PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

จักรภพ เพ็ญแข:สนามรบกำลังย้ายออกจากรัฐบาลไปอยู่ในระดับรัฐ

ประเมินสถานการณ์
• ในรอบปีนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยตัดสินใจผิดพลาดทางยุทธศาสตร์สำคัญคือยุบสภาฯ ทำให้เราจะไม่ได้เลือกตั้งอีกเป็นเวลานาน อาจจนตลอดรัชกาลนี้ หรือจนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะแน่ใจว่า สามารถควบคุมผลการเลือกตั้งให้ออกมาเป็นคุณต่อเขาได้ แต่ข้อดีของความผิดพลาดครั้งนี้ ก็คือการผลักให้มวลชนประชาธิปไตย และมวลชนที่คิดว่าตนเป็นกลางแต่เดิม เคลื่อนตัวลงใต้ดิน และคิดเอาชนะด้วยวิธีการต่างๆ ที่มากกว่าการเลือกตั้ง
• นั่นแปลว่า ฝ่ายตรงข้ามรู้ชัดว่า ไม่สามารถเอาชนะได้ในสนามเลือกตั้ง ซึ่งแปลต่อไปได้อีกว่า คนกว่าครึ่งในรัฐไทยยืนอยู่ข้างประชาธิปไตยและระบบนิติรัฐและอยู่ฝั่งตรงข้ามกับระบอบอำมาตย์ศักดินาที่กำลังฟื้นระบอบการปกครองที่ให้กษัตริย์มีอำนาจสมบูรณ์ ข้อเท็จจริงว่าคนส่วนใหญ่อยู่ฝ่ายไหนนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนแท้จริงของรัฐไทยต่อไป
• การนำขบวนประชาธิปไตยอย่างโมเดลธุรกิจ หวังเจรจา หวังแลกเปลี่ยน เชื่อในเรื่องแบ่งกันคนละคำบัดนี้คงได้รับบทเรียนอย่างแสนสาหัสแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะถูกหลอกซ้ำในเรื่องเดิมได้อีก แต่คงจำเป็นต้องทำท่าเดิมต่อไป แต่เปลี่ยนเนื้อในและสิ่งที่อยู่ในหัวสมองให้เท่าทันเทวดา
• ขบวนประชาธิปไตยขณะนี้จึงค่อยๆ หลอมรวมเข้าหากัน มุมแหลมต่างๆ ที่เคยยื่นออกมาและทิ่มแทงกันบ้างในอดีตน่าจะกลมกลึงและมนลงบ้างแล้ว ผู้นำขบวนการฯ ก็ได้เรียนรู้ด้านอุดมการณ์ ฝ่ายรวมมวลชน ก็เริ่มรู้จักหัดทำใจให้กว้าง และลดระบบเล่นพรรคเล่นพวก และฝ่ายมวลชนและประชาชนเองก็ได้เตรียมความพร้อมด้วยตัวเองบ้างแล้วโดยไม่ต้องรอให้ใครสั่ง กระบวนทัพของฝ่ายประชาธิปไตยจึงพรั่งพร้อมขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้
• ในภาพกว้างของรัฐ เหตุการณ์ที่ผู้บัญชาการทหารบกถูกเรียกเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันพุธที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ถือเป็นเรื่องที่มีความหมาย
• ในภาพกว้างของโลก และประชาคมระหว่างประเทศ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพยุโรป และประชาคมอาเซียน ยกเว้นสมาชิกที่เป็นนักฉวยโอกาสบางชาติ ประกาศชัดเจนไม่สนับสนุนการรัฐประหารในรัฐไทย ส่งผลให้ความต้องการของอำมาตย์ศักดินาไม่บรรลุผลสมบูรณ์ เขาสามารถใช้กลไกอื่นๆ เพื่อล้มการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้จริง แต่ก็ไม่เด็ดขาดเท่า และทำให้ความมั่นใจของเขาลดลงตามลำดับ
• นายกรัฐมนตรีจะถูกปลดหรือไม่ ไม่สำคัญ เพราะสนามรบกำลังย้ายออกจากรัฐบาลไปอยู่ในระดับรัฐ และมีประชาชนค่อนประเทศเป็นแนวร่วม ไม่นานนโยบายปิดกรุงเทพฯ อาจจะเกิดขึ้นอีก การปิดแบบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั้น ถือเป็นเรื่องของเจ้าของบ้านปิดบ้านตัวเอง ไม่มีอะไรยาก แต่การปิดครั้งใหม่จะเป็นไปโดยเจ้าของอำนาจรัฐตัวจริง คือประชาชนของประเทศ การยึดอำนาจรวมศูนย์เอาไว้ใน กทม. โดยผ่านกลไกของรัฐต่างๆ รวมทั้งตามอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็จะไม่เป็นผลสำหรับฝ่ายเขาในระยะยาว


ไม่มีความคิดเห็น: