PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พรุ่งนี้ "ผู้ใหญ่วอ" พาลูกชายตรวจดีเอ็นเอที่สตช.ยืนยันความบริสุทธิ์

พรุ่งนี้ "ผู้ใหญ่วอ" พาลูกชายตรวจดีเอ็นเอที่สตช.ยืนยันความบริสุทธิ์

29ต.ค.57 พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากตำรวจภูธรภาค 8 ว่า ในวันพรุ่งนี้ นายวรพันธ์ ตู้วิเชียร หรือผู้ใหญ่วอ และนายวรท ตู้วิเชียร บุตรชาย จะเข้าเเสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฏร์ธานี
โดยจะมาเข้าตรวจดีเอ็นเอ ต่อหน้าคณะเจ้าหน้าที่เเละสื่อมวลชน เนื่องจากครอบครัวถูกกระแสสังคมกดันอย่างหนัก และนายวรทเองก็ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจระบุว่า หากผลการตรวจดีเอ็นเอ ออกมาตรงกันกับตัวอย่างที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ นายวรท จะตกเป็นผู้มีส่วนร่วม แต่หากดีเอ็นเอ ออกมาไม่ตรงกัน สังคมก็จะต้องมีความยุติธรรม กับครอบครัวของนายวรทเช่นกัน
โดยในการตรวจดีเอ็นเอที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้ นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลรามา และทางตำรวจได้ขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลศิริราช กับทางโรงพยาบาลจุฬาร่วมตรวจดีเอ็นเอในครั้งนี้

พล.อ.ประยุทธ์

Date: 29 ตุลาคม 2014
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาภาพ :http://www.thaigov.go.th/th/media-centre/
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาภาพ :http://www.thaigov.go.th/th/media-centre/
1 สัปดาห์หลังทำงานครบ 5 เดือน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปลี่ยนสไตล์การสื่อสารกับสื่อและสาธารณะใหม่แบบหน้ามือเป็นหลังมือ
หลังฝ่าวิกฤติการเมืองเข้าสู่โรดแมปขั้นที่สอง เตรียมยกร่างรัฐธรรมนูญ และก้าวเข้าสู่การเลือกตั้ง ตามกำหนดการในโรดแมปขั้นที่สาม ในช่วงปี 2559 เป็นอย่างเร็ว โดยปราศจากปัจจัยแทรกซ้อน
แต่มีปัจจัยเศษฐกิจที่ไม่อาจควบคุมได้ แม้เป็นรัฐบาลเบ็ดเสร็จ มีเสียงทั้งหมดฝ่ายเดียวในฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ
เมื่อเศรษฐกิจไร้ข่าวดี มีแต่ข่าวร้าย ทั้งเศรฐกิจชะงักงัน-การส่งออกติดลบ-หนี้ครัวเรือนท่วม-เงินฝืด ประชาชนขาดความมั่นใจในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะที่ปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน เช่น กรณี “เกาะเต่า” สะท้อนประสิทธิภาพของการทำงานรัฐมนตรีไปโดยปริยาย
ไม่นับรวมพันธะ-ภาระ ที่รับไม้ต่อมากจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ การบริหารจัดการข้าว 18 ล้านตัน และข้าวฤดูกาลใหม่อีกราว 7 ล้านตัน ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หล่นพ้นจากเก้าอี้ ทั้งยังมีปัญหาราคายาง ที่ทำให้กลุ่ม กปปส. นำมาเป็นเงื่อนไขในการชุมนุมยืดเยื้อ
สารพัดปัญหาโถมกระหน่ำตกไปอยู่ที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว ราวกับมรสุมฤดูฝนปนฤดูหนาว
ความเคร่งเครียด หงุดหงิด ตะกอนในใจของ พล.อ. ประยุทธ์ จึงหลุดออกมาทางหน้าสื่อ เกิดการปะทะทางอารมณ์และปะทะทางความคิด จนกลายเป็นกระแสสังคม ส่งผลให้ “ผลงาน” ถูกกลบลบเลือน
กลายเป็นเสียงบ่นดังๆ ในห้องประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2557 ที่ห้องสโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี
เป็นเสียงของ พล.อ. ประยุทธ์ ที่กล่าวว่า “รัฐบาลและ คสช. ทำงานให้ประชาชนตั้งหลายอย่าง แต่ทำไมประชาชน สื่อ ถึงบอกว่าเราไม่ทำอะไรเลย” ดังก้อง สะท้อนอยู่ในใจ ได้ยินทั้งห้องประชุม คสช.-ครม.
คำบ่นของนายกรัฐมนตรี กลายเป็นคำถามที่ส่งสัญญาณไปถึง “ทีมกุนซือพลเรือน” ของ คสช. ที่ประจำการอยู่ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) และคณะ คสช. ทั้ง 15 คน
คำบ่นของนายกรัฐมนตรี กลายเป็นโจทย์ของ “ทีมกุนซือพลเรือน” ที่ต้องไขคำตอบ ขบคิดหาทางแก้ปัญหา ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ–การเมือง
ต้นสัปดาห์นี้ ทั้งนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเสนาธิการของทีมตึกไทยคู่ฟ้า และฝ่ายที่ปรึกษา คสช. ยอมรับตรงกันใน 3 ประเด็นว่า 1. ปัญหาทุกปัญหาถูกรวมอยู่ที่นายกรัฐมนตรีต้องตอบคนเดียว 2. ทีมรัฐมนตรีส่วนหนึ่งขาดคุณภาพ 3. การสื่อสารกับสาธารณะในรายการ “คืนความสุข” ทุกวันศุกร์ มุ่งตอบคำถามและรายงานการทำงานของรัฐบาลมากเกินไป
ดังนั้น ทั้งฝ่ายนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษา จึงกำหนดแนวทางแก้ปัญหา ออกจากกับดักการเมือง เพื่อป้องกันคะแนนนิยมไม่ให้ตกไปกว่านี้ และหาทางแก้ปมประชานิยม ไม่ให้ประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจเกิดกระแสเรียกร้องการบริหาร “สไตล์ทักษิณ” อีกครั้ง
นับจากนี้ไป พันธะ-ภาระ ของนายกรัฐมนตรี จึงจะโฟกัสเฉพาะ 4 เรื่องเท่านั้น คือ 1. การแก้ปัญเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของรายได้ 2. การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน 3. การปฏิรูปการศึกษา 4. การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านและมหาอำนาจจีน-ญี่ปุ่น เพื่อสร้างสมดุลการลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่
ยุทธศาสตร์แรก ที่นายกรัฐมนตรีจะ “ทำทันที” คือ การสื่อสารแบบจำกัด ภาพที่ปรากฏชัดทันที หลังเห็นชอบข้อหารือกับทีมที่ปรึกษาผ่านไป 24 ชั่วโมง คือ การแถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2557
เป็นครั้งแรก ที่นายกรัฐมนตรีกลับมาใช้โพเดียมอีกครั้ง หลักยกเลิกไปราว 1 สัปดาห์ และเจาะจงสื่อสารทางเดียวด้วยการพูดเฉพาะเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องการสื่อสาร โดยไม่ฟังคำถามผู้สื่อข่าว
