PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2562

“โจรใต้” ส่งไลน์เย้ย เตรียมโจมตีใหญ่!

ไฟใต้จ่อระอุรอบใหม่ โจรใต้ส่งคำขู่ข้อความเสียงผ่านทางไลน์เป็นภาษามลายูถิ่น เตือนชาวมุสลิมอย่าออกจากบ้านช่วง 2-3 วันนี้ เตรียมปฏิบัติการ รุนแรงครั้งใหญ่ กร้าวต้องสำเร็จเพื่อแก้แค้นแทนโต๊ะอิหม่าม ผู้การยะลาสั่งตำรวจทุกหน่วยพร้อมรับมือขั้นสูงสุด เน้นในตัวเมืองและเบตง ขณะที่แกนนำอาร์เคเคมีแผนวางระเบิดถล่มฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มเติม ให้เฝ้าระวังร้านค้าในพื้นที่ 4 อำเภอ จ.สงขลา จะตกเป็นเป้าสังหาร ด้านแกนนำศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ สวดยับภาครัฐไร้ประสิทธิภาพ เรียกร้อง “บิ๊กตู่” แถลงมาตรการปกป้องชีวิตชาวพุทธปลายด้ามขวาน

กรณีเหตุสะเทือนขวัญย่ำยีหัวใจชาวพุทธ หลังกองโจรหัวรุนแรงขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวม 6 คน สวมชุดดำคล้ายทหารพราน บุกใช้อาวุธสงครามกราดยิงพระในวัดรัตนานุภาพ หรือวัดโคกโก หมู่ 2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ พร้อมพระลูกวัด มรณภาพรวม 2 ศพ และมีพระได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 รูป เหตุเกิดหัวค่ำวันที่ 18 ม.ค. หวังสร้างสถานการณ์ความไม่สงบและสร้างความแตกแยกระหว่างไทยพุทธและไทยมุสลิม เพื่อต้องการให้เกิดสงครามศาสนา หลังเกิดเหตุหน่วยงานความมั่นคง จัดกำลังไล่ล่ากลุ่มคนร้ายแต่ยังไร้วี่แวว คาดเผ่นหนีเข้าไปกบดานในมาเลเซีย ขณะที่ชาวบ้านต่างเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการแก้ปัญหาที่เข้มข้นจริงจัง

ความคืบหน้าของมาตรการคุมเข้มพระสงฆ์ขณะออกบิณฑบาตในพื้นที่ จ.นราธิวาส ผู้สื่อข่าวได้สังเกตการณ์ในช่วงเช้าวันที่ 20 ม.ค. พบว่าพระสงฆ์วัดชลเฉลิมเขต อ.สุไหงโก-ลก ยังออกบิณฑบาตตามปกติ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก และเจ้าหน้าที่ อส. จัดกำลังรักษาความปลอดภัยตั้งแต่หน้าประตูวัด และยืนกระจายกัน รปภ.พระสงฆ์ ที่ออกรับบาตรจากประชาชนตามรายทาง เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น ด้านพระปลัดธัมมานันโท หรือหลวงพี่บิลลี่ สำนักสงฆ์ราษฎร์บำรุง ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส กล่าวว่า แม้เกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ แต่ชาวบ้านยังมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อเพราะที่นี่คือบ้านเกิด หากไม่จำเป็นจะไม่ทิ้งถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น พระจะขออยู่เป็นกำลังใจให้กับชาวบ้าน
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายศักดิ์กริยา บิลลาแหละ ประธานกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา นายสุรินทร์ ปาลาเร่ เลขานุการคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศไทย นายซากี พิทักษ์คุมพล รองเลขานุการจุฬาราชมนตรี ได้เป็นตัวแทนนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เดินทางมาที่ รพ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เข้าเยี่ยมอาการและให้กำลังใจพระประเวศ สุขแก้ว และพระธนโชติ ชุมเลิศ 2 พระลูกวัดวัดรัตนานุภาพเหยื่อโจรใต้ที่ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ต่อมาคณะตัวแทนของจุฬาราชมนตรีเดินทางไปยังวัดรัตนานุภาพ มีนายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส และพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ให้การต้อนรับ พร้อมพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายสุรินทร์กล่าวว่า รู้สึกเสียใจ ไม่คิดว่าพระสงฆ์จะตกเป็นเหยื่อสถานการณ์ใต้ที่คนร้ายได้โยงศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับศาสนา เพราะทุกศาสนาไม่ได้สอนให้ฆ่าฟันกันในลักษณะนี้
ส่วนบรรยากาศในพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา พระสงฆ์วัดต่างๆยังคงออกบิณฑบาต มีทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มงวด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพุทธศาสนิกชน ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จ.ยะลา สั่งให้ตำรวจโดยเฉพาะ อ.เมืองยะลา และ อ.เบตง กำชับการปฏิบัติหน้าที่ขั้นสูงสุด ทั้งตั้งด่านตรวจ จุดสกัด ตรวจเข้มรถยนต์ รถ จยย. บัตรประจำตัวประชาชน รวมทั้ง รปภ.พระภิกษุสงฆ์ และเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ หลังมีคลิปเสียงภาษามลายูถิ่น ส่งเตือนกันตามไลน์ต่างๆ สรุปได้ว่า “2-3 วันนี้ แจ้งเตือนคนที่เรารัก ห้ามออกไปทำธุระนอกบ้านอย่างเด็ดขาด เพราะ 2-3 วันที่จะถึงนี้ เราจะก่อเหตุครั้งยิ่งใหญ่และจะต้องสำเร็จ เพราะโต๊ะอิหม่ามล้มหลายคนแล้ว งานของเราต้องสำเร็จ จึงฝากบอกทุกคนที่เรารักด้วยว่า ห้ามออกไปไหน เราจะทำงานครั้งใหญ่” อย่างไร ก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นของจริง อาจเป็นการเล่นสนุกของวัยรุ่นที่คึกคะนอง
มีรายงานจากหน่วยข่าวความมั่นคง ให้เพิ่มความระมัดระวังและตรวจสอบรถ จยย.ต้องสงสัย 6 คันตามที่แจ้งไว้ หวั่นกลุ่มคนร้ายนำไปประกอบระเบิด หลังนายอับดุลสตอปา สุหลง แนวร่วมโจรใต้ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ได้สารภาพและพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ แต่พบว่ามีระเบิดอีก 3 ลูก หายไปจากจุดซุกซ่อน เชื่อว่าคนร้ายเตรียมนำไปใช้ก่อเหตุในพื้นที่ ทั้งนี้ ยังพบความเคลื่อนไหวของแกนนำอาร์เคเค 5 คนในพื้นที่ ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส เตรียมก่อเหตุลอบวางระเบิดและซุ่มยิงทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ให้ความร่วมมือกับทางราชการ ส่วนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.นาทวี อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เตรียมก่อเหตุระเบิด มีเป้าหมายเป็นร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อ ขอให้หน่วยกำลังในพื้นที่แจ้งประชาชนช่วยสอดส่องดูแลวัตถุต้องสงสัยและบุคคลที่เข้ามาทำทีซื้อของในร้านค้า ช่วงนี้กลุ่มคนร้ายต้องการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ เพราะแกนนำหลายคนถูกจับกุมและถูกวิสามัญฯเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ปิยะพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี มีคำสั่งให้หน่วยความมั่นคงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ประสานความร่วมมือกับผู้นำชุมชนให้แจ้งเบาะแสคนแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ โดยเฉพาะข้อมูลบุคคลเป้าหมายที่มีประวัติให้เฝ้าจับตาเป็นพิเศษ อีกทั้งกำชับเจ้าหน้าที่ทุกส่วน สนธิกำลังตรวจค้นรถทุกชนิดและบุคคลทั่วไปที่เข้าออกในพื้นที่ เน้นย้ำให้ตรวจบัตรประชาชน เนื่องจากคนร้ายหรือบุคคลตามหมายจับอาจปกปิดซ้อนเร้นรูปพรรณให้เปลี่ยนจากเดิมในภาพ รวมไปถึงสีรถและป้ายทะเบียนที่คนร้ายจะดัดแปลงเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และหากหลุดรอดออกไป คนร้ายอาจนำไปก่อเหตุทำให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสั่งจัดกำลังทหารเข้าไปดูแลวัดในพื้นที่เสี่ยงและดูแลชาวไทยพุทธที่เดินทางไปตักบาตรที่วัด เพราะช่วงนี้พระในพื้นที่งดออกบิณฑบาตชั่วคราว
ที่สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายก รัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้เรียกประชุมวาระเร่งด่วน ติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการดูแลคณะสงฆ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลังเสร็จการประชุม นายณรงค์ ทรงอารมณ์ รอง ผอ.พศ. ในฐานะโฆษก พศ.กล่าวว่า กรณีที่ฝ่ายความมั่นคงขอให้พระสงฆ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ จ.สงขลา งดบิณฑบาตเพื่อความปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะสงบนั้น พศ.มีการถวายงบประมาณในการดูแลพระสงฆ์ในพื้นที่ดังกล่าว รูปละ 2,500 บาทต่อเดือน อีกทั้งจะให้ชาวบ้านนำภัตตาหารมาถวายพระภิกษุสามเณรที่วัดด้วย
พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) หรือเจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีที่แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนอย่าตกเป็นหลุมพรางของผู้ก่อความไม่สงบ เพราะกำลังถูกเสี้ยมให้ทะเลาะกันทางศาสนา ฝ่ายรัฐจะดูแลปกป้องให้นั้น เจ้าหน้าที่รัฐใช้คำพูดเช่นนี้มาตลอดที่เกิดเหตุไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะเมื่อเหตุร้ายแรงกับพระสงฆ์ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแถลงอย่างเป็นทางการถึงมาตรการของรัฐในการพิทักษ์ ปกป้อง และคุ้มครองพระสงฆ์ ชาวพุทธ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม และสอดรับกับหลักสากลปฏิบัติ เพื่อความสงบร่มเย็นจะได้กลับคืนสู่พื้นที่ดังกล่าว
ด้านพระครูปลัดกวีวัฒน์ รองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์ฯ กล่าวว่า ศูนย์พิทักษ์ฯจะจัดพิธีทำบุญบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย และร่วมสมทบทุนทอดผ้าป่าให้พระสงฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บ และมรณภาพ จากเหตุการณ์ที่วัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ในวันที่ 23 ม.ค. เวลา 13.00 น. ที่คณะใต้ วัดราชาธิวาสวิหาร เขตดุสิต กรุงเทพฯ องค์กรชาวพุทธและพุทธศาสนิกชนที่สนใจร่วมงาน สอบถามได้ที่ โทร. 0-2668-7988, 08-8872-0221 หรือไอดีไลน์ : ddtv88
ขณะที่สภานิสิตมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ประณามโจรก่อการร้ายที่ก่อเหตุที่วัดรัตนานุภาพ ว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ที่พยายามบ่อนทำลายความสงบสุขและกระบวนการสันติภาพในพื้นที่ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ภาครัฐ ฝ่ายความมั่นคง มีมาตรการที่เด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้นต่อผู้กระทำผิด


"นายกฯ" แถลงการณ์ชี้โจรใต้พุ่งเป้าหมายอ่อนแอ สั่งปราบเต็มรูปแบบ

"นายกฯ" แถลงการณ์ชี้โจรใต้พุ่งเป้าหมายอ่อนแอ สั่งปราบเต็มรูปแบบ
"นายกฯ" ออกแถลงการณ์ ชี้ผู้ก่อเหตุพุ่งเป้าหมายอ่อนแอ ครู นักเรียน พระสงฆ์ ผู้นำศาสนา ปชช.หวังทำลายการแก้ไขปัญหาแบบสันติวิธี ใช้กำลังปราบปรามเต็มรูปแบบ เพื่อจุดความขัดแย้งสู่ระดับสากล ดึงองค์กร ตปท.เข้าพื้นที่ ยันรัฐบาล-คสช.ใช้ ก.ม.ดำเนินการอย่างเต็มที่ เดินหน้าพูดคุยสันติสุข... 
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 21 ม.ค.62 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในระยะนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามในการสร้างสถานการณ์เอื้อประโยชน์ต่อตนเอง และพยายามดึงเข้าสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง อันจะทำให้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยไปสู่สากล ให้เกิดการรับรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการใช้การเสนอข่าวของสื่อมวลชน และสื่อโซเชียล เป็นเครื่องมือ ในขณะที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้  
กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามใช้เหตุการณ์ความรุนแรงที่อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำลายขวัญกำลังใจ ความอดทนในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีของไทย มุ่งหวังจะให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเข้าสู่เงื่อนไขสากล นำไปสู่การปฏิบัติการขององค์การระหว่างประเทศดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายพื้นที่ ในหลายประเทศ สังคม สื่อมวลชน สื่อโซเชียล และสื่อต่างๆ ควรเข้าใจในประเด็นนี้ และช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น  เพิ่มการเฝ้าระวัง แจ้งข่าวสาร ไม่สนับสนุนความพยายามดังกล่าว 
ประชาชนซึ่งถือเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เช่น ครู นักเรียน พระสงฆ์ ผู้นำศาสนา ประชาชนทั่วไป รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ล้วนแต่ได้รับการดูแลและเฝ้าระวังอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่า จากจำนวนและความกว้างขวางของพื้นที่ รวมถึงห้วงเวลาในการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนนั้น ทำให้ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง หรือร้อยเปอร์เซ็นต์ หากพื้นที่ใดต้องการให้มีการดูแลเป็นพิเศษ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ได้โดยตรง ตลอดจนขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังและให้ข้อมูลข่าวสารกับเจ้าหน้าที่ด้วย
อย่างไรก็ตามรัฐบาลและคสช. ขอให้ทุกคนให้กำลังใจประชาชนทั่วไป ผู้นำศาสนาทุกศาสนา ครู นักเรียน รวมถึงเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร ทุกคนในพื้นที่ เพราะเขาอยู่ในพื้นที่เสี่ยง อันตราย และขอให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เคารพกฎระเบียบ กติกาที่ฝ่ายความมั่นคงกำหนด เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เช่น การตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ การตรวจยานพาหนะ การตรวจค้นสถานที่ ฯลฯ รวมทั้งขอให้สื่อมวลชน สื่อโซเชียล เสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง และพรรคการเมือง นักการเมือง หาเสียงด้วยความระมัดระวังเช่นกัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความระมัดระวัง ป้องกันดูแลประชาชนและตนเองให้ได้ไปพร้อมๆ กัน คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์ พัฒนางานด้านการข่าวควบคู่ไปกับการปรับยุทธวิธีให้เหมาะสม โดยรัฐบาล และคสช.ยังคงบังคับใช้กฎหมาย และบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ 
ในส่วนของการพูดคุยสันติสุข ยังคงดำเนินการต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้ประชาคมโลกได้ทราบว่าเราได้ทำทุกมาตรการ ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงบางกลุ่มอาจไม่เห็นด้วย จึงสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น อยากให้ประชาชนและสังคมได้เข้าใจมาตรการการแก้ไขปัญหาของรัฐทั้งภายในประเทศและต่างประเทศด้วย ซึ่งที่ผ่านมา องค์การความร่วมมืออิสลามหรือ OIC ก็ให้การสนับสนุนแนวทางของไทยมาโดยต่อเนื่อง สำหรับนักสิทธิมนุษยชนและกลุ่มNGO ต่างๆ ขอให้เข้าใจและดูแลทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐด้วย รัฐบาลและคสช.ขอส่งกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ และขอให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ปลอดภัยทุกคน

จังหวะขยับรับเลือกตั้ง 24 มี.ค. ลือ ทษช.ทาบ “ดร.โกร่ง” ร่วมทัพ พปชร.กระเป๋าตุง คลังแสงเพียบ

จังหวะขยับรับเลือกตั้ง 24 มี.ค. ลือ ทษช.ทาบ “ดร.โกร่ง” ร่วมทัพ พปชร.กระเป๋าตุง คลังแสงเพียบ
วันเลือกตั้งที่เริ่มชัดเจนมากขึ้นตามข่าวที่ออกมาจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่ามีแนวโน้มจะเป็นวันที่ 24 มีนาคม 2562
กระนั้นแม้ยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ระหว่างนี้ทุกพรรคการเมืองก็ไม่มีใครมัวมานั่งรอ กกต. เพราะหากพรรคไหนออกตัวช้า ไม่เร่งเดินเครื่องหาเสียง สร้างคะแนน ให้คนจดจำแบรนด์พรรค-ชื่อผู้สมัคร โอกาสพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งย่อมเกิดขึ้นสูง
มองจังหวะการขยับ ขับเคลื่อน ไปที่บางพรรคการเมือง ที่จะมีบทบาทสูงในช่วงการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ก็มีความน่าสนใจให้แลเห็น อาทิ ในส่วนของพรรคเครือข่าย เพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตร ที่ประกอบด้วย หัวขบวนหลัก พรรคเพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ-เพื่อชาติ ได้พบความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
อย่างเช่น พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพรรคที่ตอนนี้ ทั้งแกนนำ-ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ก็กระจายกำลัง จัดทัพ ลงตรึงหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
                ท่ามกลางกระแสข่าวว่า นอกจากการเตรียมรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขต ที่ตอนนี้ส่วนใหญ่เรียบร้อยหมดแล้ว แต่ที่ยังไม่ลงตัวก็คือ การทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ยังมีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการจัดลำดับ ใครอยู่อันดับต้นๆ-อันดับท้ายๆ เลยคาดกันว่าถึงเวลาเคาะชื่อรอบสุดท้าย อาจใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสะเด็ดน้ำ
                ขณะเดียวกัน เรื่องรายชื่อ แคนดิเดตนายกฯ 3 รายชื่อ ของไทยรักษาชาติ ที่ต้องยื่นต่อ กกต.ตอนรับสมัครเลือกตั้งและประกาศต่อสาธารณชน
                ก็มีกระแสข่าวออกมาจากคนในตึกที่ทำการพรรคย่านถนนแจ้งวัฒนะว่า โผแคนดิเดตนายกฯ เริ่มไม่นิ่งเสียแล้ว จากเดิมคาดการณ์กันว่า จะมี 3 ชื่อคือ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค, จาตุรนต์ ฉายแสง, พิชัย นริพทะพันธุ์ แต่ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า แกนนำไทยรักษาชาติหลายสายเห็นตรงกันว่า รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของไทยรักษาชาติ หากสุดท้ายพรรคต้องการเคาะออกมา 3 ชื่อ ก็ควรเป็นสูตร
คนใน 2 ชื่อ คนนอก 1 ชื่อ
และหนึ่งชื่อคนนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ควรเป็นคนที่มีภาพทางเศรษฐกิจ เนื่องจากหากสุดท้าย พรรคจะเคาะออกมา 2 ชื่อคือ ร.ท.ปรีชาพล เนื่องจากเป็นหัวหน้าพรรค กับจาตุรนต์ ทั้ง 2 คนมีภาพของการเป็นนักการเมือง ไม่มีจุดขายด้านเศรษฐกิจ ขณะที่พรรคพยายามชูเรื่องเศรษฐกิจยุคใหม่ ควบคู่ไปกับการขายแบรนด์พรรคฝั่งประชาธิปไตย ดังนั้นจึงควรเอาชื่อคนที่มีภาพทางด้านเศรษฐกิจมาไว้ด้วย 1 ชื่อ ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของไทยรักษาชาติได้ เพราะรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรค ไม่ต้องสังกัดพรรค 90 วันก่อนเลือกตั้ง
จนเริ่มมีข่าวว่า แกนนำพรรคบางส่วนมีการลิสต์ชื่อ ดร.โกร่ง-วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯ อดีต รมว.คลัง อดีตกุนซือเศรษฐกิจรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์-ป๋าเปรม ซึ่งในช่วงรัฐบาล คสช. ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างหนักหน่วงมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ บนกระแสข่าวว่า คนในไทยรักษาชาติได้เตรียมติดต่อ ดร.โกร่ง เพื่อขอให้มาร่วมงานการเมืองกับไทยรักษาชาติ โดยจะดันให้มีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของไทยรักษาชาติ
อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวแกนนำไทยรักษาชาติสนใจทาบทาม ดร.โกร่ง มาร่วมงานกับพรรค มีข่าวว่ายังไม่นิ่ง และอยู่ระหว่างการเตรียมทาบทาม โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนหลัง กกต.ประกาศวันเลือกตั้งชัดเจนออกมาแล้ว ซึ่ง ดร.โกร่งก็อาจปฏิเสธก็ได้ โดยอ้างเหตุผลต่างๆ เช่น อายุมาก ไม่อยากเข้ามายุ่งการเมืองเต็มตัว 
“เรื่องรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นของเพื่อไทย หรือไทยรักษาชาติ ที่จะออกมา ทั้งหมดเป็นยุทธศาสตร์การเมืองของพรรค ที่บางชื่อก็โยนออกมาก่อนเพื่อวัดกระแส เหมือนอย่างกรณี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ที่พอเริ่มมีชื่อออกมาช่วงต้นปี แล้วมีกระแสตอบรับในกลุ่มผู้นิยมเพื่อไทย ก็ทำให้ เริ่มมีความชัดเจนว่าชัชชาติจะมีชื่ออยู่ในลิสต์ของเพื่อไทย ก็เหมือนกับกรณีของข่าว ดร.โกร่ง แม้จะมีการมองกันว่าในทางการเมืองเขาสนิทกับแกนนำไทยรักษาชาติบางคน เช่น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แต่สุดท้ายคนที่จะติดต่อทาบทามเพื่อขอให้มาจริงๆ ก็ต้องเป็นคนจากแดนไกล เพื่อทำให้เห็นว่าพรรคให้ความสำคัญ แต่สุดท้าย หากพรรคได้เป็นรัฐบาล มีสิทธิ์เสนอชื่อนายกฯ ยังไง ก็คงต้องฟังพรรคที่มีเสียง ส.ส.มากกว่าอย่างเพื่อไทย มีสิทธิ์ก่อนรายงานข่าวจากแหล่งข่าวพรรคไทยรักษาชาติระบุ
 ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากเพื่อไทย เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ทางการเมืองของ ดร.โกร่ง วีรพงษ์ กับคนในสายชินวัตร-เพื่อไทย เป็นเรื่องที่รับรู้มาตลอดว่ามีความสัมพันธ์อันดีกันมาตลอด โดยก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า ทักษิณก็เคยติดต่อ ดร.โกร่งให้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ช่วงปี 2551 แต่มีกระแสข่าวว่า ดร.โกร่งปฏิเสธ หลังมีสัญญาณจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ไม่ปลื้ม จนสุดท้ายจึงไปดัน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตปลัดมหาดไทยมาเป็นแทน และในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เคยตั้ง ดร.วีรพงษ์เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ หรือ กยอ. หลังประเทศผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่
ขณะที่ฝ่าย เพื่อไทย เรื่องแคนดิเดตนายกฯ เริ่มชัดมากขึ้น กับท่าทีของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ถูกทักษิณวางตัวให้เป็นแกนนำทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยในการเลือกตั้ง รวมถึงการสร้างเป็นจุดขายทางการเมือง เพื่อหวังเจาะกลุ่มแฟนคลับเพื่อไทย-ทักษิณ ที่ไม่เอา เจ๊หน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็มีชื่อของชัชชาติให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ในการถูกวางตัวให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย ซึ่งหลังมีการโยนหินถามทางมาได้ร่วมเดือน จนเริ่มมีกระแสหนุน
ทำให้ชัชชาติจากที่ยังลังเล เพราะอาจเกรงใจรุ่นใหญ่ในเพื่อไทยและไทยรักษาชาติ เพราะชัชชาติที่แม้จะเคยเป็นรัฐมนตรีแบบก้าวกระโดด จาก รมช.คมนาคมไปเป็น รมว.คมนาคม แต่เขาก็ยังไม่มีบารมีทางการเมือง ไม่เคยเป็น ส.ส. ไม่มีนักการเมืองในสังกัด ไม่เคยลุยทำศึกเลือกตั้ง ยิ่งบทบาทการเมืองของชัชชาติในช่วงเกือบ 5 ปียุค คสช. ก็ถูกคนในเพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ มองว่า โลว์โปรไฟล์-เอาตัวรอด กับการไปเป็นประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ กินเงินเดือนหลายแสน โดยไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองใดๆ กับเพื่อไทย ไม่เคยมาทำกิจกรรมกับพรรคใดๆ แล้วจู่ๆ มีเลือกตั้ง มีโอกาสที่เพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลก็โผล่มา แล้วจะมาลุ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็เป็นเรื่องที่คนเพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ ก็ยังกังขา ไม่ยอมรับกันอยู่ระดับหนึ่ง
 เรื่องแบบนี้ แม้ชัชชาติจะยังใหม่ทางการเมือง ไม่เคยผ่านสมรภูมิเลือกตั้ง แต่ก็ย่อมอ่านความรู้สึกคนในเพื่อไทยด้วยกันเองออกแน่นอน ทว่าตอนนี้ดูเหมือนอาจเพราะชัชชาติได้รับสัญญาณแล้วว่า เขาต้องขึ้นมามีบทบาทในเพื่อไทยเต็มตัว ทำให้ชัชชาติประกาศความพร้อมทางการเมืองออกมาแล้ว
  "ผมไม่รู้เรื่อง อันนี้ต้องแล้วแต่ทางพรรค หากพรรคเห็นว่าเหมาะสม ผมก็พร้อม"
เป็นคำตอบของชัชชาติ หลังถูกถามถึงความพร้อมเปิดตัวเป็น 1 ใน 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
นั่นคือความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาของ ไทยรักษาชาติ-เพื่อไทย ที่เป็นพรรคเครือข่ายของกันและกัน
                ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายตรงข้ามกลุ่มเพื่อไทย-ทักษิณ อย่าง พรรคพลังประชารัฐ เมื่อการกำหนดวันเลือกตั้ง-วันเลือกตั้ง ถูกเลื่อนออกไป จาก 24 ก.พ. ก็มีผลทำให้การรับสมัคร ส.ส.และการแจ้งรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองต่อ กกต.ก็ต้องขยับออกไปด้วย ดังนั้นจึงทำให้มีเวลาที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตัดสินใจได้นานขึ้นในเรื่องการเข้าสู่การเมืองด้วยการมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพลังประชารัฐ
                แต่ระหว่างนี้ พลังประชารัฐก็มีเรื่องให้ฮือฮา เมื่อมีการเปิดเผยรายชื่อ กลุ่มทุน-ผู้สนับสนุนพรรค อย่างเป็นทางการ ตามกฎหมายพรรคการเมือง หลังพรรคพลังประชารัฐ นำบัญชีรายชื่อผู้สนับสนุนการจัดกิจกรรมการระดมทุนโต๊ะจีน เมื่อ 19 ธ.ค.61 มาติดประกาศ หลังส่งเรื่องให้สำนักงาน กกต. ซึ่งมีด้วยกัน 24 ราย เป็นเงิน 90 ล้านบาท
ที่น่าสนใจก็มี อาทิเช่น กลุ่มคิง เพาเวอร์ ของตระกูล ศรีวัฒนประภา ที่ก่อนหน้านี้รู้กันดีว่า เป็นถุงเงินให้กับ พรรคภูมิใจไทย-เนวิน ชิดชอบ
มารอบนี้ปรากฏว่า กลุ่มคิง เพาเวอร์ โดย 3 บริษัทในเครือได้บริจาคเงินสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอย่างเปิดเผย ได้แก่ บ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 6 ล้านบาท, บ.คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด จำนวน 9 ล้านบาท และ บ.คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด จำนวน 9 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 24 ล้านบาท
 ซึ่งการที่บางบริษัทข้างต้นร่วมระดมทุน 9 ล้านบาท เป็นเพราะตามกฎหมายพรรคการเมือง ให้บริษัทเอกชนบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองแบบ Maximum ได้ไม่เกินปีละ  10 ล้านบาทนั่นเอง นอกนั้นก็มีอีกหลายบริษัท-หลายกิจการ ที่ลงขัน เป็นคลังแสงให้พลังประชารัฐเอาไปทำศึกเลือกตั้ง เห็นได้จากที่พรรคแจ้งกับ กกต.ว่า ยังมีผู้แสดงเจตนาสนับสนุนพรรค แต่ไม่สามารถส่งมอบเงินให้แก่พรรคในวันระดมทุนได้อีกจำนวน 151 คน รวมเป็นเงิน 532,350,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ในวงกาแฟของแกนนำพรรคการเมืองเก่าแก่ของการเมืองไทยพรรคหนึ่ง แกนนำพรรคดังกล่าวพูดตรงกันว่า เงิน-รายได้จากโต๊ะจีนพลังประชารัฐดังกล่าว เป็นแค่ ยอดภูเขาน้ำแข็ง-เงินเปิดเผย ที่ต้องแจ้งต่อ กกต. แต่คลังแสง-เสบียงกรังของจริง มีเป็นระดับ หลายพันจนถึงเฉียดหมื่นล้าน!
......................

เลี่ยงม็อบชนม็อบ กลุ่มอยากเลือกตั้งย้ายวิกชุมนุม "โบว์" ผวาถูกลอบปาบึม


ผบ.สส.ยันเลือกตั้งแน่ พลังประชารัฐแจงโต๊ะจีน 90 ล้าน

“บิ๊กกบ” ป้อง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-บิ๊กแดง” ทำเพื่อ ส่วนรวม ยันมีเลือกตั้งแน่ไม่โมฆะ เบรกกลุ่มเห็นต่าง เลิกชุมนุม ชี้ “บิ๊กแดง” แค่เตือนอย่าคิดไกลถึงปฏิวัติ “เต้น” เตือนรุ่นน้องเหตุไม่ปกติกลุ่มอวตาร โผล่จัดม็อบประชัน กลุ่มอยากเลือกตั้งแก้เกม “โบว์” ถอนตัว “จ่านิว” ย้ายวิกเข้า มธ.ท่าพระจันทร์ เลี่ยงปะทะ “บิ๊กตู่” ฝากครูติวชาวบ้านนโยบายใครทำได้จริง ภท.-ปชป.แลกหมัดรัวๆ “อนุทิน” ท้าเปิดชื่อลูกทีมซื้อเสียงคนพัทลุง ลั่นไม่จับมือพรรคสร้างความขัดแย้งแย่งอำนาจ “ศุภชัย” เย้ยเจ้าถิ่นผวากระแสตก ย้อนรอง หน.ปชป.ใส่ร้ายผู้อื่นถูกยุบพรรคได้เช่นกัน “นิพิฏฐ์” พร้อมให้ “เสี่ยหนู” ดูหลักฐาน ขู่ หน.พรรค-กก.บห.รับรู้ระวังถูกยุบพรรค-ยึดทรัพย์ พปชร.แจงทุนโต๊ะจีนเข้าบัญชี 90 ล้าน

จากกรณีฝ่ายรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอกย้ำสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยมั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ล่าสุด พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด ได้ออกมาเน้นย้ำยืนยันว่าคนไทยจะได้เลือกตั้งแน่นอน รอเพียงมีประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งลงมา พร้อมแนะให้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งยุติการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ เพื่อไม่ให้สังคมตื่นกลัวจะเกิดเหตุความไม่สงบ

ผบ.เหล่าทัพพรึบวันกองทัพไทย

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ม.ค. ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด เป็นประธานงานวันกองทัพไทย พร้อม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ร่วมถวายราชสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 บวงสรวงพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นมหาราช 9 พระองค์ พร้อมวางพวงมาลาสักการะดวงพระวิญญาณพระบูรพกษัตริย์และดวงวิญญาณนักรบไทย เพื่อบำเพ็ญ กุศลรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วีรกษัตริย์ไทย และบูรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ตลอดจนเหล่าบรรพชนของไทย

ให้มั่นใจทหารส่งผ่านบ้านเมืองสู่ ปชต.

พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า ทุกวันนี้โอกาสใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนผ่านประเทศในการเลือกตั้งไปสู่ระบอบประชาธิปไตย กองทัพยังมุ่งมั่นทำหน้าที่ส่งผ่านในสิ่งที่ได้ดำเนินการมา ปัจจุบันเรามีทหารเก่า เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม หรือทหารในราชการอย่าง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.มีจิตวิญญาณความเป็นทหาร เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน อยากให้สังคมตระหนักเห็นถึงความจริงจัง ตั้งใจของทหารและขอกำลังใจ ขอให้ประชาชนอุ่นใจมั่นใจว่ากองทัพไม่ว่าทหารในหรือนอกราชการ ยังคงรับใช้ชาติ มุ่งมั่นในเจตนาที่ดี มุ่งหวังว่าประเทศชาติต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นอย่างถาวร

“บิ๊กกบ” ยัน ลต.แน่ควรเลิกชุมนุม

พล.อ.พรพิพัฒน์ ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ขณะนี้ข้อมูลทุกอย่างชี้ชัดไปแล้วการเลือกตั้งมีขึ้นแน่นอน ผู้เกี่ยวข้องพยายามจะควบคุมจัดการให้มีการเลือกตั้งและประกาศผลในกรอบเวลาที่กำหนด ยืนยันว่าการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอน เพียงรอ พ.ร.ฎ.จะโปรดเกล้าฯลงมาเมื่อไหร่ จากนั้นจะกำหนดวันเลือกตั้ง จะไม่ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะและจะได้รัฐบาลใหม่หลังเสร็จงานพระราชพิธีราชาภิเษก ขณะนี้มองไม่เห็นสิ่งที่น่ากังวล อยากฝากถึงกลุ่มต่างๆที่มีข้อสงสัยข้อกังวลน่าจะคลายกังวลและเบาใจได้

ชี้ ผบ.ทบ.เตือนอย่าคิดไกลถึงปฏิวัติ

ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวอีกว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ระบุไปแล้วขอให้แต่ละกลุ่มที่อยากแสดงออกเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ อยู่ในเส้นของตัวเอง ควรเป็นเช่นนั้น กิจกรรมที่จะทำให้ไม่สงบ ทำให้สังคมตื่นกลัวควรจะงดหรือเลิกไป คนไทยส่วนใหญ่อยากอยู่ในบรรยากาศสงบ เตรียมตัวไปสู่การเลือกตั้ง อยากฝากคนไทยการตัดสินคนว่าดีหรือไม่ ควรพิจารณานโยบายของพรรคว่าทำได้จริง ไม่อยากให้หมกมุ่นหรือสนใจการให้ร้ายมองโลกแง่ร้าย เอาเรื่องไม่ดีของอีกฝ่ายมาโจมตี เป็นการเมืองแบบเดิมๆ ควรก้าวข้ามเลิกพูดได้แล้ว ช่วยกันวางอนาคตของชาติเลือกคนที่เหมาะสม เลือกพรรคที่ถูกต้อง อยากให้เลือกตั้งแบบผู้ใหญ่สนใจสาระนโยบาย มากกว่าใส่ร้ายกัน เมื่อถามว่ามีการตีความคำพูดของ ผบ.ทบ.ไม่ให้ล้ำเส้นอาจนำสู่การรัฐประหาร พล.อ.พรพิพัฒน์ตอบว่า อย่ามองไปไกลขนาดนั้น ผบ.ทบ.ไม่ได้พูดถึงเรื่องปฏิวัติ เพียงแต่ย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ท่านพูดเป็นกลางอย่างรัดกุมแล้ว ถ้าการชุมนุมขออนุญาต ทำในเวลาที่กำหนดก็จบไป ขอให้อยู่ในกรอบกฎหมาย

“เต้น” แฉกลุ่มอวตารต้านเลือกตั้ง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะทำงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงการนัดหมายชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งวันที่ 19 ม.ค. ว่า พรรคไทยรักษาชาติสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะแสดงออกโดยสันติ ไม่ว่าเป็นกลุ่มอยากเลือกตั้งหรือกลุ่มไม่อยากเลือกตั้ง แต่ตั้งข้อสังเกตว่าไม่กี่วันที่ผ่านมามีการก่อตั้งเพจ “สามัคคีก่อนการเลือกตั้ง” ขึ้นมา ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพจเฟซบุ๊กอวตาร หรือไม่มีตัวตนอยู่จริง เตรียมจัดกิจกรรมในสถานที่และวันเวลาเดียวกันกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง อาจเป็นสาเหตุนำไปสู่การเผชิญหน้าได้ ขอให้เคลื่อนไหวด้วยความรอบคอบรัดกุมหูตาไว ตัดสินใจตามข้อเท็จจริงของสถานการณ์ และอย่าได้ตกเป็นเหยื่อของสิ่งที่คนบางกลุ่มกำลังสร้างขึ้นเพื่อหวังผลทางการเมือง

“เพนกวิน” บุกทำเนียบฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.00 น. บริเวณประตู 4 นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิกสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม กำหนดการเลือกตั้งที่ชัดเจนพร้อมแนบรายชื่อ สนท. 727 ชื่อ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โดยเจ้าหน้าที่เชิญตัวไปพูดคุยที่ศูนย์บริการประชาชนบริเวณสำนักงาน ก.พ. แต่นายพริษฐ์ ระบุว่าทางกลุ่มไม่ได้ต้องการมาร้องทุกข์กับข้าราชการ จากนั้นไปปักหลักอยู่ที่บริเวณประตู 3 ของทำเนียบฯ นำเอกสารที่จะยื่นและกระดาษเอ 4 ข้อความ “เลื่อนแม่มึงซิ” พับเป็นจรวดร่อนเข้าไปในทำเนียบฯเกือบ 20 แผ่น อีกส่วนก็นำไปติดข้างรั้ว ยืนชูสามนิ้วสัญลักษณ์ต่อต้านการรัฐประหารและตะโกนว่า“ไม่เลื่อนเลือกตั้ง” ก่อนจะแยกย้าย

ลูกพ่อขุนโผล่เบรกกลุ่มอยาก ลต.

ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหงและเครือข่ายนักศึกษารามคำแหงพิทักษ์สถาบันและประชาชน นำโดยนายกิตติพงษ์ แทนคุณ ประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้กลุ่มอยากเลือกตั้งหยุดสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง ระบุว่า กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาลถือเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าให้ดำเนินการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วันนับแต่วันที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหารือเพื่อกำหนดวันไม่ให้กระทบต่อพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขอให้กลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหว และกลุ่มการเมืองที่อยู่เบื้องหลังหยุดพฤติกรรมดังกล่าวและขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งร่วมกันแสดงออกผ่านช่องทางต่างๆอย่างสงบ

เด็ก มช.แถลงจุดยืนจี้กาบัตรโดยเร็ว

ที่บริเวณสันเขื่อนอ่างแก้ว ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กลุ่มนักศึกษา มช. รวม 200 คน รวมตัวกันพร้อมชูป้ายไม่เลื่อนเลือกตั้งและป้าย Walk To Vote แต่งกายเป็นตัวละครชื่อ “มานี” มาถือหีบบัตรเลือกตั้งจำลอง ทำจากกล่องกระดาษ พร้อมมีตัวแทนกลุ่มนักศึกษาสับเปลี่ยนกันมาแถลงจุดยืน เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด เรียกร้องรัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้ง เร่งประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง เพื่อกำหนดวันอย่างชัดเจน เพื่อที่พวกเราจะสามารถทำหน้าที่ เลือกกำหนดอนาคตของสังคมของพวกเรา ให้กลายเป็นสังคมที่พลเมืองทุกคนมีส่วนร่วมในการปกครอง มีสิทธิแสดงออกทางการเมืองอย่างเสรี

กลุ่มสามัคคีฯยื่นขอชุมนุม

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.สำราญราษฎร์ นายพานสุวรรณ ณแก้ว แกนนำกลุ่มสามัคคีก่อนเลือกตั้ง อดีตแกนนำ กปปส. เดินทางไปยื่นขอแจ้งจัดการชุมนุมสาธารณะต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุชุมนุมในวันที่ 19 ม.ค. เวลา 15.00 น. ที่บริเวณ โดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่ สน.ชนะสงคราม นายบัญชา ปานนิวัฒน์ กลุ่มคนฝั่งธนรักสันติ ยื่นขอจัดการชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืนให้สังคมอยู่ในความสงบและไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ในวันที่ 19 ม.ค.

โบว์” ถอนตัวหนีบึม–จ่านิวย้ายเข้า มธ.

จากนั้นนายอนุรักษ์ เจนตวนิช หรือฟอร์ดเส้นทางสีแดง แนวร่วมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผมออกหน้าเอง ขอประกาศย้ายสถานที่ จัดกิจกรรมไล่ประยุทธ์ จากหน้าแมคโดนัลด์เป็นร้านศรแดง เวลา 15.00-17.00 น. อยากเห็นเหมือนกันว่าพวกคุณจะมีมาสักกี่คน พรุ่งนี้จะไปแจ้งชุมนุมด้วยตัวเอง อย่าหนีนะมึง” ทำให้นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มอยากเลือกตั้ง รีบโพสต์ตัดขาดไม่ให้นายอนุรักษ์เข้าร่วมกับกลุ่มฯ ระบุนายอนุรักษ์พยายามมาเกาะขบวนฝ่ายประชาธิปไตย ล่าสุดประกาศไปปะทะกับคนที่เผด็จการขนมายั่วยุ

ขณะที่ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ กล่าวว่า ได้ประกาศถอนตัวจากการชุมนุมแล้ว เป็นห่วงว่าจะไม่สามารถดูแลความปลอดภัยได้ ห่วงจะมีม็อบชนม็อบ จัดหามาแฝงสร้างความปั่นป่วน เสี่ยงจะถูกปาระเบิด ส่วนนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว โพสต์เฟซบุ๊กว่า จากความพยายามจัดชุมนุมของกลุ่มสามัคคีก่อนการเลือกตั้งเสี่ยงต่อการปะทะ จึงเปลี่ยนไปชุมนุมที่ลานหน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

“บิ๊กป้อม” งอนปิดปากงดจ้อสื่อ

เมื่อเวลา 09.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ก่อน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม จะเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 ทีมงาน พล.อ.ประวิตรประสานเจ้าหน้าที่สำนักโฆษกสำนักนายกฯ ให้มาแจ้งสื่อมวลชนว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่ให้สัมภาษณ์ ขอความร่วมมือสื่อให้ไปยื่นฝั่งตรงข้ามทางเข้าตึกบัญชาการ 1 เมื่อ พล.อ.ประวิตรเดินทางมาถึงก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ เพียงแต่ยกมือรับไหว้สื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์แต่ พล.อ.ประวิตรไม่สนใจ รีบเดินขึ้นตึกบัญชาการไปประชุมอย่างอารมณ์ดี ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะงดให้สัมภาษณ์หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์คำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตรหลายเรื่อง ทั้งปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ให้รออีก 3 ปีให้สร้างรถไฟฟ้าเสร็จก่อน หรือประเด็นเหตุลอบวางระเบิดโรงแรมดุสิตเคนยา เพราะอาหารอร่อย ต่อมาเวลา 12.00 น. หลังการประชุม สื่อมวลชนดักรอสัมภาษณ์อีก พล.อ.ประวิตรเดินลงจากห้องประชุมตึกบัญชาการ 1 แล้วฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ

“อนุทิน” ท้าเปิดชื่อคน ภูมิใจไทยซื้อเสียง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า กรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ามีกระบวนการเก็บบัตรประชาชนของชาวบ้านและจ่ายเงิน 500 บาท จากพรรคหนึ่งเพื่อซื้อเสียงในพื้นที่ภาคใต้ว่าขอให้เปิดเผยชื่อออกมา กล้าๆหน่อย พูดมาเลยว่าใครที่เป็นผู้กระทำ เป็นนางนาที รัชกิจประการ กรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เอ่ยชื่อมาเลยไม่ต้องมาบอกใบ้ คนออกมาเปิดเผยต้องรับผิดชอบคำพูดด้วย

ลั่นไม่จับมือพวกก่อขัดแย้งแย่งอำนาจ

นายอนุทินกล่าวถึงนโยบายหาเสียงเลือกตั้งว่า พรรคทุ่มเทสร้างนโยบายแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน ไม่คิดเรื่องการเมืองหรือการแก้รัฐธรรมนูญ คิดอย่างเดียว จึงเชื่อว่านโยบายของพรรคจะได้รับ ความไว้วางใจจากประชาชน ส่วนพรรคจะจับมือกับพรรคการเมืองใดตั้งรัฐบาลนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง แต่ตอนนี้ถือว่าเราได้เปรียบ ไม่เคยเป็นศัตรูหรือขัดแย้งกับใคร ส่วนจะจับมือกับพรรคที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯหรือไม่ อยู่ที่ผลการเลือกตั้งเช่นกัน แต่พรรคเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ เพียงคนเดียว หากประชาชนไม่ตอบรับ ต้องดูสูตรทางการเมืองขณะนั้นอีกที แต่ไม่ว่าผลออกมาอย่างไร พรรคร่วมรัฐบาลต้องเคารพในนโยบายของพรรคภูมิใจไทย และพรรคจะไม่สนับสนุนพรรคที่สร้างความขัดแย้ง โดยเฉพาะพรรคที่สร้างความขัดแย้ง เพื่อแย่งชิงอำนาจ

“ศุภชัย” เย้ยเจ้าถิ่นขาสั่นกระแสตก

นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ระบุมีปลัดจังหวัดเก็บบัตรประชาชนชาวบ้านและจ่ายหัวละ 500 บาทจากพรรคหนึ่งเพื่อซื้อเสียงในภาคใต้ว่า พรรคภูมิใจไทยมีผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.พัทลุงเขตเดียวกับนายนิพิฏฐ์ เป็นปลัดจังหวัดพัทลุง ซึ่งจะยื่นลาออกจากราชการในวันที่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ขอเรียนว่าบุคคลดังกล่าวไม่ได้กระทำการใดที่นายนิพิฏฐ์กล่าวหา วิธีการพูดของนายนิพิฏฐ์เป็นวิธีการเดิมๆ ใช้อักษรย่อ พูดเป็นปริศนาแล้วขู่ว่าทำผิดถึงขั้นยุบพรรค เป็นการใส่ร้ายป้ายสีโดยลืมไปว่าท่านเป็นรองหัวหน้าพรรคการเมือง การใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครอื่นหรือพรรคการเมืองก็มีความผิดถึงขั้นยุบพรรคได้เช่นกัน อยากเรียกร้องให้ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ถ้าเห็นว่าผิดร้องเรียนให้ดำเนินคดี อย่าใช้วิธีการแบบที่เคยๆทำ ความจริงเห็นใจ เท่าที่ทราบไม่เคยมีคู่แข่งที่กระแสความนิยมสูงเท่านี้มาก่อน หรืออาจทางกลับกันว่าท่านไม่เคยกระแสตกเท่านี้ อย่าได้กังวลใจ เพราะประชาชนวันนี้เข้าใจการเมืองดี ย่อมตัดสินใจอย่างมีสติได้

นิพิฏฐ์” พร้อมให้ “เสี่ยหนู” ดูหลักฐาน

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคใต้ กล่าวถึงกรณีนายอนุทินออกมาท้าให้เปิดเผยชื่อผู้เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บบัตรประชาชนโดยให้หัวละ 500 บาทให้ชัดเจนว่า พร้อมให้นายอนุทินดูหลักฐานทั้งหมดว่าใครเป็นผู้สั่งการ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เตรียมนำข้อมูลหลักฐานทั้งหมดยื่นให้ กกต.ตรวจสอบสัปดาห์หน้า การที่นายอนุทินพูดเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่านายอนุทินรับทราบแล้วว่ามีการเก็บบัตรประชาชน ถือว่าตนประสบความสำเร็จแล้ว เพราะต้องการให้เปิดปากพูดแบบนี้

ขู่ กก.บห.จะถูกยึดทรัพย์–ยุบพรรค

“ขอเตือนนายอนุทินระวังเรื่องการยุบพรรคและถูกยึดทรัพย์ ความผิดซื้อเสียงเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ที่มีการแก้ไขเพิ่มมูลฐานความผิดนี้ด้วย ถ้ามีการจับการกระทำความผิดเก็บบัตรประชาชนซื้อเสียงล่วงหน้า หรือเพื่อทำบัตรสมาชิกพรรคการเมือง โดยมีอามิสสินจ้างถือว่าเข้าข่าย แม้จะทำแค่รายเดียว แต่ภาคใต้บางจังหวัด แต่ละเขตเลือกตั้งมีการเก็บบัตรประชาชนชาวบ้านหลายหมื่นใบ เพื่อแลกกับการเป็นสมาชิกพรรค การเมือง ถ้าคนทำเป็นกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการบริหารที่ร่วมด้วยอาจถูกยึดอายัดทรัพย์ไว้ตรวจสอบด้วยว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ที่สำคัญอาจถูกยุบพรรค แทนที่จะออกมาท้าผมให้เปิดรายชื่อ นายอนุทินควรต้องเรียกคนที่คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบถามว่าได้ทำจริงหรือไม่จะดีกว่า” นายนิพิฏฐ์กล่าว

ตอก “ศุภชัย” กินปูนร้อนท้อง

นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายศุภชัยต้องถามว่ารู้พิกัดการทำความผิดได้อย่างไร เพราะตนไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร จังหวัดไหน พรรคใดที่เตรียมการทุจริตเลือกตั้ง ไม่เคยแม้แต่ระบุอักษรย่อหรือว่ากินปูนร้อนท้อง ยืนยันว่ารังเกียจการทุจริตทุกพื้นที่ เหมือนที่เคยเกิดในบางจังหวัดที่เย็บแบงก์ร้อยติดกับแบงก์ยี่สิบเพื่อซื้อเสียงน่ารังเกียจ ที่บอกว่าตนกระแสตกจนกลัวและคนที่พรรคภูมิใจไทยเตรียมส่งกระแสแรง อยากให้คิดถึงความหลังครั้งที่ว่าที่ผู้สมัครรายนี้อยู่พรรคเพื่อไทย เคยเกิดปรากฏการณ์ลักษณะเดียวกันมาแล้ว เชื่อว่าคนพัทลุงจะสอนบทเรียนนักการเมืองซื้อเสียง ต้องขอบคุณ กกต.ที่จะส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางลงไปตรวจสอบ ขอบคุณปลัดกระทรวงมหาดไทยที่กำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองให้วางตัวเป็นกลาง แต่ขอฝากให้คาดโทษกำนัน ผู้ใหญ่บ้านหรือผู้นำชุมชนที่วางตัวไม่เป็นกลางด้วยการไม่ต่ออายุในตำแหน่ง

กกต.รอข้อมูลแจกเงินเก็บบัตรพัทลุง

ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นเรื่องปลัดจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้รวบรวมบัตรประชาชน พร้อมให้เงิน 500 บาท สนับสนุนผู้สมัครพรรคหนึ่งให้ตรวจสอบว่า ทุกเรื่อง กกต.จะรวบรวมข้อมูล ขอทราบรายละเอียดก่อน

“วิษณุ” ชี้เก็บบัตร ปชช.โยงใบแดงได้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า มีปลัดจังหวัดแห่งหนึ่งสั่งเก็บบัตรประชาชน โดยให้เงินเจ้าของบัตร 500 บาท ถือเป็นการซื้อเสียงหรือไม่ว่า ถ้ามีการกระทำเช่นนั้นจริงถือเป็นความผิดอยู่แล้ว ต้องดำเนินคดี กกต.จะแจ้งความหรือสอบสวนเองว่าเป็นการกระทำของใคร แยกเป็น 2 ทางคือคดีเลือกตั้งและคดีอาญา เจ้าหน้าที่ของรัฐถ้าได้รับเรื่องร้องเรียนหรือมีเบาะแสต้องเข้าไปดำเนินการ แม้เกิดก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งอาจโยงไปถึงการให้ใบเหลืองและใบแดงได้ถ้าทำคดีเป็น เพราะแม้จะทำก่อนแต่ผลก็ไปตอนมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกในประเทศไทยแล้ว เพราะเคยเกิดมาเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ตอนเลือกตั้งกึ่งพุทธกาล ถือว่าเป็นความผิด หากมีการร้องไปยัง กกต.จังหวัด สามารถเก็บเรื่องไว้รอให้ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ไม่เชิงเป็นการเอาผิดย้อนหลัง เพราะมีผลต่อเนื่องกัน

ตร.เคลียร์เผาบัตรที่สงขลาแค่ขยะ

ส่วนกรณีพนักงานรถเก็บขยะเทศบาลนครสงขลา พบบัตรประชาชน 82 ใบ ในถุงดำถูกนำมาทิ้งไว้บริเวณกองขยะริมกำแพงโรงเรียนอนุบาลสงขลา ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา ก่อนแจ้งความตำรวจช่วยสืบสวนหาที่มา เนื่องจากเกรงว่าอาจเชื่อมโยงประเด็นการเมืองช่วงใกล้วันเลือกตั้ง ต่อมาวันที่ 18 ม.ค. ร.ต.อ.ปรีชา พรหมสิทธิ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองสงขลา เปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่าบัตรประชาชนทั้งหมด เป็นของร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ย้ายร้านไปจุดอื่นและนำขยะในร้าน รวมทั้งบัตรประชาชนที่ลูกค้านำมาทำธุรกรรมหรือถ่ายเอกสารแล้วลืมนานแล้วเลยเอาไปทิ้ง ทั้งนี้ น.ส.ชยามร บูรพาพงศ์ เจ้าของร้านฝากขอโทษสังคมที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายและเข้าใจผิด

ยันอำนาจเคาะวัน ลต.อยู่ที่ กกต.

ส่วนการเตรียมพร้อมกำหนดวันเลือกตั้ง เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมกับ กทม. จัดกิจกรรม 6 สัปดาห์ประชาธิปไตยรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส. สถานศึกษาสังกัด กทม. มี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เป็นประธาน จากนั้น พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ คาดว่า พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายในสัปดาห์หน้าว่า เมื่อประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา กกต.จะต้องประกาศกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 5 วัน เมื่อถามว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่าวันที่ 24 มี.ค. เป็นวันที่เหมาะสมจัดการเลือกตั้ง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า อำนาจหน้าที่การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นของคณะกรรมการ กกต.

มาร์ค” คาใจระเบียบหาเสียงคลุมเครือ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กกต.อาจกำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. ว่า พรรคไม่มีความกังวลว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นวันที่เท่าไหร่ ทุกคนทำงานเต็มที่เพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน ส่วนการใช้ป้ายโฆษณาหาเสียง สอบถามไปยัง กกต.แล้วบางเรื่อง แต่ กกต.ยังไม่ชัดเจนบางเรื่อง เช่น วิธีการนับจำนวนป้าย กรณีหากติดป้ายไป 100 ป้าย แต่ถูกทำลายไป 30 ป้าย หาทำป้ายทดแทน 30 ป้ายจะนับเป็นป้ายใหม่ด้วยหรือไม่ ที่น่าเป็นปัญหาคือการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ วิธีปฏิบัติที่เขียนมายังไม่ชัดเจน อาทิ การหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องเขียนชื่อผู้ผลิตและจำนวนที่ผลิตไว้ด้านหน้าชัดเจน กรณีข้อความสั้น หรือเอสเอ็มเอส หรือแบนเนอร์ ต้องทำอย่างไร

“สงคราม” สับพรรคสืบอำนาจ 20 ปี

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายอารี ไกรนารา รองหัวหน้าพรรค และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สนับสนุนเดินสายพบประชาชนในพื้นที่ กทม.ครั้งแรก เริ่มที่เขตบางเขน หลักสี่จตุจักร ห้วยขวาง โดย นายสงครามกล่าวว่า ชาวบ้านบ่นว่าลำบากยากจนทุกหย่อมหญ้า ยาเสพติดทุกวันนี้หาซื้อง่ายกว่าซื้อขนม เจ้าสัวไม่กี่คนร่ำรวย ความเหลื่อมล้ำของไทยติดอันดับ 1 เจ้าสัวธุรกิจเบียร์คนหนึ่งมีที่ดินมากกว่า 3 จังหวัดของประเทศไทย ที่ดินเจ้าสัวทั้งหมดรวมกันมีเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศไทยหรือประมาณ 12 จังหวัด คนทั่วไปยากจน ค้าขายลำบาก ขณะที่เผด็จการพยายามสืบทอดอำนาจ พรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ไม่ได้ทำประชาชนลำบากไปอีก 4 ปี แต่จะลำบากไปถึง 20 ปี ของยุทธศาสตร์ 20 ปี เงินบัตรสวัสดิการรัฐให้รับได้เป็นภาษีประชาชน เหมือนรับเงินตัวเองไม่เป็นบาปแน่นอน วันนี้ประชาชนจนพอแล้ว อย่าจนกันไปอีก 4 ปีหรือ 20 ปีเลย

พลังประชารัฐโวมีดีพร้อมเป็นแกนนำตั้ง รบ.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค มีกรรมการบริหารและกรรมการยุทธศาสตร์ กรรมการรณรงค์หาเสียงเข้าร่วม จากนั้นเวลา 14.00 น. นายอุตตมแถลงว่าได้คัดสรรผู้สมัคร ส.ส. 350 เขต สัปดาห์หน้าทุกอย่างจะเรียบร้อย นโยบายพรรคเรียบร้อยแล้ว จะเปิดเผยได้เมื่อ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งประกาศแล้ว ส่วนจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในบัญชีนายกฯของพรรคหรือไม่ ต้องผ่านกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคก่อน ยังยืนยันไม่ได้ว่าจะเชิญใครมา จะได้ ส.ส.กี่ที่นั่งไม่ได้ตั้งเป้าแต่จะทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รอให้สูตรคณิตศาสตร์ลงตัวก่อน ประเมินพื้นที่ทุกวันทุกเวลา กระแสความนิยมของพรรคมีมาต่อเนื่อง มีศักยภาพเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนการลาออกจากตำแหน่งของ 4 รัฐมนตรี ยืนยันว่าจะลาออกในเวลาเหมาะสม เคลียร์งานเกือบหมดแล้ว

ณัฐพล” แจงเงินระดมทุน 90 ล้าน

นายณัฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้ส่งรายงานการระดมทุนพรรคให้ กกต.แล้ว มีผู้แสดงเจตจำนงสนับสนุนพรรค 622,347,950 บาท แต่จะบันทึกเข้าบัญชีการระดมทุน 90 ล้านบาท 24 รายการ ที่เหลือจะเอาเข้าบัญชีผู้บริจาค เนื่องจากส่วนที่เหลือเป็นการบริจาคหลังวันที่ 19 ธ.ค.61 ตามที่ กกต.กำหนด จากการตรวจสอบอย่างเข้มข้น พรรคได้คืนเช็คบางส่วนที่อาจร่วมระดมทุนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย 1 ราย เพราะเป็นนิติบุคคลที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นคนไทยไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนี้จะติดประกาศการรายงานต่อ กกต.วันที่ 21 ม.ค.เป็นต้นไป ณ ที่ทำการพรรค พร้อมติดประกาศรายชื่อผู้บริจาคเงินให้พรรคต่อเนื่อง ยืนยันว่าไม่มีหน่วยงานราชการร่วมระดมทุนในงานด้วย สื่อมวลชนตรวจสอบได้

เผยเครือคิง เพาเวอร์บริจาค 24 ล.

ช่วงบ่าย พรรคพลังประชารัฐ ได้นำรายชื่อผู้สนับสนุนการจัดกิจกรรมการระดมทุนวันที่ 19 ธ.ค.61 มาติดประกาศ มีทั้งหมด 24 ราย เป็นเงิน 90 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.บริษัทเอ็มไอที ซูลูชั่น จำกัด 2.บริษัท ทีทีเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด 3.บริษัทรักษาความปลอดภัย เอเอสเอ็ม เมเนจเมนท์ จำกัด 4.บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) 5.บ.เอเซียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) 6.บริษัท อาร์ เอส เอส 2016 จำกัด 7.บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) 8.บริษัท จีฟินน์ (ไทยแลนด์) จำกัด 9.บริษัท ทีพีไอ 
โพลีน จำกัด (มหาชน) 10.บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด 11.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ลำดับ 1-11 สนับสนุน บริษัทละ 3 ล้านบาท 12.บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 6 ล้านบาท 13.บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด 9 ล้านบาท 14.บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด 9 ล้านบาท 15.บริษัท สกายไอ ซี ที จำกัด (มหาชน) 5 ล้านบาท 16.นายวีระพล ว่องไววิทย์ 3 ล้านบาท

หลาน “สุริยะ” เปย์ 5 ล้าน

17.บริษัท เก้า เอส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 2 ล้านบาท 18. น.ส.พิรานันต์ พิบูลสงคราม 1 ล้านบาท 19.บริษัทซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 6 ล้านบาท 20.สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย 3 ล้านบาท 21.บริษัท สยามโซล่า เจนเนอเรชั่น จำกัด 3 ล้านบาท 22.บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (มหาชน) 6 ล้านบาท 23.บริษัท ยูไนเต็ดสแตนดาร์ด เทอร์มินอล จำกัด 3 ล้านบาท 24.บริษัท สกายไฮ จำกัด 1 ล้านบาท นอกจากนี้ ผู้บริจาคในนามบุคคลธรรมดา ระหว่างวันที่ 1 พ.ย.-31 ธ.ค.61 รวม 4 ราย ได้แก่ 1.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ 5 ล้านบาท 2.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ 1 ล้านบาท 3.นายวิเชียร ชวลิต 1 ล้านบาท 4.นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ 5 ล้านบาท

“เรืองไกร” กัดติดบี้ทุนโต๊ะจีน

เวลา 11.00 น. ที่สำนักงาน กกต.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นคำร้องขอให้ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรครวมพลังประชาชาติไทยและพรรคพลังประชารัฐ จนถึงวันที่ 17 ม.ค.ในเว็บไซต์ 2 พรรค ยังไม่พบการประกาศให้ประชาชนทราบ จะมีโทษปรับตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 106 และมาตรา 123 หรือไม่

“สุดารัตน์” นำทีม พท.ลุยกาฬสินธุ์

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ จ.กาฬสินธุ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคและนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคลงพื้นที่ พร้อมอดีต ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ และคณะได้เข้ากราบนมัสการและร่วมงานแสดงมุทิตาจิตเนื่องในวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร วัดป่าพุทธมงคล โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวปราศรัยว่ามาให้กำลังใจ ยังไม่รู้ว่าเลือกตั้งวันไหน แต่ให้สัญญาว่าหลังเลือกตั้งจะทำงานเต็มที่ ข้าวยางอ้อย สินค้าเกษตรอื่นๆตกต่ำ รัฐบาลช่วยแต่คนรวย เกษตรกรจนลง หนี้มากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำ

“ชัชชาติ” ปลุกรับเงินมากาเพื่อไทย

นายชัชชาติกล่าวปราศรัยว่า วันนี้รัฐบาลเลื่อนเลือกตั้งไปเรื่อยๆ ไม่น่าเชื่อถือ เมื่อก่อนบอกว่าเกลียด ด่านักการเมือง ทุกวันนี้ดูดนักการเมืองเหล่านั้นมายิ่งกว่าดูดส้วม บอกเกลียดคอร์รัปชันไม่ชอบนโยบายประชานิยม ทุกวันนี้คนใกล้ตัวมีแต่คอร์รัปชัน พอใกล้เลือกตั้งแจกเงินจนมีคนกล่าวว่ารับเงินหมากาเพื่อไทย ไม่ควรไปดูถูกหมาที่ซื่อสัตย์ ให้ใช้คำว่ารับเงินมากาเพื่อไทยแทน พรรคเพื่อไทยใช้แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ กระจายโอกาสทำได้จริงมาตลอด ทั้งนี้หลังปราศรัยเสร็จคุณหญิงสุดารัตน์และนายชัชชาติ ลงจากเวทีไปถ่ายรูป สวมกอด ร่วมเต้นเพลงพรรคเพื่อไทยหัวใจเพื่อเธอกับประชาชนอย่างคึกคัก แล้วไปปราศรัยต่ออีก 3 จุด

รปช.ไม่เสนอชื่อคนชิงนายกฯ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.และผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมคณะ อาทิ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายสำราญ ยอดเพชร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคและนายธนินทร์ แก่นอินทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ เขต 1 และนายสมพร ปานเพ็ง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ร่วมเดินแนะนำตัวที่ตลาดเทศบาล 3 จากนั้นเข้าสักการะอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก และเดินตลาดคลองโพธิ์ โดยนายสุเทพกล่าวว่า ชาวอุตรดิตถ์ตื่นตัวทางการเมืองมากกว่าที่คาด เราอาจได้ ส.ส. พรรคได้ปรึกษากันแล้วจะไม่เสนอชื่อใครเป็นนายกฯ รู้ว่าเราไม่ใช่พรรคที่จะชนะจนมีคะแนนเป็นที่หนึ่ง จะชูสนับสนุนใครเป็นนายกฯต้องดูก่อนว่าพรรคต่างๆเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ วันนี้ยังไม่สมัครตอบไม่ได้ ต้องดูผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไร แล้วใครคุมเสียงข้างมากได้ วันเลือกตั้งจะเป็นวันไหนไม่เกี่ยง อย่างไรต้องมีเลือกตั้งอยู่แล้ว ส่วนที่มีกลุ่มคนออกมาเคลื่อนไหวให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น ไม่ขอวิจารณ์คนต่างจิตต่างใจ

