PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2562

ทวี สอดส่อง : การเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่ออาชญากรรมต่อประชาชน

Tawee Sodsong - พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง
21 ชม.
การเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่ออาชญากรรมต่อประชาชน
การที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2562 (ข่าวที่ 7/2562) กรณี คณะกรรมการ กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กกต.จะคำนวณ ส.ส.บัญชีราชชื่อตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 อย่างไร
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 ว่ากรณีดังกล่าวเป็นหน้าที่และอำนาจของผู้ร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 128 ซึ่งต้องกระทำหลังจากมีการประกาศผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตแล้ว และข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ใช้หน้าที่และอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของผู้ร้องเกิดขึ้นแล้วคำร้องนี้จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 วรรค 1 วงเล็บ 2 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพศ 2561 มาตรา 44 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้
รู้สึกกังวลและขาดความมั่นใจอย่างมากในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ว่าจะสร้าง “ความเป็นธรรมทางกฎหมาย และความเสมอภาคภายใต้กฎหมาย” ได้เพียงใด ทั้งนี้เพราะ กกต. เป็นองค์กรอิสระ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม การปฏิบัติหน้าที่ การพิจารณาและมีคำสั่งของ กกต. ต้องถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่ง กกต. ไม่มีอำนาจในการตีความกฎหมายเพราะไม่ใช่ฝ่ายนิติบัญญัติ ทำได้เพียงวินิจฉัยข้อเท็จจริงกับบทบัญญัติตามลายลักษณ์อักษรเท่านั้น ในกรณีของกฎหมาย จะต้องยึดหลักการว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมายอื่นที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้ด้วย
การเลือกตั้งเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ที่หนึ่งสิทธิ หนึ่งเสียง มีคุณค่าเท่าเทียมกัน ดังนั้น กกต.จะต้องไม่กระทำการตามอำเภอใจ จะต้องบังคับใช้กฎหมายด้วยความยุติธรรม เป็นไปตามลายลักษณ์อักษร ไม่คลุมเครือแอบแฝง ซึ่งบุคคลทุกคนต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันและไม่เอากฎหมายอยู่ในอุ้งมือเป็นสมบัติส่วนบุคคลของกลุ่มใดๆ หรือใช้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจในการรักษาและสืบทอดอำนาจ มิเช่นนั้น กกต. จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่สร้าง “ภยันตรายต่อสังคม” และการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมก็คือ การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการก่ออาชญากรรมต่อประชาชน นั่นเอง
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง
เลขาธิการพรรคประชาชาติ
24 เมษายน 2562

ป่วน!สูตรปาร์ตี้ลิสต์ กกต.ถกด่วนศาลรธน.ไม่รับคำร้อง/ประเดิมใบส้มเด็กพท.


    กกต.หน้าแหก! ศาล รธน.มีมติไม่รับคำร้องปมคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ชี้ยื่นเองไม่ได้ ซ้ำไม่ปรากฏว่า กกต.ได้ใช้หน้าที่และอำนาจคำนวณ ส.ส.ถือว่าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ "จรุงวิทย์" จ่อนำมติเข้าที่ประชุม กกต. 25 เม.ย.นี้ แต่ยังมึนไม่รู้จะใช้สูตรใด แจก "ใบส้ม" แรก "สุรพล เกียรติไชยากร" ว่าที่ ส.ส.เพื่อไทย เขต 8 เชียงใหม่ ปมให้เงินวัด จัดเลือกตั้งใหม่หลัง 9 พ.ค. เจ้าตัวแจงถวายเงินทำบุญ “บิ๊กตู่”มั่นใจตั้งรัฐบาลเลือกนายกฯ ในบัญชีพรรคได้ตามกลไกสภา ลั่นขอให้ฟังสิ่งที่พูดบ้าง เพื่อความสงบสุข "ชวน" ขอโทษสมาชิกที่ทำให้ผิดหวัง วอนอย่าต่อว่ากันมาก
    เมื่อวันที่ 24 เมษายน ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงต่อสื่อมวลชน ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับปัญหาการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า กกต.ไม่สามารถใช้สิทธิ์ยื่นต่อศาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (1) ได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้บัญญัติกระบวนการและขั้นตอนในการยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบทบัญญัติแห่งกฎหมายไว้เป็นการเฉพาะแล้ว โดยการใช้สิทธิ์ทางศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 212 และการใช้สิทธิ์ทางผู้ตรวจการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 231 (1) ได้
    ส่วนที่ กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจะสามารถคำนวณหาจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 128 ได้หรือไม่ และการดำเนินการดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 91 หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้ามมาก 7 ต่อ 2 ว่ากรณีดังกล่าวเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 ซึ่งต้องกระทำหลังจากมีการประกาศผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว 
    "และข้อเท็จจริงตามคำร้องยังไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ใช้หน้าที่และอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญ และกฎหมายบัญญัติ จึงยังไม่ถือว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของผู้ร้องเกิดขึ้นแล้ว คำร้องนี้จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 44 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้" ศาลรัฐธรรมนูญระบุ
    ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า จะนำมติของศาลรัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุมกกต.ในวันที่ 25 เม.ย. แต่ กกต.จะตัดสินใจใช้วิธีการจัดสรร ส.ส.แบบใดนั้น ไม่ทราบ
    นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่ก็ตาม วันที่ 9 พ.ค. กกต.ก็จะต้องประกาศรับรองผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ที่จะมีทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้เปิดประชุมสภาครั้งแรกได้ 
    นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องวินิจฉัยวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต. ว่า เรื่องนี้เป็นที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง ก็จะขัดกับแนววินิจฉัยเดิมที่เคยมีไว้ หลังจากนี้เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องตัดสินใจ หลักการคำนวณที่ถูกต้องเป็นอย่างไร โดยยึดรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว 
พท.ขู่ กกต.รับผิดชอบ
    เมื่อถามว่า ถ้า กกต.ยึดวิธีคำนวณที่พรรคการเมืองจะได้ ส.ส.กว่า 25 พรรค นายชูศักดิ์กล่าวว่า พรรคต่างๆ ได้ให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว หาก กกต.ยังยึดตามแนวคิดตัวเองอยู่ ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะพรรคการเมืองถือเป็นผู้มีส่วนได้เสีย มีสิทธิดำเนินการตามกฎหมาย
    นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราไม่มีความกังวล จะคำนวณให้บวกหรือลบก็พร้อมยอมรับ แต่จะต้องให้ถูกต้องตามกติกาของรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยจะเตรียมดำเนินการต่อไปเช่นเดียวกัน
