PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2562

ฝ่ามลพิษการเมือง “กระพือ” เชื้อขัดแย้งเก่า : ลุ้นเลือกตั้ง ล็อกโรคแทรก

วิกฤติฝุ่น PM2.5 ปกคลุมกรุงเทพฯและปริมณฑล

สร้างความแตกตื่นในหมู่ประชาชน ตามสภาพอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพ เบื้องต้นคือระคายเคืองจมูก แสบคอ ไอ มีเสมหะ เสี่ยงเป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ ร้ายสุดคือมะเร็งปอด

จากฝุ่นเล็กๆที่กลายเป็นปัญหาระดับชาติ

บรรยากาศแบบที่ผู้นำประเทศอย่าง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ต้องเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลไม่มีแผนกู้สถานการณ์

กระแสโซเชียลมีเดียพาลด่านายกฯที่ทำได้แค่สวดมนต์

เข้าเหลี่ยมคนฝ่ายตรงข้ามลากเป็นปมทางการเมือง ดิสเครดิต “ลุงตู่” ในเกมเลือกตั้ง

โดยสถานการณ์ฝุ่นปกคลุมกรุงเทพฯและปริมณฑล บดบังทัศนียภาพ อากาศขมุกขมัว ล้อกันเลยกับบรรยากาศสถานการณ์การเมือง

โหมดเลือกตั้งที่ยังอึมครึมคลุมเครือ

ในอารมณ์ที่ผู้คนในสังคมส่วนหนึ่ง รวมถึงนักการเมืองและมวลชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาล คสช.พากันไม่เชื่อ และแกล้งไม่เชื่อ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เบอร์หนึ่งเบอร์สอง คสช.แท็กทีมประสาน เสียงรายวัน

ยืนยันอย่างไรก็ต้องเลือกตั้งภายในกำหนด 150 วัน

ตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ นับจากวันที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับบังคับใช้ครบ ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2561 ต้องจัดกระบวนการกาบัตรให้เสร็จภายในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562

ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เบี้ยวไม่ได้

และก็เป็นอะไรที่ชัดเจนขึ้นอีกระดับ กับการที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ยอมรับในความคิดส่วนตัว วันที่ 24 มีนาคม เหมาะสมที่สุดในการจัดการเลือกตั้ง

โดยพระราชกฤษฎีกาน่าจะประกาศในสัปดาห์หน้านี้

เอาเป็นว่า ปักหมุดวันที่ 24 มีนาคม 2562 ตามความน่าจะเป็นมากสุด

ซึ่งนั่นก็สอดคล้องกับ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยืนยัน กกต.คุยกันเป็นการภายใน ถ้ามีการเลือกตั้งภายในวันที่ 24 มีนาคม ระยะเวลาการประกาศผลภายใน 150 วัน คือวันที่ 9 พฤษภาคม เชื่อว่า กกต.สามารถทำได้

พร้อมๆกับมีการแจกแจงกฎกติกา ตามราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และประกาศ กกต.9 ฉบับเกี่ยวข้องกับวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการเลือกตั้ง ที่จะมีผลบังคับใช้เมื่อมีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง

อาทิ ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้สมัคร ส.ส.เขตไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อคน ห้ามผู้สมัคร ส.ส.ช่วยซองงานบุญ งานบวช หรืองานศพ แม้แต่ส่งพวงหรีด

กดไลค์ กดแชร์ข้อมูลป้ายสีในโซเชียลมีเดียเสี่ยงโดนใบแดง

กกต.ฝ่ายปฏิบัติแสดงความพร้อมในการจัดมหกรรมกาบัตรเลือกตั้ง

หันไปทางฝั่งพรรคการเมืองก็ลุยหาเสียงกันขาขวิด ออกตัวไปไกลแล้ว แบบที่พรรคประชาธิปัตย์ทำการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ครบทั้ง 30 เขต ขณะที่พรรคภูมิใจไทยจัดโหมโรงเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ

แม้แต่ลูกข่าย “ทักษิณ” ที่ตีปี๊บโวยวายดักคอ ประจานเลื่อนเลือกตั้งตีกินกระแส

แต่อีกทางก็แบ่งทีมขึ้นเหนือล่องใต้ แยกย้ายเดินสายหาเสียงกันฝุ่นตลบ ทั้งสาขาหลักพรรคเพื่อไทย ทีมบียี่ห้อไทยรักษาชาติ และทีมซีพรรคเพื่อชาติ

แย่งส่วนแบ่งการตลาดกันเองในกลุ่มผู้บริโภคยี่ห้อ “ทักษิณ”

และนั่นก็ไม่ต้องพูดถึงน้องใหม่อย่างค่ายพลังประชารัฐ ที่จัดคิวเก็บคะแนนต่อเนื่อง ถึงจังหวะมวยหลักทีมนักเลือกตั้งอาชีพอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นำขบวนเดินสายปักธงในภาคอีสาน ภาคเหนือ ลุยหาเสียงแบบ “ฟูลไทม์”

ลุยเจาะฐานอดีต “นายใหญ่” แบบได้เนื้อได้หนัง

ในจังหวะที่นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ “ทีม 4 กุมาร” ยังสวมหมวกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ได้แค่ “พาร์ตไทม์” แบบนอกเวลาราชการ