เป็นครั้งแรก ที่นายกรัฐมนตรีพูดว่าอนาคตประเทศจะลงทุนอะไร ทำอะไร ด้วยเหตุผลใด แทนการบอกว่าที่ผ่านมาทำอะไร เช่น จะเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ให้ร่วมลงทุนโครงการพื้นฐาน จะพัฒนาการค้าชายแดนผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 จุด ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า จะพยายามดูแลค่าครองชีพ เร่งรัดการส่งออก ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น
เป็นครั้งแรก ที่นายกรัฐมนตรีแถลงเรื่องเศรษฐกิจรวดเดียว 3 เรื่อง ที่เป็นปัญหาคาใจ เช่น จำนวนสต็อกข้าว, ทิศทางปฏิรูปพลังงาน, โครงการลงทุน 3 ล้านล้าน และการพัฒนาชายแดน และตอบคำถามประเด็นการเมืองแบบสั้นๆ กระชับ และไม่ตอบโต้แบบยืดเยื้อหรือเปิดประเด็นใหม่
เป็นครั้งแรก ที่นายกรัฐมนตรีมีเสียงราบเรียบ ไม่มีเสียงดัง ดุเดือด ดราม่า
เป็นครั้งแรก ที่นายกรัฐมนตรีหันไปมองทีมงานฝ่ายเสนาธิการประจำตึกไทยคู่ฟ้า ที่ส่งสัญญาณให้เลิกการแถลงข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า “พอแล้ว เขาส่งสัญญาณให้พอแล้ว”
ในช่วงท้าย เมื่อถูกถามเรื่อง “อำนาจนายกรัฐมนตรี” พล.อ. ประยุทธ์ ตบอกตัวเอง พร้อมบอกว่า “ผมเป็นหัวหน้า คสช. อย่าลืมกันว่า คสช. มาเพื่อทำอะไร”
จากนั้น พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ตอกย้ำ ว่า “นายกรัฐมนตรี จะพูดชี้แจงเองคนเดียวไม่ได้แล้ว ต่อไปนี้ รัฐมนตรีต้องออกแรงกันบ้าง”
ยุทธศาสตร์ที่สอง คือ นายกรัฐมนตรีจะมีการกำหนดการไปเยือนสื่อหลายสำนัก ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์
ยุทธศาสตร์ที่สาม เพื่อตอบโจทย์ที่ว่า “รัฐมนตรีบางคนขาดคุณภาพ” ข้อหารือระหว่างนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเสนาธิการ และที่ปรึกษา จึงมีวาระการประเมินผลงานรัฐมนตรี ว่าหากต้นปี 2558 ยังไร้ผลงาน ก็อาจต้องปรับคณะรัฐมนตรี
ยุทธศาสตร์ที่สี่ เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ลำดับการสั่งการสั้นกระชับ จึงจะมีการออกแบบ “ทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายพลเรือน” อยู่ในโครงสร้างอำนาจของ คสช. เพื่อช่วยกำหนดวาระของรัฐบาล ในทีมนี้จะมีการทาบทาม นักธุรกิจ-นักเศรษฐศาสตร์-นักกฎหมาย เข้าร่วมประมาณ 7 คน เพื่อเชื่อมโยงงาน กำหนดทิศทางของฝ่ายรัฐบาล-คสช.-สภาปฏิรูปแห่งชาติ-สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมกัน เช่น นายบรรยง พงษ์พานิช ,นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ, นายดอน ปรมัตถ์วินัย โดยให้ตัวแทนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมเป็นฝ่ายเลขานุการ
ยุทธศาสตร์ที่ห้า เพื่อเตรียมการกำหนดญัตติสาธารณะด้านเศรษฐกิจ-ต่างประเทศ จึงมีการกำหนดร่วมกันว่า ในการไปประชุมกลุ่มเอเปก ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 10-11 พฤศิกายน 2557 จะมีการทำข้อตกลงด้านการค้าและการลงทุนโครงการพื้นฐานกับ 2 ประเทศ หลังหารือแบบทวิภาคีกับจีนและญี่ปุ่น โดยจะต้องจัดแผนการเยือนกลุ่มประเทศอาเซียนจนครบ แล้วจึงกำหนดให้มีการเยือนจีนและญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการตามลำดับอีกครั้ง
ทั้งนี้ วาระของนายกรัฐมนตรี นับจากนี้ นอกจากมิติด้านการทูตและความมั่นคงแล้ว จะมีมิติด้านเศรษฐกิจการลงทุนโครงการพื้นฐาน 3 ล้านล้านผสมผสานไปด้วย ตามนัยแห่งคำพูดนายกรัฐมนตรีหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา คือ การลงทุนบางรายการ จะมีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน แบบรัฐต่อรัฐ
โดยวาระการเยือนกลุ่มอาเซียนอย่างเป็นทางการ และวาระระหว่างประเทศ ของนายกรัฐมนตรี มีดังนี้
30-31 ตุลาคม 2557 เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
12-13 พฤศจิกายน 2557 ร่วมประชุมกลุ่ม ASEAN ที่เมียนมาร์
28-29 พฤศจิกายน 2557 เยือนลาวอย่างเป็นทางการ
30 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2557 เยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ
11-12 ธันวาคม 2557 ร่วมประชุม ASEAN ที่เกาหลี
19-20 ธันวาคม 2557 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมกลุ่มประเทศ GMS

มติ สปช.20คน


ด่วน! มติสปช. เคาะเเล้ว 20 รายชื่อ นั่งกมธ.ยกร่าง มานิจ ที่1-เอนก-ไพบูลย์-วุฒิสาร

วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557
 เวลา 18:26:32 น. 
 
วันที่ 29 ตุลาคม ณ ห้องประชุมรัฐสภา ชั้น 2 อาคารรัฐสภา1 มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 20คน โดยนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ว่าที่ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานการประชุม จากนั้นประธานการประชุมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามีผู้สมัครเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งสิ้น 31 คน จากทั้งหมด 32คนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ส่งหนังสือขอถอนตัวจากการสมัคร ซึ่งที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้แนะนำตัวต่อที่ประชุมคนละ 2 นาที เมื่อผู้สมัครได้แนะนำตนเองแล้ว สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติได้ทยอยลงคะแนนลงคะแนนเลือกตั้งตามลำดับจนครบ ผลการนับคะแนนผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในสัดส่วนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ จำนวน 20 คนมีดังนี้

1.นายมานิจ สุขสมจิตร ด้านสื่อสารมวลชน
2.นายประชา เตรัตน์ สปช.ภาคกลางและภาคตะวันออก
3. นางถลิลวดี บุรีกุล ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน
4. นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา ด้านสังคม
5. นายเชิดชัย วงศ์เสรี สปช.ภาคใต้
6. พลโท นคร สุขประเสริฐ สปช.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
7. พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช ด้านพลังงาน
8. นายชุมพล สุขมั่น สปช.ภาคเหนือ
9. นายวุฒิสาร ตันไชย ด้านการปกครองท้องถิ่น
10. นายคำนูณ สิทธิสมาน ด้านกฏหมายและกระบวนการยุติธรรม
11. นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ด้านการเมือง
12. นางทิชา ณ นคร ด้านการศีกษา
13. นางนรีวรรณ จินตกานนท์ ด้านเศรษฐกิจ
14. นายจรัส สุวรรณมาลา ด้านการปกครองท้องถิ่น
15. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ด้านการเมือง
16. นางสาวสุภัทรา นาคะผิว ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
17. นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
18. นายชูชัย ศุภวงศ์ ด้านการเมือง
19. พลโทนาวิน ดำริกาญจน์ ด้าน อื่นๆ
20. นายมีชัย วีระไวทยะ ด้านการศึกษา

เสธน้ำเงิน:ทหารจัดคนประกบแกนนำที่กำลังเคลื่อนไหวทุกฝ่าย

วันที่ 29 ต.ค.57 ไม่ไหวจะฮา..โหวงเหวง กับ แป๊ะลิ้ม เป็นอะไรมากไหมเนี่ย

ระยะต่อจากนี้ไปสถานการณ์ป่วน คงค่อยๆ คลี่คลายลง เพราะประเมินกระแสประชาชนแล้ว มีความเข้าใจการทำงานของรัฐบาล - คสช และทหาร มากขึ้น เนื่องจากประชาชนอยากเห็นบ้านเมืองสงบ และเดินหน้าไปได้

มีเรื่องขำๆ ชวนคลายเครียด มาเล่า 2 เรื่อง
-------------> 

เรื่องที่ 1..โหวงเหวง อดีต ส.ส.เผาไทย และแกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. และอดีตแกนนำปราศัยเวทีพันธมิตร ขับไล่คนแดนไกล ระบุถึงกรณีที่ เป็ดเหลิม อดีต ผอ.ศูนย์รวมสัตว์ แฉ ถึงจำนวนคนเสื้อแดงที่ชุมนุมบริเวณถนนอักษะ กรุงเทพฯ ว่ามีเพียง 9.7 หมื่นคน 

ไม่ถึง 3 แสนคนอย่างที่แกนนำแดงบอก และ ส.ส.เผาไทย เกณฑ์คนมาชุมนุม โดยให้ค่ารายหัว โหวงเหวงน้ำลายแตกว่า จำนวนผู้ร่วมชุมนุมนั้นต้องดูว่า วินาทีที่นับอยู่ในช่วงเวลาใด และใช้มาตรฐานอะไรในการนับ อีกทั้งเป็นการดูถูกพี่น้องเสื้อแดง เพราะคนเสื้อแดงมาชุมนุมด้วยหัวใจ...หิ้ว !!

โหวงเหวง ปะฉะดะต่อว่า เป็ดเหลิม พูดว่าจะจับกุมพระสุเทพ เลขาธิการ กปปส. เข้าคุก แต่ไม่สามารถจับได้ ถือว่า เป็ดเหลิม ไร้ความสามารถ และไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน จนทำให้มีการชุมนุม และเป็นสาเหตุที่ให้เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา

ก๊าก..ช่วงนั้นโหวงเหวงถึงกับประกาศว่ามีแดงชุมนุม 6 แสนคน ส่งผลทำให้คนเฒ่าแก่หลายล้านคน ที่ฟันโยก หัวเราะกันจนฟันร่วงหมดปาก แต่ เจ้าหน้าที่เขานับม็อบแดงจริงช่วงพีคสุดได้ 1.2 หมื่นคนเองนะโหวงเหวง 

แถมวันสุดท้ายมีไม่ถึง 200 คนเสียด้วย และหัวใจของคนเสื้อแดง ก็คือแบ็งค์ม่วงไง อมเงินหัวคิวเขาไปตั้งมาก แค่นึ้ทำเป็นลืม

และตอนทหารเข้าสลายการชุมนุมที่เวทีอักษะหน่ะ...คริ คริ..น้องๆ ทหาร แค่เล่นปะทัดปุ้งปั้ง นิดเดียว โหวงเหวงโดนรวบบนเวที ขี้ขึ้นไปกองอยู่เบ้าตา วิ่งแน่บ เปลี่ยนเสื้อสีแดงเป็นเสื้อสีอื่นแทบไม่ทัน

ที่สำคัญ ฉี่แตกเต็มกางเกงเลย เหม็นคลุ้งรถทหารที่ควบคุมตัวไปหมด..ยังจำวันชื่นคืนสุขนั้นได้ไหมนะ ฟินจัง..แหม มีเมียเป็นนกแสก " สาวงามยามดับไฟ" แค่นี้ทำเป็นขี้ลืม..ฮา

------------->
เรื่องที่ 2...บทสนทนาของ บิ๊กตู่ นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. กับนักข่าว ที่ทำเนียบรัฐบาล 

นักข่าว : มีทหารขับมอเตอร์ไซค์ไปวนเวียนอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก แป๊ะลิ้ม อดีตแกนนำพันธมิตร ฯ โดยมีการบันทึกภาพเข้าไปภายในบ้านนั้น 

บิ๊กตู่ : เหรอ มอเตอร์ไซค์ใคร? ...(คริ คริ)

นักข่าว : เป็นมอเตอร์ไซต์สวมใส่เครื่องแบบทหาร ไปยืนถ่ายรูปหน้าบ้าน และ ในบ้านด้วย 

บิ๊กตู่ : “อ๋อ..คงไปดูแลความปลอดภัยมั้ง ก็ไปดูแลทุกบ้านแหละ "...(ฮา)

นักข่าว : นายกฯ ส่งไปดูแล ? 

บิ๊กตู่ : ไม่รู้ผมไม่รู้ ฝ่ายความมั่นคงเขาทำ เขาก็ต้องดูแลความปลอดภัยความเคลื่อนไหวต่างๆ ผมบอกแล้วว่า "ทุกคนต้องอยู่ในความสงบกันให้ได้" ท่านว่าผมตั้งเยอะตั้งแยะ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แต่ผมคงไม่ไปทะเลาะอะไรกับท่านหรอก....(ฮา)

แป๊ะลิ้ม : กรี๊ดๆๆ #@1*&^%$#*$#&&***($@.....บลาๆ ๆๆ...ฮามาก เม้งแต๋วแตกเลย !!

------------->
กลุ่มป่วนเล่นสงครามประสาท ปลุกระดมมวลชนมากันเยอะพอแลัว ต่อไปให้น้องๆ ทหารไปบริการ ดูแลรักษาความปลอดภัยที่บ้านแกนนำ ที่ออกมาโจมตีรัฐบาล และ คสช...คงต้องดูและทั่วถึงทุกบ้าน เดี๋ยวจะถูกหาว่าหลายมาตรฐานอีก

น้องๆ เขาน่ารัก มีบริการถ่ายรูปแช๊ะๆๆ เซลฟีให้ด้วยนะ ต้องระวัง เพราะช่วงนี้จะใกล้ลอยกระทงแล้ว แกนนำป่วนต้องปลอดภัยไว้ก่อน เกรงไอ้จุกไอ้แกละ จะเอาปะทัดมาปาเล่นใส่บ้านอ่ะ..เด็กสมัยนี้มันซ้น ซน..ฮา

@ เสธ น้ำเงิน1
https://www.facebook.com/topsecretthai

"กติกา" โปรดงดออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้ /นำข่าวลือเขาว่ามาโพส / ลิ้งใดๆ ทุกชนิด / คำหยาบ / ข้อความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหา / ภาพ / การให้ร้ายดูหมิ่นรัฐ และ คสช. ฯลฯ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อกเข้าเพจนี้
 (รูปภาพ 10 รูป)
รูปภาพของ แฉ..ความลับ
รูปภาพของ แฉ..ความลับ
รูปภาพของ แฉ..ความลับ
รูปภาพของ แฉ..ความลับ

เสธน้ำเงิน:จับตา ทหารงัดกฎอัยการศึกเรียกสื่อโจมตีเข้าบ้านAF

วันที่ 28 ต.ค.57 ทหาร เตรียมเรียกกลุ่มโจมตีรัฐบาล-คสช. เข้าค่าย AF

กรณีที่ยังมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ให้ร้าย เผยแพร่คลิปวิดีโอ โพสโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อโจมตีการปฏิบัติงาน ต่อรัฐบาล - คสช. และทหาร นั้น บิ๊กโด่ง รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระบุว่ากำลังติดตามตัวอยู่

ขอฝากบอกไปถึงคนที่ไม่ปรารถนาดีนำสิ่งต่าง ๆ ลงในเว็บไซต์ ว่า การให้ร้ายเกินเลย ทหาร "มีจำเป็นต้องมีการเรียกตัวเข้ามา" โดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก มาปรับทัศนคติ

แม้ว่า บางคนจะไม่เปิดเผยตัว ฝ่ายความมั่นคงก็จะติดตามตัวต่อไป ดังนั้นขอความร่วมมือประชาชน อย่าไปสนใจบางคนที่ไม่มีความปรารถนาดีต่อรัฐบาล - คสช. และทหาร

ผบ.ทบ.ฝากมาถามว่า กลุ่มโจมตี ไม่รักประเทศไทยแล้วใช่ไหม? เพราะสิ่งที่ผ่านมายืนยันแล้วว่า ทุกคนที่มาปฏิบัติหน้าที่โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. มีความตั้งใจดีเสียสละในการทำงาน

ตั้งใจที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้นไปและกู้วิกฤตให้กลับคืนมา เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ หากมีข้อคิดเห็นต่าง ๆ สามารถส่งมาผ่านทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือทางกองทัพบกก็ได้เพื่อจะรับไปแก้ไข ถ้าเป็นภาพรวมก็จะส่งไปให้ในส่วนงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

----------->
สารพัดแก็งค์ป่วนตอนนี้ทั้งหลาย เตรียมเก็บของใส่กระเป๋ารอไว้ได้เลย ใครที่เคยโพสภาพ ข้อความ คอมเม็นท์ โจมตีทั้งหลาย ฝ่ายความมั่นคงได้ทำตัวเป็นเป้าล่อ "ลับ ลวง พราง" หลอกให้ท่านค่อยๆ เผยตัวมานานแล้ว !!

โดยได้ทำการแค็ปภาพหน้าจอ ชื่อ ประวัติ ภาพถ่าย ของท่าน ที่ทำการโจมตี และคนที่เชื่อมโยง เกี่ยวข้องไว้หมด เรื่องนี้มีการแอบเก็บข้อมูลทุกคนที่ให้ร้าย ทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค มาพักใหญ่ๆ แล้ว

ตัวดังๆ เป้งๆ ตัวกลาง ตัวเล็กตัวน้อย ต้องถูกเรียกเข้าบ้าน AF ยกเข่งแน่ สื่อมวลชนสำนักใดที่ "ทำผิดเงื่อนไข" อาจต้องถูกหยุดไปก่อน และนักข่าวก็ต้องเข้าค่าย AF (Army Fantasia) Series2 ด้วย เพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ

ลุ้นระทึก ว่าใครจะถูกประกาศเรียกชื่อผ่านทางจอทีวีไปทั่วประเทศเหมือนเคย..ทั้งหมด แถววว ตรง ปรี๊ด ปรี้ ปรี๊ด..คริคริ (^_^)

@ เสธ น้ำเงิน1
https://www.facebook.com/topsecretthai

"กติกา" โปรดงดออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้ /นำข่าวลือเขาว่ามาโพส / ลิ้งใดๆ ทุกชนิด / คำหยาบ / ข้อความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหา / ภาพ / การให้ร้ายดูหมิ่นรัฐ และ คสช. ฯลฯ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อกเข้าเพจนี้
 (รูปภาพ 6 รูป)
รูปภาพของ แฉ..ความลับ

เสียงบ่นจากคนกันเองถึง คสช.