     วันเดียวกัน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พล.อ.อนันต์ บุญรำไพ หัวหน้าพรรคพลังศรัทธา ได้นำกลุ่มสามัคคีสร้างชาติ ประกอบไปด้วย 21 พรรคการเมือง คือ พรรคผึ้งหลวง พรรคฐานรากไทย พรรคพลังไทยดี พรรคพลังศรัทธา พรรคคนงานไทย พรรคภาคเครือข่ายไทย พรรคประชาไทย พรรคแผ่นดินธรรม พรรคภราดรภาพ พรรคกรีน พรรคพลังแผ่นดินทอง พรรคไทยธรรม พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคพัฒนาประเทศไทย พรรคแทนคุณแผ่นดิน พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคพลังเพื่อไทย พรรคกลาง พรรคสยามพัฒนา พรรคชาติพันธุ์ไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งในวันนี้ทางศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมว่าจะพิจารณารับคำร้องของ กกต. ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทางกลุ่มจึงได้รวมตัวกันทำกิจกรรมเสริมสร้างพลังใจ เสริมกำลังใจ เราคนไทยสามัคคีเดินหน้า เพื่อขอให้องค์กรอิสระทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมนำลูกโป่งจำนวน 68 ลูก เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในลักษณะของการเป็นอิสระ
    ที่สำนักงาน กกต. นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. แถลงว่า กกต.มีมติสั่งให้ยกเลิกการเลือกตั้ง และให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. จ.เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 8 ใหม่ โดย กกต.ได้พิจารณาเรื่องกรณีคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 กรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อ กกต. ว่านายสุรพล  เกียรติไชยากร ผู้ได้รับเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทย ว่า ให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ผิดมาตรา 73 (2) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงสั่งระงับสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของนายสุรพลเป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของนายสุรพล และดำเนินคดีอาญา รวมทั้งสั่งยกเลิกการเลือกตั้ง และให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 8 ใหม่ 
    โดยการเลือกตั้งใหม่ที่จะมีขึ้นอยู่ระหว่าง กกต.พิจารณาความเหมาะสม ซึ่งต้องพิจารณาความพร้อมในการดำเนินการจัดเลือกตั้ง ในส่วนของสำนักงาน จะเสนอให้เป็นหลังวันที่ 9 พ.ค. โดยผู้สมัครที่จะลงแข่งขันยังเป็นชุดเดิม และไม่มีการเปิดรับสมัครใหม่ ดังนั้นจึงจะไม่มีผู้สมัครพรรคเพื่อไทยลงแข่งขัน
    ทั้งนี้ นายแสวงปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์นายสุรพล ที่ทำให้ กกต.มีมติดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวน ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ แต่ กกต.ได้ให้โอกาสนายสุรพลมาชี้แจงตามสมควรแล้ว ส่วนที่มีการระบุว่าเป็นพฤติการณ์เรื่องการบริจาคเงินให้กับวัดนั้น ตามกฎหมายเลือกตั้งได้บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ไม่ให้มีการให้ทรัพย์สินกับวัดและโรงเรียน
เลือกใหม่ใบส้มหลัง 9 พ.ค.
    นายแสวงกล่าวว่า ส่วนคะแนนของผู้สมัครเขต 8 จ.เชียงใหม่ ทั้งหมดที่ได้จากการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. กกต.จะไม่นำไปรวมกับคะแนนที่ได้จากเขตเลือกตั้งอื่นๆ เพื่อคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะมีการประกาศรับรองพร้อมกับ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ในวันที่ 9 พ.ค. โดยจะต้องรอคะแนนของเขต 8 จ.เชียงใหม่ ที่จะได้จากการเลือกตั้งใหม่ โดยเขตดังกล่าวจะเป็น 1 ใน 17 เขต หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ที่กฎหมายกำหนดให้ กกต.สามารถเก็บไว้พิจารณา กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าอาจได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริต
    สำหรับผลการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ของเขตเลือกตั้งที่ 8 จ.เชียงใหม่ นายสุรพลชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 52,165 คะแนน, นายนเรศ ธำรงค์ทิพยกุล พรรคพลังประชารัฐ ได้ 39,221 คะแนน, น.ส.ศรีนวล บุญลือ พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนน 29,556 คะแนน, น.ส.วรณัน อ้นท้วม พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 2,508 คะแนน 
    ด้านนายสุรพล ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.พ.62 ซึ่งพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.บังคับใช้แล้ว ประมาณ 19.00 น. เดินทางนำเงินจำนวน 2,000 บาท นาฬิกา 1 เรือน ไปถวายพระ ซึ่งท่านอยู่ในงานผ้าป่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.จังหวัดเชียงใหม่ได้เรียกสอบเรื่องนี้ ตนได้พาพยาน เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ไปยืนยันว่าในวันนั้นไม่ได้ไปหาเสีย งแต่ไปถวายปัจจัยส่วนตัวให้กับพระครูบาสาม เพราะทำเทียนให้ตน เราบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดอะไร และได้ทำเอกสารชี้แจงไปที่พรรค และได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่อประธาน กกต. ว่าถูกกลั่นแกล้งเพราะทราบมาว่ามีการสรุปเรื่องเมื่อวันที่ 23 เม.ย.จากนั้นก็มีการชี้มูลทันที
      นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รับทราบจากนายสุรพลว่าถูกร้องกรณีให้เงิน 2,000 บาทและนาฬิกาแก่ครูบาสาม ที่วัดพระธาตุดอยพระเจ้า ในงานทอดผ้าป่าของวัด นายสุรพลรับว่าให้เงินและทรัพย์สินจริง แต่เป็นการถวายทำบุญเป็นค่าเทียนบูชาและพุทธบูชา โดยทำบุญกับวัดนี้เป็นประจำ ไม่เกี่ยวข้องกับการทอดผ้าป่า ไม่มีเหตุจูงใจในการเลือกตั้ง และพระก็ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง คะแนนในเขตนี้ก็แพ้คู่แข่ง เราคงทำอะไรไม่ได้ เพราะกฎหมายให้คำสั่งเป็นที่สุด เป็นอำนาจ กกต. ตนเคยบอกไว้แล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจวินิจฉัยชี้ขาดตัดสิทธิผู้สมัครเป็นของ กกต. จึงเท่ากับเราจะเสียที่นั่งไปหนึ่งที่นั่ง และไม่มีสิทธิส่งใครไปลงเลือกตั้งใหม่
    นายวัฒนา เมืองสุข อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า เห็นข่าวการให้ใบส้มกับผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ทำให้นึกถึงการโกงการเลือกตั้งที่ประเทศสารขัณฑ์ ช่วงแรก โกงเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง ประเทศสารขัณฑ์ยอมให้พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นช่องทางให้เผด็จการได้ต่อท่ออำนาจ ช่วงที่สอง โกงระหว่างเลือกตั้ง โดยเอาบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินหรือที่เหลือจากการใช้สิทธิของประชาชนมายัดกล่องเพิ่มให้กับผู้สมัครบางพรรค จากนั้นใช้วิธีโกงการนับคะแนน และไม่ยอมเปิดเผยคะแนนรายหน่วยเพื่อให้อีกฝ่ายตรวจสอบไม่ได้ ช่วงที่สาม โกงหลังการเลือกตั้ง ด้วยการให้ใบเหลืองแก่หรือใบแดงอ่อนกับผู้สมัครของพรรคที่อยู่ตรงข้ามเผด็จการที่ชนะเลือกตั้ง ถ้าแบบนี้แล้วยังไม่ชนะก๊อกสุดท้ายคือการซื้องูเห่ามาสนับสนุนจะถูกนำมาใช้เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่โกหกคนทั้งโลกได้ว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่ทำได้ขนาดนั้น เพราะองค์กรอิสระและ กกต. ต่างสุมหัวกันทำงานรับใช้เผด็จการโดยไม่เห็นหัวประชาชน 
"บิ๊กตู่"มั่นใจตั้งรบ.ได้
     ศูนย์ปฏิบัติการด้านการข่าว สำนักงาน กกต. ออกเอกสารชี้แจงกรณีจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ในหน่วยเลือกตั้งที่ 13 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เขตเลือกตั้งที่ 13 กทม. ตามที่นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส. เขต 13 กทม. พรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ชี้แจงกรณีที่ตนสันนิษฐานว่าบัตรเลือกตั้งในหน่วยที่ 13 หายไปจำนวน 180 ใบ เกิดจากสาเหตุใด พร้อมให้เปิดเผยเอกสารรายงานผลการนับคะแนน ส.ส.แบบแบ่งเขต (ส.ส.5/18) ทุกหน่วยในเขตเลือกตั้งที่ 13 กทม. ว่าสำนักงานได้ตรวจสอบรายงานผลการนับคะแนนของหน่วยที่ 13 เขต 13 กทม. แล้ว พบว่ามีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 968 คน บัตรเลือกตั้งที่ได้รับจัดสรรจำนวน 980 บัตร มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาแสดงตน 637 คน บัตรเลือกตั้งใช้ไป 637 บัตร แบ่งเป็นบัตรดี 616 บัตร บัตรเสีย 9 บัตร บัตรไม่เลือกผู้ใด 12 บัตร บัตรที่เหลือ 343 บัตร ดังนั้นจำนวนบัตรที่ได้รับการจัดสรรกับผลรวมของบัตรเลือกตั้งที่ใช้และบัตรเลือกตั้งที่เหลือมีจำนวนถูกต้องตรงกัน ไม่มีบัตรเลือกตั้งหายตามที่นายตรีรัตน์กล่าวอ้างแต่อย่างใด 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสังเกตว่ามีแนวโน้มจะตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งไม่ได้ ว่ายังคาดหวังและมุ่งหวังให้มีการจัดตั้งรัฐบาลได้ เพื่อประโยชน์ของประเทศเรา ถ้าเราจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็จะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต มีผลพวงไปถึงเรื่องเศรษฐกิจด้วย 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดความวุ่นวายอีกครั้งจากสถานการณ์ทางการเมืองอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าคนไทยทุกคนคิดว่าประเทศของเราจะต้องสุขสงบ ในการมีรัฐบาลต่อไปที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะเป็นการคัดเลือกจากประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ฉะนั้นทุกคนจะต้องคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้เกิดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความวุ่นวาย ซึ่งทุกคนจะต้องช่วยกัน สื่อก็ต้องช่วยกัน ขอให้ทุกฝ่ายเอาประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง ความขัดแย้งในโลกใบนี้มีมากมาย โดยเฉพาะสงครามการค้าต่างๆ ที่อาจจะกระทบเศรษฐกิจอยู่แล้ว รวมถึงการส่งออก การใช้จ่ายในประเทศ ถ้าทุกคนยังหวาดระแวงอยู่แบบนี้ ทุกอย่างจะแย่ไปหมด ฉะนั้นไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ทำไม่ได้ถ้ายังมีความขัดแย้งในลักษณะเช่นนี้
    เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้า คสช. มั่นใจหรือไม่ว่าสถานการณ์ในวันนี้จะสามารถเลือกนายกฯ ในบัญชีพรรคการเมืองในสภาและจัดตั้งรัฐบาลได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนต้องเชื่อมั่นอย่างนั้น เพราะเราได้กำหนดโรดแมปของเราไว้แล้ว ก็ต้องเดินหน้าไปตามโรดแมป และจะเห็นได้ว่าตนไม่ได้บิดพลิ้วจากโรดแมปต่างๆ ที่มีมา เว้นแต่ในช่วงแรกที่มีปัญหาในเรื่องของกฎหมายไม่เรียบร้อย นอกนั้นยังเป็นไปตามโรดแมปทุกประการ
    “วันนี้ถ้าจะไปสู่การเดินหน้าตามรัฐธรรมนูญ การมีรัฐบาลอะไรต่างๆ ด้วยความสงบสุขสันติ ก็ต้องฟังผมบ้าง และต้องช่วยผมในการทำให้บ้านเมืองสงบสุข เรายิ่งทะเลาะกันมากเท่าไหร่ ขัดแย้งกันมากเท่าไหร่ เรายิ่งสร้างเฮตสปีดกันมากเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้มันออกไปต่างประเทศทั้งหมด แล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นได้อย่างไร มันมีผลกระทบทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องรอวันที่ 9 พ.ค. ส่วนการประเมินท่าทีของ กกต.ในการพิจารณาคำร้องของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่มีการดำเนินการล่าช้านั้น ขอใช้คำว่าอึมครึม ความชัดเจนในหลายเรื่องยังไม่เกิดขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะสมาชิกของพรรคเพื่อไทย แต่หลายคนและหลายฝ่ายต่างรู้สึกในสภาพเดียวกัน ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้นหลังวันที่ 9 พ.ค. 
"สุชาติ"อาสานั่งปธ.สภา
    นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ ประกาศรวมเสียงตั้งรัฐบาลว่า ไม่ว่าจะหาเสียงได้ถึง 260 หรือ 280 เสียง เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ แต่ขอให้พยายามหน่อยก็แล้วกัน พรรคเพื่อไทยก็มีเป้าหมายในการรวบรวมเสียงให้ได้มากเช่นเดียวกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ กกต.ว่าวันที่ 9 พ.ค.จะออกมาในรูปแบบใด จะออกหัวหรือออกก้อย ตอนนี้ปล่อยให้ผู้มีอำนาจดำเนินการ พรรคเพื่อไทยจะต้องรอดูตัวเลขที่ชัดเจนหากรวมเสียงได้เกิน 250 เสียง เราก็จะต้องมาพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
    นายธีระพงษ์ เผ่ากา รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า เลือกตั้งเสร็จมา 1 เดือน ผลการเลือกตั้งอึมครึม ใครตั้งข้อสงสัยโดนฟ้องหมด มันคืออะไร ช่วยตอบหน่อย เลือกตั้งอินเดีย อินโดนีเซีย เลือกทีหลังไทย รู้ผลการเลือกตั้งกันหมดแล้ว การเมืองไม่มีความมั่นคงเศรษฐกิจ ชาวบ้านก็อ่วมอรทัยกันหมด แล้วตนลงพื้นที่ตลอดเวลา แม้หมดฤดูกาลหาเสียงไปแล้ว ลองไปดูทุกหมู่บ้านในชนบท เริ่มมีหนุ่มสาววัยทำงานกลับมาอยู่บ้านแล้ว เพราะงานในเมืองใหญ่ไม่มีจะทำ ชาวบ้านฝากถามมาว่าประยุทธ์อยากให้คนไทยจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กันแบบนี้ไปอีกนานเท่าใด
    รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐแจ้งว่า ภายหลังมีกระแสข่าวว่าพรรคจะเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ว่าที่ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ว่าที่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค เป็นแคนดิเดตตำแหน่งประธานรัฐสภา เนื่องจากมองถึงความอาวุโสนั้น ล่าสุดอาจมีการวางตัวนายวิรัชให้ดำรงตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลแทน เนื่องจากมองว่าตำแหน่งดังกล่าวมีความสำคัญกับการทำงานในสภา โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ การให้นายวิรัช รับผิดชอบภารกิจนี้ถือว่าเหมาะสม ด้วยความที่มีคอนเน็กชั่นกว้างขวาง คุยได้กับทุกขั้ว โดยเฉพาะนักการเมืองฝั่งพรรคเพื่อไทยหลายคน ถือว่าอยู่ในระดับแนบแน่น เพราะเคยอยู่กับเพื่อไทยมาก่อน จึงเชื่อว่าจะสามารถคุมเกมในสภา คอยเป็นผู้ประสานงานกับหลายฝ่ายได้
     ด้านนายสุชาติ ตันเจริญ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวเป็นแคนดิเดตประธานสภาฯ ว่า ตนบอกพรรคตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งแล้วว่างานในสภาเป็นเรื่องสำคัญ ความที่เราเป็นรองประธานสภามา 2 สมัย เป็น ส.ส.มา 8-9 สมัยแล้ว คนในสภาเรารู้จักเป็นส่วนใหญ่ อาสามาทำหน้าที่ตรงนี้ให้ ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาอย่างนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายมีคะแนนเกือบเท่าๆ กันในการจัดตั้งรัฐบาล ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานสภาฯ คงต้องทำงานหนักหน่อย ควรได้ประธานสภาฯ ที่สามารถคุมเกมได้ ได้คนคุ้นเคยทำงานในสภา 
    นายสุชาติกล่าวว่า ส่วนการโหวตเลือกนายกฯเมื่อรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร ว่าตามนั้น ไม่น่ามีปัญหา ถ้าจำนวนเสียงสนับสนุนเป็นไปตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่าอย่างไร ก็ทำตามนั้น ถ้าจำนวนถึงก็ผ่าน ถ้าจำนวนไม่ถึงค่อยว่ากัน ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แต่ที่จะยุ่งตอนเป็นรัฐบาลไปแล้วในการเสนอกฎหมาย ตอนต้นๆ คงไม่ยุ่งเท่าไหร่
"ชวน"ขอโทษสมาชิก
     ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค เป็นประธานในที่ประชุม ใช้เวลาประชุมเพียง 1 ชั่วโมง นายจุรินทร์แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามระเบียบวาระการประชุม ได้แก่ รายงานกิจกรรมทางการเมืองของพรรค ซึ่งมีจำนวนสมาชิก 128,377 คน และรายงานงบดุลประจำปี 2561 โดยหลังจากที่ประชุมลงมติเห็นชอบแล้ว จะรายงานต่อ กกต.ต่อไป ซึ่งการประชุมใหญ่วิสามัญนัดต่อไปจะมีขึ้นวันที่ 15 พ.ค. เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ทั้งนี้ที่ประชุมไม่มีการพูดถึงทิศทางทางการเมืองหรือการเข้าร่วมรัฐบาล
    ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ รักษาการเลขาธิการพรรค กล่าวว่า ในที่ประชุม นายกษิต ภิรมย์ สมาชิกพรรค เสนอแนะให้พรรคจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาจุดอ่อนและจุดแข็งจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งการศึกษาด้านดังกล่าว คณะกรรมการบริหารชุดรักษาได้แต่งตั้งให้นายกนก วงษ์ตระหง่าน ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อศึกษารายละเอียดที่ลงลึกไปในแต่ละพื้นที่ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 3 เดือน ก่อนสรุปผลให้ที่ประชุมพรรครับทราบอีกครั้ง ส่วนปัญหาที่ทำให้การเปิดประชุมล่าช้า เพราะองค์ประชุมไม่ครบจำนวนนั้น ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง แต่สมาชิกพรรคบางคนต้องใช้เวลาเดินทางจากต่างจังหวัดเพื่อเข้าประชุมที่กรุงเทพฯ 
    นายจุติกล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เขต 8 ว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมเดินหน้าหาเสียงเต็มที่ แม้ผู้สมัครของพรรคจะเป็นคนหน้าใหม่และได้คะแนนเพียงหลักพันเท่านั้น
    รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้กล่าวกับสมาชิกในช่วงท้ายการประชุมว่า ขอโทษสมาชิกทุกคนที่ทำให้ไม่สมหวัง ที่ผ่านมาตนพยายามลงพื้นที่ไปทั่วทุกภาค แม้หวังผลชนะเลือกตั้งเป็นที่ 1 ไม่ได้ แต่ขอให้ได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับ 2 หรืออันดับ 3 เพื่อรวมคะแนนเลือกตั้งไปให้กับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ได้ถึงลำดับที่ 50 เพื่อผลักดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนทำงานกับพรรคต่อไป และขอให้เข้าใจเลขาธิการพรรคด้วยว่าทำงานหนัก อย่าต่อว่ามาก เพราะตนได้ต่อว่าเลขาธิการพรรคไปมากแล้ว ซึ่งนายจุติกล่าวขออภัยกับที่ประชุมเช่นกันที่ทำให้ผิดหวัง 
    ทั้งนี้ ช่วงลงทะเบียนเพื่อเข้าประชุม เจ้าหน้าที่พรรคได้แจกจดหมายของนายชวน หลีกภัย โดยระบุข้อความว่า ด้วยความศรัทธาเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรค และมีส่วนร่วมในการรณรงค์สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา แม้ผลการเลือกตั้งจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายของพรรค แต่ทุกการสนับสนุนของสมาชิกพรรคทุกคนล้วนมีคุณค่ายิ่ง จึงขอเชิญชวนสมาชิกทุกคนร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันการเมืองให้เจริญก้าวหน้า เป็นพรรคการเมืองหลักที่ทำงานการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ตามแนวทางและอุดมการณ์ของพรรคที่มั่นคงสืบไป.


รัฐบาลใหม่ลุ้นยาวได้

ยังมีอารมณ์ปล่อยมุก ปลุกแนวร่วมกองเชียร์

จากรูปที่ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ภาพใส่ “ผ้ากันเปื้อน” โชว์เป็นนัยประชดประชัน “ช่วงนี้โดนสาดโคลนบ่อย”

ในจังหวะต้องบินด่วนกลับจากโรดโชว์ประชาธิปไตยที่ยุโรป มาเคลียร์ “ปมรัดคอ”

ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งข้อกล่าวหาการถือครองหุ้นสื่อผิดรัฐธรรมนูญ ขัดคุณสมบัติ สมัคร ส.ส.
จ่อโดน “ใบส้ม” ล็อกสิทธิสมัครเลือกตั้งเป็นเวลา 1 ปี

หนักสุดอาจถึงขั้นโดนแจกใบแดง ตัดสิทธิการเมือง 10–20 ปี และแถมพ่วงคดีอาญา โทษทั้งจำคุกและปรับ ฐานรับรู้อยู่แล้วว่าตัวเองขาดคุณสมบัติแต่ยังมาลงสมัคร ส.ส.

“พ่อน้องฟ้า” ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

จากรูปการณ์ที่ยิ่งแก้ยิ่งมัดตัวเองแน่นไปกันใหญ่ ลงทุนใช้มือระดับ “ด็อกเตอร์อังดัวร์” นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ออกมาเป็นทนายแก้ต่างทางสื่อมวลชน

แต่ยิ่งพูดยิ่งโดนจับ “โป๊ะแตก” เผลอหลุดข้อมูลขัดกันเอง

ว่ากันตามรูปการณ์ น้ำหนักในการแก้ต่างที่โดนดักทางได้หมด “ธนาธร” ส่อเหนื่อย โอกาสรอดยาก

และนั่นก็ล้อกันกับจังหวะลากไปปั่นกระแสมวลชน อารมณ์แนวร่วมกองหนุนที่ยกระดับ โหมเกมปลุกระดมพลออกมาช่วยกันอุ้ม “ไพร่หมื่นล้าน” ต่อสู้กับอำนาจไม่เป็นธรรม

ข่มขู่ กดดัน ดักคอ ดักทาง กกต.อย่าท้าทายพลังกองเชียร์ “ธนาธร”

อาการแบบที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช.ยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะที่ปรึกษาและหัวหน้าศูนย์สื่อสารข่าวสาร (ศสส.) เฉพาะกิจพรรคเพื่อไทย ออกมาตีปี๊บ รัวเกราะเคาะไม้ขู่เป็นเชิง แจ้งเตือนไปยัง กกต.ด้วยความปรารถนาดี

ขอให้มีความระมัดระวังและมีความเที่ยงธรรมในการพิจารณาปมหุ้น “ธนาธร” ด้วย อย่าได้ตกเป็นเครื่องมือของผู้ใด มิฉะนั้นแล้ว กกต.อาจจะได้พบกับปัญหาที่มิได้คาดคิดคือคลื่นพายุสึนามิของกลุ่มคน พี่น้องประชาชนคนรุ่นใหม่ผู้รักประชาธิปไตย

ทีม “ทักษิณ” ขยับ “คุ้มกัน” แนวร่วม ตัว “ความหวัง” ของ “นายใหญ่”

แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงขู่ของทีมดูไบ “ใบส้ม” ใบแรกของ กกต.ก็ปลิวว่อน โดยเป็นของนายสุรพล เกียรติไชยากร ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย โดน กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครไว้

เป็นการชั่วคราว 1 ปี เพราะพฤติการณ์เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (2) ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิวัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด

สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ ประเดิมแจ็กพอตเพื่อไทย

“ใบส้ม” กกต.แผลงฤทธิ์ ตัวเลข ส.ส.พลิกไปพลิกมา

เกมชิงตั้งรัฐบาลยังไม่ชัวร์ ตัวเลขไม่นิ่ง ท่ามกลางเกมกดดันด้วยพลังกองเชียร์ ส่อเค้าพัฒนาการไปสู่เกมปลุกม็อบ

ประชาธิปไตยสู้อำนาจเผด็จการตามสคริปต์ทีม “ทักษิณ”

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สถานการณ์มาถึงตรงนี้ มันก็เป็นอะไรที่พิสูจน์ว่า “กุมสภาพ” ได้

การเมืองมั่วแค่ไหน แต่ฝ่ายบริหารรัฐบาลยังนิ่งอยู่ในสมาธิ ไม่ลนลาน

เกาะติดข่าวต่อเนื่องจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ สั่งกระทรวงการคลังอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประคองสภาวะอ่อนไหวในห้วงสุญญากาศทางการเมือง ต่อเนื่องกับข่าวการแจกเงิน 1,500–2,000 บาท

ส่งเสริมให้ประชาชนท่องเที่ยวเมืองรอง กระตุ้นการใช้จ่ายระดับฐานราก

แสดงให้เห็นว่า ปากท้องยังอยู่ในโหมดที่รัฐบาลไม่ปล่อยเกียร์ว่าง

อีกทั้งล่าสุดการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือบอร์ดอีอีซี ที่ “นายกฯลุงตู่”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้รับรายงานความคืบหน้าเมกะโปรเจกต์อีอีซี สร้างปรากฏการณ์ได้ตามเป้าที่รัฐบาลวางไว้

ทุกโครงการจะเข้าสู่การพิจารณาที่ประชุม ครม.และลงนามภายในเดือนพฤษภาคมนี้

โดยมูลค่าการลงทุนมากกว่า 6.5 แสนล้านบาท ประกอบด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา จบดีล กลุ่มซีพีชนะประมูล เซ็นสัญญาแล้ว โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและการบินภาคตะวันออก

คาดจะประกาศผู้ผ่านการประเมินที่ให้ประโยชน์สูงสุดภายในพฤษภาคม 2562

ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ได้เอกชนยื่นเสนอคือกลุ่มกัลฟ์และพีทีทีแทงค์ คาดเจรจาแล้ว

เสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F ได้กลุ่มเอกชนที่ผ่านการพิจารณา อยู่ระหว่างการประเมินข้อเสนอ คาดจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม

เมกะโปรเจกต์ “เรือธง” อีอีซี คืบหน้าอย่างได้เนื้อได้หนัง ภาพของโครงการใหญ่ โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไม่สะดุด สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนในยามที่การเมืองแกว่ง

การพัฒนาเศรษฐกิจรองรับโลกอนาคตยังติดเครื่องเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

ที่สำคัญคือปลอดจากเรื่องของหัวคิว ไม่มีปมการทุจริตอื้อฉาว

ในมุมนี้แม้เกมตั้งรัฐบาลใหม่ลากยาว ก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายจนเกินไป.

ทีมข่าวการเมือง