ทุกพรรคทุกป้อมค่ายต่างอยู่ในโหมดลุยหาเสียง

ต่างฝ่ายต่างเร่งเครื่องเดินหน้า ไม่มีเวลาลังเลๆเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่

กกต.ฝ่ายคุมเกมพร้อม ผู้เล่นทุกพรรคออกตัวทำคะแนน บรรยากาศสถานการณ์ไหลตามธรรมชาติ

ทุกอย่างยังเดินหน้าไปตามกระบวนการโดยอัตโนมัติ

นั่นหมายถึงทุกฝ่าย รวมไปถึงประชาชนส่วนใหญ่ต่างเข้าใจกับปัจจัยในการขยับวันเลือกตั้งให้สอดคล้องกับพระราชพิธีสำคัญในรอบกว่า 70 ปีของราชอาณาจักรไทย

ที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ที่สำคัญทุกขั้นตอนก็ยังอยู่ใน “ไทม์ไลน์” โรดแม็ปเลือกตั้งที่ล็อกไว้ในรัฐธรรมนูญกำหนด 150 วัน

แต่ฝุ่นควันฟุ้งกระจายจากเกมเขย่ากระแสตีกินของนักเลือกตั้งอาชีพ

บีบกดดันรัฐบาล คสช.ตามเหลี่ยมเกมการเมือง

เรื่องของเรื่อง “ปัจจัยเลื่อน” กับ “ปัจจัยแทรก” เลือกตั้ง มันเลยแยกกันไม่ออก

ตามแรงกระฉอกไปถึงการปั่นกระแสม็อบ กับอาการขยับของมวลชนต้านเลื่อนเลือกตั้ง นำโดย “น้องโบว์” น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำคนดังกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นำมวลชนเคลื่อนไหวกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์

ปักหลักแยกราชประสงค์ ยื่นคำขาดให้ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งก่อนวันที่ 18 มกราคม

ไม่เช่นนั้นจะยกระดับการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ขีดเส้นตาย “ล้ำเส้น” บังควร มิบังควร

โดยมี “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กับ “เดอะอ๋อย” นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ เป็นกองหนุน

ดันหลังกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ให้ชนกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช.ที่ส่งสัญญาณคลื่นความถี่สูงเตือนม็อบต้านเลื่อนเลือกตั้ง

หงุดหงิดกับพฤติกรรมเดิมๆของคนหน้าซ้ำๆที่รับคำสั่งมาป่วน

จ้องทำประเทศวุ่นวาย โดยไม่มององค์ประกอบเลื่อนเลือกตั้ง

ในจังหวะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และกระบอกเสียง คสช.ออกมาพูดถึงการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง

คนกลุ่มนี้วุฒิภาวะทางประชาธิปไตยบกพร่อง

กองทัพแปรรูปขบวนรบ ประจันหน้าม็อบต้านเลื่อนเลือกตั้ง

ท่ามกลางเกมแห่กระแส แนวร่วมฝ่ายต้านเลือกตั้งก็ตีปี๊บให้เลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ อีกฝั่งก็เบิ้ลกลับ วุ่นวายมาก ไม่ต้องเลื่อน แต่ให้ยกเลิกเลือกตั้งไปเลย

พวก “สุดโต่ง” ผสมโรงปั่นดีกรีเร้าชนวนวุ่นวาย

และก็โผล่มาได้จังหวะพอดิบพอดี

ตามปรากฏการณ์ที่ “นายใหญ่” อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ส่งข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย นัดกองเชียร์และประชาชนทั่วไปให้ติดตาม บล็อกเกอร์ “Good Monday” ทุกแพลตฟอร์มบนโลกออนไลน์ ทุกวันจันทร์

กับเหลี่ยมโชว์วิชันทางด้านเศรษฐกิจ ฟอร์มเก่งของอดีตผู้นำ

เปิดเกมชิงกระแส ต่อเนื่องกับการแห่ข่าว “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โกอินเตอร์ นั่งแท่นประธานบอร์ดท่าเรือสินค้าเมืองซัวเถา จีนแผ่นดินใหญ่

“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ตีธง ส่งสัญญาณรุกทวงคืนเกมอำนาจ

เร้าบรรยากาศขมุกขมัวจากฝุ่น เจือมลพิษการเมือง

หัวเชื้อไฟขัดแย้งปะทุกลับมา

นี่ต่างหากสถานการณ์สุ่มเสี่ยง โอกาสเกิด “โรคแทรก” มาก่อนปัจจัยเลื่อนเลือกตั้ง

เพราะประเมินตามเงื่อนไขสถานการณ์ ถ้าบ้านเมืองยังเต็มไปด้วยแรงกระเพื่อม ภายใต้ห้วงเวลาคาบเกี่ยวที่การเลือกตั้งต้องตีคู่ไปกับพระราชพิธีสำคัญทางประวัติศาสตร์รอบ 70 ปีของไทย

และทุกปรากฏการณ์ล้วนผูกติดกับ “ความมั่นคง”

ไม่มีทางที่กองทัพจะปล่อยให้ไปลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงายแน่.


“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: