PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

53พรรคการเมือง มีมติให้ กกต.-รัฐบาล เร่งจัดเลือกตั้งใหม่ใน 45-60วัน

53พรรคการเมือง มีมติให้ กกต.-รัฐบาล เร่งจัดเลือกตั้งใหม่ใน 45-60วัน หวังให้ประเทศเดินหน้า แก้ปัยหาขัดแย้ง
นายโภคิน พลกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลการประชุม 53พรรคการเมือง เพื่อเดินหน้าประชาธิปไตย หาทางออกการเลือกตั้งในวันนี้ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร่งด่วน และออกพระราชกฤษฎีกา แก้ไขเพิ่มเติมให้จัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน นับแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
พร้อมกันนี้จะมีการเสนอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดหมายการประชุมร่วมกัน ระหว่างรัฐบาล และพรรคการเมืองโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้สอบถามความชัดเจนจาก กกต. เกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเลือกตั้ง การดำเนินกิจกรรมที่ใช้ในการหาเสียง แนวทางจัดการให้กระบวนการการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และการป้องกันการขัดขวางการเลือกตั้ง รวมทั้งการประกาศผลคะแนนเลือกตั้ง


" ปฏิบัติการ 'ตัดกำลัง'"

" ปฏิบัติการ 'ตัดกำลัง'"

27 มี.ค.57 ลอบยิงทหารชุดลาดตระเวน ปปช.พร้อมเสียงระเบิดดัง
22.30 น.ทหารชุดลาดตระเวนโดยลอบยิง..ชุดลาดตระเวนจุดตรวจ ปปช. เวียน 3 คน ยิงล้อมอไซด์ 2 นัด ทำให้รถล้ม 2 คัน ทหารลาดเจ็บ 4 นาย เยอะสุดที่หัวไหล่ ( ไม่นำส่ง รพ. )
22.36 น. สำนักงาน ปปช.เสียงดังคล้ายระเบิด 1 ลูก
22.45 น. เสียงดังคล้ายระเบิดอีก 1 ลูก ปปช. เสียงดังมาจากจุดรกร้างทางด้าน ถ.สนามบินน้ำ ช่วงติวานนท์ 37
อาคาร1,2โดนยิง
23.40น.ผกก.สภ.เมืองนนฯ เพิ่มเติม เหตุเกิด22.45น. คาดว่าเป็น M79 ลูกแรกโดนที่ตัวอาคาร1ด้านทิศตะวันออกเสียหายเล็กน้อย ส่วนลูกที่2ยังไม่พบจุดตก"
เจ้าหน้าที่ตำรวจ , EOD ทหารอยู่ระหว่างตรวจสอบ


อาวุธที่พบในการปิดล้อมตรวจค้น ซ.นนทบุรี 46-48 เมื่อคืนมี 9 รายการ


อาวุธที่พบในการปิดล้อมตรวจค้น ซ.นนทบุรี 46-48 เมื่อคืนมี 9 รายการ
1.ครื่องยิงระเบิด M79 พร้อมกระสุนระเบิดขนาด 40 มม.6 ลูก ปลอกกระสุนระเบิดขนาด 40 มม.ใช้แล้ว 2 ปลอก
2.ปืนลูกซอง(ยาว) เบอร์12 จำนวน 1 กระบอก
3.ปืน AK 47 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน4ซอง ซองละ 40 นัด รวม160นัด
4.ระเบิดขว้าง RGB-5 จำนวน 5 ลูก
5.กระสุนขนาด 5.56 มม.จำนวน 48 นัด
6.มีดหัวตัด 1 เล่ม
ึ7.ปืนสั้น .45 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน+เครื่องกระสุน
8.หนังสติ๊ก พร้อมลูกเหล็ก
9.ประทัดยักษ์ 1 ลูก และระเบิดปิงปอง 5 ลูก


ลุ่ม กวป.ประมาณ 100 คน บุกปิดโรงพัก สภ.เมืองนนทบุรี เรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่ถูกจับ อ้างตำรวจจัดฉากยัดข้อหา

หย่ายจริงๆ บุกปิดโรงพัก ..... กลุ่ม กวป.ประมาณ 100 คน บุกปิดโรงพัก สภ.เมืองนนทบุรี เรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่ถูกจับ อ้างตำรวจจัดฉากยัดข้อหา
แปลกอีกแล้ว ตอนเช้าข่าวว่าจับได้ 10 คน ตกบ่ายเหลือแค่ 4 คน สารภาพแค่ 1 คน
ว่าเป็นเจ้าของอาวุธปืน อีก 2 รายยังให้การปฏิเสธ และอีก 1 ราย พบว่ามีหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ในข้อหาลักทรัพย์ รายชื่อผู้ต้องหาและอาวุธ ประกอบด้วย
1.นายชูชาติ ชูศิริ อายุ 33 ปี พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนยาวลูกซอง ขนาดเบอร์12 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด เบอร์ 12 จำนวน 39 นัด โดยแจ้งข้อหา “พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร”
2.นายรัตนพงศ์ อินทะรังษี อายุ 35 ปี พร้อมด้วยของกลาง คือ อาวุธเล็กยาว AK-47 ขนาด 7.62 มม.จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 7.62 จำนวน 120 นัด ลูกระเบิด ชนิดสังหาร RGD-5 จำนวน 2 ลูก โดยแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
3.นายสมัย บุญนาน อายุ 60 ปี พร้อมด้วยของกลาง คือ อาวุธปืนไทยประดิษฐ์
จำนวน 1 กระบอก เครืองกระสุน ขนาด 9 มม. จำนวน 11 นัด โดยแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
4.นายคมปกรณ์ เกาะแก้ว อายุ 46 ปี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดราชบุรีที่ จ.531/2553 ข้อหา “ลักทรัพย์ รถยนต์ ” อาวุธที่ตรวจยึดมาได้จากป่ากฐิน ปาก ซ.นนทบุรี 46 คือ เครื่องยิงลูกระเบิด 3.ปลอก เครื่องกระสุน ขนาด 40 มม.(M79) จำนวน 2 ปลอก ลูกระเบิด ชนิดสังหาร RGD-5 จำนวน 4 ลูก อาวุธปืนสั้น ออโตเมติก ยี่ห้อโคลท์ ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน ขนาด .45 จำนวน 12 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด 7.62 จำนวน 48 นัด...
ลองอ่านข่าวนี้นะคะ ไม่ตรงกันเลย .อาวุธหายไปครึ่งหนึ่ง .. เมื่อเวลา 0330 น. จากการตรวจ บริเวณสะพานลอย คนข้ามหน้าปากซอยนนทบุรี 46 พบชายหญิงคู่หนึ่ง นอนอยู่บนสะพานลอย เจ้าหน้าที่ตรวจค้น พบอาวุธปืนอาก้า พร้อมเครื่องกระสุน บรรจุอยู่ในแม็กกาซีนจำนวน 4 อัน ซุกอยู่ใต้ผ้าที่ใช้ปูนอน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว พร้อมอาวุธมาสอบสวน ทราบชื่อคือ นายรัตนพงษ์ อินทะรังสี จ.น่าน และน.ส.แก้วตา กะเจียนู อายุ 36 ปี จ.เพชรบูรณ์ โดยทั้งคู่ปฏิเสธไม่รู้ว่า อาวุธดังกล่าวเป็นของใคร และไม่รู้ว่าใครเอามาวางซุกไว้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา มีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต
กำลังอีกชุดหนึ่งได้เข้าตรวจค้น กลุ่มการ์ด กวป.ที่อยู่ใกล้จุดที่พบอาวุธปืน สามารถยึดปืนลูกซองยาว ซุกซ่อนอยู่ท้ายรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว การ์ดทั้งหมดไปตรวจสอบประวัติว่า เคยต้องคดีบ้างหรือไม่และได้ทำการบันทึกประวัติทุกคนไว้
ภายในป่าหญ้าที่อยู่ใกล้กับเวที กวป. เจ้าหน้าที่ถึงกับผงะ เมื่อพบระเบิดชนิดอาร์จีดี 5 ผลิตในประเทศรัสเซีย ซุกอยู่ในกระเป๋าสะพายจำนวน 4 ลูก กระสุนปืนเอ็ม 16 กระสุนปืน 11 มม.และปืนพกสั้นไม่ทราบขนาด บรรจุอยู่ในกระเป๋าสะพาย หมกอยู่ในป่าหญ้า ใกล้กันยังพบเครื่องยิงเอ็ม 79 ห่อด้วยหนังสือพิมพ์ และเสื่อมัดทับ อีกชั้นซุกอยู่ในกอกล้วย นอกจากนี้ ยังพบเครื่องกระสุนขนาด 40 มม.ที่ยังไม่ได้ใช้งานจำนวน 6 ลูก และที่ใช้งานไปแล้วจำนวน 2 ลูก บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติก

เสธน้ำเงิน@ แฉ..ขีปนาวุธมืดสอยเที่ยวบินมรณะ สู่การให้แร้งรุมจิกกินศพแทนเผา

26 มี.ค.57 แฉ..ขีปนาวุธมืดสอยเที่ยวบินมรณะ สู่การให้แร้งรุมจิกกินศพแทนเผา
แม้ว่าเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ER เที่ยวบิน MH370 จะหายไปเกือบ 20 วันแล้ว แต่มาเลย์เอง กลับยังอ้ำอึ้งๆ ที่จะบอกความจริงกับญาติผู้โดยสาร ครั้งก่อนเผยการตรวจวัด Doppler effect ของสัญญาณดาวเทียมจาก บ.อินมาร์แซท ของอังกฤษ ที่เครื่องบินลำนี้ได้ “ บินในวิถีโค้งจากเหนือลงใต้ “ เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ชั่วโมง พบสัญญาณ ping ครั้งสุดท้ายที่ทิศไต้ของมหาสมุทรอินเดีย มีระยะห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลีย ราว 2,400 กิโลเมตร ครานี้เผยภาพถ่ายจากดาวเทียมอีก 2 หน่วยงาน คือ
1. ฝ่ายการทหารและเทคโนโลยีอวกาศของแอร์บัสกรุ๊ป สามารถพบวัตถุปริศนา 122 ชิ้น วัตถุบางชิ้นมีสีอ่อนสว่าง และเป็นของแข็ง บางชิ้นมีความยาว 1 เมตร ขณะที่ชิ้นอื่นๆ มีความยาวถึง 23 เมตร ลอยอยู่ในพื้นที่ 400 ตาราง กม. ในตอนไต้มหาสมุทรอินเดีย อยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลียไปราว 2,557 กิโลเมตร
2. ดาวเทียมไทยโชต ที่หมุนรอบโลก ของจิสด้า ประเทศไทย มีขีดความสามารถถ่ายภาพได้ทั้งโลก ได้บันทึกภาพเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2557 เวลา 10.00 น.ตามเวลาประเทศไทย พบวัตถุลอยน้ำขนาดยาว 2 - 20 เมตร กว้าง 2 - 6 เมตร มีจำนวนมากกว่า 300 ชิ้น ในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรเลีย ห่างฝั่งจากเมืองเพิร์ธ ประมาณ 2,700 กม. การถ่ายด้วยดาวเทียมแบบนี้ ค่าความคลาดเคลื่อนจะไม่เกิน 5 กม.
จากตำแหน่งที่พบล่าสุดนี้ มีข้อที่พิจารณาน่าสนใจต่อไปคือ

- โดยปกติในมหาสมุทรที่อยู่ห่างจากฝั่งมากขนาดนั้น ไม่ควรจะมีวัตถุแบบนี้ลอยอยู่อย่างแน่นอน วัตถุนี้ต้องเกิดจากมนุษย์แน่ๆ ถ้าไม่ใช่ซากเรือที่เคยล่มขนาดใหญ่ ก็ต้องเป็นซากเครื่องบิน คงไม่ใช้ซาก M79 ที่กองกำลังก่อการร้ายสากล ของแก๊งค์อั้งยี่แดง ที่ยิงโปรยไปทั่วเหมือนหมู่บ้านกระสุนตกปี 53 และ ปี 57 แน่ๆ
- ถ้าดูตรงพิกัดระบุบริเวณนี้ การกู้ซากเครื่องบิน หรือค้นหากล่องดำ (ถ้ายังอยู่) จะยากลำบากขึ้นสุดๆ เพราะตรงแถวนี้มันลึกมากถึงราว ราว 3,000 - 3,500 เมตร แถวนี้มนุษย์ไม่เคยมีการสำรวจหรือทำแผนที่โดยละเอียดมาก่อนเลย เป็นเหมือนแดนสนธยา และจะต้องเจออุปสรรคใหญ่ คือ เป็นแนวภูเขาไฟใต้ทะเล มีความขรุขระ คดโค้ง เต็มไปด้วยร่องขนาดเล็ก และยังไม่มีดินตะกอนทับถมมากนัก เพราะเป็นพื้นที่เกิดใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอยู่ตลอดเวลา ตามการไหลของแมกมาภูเขาไฟ ที่มีพลังมาก เพราะเป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกมาชนกันพอดี
- หากซากเครื่องบิน หรือกล่องดำ (ถ้ามีเหลือ) ไปตกบริเวณรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก ใต้ทะเลลึก ดังนั้นคาดว่าจะต้องอาศัยเทคโนโลยีแผนที่ 3 มิติ (3D mapping) โดยอาจจะใช้เรือที่ติดตั้งเครื่องมือสำรวจความลึก (Multibeam echo sounders) ตอนนี้ผ่านมาแล้วราว 20 วัน แบตเตอรีในกล่องดำ (ถ้าเหลือจริง) จะส่งสัญญาณระบุตำแหน่งของมันเป็นเวลา 30 วัน หลังจากสัมผัสกับน้ำ หลังจากนี้ก็หมดสภาพไป แล้วเวลาที่เหลือนี้จะหาเจอได้ทันหรือ แล้วจะโดนเผาเป็นจุลด้วยแมกม่าภูเขาไฟใต้ทะเลหรือไม่ มาเลย์นี่ลับๆ ล่อๆ นะนี่
- ระทางห่างจากฝั่งมากขนาดนี้ แถมกระแสลมจะแรงมาก มีพายุฝนคะนองแทบตลอดเวลา และท้องทะเลก็ต้องปั่นป่วนหนัก เครื่องบินเกิน 10 ลำ ที่บินออกไปค้นหา ครอบคลุมพื้นที่ราว 80,000 ตารางกิโลเมตร จะต้องผลัดเปลี่ยนสลับกันออกไปค้นหา และเผชิญความเสี่ยงมาก เผลอๆ มือไม่แน่จริง จะร่วงลงไปในทะเลซะเองอีกด้วย
- การกู้เครื่องบิน ต้องใช้เรือรบขนาดใหญ่มากจริงๆ และต้องใช้ เทคโนโลยีหุ่นยนต์ทันสมัยของลุงแซมช่วย การข่าวชวนขำ มาว่ากองทัพเรือลุงแซม ได้ส่งอุปกรณ์ไปช่วยค้นหากล่องดำ คือ ยานอัตโนมัติใต้น้ำ "บลูฟิน" มีความยาว 5 เมตร หนัก 800 กิโลกรัม ติดตั้งอุปกรณ์โซนาร์ ที่สามารถทำงานได้นานกว่า 24 ชั่วโมง เมื่อแล่นด้วยความเร็วต่ำ และได้ที่ความลึกถึงเกือบ 15,000 ฟุต..ขำมาก เพราะอุปกรณ์ชนิดนี้เหมือนของเด็กเล่น ที่มักใช้ค้นหาแนวท่อน้ำมัน หรือท่อร้อยสาย ที่รั่วใต้ทะเล หรือค้นหาเครื่องบินตก ในที่คลื่นลมไปรุนแรงมากนัก และไม่มีแนวภูเขาไฟไต้ทะเล
- ลุงแซมถ่วงเวลาอีกแล้ว ถ้าเขาจริงใจ แค่สั่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ที่มีเยอะแยะ ที่จอดอยู่ที่ฐานทัพเขาที่เกาะดิเอโก กราเซีย ใกล้ๆ แถวนั้นเอง และมันก็วิ่งลาดตระเวนอยู่แถวมหาสมุทรอินเดียอยู่แล้ว หรือกลัวรัสเซียจะจับทิศพิกัดเรือดำน้ำพวกนี้ ที่ติดตั้งขีปนาวุธพิสัยไกล ติดหัวรบนิวเคลียร์ไว้
- ตอนนี้มันเริ่มยุ่งแล้ว เมื่อเรือตัดน้ำแข็งของจีน และสารพัดเรือ จะถูกส่งไปร่วมค้นหาซากเครื่องบิน เพื่อสืบหาความจริงว่าเหตุใดเครื่องบินลำนี้จึงออกนอกเส้นทาง และสูญหายไป แถมนักท่องเที่ยวคนจีน และผู้มีชื่อเสียงของเขา เริ่มยกเลิก บอยคอต การเดินทางไปเที่ยวมาเลย์ไปแล้วกว่า 50% ทำให้เกิดผลกระทบรายได้เข้าประเทศเขาอย่างมาก
การข่าวที่ก่อนที่เที่ยวบินปริศนา MH370 จะหายต๋อมไปนี้ ลุงแซมมีความสนในเทคโนโลยี ไมโครคอนโทรลเลอร์ Freescale ที่เป็นไมโครชิฟขนาดเล็กจิ๋ว เซมิคอนดักเตอร์ ที่มีขนาดเล็กมาก สามารถปฏิวัติวงการอาวุธของโลก มันถูกคิดค้นโดยชาวไต้หวัน และคาดว่าจะนำเทคโนโลยีนี้ไปขายและถ่ายทอดให้กับจีน โดยมีการวางแผนให้จัดอบรมกันที่สาขามาเลย์
แผนปฏิบัติการวินาศกรรมอำพราง จัดการโดยของ CIA จึงได้เริ่มขึ้น โดยพบมีการโทรฉุกเฉินระหว่างเที่ยวบินนี้ กับเจ้าหน้าที่ลุงแซมที่พิกัดสนามบินแห่งหนึ่งของชายชุดขาวไทย ทางฝั่งตะวันตกของประเทศ แล้วต่อมามีการควบคุมเครื่องบินไปลงจอดที่เกาะดิเอโก้ กราเซีย และเอาของนี้ไป ตามที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว ( ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.224217974434904.1073741953.187529244770444&type=1)
ที่น่าฉงนอีกจุด ตามที่เคยเล่าให้ฟัง คือ เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ER ลำนี้ใช้เครื่องยนต์โรสรอยส์ของอังกฤษ บริษัทเขาติดตั้งระบบเฉพาะของเครื่องยนต์ทุกเครื่อง เพื่อเฝ้าติดตามพิกัด และตรวจสอบการทำงาน ของเครื่องยนต์เขาตลอดเวลาอย่างละเอียด ในขณะที่ทำการบิน ผ่านระบบสื่อสารดาวเทียมโดยเฉพาะ (ระบบนี้แยกต่างหากจากกล่องดำเครื่องบิน) เขาถึงรู้ว่า MH370 ยังคงบินต่อไปอีกอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง หลังหายไปจากจอเรด้าห์..แต่ตั้งแต่เครื่องบินหายไป จนบัดนี้ มาเลย์ไม่เคยสนใจจะติดต่อขอข้อมูลพิกัดเครื่องบิน จาก บ.โรสรอยส์เลย..ประหลาดมาก
ที่ชวนให้คิดอีกจุดคือ จากภาพถ่ายดาวเทียมของแอร์บัสกรุ๊ป ที่พบ 122 ชิ้น ลอยอยู่ในพื้นที่ 400 ตาราง กม. ในตอนไต้มหาสมุทรอินเดีย อยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลียไปราว 2,557 กิโลเมตร , ส่วนดาวเทียมไทยโชต ของไทย พบมากกว่า 300 ชิ้น ระยะจากจุดเดียวกันประมาณ 2,700 กม. ตำแหน่งหลังนี้เลยไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่มาเลเซียพิกัด ไปอีกประมาณ 200 กม. ภาพถ่ายห่างกันวันเดียว แต่มันใกล้เกาะดิเอโก กราเซีย หนักเข้าไปอีก
ถ้าดูจากขนาดชิ้นส่วน และความกว้างพื้นที่ทะเลที่ชิ้นส่วนลอยรัศมี 400 ตาราง กม. มันกว้างใหญ่เกินกว่าที่เครื่องบินตกลงกระแทกน้ำทะเล และชิ้นส่วนจะแตกกระจาย เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยซะกว้างขนาดนั้น ถ้าแบบลักษณะนี้แนวทางมันคล้ายการ “สอย” ครับ คือ เมื่อนำเครื่องลงจอดที่เกาะดิเอโก กราเซีย น่าจะมีการนำศพคนตายออกจากเครื่องเอาไปทำลายก่อนแล้ว แล้วก็เทคออฟเครื่องขึ้นอีกครั้ง โดยเขาฉลาดมากที่บินมาตรงจุดพบร่องรอยนี้ เพราะตรงนี้มันแดนสนธยาชัดๆ
เขาต้องเอานักบินเขาออกมาจากเครื่องก่อน แล้วปล่อยให้บินอัตโนมัติต่อไป จากนั้นมี 2 ทาง คือ
1. ขับจนน้ำมันหมด ไปตกจุดนั้น ตามข้อมูลเดิมก่อนหน้า และชิ้นส่วนแตกกระจาย เมื่อผ่านไปเกือบ 20 วัน ชิ้นส่วนจึงลอยกระจายรัศมีกว้าง
2. อาจสอยเครื่องบินลำนี้ด้วยขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ หรือเรือพิฆาต ของเขาที่มีเยอะแยะใกล้เคียงแถวนั้นแหละ ชิ้นส่วนมันถึงแตกเป็นชิ้นที่มีขนาดแตกต่างกันขนาดนี้ และกระจายไปในวงรัศมีกว้างเหลือเกิน เพราะมันกระจายจากบนอากาศ เมื่อชิ้นส่วนที่หนักจมไปไต้ทะเล ก็จะโดนแมกม่าจากภูเขาใต้ทะเลเผากลบอีก ไอ้ที่เหลือลอยๆ อยู่ผิวน้ำบ้างก็เป็นแค่ชิ้นเบาๆ ที่เมื่อเก็บมาได้ ก็อาจจะไม่ได้หลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก..แผนนี้แสบทรวงจริงๆ !!
สรุปแล้วจุดพิกัดเครื่องบินตก ยังคงยืนยันข้อมูลเหมือนเดิมครั้งก่อนหน้า แต่รูปแบบของการตกลงมานี่แหละ มี 2 วิธีย่อยเพิ่มขึ้นมาตามข้างบน ตามสถานการณ์และหลักฐานที่พบจริง เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องลับชนิดสุดยอด ข้อมูลจึงมีความยากลำบากมาก ในการให้ได้มาและ 100% ในเวลาเพียงเท่านี้ แต่จากที่ให้ข้อมูลมาแต่แรก ก็ถือว่าคำนวนจุดตกได้ก่อนกว่ามาเลย์ซะอีกตั้งหลายวัน
ส่วนการเมืองนกประเทศอีกจุดที่กำลังแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย จ้องจะก่อสงครามกันคือ ตอนนี้ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำโลก หรือ จี 7 ได้ถูกลุงแซมล๊อบบี้ ร้องขอประชุมด่วนนอกรอบว่าด้วยความมั่นคงนิวเคลียร์ (เอ็นเอสเอส) ที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ แล้วเห็นชอบให้ลบรัสเซียจาก จี 8 เพื่อตอบโต้รัสเซีย ที่บุกยูเครน..หนักเข้าไปอีก..งานนี้รัสเซียโกรธจนหูแดงเลย
ส่วนผู้นำเกาหลีเหนือ ก็ห้าวไม่เลิก ออกกฎให้ผู้ชายทุกคนในเกาหลีเหนือ จะต้องตัดผมทรงเดียวกับ คิม จอง อึน ผู้นำของประเทศ ทรงเดียวเท่านั้น เพราะเขาว่ามาจากการเลือกตั้ง โคตรประชาธิปไตย เสียงข้างมาก 100% ที่มีกฎห้ามมีใครลงแข่ง และใครไม่กาเลือกเขา ต้องเดินไปอีกคูหาหนึ่ง เสร็จแล้วต้องถูกจับไปใช้แรงงานเยี่ยงทาส (อนาคตคนเสื้อแดง สปป.ล้านนา ก็จะโดนแบบนี้แหละ)
แล้วเขาก็ยังซ่าไม่หยุด ทดสอบยิงขีปนาวุธแบบ “โนดอง” ที่เป็นขีปนาวุธพิสัยกลางที่สามารถยิงได้ไกลสูงสุด 1,000-1,500 กิโลเมตร จำนวน 2 ลูก จากฐานยิงในเกาหลีเหนือ และเขาแกล้งกำหนดเป้ายั่วยุ เป็นระยะทางไกลกว่า 650 กิโลเมตร ไปตกในทะเลญี่ปุ่น เพราะเขาโกรธลุงแซม ที่กล้ามาทำหน้าที่เป็น “กาวใจ” จัดประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แสดงว่าจะมารุมเขา จึงต้องจัดยิงขีปนาวุธสั่งสอนซะหน่อย แถมตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือ ยังทำการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้แบบ “สกั๊ด” และจรวดอีกหลายครั้งอีกด้วย..นี่ก็แสบอีกเหมือนกัน
ส่วนชาวต่างชาติ ตอนนี้เขามองรัฐบาลเทียมประเทศไทยของเรา ว่าเละเป็นโจ๊ก เช่น
- ญี่ปุ่น..มองว่า ผู้นำประเทศไทยทำเสียเอง จึงทำให้หมดความน่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง ที่มีต่อนานาชาติ เรื่องในประเทศตนเองไม่ควรให้ชาวต่างชาติ เข้ามาแทรกแซงอย่างยิ่ง
- ฝรั่งเศส..มองว่า ประเทศไทยตกต่ำที่สุดในเวลานี้ เหตุเพราะผู้นำรัฐบาลเทียมขาดจริยธรรม ในการบริหารงานราชการ จึงก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
- ตุรกี..มองว่า การไม่ยอมรับอำนาจ และไม่เคารพศาลนั้น เป็นไม่ได้ที่ผู้บริหารทางการเมือง จะเดินหน้าบริหารประเทศต่อ เพราะมันคือจุดสิ้นสุดของรัฐบาลเทียมทันที
