการแล้วจะต้องสอนให้เยาวชนเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพ เคารพในระเบียบและกติกา รู้จักหน้าที่ของแต่ละคน และเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือต้องดูว่าใช้ได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ ใช้ในทางที่หาความรู้ให้ตัวเองหรือไม่ 
    "มีคน 2-3 คนบอกว่าผมติดโซเชียล ยืนยันผมไม่ได้ติดโซเชียล ผมเปิดโทรศัพท์ดูอะไรที่ผมไม่ฉลาด อะไรที่โง่ๆ เพื่อให้รู้ ผมก็เปิดมาดู นั่นแหละคือโซเชียลของผม ไม่ใช่ไปด่าให้มันเสียอารมณ์ ใครว่าผมใครด่าผมจะไปอ่านทำไม มันไร้สาระ ผมพูดแบบนี้เดี๋ยวสื่อก็พาดหัวข่าวกันอีก เวทีผู้นำอาเซียนพูดมา 3 วัน เหนื่อยก็เหนื่อย งานเยอะ ทุกคนเหนื่อยแสนเข็ญ ก็จ้องแต่จะจับผิด นี่แหละโลกของโซเชียล แต่อะไรที่มันทำลายประเทศ ถ้ามันเกิดขึ้นก็ต้องรับไปด้วยกันทุกคน เพราะไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้น  คนทำดีเขาก็ไม่อยากทำ ทำแทบตาย ซึ่งมันไม่ได้ง่ายนัก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    อย่างไรก็ตาม หากไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งทางกฎหมายหรือกับเจ้าหน้าที่ ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายก็จบ แต่ถ้าออกมาต่อต้านกันทุกเรื่องก็ไปไม่ได้ ถือเป็นอันตรายของประเทศ เราจะมาให้ร้ายกันไม่ได้ รัฐบาลต้องมีนโยบายทางการเมืองที่ต้องดูแลทั้งในและต่างประเทศ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร  แต่ทั้งหมดคือห่วงโซ่เดียวกัน พูดหรือทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ถ้าอยากได้ความขัดแย้งก็พูดไป เดี๋ยวก็ขัดแย้งกันเอง เพราะคนเราพร้อมถูกชักจูงอยู่แล้ว ซึ่งเรียกว่าอารมณ์ 
    "วันนี้ผมจึงอยากให้ทุกคนใช้คำว่าขันติ โสรัจจะ ซึ่งคำว่าขันติคือความอดทน อดกลั้น เวลาพูดหรือฟังใครพูด ตนเองก็พยายามทำอยู่ ส่วนโสรัจจะคือ ถ้าเรามีขันติก็จะเกิดความสงบเสงี่ยม เจียมตัว จะรู้ตัวเองว่าต้องทำตัวอย่างไร ซึ่งผมเป็นคนแบบนี้ เป็นคนน่ารักจะตาย" นายกฯ ระบุ
เบื่อตอบทูลเกล้าฯ ถวาย ครม.
    ทั้งนี้ ก่อนขึ้นรถกลับไปปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าได้นำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้วหรือยัง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์นิ่งไม่ตอบคำถามดังกล่าว แต่ส่งยิ้มให้ผู้สื่อข่าวเล็กน้อยก่อนเดินทางออกไป

    ต่อมาเวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 6/2562 นายกฯ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามอีกครั้งว่าได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ครม.ใหม่แล้วหรือยัง โดย พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับถอนหายใจยาวพร้อมกล่าวว่า  "เฮ้อ! ถามอะไรกันทุกวัน" ก่อนจะเดินขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณาคุณสมบัติ ครม.ชุดใหม่ว่า นายกฯ ยังไม่ได้กำชับอะไร แต่ถ้าจะกำชับคงจะเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พอจบเรื่องของอาเซียนคงมาทำเรื่องนี้ ทั้งนี้ได้ยินมาว่าวันนี้จะเริ่มส่งแบบฟอร์มให้บุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีกรอกประวัติ หลังจากที่ได้มีการตรวจสอบกันเองโดยไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มมาระยะหนึ่ง

เมื่อถามว่า มีเรื่องการร้องเรียนทำให้ต้องตรวจสอบคุณสมบัติเข้มงวดขึ้นหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าก็ต้องยอมรับว่ามีส่วน ซึ่งในมาตรา 98 นำไปใช้อนุโลมกับ ส.ว.และรัฐมนตรี ซึ่งมีลักษณะที่คล้ายกันอยู่  เราต้องดูทั้งหมดอยู่แล้ว โดยต้องแยกให้ออก 2 ประเภท ประเภทแรกคือคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายเขียนอย่างไรก็ต้องตามนั้น จะหลบจะเลี่ยงอะไรไม่ได้ 
    "อีกประเภทหนึ่งไม่ใช่ลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสม แปลว่าหากจะตั้งก็ไม่ผิดกฎหมาย ส่วนความเหมาะสมโลกจะตำหนิติเตียนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นดุลยพินิจของคนตั้งรัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตามในอดีตเคยมีตรวจแล้วลักษณะต้องห้ามไม่ผ่าน เราก็แจ้งพรรคไป แล้วเขาก็นำหลักฐานมาแสดงก็ผ่าน บางทีเขาก็จะยอมรับเอง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนตัวคน" นายวิษณุระบุ
    ส่วนผู้ที่ถูกมองว่ามีอิทธิพลและมีภาพลักษณ์สีเทา จะทำให้ตรวจสอบประวัติไม่ผ่านและไม่ได้เข้ามาหรือไม่นั้น รองนายกฯ ตอบว่าไม่รู้ อย่าไปลงรายละเอียดอย่างนั้นเลย จะเทา จะเขียว จะชมพูก็มีวิธีปฏิบัติอยู่แล้ว โดยจะเสนอสองบัญชีให้นายกฯ ตรวจสอบ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่มีโอกาสได้ไปตรวจสอบ แต่เมื่อมีการมาร้องก็ต้องทำเรื่องส่งแยกให้นายกฯ รับทราบ 
    นายวิษณุกล่าวว่า การตรวจสอบไม่ได้ย้อนหลังอะไร ในแบบฟอร์มก็เขียนไว้อยู่แล้วว่าการศึกษาต้องระดับไหนถึงระดับไหน ตั้งแต่เรียนจบมาทำงานอะไร ก็มีมาอยู่แล้ว เราไม่ได้เจาะลึกอะไร ซึ่งเรื่องประวัติการศึกษาอยู่ในแบบฟอร์มมา 20 ปีแล้ว เพราะบางครั้งจะเกี่ยวพันว่าจะไปอยู่กระทรวงไหน ที่อาจจะต้องดูไม่ให้ขัดกันของผลประโยชน์ ซึ่งบางคนอาจจะขัดทางทำมาหากินของเขา เพราะเราไปตั้งให้เขาเป็นนั่นเป็นนี่ พอเขาพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีเขากลับไปทำอาชีพเดิมไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องรู้ประวัติเขาเอาไว้   
ไม่หนักใจคุณสมบัติอุตตม
    ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวถึงกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงานเรียกร้องให้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค? พปชร.ชี้แจงกรณีที่ลงนามในการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้บริษัทเครือกฤษดามหานคร สมัยที่เป็นคณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย ซึ่งกรรมการที่ร่วมลงชื่อ? 3? ใน? 5? คนถูกดำเนินคดีไปแล้ว ว่า จากที่นายอุตตมเล่าให้ฟังว่าทราบว่าทุกอย่างจบไปนานแล้ว ที่มีข่าวออกมาเป็นประเด็นทางการเมืองซึ่งคิดว่าไม่น่าหนักใจอะไร
    เมื่อถามว่าจะต้องชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบข้อเท็จจริงหรือไม่ นายสนธิรัตน์?กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามนายอุตตม ส่วนที่ฝ่ายค้านอาจหยิบยกประเด็นนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอุตตมหากมีการตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้วนั้น ไม่มีปัญหาอะไรก็ชี้แจงกันไป ทุกอย่างอยู่บนหลักของกฎหมาย? 
    สำหรับกรณีบุคคลที่มีรายชื่อเป็นรัฐมนตรีต้องลาออกจากความเป็น ส.ส.หรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการหารือของผู้บริหารพรรค สำหรับเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่เสนอให้นายกฯ ในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร ส่วนใครจะได้เป็นอะไรนั้นยังไม่ทราบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คิดว่าในเร็วๆ นี้คงจะได้รู้ 
    เลขาธิการ พปชร.ยังได้ปฏิเสธกรณีที่พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ทวงคำตอบโควตารัฐมนตรี 1 เก้าอี้ว่าไม่ทราบ อยู่ที่นายกฯ พิจารณา เมื่อถามย้ำว่า?จะมีโควตาของพรรคชาติพัฒนาไปเป็น รมช.อุตสาหกรรมหรือไม่ นายสนธิรัตน์ยิ้มพร้อมกล่าวว่าอยู่ที่นายกฯ
    นายสนธิรัตน์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดทำนโยบายรัฐบาลเปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้? พปชร.จะมอบหมายให้คณะทำงานไปประสานพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากที่พรรค พปชร.ร่างนโยบายในส่วนของพรรคไว้แล้ว เรื่องนี้ยังมีเวลาเพราะกรอบของกฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องแถลงนโยบายภายใน 15 วันหลังจาก ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนทำหน้าที่ 
    มีรายงานข่าวจาก พปชร.แจ้งว่า กรณีที่ผู้มีชื่อเป็นรัฐมนตรีของพรรคจำนวน 5 คนต้องลาออกจากการเป็น? ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่นั้นยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะมีความเห็นต่างของผู้บริหาร โดยเฉพาะกรณีของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่จะต้องเข้าไปมีบทบาทในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ ส.ส.ที่จะต้องประสานงานพรรคร่วม รวมถึงแกนนำหลัก ส.ส.ในการตอบโต้ประเด็นที่อาจจะถูกฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามหรือโจมตีรัฐบาลและ ครม. ซึ่งคาดว่า?ในวันที่ 25 มิ.ย.จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อวิเคราะห์เรื่องดังกล่าว รวมถึงสร้างความเข้าใจกับ? ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนเรื่องหุ้น และการเตรียมพร้อมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา นอกจากนี้?ก่อนที่จะมีการแถลงนโยบาย  พรรคเตรียมจัดสัมมนาติวเข้ม ส.ส. โดยจะเชิญรัฐมนตรีผลัดเปลี่ยนมาทำความเข้าใจในงานแต่ละด้านที่รับผิดชอบ และอาจเชิญ? พล.อ.ประยุทธ์มาร่วมด้วย
    ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้เรียกร้องให้นายอุตตมตอบสังคมในเรื่องอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทยว่า เป็นลายเซ็นของนายอุตตมที่ร่วมอนุมัติด้วยหรือไม่ แล้วมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร ทำไมถึงไม่ถูกดำเนินคดีทั้งๆ ที่อีก 3 คนโดนคดี การที่นายพิชัยออกมาถามเรื่องนี้น่าจะเป็นห่วงความโปร่งใสของนายอุตตมก่อนรับตำแหน่งใน ครม.ใหม่.

“วิษณุ” ยันสภาผู้แทนราษฎรยังทำงานได้ เมินสอย ส.ส.นับร้อย

อุ้ม กก.สรรหา ส.ว.บริสุทธิ์ ขยับกรอกประวัติว่าที่ รมต. 7 พรรคฟื้น ส.ส.ร.รื้อ รธน.

“วิษณุ” การันตีเกมสอย ส.ส.ไม่กระทบ หายเกือบร้อยคนสภาฯยังทำงานได้ ชี้คำตัดสินศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเฉพาะรายไม่ผูกพันคดีอื่น “วันชัย” ขู่ฟ้องกลับเชื่อศาลรัฐธรรมนูญดูเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ดูแต่หนังสือบริคณห์สนธิ “เรืองไกร” ยื่น กกต.สอบ 21 ส.ว.ถือหุ้นสื่อสิ้นสมาชิกภาพอัด “เนติบริกร” แถใช้รัฐธรรมนูญลักลั่น “ถวิล” ไม่หนักใจ 11 ส.ส.ปชป.สู้คดี “บิ๊กตู่” บอกตัวเองน่ารักจะตาย อุบไต๋ทูลเกล้าฯ ครม.ใหม่ รองนายกฯเผยสตาร์ตแจกใบกรอกประวัติรัฐมนตรี “สนธิรัตน์” โบ้ย ชพน.ได้ รมช.หรือไม่อยู่ที่นายกฯ 87 ปี 24 มิถุนาฝ่ายค้าน

ปลุกแก้รัฐธรรมนูญ ชู 4 พันธกิจซักฟอกรัฐบาล-ตั้ง ส.ส.ร.ดึงประชาชนรื้อกติกาบิดเบี้ยว “ธนาธร” ลุยอีสานลั่นสานต่อประชาธิปไตย ไม่ใช่ล้มสถาบัน ไอลอว์หอบ 1.3 หมื่นชื่อดันร่างกฎหมาย

ล้างมรดกบาป 35 คำสั่ง คสช.

การยื่นร้องตรวจสอบสมาชิกภาพ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 41 คน ฝ่ายค้าน 55 คน และ ส.ว. 21 คน ที่ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนใดๆ กลายเป็นปมร้อนทางการเมือง ล่าสุดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุศาลฎีกามีคำวินิจฉัยกรณี ส.ส.ถือหุ้นสื่อเป็นการเฉพาะตัว ไม่ผูกพันเป็นการทั่วไป หนุนให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดออกมาเพื่อเป็นบรรทัดฐาน ชี้หาก ส.ส.ถูกสั่งพักงานหายไปเกือบร้อยคนสภาผู้แทนราษฎรยังทำงานได้

“วิษณุ” ยันสอบ ส.ว.ถือหุ้นสื่อไม่กระทบ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 24 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ยื่นสอบสมาชิกภาพ 21 ส.ว. ถือหุ้นสื่อ ว่าเหมือนกรณีสอบคุณสมบัติ ส.ส.ที่ยื่นกันไปกันมาอยู่ จะกระทบกับการทำงานหรือไม่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร จะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยดูจากความเสียหายที่จะได้รับหากให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่เกี่ยวว่าจะมีมูลหรือไม่ เช่น กรณีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ จึงไม่ได้ให้หยุดเพราะถ้าหยุดปฏิบัติหน้าที่จะมีผลกระทบ เมื่อถามว่าระหว่างคัดเลือก ส.ว.ได้ตรวจสอบคุณสมบัติเรื่องหุ้นสื่อก่อนหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เราทราบว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา แต่เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อกรณีคุณสมบัติ ส.ส.ก่อนหน้านี้ มีผลเฉพาะตัว และเป็นเรื่องที่ไปร้องเรียนกันทีหลัง เมื่อเราพบจึงไม่ได้ทำอะไร ถ้าจะไปตัดเสียก่อนมันต้องตัดเกือบจะหมด

ชี้คำตัดสินศาลฎีกาไม่ผูกพันคดีอื่น

เมื่อถามย้ำว่า รู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่า ส.ว.เหล่านั้นถือหุ้นอยู่ นายวิษณุตอบว่า “เรารู้ แต่ว่ามันยังไม่มีคำวินิจฉัยอะไรตรงนี้ คำวินิจฉัยที่มีอยู่ก่อนไม่สามารถนำไปใช้กับคนอื่นได้ เพราะเป็นคำวินิจฉัยเฉพาะตัว ไม่เป็นบรรทัดฐานสำหรับคดีอื่น ไม่เหมือนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกมัดเป็นการทั่วไป ด้วยข้อเท็จจริงที่เราไม่รู้เลยว่าต่างกันหรือไม่ เราไม่มีโอกาสไปตรวจสอบว่ามีหุ้นแล้วเลิกหรือยัง ขายหรือยัง ไม่ใช่ความบกพร่องของคณะกรรมการสรรหา มีเรื่องอื่นที่คิดว่าถ้าสมมติตั้งไปแล้วมีปัญหา ไม่ได้กระทบอะไร มีระบบสำรองเลื่อนขึ้นมาอยู่ แม้คุณสมบัติ ส.ว.เหมือนกับ ส.ส.แต่เราไม่รู้คำว่าถือหุ้นสื่อแปลว่าอะไร ถ้าพบว่าถือหุ้นตามความเป็นจริงแล้วสื่อนั้นมีกิจการทำหนังสือพิมพ์ ชื่ออะไรออกเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ ถ้าเจอเช่นนี้เราไม่ให้อยู่แล้ว แต่การถือหุ้นสื่อที่มีวัตถุประสงค์ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ การจัดตั้งสื่อเป็นเพียงวัตถุประสงค์หนึ่ง แต่ไม่ได้ประกอบการจริง ไม่กล้าวินิจฉัยตัดสิทธิ

เสียงแข็ง กก.สรรหาบริสุทธิ์ผุดผ่อง

เมื่อถามว่า คณะกรรมการสรรหา ส.ว.มองว่า การถือหุ้นในบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ทำสื่อ แต่ไม่ปฏิบัติจริง ไม่ขัดคุณสมบัติ นายวิษณุสวนกลับมาทันทีว่า “เป็นมุมมองเดียวกับพรรคการเมืองที่คัดคนลงสมัคร ส.ส. ความที่ยังไม่แน่ชัดว่ามันคืออะไร กกต.เองไม่กล้าวินิจฉัย บัดนี้เมื่อมีการยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญจะได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐาน ยืนยันว่าคณะกรรมการสรรหาทำงานเรียบร้อย บริสุทธิ์ผุดผ่อง

ส.ส.หายเกือบร้อยสภาฯยังทำงานได้

เมื่อถามว่า ส่วน ส.ส.ที่จะยื่นตรวจสอบกันกว่า 100 คนจะกระทบต่อการทำงานของสภาฯหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เป็นไรจะให้ทำอย่างไรจะกี่คนก็ตามที มีสิทธิยื่นผ่านประธานสภาฯ เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ส่วนศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่แล้วแต่ศาล ขั้นตอนที่เขาทำถูกต้องตามกฎหมาย แต่เวลาปฏิบัติจริงจะมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ตนไม่ทราบ เมื่อถามว่าการยื่นตรวจสอบ ส.ส.ขณะนี้เหมือนยื่นแก้เกี้ยวระหว่างกัน นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีอะไรจะวิจารณ์ เมื่อถามว่าจะเทียบเคียงกรณีศาลสั่งให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) หยุดปฏิบัติหน้าที่กับกรณีการตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส.ที่เหลืออยู่ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อยู่ที่ศาล หากศาลจะสั่งคงมีเหตุผล ไม่สามารถตอบแทนศาลได้ และการทำงานในสภาฯหาก ส.ส.หายไปเกือบ 100 คน ก็ยังทำงานได้ เข้าใจว่าไม่มีผลกระทบ


“วันชัย” จ่อฟ้องกลับทั้งแพ่ง–อาญา

ที่หอประชุมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า หากมีชื่อตามที่นายเรืองไกรยื่นต่อ กกต.จริง พร้อมฟ้องคดีกลับทั้งทางแพ่งและทางอาญาให้ถึงที่สุด ปัจจุบันตนไม่ใช่เจ้าของหรือบุคคลที่ถือหุ้นในบริษัทแคนนู ไฮเรอร์ จำกัด ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวแล้ว มีผลทางกฎหมายตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแจ้งเป็นเอกสารวันที่ 25 เม.ย.62 ก่อนวันที่ได้รับตำแหน่ง ส.ว.เดือน พ.ค. จึงเป็นการแจ้งข้อมูลเท็จทำให้เสียหาย ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่นำความเท็จสร้างประเด็นทางการเมือง นายเรืองไกรพยายามสร้างความเสียหายให้ตน จะไม่ปล่อยให้ลอยนวลแน่นอน ส่วน ส.ว.อีก 20 คน ที่มีชื่อปรากฏตามข่าวเบื้องต้นได้หารืออย่างไม่เป็นทางการส่วนใหญ่ไม่กังวล คณะทำงาน ส.ว.จะหารือเพื่อต่อสู้คดีในทางเดียวกัน

เชื่อศาล รธน.ไม่ดูแต่บริคณห์สนธิ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่ากรณีการถือหุ้นสื่อเมื่อถึงชั้นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จะมีบรรทัดฐานเหมือนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกศาลสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่ นายวันชัยตอบว่า ถ้าข้อเท็จจริงเป็นลักษณะเดียวกับนายธนาธรมีความเป็นไปได้ แต่กรณี ส.ว.เป็นคนละข้อเท็จจริงกับกรณีนายธนาธร ส่วนที่ก่อนหน้านั้นมีคำพิพากษาศาลฎีกาในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีบรรทัดฐานตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เป็นสิ่งที่มีข้อแตกต่างแต่ละพื้นที่ แต่สิ่งที่จะเป็นข้อยุติคือให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสิน เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาโดยยึดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่ไม่ให้ฝ่ายการเมืองใช้อิทธิพลครอบงำหรือแทรกแซงสื่อมวลชน ไม่ใช่พิจารณาเพียงวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัท หรือเอกสารบริคณห์สนธิเท่านั้น ยอมรับว่าขณะนี้กรณีการถือหุ้นสื่อมวลชนถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงควรมีข้อยุติโดยการวางบรรทัดฐานจากศาลรัฐธรรมนูญ

“ยุทธนา” แจงทิ้งธุรกิจสื่อก่อนแล้ว

นายยุทธนา ทัพเจริญ ส.ว. กล่าวว่า กรณีที่เป็น 1 ใน 21 ส.ว.ที่ถูกร้องถือหุ้นสื่อ ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท วิคเตอร์ โปรเฟสชันเนล จำกัด ไว้เป็นบริษัทซื้อขายที่ดิน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจสื่อมวลชน แต่ตอนจัดตั้งบริษัทได้กรอกวัตถุประสงค์ในหนังสือบริคณห์สนธิตามแบบฟอร์มของกระทรวงพาณิชย์ครอบคลุมไว้มากมาย แต่เมื่อทราบจะได้เป็น ส.ว.ไปแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อขอถอนวัตถุประสงค์ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชนออกจากบริษัทเรียบร้อยแล้ว ก่อนได้รับตำแหน่ง ส.ว. 2-3 สัปดาห์มีหลักฐานยืนยันชัดเจน

“ระวี” หนุนแก้ให้ชัดตัดปมวุ่นวาย

นายระวี รุ่งเรือง ส.ว.กล่าวว่า มีหุ้นอยู่ในบริษัท ฟาร์เมอร์ รีสอร์ท จำกัด ตั้งขึ้นเพื่อจะไปขอกู้เงินมาปรับปรุงธุรกิจห้องพักชายทะเล ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการสื่อมวลชนใดๆ ตอนไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทดังกล่าวต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแนะนำให้ระบุวัตถุประสงค์การจัดตั้งที่มีอยู่ 21-22 ข้อในแบบฟอร์มให้ใส่ไปทั้งหมด บางข้ออาจมีเรื่องเกี่ยวกับกิจการสื่อมวลชนรวมอยู่ ยอมรับว่ากังวลอยู่บ้าง แต่มั่นใจชี้แจงได้เพราะข้อเท็จจริงยืนยันว่าไม่ได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสื่อมวลชนเลยพิสูจน์ได้ เพื่อน ส.ว.หลายคนที่โดนยื่นร้องแบบเดียวกันบอกว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องไปตื่นเต้น และคงไม่ฟ้องกลับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.ไม่อยากผูกเวรกับใคร เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องการเมือง แต่อยากให้ปรับปรุงคุณสมบัติ ส.ว.เรื่องการถือหุ้นสื่อให้ชัดเจนมากขึ้น จะได้ไม่วุ่นวาย


“เรืองไกร” ยื่น กกต.สอบสถานะ 21 ส.ว.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงาน กกต.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมด้วยนายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและสถิติพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้ตรวจสอบสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สิ้นสุดลง เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมขอให้รีบส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย และสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ โดยนายเรืองไกรกล่าวว่า ส.ว.หลายคนอาจจะสงสัยว่าโอนหุ้นไปแล้วเหตุใดยังถูกยื่นคำร้องให้ตรวจสอบ จึงอยากชี้แจงว่า มีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องให้ กกต.เรียกเข้าให้ข้อมูลเพื่อให้เปิดเผยขั้นตอนการสรรหา ส.ว.ของคณะกรรมการสรรหาที่ตั้งขึ้นมาจาก คสช.จะผิดถูกอย่างไรหรือต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของ กกต. สำหรับ ส.ว.อีก 200 คน ไม่ต้องน้อยใจทุกคนจะถูกตรวจสอบทั้งหมด ขณะนี้กำลังร่วมกับ 7 พรรคการเมืองตรวจสอบข้อมูล รวมถึง ส.ส. 55 รายชื่อที่พรรคพลังประชารัฐกำลังจะยื่นตรวจสอบ

อัด “วิษณุ” แถใช้รัฐธรรมนูญลักลั่น

เมื่อถามว่า ส.ว.จากการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาของ คสช.ไม่ได้ยื่นสมัครต้องโอนหุ้นช่วงใดจึงจะไม่ขาดคุณสมบัติ นายเรืองไกรกล่าวว่า ต้องโอนหุ้นเมื่อได้รับการทาบทามจากคณะกรรมการสรรหา เนื่องจากทุกคนต้องกรอกหนังสือรับรองตนเองว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ส่วน ส.ว.ที่สมัครและผ่านการคัดเลือกกันเองต้องโอนหุ้นให้แล้วเสร็จก่อนวันสมัคร จนถึงขณะนี้ไม่มีใครรู้ว่าคณะกรรมการสรรหา ส.ว.วางระเบียบและวิธีการสรรหาอย่างไร รายละเอียดทั้งหมดต้องถูกเปิดเผยโดย กกต.จะต้องเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่วนตัวเชื่อว่าขั้นตอนไม่ถูกต้องโดยคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ไม่ได้กำหนดขั้นตอนและไม่มีวิธีการอะไรเลย ก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบที่นายวิษณุบอกว่าคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อกรรมการได้ไม่เป็นความจริง อย่าใช้รัฐธรรมนูญลักลั่น ไม่อยากใช้คำว่าอย่าแถไปมา แต่เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามกำหนดไว้ชัดในรัฐธรรมนูญ ส.ว.ต้องโอนหุ้นให้แล้วเสร็จเมื่อได้รับการทาบทามหรือช่วงต้นเดือน ก.พ.2562

แฉ “วันชัย” เพิ่งโอนหุ้นให้ลูกเขย เม.ย.

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า ส่วนที่นายวันชัย สอนศิริ ขู่จะฟ้องกลับยินดี เพราะตามข้อเท็จจริงนายวันชัยโอนหุ้นให้ลูกเขยเดือน เม.ย.ไม่ใช่เดือน ก.พ. นอกจากนี้ยังจะตรวจสอบการถือหุ้นของ ส.ว.อีกกว่า 400 คน ทั้งในบัญชีสำรองและผู้ได้รับคัดเลือกรอบแรก โดยเฉพาะนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน วุฒิสภาที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าถือหุ้นบริษัทใหญ่ แต่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจสื่อ หรือ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวาณิช ถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ถือหุ้นด้วยตัวเองและภรรยาจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นมหาวิทยาลัยเอกชน

เช็กรายชื่อ 21 ส.ว.ถือหุ้นต้องห้าม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ 21 ส.ว. ที่นายเรืองไกรได้ร้องและระบุในหนังสือร้องเรียน ทั้งหมดมีการโอนหุ้นหลังรับตำแหน่ง ส.ว.แล้ว แต่ต้องการให้ กกต.ตรวจสอบว่ามีการโอนจริงหรือไม่ โดย 21 คน ประกอบด้วย 1.นายวันชัย สอนศิริ บริษัท แคล นู ไฮเรอร์ จำกัด 2.ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี บริษัท สมศรีพานิช จำกัด 3.นายระวี รุ่งเรือง บริษัท ฟาร์มเมอร์ รีสอร์ท จำกัด 4.นายยุทธนา ทัพเจริญ บริษัท วิคเตอร์ โปรเฟสชั่นแนล จำกัด 5.พล.อ.อ.มนัส รูปขจร บริษัท พลังร่วม 18 จำกัด 6.น.ส.ภัทรา วราวิตร บริษัท กาฬสินธุ์ โอทอป อินเตอร์เทรดเดอร์ จำกัด 7.พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย บริษัท ทุ่งท่าลาด จำกัด

“เจี๊ยบ-พิสัณห์” อยู่ในข่ายด้วย

8.พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก หรือบิ๊กเจี๊ยบ บริษัท กีฬา สุราษฎร์ธานี จำกัด 9.นางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ บริษัท พี แอนด์ อาร์ อิงค์ จำกัด 10.นางประยูร เหล่าสายเชื้อ บริษัท ดีจริงมอเตอร์ จำกัด 11.นางเบญจรัตน์ จริยธาราสิทธิ์ บริษัท ศรีสุพรรณการแร่ จำกัด 12.นายบรรชา พงศ์อายุกูล บริษัท พงศ์อายุกูลและบุตร จำกัด 13.นายนิอาแซ ซีอุเซ็ง บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีนราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด 14.น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีนราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด 15.พล.ร.อ.ฐนิธ กิตติอำพน บริษัท นลวิตา จำกัด 16.นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล หจก.ดีเคพี โลจิสติกส์ 17.ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ หจก.ณัฏฐ์ แอนด์ พิรพัฒน์ 18.นายเฉลียว เกาะแก้ว บริษัท ไตรหิรัญ 2555 จำกัด 19.นายกูรดิสถ์ จันทร์ศรีชวาลาบริษัท แอล.ดี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 20.นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ บริษัท ไฮเทค เกลซเซอร์ จำกัด 21.นางกอบกุล อาภากร ณ อยุธยา บริษัท ภูตะวัน จำกัด


อนค.หนุนตรวจสอบทั้ง ส.ส.-ส.ว.

เมื่อเวลา 11.15 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่าพรรคอนาคตใหม่เห็นด้วยกับการตรวจสอบไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มีอำนาจมากใช้สิทธิแทนประชาชน ควรต้องได้รับการตรวจสอบด้วยมาตรฐานเช่นเดียวกับ ส.ส. การค้นหาการถือหุ้นไม่ได้ยาก มีระบุในใบบริคณห์สนธิ ส่วนกรณี 41 ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลยังรอดูเวลาอีกระยะหนึ่ง จึงจะมีท่าทีต่อไป ส่วนกรณีที่มีชื่อตนใน 55 ส.ส.ฝ่ายค้านที่ถูกยื่นร้องด้วย เป็นนักกฎหมายชี้แจงได้ ไม่ได้กังวลอะไร รวมถึง ส.ส.คนอื่นในพรรคด้วย ทั้งนี้พรรคได้เข้าร่วมกับไอลอว์เข้าชื่อ 10,000 หมื่นรายชื่อ เพื่อยกร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกทบทวนและแก้ไขประกาศและคำสั่ง คสช.สอดคล้องกับนโยบายการจัดการมรดก คสช.ที่ยังเหลืออยู่ 22 ฉบับ พร้อมเสนอตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาทบทวนประกาศและคำสั่ง คสช.ทั้งหมด จะสำรองที่นั่ง กมธ.ไว้ให้ภาคประชาชนมาร่วมทำงานด้วย ทั้งนี้จะเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 279 ที่รับรองประกาศและคำสั่ง คสช.และมาตรา 272 เกี่ยวกับ ส.ว.ที่มาจากการลากตั้งไม่ยึดโยงประชาชนมีวาระ 5 ปี มีอำนาจมาก ส่วนการเสนอญัตติได้ตั้งคณะทำงานจับตากลุ่มทุนผูกขาดคือ 1.ดิวตี้ฟรี 2.ปรับผิวจราจร จากผู้ได้รับสัมปทานรถไฟฟ้า จะผลักดันกระทู้ถามหรือกระทู้ถามสดต่อไปในสภาฯ


“ถวิล” ไม่หนักใจ 11 ส.ส.ปชป.

นายถวิล ไพรสณฑ์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ได้รวบรวมหลักฐานและข้อมูลของ 11 ส.ส.ของพรรคที่ถูกร้องเรียนกรณีถือหุ้นสื่อเสร็จแล้ว มี 2 คนที่ขอต่อสู้คดีเองคือนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยองและรองหัวหน้าพรรค และนายประมวล พงษ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ มีเพียง 9 ส.ส.ที่ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคช่วยทำคดี ตรวจสอบข้อมูลทั้ง 9 คนแล้วมีการจดแจ้งวัตถุประสงค์ในหนังสือบริคณห์สนธิเพื่อตั้งบริษัท แต่ไม่ได้ประกอบธุรกิจสื่อสารมวลชน จึงไม่หนักใจแนวทางต่อสู้คดีเพราะยึดถือตามข้อเท็จจริง จะอ้างถึงคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งที่เคยพิพากษาตัดสินมาแล้วมาเป็นตัวอย่างเทียบเคียง และยังไม่คิดถึงเรื่องจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้คุ้มครองการยุติการทำหน้าที่ ส.ส.

รับห่วงกระทบเสถียรภาพรัฐบาล

เมื่อถามว่า เป็นห่วงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลนี้หรือไม่ เพราะเพิ่งมีการร้องเรียน ส.ว.ถือครองหุ้นอีก 21 คน ก่อนหน้านี้มี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลถูกร้องเรียนกรณีเดียวกันแล้ว 41 คน นายถวิลกล่าวว่ายอมรับว่าเป็นห่วงเสถียรภาพของรัฐบาลเช่นกัน ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ผู้ถูกฟ้องคดีต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ถึง 21 คนขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลรวม 62 คนจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลแน่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาเช่นไร

ศาล รธน.ไม่ให้ “ธนาธร” ยืดเวลารอบ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่า จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลาเพื่อชี้แจงคดี ถือหุ้นสื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นครั้งที่ 2 ออกไปอีก 15 วัน ล่าสุดมีรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตขยายเวลาให้ชี้แจง เนื่องจากได้อนุญาตให้ขยายเวลา ในรอบแรก 30 วัน คาดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มีการอนุญาตเพียงครั้งเดียวเพียง 15 วันเท่านั้น ทั้งนี้ การพิจารณาอนุญาตหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องเข้าสู่การประชุมของตุลาการคณะใหญ่ เนื่องจากมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 คณะเพื่อพิจารณาคำร้องปลีกย่อย สามารถสั่งรับหรือไม่รับได้ทันที หากไม่ใช่คำร้องเรื่องใหญ่


“บิ๊กตู่” โอ่ทำมา 5 ปีรู้อะไรเป็นอะไร

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องรอยัลมณียา บอลรูม ชั้น M โรงแรมเรเนซองส์ กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงาน CLMVT Forum 2019 จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ และปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การผลักดันให้ CLMVT เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่ายุคใหม่แห่งเอเชีย” ตอนหนึ่งว่า ตลอดเวลาที่ทำงานมา 5 ปี พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรและทำตัวอย่างไร แม้หลายคนบอกนายกฯเป็นคนตลกก็ตามแต่มีสาระ ที่ผ่านทำงานเต็มที่ต้องคำนึงถึงกฎหมาย ถ้าไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายก็จบ ถ้าออกมาต่อต้านกันทุกเรื่องมันไปไม่ได้ เป็นอันตรายของประเทศ เราจะมาให้ร้ายกันไม่ได้ เพื่อนคือเพื่อน อย่าคิดแต่เพียงว่าเราคิดและพูดได้ทั้งหมด เพราะกลายเป็นการพูดที่ไร้ความรับผิดชอบ เรียกร้องอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูตรงไหนเร่งด่วน ต้องไปที่ประชาชนเดือดร้อนก่อน และต้องทำตัวให้ดีขึ้น ไม่อยากเกิดความขัดแย้งทางกฎหมายหรือเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติตามกฎหมายก็จบ ต่อต้านทุกอันไปไม่ได้ ให้ร้ายกันไม่ได้ ต้องรู้จักหน้าที่ตัวเอง

ยึดขันติน่ารักจะตายไม่บ้าโซเชียล

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การใช้โทรศัพท์มือถือ ต้องดูว่าใช้ได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ ใช้เพื่อหาความรู้ให้ตัวเองหรือเปล่า “มี 2-3 คนบอกว่าผมติดโซเชียล ยืนยันไม่ได้ติดโซเชียล เปิดโทรศัพท์ดูอะไรที่ไม่ฉลาด อะไรที่โง่ นั่นแหละคือโซเชียลของผม ไม่ใช่ไปอ่านให้เสียอารมณ์ ใครว่าใครด่าผมจะไปอ่านทำไมไร้สาระ” เวทีสุดยอดอาเซียน 3 วัน เหนื่อยก็เหนื่อย เจรจาตั้งเยอะ ทุกคนเหนื่อยแสนเข็ญจ้องแต่จับผิด นี่แหละโลกโซเชียล อะไรที่ทำลายประเทศตัวเองรับไปกันด้วย ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น คนทำดีเขาพยายามทำกันแทบตายไม่ได้ง่ายเลย รัฐบาลต้องมีนโยบายทางการเมืองดูแลในและต่างประเทศ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร ช่วยกันเป็นห่วงโซ่เดียวกัน พี่จูงน้อง เพื่อนจูงเพื่อน ถ้าอยากได้ความขัดแย้งพูดไป คนเราพร้อมถูกชักจูงอยู่แล้วเรียกว่าอารมณ์ วันนี้อยากให้ทุกคนใช้คำว่า ขันติ โสรัจจะ อดทน อดกลั้น สงบ ในเวลาที่พูดหรือฟังใคร พยายามทำอยู่เพื่อให้รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร ผมเป็นคนแบบนี้น่ารักจะตาย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ยิ้ม-ถอนหายใจอุบไต๋ทูลเกล้าฯ ครม.

ต่อมาเวลา 10.08 น. หลังเสร็จสิ้นเปิดงาน CLMVT Forum 2019 นายกฯได้เดินพูดคุยทักทายผู้บริหารโรงแรมเรเนซองส์ สอบถามการเข้าใช้บริการของลูกค้าช่วงนี้ โดยผู้บริหารโรงแรมระบุว่าดีขึ้น จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามนายกฯถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าขณะนี้ได้นำรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือยัง โดย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบเพียงแต่หันมาส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนขึ้นรถไปปฏิบัติภารกิจต่อที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 14.30 น. หลังนายกฯเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 6/2562 ผู้สื่อข่าวไปถามอีกว่าทูลเกล้าฯรายชื่อ ครม.ใหม่หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ถอนหายใจยาวร้องเสียงดังเฮ้อ แล้วตอบเพียงว่าถามอะไรกันทุกวัน ก่อนเดินกลับขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที

สกรีนคุณสมบัติ รมต.เข้มงวด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการพิจารณาคุณสมบัติ ครม.ใหม่ว่า พอจบเรื่องของอาเซียนคงมาทำเรื่องนี้ ได้ยินมาว่าวันที่ 24 มิ.ย.เริ่มส่งแบบฟอร์มให้บุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีกรอกประวัติ และต้องเข้มงวดขึ้น ต้องดูคุณสมบัติทั้งหมด แยกออก 2 ประเภท คือคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายและเรื่องความเหมาะสม จะเสนอ 2 บัญชีให้นายกฯตรวจสอบ เมื่อมีเรื่องร้องมาต้องทำเรื่องส่งแยกให้นายกฯรับทราบ เมื่อถามย้ำว่า มีการระบุว่า การตรวจสอบประวัติลงลึกถึงอาชีพเก่า นายวิษณุตอบว่า ไม่รู้ไปเอามาจากไหน ไม่ทราบไม่เห็น และไม่ได้ย้อนอะไรในแบบฟอร์มเขียนไว้อยู่แล้วว่า การศึกษาระดับไหนจบมาทำงานอะไร สำหรับตนยังไม่ได้รับแบบฟอร์ม เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรผลโพลชื่นชมให้กลับมาเป็นรองนายกฯอีก นายวิษณุตอบว่า ชมเราก็ขอบคุณ

ชพน.ได้ตำแหน่งหรือไม่อยู่ที่นายกฯ

เมื่อเวลา 10.10 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพลังประชารัฐ กล่าวถึงการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าที่รัฐมนตรีต้องลาออกจาก ส.ส.หรือไม่ว่า อยู่ระหว่างการหารือของผู้บริหารพรรคพิจารณา ส่วนคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อรัฐมนตรีของพรรคเบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร ส่วนใครจะได้เป็นอะไร ยังไม่ทราบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เร็วๆนี้คงจะได้รู้ เมื่อถามกรณีที่พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ทวงคำตอบโควตารัฐมนตรี นายสนธิรัตน์ ปฏิเสธว่า ไม่ทราบ อยู่ที่นายกฯพิจารณา เมื่อถามย้ำว่าจะมีโควตาของพรรคชาติพัฒนาไปเป็น รมช.อุตสาหกรรมหรือไม่ นายสนธิรัตน์ยิ้มก่อนกล่าวว่า อยู่ที่นายกฯ ส่วนกรณีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยรักษาชาติ เรียกร้องให้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคลียร์คดีปล่อยเงินกู้ธนาคารกรุงไทยให้บริษัทเครือกฤษดามหานคร สมัยเป็นกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย นายอุตตมเล่าให้ฟังบอกทุกอย่างจบไปนานแล้ว หากฝ่ายค้านจะหยิบยกประเด็นนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อว่าไม่หนักใจ ชี้แจงกันไปบนหลักการกฎหมาย ผิดว่ากันไป อะไรไม่ผิดแล้วนำมาเป็นประเด็นการเมืองต้องชี้แจง

เชิญพรรคร่วมร่างนโยบายรัฐบาล

นายสนธิรัตน์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดทำนโยบายรัฐบาล กล่าวอีกว่า สัปดาห์นี้พรรคจะมอบหมายให้คณะทำงานไปประสานพูดคุยพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มต้นพูดคุยเพื่อร่างนโยบายรัฐบาลร่วมกัน หลังร่างนโยบายของพรรคไว้แล้ว ไปรับฟังแนวทางจากพรรคร่วม ยังมีเวลาอยู่ระหว่างตั้ง ครม. กฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องแถลงนโยบายภายใน 15 วันหลัง ครม.เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ

พปชร.ติวเข้ม ส.ส.สู้ศึกในสภาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมสภาฯภายใน 15 วันหลัง ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ พรรคจะติวเข้ม ส.ส.เพื่อเตรียมพร้อมโดยเชิญรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานแต่ละด้านผลัดเปลี่ยนมาทำความเข้าใจ หากมีโอกาสอาจเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ร่วมด้วย แต่ก่อนถึงวันนั้น เวลา 13.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. พรรคเรียกประชุม ส.ส.มาพูดคุยผู้บริหารพรรครับทราบแนวทางการทำงานในสภาฯ การแถลงนโยบายรัฐบาล เพื่อรับมือฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามทั่วไปในที่ประชุมด้วย สำหรับการจะให้คนเป็นรัฐมนตรี

ต้องลาออกจาก ส.ส.หรือไม่

แกนนำพรรคยังเห็นต่างกัน โดยเฉพาะนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ต้องทำหน้าที่ประสานงานแกนนำพรรคร่วมในสภาฯและวางเกมต่อสู้ตอบโต้ประเด็นที่อาจถูกฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถาม โดย ส.ส.บัญชีรายชื่อที่มีชื่อจะไปเป็นรัฐมนตรีรวม 5 คน คือนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสมศักดิ์ เทพสุทินและนายสันติ พร้อมพัฒน์

พท.บี้ “อุตตม” ตอบอย่าหลบหลังคนอื่น

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน เรียกร้องให้นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงการอนุมัติเงินกู้กรุงไทยก่อนเป็น รมว.คลังว่า นายอุตตม ควรชี้แจงสังคมด้วยตัวเองมากกว่าให้ใครไม่รู้มาตอบแทน ไม่ได้ให้ความกระจ่างว่าเป็นเอกสารถูกต้องหรือไม่ เป็นลายเซ็นนายอุตตมที่ร่วมอนุมัติด้วยหรือไม่ มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร ทำไมถึงไม่ถูกดำเนินคดีทั้งที่อีก 3 คนโดนคดี นายอุตตมได้ซัดทอดอีก 3 คนหรือไม่ถึงรอด นายพิชัยถามน่าเพราะห่วงความโปร่งใสของนายอุตตมก่อนรับตำแหน่งใหม่ ที่ไม่กล้าชี้แจงเองแสดงว่าไม่มั่นใจหรือไม่ว่าตัวเองโปร่งใสจริง ถึงต้องหลบหลังคนอื่น ส.ส.ฝ่ายค้านจะสอบถามเรื่องนี้ต่อ ถึงวันนั้นต้องตอบคำถามเหล่านี้ด้วยตัวเองอยู่ดี

“ภูมิธรรม”ปลุกปลดพันธนาการ

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก “24 มิถุนา...ผ่านพ้นมา 87 ปี ยังคงต้องรำลึกกันต่อไป” มีเนื้อหาสรุปว่าหลังเลือกตั้งเกือบ 3 เดือนกว่า ยังไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆให้เกิดความหวังขึ้นในสังคมไทย การเมืองไทย ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยเสี้ยวใบ ยังเห็นการคุกคามหรือประทุษร้ายบุคคลที่มีความคิดเห็นต่างหรือใช้การคุกคาม ทำร้ายแม้กระทั่งวาจาและการใช้ อำนาจอิทธิพลด้านการปกครองและทางกฎหมายทุกรูปแบบ จัดการและกระทำต่อนักศึกษา นักวิชาการ ปัญญาชน สื่อมวลชน สถาบันทางการเมืองและประชาชนกลุ่มเห็นต่าง พวกเราทุกคนในสังคมไทยล้วนมีภารกิจสำคัญต้องช่วยกันปลดเปลื้องพันธนาการที่กลุ่มผู้มีอำนาจสร้างขึ้นเพื่อเอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มตน เพื่อให้ประเทศไทยมีมาตรฐานระบอบประชาธิปไตย อย่าให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเมื่อ ครั้งอดีตต้องสูญเปล่า อย่าให้ลูกหลานในอนาคตต้อง รับมอบประเทศชาติที่ปรักหักพัง ขาดความน่าเชื่อถือ


พท.ชวนนักการเมืองจับมือแก้ รธน.

เมื่อเวลา 10.50 น. ที่พรรคเพื่อไทย นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองถึงวันนี้ย่างเข้าสู่ปีที่ 88 การเมืองไทยยังวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ สลับสับเปลี่ยนกันระหว่างรัฐบาลจากการเลือกตั้งและการปฏิวัติรัฐประหาร การเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.62 แม้จะเสรีอยู่บ้าง แต่เป็นที่น่าสงสัยในความเป็นธรรม เป็นไปได้ว่ากติกาต่างๆถูกตราเพื่อประโยชน์พวกตัวเอง หากเราไม่ร่วมกันปลดล็อกเหล่านี้ย่อมไม่มีวันที่ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้น นักการเมืองที่มาจากประชาชนควรหันหน้าเข้าหากัน จับมือกันแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยเร็ว การสืบทอดอำนาจของ คสช. ต้องถูกร่วมมือกันขจัดออกไป สำหรับ ครม.ปัจจุบันเหลือน้อยไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งไม่ควรมีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ด้วย น่าเป็นห่วงว่า คสช.และ ครม.ที่เหลืออยู่ไม่กี่คน อาจคิดว่าจะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีความผิด ขณะนี้ มีสภาฯเกิดขึ้นแล้ว ทางที่ดีต้องรีบตั้ง ครม.ให้เสร็จสิ้น โดยเร็ว ให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันรับผิดชอบ


7 พรรคฝ่ายค้านถกรื้อ รธน.–คำสั่ง คสช.

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ชั้น 8 อาคารไทยซัมมิท มีการประชุมตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยกเลิกคำสั่ง คสช. โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวก่อนการประชุมว่า ต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ คสช.เป็นรัฐธรรมนูญที่รับใช้ คสช. มากกว่ารับใช้ประชาชน พรรคฝ่ายค้านจึงอยากนำบ้านเมืองเข้าสู่ประชาธิปไตยในแนวทางสันติวิธี และเห็นควรต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องส่งเสริมให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลตรวจสอบรัฐบาล รวมถึงนำปัญหาของประชาชนมาผลักดันแก้ไขให้ได้

ชู 4 พันธกิจหลักซักฟอก รบ.–ตั้ง สสร.

ต่อมาเวลา 15.40 น. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน แถลงว่าคณะกรรมการ มีพันธกิจหลักเร่งด่วน 4 ด้านคือ 1.แก้ไขรัฐธรรมนูญ นำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย 2.ล้างมรดกบาป คสช. คำสั่งลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน 3.ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลตามหลักธรรมาภิบาล ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ตำแหน่ง ระหว่างและหลังดำรงตำแหน่ง 4.สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 7 พรรคตรงกัน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อบางพรรคเป็นรัฐบาลเท่านั้น โจทย์คือจะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไรให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดเพื่อให้ยึดโยงกับประชาชน ไม่ใช่ รัฐธรรมนูญที่ให้คนบางกลุ่มบางพวกเขียน แต่ให้เป็นรัฐธรรมนูญของทุกคนในประเทศที่เท่าเทียมกัน โดยมาจากการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ประชาชนไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญเลย ส่วนสถานะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่ยัง ประชุม ครม.ชุดเก่าอยู่ ฝ่ายค้านเตรียมดำเนินการ เรื่องคุณสมบัติอย่างต่อเนื่อง ต้องไปให้สุดทางจนถึงศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน


“ธนาธร” ลั่น ปชต.ไม่ใช่ล้มสถาบัน

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เปิดเวทีปราศรัยพบปะกับสมาชิกพรรคในพื้นที่ภาคอีสาน หัวข้อ “24 มิถุนา วันประชาธิปไตยและคืนอำนาจสู่ท้องถิ่น”

นายธนาธรกล่าวว่า 24 มิ.ย.2475 เป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย 87 ปีที่ผ่านมา ยังมีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนมีเสียงเหนือกว่าประชาชน สิทธิมนุษยชนเสรีภาพยังถูกละเมิดคุกคาม นี่คือผลจากที่เราไม่ช่วยกันปกป้องการอภิวัฒน์หน้าที่พลเมืองที่สำคัญคือต่อต้านรัฐ– ประหารปกป้องประชาธิปไตย อยากชวนให้ทุกคนกลับมาให้ความสำคัญกับวันที่ 24 มิ.ย.เมื่อพูดอย่างนี้ ตนจะโดนคำกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีในเรื่องการสานต่อภารกิจที่ยังไม่สำเร็จของคณะราษฎรอีก ยืนยันอีกครั้งว่า พรรคอนาคตใหม่จะสานต่อการสร้างประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ภารกิจ 2475 ไม่ใช่ล้มล้างสถาบันอย่างที่ถูกใส่ร้าย เราเชื่อมั่นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์จะมั่นคงสถาพรเมื่อประชาธิปไตยเข้มแข็ง

ลุยสนามท้องถิ่น 20 จังหวัด

นายธนาธรกล่าวอีกว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นพรรคคงไม่ส่งผู้สมัครครบทั้ง 77 จังหวัด เนื่องจากพรรคเพิ่งเกิดเติบโตได้เพียง 1 ปี ยังมีเครือข่ายไม่เข้มแข็งพอ ดังนั้น จะส่งผู้สมัครที่พร้อมเพียงแค่ 20 จังหวัด การขยายสู่การเมืองท้องถิ่นคงจะต้องทำทีละก้าว คาดว่าไม่ถึง 1 ปีจะมีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นคงจะใช้เครือข่ายพลังที่มีความรู้ประสบการณ์จากทำงานการเมืองระดับชาติมาประยุกต์ใช้ ขอฝากประชาชนที่สนับสนุนระดับชาติให้สนับสนุนระดับท้องถิ่นด้วย ขอขอบคุณ New World โหวตและทุกคะแนนเสียง ทั้งนักศึกษาคณาจารย์ที่ทำให้ชนะ ส.ส.เขตได้

“ปิยบุตร” ย้ำ 6 หลักคณะราษฎร

นายปิยบุตรกล่าวถึงบทบาทสำคัญของคณะราษฎร โดยเฉพาะการกระจายอำนาจที่สัมพันธ์กับการปฏิวัติ 2475 ว่า คณะราษฎรได้สถาปนาหลักการรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดปกครองประเทศ มีหลัก 6 ประการ ได้แก่ เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพและการศึกษา คือภารกิจสำคัญที่จะดำเนินการ วันนี้มี 3 เรื่องใหญ่เป็นหัวใจของระบอบ ประชาธิปไตย ที่ยังไม่ลงหลักปักฐานในประเทศคือ 1.หลักรัฐธรรมนูญนิยม การประกันสิทธิเสรีภาพประชาชน ทุกสถาบันการเมืองมีอำนาจได้เท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด 2.หลักระบบรัฐสภาต้องทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น สร้างสรรค์ขึ้น และ 3.หลักกระจายอำนาจ แต่เดิมอยู่ที่เราเขาเอาไป ต้องยุติการรวมศูนย์อำนาจได้แล้ว

เครือข่าย ปชช.ยื่น ก.ม.โละคำสั่ง คสช.

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถนนประดิพัทธ์ นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผอ.โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) และนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการไอลอว์ นำกลุ่มภาคประชาชน 23 องค์กร เดินทางจากกระทรวงการคลังมายื่นหนังสือต่อสภาฯ ผ่านนางพรรษมนต์ ไทยวัฒนานุกูล รองเลขาธิการสภาฯ เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. 35 ฉบับที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย โดยนายยิ่งชีพกล่าวว่า เครือข่ายได้รวบรวมรายชื่อประชาชน 13,409 คน มายื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช.ตามกิจกรรมปลดอาวุธ คสช. ทวงคืนสถานการณ์ปกติ การบังคับใช้ประกาศ คสช.เหล่านี้ให้อำนาจทหารจับกุมประชาชนไปคุมขังในค่ายทหารได้ 7 วัน โดยไม่ต้องรับผิด เป็นอันตรายให้ทหารใช้อำนาจตามอำเภอใจ บรรยากาศประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกทางการเมืองมีปัญหาอย่างมาก ขึ้นอยู่กับ ส.ส.และ ส.ว.จะสนับสนุนหรือไม่ หาก ส.ส. คนใดไม่สนับสนุนต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ว่าเหตุใดจึงต้องการให้คงอำนาจทหารไว้ต่อไป ทั้งที่เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยแล้ว

“จุรินทร์” ไป “กระบี่” แก้ปาล์มตกต่ำ

วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม ส.ส.กระบี่ และคณะ ส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ อ.เมือง และ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พบปะชาวสวนปาล์มและกลุ่มแกนนำผู้ประกอบการปาล์มน้ำมัน หลังประสบปัญหาราคาตกต่ำตลอดหลายปี โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า แนวทางประกันรายได้เกษตรกรจะเป็นหนึ่งในนโยบายรัฐบาล เพื่อเป็นหลักประกันให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มว่า จะขายปาล์มได้อย่างน้อยกิโลกรัมละ 4 บาท และมีมาตรการอื่นๆควบคู่ด้วย เช่น ทำไบโอดีเซล และพัฒนาไปเป็นบี 10 บี 20 และบี 100 เพิ่มขึ้น ที่สำคัญต้องเร่งไม่ให้นำเข้าน้ำมันปาล์ม

“นิพิฏฐ์” ชี้กู้ดอกโหดยอมความไม่ได้

อีกเรื่อง เมื่อเวลา 10.30 น. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กหัวเรื่อง “นายทุนเงินกู้นอกระบบ-คืนโฉนด ของจริงหรือแหกตา” ว่า เรื่องคืนโฉนดให้ชาวบ้านที่นายทุนยึดไว้ของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สตช. (ศปฉช.ตร.) การคืนโฉนดมีเรื่องไม่จริง สร้างภาพรวมอยู่ด้วย (ค่อนข้างเยอะ) เมื่อวันที่ 16 พ.ค.62 ศปฉช.ตร.แถลงว่าตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการนี้ ไกล่เกลี่ยไปแล้ว 24,014 ราย คืนโฉนดไป 20,360 ฉบับ เนื้อที่ 57,648 ไร่ ราคาที่ดิน 27,614,488,361 บาท ทั้งนี้ 1.ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 การให้ยืมเงินและเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประการสำคัญเป็นความผิดต่อแผ่นดินที่ยอมความไม่ได้ เมื่อตำรวจพบการกระทำผิดต้องดำเนินคดีทันทีจะไกล่เกลี่ยและระงับคดีไม่ได้ จำนวนที่พบการกระทำความผิดและไกล่เกลี่ยไป 24,014 รายนั้น ตำรวจดำเนินคดีไปกี่ราย หากไม่ดำเนินคดีถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

ท้า ศปฉช.ตร. เปิดชื่อลูกหนี้อุปโลกน์

นายนิพิฏฐ์ระบุอีกว่า 2.ผู้ที่ตำรวจอ้างว่าเข้าไกล่เกลี่ย 24,014 ราย ลองเปิดเผยชื่อมาดูประชาชนจะได้ไปสอบถามได้ว่าคุณลุงคุณป้าเหล่านั้นกู้ยืมเงินนายทุนไปจริงหรือไม่ หรือเพียงเอาโฉนดให้ตำรวจไปแล้วให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลมาแจกโฉนดของตนเองคืน เปิดเผยสถิติคดีมาแล้วจะรู้ว่าของจริงหรือของปลอม นำเรื่องนี้มากล่าวมิได้เจตนาร้ายต่อตำรวจ เจตนาดีเสียด้วยซ้ำ อยากให้ตำรวจดีๆได้ทำงานสะดวกใจ ไม่เสี่ยงทำผิดกฎหมาย ทำงานเข้าสู่ระบบที่ถูกต้อง อยากให้ตำรวจมีวิญญาณของความเป็นกบฏเสียบ้าง สิ่งไหนที่ผู้บังคับบัญชาสั่งและไม่ถูกต้องหัดเป็นกบฏเสียบ้าง มีเรื่องอื่นอีก 2-3 เรื่องจะเล่าให้ฟังค่อยว่ากันอีก

แฉต่อรองคดีหาโฉนดมาแจกคืน

ต่อมานายนิพิฏฐ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า มี ผบช.ภ.ยศ พล.ต.ท.โทรศัพท์มาคุยขอข้อมูลได้บอกว่าเห็นด้วยกับโครงการนี้เพราะช่วยคนจนที่ถูกเอารัด เอาเปรียบ ตอนเริ่มต้นโครงการใหม่ๆโอเค แต่ตอนหลังมันไม่ใช่ของจริงมีจำนวนมากขึ้น ได้ยกตัวอย่างให้ทราบว่า ข้อมูลของ ศปฉช.ตร. ที่ระบุว่าไกล่เกลี่ยไปแล้ว 24,000 ราย คืนโฉนดไป 20,000 ฉบับ เป็นคดีที่ยอมความกันไม่ได้ แต่ตำรวจกลับไปไกล่เกลี่ยคดี ใช้อำนาจอะไรไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย และถ้าไกล่เกลี่ยคดีไปแล้วมีสถิติรายละเอียดหรือไม่ จึงบอกว่ากรณีนี้ไม่เป็นความจริง เพราะตำรวจไม่มีอำนาจไกล่เกลี่ย ต้องดำเนินคดีเท่านั้น ระยะหลังสร้างภาพว่าไปจับนายทุนเงินกู้มา จับจริงอาจ 1-2 ราย มีสัญญาเงินกู้ 5 ฉบับ มาต่อรองว่าใช้สัญญา เงินกู้ 2 ฉบับพอแล้วไปหาโฉนดที่ดินของพรรคพวกมาให้ 20 ใบ จะให้นายมาแจกคืน ในวันที่ทำพิธี จะไม่ถูกดำเนินคดีในหลายๆกรรม ต้องวิ่งหาโฉนดที่ดินให้ได้ มีลักษณะเช่นนี้จำนวนมาก ผบช.ภ.รับปากว่าจะรับข้อสังเกตของตนไว้ และจะดำเนินคดีตามความเป็นจริง จะมีพิธีแจกโฉนดที่ดินอีกครั้งเร็วๆนี้ที่ จ.กาญจนบุรี

ปั้นสถิติผลงานหลอกเจ้านาย

นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า คงไม่ฝากอะไรเป็นพิเศษไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ดูแลเรื่องนี้ การทำคดีช่วยเหลือชาวบ้านคนยากจน ทุกคนเห็นด้วยสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้ถูกต้อง ตามกฎหมายและข้อเท็จจริง ถ้าไม่ทำอย่างตรงไปตรงมาจะถูกหลอกได้จากนายตำรวจบางคนที่ต้องการโชว์ผลงาน นายหรือผู้ใหญ่จะถูกหลอกได้ หรือถ้าให้สิ่งเหล่านี้เดินหน้าต่อ ต้องยอมรับว่ามีกระบวนการต่อรองดำเนินคดี หรือจะไม่ดำเนินคดีอาญาแต่ต้องทำสถิติให้เขา เป็นการละเมิดกฎหมาย ตำรวจชั้นผู้น้อยส่วนใหญ่ลำบากใจมาก ขณะที่มีตำรวจบางนายที่สนับสนุนเรื่องนี้เน้นสร้างสถิติ เจริญเติบโตทางราชการ จึงขอให้ดำเนินคดีตามความเป็นจริง

“บิ๊กป้อม” สั่งสอบปัดไม่เกี่ยว “บิ๊กโจ๊ก”

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ แฉกระบวนการตบตา “พลเอก ป.” ถูกลูกน้องหลอกแจกคืนโฉนดที่ดินว่า เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ทราบเรื่องแล้ว ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบผิดจริงให้ดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด อาจเป็นเพียงเฉพาะรายไป อย่านำไปเหมารวม จะทำให้นโยบาย ช่วยเหลือประชาชนเสียหายได้


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ เรื่องนี้และได้ตอบไปแล้ว เขาพูดคุยกับนายนิพิฏฐ์ เรียบร้อยแล้ว ชี้แจงแล้ว เมื่อถามว่า เรื่องนี้เชื่อมโยงไปถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกฯ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธว่า “ไม่มี ไม่เกี่ยวเลย”

“บิ๊กแป๊ะ” เช็กข้อมูลเตรียมฟ้องกลับ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงมาตรการแก้ปัญหาโฉนดที่ดินที่ตำรวจจับกุมแก๊งเงินกู้เป็นการสร้างภาพว่า หากเห็นว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องประชาชนสามารถฟ้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ไม่ทราบนัยของผู้ที่โพสต์ ต้องการอะไรเพราะเป็นนักการเมือง หากติเตียนตำรวจยินดีรับฟัง ส่วนตัวเชื่อมั่นการทำงานของ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่กำกับดูแลเรื่องนี้ เบื้องต้นสั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายนิพิฎฐ์โพสต์ หากเจตนากล่าวหา หรือต้องการใส่ร้ายตำรวจจะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าจะมีการฟ้องกลับหรือไม่

“ปิยะ” เช็ก ก.ม. เชิญ “นิพิฏฐ์” ให้ข้อมูล

ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า ตำรวจไม่ได้สร้างภาพแน่นอน ไม่ได้ทำงานหน่วยเดียว บูรณาการกัน กว่า 6 หน่วยงาน ไม่สามารถใช้เอกสารที่ดินปลอมมาคืนให้กับประชาชนได้ เบื้องต้นประสานกับนายนิพิฏฐ์ยอมรับว่า โพสต์ข้อความดังกล่าวจริง ได้ให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบและประสานตำรวจ ผบช.ภ.9 ตรวจสอบว่าการโพสต์ข้อความเข้าข่ายความผิดหรือไม่ พร้อมจะเชิญนายนิพิฏฐ์มาให้ข้อมูล

ศาลรวมคดีคนอยากเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งชุด ARMY57 ที่มีนายกาณฑ์ หรือศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายรังสิมันต์ โรม น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา นายธนวัฒน์ พรมจักร นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ นายอานนท์ นำภา นายปกรณ์ อารีกุล และ น.ส.ศรีไพร นนทรีย์ เป็นจำเลยที่ 1-9 กับคดีที่นายเอกชัย หงส์กังวาน เป็นจำเลย ข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และ พ.ร.บ.การ จราจรทางบก กรณีชุมนุมเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่สนาม ฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เคลื่อนตัวไปยังกองบัญชาการกองทัพบก โดยศาล อนุญาตให้รวมคดีนับนายเอกชัยเป็นจำเลยที่ 10 เป็นคดีเดียวกัน และกำหนดวันนัดสืบพยาน 20 นัด นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 26 พ.ค.2563


ชักช้าไม่ได้

การประชุมสุดยอดอาเซียน ASEAN Summit ครั้งที่ 34 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพผ่านพ้นไปแล้ว แต่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีภารกิจต่อเนื่องเดินทางไปประชุมจี 20 ที่เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 27-28 มิ.ย.

เมื่อเสร็จสิ้นงานใหญ่ งานสำคัญระดับประเทศแล้ว แน่นอนว่ากระบวนการจัดตั้งรัฐบาล ฟอร์ม ครม.ที่อัดอั้นมานาน จะกลับมาว่ากันเป็นล่ำเป็นสัน

ตามสัญญาณที่โผ ครม.ตอนนี้ค่อนข้างนิ่งหมดแล้ว อยู่ในมือ “ลุงตู่” จะเขย่าออกมาตามที่เป็นข่าว หรือเปลี่ยนแปลงบางตำแหน่งพอท้วมๆ

ในรายของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ที่สังคมตั้งข้อกังขา ก็ยอมถอยให้ “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” น้องสาวมาทำหน้าที่แทน แต่มิวายโดนขุดคุ้ยเรื่องร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลใน จ.อุทัยธานี อีกกระทอก

ไม่รู้ “ลุงตู่” จะหวั่นไหวต่อกระแสต้านในตัวรัฐมนตรีหรือเครือญาติบางรายรึเปล่า???

เพราะนอกจากตระกูล “ไทยเศรษฐ์” แล้วก็ยังมีตระกูล “พรหมเผ่า” จนมีเสียงนินทาหนาหูเหลือเกินว่าเก้าอี้รัฐมนตรีกลายเป็นโควตาของวงศ์ตระกูลไปแล้วกระนั้นหรือ!!!

อีกโควตาหนึ่งที่มีเสียงแปร่งๆ ผิดคีย์ พรรคชาติพัฒนายังตามควานหาเก้าอี้รัฐมนตรีที่เคยได้โควตาไว้ไม่เจอ

แต่เพราะมี ส.ส.อยู่เพียง 3 เสียง จะพูดอะไรมากก็ไม่ได้

พรรคพลังท้องถิ่นไทย ก็มี 3 เสียงเหมือนกัน แม้ไม่ได้เก้าอี้รัฐมนตรีก็ไม่ได้โวยวายอะไรให้เสียจริต

อย่างไรก็ตาม ดูทรงแล้วรัฐบาลใหม่น่าจะชัดเจนช่วงสิ้นเดือน มิ.ย.หรือไม่ก็ต้นเดือน ก.ค.

คงลากยื้อต่อไปอีกไม่ไหว เลือกตั้งผ่านมา 3 เดือน จนคนลาไปคลอดลูกกลับมาทำงานแล้ว

ปัญหาต่างๆมากมายจิปาถะ รอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาสะสาง ถ้ายังเตะถ่วงลีลากันไม่เลิกก็มีแต่เสียกับเสีย

ว่าก็ว่าเถอะไม่รู้รัฐบาลจะอยู่รอดปลอดภัยไปได้นานแค่ไหน รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอะไรก็เกิดขึ้นได้ ฉะนั้นควรรีบทำคะแนน เอานโยบายที่หาเสียงไว้มาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมก่อนจะสายเกินเพล

ขืนไม่ทำ หรือทำไม่ทันก็เท่ากับไปหลอกต้มชาวบ้าน เลือกตั้งครั้งต่อไปใครเขาจะเลือก!!!

ไอ้ค่าแรงขั้นต่ำที่หาเสียงกันเอาไว้ทั้งพรรคหลักพรรคร่วม 400 บาทบ้าง 425 บาทบ้าง อยากรู้ว่าจะทำได้จริงอย่างที่โม้ไว้รึเปล่า ถ้าทำไม่ได้ก็อยากดูว่าจะแก้ตัวแก้ต่างกันยังไง

ตามรูปการณ์แล้วรัฐบาล “ลุงตู่ 2” นอกจากต้องรีบตั้งให้เสร็จโดยไวแล้ว ยังต้องรีบทำงานแบบด่วนจี๋ ไม่มีเวลาฮันนีมูน ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์

สิ่งสำคัญที่จะประคองสถานการณ์ของรัฐบาลให้เดินหน้าไปได้ นั่นคือผลงานที่โดนใจประชาชน พลิกเปลี่ยนอารมณ์ผู้คนให้รู้สึกว่าเศรษฐกิจปากท้องดีขึ้น นั่นคือยาอายุวัฒนะของรัฐบาลที่ดีกว่ายาไหนๆ

อย่าลืมว่าการเลือกตั้งที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป ควันหลงที่ตามมาคือเสียงนินทาพรรคพลังประชารัฐเรื่องความสง่างามในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

แถมมีเสียงต่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ในเรื่องสัจวาจา การเลือกข้างร่วมรัฐบาล เสียงสะท้อนเหล่านี้ยังกระหึ่มอยู่ในโลกโซเชียล

ถ้าต้องเลือกตั้งใหม่ปีนี้ ปีหน้า ในภาวะพรรครัฐบาลสปีดงานไม่ขึ้น ก็อาจต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ยับเยิน

เรื่องนี้ไม่บอกก็รู้อยู่เต็มอก หากรัฐบาลอยากอยู่ยาวต้องเร่งปั่นผลงาน เพื่อลบเลือนความทรงจำ!!!

“พ่อลูกอิน”