PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชูวิทย์:บ่อนการพนันถูกกฎหมาย ดีจริงหรือ?

บ่อนการพนันถูกกฎหมาย ดีจริงหรือ?
ตามที่ สปช. กลุ่มรักชาติ เป็นตัวตั้งตัวตี เห็นดีเห็นงามกับการตั้งบ่อนการพนันถูกกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือนำรายได้เข้าประเทศไทย เพราะเห็นว่าประเทศอื่นๆเขามีบ่อนการพนันถูกกฎหมายกันหมดแล้ว ไม่ว่า ลาว เขมร พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์
แต่จากประสบการณ์ด้านมืดของผม บ่อนการพนันถูกกฎหมายกลับจะสร้างปัญหา ดังนี้
1."สัมปทาน" ผู้ที่ได้รับสัมปทานคงหนีไม่พ้น "นายทุนผูกขาด" (อีกตามเคย) เพราะค่าสัมปทานคงเป็นหมื่นล้าน ระดับนี้มีกันอยู่ไม่กี่คน
หากเป็นบ่อนการพนันของเมืองนอกเข้ามาลงทุน ก็ย่อมต้องผ่านนายทุนที่รู้ช่องทาง มีคอนเน็คชั่น เพราะสัมปทานทุกอย่างในประเทศไทยล้วนต้องใช้คอนเน็คชั่นโดยทั้งสิ้น ไม่มีสัมปทานใดบริสุทธิ์ผุดผ่อง ตรงไปตรงมาเหมือนต่างประเทศเขา
2."หน่วยงานที่ควบคุม" ต่อไปคงมีหน่วยงาน "กพช.” (คณะกรรมการการพนันแห่งชาติ) เข้ามากำหนดกฎระเบียบ เป็นผู้ควบคุมกฎ ส่วนคนที่จะมาเป็นบอร์ดต้องวิ่งเต้นกันไฟแลบ เป็นพวกผู้มีบารมีแต่ไม่มีปัญญา ตามสไตล์ไทยๆ ความสามารถก็เหมือนบอร์ดในสัมปทานอื่นๆ
ขนาดล็อตเตอรี่ 80 บาท กว่าจะคุมได้ก็ผ่านไป 20-30 ปี คิดหรือว่าจะคุมบ่อนการพนัน แล้วนำเงินเข้าประเทศได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างประเทศอื่นเขา?
ผมเกรงว่าเงินมันจะไหลใต้โต๊ะ จากบ่อนไปเข้ากระเป๋าคนบางคน แล้วแต่งบัญชีซูเอี๋ย คนรวยก็คือเจ้าของบ่อนกับคนควบคุม
3.แล้วจะไปเปิดในที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอยู่แล้วทำไม? เช่น พัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่มีบ่อน ทำไมไม่ไปเปิดที่ "ทุ่งกุลาร้องไห้" เสียเลย? หรือหาเกาะสักเกาะ จะได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง
4.คิดหรือว่า บ่อนการพนันจะสร้างรายได้ให้กับประเทศ? คนเขามาเล่นการพนัน ไม่ได้มาเที่ยว พอเล่นเสร็จเขาก็กลับ ยกตัวอย่าง มาเก๊าหรือปอยเปต ความเจริญมันอยู่แค่ในบ่อน พอออกมานอกบ่อนเหมือนอยู่อีกโลก มีปัญหาอาชญากรรม ลัก จี้ ชิง ปล้น เพิ่มขึ้นทุกวี่ทุกวัน เข้าทำนอง "ได้ไม่คุ้มเสีย"
5."คู่แข่งขัน" ลองหันไปมองรอบตัว ทุกประเทศเขาเปิดหมดแล้ว เราเปิดใหม่ก็ต้องไปแย่งลูกค้าจากเขา ส่วนหน่วยงานรัฐของไทยล้วนไอเดียบรรเจิด ทำทุกงาน เจ๊งทุกงาน แล้วลูกค้าบ่อนก็จะมีแต่คนไทย
ส่วนที่ว่าจะต้องมีกฎอย่างโน้นอย่างนี้ถึงจะให้เข้าเล่น คิดหรือว่าจะคุมได้? ขนาดบ่อนผิดกฎหมาย คนไทยยังเต็มบ่อน แล้วถ้าบ่อนถูกกฎหมาย มันจะเหนือบ่ากว่าแรงพี่ไทยหรือ?
นอกจากนั้นยังมีพวก ผีปอบ ผีกระสือ ผีบ่อน ที่หมดตัวแล้วมาก่ออาชญากรรม ปัญหาสารพัดอย่าง ธุรกิจมืดต่อเนื่อง เช่น การทวงหนี้ การบังคับขู่เข็ญ การอุ้มฆ่า ของแบบนี้ประเทศไทยเป็นผู้นำเทรนด์
อย่าไปคิดถึงแต่ในแง่ดี หลายอย่างประเทศอื่นเขาทำได้ แต่พอมาประเทศไทยมันพังพินาศ คนได้มันแค่เจ้าของสัมปทาน ส่วนประเทศชาติยังคงถังแตกเหมือนเดิม

ตามดูขบวนการปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อน “dangdd.com” พบเชื่อมสื่อเสื้อแดงเพียบ

ตามดูขบวนการปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อน “dangdd.com” พบเชื่อมสื่อเสื้อแดงเพียบ
Cr:ผู้จัดการ
ตามดูขบวนการปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อน เว็บ “dangdd.com” พบเชื่อมทั้ง Thai Voice Media ภายใต้การกำกับดูแลของ “จอม เพชรประดับ” ที่เคยสัมภาษณ์ “เปิ้ล-กริชสุดา คุณะเสน” และ “หนุ่ม เรดนนท์” อดีตนักโทษข้อหาหมิ่นสถาบัน Thai Liberation ในชื่อ “ปลดแอกไท” Red UDD ข่าวสารจากทาง นปช. ประเทศไทย เผยลิงก์สำนักข่าวดัง “บางกอกทูเดย์ ประชาไท Voice TV”
วันนี้ (17 มิ.ย.) ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ออกมาเปิดเผยว่า เว็บไซต์ชื่อ “แดงดีดี ดอตคอม” หรือ www.dangdd.com ซึ่งตัวบุคคลอยู่ที่ต่างประเทศเกี่ยวข้องกับผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อน โดยมีการมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปศึกษาระบบ Single Gateway มาใช้ในประเทศไทย เพื่อตรวจสอบและคัดกรองข้อมูลที่ไม่ต้องการ
มีรายงานว่า ล่าสุดกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ หรือไอซีที ได้ลบเว็บไซต์ดังกล่าวออกแล้วเมื่อเวลา 02.09 น.เช้ามืดวันที่ 17 มิ.ย.นี้ จากการตรวจสอบพบว่า เว็บไซต์ดังกล่าวนั้น แอดมินเว็บได้ทำการลิง์เว็บไซต์กับสื่อในประเทศไทยหลายแห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นสื่อที่กระบอกเสียงของคนเสื้อแดง เช่น 1. Thai Voice Media ภายใต้การกำกับดูแลของนายจอม เพชรประดับ ที่เคยสัมภาษ์ณ์ “เปิ้ล-กริชสุดา คุณะเสน” และ “หนุ่ม เรดนนท์” หรือนายธันย์ฐวุฒิ ทวีรโรดม อดีตนักโทษทางการเมือง ในข้อหาหมิ่นสถาบัน 2. Thai Liberation หรือเว็บไซต์ http://thailib.org/ รายการวิทยุปลดแอกไท และรายการทีวีปลดแอกไท ที่ไอซีทีก็ได้ลบเว็บไซต์ดังกล่าวออกแล้วเช่นกัน
3. Red UDD มีสังคมออนไลน์ที่เชื่อมกับทวิตเตอร์ UDD red (@udd_red) | Twitter
https://twitter.com/udd_red ซึ่งระบุว่าเป็นข่าวสารจากทาง นปช.ประเทศไทย
4. Red Radio ที่เชื่อมกับเว็บไซต์ http://www.redradioonline.us/radio/และยังเชื่อมกับ Red Radio Online. Red Radio Online : จัดรายการโดย “PJ Tawan. Norporchor” จากนคร Los Angeles (LA) สหรัฐอเมริกา
โดยในเว็บ www.dangdd.com ยังมีหัวข้อการสนทนาทั่วไปทั้งในสังคม-การเมือง มีชื่อห้องสนทนาเกี่ยวข้องกับประเทศในอาเซียน รวมถึงประเทศเพื่อบ้าน นอกจากนั้นยังเชื่อมกับเว็บข่าวในประเทศไทย เช่น ข่าวบางกอกทูเดย์ ข่าวประชาไท และ Voice TV


กรณี เอกภพ เหลือรา หรือ"ตั้ง อาชีวะ"

นายเอกภพ เหลือรา หรือ"ตั้ง อาชีวะ"ผู้ต้องหาในความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 โพสต์เฟสบุ๊กตั้งค่าการเข้าถึงเป็นสาธารณะเปิดเผยว่า ขณะนี้มีสื่อมวลชนต่างประเทศมาดักรอสัมภาษณ์ ขณะกำลังไปศึกษา พร้อมระบุว่า หากหน่วยงานของไทยนิ่งเฉย คงจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เพราะขณะนี้ข่าวการขอตัวตนเป็นข่าวไปทั่วโลกทำให้มีสื่อมวลชนสนใจ ถือเป็นการทำร้ายภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการของไทยเอง
โดยความเคลื่อนของนายเอกภพดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลัง สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้เผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ระบุว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ร้องขอให้ อสส.ดำเนินการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายเอกภพ เหลือรา โดยทาง สตช.สืบสวนได้ความว่า ปัจจุบันผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ อสส.ผู้ประสานงานกลางตาม พรบ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 จึงดำเนินการร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังทางการนิวซีแลนด์เพื่อส่งตัวมาดำเนินคดีในไทยแล้ว
ทั้งนี้ นายเอกภพ ถูกศาลอาญาออกหมายจับหลังพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก สืบสวนพบพฤติการณ์ที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ เมื่อวันที่ 27พฤศจิกายน2556 ว่า นายเอกภพ ได้ขึ้นปราศรัยในลักษณะหมิ่นสถาบันที่เวทีของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งระหว่างหลบหนีหมายจับอยู่ช่วงปลายปี 2557 นายเอกภพ ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวโชว์หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ประเทศนิวซีแลนด์ของตนเองและแฟนสาว ยืนยันว่าตน ได้เป็นพลเมืองนิวซีแลนด์โดยสมบูรณ์แล้ว..


กรณ๊แก้สัดส่วน ก.ต.


Surawich Verawan 刘永真

ผมคิดว่า ที่ผู้พิพากษาออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านสัดส่วนคนนอกของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(กต.) เป็นเรื่องที่มีเหตุผล
.
เดิมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ประกอบด้วย 
.
1.ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ก.ต. 
.
2.กรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสิบสองคน ซึ่งเลือกจากข้าราชการตุลาการในแต่ละชั้นศาล
.
3.กรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสองคน ซึ่งวุฒิสภาเลือกจากบุคคลที่ไม่เป็นข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม
.
นั่นก็คือ ทั้งหมด 15 คนรวมประธานมาจากผู้พิพากษาตุลาการ 13 คน มีคนนอกมาจากการคัดเลือกของวุฒิสภาเพียง 2 คน
.
แต่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มาตรา 225 บัญญัติว่า คณะกรรมการซึ่งเป็นองค์กรบริหารงานบุคคลของผู้พิพากษาหรือตุลาการของศาลใดต้องประกอบด้วยประธานของศาลนั้นเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนซึ่งได้รับเลือกตั้งจากผู้พิพากษาหรือตุลาการของศาลนั้นในแต่ละชั้นศาลในสัดส่วนที่เหมาะสม และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการและไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ***ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม***ของจำนวนกรรมการซึ่งเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการของศาลนั้น เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
.
นั่นก็คือ ให้เพิ่มกต.คนนอก***ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม***ของจำนวนกรรมการซึ่งเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการของศาลนั้น แล้วระบุว่า ผู้แทนซึ่งได้รับเลือกตั้งจากผู้พิพากษาหรือตุลาการของศาลนั้นในแต่ละชั้นศาลในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่ได้ระบุจำนวนที่ชัดเจน
.
ซึ่งตีความได้ว่า ถ้ามีกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมซึ่งเลือกจากข้าราชการตุลาการจำนวน 12 คน รัฐธรรมนูญใหม่บอกต้องมีคนนอกไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ก็แสดงว่าต้องมีกต.คนนอกไม่น้อยกว่า 4 คน คำว่าไม่น้อยกว่ายังตีความได้ว่าจะมีกต.คนนอกมากกว่า4คนก็ได้ จะเพิ่มเป็น 5-6-7-8หรือกี่คนหรือมากกว่าสัดส่วนจากผู้พิพากษาตุลาการก็ได้ ตรงนี้แหละที่เป็นปัญหา เพราะถ้าวุฒิมาจากการเลือกตั้งก็มีเส้นสายโยงใยมาจากการเมืองนั่นเอง แล้วความเป็นอิสระของตุลาการก็จะไม่มี
.
ขณะที่ครม.เสนอให้แก้ไขเป็น3คนมาจากวุฒิสภา2คนและมาจากครม.1คน
.
แต่ฟังมาว่า ถึงตอนนี้กรรมาธิการยกร่างฯยอมถอยแล้ว แต่จะขอเพิ่มกต.คนนอกจากเดิม2คนเป็น3คนมาจากวุฒิสภาทั้ง3คนไม่เอาจากครม. โดยตัดคำว่า"ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม"ออกไป
.
ในขณะที่ตุลาการที่ออกมาคัดค้านยืนยันว่า ตัวแทนคนนอก2คนมาจากวุฒิสภานั้นเหมาะสมแล้ว
.
ก็ต้องดูว่าจะจบลงอย่างไร แต่ความเป็นอิสระของตุลาการก็คือหลักประกันความยุติธรรมของประชาชนนั่นเอง

เจาะแผนกำจัดขยะยุค คสช. 2.6หมื่นล.!ก่อนไอเดียเก็บเงิน220 บ.-"อิตาเลียนไทย" โผล่

เจาะแผนกำจัดขยะยุค คสช. 2.6หมื่นล.!ก่อนไอเดียเก็บเงิน220 บ.-"อิตาเลียนไทย" โผล่

เขียนวันที่
วันพุธ ที่ 17 มิถุนายน 2558 เวลา 14:08 น.
เขียนโดย
isranews
"..รัฐบาล "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เห็นชอบกับแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของประเทศ โดยมีกระทรวงมหาดไทย เป็นแม่งานหลัก และเตรียมงบประมาณสนับสนุนการดำเนินการเรื่องนี้ไว้แล้วเป็นจำนวนเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท.."
ptteeeeeeeee
ไม่ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะ ของ กระทรวงมหาดไทย ที่นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา ซึ่งมีประเด็นสำคัญอยู่ที่แนวคิดการเสนอปรับอัตราเฉลี่ยค่าบริหารจัดการขยะที่เหมาะสมอยู่ที่ 220 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน รวมถึงการที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้รัฐบาลตั้งงบประมาณปีละ 3 พันล้านบาท การร่วมลงทุนกับภาคเอกชนบริหารจัดการขยะ  จะเกิดผลในทางปฏิบัติจริงหรือไม่ 
แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ในทางปฏิบัติ คือ  รัฐบาล "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เห็นชอบกับแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของประเทศ โดยมีกระทรวงมหาดไทย เป็นแม่งานหลัก และเตรียมงบประมาณสนับสนุนการดำเนินการเรื่องนี้ไว้แล้วเป็นจำนวนเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท
โดยข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ปรากฎให้เห็นชัดเจน ในช่วงปลายเดือนเม.ย.58 ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย โดย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เสนอเรื่องการดำเนินโครงการนำร่องเพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ที่ประชุม ครม. รับทราบ
ทั้งนี้ การนำเสนอเรื่องนี้  ระบุชัดเจนในเอกสารที่นำเสนอต่อที่ประชุม ครม. ว่า การได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2557  ใน 2 ประเด็น ดังนี้
1.ให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการกำจัดขยะในพื้นที่จ.อยุธยา ในลักษณะโครงการนำร่องเพื่อเป็นรูปแบบการดำเนินการกำจัดขยะที่รักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน โดยให้ใช้ที่ราชพัสดุ จำนวน 372 ไร่ 2 งาน 29 ตารางวา ที่ ต.มหาพราหมณ์ อ.บางบาล จ.อยุธยา
2. ให้กระทรวงมหาดไทย รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศ เพื่อให้มีโรงกำจัดขยะมูลฝอยเพียงพอที่จะรองรับปริมาณขยะของทุกจังหวัด 
ส่วนผลการดำเนินงาน นั้น กรมธนารักษ์ ได้อนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 31 ต.ค.57 ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ดำเนินการสำรวจออกแบบก่อสร้างสถานที่ฝังกลบขยะแห่งใหม่เสร็จเรียบร้อย ประกอบด้วย งานก่อสร้างสถานที่ฝังกลบขยะ งานขนย้ายขยะ งานปรับภูมิทัศน์และงานจัดหาครุภัณฑ์ ส่วน จ.อยุธยา ได้ทำแผนการประชาสัมพันธ์รับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่สำนักงบประมาณ ได้อนุมัติงบประมาณ ในการดำเนินการโครงการนี้ จำนวน 534,695, 500 บาท แบ่งเป็น
1. โครงการจัดการแก้ไขปัญหาขยะ จำนวนเงิน 372,654,900 บาท
2. จัดหาครุภัณฑ์โครงการก่อสร้างสถานที่จำกัดขยะนำร่อง จำนวน 152,935,600 บาท
3. โครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอย 9,105,000 บาท 
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ว่าฯ อยุธยา ดำเนินการตามขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง 2 ส่วน คือ 
1.โครงการก่อสร้างสถานที่กำจัดขยะนำร่อง คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ จัดหาผู้รับจ้างที่เสนอราคาต่ำสุดแล้ว ได้แก่บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) จำนวนเงิน 369,633,000 บาท และลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้ว เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2557 ดำเนินกิจกรรมทั้งการขนย้ายขยะ จำนวน 2 แสนตัน และการก่อสร้างสถานที่ฝังกลบขยะมูลผอยและงานปรับภูมิทัศน์ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนส.ค.2558 
2. โครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอย คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษจัดหาผู้รับจ้างที่เสนอราคาต่ำที่สุดแล้ว ได้แก่ บริษัท ดีเอวัน จำกัด จำนวนเงิน 8,900,000 บาท ภายใต้หัวข้อเรื่อง "อยุธยาเมืองประวัติศาสตร์ เมืองสะอาด ปลอดขยะ ต้นแบบ" 
และ 3.การจัดหาครุภัณฑ์สำหรับโครงการก่อสร้างสถานที่กำจัดขยะนำร่อง จำนวน 152,935,600 บาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ประมาณเดือนมี.ค.2558 
ทั้งนี้ ในการนำเสนอเรื่องดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย ยังได้ระบุทั้งพื้นที่ที่เหมาะสม ในการคัดเลือกเพื่อก่อสร้างโรงกำจัดขยะมูลฝอย จำนวน 24 จังหวัด (รวมอยุธยา) จาก 76 จังหวัด  ประกอบไปด้วย อุบลราชธานี อุดรธานี บุรีรัมย์ สงขลา ภูเก็ต กระบี่ นครราชสีมา ขอนแก่น สุรินทร์ มหาสารคาม เลย ชลบุรี ระยอง สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก ลพบุรี ยะลา เชียงใหม่ นครพนม พัทลุง 
ส่วนการจัดทำคำของบประมาณการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยลักษณะบูรณาการประจำปี 2559 ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรากฎข้อมูลอยู่ที่จำนวน  384 โครงการ เป็นเงิน 26,181.99 ล้านบาท กำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด จัดทำแผนปฏิบัติการเสนอกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนการดำเนินการ
ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่า "ควรให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเรื่อง การบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมเป็นการเฉพาะ เพื่อนำไปดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ" 
เบื้องต้น ที่ประชุม ครม. มีมติรับทราบ ตามที่เสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศ  โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นหน่วยงานสนับสนุนในการดำเนินการ และให้พิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการดังกล่าวด้วยรวมถึงการทำงานร่วมกับกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดหาเตาเผาขยะให้แก่ชุมชนหรือท้องถิ่นต่อไปด้วย
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร  ที่ท่าทีของ "พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา" รมว.มหาดไทย ในช่วงเวลานี้ จะให้ความสำคัญกับเรื่องขยะเป็นพิเศษ เพราะถือเป็น "งานใหญ่" ที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยตรง
ส่วนผลงานที่ออกมาในอนาคต จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด คงต้องจับตามองต่อไปอย่างใกล้ชิด 
โดยเฉพาะการใช้จ่ายเม็ดเงินจำนวนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน ว่า "คุ้มค่า" และ "เกิดประโยชน์สูงสุด" มากน้อยแค่ไหน? 

'ประยุทธ์'ท้าถ้าจะปฏิวัติซ้อนเข้ามาสิ แล้วจะรู้

17062558 'ประยุทธ์'ท้าถ้าจะปฏิวัติซ้อนเข้ามาสิ แล้วจะรู้
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

"พล.อ.ประยุทธ์"ชี้รธน.ใหม่ต้องเปิดให้มีเวลาปฏิรูป ลั่นจะปฏิวัติซ้อนก็เข้ามา แล้วจะรู้ ระบุตั้งแต่เข้ามาไม่มีใครตายสักคน ยังดีที่มีคนดีมากกว่าคนไม่ดี

ที่โรงแรมเดอะ สุโกศล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่ง ในการประชุมทางวิชาการระหว่างประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ว่า วันนี้สิ่งที่รัฐบาลทำได้คือความสงบเรียบร้อย มีการตรวจสอบการทุจริตอย่างเป็นระบบ เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าได้ทุกประเทศมีความพอใจ มีความต้องการที่จะลงทุน แต่ก็มีการถามว่าจะเลือกตั้งกันเมื่อไหร่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับประชาชน ส่วนตนขอยืนยันเดินหน้าตามโร้ดแม็ปเดิม วันนี้มีการพูดกันทุกวันว่าตนอยากอยู่ในอำนาจต่อ ถามว่าอยู่แล้วได้อะไรขึ้นมา วันนี้แม้แต่สลึงเดียวตนยังไม่ได้เลย ทั้งยังโดนด่าด้วย ไม่มีความสุขหรอก ที่อยู่วันนี้ก็เพื่ออนาคตของประเทศ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น เพื่อข้างหน้าจะได้แก้ไขอะไรที่ติดขัดได้ ไม่ได้ทำเพื่อให้ตนอยู่หรือไม่อยู่ วันนี้ไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้แล้ว

วันนี้ที่ตนได้มาพูดวันนี้เพราะบ้านเมืองเดินหน้าไปไม่ได้ แต่ไม่ได้อยากมาพูดเพราะเหนื่อยจากการทำงานมา 60 ปี แล้วดังนั้นอย่าให้ประเทศเป็นอัมพาต ไม่อย่างนั้นทหารก็ต้องออกมาอีก เพราะไม่มีอะไรสามารถแก้ไขได้ ซึ่งที่ผ่านมากฎหมายทุกกฎหมายใช้ไปหมดแล้ว แม้กระทั่งรัฐธรรมนูญยังเดินหน้าไปไม่ได้จะให้ประเทศไทยเดินหน้าไปอย่างไร ถ้าเรามีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องกลัวทหาร ไม่มีใครอยากเข้ามาแบกภาระ ดังนั้นต้องช่วยกันพูด ทำความเข้าใจ ในเรื่องดังกล่าวด้วย
"รัฐบาลหน้าต่อไป 4 ปี ๆน่าจะดีนะประเทศไทย คงจะเป็นมหาอำนาจแล้ว แต่ถ้าไม่ทำก็จะกลับมาที่เดิม ใครอยากจะเดินหน้า 1 ก้าว แล้วถอยหลัง 2 ก้าว ก็ตามใจ วันนี้ผมสร้างภูมิคุ้มกันโดยให้คนไทยหยุดไว้ก่อนหยุดทุกเรื่องที่เกิดความขัดแย้ง แล้วแก้ไขสิ่งที่เป็นปัญหา เดินหน้าสิ่งที่ทำได้ ถ้าทุกอย่างมีปัญหาไปหมดก็ไปไม่ได้ ดังนั้นสปช. เขามีหน้าที่เสนอแนวทางที่จะให้รัฐบาลหน้าทำต่อจากผม 250 คน ที่ตั้งขึ้นมานั้นเพื่อวางแนวทางส่งต่อรัฐบาลหน้า ถ้าไม่เขียนกฎหมายแล้วทำรัฐธรรมนูญให้แตกต่าง ก็จะทำไม่ได้ ถ้าทุกคนเอาประชาธิปไตยอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาก็ใช้ประชาธิปไตย แต่ประเทศเดินหน้าไม่ได้ ดังนั้นรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องมีระยะเวลาหนึ่งที่จะต้องปฏิรูปประเทศแต่จะเขียนอย่างไรให้เกิดการยอมรับแล้วรู้ไหมว่าต่อไปใครจะมาเป็นรัฐบาล หรือไม่รู้เลย หรือเทวดาจะมาเป็นรัฐบาล ซึ่งจะไป

อย่างไร ผมไม่รู้ อยู่ที่ท่านเป็นคนกำหนดชะตากรรม และอนาคตของประเทศนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นทุกคนจะต้องช่วยกันในทุกมิติ ไม่ว่าจะกี่ หม่อมอุ๋ย กี่สมคิด กี่ประยุทธ์ ไม่ต้องห่วงทุกคนต้องทำงานร่วมกัน และตนรับฟังทุกคน อย่าไปเชื่อว่าที่มีการบอกว่าใครดี ไม่ดี เพราะปัญหาด้านเศรษฐกิจแก้ไขได้ด้วยพวกเราทุกคนที่จะต้องร่วมมือกัน และวันนี้เราจะทำอย่างไรให้ระบบราชการมีความเข้มแข็ง ซึ่งการแต่งตั้งข้าราชการนั้นตนได้ให้แนวทางไปแล้วว่าจะต้องแต่งตั้งแบบที่ทหารตั้ง โดยจะมีคณะกรรมการของแต่ละกระทรวง และรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงต้องมารับผิดชอบในการแต่งตั้ง เหมือนกับพ.ร.บ.กลาโหม ที่มีคณะกรรมการอยู่ 7 คน โดยทุกคนจะเสนอ ตัวแทนของเหล่าต่อที่ประชุม ถ้าเห็นชอบก็ผ่าน แต่ที่ผ่านมาส่วนราชการอื่นทำไม่ได้ ดังนั้นจะเห็นว่าทหารไม่มีปัญหาเรื่องการแต่งตั้ง จึงไม่ต้องกลัวเรื่องการปฏิวัติซ้อน เพราะมันเลอะเทอะ ถ้าจะปฏิวัติก็มาสิ มาปฏิวัติซ้อนตนเลย มาเลย แล้วจะรู้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ เดี๋ยวจะไม่เข้าใจว่าประชาชนเป็นใหญ่คืออะไร ประชาชนเป็นใหญ่อยู่แล้ว โดยมีหน้าที่ในการเลือกตั้ง ใช้อำนาจผ่าน 3 กลไก คือบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ การเลือกตั้งต้องเลือกให้ถูกเลือกให้ดี ถ้าไม่ดีจะโทษใครไม่ได้ เพราะประชาชนเป็นคนเลือก บ้านเรามีคนอยู่หลายส่วน หลายระดับ ซึ่งมีความรู้ และความยากจนไม่เท่ากัน ความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม จึงเป็นบ่อเกิดของปัญหาดังนั้น กรณีมือใครยาวสาวได้สาวเอาต้องไม่เกิดขึ้น รัฐบาลจะสร้างความเท่าเทียมด้วยกฎหมาย หน้าที่ของประชาชนคือ 1.เลือกตั้ง 2.ลงประชามติ 3.เมื่อเกิดปัญหาก็ร้องเรียนไปยังส.ส.ในพื้นที่ และประชาชนสามารถชุมนุมประท้วงได้ แต่ต้องไม่สร้างปัญหา มีการใช้อาวุธใส่กัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต่างชาติเข้ามาหาตนแล้วบอกว่ายินดีที่ประเทศไทยมีความสงบสุข ซึ่งเขาพร้อมจะลงทุนในทุกมิติ แต่ก็ถามด้วยว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างนี้ต่อไปเมื่อตนไม่อยู่ ตรงนี้ประชาชนทุกคนต้องเป็นผู้ให้คำตอบ เพราะประชาชนเป็นผู้ใช้อำนาจ ยืนยันว่าตนไม่อยากใช้อำนาจเพราะประเทศไทยมีแต่การใช้อำนาจและกฎหมาย และเมื่อใช้แรงขึ้น จนวันนี้ไม่มีกฎหมายอื่นที่จะใช้แล้วนอกจากกฎอัยการศึก นอกจากกฎอัยการศึกแล้วก็เหลือแต่การฆ่าฟันกัน เราจะทำในแบบที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งหลายประเทศเคยเกิดขึ้น และตายมากกว่าเรา ตั้งแต่ตนเข้ามายังไม่มีใครตายสักคน เว้นแต่มีคนเจ็บใจจนตาย หรือไม่ก็อดอาหารตาย เพราะบอกคนกินเจนานเหลือเกิน แต่วันนี้ยังดีที่เรามีคนดีมากกว่าคนไม่ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงหนึ่งในการกล่าวเปิดการประชุม ซึ่งสภาพอากาศในกทม.มีฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแบบมีอารมณ์ขันว่า ที่ผ่านมาพยายามขุดคลองรับน้ำเพื่อรับฝน แต่ก็ไม่ตก กลับมาตกที่กทม.ตลอด ไม่รู้ว่าตกไล่ผู้ว่าฯหรือเปล่า

คสช.เรียก "จาตุรนต์-จตุพร-ณัฐวุฒิ-ถาวร” พูดคุย 19 มิ.ย.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญนักการเมือง อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. นายพิชัย นริพทะพันธ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. เข้าพูดคุยที่สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ในวันที่ 19 มิ.ย. เวลา 11.00 น.

ด้าน นายพิชัย กล่าวว่า สิ่งที่ตนแสดงความเห็นนั้นเป็นการแสดงความเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ และการวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจก็นำข้อมูลตัวเลขต่างๆ จากหน่วยงานของรัฐเอง ไม่ได้แต่งเติมหรือบิดเบือนตัวเลขแต่อย่างใด เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ทุกครั้งที่ถูกเชิญไปปรับทัศนคติก็ได้ชี้แจงเช่นนี้เสมอ ซึ่งนายทหารที่มาพูดคุยด้วยต่างมีความเข้าใจและเห็นด้วยในแนวคิดของตน เช่น เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมามีนายทหารมาพบที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ตนแสดงความคิดเห็น

สะพัด! บิ๊กป้อม หารือ อุดมเดช ดัน"ธีรชัย"เป็น ผบ.ทบ.-ส่วน"น้องประยุทธ์"นั่ง ปลัดกห.

บิ๊กป้อมหนุนบิ๊กหมู′ผบ.ทบ.′

ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากมีกระแสข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี2558 แทนนายทหารที่เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน โดยเฉพาะตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นที่จับตาว่าใครจะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ ล่าสุด พล.อ.ประวิตรได้หารือกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะ ผบ.ทบ. ขอให้พิจารณา พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เนื่องจากมีความสามารถสูง เหมาะสมหลายประการ และที่สำคัญผ่านการคุมกำลังหลัก ประกอบกับเป็นนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ดังนั้น ขอให้ ผบ.ทบ.นำไปเป็นข้อคิดเห็นประกอบการพิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผช.ผบ.ทบ.แคนดิเดตอีกคนนั้น ถึงแม้จะเป็นน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ก็ตาม หากแต่ได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ.เพื่อเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนรัฐบาลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในประเทศได้ แต่อาจจะถูกมองจากสังคมภายนอกว่า นายกฯเลือกที่จะเอาน้องชายขึ้นสืบทอดอำนาจ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการแต่งตั้ง ผบ.ทบ.ไม่ว่าจะเป็นใคร ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล จึงเป็นไปได้ว่าหาก พล.อ.ธีรชัยได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ. และให้ พล.อ.ปรีชาไปรับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมแทน เพื่อลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรจะได้นัด ผบ.เหล่าทัพหารือในการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 ในเดือนกรกฎาคม

/////////////

"บิ๊กป้อม"หารือ"บิ๊กโด่ง" ส่งสัญญาณดัน”ธีรชัย”

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
16 มิถุนายน 2558 22:07 น. (แก้ไขล่าสุด 17 มิถุนายน 2558 00:08 น.)
        ASTVผู้จัดการรายวัน - "บิ๊กป้อม" เรียก"บิ๊กโด่ง" หารือโผทหาร โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ทบ. ส่งสัญญาณหนุน "ธีรชัย" ขึ้นแท่น อ้างถ้าตั้ง "ปรีชา" เจอกระแสโจมตีรัฐบาล อ่วมแน่
      
       หลังจากมีกระแสข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 แทนนายทหารที่เกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.58 จำนวน 466 นายโดยมีนายทหารระดับสูงเกษียณหลายราย อาทิ พล.อ.พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ พล.อ.อ.ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.วุฒินันท์ ลีลายุทธ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ พล.อ.อ.พลเทพ โหมดสุวรรณ รอง ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.
      
       รวมทั้ง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิช ผบ.ทร. พล.ร.อ.พจนา เผือกผ่อง รอง ผบ.ทร. พล.ร.อ.อภิชัย อมตยากุล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.ร.อ.ชัยณรงค์ เจริญรักษ์ หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พล.ร.อ.อธิคมน์ ภมรสูต ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ พล.ร.อ.พิจารณ์ ธีรเนตร ผบ.กองเรือยุทธการ พล.อ.อ.อานนท์ จารยะพันธุ์ รองผบ.ทอ.และพล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ
      
       ทั้งนี้ มีนายทหารที่น่าจับตามองในตำแหน่ง ผบ.ทบ. คนที่ 39 ต่อจาก พล.อ.อุดมเดช โดยเฉพาะคู่แคนดิเดต อย่าง“บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ที่เป็นน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ขณะที่ “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ. น้องเลิฟ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่มีโอกาสด้วยเช่นกัน
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้มีการหยิบยกนายทหารทั้งสองรายขึ้นมาพิจารณากันถึงความเหมาะสม ซึ่ง พล.อ.อุดมเดช จะสนับสนุนใครนั้น ขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสม รวมถึงการยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชาอีกด้วย ก่อนจะเสนอต่อ รมว.กลาโหม เพื่อนำรายชื่อนายทหารระดับสูง เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณานายทหารชั้นนายพล ระดับกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นประธานฯ ก่อนจะได้ข้อสรุปเป็นเอกฉันท์ และเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
      
       ล่าสุดมีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้หารือกับ พล.อ.อุดมเดช ขอให้พิจารณา พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เนื่องจากมีความสามารถสูง เหมาะสมหลายประการ ที่สำคัญผ่านการคุมกำลังมาอย่างโชกโชน และเป็นนายทหารบูรพาพยัคฆ์ด้วยกัน จึงขอให้ ผบ.ทบ. นำไปเป็นข้อคิดเห็นประกอบการพิจารณาในครั้งนี้ด้วย
      
       ส่วน พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ถึงแม้จะเป็นน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ก็ตาม แต่หากได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ.ในครั้งนี้ ก็อาจจะถูกตำหนิจากสังคมภายนอกว่า นายกรัฐมนตรี เลือกที่จะเอาน้องชายขึ้นสืบทอดอำนาจในกองทัพบก และเป็นประวัติศาสตร์กองทัพบกที่ว่า มีพี่น้องตระกูล“จันทร์โอชา”ได้เป็นผู้บัญชาการทหารบก ทั้งคู่ อีกทั้งเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ตำแหน่ง ผบ.ทบ. เป็นกำลังหลักในการสนับสนุนรัฐบาลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในประเทศได้ เพื่อให้รัฐบาลสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่นายกรัฐมนตรี ต้องให้น้องชายตนเองขึ้นเป็น ผบ.ทบ.
      
       อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการแต่งตั้ง ผบ.ทบ.ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ต้องปฎิบัติตามนโยบายของรัฐบาล จึงเป็นไปได้ว่าหาก พล.อ.ธีรชัย ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ. จากการผลักดันของ รมว.กลาโหม พล.อ.ปรีชา ก็จะได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมที่จ้องโจมตีการทำงานของนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ รมว.กลาโหม จะได้นัด ผบ.เหล่าทัพ หารือในการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2558 ในเดือนก.ค.นี้ 

รู้สึกอึดอัด! "อานันท์" เตือน "ประยุทธ์" ย้ำ สังคมสงบแค่ผิวเผิน แต่ไร้อนาคต

วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 10:13:42 น.


นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานมอบรางวัล SVN AWARD ของเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมประจำปี 2557 เมื่อค่ำวันอังคารที่ 16 มิถุนายน 2558 ณ สยามสมาคมฯ ตอนหนึ่งว่าคงไม่ต้องอธิบายว่าทำไมถึงมีการรัฐประหาร ขออย่างเดียวคือยึดมาแล้วต้องทำจริง ทำให้ประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง

“จะใช้เวลาเท่าไรผมไม่รู้ แต่ถ้ามีผลงานแล้วอย่างอื่นเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย แต่ก็อย่ายืดเวลาให้ตัวเองมากเกินไป”นายอานันท์ กล่าว

นายอานันท์ กล่าวว่า ยังมีเรื่องที่รัฐบาลต้องระมัดระวังอีกหลายอย่าง เช่น ปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งทุกวันนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และยังไม่ได้แก้อย่างแท้จริงซึ่งจะทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลขาดลงอย่างฉับพลัน ยังไม่รวมถึงการปฏิรูปที่ยังไม่ถึงไหน  นายอานันท์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น เรื่องการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ โดยขอบเขตการเปลี่ยนแปลง 3 ประการ ได้แก่ 1.ต้องธำรงไว้ซึ่งความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ 2.ต้องทำให้คนทุกกลุ่มทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ทัดเทียมกัน ให้เขามีส่วนร่วมซึ่งไม่ใช่มีส่วนร่วมที่ปลายเหตุ แต่ต้องให้มาปรึกษาหารือว่าจะทำอะไร และทำเมื่อไร 3.ต้องทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ปกครองด้วยหลักนิติธรรมหรือ Rule of law ไม่ใช่ปกครองด้วยกฎหมาย หรือ Rule by law เพราะกฎหมายไทยเป็นกฎหมายที่ล้าหลังที่สุด

“ผมไม่ค่อยเป็นห่วงเรื่อง โรดแมปเพราะสามารถยืดหยุ่นได้ แต่รัฐบาลต้องทำให้ประเทศเกิดประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แหกตาเหมือนที่ผ่านมาๆ มา”นายอานันท์ กล่าว

นายอานันท์ กล่าวว่า เราต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อคนไทย เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส การเลือกตั้งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่องค์ประกอบเดียว เช่น กรณีประธานฟีฟ่าเป็นมา 3 สมัย หลายประเทศอยากจะล้มแต่ล้มไม่ได้ เพราะใช้เงินในการเอาชนะ

“รัฐบาลชุดนี้มีความตั้งใจและความพยายามที่ดี แต่หลายที่มีมาตรการออกไปทั้งด้านกฎหมายและการเมือง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยพูดไม่ได้ และเริ่มรู้สึกอึดอัดอีกแล้ว ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องจะเสียของหรือไม่ หรือทำไมยังไม่เกิดความปรองดอง แต่ผมคิดว่าเรายังไม่พยายามค้นหาสาเหตุขอความแตกแยกที่แท้จริง” นายอานันท์ กล่าว

นายอานันท์ กล่าวว่า การที่คนส่วนใหญ่ถูกปิดปาก พูดไม่ได้ ชุมนุมไม่ได้ ได้สร้างความอึดอัดขึ้น ขณะที่ความสงบในประเทศยังคงสงบต่อไปแต่เป็นเพียงความผิวเผิน ถ้าสังคมสงบอยู่อย่างนี้ต่อไปก็คงไม่มีอนาคต

"ขณะนี้มีความพยายามทำให้คนพูดไม่ออก พูดไม่ได้ ถือเป็นสังคมปิด เมื่อเป็นสังคมปิดความโปร่งใสก็ไม่มี ธรรมาภิบาลก็หายไป การแสดงความรับผิดก็ไม่มี และองค์ประกอบของประชาธิปไตยก็ไม่มี"นายอานันท์กล่าว

FBสุทิน ซัดชมรมผสข.ต่างประเทศจัดงานหลอกด่าทหาร


งานยกเลิกแต่ผลงานสำเร็จ
ชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยการนำของนายโจนาธาน เฮด ผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ร่วมกันนายจักรภพ เพ็ญแข เตรียมดินเนอร์ทอล์ค เรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เย็นวันนี้ ต้องยกเลิกเพราะจะหลอกด่าทหารไม่สำเร็จ นายโจนาธาน เคยถูกฟ้องคดีหมิ่น เมื่อปี 2551 แต่ตำรวจมะเขือเผายุคนั้นปัดเป่าคดีไปได้ มันยังวนเวียนสมคบกับนายยอน คนไทยที่อ้ายกันให้สัญชาติคุ้มหัว รับจ้างสัมภเวสีจัดอีเว้นหาเรื่องกัดกร่อนสถานตลอดมา
การดินเนอร์ทอลํค วันนี้มันเลือกเอานายส.ศิวลักษณ์ กับนายสาธิต เซกัลป์ มาบังหน้า แต่ตัวจริงจะสร้างความเสียหายกับสถาบันสูงสุดของไทยคือนาย David Streckfuss อ้างว่าเป็นนักวิชาการจากวิสเคาซิน นายคนนี้ให้สัมภาษณ์โจมตีสถาบันตลอดมา ในวันครบรอบหนึ่งปี คสช มันให้สัมภาษณ์โจมตีว่า คสช ใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือกำจัดศัตรูทางการเมือง และแสดงอาการเวทนาสงสารต่อญาติของนักโทษที่อยู่ในคุกเพราะความผิดหมิ่นฯ
ตามโปรมแกรมวันนี้ FCCT ได้เชิญเมียนายสมยศ พฤษาเกษมสุข นักโทษคดีหมิ่นที่อยู่ในคุกมาเป็น Keynote Speeker ร่วมกับนายDavid Streckfus ฝรั่งขี้นกหากินกับพวกล้มเจ้า
ความจริงโปรแกรมนี้ได้ยกเลิกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 12 หลังจากตำรวจโทรศัพท์แจ้งมาว่าไม่อนุญาตให้จัด แต่นายโจนาธานซึ่งรับทรัพย์มาแล้ว ใช้เล่ห์กลหาเรื่องด่าประเทศไทยโดยขอให้มีหนังสือสั่งระงับเป็นทางการจาก คสช แต่ทหารเขารู้ทันว่ามันจะใช้หนังสือนั้นเป็นหลักฐานโจมตี คสช พ่วงกฎหมายหมิ่นฯไปในตัว คสช เลยไม่ออกหนังสือให้
งานที่ยกเลิกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 12 มันเลยให้เป็นประเด็นขึ้นมาใหม่เพื่อได้เป็นข่าว โดยการส่งจดหมายเชิญชวนมาร่วมงานไปให้สมาชิก ว่างานวันนี้ (17 มิ.ย..) ยังมีอยู่ พอเป็นข่าวสมใจแล้วมันส่งเมล์ในขอโทษสมาชิกว่าผิดงานวันนี้ยกเลิก
การจัดอีเวนต์โจมตีสถาบัน วันที่ 17 มิ.ย.. ยกเลิกเป็นทางการ แต่งานกัดกร่อนสถานบันและความมั่นคงของไทยสำเร็จแล้ว เพราะสื่อต่างประเทศในสังกัดจะนำข่าวการยกเลิกงานดินเนอร์ลอร์ค เรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จะถูกนำไปขยายความ โดยเฉพาะคำรอก (Comment) จากนายDavid Streckfus จะชั่วร้ายมากกว่าที่มันสำรอกผ่านไม่โครโฟนมาก
ล่าสุดมันเขียนบทความชื่อว่า countercoup ให้กับหนังสื่อ Times อ้างว่าพลเอกประยุทธ์ยึดอำจ ไม่ใช่เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เพื่อปฏิรูปแต่เพื่อขจัดระบอบทักษิณให้พ้นจากอำนาจ นอกจากนั้นมันยังเอาไพร่สัมภเวสีไปเทียบกับเบื้องสูง
พิษร้ายของสัมภเวสีที่มันพ่นผ่านทางสื่อต่างประเทศและฝรั่งตกรถที่หากินอยู่ในเมืองในเมืองไทยยังมีอีกมาก ถึงเวลาแล้วยังที่ คสช จะเอาจริงเอาจังกับฝรั่งขี้นกพวกนี้