- อังกฤษ..มองว่า เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ที่โลกต้องจารึกและจดจำของไทย การมีฝ่ายการเมืองรัฐบาลเทียมเข้ามาแทรกแซง การใช้อำนาจรัฐ ก่อให้เกิดความล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเห็นได้ชัดเจน
- ฮ่องกง..มองว่า แสดงอย่างชัดเจนที่ไทย ต้องเผชิญกับความล้มเหลวของฝ่ายการเมืองรัฐบาลเทียม ที่ทำลายความสามัคคีของประชาชนในชาติ และเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมือง
ในขณะที่เมืองไทยเรื่อง ว.5 มีหญิงกลางคน ที่เบอะๆ บ๊ะๆ คนหนึ่งรับว่าขึ้นไปชั้นเจ็ดโรงแรมสี่ฤดู แต่ยืนยันว่ายังไม่ได้สอดใส่ ฝ่ายชายก็อ้างว่าขึ้นไปห้องนั้นแค่เปลี่ยนชุด ส่วนเมียหลวงเขาก็แฉว่าผัวเป็นคนเสร็จเร็ว พนักงานโรงแรมก็เก็บถุงยางได้ เอาไปตรวจ DNA จนป่านนี้หายเงียบไป ต่อมาคนนี้ก็กลายเป็นเจ้าหญิงเหนือผู้วิเศษใบ้หวยเลขท้ายรถบ้าง ตกรถจนก้นจ้ำเบ้าบ้าง บางวันเดิน บางวันขึ้นรถเข็น ไบโพล่าไปวันๆ
ส่วนอันธพาลแดงแก๊งค์ย่อย กวป. สังกัดโจรแบ่งแยกดินแดน นปช. ก็ภูมิอก ภูมิใจ เป็นหนักหนาที่เจตนาใช้กองกำลังกว่า 15 คนไล่ชกต่อย รุมกระทืบ ฉุดกระชากลากดึงจีวร ชิงย่าม พระภิกษุสงฆ์ ชาวอีสาน จ.กาฬสินธุ์ ที่รับนิมนต์มาทำกิจสงฆ์ในซอยใกล้เคียง และเดินผ่านออกมา..ผลกระทืบพระครั้งนี้รุนแรงนัก เพราะทำให้กระแสชาวอีสาน และคนเหนือตอนนี้ เกลียดชังคนเสื้อแดง และบริษัทเผาไทยมาก เพราะคนทั้งสองภาคจิตใจอ่อนโยน เป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนา มีวัดวาอารามจำนวนมาก ชอบเข้าวัดทำบุญ และเคารพพระสงฆ์มาก คนเสื้อแดงรุมกระทืบพระแบบนี้ คือการดูถูก เหยียดหยามหัวใจคนอีสาน และภาคเหนือนั่นเอง..มันกระทบฐานเสียงบริษัทเผาไทย ลดต่ำแบบฉุดไม่อยู่จริงๆ
ให้รณรงค์ บอกข่าว ลือ ต่อๆ กันไปเลยว่า ใครไม่เห็นด้วยกับการที่คนเสื้อแดงรุมกระทืบพระ อย่าไปกาบัตรเลือก สว. สส. หรือ ผู้สมัครถ้องถิ่นเครือข่ายบริษัทเผาไทย เพื่อเป็นการลงโทษคนทำลายศาสนาพุทธ ให้เห็นพลังคนไทยพุทธบ้าง
วันที่ทำร้ายพระดังกล่าว การรักษาความปลอดภัย แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ ชายชุดเขียวราว 20 นาย อยู่ในรั้ว ปปช. ส่วนชายชุดดำปราบจลาจลราว 2-3 กองร้อย อยู่ภายนอกรั้วกันผู้ชุมนุมไว้ (อยู่ปนกันไม่ได้ เพราะจะเข้าใจผิดปะทะกันเองกัน) แต่ชายชุดดำก็ยังมีการนัดหมาย และหย่อนยาน ปล่อยปละ ละเลยให้อเวจีเสื้อแดงทำลายศาสนาพุทธได้อีก ชายชุดเขียวในรั้ว ปปช.จะออกไปช่วยก็ไม่ทัน ต่อมาถึงมีเจ้าหน้าที่ อส.มาช่วยอารักขาคุ้มครองพระองค์ดังกล่าวออกไปได้
ส่วนคากคกตู่ ประธานกองโจรแบ่งแยกดินแดน สปป.ล้านนา แดง นปช. พอเสียหน้า และมวลชนเสื้อแดงด้วยกันเอง ก่นด่ากันอย่างหนัก จากการสั่งกระทืบพระงานนี้ ก็ยุเสื้อแดงว่า “ ต่อไปให้คนเสื้อแดงตัดขาดหมอกับพระ คนเสื้อแดงหมอไม่หา พระไม่ไหว้ ถ้าเจ็บป่วยจะตายก็ไม่เข้าโรงพยาบาล ถึงแม้จะตายก็ไม่ต้องเอาไปเข้าวัด “..ครั้งนี้แหละ ที่คนเสื้อแดงควรทำตามผู้นำคากคกตู่พูดมาก ควรเชื่อผู้นำนะ ทำตามเถอะ เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว !!
สังเกตดูพวกคนใกล้ตาย มักจะมีลางสังหรณ์ให้จิตใจปั่นป่วน เช่น อยากทำร้ายพระ รื้อโน่น รังควาญนี่ มันคล้ายอาการอยากกินอาหารอร่อย มื้อสุดท้ายของชีวิตนั่นเอง
ถ้าแกนนำเสื้อแดงตายมากๆ เร็วๆ นี้ ก็อย่าเอาศพไปแห่ หรือไปเผาที่วัดนะ..เอาวางไว้กลางที่โล่งแจ้ง ให้อีกแร้งบินลงมารุมจิกกินศพเอา..ฮา
@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai


จักรภพ เพ็ญแข:สนามรบกำลังย้ายออกจากรัฐบาลไปอยู่ในระดับรัฐ

ประเมินสถานการณ์
• ในรอบปีนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยตัดสินใจผิดพลาดทางยุทธศาสตร์สำคัญคือยุบสภาฯ ทำให้เราจะไม่ได้เลือกตั้งอีกเป็นเวลานาน อาจจนตลอดรัชกาลนี้ หรือจนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะแน่ใจว่า สามารถควบคุมผลการเลือกตั้งให้ออกมาเป็นคุณต่อเขาได้ แต่ข้อดีของความผิดพลาดครั้งนี้ ก็คือการผลักให้มวลชนประชาธิปไตย และมวลชนที่คิดว่าตนเป็นกลางแต่เดิม เคลื่อนตัวลงใต้ดิน และคิดเอาชนะด้วยวิธีการต่างๆ ที่มากกว่าการเลือกตั้ง
• นั่นแปลว่า ฝ่ายตรงข้ามรู้ชัดว่า ไม่สามารถเอาชนะได้ในสนามเลือกตั้ง ซึ่งแปลต่อไปได้อีกว่า คนกว่าครึ่งในรัฐไทยยืนอยู่ข้างประชาธิปไตยและระบบนิติรัฐและอยู่ฝั่งตรงข้ามกับระบอบอำมาตย์ศักดินาที่กำลังฟื้นระบอบการปกครองที่ให้กษัตริย์มีอำนาจสมบูรณ์ ข้อเท็จจริงว่าคนส่วนใหญ่อยู่ฝ่ายไหนนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนแท้จริงของรัฐไทยต่อไป
• การนำขบวนประชาธิปไตยอย่างโมเดลธุรกิจ หวังเจรจา หวังแลกเปลี่ยน เชื่อในเรื่องแบ่งกันคนละคำบัดนี้คงได้รับบทเรียนอย่างแสนสาหัสแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะถูกหลอกซ้ำในเรื่องเดิมได้อีก แต่คงจำเป็นต้องทำท่าเดิมต่อไป แต่เปลี่ยนเนื้อในและสิ่งที่อยู่ในหัวสมองให้เท่าทันเทวดา
• ขบวนประชาธิปไตยขณะนี้จึงค่อยๆ หลอมรวมเข้าหากัน มุมแหลมต่างๆ ที่เคยยื่นออกมาและทิ่มแทงกันบ้างในอดีตน่าจะกลมกลึงและมนลงบ้างแล้ว ผู้นำขบวนการฯ ก็ได้เรียนรู้ด้านอุดมการณ์ ฝ่ายรวมมวลชน ก็เริ่มรู้จักหัดทำใจให้กว้าง และลดระบบเล่นพรรคเล่นพวก และฝ่ายมวลชนและประชาชนเองก็ได้เตรียมความพร้อมด้วยตัวเองบ้างแล้วโดยไม่ต้องรอให้ใครสั่ง กระบวนทัพของฝ่ายประชาธิปไตยจึงพรั่งพร้อมขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้
• ในภาพกว้างของรัฐ เหตุการณ์ที่ผู้บัญชาการทหารบกถูกเรียกเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันพุธที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ถือเป็นเรื่องที่มีความหมาย
• ในภาพกว้างของโลก และประชาคมระหว่างประเทศ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพยุโรป และประชาคมอาเซียน ยกเว้นสมาชิกที่เป็นนักฉวยโอกาสบางชาติ ประกาศชัดเจนไม่สนับสนุนการรัฐประหารในรัฐไทย ส่งผลให้ความต้องการของอำมาตย์ศักดินาไม่บรรลุผลสมบูรณ์ เขาสามารถใช้กลไกอื่นๆ เพื่อล้มการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้จริง แต่ก็ไม่เด็ดขาดเท่า และทำให้ความมั่นใจของเขาลดลงตามลำดับ
• นายกรัฐมนตรีจะถูกปลดหรือไม่ ไม่สำคัญ เพราะสนามรบกำลังย้ายออกจากรัฐบาลไปอยู่ในระดับรัฐ และมีประชาชนค่อนประเทศเป็นแนวร่วม ไม่นานนโยบายปิดกรุงเทพฯ อาจจะเกิดขึ้นอีก การปิดแบบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั้น ถือเป็นเรื่องของเจ้าของบ้านปิดบ้านตัวเอง ไม่มีอะไรยาก แต่การปิดครั้งใหม่จะเป็นไปโดยเจ้าของอำนาจรัฐตัวจริง คือประชาชนของประเทศ การยึดอำนาจรวมศูนย์เอาไว้ใน กทม. โดยผ่านกลไกของรัฐต่างๆ รวมทั้งตามอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็จะไม่เป็นผลสำหรับฝ่ายเขาในระยะยาว