ท่ามกลางความวุ่นวายที่กำลังสับสนมากขึ้นในทุกมิติจนต้องเริ่มที่จะพิจารณาอย่างละเอียดว่า คสช.ทำเพื่อใคร คสช.จริงใจหรือเปล่าหรือเพียงว่าแก้ผ้าเอาหน้ารอดจากกรณีที่ พลพรรค นปช.คนเสื้อแดงจะถล่มละลาย มวลมหาประชาชนและ กปปส.หลังจากที่ กปปส.ประกาศสลายตัวเองโดยที่พระกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเข้ามอบตัวในวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ทหารจึงต้องออกมาป้องกันไม่ให้มิคสัญญีสงครามกลางเมืองซึ่งกองทัพต้องเผชิญหน้ากับกองทัพประชาชนหลายฝ่าย

มาวันนี้พฤติกรรม คสช.กลายเป็นปริศนาว่า คสช.กำลังทำอะไร มีวัตถุประสงค์อะไร วาระซ้อนเร้นกำลังจะถูกเปิดเผยเพราะพฤติกรรมตัวเอง คสช.ต่างกับคณะรัฐประหารอื่นๆเพราะว่าไม่เคยชี้แจงเหตุผลการทำรัฐประหารแต่แต่งเพลงเพื่อสร้างภาพว่า"คืนความสุขให้ประชาชน"และจะเอาจริงกับพวกหมิ่นสถาบัน พวกโกงกินบ้านเมือง แต่เอาเข้าจริงๆเหมือนกับทำเฉยกับพวกโกงกินบ้านเมืองและไม่ได้แสดงว่าจะเอาจริงกับพวกหมิ่นสถาบันที่หนีออกนอกประเทศ

ผมตั้งความกังขาไว้ในใจ การปรองดองไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนหากว่า ปัญหาการโกงบ้านโกงเมือง ไม่ถูกกำจัดด้วยอำนาจตุลาการและอำนาจกฏอัยการศึกอย่างเคร่งครัดและยุติธรรมแต่รวดเร็ว การต่อต้านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การประกาศแยกประเทศ การสังหารประชาชนและเด็กไม่มีอยู่ในวาระของ คสช.เลยว่าจะเอาจริงหาคนกระทำผิด

คสช.ยังเชื่อมั่นว่าบุคคลที่อยู่ในระบบการบริหารรัฐในปัจจุบันเป็นบุคคลที่ประชาชนชื่นชอบและเป็นคนเก่งจริงๆ แต่ประเทศชาติกำลังเผชิญกับวิกฤติศรัทธาและจะทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

สาธารณรัฐอาฟริกาใต้ปรองดองกันได้เพราะคนขาวที่เป็นคนส่วนน้อยปกครองคนดำพื้นเมืองแบบนายกับทาส กฏการแบ่งแยกผิวและสิทธิของคนขาว คนขาว ยอมรับผิดว่าพวกเขาเป็นคนผิดเอาเปรียบและทำทารุนกรรมคนผิวดำ ยอมรับผิดว่าทำความเลวร้ายกับคนดำ

การยอมรับผิดของคนขาวทำให้คนดำยกโทษให้ประเทศชาติสงบสุข

ประเทศไทยมีคนที่ทำผิดทั้งทางสังคม ทางนิตินัย ทางพฤติกรรม อย่างเห็นได้ชัด การข่มขู่อำนาจตุลาการ การเอาเปรียบสังคมด้วยการเอาพวกพ้องเข้ามาปกครองบริหารประเทศ ฯลฯ แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือการทำให้อำนาจมืดคงสภาพเดิม อำนาจมืดยังคงศักยภาพเดิมที่จะกลับมาครองบ้านเมืองได้อีกเพราะอำนาจตุลาการทำอะไรไม่ได้เพราะขบวนการยุติธรรมและการเมืองได้รับการคุ้มครองจาก แนวคิดปรองดอง(จอมปลอม)ของคสช.