ศาลฎีกาพร้อมรับมือคดีเลือกตั้ง

นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการศาลยุติธรรม กล่าวถึงการเตรียมพร้อมของศาลฎีกาในคดีเลือกตั้งว่ามีความพร้อม 100% ศาลฎีกาออกระเบียบเรียบร้อยแล้ว ทั้งข้อกฎหมาย บุคลากร กฎระเบียบ ห้องพิจารณาไว้รองรับ จำนวนผู้พิพากษาที่จะมาร่วมองค์คณะมีกว่า 100 คน เชื่อว่ารับมือกับคดีเลือกตั้งได้ไม่มีปัญหา แม้มีกรอบเวลาจำกัด ปีที่ผ่านมาพิจารณาคดีเลือกตั้ง ส.ว.ไป 27 คดีเสร็จทันกรอบเวลา ส่วนกรณีคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม หากมีการยื่นร้องกล่าวหาคณะ กรรมการ (ป.ป.ช.) เสียงข้างมากปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตีตกคดีดังกล่าว ถ้ามีการยื่นเรื่องมาศาลพร้อมจะพิจารณาคดี

“บิ๊กตู่” คืนเก้าอี้ อบจ.พี่ “วราเทพ” เฮ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล วันที่ 15 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ได้ลงนามคำสั่งนายกฯ ที่ 1/2562 ให้บุคคลกลับไปดำรงตำแหน่ง หรือปฏิบัติหน้าที่เดิม หลังมีคำสั่งหัวหน้า คสช.พักงานเจ้าหน้าที่รัฐ เปิดทางให้ศูนย์ อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ จนยุติเรื่องแล้วจึงให้บุคคลต่อไปนี้กลับไปปฏิบัติหน้าที่เดิม 9 คน ได้แก่ นายสมชอบ นิติพจน์ นายก อบจ.นครพนม นายสุรศักดิ์ ปรีชาผล ผอ.กองคลัง อบจ.สมุทรปราการ นายนิพนธ์ บุณยเกียรติ ผอ.กองแผนและงบประมาณ อบจ.สมุทรปราการ นายวิชัย จันทร์จำรูญ ผอ.กอง การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.สมุทรปราการ นายอาคม พันธ์เฉลิมชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเจ้าพระยาสรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายสุนทร รัตนากร นายก อบจ.กำแพงเพชร นายไพฑูรย์ สัตยวงศ์ทิพย์ ปลัด อบจ.กำแพงเพชร นายบำรุง ผลทวี นายก อบต.มะลุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา ว่าที่ ร.ต.กมล เสถียรดี ปลัดเทศบาลสำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่นักการเมืองที่เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ เช่น อบจ.กำแพงเพชร พี่ชายของนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ




แถลงการณ์เพื่อไทย

คำแถลงจากเลขาธิการพรรคเพื่อไทย 

จากกระแสข่าวที่มีการรายงานว่าภายในพรรคเพื่อไทย มีมุมมองที่แตกต่างกันในการสนับสนุนบุคคลที่จะมาเป็น ”แคนดิเดท นายกรัฐมนตรี” ในนามของพรรคเพื่อไทยนั้น…

ขอเรียนยืนยันว่าขณะนี้ คณะกรรมการสรรหาตัวผู้สมัคร และคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้มีการพิจารณาประเด็นดังกล่าว และยังมิได้มีการลงมติตัดสินใจเรื่องนี้แต่อย่างใด ที่สำคัญตามรายงานข่าวที่ไม่ปรากฏแหล่งข่าวที่ชัดเจน ได้อ้างถึง “…การเข้ามามีบทบาท ในการกำหนดตัว ว่าที่แคนดิเดทผู้นำของพรรค ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้” ว่ามีอดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ท่านหนึ่งเป็นผู้สนับสนุนและชี้นำนั้น” เป็นการแสดงนัยยะซ่อนเร้นทางการเมืองเพื่อให้เกิดเงื่อนไขการโต้แย้งอันนำไปสู่การสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของสังคมต่อพรรคเพื่อไทย

ผมในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่มีความเป็นจริงแต่อย่างใด ตรงข้ามกลับเป็นการแสดงถึงความพยายามที่จะกล่าวหาว่าพรรคถูกครอบงำและนำไปสู่ข้อกล่าวหาเรื่องการ”ยุบพรรค”ในที่สุด การสื่อสารข้อมูลดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อทำให้เกิดความสับสน แตกแยก และใช้เป็นประเด็นยั่วยุในการทำลายพรรคการเมืองที่อยู่คนละฝ่าย รวมทั้งถือเป็นการเสี้ยมเพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดการแตกแยกในพรรคเพื่อไทย

ผมอยากเรียนยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย ได้เคยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะเผชิญกับสถานการณ์ถูกยั่วยุ หรือ เสี้ยมชน ในทางการเมืองในห้วงเวลานี้ได้ทุกขณะ ตราบใดที่เราแสดงออกให้เห็นว่าเรามีความพร้อม และเรามีความมั่นใจสูงสุดที่จะรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ การส่งสารที่ทำให้เกิดความเคลือบแคลงจึงเป็นเครื่องมือที่เราคาดหวังไว้แล้วในสถานการณ์การต่อสู้เช่นนี้ 

สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามประเมินความเข้มแข็งของพวกเราต่ำไป คือ ข่าวสารอันไม่เป็นความจริงนี้ไม่ได้ส่งผลให้เกิดอคติต่อเรา แต่กลับจะยิ่งกระชับความเข้าใจและความมั่นคงของพวกเราที่มีต่อพรรคเพื่อไทยมากขึ้น ความพยายามใดๆที่มุ่งหวังจะทำลายพรรคเพื่อไทยและะมุ่งหวังจะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย…จะไม่มีทางประสบความสำเร็จ เพราะพรรคเพื่อไทยเราทำงานเป็นทีม และ “ทีมเพื่อไทย” เราสู้เพราะหัวใจของเราคือผลประโยชน์ของประชาชน  เรื่องเสี้ยมชนที่หวังว่าจะลดทอนกำลังของเรา กลับกลายเป็นการเปิดให้เห็นถึงความกลัวของฝ่ายตรงข้าม และทำให้เรามั่นใจกับพรรคและประชาชนมากขึ้น

แม้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยวันนี้เราพร้อมทั้งการเตรียม “ทีมเพื่อไทย” และนโยบาย เพื่อนำพาประเทศออกจากปัญหาต่างๆ ที่สั่งสมมานานหลายปี โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน

เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นความหวัง เป็นประตูสู่ทางออกของการแก้ไขปัญหา เป็นต้นทางของการหลุดพ้นออกจากความมืดมน และความล้มเหลวถดถอยต่างๆ ที่กำลังคุกคามชีวิตของพี่น้องคนไทยในปัจจุบัน

พรรคเพื่อไทยวันนี้  มี “ทีมเพื่อไทย” ที่มีประสบการณ์ทางการเมือง มีประสบการณ์การบริหารประเทศ มีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลก และมีความรู้ ที่หลากหลาย  บุคลากรใน “ทีมเพื่อไทย” ไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย… ซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญในระดับแนวหน้าของการเมืองไทย ที่มากประสบการณ์ และมีความสามารถที่หลากหลายในงานการเมืองและการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน  

เรามีคุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ อดีตนักบริหารมืออาชีพจากองค์การเอกชนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ ในการแก้ปัญหาที่หลากหลาย รวมทั้งยังมีบุคลากรที่เป็นทีมงานมืออาชีพอีกหลายท่าน ซึ่งพร้อมจะร่วมกันเปิดตัวหลังมีการประกาศกฤษฎีกาการเลือกตั้งที่ชัดเจน…ทุกท่านเหล่านี้พร้อมที่จะเข้ามาช่วยกันทำงาน พร้อมลงไปคลุกคลี พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ  อย่างคนเคยทำงานที่สร้างความสำเร็จในผลงานมาแล้ว 
วันนี้พรรคเพื่อไทย ยึดเอาการรับฟังปัญหาความต้องการของพี่น้องประชาชน เป็นหัวใจสำคัญในการทำงานและยกระดับนโยบายให้ถูกใจและโดนใจประชาชนอีกครั้ง พวกเราทุกคนตระหนักดีว่าภารกิจนี้ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ การมีส่วนร่วมของทุกคน ที่มีหัวใจเป็นทีมเดียวกัน จึงจะสามารถนำพาสังคมไทยให้ก้าวข้ามภาวะถดถอย สิ้นหวัง และฟื้นตัวได้โดยเร็ว

แม้ว่าปัจจุบัน จะมีกลุ่มผู้มีอำนาจบางคนและกลุ่มบุคคลบางฝ่าย พยายามที่จะเสี้ยมหรือสร้างข่าวเพื่อให้เกิดความแตกแยก ในพรรคเพื่อไทย  ผม ไม่เชื่อว่าความพยายามดังกล่าวจะประสบความสำเร็จ ตามที่มุ่งหวัง 
เพราะวันนี้…… ทีมเพื่อไทยทุกคน เรามั่นคงและก้าวไกลกว่าที่พวกเขาคิด 

ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย / 20 มกราคม 2562

ส่งสัญญาน

ส่งสัญญาณ !!

“ผู้การไก่”เขาพระวิหาร  ออกโรง เรียกร้อง คนไทย และ นักการเมือง พร้อมใจกันหนุน เลื่อนเลือกตั้ง เพื่อจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ให้สมพระเกียรติ ...ยันไม่ได้พูดเอาใจ”นาย” หวังเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง แต่ในฐานะ นายทหารไทย และคนไทย คนหนึ่ง

“ผู้การไก่” พลตรี ธนศักดิ์ มิตรภานนท์  ผู้ทรงคุณวุฒิทบ. อัดคลิป ลงYoutube  ในฐานะทหารไทย ที่ผ่านมาหลายสมรภูมิ ปกป้องแผ่นดินไทย  เรียกร้อง ประชาชน คนไทยที่รักบ้านเมือง รักพระมหากษัตริย์  และ นักการเมือง พร้อมใจกันหนุนเลื่อนเลือกตั้ง เพื่อจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ให้สมพระเกียรติ ไม่ใช่ฉุกละหุก แบบนี้ ชี้เลือกตั้ง เลือกเมื่อใดก็ได้ จะช้าหรือจะเร็ว แต่ต้องเลือกตั้งแน่นอน เพราะระบอบประชาธิปไตย ถ้าไม่เลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย  แต่ปีนี้เป็นปีสำคัญที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ” จะมีพิธีพระบรมราชาภิเศก  ซึ่งจะมีครั้งเดียวในแผ่นดินรัชกาลนี้ ดังนั้นจึงต้องจัดให้สมพระเกียรติ และเกี่ยวข้องกับทูตานุทูต และพระมหากษัตริย์จากประเทศต่างๆ
ที่สำคัญงานนี้จะต้องเกิดขึ้นจากการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เตรียมการแบบฉุกละหุกหรือ แบบไม่มีความพร้อม 

พลตรีธนศักดิ์ ยืนยันว่า การออกมาพูดในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเอาใจนาย หรือผู้บังคับบัญชา เพราะอยากเลิ่อนยศเลื่อนตำแหน่ง  แต่พูดในฐานะ ทหารไทย ที่ปกป้องแผ่นดินและสถาบันฯมาตลอด และในฐานะคนไทย คนหนึ่ง 

ทั้งนี้ พลตรี ธนศักดิ์ ถูกมองว่า เป็น มือขวาน้องรัก บิ๊กเยิ้ม พลเอกธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาค2 เพื่อนเตรียมทหาร12  ของ พลเอกประยุทธ์ นายกฯและหัวหน้าคสช.

https://youtu.be/ydbAubufdSs

ฝ่ามลพิษการเมือง “กระพือ” เชื้อขัดแย้งเก่า : ลุ้นเลือกตั้ง ล็อกโรคแทรก

วิกฤติฝุ่น PM2.5 ปกคลุมกรุงเทพฯและปริมณฑล

สร้างความแตกตื่นในหมู่ประชาชน ตามสภาพอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพ เบื้องต้นคือระคายเคืองจมูก แสบคอ ไอ มีเสมหะ เสี่ยงเป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ ร้ายสุดคือมะเร็งปอด

จากฝุ่นเล็กๆที่กลายเป็นปัญหาระดับชาติ

บรรยากาศแบบที่ผู้นำประเทศอย่าง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ต้องเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลไม่มีแผนกู้สถานการณ์

กระแสโซเชียลมีเดียพาลด่านายกฯที่ทำได้แค่สวดมนต์

เข้าเหลี่ยมคนฝ่ายตรงข้ามลากเป็นปมทางการเมือง ดิสเครดิต “ลุงตู่” ในเกมเลือกตั้ง

โดยสถานการณ์ฝุ่นปกคลุมกรุงเทพฯและปริมณฑล บดบังทัศนียภาพ อากาศขมุกขมัว ล้อกันเลยกับบรรยากาศสถานการณ์การเมือง

โหมดเลือกตั้งที่ยังอึมครึมคลุมเครือ

ในอารมณ์ที่ผู้คนในสังคมส่วนหนึ่ง รวมถึงนักการเมืองและมวลชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาล คสช.พากันไม่เชื่อ และแกล้งไม่เชื่อ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เบอร์หนึ่งเบอร์สอง คสช.แท็กทีมประสาน เสียงรายวัน

ยืนยันอย่างไรก็ต้องเลือกตั้งภายในกำหนด 150 วัน

ตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ นับจากวันที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับบังคับใช้ครบ ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2561 ต้องจัดกระบวนการกาบัตรให้เสร็จภายในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562

ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เบี้ยวไม่ได้

และก็เป็นอะไรที่ชัดเจนขึ้นอีกระดับ กับการที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ยอมรับในความคิดส่วนตัว วันที่ 24 มีนาคม เหมาะสมที่สุดในการจัดการเลือกตั้ง

โดยพระราชกฤษฎีกาน่าจะประกาศในสัปดาห์หน้านี้

เอาเป็นว่า ปักหมุดวันที่ 24 มีนาคม 2562 ตามความน่าจะเป็นมากสุด

ซึ่งนั่นก็สอดคล้องกับ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยืนยัน กกต.คุยกันเป็นการภายใน ถ้ามีการเลือกตั้งภายในวันที่ 24 มีนาคม ระยะเวลาการประกาศผลภายใน 150 วัน คือวันที่ 9 พฤษภาคม เชื่อว่า กกต.สามารถทำได้

พร้อมๆกับมีการแจกแจงกฎกติกา ตามราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และประกาศ กกต.9 ฉบับเกี่ยวข้องกับวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการเลือกตั้ง ที่จะมีผลบังคับใช้เมื่อมีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง

อาทิ ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้สมัคร ส.ส.เขตไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อคน ห้ามผู้สมัคร ส.ส.ช่วยซองงานบุญ งานบวช หรืองานศพ แม้แต่ส่งพวงหรีด

กดไลค์ กดแชร์ข้อมูลป้ายสีในโซเชียลมีเดียเสี่ยงโดนใบแดง

กกต.ฝ่ายปฏิบัติแสดงความพร้อมในการจัดมหกรรมกาบัตรเลือกตั้ง

หันไปทางฝั่งพรรคการเมืองก็ลุยหาเสียงกันขาขวิด ออกตัวไปไกลแล้ว แบบที่พรรคประชาธิปัตย์ทำการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ครบทั้ง 30 เขต ขณะที่พรรคภูมิใจไทยจัดโหมโรงเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ

แม้แต่ลูกข่าย “ทักษิณ” ที่ตีปี๊บโวยวายดักคอ ประจานเลื่อนเลือกตั้งตีกินกระแส

แต่อีกทางก็แบ่งทีมขึ้นเหนือล่องใต้ แยกย้ายเดินสายหาเสียงกันฝุ่นตลบ ทั้งสาขาหลักพรรคเพื่อไทย ทีมบียี่ห้อไทยรักษาชาติ และทีมซีพรรคเพื่อชาติ

แย่งส่วนแบ่งการตลาดกันเองในกลุ่มผู้บริโภคยี่ห้อ “ทักษิณ”

และนั่นก็ไม่ต้องพูดถึงน้องใหม่อย่างค่ายพลังประชารัฐ ที่จัดคิวเก็บคะแนนต่อเนื่อง ถึงจังหวะมวยหลักทีมนักเลือกตั้งอาชีพอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นำขบวนเดินสายปักธงในภาคอีสาน ภาคเหนือ ลุยหาเสียงแบบ “ฟูลไทม์”

ลุยเจาะฐานอดีต “นายใหญ่” แบบได้เนื้อได้หนัง

ในจังหวะที่นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ “ทีม 4 กุมาร” ยังสวมหมวกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ได้แค่ “พาร์ตไทม์” แบบนอกเวลาราชการ

ทุกพรรคทุกป้อมค่ายต่างอยู่ในโหมดลุยหาเสียง

ต่างฝ่ายต่างเร่งเครื่องเดินหน้า ไม่มีเวลาลังเลๆเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่

กกต.ฝ่ายคุมเกมพร้อม ผู้เล่นทุกพรรคออกตัวทำคะแนน บรรยากาศสถานการณ์ไหลตามธรรมชาติ

ทุกอย่างยังเดินหน้าไปตามกระบวนการโดยอัตโนมัติ

นั่นหมายถึงทุกฝ่าย รวมไปถึงประชาชนส่วนใหญ่ต่างเข้าใจกับปัจจัยในการขยับวันเลือกตั้งให้สอดคล้องกับพระราชพิธีสำคัญในรอบกว่า 70 ปีของราชอาณาจักรไทย

ที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ที่สำคัญทุกขั้นตอนก็ยังอยู่ใน “ไทม์ไลน์” โรดแม็ปเลือกตั้งที่ล็อกไว้ในรัฐธรรมนูญกำหนด 150 วัน

แต่ฝุ่นควันฟุ้งกระจายจากเกมเขย่ากระแสตีกินของนักเลือกตั้งอาชีพ

บีบกดดันรัฐบาล คสช.ตามเหลี่ยมเกมการเมือง

เรื่องของเรื่อง “ปัจจัยเลื่อน” กับ “ปัจจัยแทรก” เลือกตั้ง มันเลยแยกกันไม่ออก

ตามแรงกระฉอกไปถึงการปั่นกระแสม็อบ กับอาการขยับของมวลชนต้านเลื่อนเลือกตั้ง นำโดย “น้องโบว์” น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำคนดังกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นำมวลชนเคลื่อนไหวกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์

ปักหลักแยกราชประสงค์ ยื่นคำขาดให้ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งก่อนวันที่ 18 มกราคม

ไม่เช่นนั้นจะยกระดับการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ขีดเส้นตาย “ล้ำเส้น” บังควร มิบังควร

โดยมี “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กับ “เดอะอ๋อย” นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ เป็นกองหนุน

ดันหลังกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ให้ชนกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช.ที่ส่งสัญญาณคลื่นความถี่สูงเตือนม็อบต้านเลื่อนเลือกตั้ง

หงุดหงิดกับพฤติกรรมเดิมๆของคนหน้าซ้ำๆที่รับคำสั่งมาป่วน

จ้องทำประเทศวุ่นวาย โดยไม่มององค์ประกอบเลื่อนเลือกตั้ง

ในจังหวะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และกระบอกเสียง คสช.ออกมาพูดถึงการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง

คนกลุ่มนี้วุฒิภาวะทางประชาธิปไตยบกพร่อง

กองทัพแปรรูปขบวนรบ ประจันหน้าม็อบต้านเลื่อนเลือกตั้ง

ท่ามกลางเกมแห่กระแส แนวร่วมฝ่ายต้านเลือกตั้งก็ตีปี๊บให้เลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ อีกฝั่งก็เบิ้ลกลับ วุ่นวายมาก ไม่ต้องเลื่อน แต่ให้ยกเลิกเลือกตั้งไปเลย

พวก “สุดโต่ง” ผสมโรงปั่นดีกรีเร้าชนวนวุ่นวาย

และก็โผล่มาได้จังหวะพอดิบพอดี

ตามปรากฏการณ์ที่ “นายใหญ่” อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ส่งข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย นัดกองเชียร์และประชาชนทั่วไปให้ติดตาม บล็อกเกอร์ “Good Monday” ทุกแพลตฟอร์มบนโลกออนไลน์ ทุกวันจันทร์

กับเหลี่ยมโชว์วิชันทางด้านเศรษฐกิจ ฟอร์มเก่งของอดีตผู้นำ

เปิดเกมชิงกระแส ต่อเนื่องกับการแห่ข่าว “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โกอินเตอร์ นั่งแท่นประธานบอร์ดท่าเรือสินค้าเมืองซัวเถา จีนแผ่นดินใหญ่

“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ตีธง ส่งสัญญาณรุกทวงคืนเกมอำนาจ

เร้าบรรยากาศขมุกขมัวจากฝุ่น เจือมลพิษการเมือง

หัวเชื้อไฟขัดแย้งปะทุกลับมา

นี่ต่างหากสถานการณ์สุ่มเสี่ยง โอกาสเกิด “โรคแทรก” มาก่อนปัจจัยเลื่อนเลือกตั้ง

เพราะประเมินตามเงื่อนไขสถานการณ์ ถ้าบ้านเมืองยังเต็มไปด้วยแรงกระเพื่อม ภายใต้ห้วงเวลาคาบเกี่ยวที่การเลือกตั้งต้องตีคู่ไปกับพระราชพิธีสำคัญทางประวัติศาสตร์รอบ 70 ปีของไทย

และทุกปรากฏการณ์ล้วนผูกติดกับ “ความมั่นคง”

ไม่มีทางที่กองทัพจะปล่อยให้ไปลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงายแน่.


“ทีมการเมือง”