PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โบรกเกอร์สาวยอมรับคบหา “เสี่ยชูวงษ์” จริง อ้างได้หุ้นด้วยความเต็มใจ ไม่ถึง 40 ล้าน

โบรกเกอร์สาวยอมรับคบหา “เสี่ยชูวงษ์” จริง อ้างได้หุ้นด้วยความเต็มใจ ไม่ถึง 40 ล้าน
Cr:ผู้จัดการ
วันนี้ (24 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.00 น. น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์ พร้อมด้วยนางศรีธนา พรหมา มารดา ผู้ที่รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ จำนวน 40 ล้านบาท และทนายความ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ตามหมายเรียก โดยทั้งคู่แต่งกายมิดชิด สวมหมวก หน้ากากอนามัย และสวมแว่นตาดำ
น.ส.อุรชากล่าวว่า ตนเองเป็นโบรกเกอร์อยู่บริษัท AECS รู้จักกับนายชูวงษ์เพราะอยู่ในวงการหุ้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นโบรกเกอร์ให้นายชูวงษ์ และยอมรับว่าได้รับการโอนหุ้นมาจริงในจำนวนไม่ถึง 40 ล้านบาท หุ้นจำนวนดังกล่าวนายชูวงษ์โอนมาให้อย่างเต็มใจ เพราะมีความสัมพันธ์และคบหากัน ส่วนรายละเอียดว่า รู้จักกับนายชูวงษ์ได้อย่างไร รวมถึงรู้จักกับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์หรือไม่นั้น ขอให้การต่อพนักงานสอบสวนเท่านั้น
น.ส.อรชากล่าวต่อว่า อยากร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.ประวุฒิ เรื่องของการส่งหมายเรียกของตำรวจ ว่า มีตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวนมากไปส่งหมายที่บ้าน แต่ตนเองไม่อยู่ และจะให้รีบเร่งมาพบพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามในขณะนั้น ตกใจมากจึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว


ศาลฎีกาแก้ยกฟ้อง'พระสุเทพ'หมิ่นจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง

ศาลฎีกาแก้ยกฟ้อง'พระสุเทพ'หมิ่นจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง
24 ก.ค. 58 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ยื่้นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี พระสุเทพ ปภากโร หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2549 พระสุเทพ และนายองอาจ ร่วมกันแถลงข่าว กล่าวในทำนองว่าพรรคไทยรักไทยทุจริตการเลือกตั้ง ด้วยการจ้างพรรคเล็กให้ลงสมัครเลือกตั้ง
โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ในส่วนพระสุเทพ ให้จำคุก 4 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
กระทั้งวันนี้ ศาลฎีกา มีคำสั่งแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่พระสุเทพ แถลงข่าวเป็นการกระทำโดยสุจริตไม่ได้เสริมแต่งขึ้นเพื่อให้ร้ายโจทก์ จึงมีสิทธิชอบธรรมที่จะเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบ อีกทั้งพยานที่ฝ่ายจำเลยกล่าวอ้างก็มีตัวตนจริง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท จึงพิพากษาให้ยกฟ้องนายสุเทพ ส่วนจำเลยอื่น ก็ถือว่าไม่มีความผิดจึงพิพากษายืนยกฟ้อง
Cr:แนวหน้า


สมาชิกสภายุโรป แถลงว่าจะสนับสนันให้สหภาพยุโรปแจกใบแดงให้ประเทศไทย

สมาชิกสภายุโรป แถลงว่าจะสนับสนันให้สหภาพยุโรปแจกใบแดงให้ประเทศไทยเนื่องจากไม่สามารถแก้ไขการทำการประมงผิดกฎหมายหรือไอยูยูได้ ซึ่งอาจทำให้ไทยสูญเสียรายได้มหาศาลเพราะไม่สามารถส่งออกสินค้าประมงไปยังประเทศเหล่านั้นได้
นายกราเบียล มาโต คณะกรรมาธิการการประมงแห่งสภายุโรป แถลงว่าจะสนับสนุนให้สหภาพยุโรป ให้ใบแดงแก่ประเทศไทย หากไทยยังไม่สามารถควบคุมการทำประมงผิดกฎหมายและการใช้แรงงานทาสได้
ทั้งนี้ในปัจจุบัน สหภาพยุโรปได้ให้ใบเหลืองประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากไทยยังไม่สามารถแก้ไขปัญหา ทำให้ยังมีการทำประมงผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้ สหภาพยุโรปจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะให้ใบแดงประเทศไทยหรือไม่ และถ้าหากเป็นเช่นนั้น สหภาพยุโรปอาจยกเลิกการนำเข้าสินค้าประมงจากไทย ซึ่งทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้มหาศาลจากการส่งออกสินค้าประมงไปยังสหภาพยุโรป

"นายกฯ" เตือน อย่าเล่นการเมือง ต้าน"โรงไฟฟ้า ถ่านหิน"

"นายกฯ" เตือน อย่าเล่นการเมือง ต้าน"โรงไฟฟ้า ถ่านหิน"แจง รับฟังข้อเสนอไปพิจารณา ไม่ใช่รับข้อเสนอ ชี้ทุกฝ่ายต้องพูดคุยกัน ไทยเป็นประเทศรัฐเดียว ต้อง ดูทั้งคนในพื้นที่-นอกพื้นที่ รับได้หรือไม่ บอกถ้าทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ ยันจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าภาคใต้ ระบุไม่เคยเอาแต่ใจทำเพื่อประเทศ วอนฟังผมบ้าง โอด ทั้งๆที่มีอำนาจเต็ม มีกม.มีม.44ยังบังคับผมได้แบบนี้ อีกหน่อยก็บังคับผมหมดแหล่ะ มันไม่ได้แล้ววันหน้าก็เกิดไม่ได้ ต้องร่วมรับผิดชอบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีรับข้อเสนอของเครือข่ายปกป้องอันดา เพื่อขอให้ยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ ว่า ต้องใช้คำว่ารับฟังข้อเสนอและนำสู่การพิจารณาร่วมกันเพื่อหาทางออกให้ประเทศและประชาชนในพื้นที่
ผมรับอย่างนี้ เขายื่นมาทั้งหมด 3 ข้อ 1. การตั้งคณะกรรมการก็คุยกันได้ทั้งสองฝ่ายหาคนกลางมาช่วย 2. ให้ยกเลิก EIA กับEHIA ว่าทำผ่านหรือยัง ถ้ายังไม่ผ่านก็ไม่ต้องยกเลิก ซึ่งขณะนี้ยังไม่ผ่านเพราะมีหลายประเด็น การทำ EHIA จะทำใหม่ได้หรือไม่ หากทำต่อไปจะติดขัดกันไปหมด ถ้าเราวางแผนยุทธศาสตร์ว่าจะเกิดอะไร อนาคตก็จะรู้ว่าจะเอาอย่างไร ถ้าไม่บอกวันนี้ก็จะไปขัดแย้งกันวันข้างหน้า วันนี้ตนพยายามจะพูดให้ประชาชนรู้ว่ามีอะไรบ้าง ฉะนั้นเราต้องเดินหน้าไปประเทศ อะไรที่ทำได้ก่อนก็ทำก่อน
3. การทำEHIA ส่วนใหญ่มักจะเป็นการทำโดยรัฐและประชาชนในพื้นที่ ผมบอกว่าจะทำแนวใหม่ก็ต้องเพราะเราเป็นประเทศรัฐเดียว ซึ่งต้องดูคนในพื้นที่และคนที่ได้รับผลประโยชน์ว่ามีใครบ้าง ให้เขามาฟังหากไม่เห็นชอบ ถ้าเขาไม่เห็นชอบกับคนที่อยู่ในพื้นที่ก็รับได้ แต่ถ้าในพื้นที่รับไม่ได้และรอบนอกเดือดร้อน ก็ลำบากแล้วจะทำอย่างไร จะต้องมาดูว่าคนที่เดือดร้อนจะทำอย่างไร ตอนนี้ตนก็รอฟังเขาอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่จะให้ระงับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก็ยังไม่เกิดทำไมจะต้องไประงับ มันเป็นแผนงานโครงการถ้าไม่ผ่าน EHIA ก็ไม่สมบูรณ์ ก็ไม่ผ่านทั้งหมด ไม่ต้องไปยกเลิกอะไร ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าไปกดดันรัฐ ทำให้รัฐถูกกดดัน

"ทั้งที่ผมมีอำนาจเต็ม มีกฎหมาย มีมาตรา 44 และบังคับผมได้แบบนี้ อีกหน่อยก็บังคับผมหมดแหล่ะ มันไม่ได้ แล้ววันหน้าก็เกิดไม่ได้ ก็ต้องมาร่วมกันรับผิดชอบว่าจะทำอย่าง"

ผมได้อธิบายว่าภาคใต้ ใช้ไฟฟ้ากว่า 3,000 กิโลวัตต์ ตอนนี้มีโรงไฟฟ้าไม่กี่โรง ประมาณ 10 โรง ผลิตไฟฟ้าได้โรงละ 2 กิโลวัตต์ ซึ่งทั้งหมดผลิตได้ 40 กิโลวัตต์กับไฟฟ้าอื่นที่ใช้แก๊ส ใช้น้ำมันอีก 600 กว่ากิโลวัตต์ ตัวเลขอาจจะไม่ชัดเพราะผมประมาณจากเท่าที่จำได้ ลองคิดดูว่าตอนนี้เราใช้ไฟฟ้า 3,000 กิโลวัตต์ ลบเท่าที่โรงไฟฟ้าผลิตได้ 1,000 กิโลวัตต์ก็จะขาดไฟฟ้าอีก 2,000 กิโลวัตต์ จะทำอย่าไร ก็ต้องตอบผมให้ได้ว่าท่านจะสร้างโรงไฟฟ้าน้ำมันปาล์มที่ไหนบ้างและใครจะสร้าง ถ้าบอกว่าประชาชนจะสร้าง ซึ่งสายส่งไม่ใช่สายไฟฟ้าที่เดินในบ้านแต่ต้องเป็นเสาใหญ่ เสาหลัก จะต้องเดินจากเหนือไปใต้ก็ต้องมีสายไฟย่อยออกไป

เพราะฉะนั้นการที่จะผลิตแล้วมาขายคืน ตามอัตราควบคุมไม่ใช่ใครก็ขายได้ ถ้าจะให้สร้างโรงไฟฟ้าน้ำมันปาล์มตนก็เห็นด้วยให้ผสมกันได้ไหม แต่จะต้องไม่เกิดมลภาวะ ถ้าเอาส่วนนี้มาเสริมก็จะทำให้การใช้ไฟฟ้าในส่วนต่างๆลดลง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เราซื้อไฟฟ้าใช้จากต่างประเทศเยอะพอสมควร แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าน้ำไม่มีและจะเกิดอะไรขึ้น เพราะประเทศที่ขายไฟฟ้าให้เรามาจากไฟฟ้าพลังน้ำแล้วเราจะทำอย่างไร ซื้อไม่ได้ ผลิตเองก็ไม่ได้ หากวัสดุที่นำมาเป็นต้นในการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นเราก็จะเดือดร้อน เราต้องมองภาพใหญ่ ตนไม่ได้ขัดแย้ง ไม่ใช่ว่าทำแล้วตนจะได้อะไร ประเทศได้ ขยะก็ด้วยการทำอะไรที่เป็นส่วนรวม การทำอ่างเก็บน้ำ ทำถนน ทำรถไฟมันจะติดขัดเรื่องความไม่เข้าใจจากคนจำนวนไม่มาก แต่ตนถือว่าเขาเป็นคนไทยก็ต้องฟังและหาทางออกให้ หากเขาเสียหายจะเยียวยาอย่างไร เขาจะได้รับผลประโยชน์อย่างไร ในฐานะคนในพื้นที่ก็ต้องคิดทั้งหมด
" ผมไม่อยากให้เอาการเมืองมาเล่นตรงนี้ เวลานี้มันไม่ได้ "

นายกฯ กล่าวว่า ผมถึงบอกว่าสร้างได้ต้องได้รับการยอมรับและผลประโยชน์ด้วยกัน ทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ ต้องทราบว่าประเทศชาติจะไปทางไหนกัน ทางไม่มีพลังงานไฟฟ้าทุกอย่างจบหมด ไฟฟ้าแพงขึ้นก็จะมีผลกระทบจากค่าไฟฟ้าต่อครัวเรือน ฉะนั้นถ้าเกิดขึ้นมาแล้วเราไม่สามารถส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปภาคใต้ให้เต็ม 3,000 กิโลวัตต์ จะทำอย่างไรมันต้องสร้างแน่นอน แต่จะสร้างอะไรก็บอกมาให้ชัดเจน อะไรที่ไปด้วยกันได้ก็ไป

“ฝากไว้ด้วยอย่ามาอดอาหารเลย เคยทำมาเมื่อสมัยรัฐบาลที่มีการเลือกตั้งก็ไม่อยากให้ลำบากกว่านี้ ในเมื่อผมรับฟังท่าน ท่านก็ต้องรับฟังผมบ้าง ผมไม่ได้เอาแต่ใจ เอาแต่อยากจะทำ ข้าราชการต้องมีบทบาทของเขาก็ต้องไปทำความเข้าใจกันให้ได้ เอาประเด็นที่เขาเรียกร้องไม่ใช่ประเด็นที่ชี้แจง ถ้ายังต่อต้านก็ไม่เลิกกันอยู่อย่างนี้” นายกฯกล่าว

เมื่อถามว่ากระบวนการสร้างความใจกับกลุ่มเครือข่ายฯอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในวันนี้มีการให้ไปหารือกันแล้ว ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ ถ้าทำและจะมีผลกระทบต่อความขัดแย้งอะไรหรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องทำก็ต้องทำความเข้าใจกัน ถ้าไม่จำเป็นต้องทำก็ชะลอได้ ให้เขามาชี้แจงกันในวันนี้ อย่างเพิ่งไปตกลงว่าจะสร้างหรือไม่สร้าง ถ้าเรารับข้อเสนอแบบนี้ทั้งหมดไม่ได้ วันนี้ไม่ได้เขามาเพื่อผลประโยชน์ ไม่ได้เขามาเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่เรามาสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนในทุกตำบล ทุกภูมิภาค ทั้งประเทศ วันหน้าการเมืองเข้ามาก็แก้เรื่องเดิม เดือดร้อนข้าวก็ช่วยข้าว เดือดร้อนยางก็ช่วยยาง

เมื่อถามว่า โครงการดังกล่าวต้องหยุดไปก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่หยุดไปก่อน ถ้ามันทำได้ก็ทำ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องหาทางทำให้ได้หรือถ้าไม่ได้ก็เลิก ถ้าไม่ได้ก็หาทางคุยต่อให้ได้ เราต้องคุยกันในปัญหาต้องสอนให้ทุกคน คิดเรื่องการมีส่วนร่วมให้ได้ ซึ่งการมีส่วนร่วมก็ไม่ใช่ว่ารัฐบาลทำอะไรต้องมีส่วนร่วมทุกอันไม่อย่างนั้นก็ติดหมดทุกอย่าง

เมื่อถามว่าต้องสรุปให้ได้ วันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่เปิดประมูลโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดถึง 5 สิงหาคม ถ้ามันไม่ได้แล้วมันจะประมูลได้ไหม ถ้าประมูลได้แล้วคนทำไม่ผ่าน EHIA มันทำได้ไหม มันยังไม่ถึงวันนั้น วันนี้ต้องไปคุยกันให้ได้ว่าจะเอาอย่างไร อย่าเพิ่งมาบอกว่ายกเลิกนู้นยกเลิกนี้ ตนก็ต้องไปทะเลาะกับส่วนราชการที่มี พ.ร.บ.เขาอีก และข้าราชการก็จะบอกว่ารัฐบาลมีอำนาจเด็ดขาดแต่ก็ไม่ทำ ผมก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง


"นายกฯ" ยอมรับ ปรับ ครม. พูดชัด ไม่ปรับ "พลเอกประวิตร"ออก และจะไม่เอาทหารเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเพิ่ม

"นายกฯ" ยอมรับ ปรับ ครม. พูดชัด ไม่ปรับ "พลเอกประวิตร"ออก และจะไม่เอาทหารเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเพิ่ม เชื่ออยากเกษียณกันแล้ว ไม่อยากมาเป็น รมต. เผย บิ๊กปัอม ไม่สบายแขนเจ็บด้วย ยันไม่ปรับออก ขออย่าโยงโยกย้ายนายทหาร วอนสื่อหยุดเขียนเพราะกระทบความเชื่อมั่นและทำให้ตัวเองเสียสมาธิ พูดเป็นนัย "หม่อมอุ๋ย-สมหมาย" พร้อมถูกปรับ ทุกคนสุภาพบุรุษพอ ยันถ้าปรับ ไม่ใช่ไม่ดี หรือไม่เก่ง แต่เป็นเพราะสถานการณ์และการเมืองกดดัน เปรย ถ้าเผื่อปรับไปแล้ว ไม่ดีขึ้นกว่าเดิมจะโทษใครอีก โทษผมมั้ง ปรับผมออกใช่หรือเปล่า อย่าเพิ่งไปให้ความสำคัญมาก นักเดี๋ยวผมจัดการของผมเอง ยอมรับ ข่าวปรับครม.ทำเสียสมาธิ เชื่อรมต.มีสมาธิอยู่แล้ว เพราะทำงานตามที่ผมสั่ง ถ้าทำได้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าทำไม่ได้ ผมก็ต้องหาคนทำให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวถึงความชัดเจนในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยล่าสุดผลสำรวจของกรุงเทพฯโพลล์ระบุว่าควรมีการปรับ ครม. ว่า " ก็มีข่าวปรับทุกวัน"
เมื่อถามย้ำว่าจะมีการปรับจริงใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "กำลังคิดอยู่ คือก็ไม่อยากให้มีผลกระทบ แต่ถ้าปรับก็คือปรับ ไม่ปรับก็คือไม่ปรับ ถ้าพูดทุกวันก็ทำให้ทุกอย่างแย่ไปหมด เศรษฐกิจ ความมั่นคงก็แย่ เกิดความขัดแย้ง
"พอปรับเสร็จสื่อก็บอกว่านี่คือความขัดแย้ง บอกว่าผมไม่สนใจไม่ฟังเสียงประชาชน เอ๊ะ! จะเอาอย่างไรกัน ถามหลายครั้งจะปรับใครล่ะบอกมาซิ ชื่ออะไรเสนอมา จะให้ปรับใครบ้าง บอกมา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวระบุว่าผลสำรวจส่วนใหญ่ต้องการให้มีการปรับในกระทรวงเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "หรา ..เขาทำผิดอะไรผิดบ้างบอกมาซิ สิ่งไหนที่เขาทำวันนี้มันไม่ดีตรงไหน หรือดีตรงไหน ทำให้เศรษฐกิจเลวลงหรืออย่างไร เลวลงเพราะเขาทำ เพราะผมทำ หรือมันเพราะเศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจข้างล่าง ความผิดความถูกการกระทำ ธุรกิจที่ผ่านมามองให้ครบทุกมิติด้วย เอาล่ะถ้ามองแง่ของความไว้วางใจความน่าเชื่อถือก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นสังคมต้องมองให้ออกว่าถ้าเผื่อปรับไปแล้ว ไม่ดีขึ้นกว่าเดิมจะโทษใครอีก โทษผมมั้ง ปรับผมออกใช่หรือเปล่า อย่าเพิ่งไปให้ความสำคัญมากนัก๋ยวผมจัดการของผมเอง"

เมื่อถามว่าเพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่มจะทำให้เร็วขึ้นหรือไม่ในการปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " กระเพื่อมอะไร แล้วในความคิดของสื่อมีความคิดเห็นอย่างไร มันแย่ลงมากมั๊ย แล้วจะเอาใครมาเป็น เสนอใส่กระดาษมาให้ผม เขียนส่งมาเดี๋ยวผมจะดูให้ วันนี้หนังสือพิมพ์ก็มี 2 ขาตลอด เชียร์คนนี้เชียร์คนโน้น ก็มาตั้งเสียเองก็แล้วกัน"

ผู้สื่อข่าวถาม มองทำไมข่าวปรับ ครม.จึงเกิดในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันต้องดูว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือเปล่า มันเป็นอย่างนี้เขาไม่เข้าใจหรือไม่ ใจร้อนหรือเปล่าไม่ทันใจ อีกส่วนหนึ่งคือความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นรายบุคคล มีการเมืองฝ่ายตรงข้ามไปก่อกวนอะไรข้างล่างหรือเปล่า มันเกิดขึ้นได้หมดทุกเรื่อง
ผมอยากจะบอกว่าวันนี้ทุกคนควรต้องคิดไคร่ครวญให้ดีว่า รัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทุกคนก็รู้อยู่เป็นรัฐมนตรี ใครทำหน้าที่อะไรมันมีกติกาของฝ่ายการเมือง ผมไม่ใช่คนตั้งกติกาตรงนี้ ดังนั้นผมจะดูที่ผลงาน ดูที่ประสิทธิภาพ จึงต้องให้เวลาไปสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชนไม่เช่นนั้นมุมมองในภาคธุรกิจก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร

สื่อก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย อะไรที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงแค่เพียงคำบอกเล่าหรือไม่มีหลักฐานขุดคุ้ยขึ้นมามันก็ไม่มีประโยชน์

เมื่อถามว่า ข่าวปรับ ครม.ที่ออกมาส่งผลให้ ครม.เสียสมาธิในการทำงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนที่เสียสมาธิคือผม รัฐมนตรีเขาต้องมีสมาธิอยู่แล้วเพราะเขาทำงานตามที่ผมสั่ง ถ้าทำได้ก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าทำไม่ได้ ผมก็ต้องหาคนทำให้ได้เท่านั้นเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าครั้งนี้เป็นการปรับใหญ่หรือปรับเล็ก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อะไรคือใหญ่อะไรคือเล็ก"
เมื่อถามย้ำว่าปรับ ครม.หลายตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเลี่ยงว่า "อ๋อเหรอ ก็เสนอเข้ามาซิ"

เมื่อถามว่าวันนี้มีรัฐมนตรีถอดใจยื่นใบลาออกบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ยังไม่เห็นมีใคร ทุกคนก็ยังเข้มแข็งอยู่ พยายามทำหน้าที่

ประเด็นปัญหาวันนี้คือปัญหามีเยอะมาก ทับซ้อนมากและ ผมก็รู้ปัญหาเยอะ จึงสั่งการเยอะ อีกทั้งมีความกดดันข้างนอกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องจัดลำดับให้ดี ว่าอะไรทำได้อะไรควรทำ อะไรที่ทำแล้วเกิดความเชื่อมั่นไว้วางใจอะไรที่ก่อให้เกิดการค้าการลงทุนมากขึ้น ในเมื่อเราฝากความหวังเศรษฐกิจทั้งประเทศไว้กับการส่งออกซึ่งมีถึงร้อยละ 70 ถามว่ามันจะได้หรือไม่ ถ้าทำอย่างนี้ต่อไปวันข้างหน้าก็ต้องเป็นแบบนี้อีก ไม่สามารถทำได้เพราะโครงสร้างมันไม่ถูก และเราก็ไปทุ่มเทกับองค์กรสิทธิมนุษยชนบ้าง NGO บ้าง ซึ่งไม่ใช่ว่าจะผิด แต่ต้องดูว่าประเทศเราต้องการอะไรเดินให้เป็นคู่ขนาน เราสร้างความเข้มแข็งในภาคอื่นไม่ได้ก็ต้องพึ่งการส่งออกอย่างเดียว ซึ่งการส่งออกก็ต้องพึ่งภาคการเกษตรอย่างเดียว รายได้ร้อยละ 70 คือการส่งออก ซึ่งร้อยละ 90 คือธุรกิจSME ร้อยละ 70 เป็นการเกษตรทั้งสิ้น ดังนั้นเราต้องสร้างการใช้จ่ายในประเทศ ปรับคุณภาพ ปรับนวตกรรม ความต้องการต่างๆ ปรับต้นทุน สร้างโรงงานแปรรูป หาตลาดเพิ่ม

"ลืมหรือยังว่าผมเข้ามาทำงานกี่เดือนแล้ว เป็น คสช.มาตั้งแต่ 22 พ.ค.57 เป็นรัฐบาลในเดือน ก.ย.57 รวมแล้วปีกว่า แต่ปัญหาที่มีอยู่ทับซ้อนมาเป็นสิบปี แต่ผมก็ทำได้ในเวลาแค่ปีเดียว เป็นธรรมกับผมบ้างว่าอะไรที่ทำแล้ว และอะไรที่ยังไม่ทำและอะไรที่กำลังทำอยู่ แค่นี้ยังหาไม่เจอ ผมพูดทุกวัน
และการที่ต้องพูดมากในทุกๆเรื่อง เพราะต้องการให้ทุกคนได้ฟังและรับรู้แต่ก็ยังไม่ฟังกัน ผมจึงต้องมาคาดหวังกับสื่อวันข้างหน้าก็อาจใช้วิธีการแจกเอกสารไปบ้าง เพราะสื่อเองก็คงจดไม่ทันเพราะผมเป็นคนพูดเร็ว สื่อบางคนจดไปก็ครบบ้างไม่ครบบ้าง อีกทั้งพื้นที่ข่าวก็มีไม่มาก สื่อก็เลือกแต่ประเด็นแรงๆไปนำเสนอ เนื้อหาสาระไม่ได้ใส่ลงไปทำให้เกิดความขัดแย้ง พวกสื่อไม่ได้ตั้งใจผมรู้ แต่วันนี้ก็ต้องช่วยผมในการสร้างการรับรู้ ส่วนอะไรที่เป็นปัญหาก็ต้องช่วยชี้แจงข้อเท็จจริง"

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ให้กำลังใจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ที่ถูกกระแสข่าวถูกปรับออกจาก ครม.บ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมก็ให้กำลังใจทุกคนนั่นแหละ ผมก็ให้มาตลอดทุกวันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ให้กำลังใจ หรือจะต้องให้ไปลดกำลังใจคนอย่างนั้นหรือ ทำไม"

เมื่อถามว่าแต่การทำงานอาจจะเกิดความหวั่นไหวเพราะมีกระแสข่าวทุกวัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ท่านก็บอกแล้วนี่ว่าท่านก็พร้อม ฟังบ้างซิเวลาที่ท่านพูด ทุกคนเขาก็สุภาพบุรุษกันอยู่แล้วไม่ต้องกลัวหรอก ทุกคนเขารู้ดีว่าเข้ามาแล้วต้องเจอกับสถานการณ์อะไรบ้าง เขารับได้ทั้งหมด แต่ก็อย่าไปทำให้เขาเสียกำลังใจ คือปรับมันก็ต้องปรับ แต่ไม่ใช่ปรับเพราะเขาเลว ไม่ดี เขาไม่เก่ง มันไม่ใช่ แต่ในแง่ของปัญหาที่ทับซ้อนเยอะ แล้วกระบวนการประชาธิปไตยมันก็เร่งรัด นักการเมืองก็อยากให้เข้ามาเลือกตั้งเร็วๆ ต้องมองทั้งปัจจัยภายในและภายนอกทั้งในและนอกประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมันก็ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ จะมาพร้อมกับโผโยกย้ายนายทหารในเดือน ก.ย.นี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้อนถามว่า" มันเกี่ยวอะไร พวกคุณไปเขียนอะไรขึ้นมา ผมยังไม่คิดสักคนว่าจะเอาใครจากกองทัพมา แค่นี้มันก็จะแย่อยู่แล้ว วันนี้กองทัพก็คือกองทัพ ทำไมจะต้องเอาคนนั้นคนนี้มา ไปเอาข่าวมาจากไหน"

เมื่อถามว่าแต่ในเดือน ก.ย.นี้จะมีทหารระดับสูงเกษียณอายุราชการหลายคน และมีข่าวว่าอาจมีการปรับรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ทำไม อ๋อเหรอ อือๆ ก็ผมไม่เปลี่ยนอ่ะ ทำไม"
เมื่อถามว่าจะมีการปรับในส่วนของ คสช.ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ไม่มีๆ ทำไมต้องปรับ คสช.เป็นรัฐบาลหรือ คสช. เป็นอะไรมาจากการเลือกตั้งหรืออย่างไร ผมตั้งไปแล้วก็คือตั้งไปแล้ว มีแต่จะตั้งเพิ่ม
"ขอร้องว่าอย่าไปเขียนกันอีกกองทัพก็คือกองทัพ วันนี้เขาก็อยู่ของเขาอยู่แล้วทำหน้าที่อย่างสมศักดิ์ศรี ทหารเหล่านี้เขาหมดหน้าที่ก็เหมือนกับผมที่คิดไว้ว่าเเมื่อเกษียณอายุแล้วก็จะกลับไปอยู่บ้าน ถ้าไม่มีเรื่องผมก็ไม่มายืนให้เมื่อยอยู่แบบนี้ เขาก็คงไม่มีใครอยากจะมานักหรอก อย่าไปเขียนว่าพอเกษียณแล้วก็อยากจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ถามว่าผมต้องรับคนเข้ามาเยอะแยะเลยหรือ ถ้าผมบอกว่าไม่เอาใครเดี๋ยวก็จะมาเกลียดผม วันนี้เขามีหน้าที่เมื่อเกษียณเขาก็ยังมีหน้าที่อยู่ใน คสช.แล้วจะเอาอะไรอีก"

เมื่อถามย้ำอีกครั้งว่ามีรัฐมนตรีคนใดถอดใจยื่นใบลาออกบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนพูดมา 3 ครั้ง แล้ววันนี้มีใครส่งข่าวไปบอกสื่อบ้างหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มี นายสมหมาย ภาษี รมว.คลังก็บอกแล้วว่าเขาพร้อมออกแต่ก็พร้อมทำงานไปก่อน เขาไม่ได้ลาออก

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับ ครม.ต้องฟังจากปากนายกฯคนเดียวเพราะมีอำนาจตัดสินใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ใช่ แล้วทำไมต้องถามกันมากมาย "มันง่ายหรือเปล่า สั่งวันนี้แล้วพรุ่งนี้ออกหรือ มันไม่ได้ ต้องมาคัดเลือกตัวบุคคล ตรวจสอบคุณสมบัติ เรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ร่างประวัติและต้องนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำวันนี้จดรายชื่อ 15 คน 10 คน หรือ 9คน แล้วใส่ลงไปพร้อมดึงคนใหม่เข้ามา มันไม่ใช่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงอาการป่วยของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ลาป่วยหลายวันว่า "อาการของพล.อ.ประวิตรก็ดีขึ้น และคุยกับผมทุกวัน เพียงแต่เจ็บแขนก็เลยไม่สะดวก ออกกำลังกายมากไปอะไรไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ก็เจ็บขาด้วยส่วนการปั่นจักรยานนั้นก่อนหน้านี้ท่านก็ขี่แต่ตอนหลังท่านขี่ไม่ไหวพราะทั้งน้ำหนักด้วยและอายุด้วยต้องระวัง"

ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์วันนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลากว่า 45 นาที และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อถูกถามถึงเรื่องการปรับ ครม. พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามอย่างใจเย็นซึ่งผิดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเมื่อผู้สื่อข่าวหมดคำถาม พล.อ..ประยุทธ์ ยังยืนเพื่อขอพูดต่ออีก


สั่งฟ้องคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา

สั่งฟ้องคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา
วันนี้ (24 ก.ค.) อัยการสูงสุดมีคำสั่งส่งฟ้อง ผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา 72 คน ต่อศาลจังหวัดนาทวี จำเลยชุดแรกนี้ รวมถึงพล.ท. มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น และพลเรือน รวม 16 ข้อหา ในความผิดตามพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2552 และประมวลกฎหมายอาญาอีกหลายมาตรา
คุณไซนา เหมมัน ผู้อำนวยการสำนักงานประจำศาลจังหวัดนาทวี จ. สงขลา บอกบีบีซีไทยว่าในขณะนี้จำเลยทั้ง 72 คน ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ อ. นาทวี โดยก่อนหน้านี้ได้มีการยื่นขอประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากข้อหามีความร้ายแรงและคดีมีอัตราโทษสูง อย่างไรก็ตามในวันนี้ยังไม่มีจำเลยรายไหนยื่นขอประกันตัวเพิ่มเติม
คุณสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ บอกบีบีซีไทยว่าการสั่งฟ้องแสดงว่ามีข้อมูลและหลักฐานมากพอที่จะชี้ถึงความผิด และถึงแม้ว่าการค้ามนุษย์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ภาครัฐเพิ่งมีการเอาจริงเอาจัง ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตามคุณสุรพงษ์หวังว่าหลักฐานข้อมูลที่ได้มา จะเอื้อให้มีการขยายผล ไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่น ๆ เพราะการค้ามนุษย์กระทำกันเป็นขบวนการ และยังมีเครือข่ายที่อยู่นอกประเทศ ทั้งในมาเลเซีย เมียนมาร์ และบังกลาเทศ


วันชัย ประกาศจุดยืน พร้อมลงมติคว่ำร่าง รธน.

วันชัย ประกาศจุดยืน พร้อมลงมติคว่ำร่าง รธน. - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
นายวันชัย สอนศิริ ประกาศจุดยืน พร้อมลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ย้ำ ไม่เห็นด้วย กับสถานการณ์บ้านเมืองที่ยังไม่เอื้อต่อการเลือกตั้ง และไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ ที่ยังไม่แก้ไข ที่มานายกฯ- ที่มา ส.ว. และระบบเลือกตั้ง ส.ส.
วันที่ 23 ก.ค. 58 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เปิดเผยกับ “ไทยรัฐทีวี” ว่า ร่างรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาล่าสุด แม้จะยังไม่ส่งให้ สปช. แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับบทบัญญัติ มาตรา 111 ที่ห้ามบุคคลที่กระทำการทุจริตเลือกตั้ง ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตลอดชีวิต เพราะเป็นมาตราที่สุดยอดมาก ส่วนการลงมติร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวจะมองเรื่องโครงสร้างทางการเมือง ในร่างรัฐธรรมนูญก่อน ขณะเดียวกันก็พบว่า มีเนื้อหา ที่คณะกรรมาธิการไม่ปรับแก้ โดยเฉพาะเรื่องที่มาของนายกรัฐมนตรี ที่เปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกได้ เรื่องระบบเลือกตั้ง แบบสัดส่วนผสมที่จะทำให้ได้รัฐบาลผสมมีความอ่อนแอ เรื่องที่มาของ ส.ว.ที่มาจากเลือกตั้งและสรรหา จะทำให้เกิดความขัดแย้งเหมือนรัฐธรรมนูญปี 2550
นายวันชัย ระบุว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญแบบประนีประนอม ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ยืนยันว่า ถ้าวันนี้ให้ลงมติว่า จะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็พร้อมจะลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่า สถานการณ์ยังไม่พร้อมต่อการเลือกตั้ง และยังไม่เกิดบรรยากาศปรองดอง


บิ๊กตู่ ยัน ไม่เปลี่ยน รมว.กลาโหม

บิ๊กตู่ ยัน ไม่เปลี่ยน รมว.กลาโหม
"ทำไม อ๋อเหรอ ก็ผมไม่เปลี่ยนอ่ะ ทำไม"ไม่ปรับ"พลเอกประวิตร"ออก ยันจะไม่เอาทหารเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเพิ่ม เชื่ออยากเกษียณกันแล้ว ไม่อยากมาเป็น รมต. เผย บิ๊กปัอม ไม่สบายแขนเจ็บขาเจ็บ ออกกำลังกาย อายุเยอะ น้ำหนักเยอะ ด้วย ขออย่าโยงโยกย้ายนายทหาร วอนสื่อหยุดเขียนเพราะกระทบความเชื่อมั่นและทำให้ตัวเองเสียสมาธิ
พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ครั้งนี้ จะรอทำโผโยกย้ายนายทหารให้เสร็จก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้อนถามว่า" มันเกี่ยวอะไร พวกคุณไปเขียนอะไรขึ้นมา ผมยังไม่คิดสักคนว่าจะเอาใครจากกองทัพมา แค่นี้มันก็จะแย่อยู่แล้ว วันนี้กองทัพก็คือกองทัพ ทำไมจะต้องเอาคนนั้นคนนี้มา ไปเอาข่าวมาจากไหน"
เมื่อถามว่าแต่ในเดือน ก.ย.นี้จะมีทหารระดับสูงเกษียณอายุราชการหลายคน และมีข่าวว่าอาจมีการปรับรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ทำไม อ๋อเหรอ อือๆ ก็ผมไม่เปลี่ยนอ่ะ ทำไม"
เมื่อถามว่าจะมีการปรับในส่วนของ คสช.ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ไม่มีๆ ทำไมต้องปรับ คสช.เป็นรัฐบาลหรือ คสช. เป็นอะไรมาจากการเลือกตั้งหรืออย่างไร ผมตั้งไปแล้วก็คือตั้งไปแล้ว มีแต่จะตั้งเพิ่ม
"ขอร้องว่าอย่าไปเขียนกันอีกกองทัพก็คือกองทัพ วันนี้เขาก็อยู่ของเขาอยู่แล้วทำหน้าที่อย่างสมศักดิ์ศรี ทหารเหล่านี้เขาหมดหน้าที่ก็เหมือนกับผมที่คิดไว้ว่าเเมื่อเกษียณอายุแล้วก็จะกลับไปอยู่บ้าน ถ้าไม่มีเรื่องผมก็ไม่มายืนให้เมื่อยอยู่แบบนี้ เขาก็คงไม่มีใครอยากจะมานักหรอก อย่าไปเขียนว่าพอเกษียณแล้วก็อยากจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ถามว่าผมต้องรับคนเข้ามาเยอะแยะเลยหรือ ถ้าผมบอกว่าไม่เอาใครเดี๋ยวก็จะมาเกลียดผม วันนี้เขามีหน้าที่เมื่อเกษียณเขาก็ยังมีหน้าที่อยู่ใน คสช.แล้วจะเอาอะไรอีก"
เมื่อถามย้ำอีกครั้งว่ามีรัฐมนตรีคนใดถอดใจยื่นใบลาออกบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนพูดมา 3 ครั้ง แล้ววันนี้มีใครส่งข่าวไปบอกสื่อบ้างหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มี นายสมหมาย ภาษี รมว.คลังก็บอกแล้วว่าเขาพร้อมออกแต่ก็พร้อมทำงานไปก่อน เขาไม่ได้ลาออก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับ ครม.ต้องฟังจากปากนายกฯคนเดียวเพราะมีอำนาจตัดสินใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ใช่ แล้วทำไมต้องถามกันมากมาย "มันง่ายหรือเปล่า สั่งวันนี้แล้วพรุ่งนี้ออกหรือ มันไม่ได้ ต้องมาคัดเลือกตัวบุคคล ตรวจสอบคุณสมบัติ เรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ร่างประวัติและต้องนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำวันนี้จดรายชื่อ 15 คน 10 คน หรือ 9คน แล้วใส่ลงไปพร้อมดึงคนใหม่เข้ามา มันไม่ใช่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงอาการป่วยของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ลาป่วยหลายวันว่า "อาการของพล.อ.ประวิตรก็ดีขึ้น และคุยกับผมทุกวัน เพียงแต่เจ็บแขนก็เลยไม่สะดวก ออกกำลังกายมากไปอะไรไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ก็เจ็บขาด้วย
ส่วนการปั่นจักรยานนั้นก่อนหน้านี้ท่านก็ขี่แต่ตอนหลังท่านขี่ไม่ไหวพราะทั้งน้ำหนักด้วยและอายุด้วยต้องระวัง"


นายกฯ แขวะไทย ประท้วงที่อื่นต้องขออนุญาต เอาไม้ตีก็จบ แต่บ้านเราเอาไม้ตี ถูกM16 สวน

นายกฯ แขวะไทย ประท้วงที่อื่นต้องขออนุญาต เอาไม้ตีก็จบ แต่บ้านเราเอาไม้ตี ถูกM16 สวน บอกให้เลิกสักที เผยเร่งเดินหน้ารถไฟไทย-จีน บ่น ความขัดแย้งเกิด การเมืองก็เข้าแทรก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการโครงสร้างพื้นฐาน ว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ผมได้คุยกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว ในเรื่องของรถไฟ โดยขอให้เร่งการดำเนินการด้านการลงทุนให้เร็วขึ้น เพราะที่ผ่านมามีปัญหาติดตรงนี้ตรงโน้น
ปัญหาที่ว่าคือคนไม่เข้าใจและก็ขัดแย้งต่อต้านกัน จึงทำทีโออาร์ไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของใคร เพียงแต่ประชาชนไม่เข้าใจ ซึ่งมันต้องมีใครเดือดร้อนบ้าง และเราจะดูแลเขาอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางแก้คือต้องคุยกัน ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ต้องร่วมกันรับผิดชอบในอนาคต
อย่างไรก็ตามในเดือนหน้า(ส.ค.)ต้องมีการเริ่มต้นให้ได้ ซึ่งรถไฟไทยจีนนั้นเป็นรถไฟประวัติศาสตร์ 40ปี และจะเกิดการก่อสร้างภายในเดือนต.ค. และเริ่มทำต่อ วันนี้ก็มีการพูดคุยกันหลายครั้งแล้ว ซึ่งมันไม่ได้ง่ายแบบเดิมที่คุยกันสองวัน และเซ็นสัญญาร่วมกันเปิดให้ใครไปทำเลย มันไม่ใช่ ในเมื่อเราจะเป็นG to G ก็ต้องทำเป็น 5คณะทำงาน แยกระบบทั้งหมดออกมา ไม่ใช่รถไฟคือรถไฟ ต้องมีระบบราง ระบบรถ ระบบบริหารจัดการเดินรถ ระบบผลประโยชน์ที่ได้จากการเดินรถจะแบ่งปันร่วมทุนกันอย่างไร ซึ่งมันเยอะแยะมหาศาล มันยากไหมล่ะ
ผู้สื่อข่าวถามว่าโครงการรถไฟไทยจีนจะเดินหน้าในปีนี้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไอ้นี่ก็จะเอาแต่เดินหน้า ถ้าเดินหน้าไม่เกิดก็บอกว่านี่ทำไม่ได้ คุณไม่ฟังผมอธิบายเลย ผมพูดว่าถ้าที่ทำได้ทั้งหมดนั้นมันทำได้ เดือนหน้ามันก็เกิด ไม่ว่าจะโรงไฟฟ้า โรงแก๊ส พลังงานอะไรทั้งหมด ถ้ามันไม่ขัดแย้ง ถ้ามันทำได้ มันเกิดพรุ่งนี้ก็ได้ ได้สัญญาวันนี้พรุ่งนี้เซ็น ได้หมดหล่ะ
แต่มันจะเกิดได้ยังไง เมื่อความขัดแย้งมันเกิดขึ้น การเมืองก็เข้ามาแทรกอีก มันจะเกิดได้ทั้งหมดไหม แล้วก็กลับมาโทษผม เพราะผมเป็นคนคิด เป็นคนริเริ่ม เป็นคนทำให้โปร่งใส แต่ถ้าไม่ช่วยกันอธิบายไม่ไว้วางใจกัน เหมือนที่ผ่านมา ผมถามว่ามันจะเกิดประโยชน์อะไรที่ผมเข้ามา มันไม่เกิดประโยชน์หรอก ท่านก็เป็นเครื่องมือต่อไปแล้วกัน
สิ่งที่จะทำวันนี้ไม่ได้ทำแบบเดิม มันทำเพื่ออนาคต ไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว ทุกอย่างในประเทศไทยนั้นไม่ค่อยรักษากติกาตรงมติที่ประชุม มติบอร์ด คำว่ามติคือเสียงข้างมากหรือเปล่า แล้วมีเสียงข้างน้อยคนสองคนออกมาพูดข้างนอกว่าไม่เห็นด้วย ทีนี้ก็แห่ตามกันไป แบบนี้ที่เขาเรียกว่าไปไม่ได้หมดทุกเรื่องเข้าใจไหม”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า เรื่องของรถไฟไทยจีนนั้นจะคงมีความชัดเจนขึ้น เพราะตนได้สัญญาเขาไปแล้วว่ามันต้องเป็นรถไฟสายประวัติศาสตร์ ส่วนปีหน้าก็ครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ไทยกับเวียดนาม ต้องมีการร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจลงทุนกันให้มากขึ้น นี่เขาเรียกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มันก็ดีหมดทุกประเทศ มีแต่คนของเราเองชอบมาพูดนี่พูดโน่น แล้วมันทำให้เกิดความมั่นคง มั่นใจขึ้นมาไหม ก็ไม่เกิด เพราะเขาไม่มั่นใจในเสถียรภาพในความสงบเรียบร้อยแบบนี้ แบบวันนี้
วันที่ผมอยู่ เขาบอกว่ามันดีกว่าที่ผ่านมา ประชาธิปไตยก็คือประชาธิปไตย เขาก็แปลกใจว่าอยู่วันนี้แล้วทำไมสงบกว่าตอนประชาธิปไตย ผมถามประเทศเขาว่ามีแบบไทยไหม เขาบอกไม่มี ถ้าจะมีการเคลื่อนไหวประท้วงอะไร ก็ขออนุญาตหมด
" เห็นไหมว่าเขาเอาไม้ตีกันทุกที่ เราต้องกลับไปเป็นแบบนั้นเหรอบ้านเราหนักกว่านั้นอีกเอาปืนยิงกัน อายเขาไหม บ้านเขาเอาไม้ตีกันแล้ววิ่งหนีก็เลิกจบ เราทำได้ไหม บ้านเราเอาไม้ตี ก็ถูกสวนด้วยเอ็ม16 ไปบอกให้มันเลิกสัก"


จับตา กทม.ทิ้งทวนงบ59 กว่า7 หมื่นล้าน?

จับตาชายหมูทิ้งทวน!!
งบกทม. ปี 59 กว่า 7 หมื่นล้าน-วิจารณ์ตั้ง “ขรก.สนง.เขต”ชงเองกินเอง หวั่นผิด ม.100 ปปช.
จับตา!งบกทม. ปี 59 กว่า “70,700 ล้านบาท”ตั้ง ขรก.สำนักงานเขตปัจุบัน พิจารณากันเอง เหมือน “ชงเองกินเอง” หวั่นผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 เผย สภา กทม. นัดวัน ลงมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติงบกทม. 26 ส.ค. นี้ ด้าน กทม. “ยุคชายหมู” ฝัน ชูมหานคร 'ปลอดภัย ความสุข สีเขียว เรียนรู้ โอกาส อาเซียน'
วันนี้(23 ก.ค.) มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร.ต.ต.เกรียงศักด์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร ได้นัดประชุมเปิดสมัยประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยที่ 3 (ครั้งที่ 3) ประจำปี 2558 โดยมีการพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของกรุงเทพมหานคร โดยมี คณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ ร่วมประชุม
มีรายงานว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ต่อสภากรุงเทพมหานคร และสภากรุงเทพมหานครได้พิจารณาร่างข้อบัญญัติในวาระที่หนึ่ง โดยมีมติรับหลักการ พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ จำนวน 35 ท่าน ประกอบด้วย สมาชิกสภากรุงเทพมหานครจำนวน 26 คน ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร จำนวน 9 คน จากนั้นคณะกรรมการฯ จะพิจารณาพร้อมข้อสังเกตรายงานต่อสภากทม.เพื่อพิจารณาในวาระที่สองและพิจารณาวาระที่สามต่อไป
สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 เป็นการตั้งงบประมาณแบบสมดุล โดยประมาณการรายรับของกรุงเทพมหานคร แบ่งเป็นรายรับที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเอง และรายรับจากการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร และรายจ่ายแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ และรายจ่ายการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร
“งบประมาณใน ร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี 2559 รายรับที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเอง และรายรับจากการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร รวมแล้วกว่า 70,700 ล้านบาท และรายจ่ายแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ และรายจ่ายการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 70,424,838,000 บาท”
มีรายงานว่า งบดังกล่าว จะถูกจัดสรรและนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานด้านต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร อาทิ การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านการโยธาและระบบจราจร ด้านการระบายน้ำและบำบัดน้ำเสีย ด้านพัฒนาและบริการสังคม ด้านการสาธารณสุข และด้านการศึกษา
สำหรับเงินอุดหนุนที่กรุงเทพมหานครจะได้รับจากรัฐบาล ในปี 2559 กว่า 16,589 ล้านบาทนั้น จะนำไปสนับสนุนภารกิจด้านต่างๆ ของกรุงเทพมหานครตามนโยบายของรัฐบาล อาทิ สนันสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน การพัฒนาด้านสาธารณสุข การดูแลผู้สูงอายุ เด็ก สตรี คนพิการและผู้ด้อยโอกาส การป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด การเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่ง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาพิจารณางบประมาณ ตามสภากรุงเทพมหานคร ได้กำหนดพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน ตามที่ พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 กำหนด โดยคณะกรรมการวิสามัญ ทั้ง 35 คน จะแบ่งการทำงานออกเป็นคณะอนุกรรมการฯ 16 คณะ เพื่อให้การพิจาณางบประมาณเป็นไปด้วยความรัดกุม ชัดเจนและถูกต้อง โดยจะลงพื้นที่เพื่อพิจารณางบประมาณทุกหมวดรายจ่าย และจัดทำเอกสารต่างๆ เพื่อรายงานผลต่อคณะกรรมการวิสามัญฯ ให้ความเห็นชอบเสนอไปยังสภากรุงเทพมหานครพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 ต่อไป ในวันที่ 26 ส.ค.58
ส่วนแนวทางการพิจารณาร่างข้อบัญญัติงบประมาณประจำปี 59 ของกรุงเทพมหานคร สภากรุงเทพมหานครได้แต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ และคณะอนุกรรมการฯ เพื่อให้การพิจารณารายละเอียดของร่างข้อบัญญัติฯ ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รัดกุม และคุ้มค่า โดยจะมุ่งเน้นเพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวกรุงเทพมหานครเป็นสำคัญ
มีรายงานว่า งบประมาณปี 2559 กทม. จะนำไปพัฒนาด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. มหานครแห่งความปลอดภัย มีการสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ การจัดหารถกู้ภัย ติดตั้งกล้องซีซีทีวี ใช้งบประมาณ 2,469 ล้านบาท 2. มหานครแห่งความสุข มีการพัฒนาขนส่งมวลชนให้ทั่วถึง รวมถึงเรื่องการแพทย์ให้มีคุณภาพ ใช้งบประมาณ 4,265 ล้านบาท 3. มหานครสีเขียว พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เพิ่มพื้นที่สีเขียว การจัดการขยะ ใช้งบประมาณ 5,506 ล้านบาท 4. มหานครแห่งการเรียนรู้ มีการพัฒนาด้านการศึกษา ภาษาต่างประเทศ กีฬา แก่เด็กและเยาวชน ใช้งบประมาณ 1,986 ล้านบาท 5. มหานครแห่งโอกาสของทุกคน พัฒนาศักยภาพของชุมชนต่าง ๆ ใช้งบประมาณ 786 ล้านบาท และ 6. มหานครแห่งอาเซียน ส่งเสริมการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ใช้งบประมาณ 53 ล้านบาท
มีรายงานด้วยว่า สมาชิก กทม.ส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยและ วิพากษ์วิจารณ์การตั้งคณะกรรมการวิสามัญ 35 คน และแบ่งการพิจารณางบเป็นคณะอนุกรรมการ 16 คณะ เนื่องจากมีการตั้งข้าราชการ กทม.ปัจจุบัน เข้ามาเป็นคณะอนุกรรมการพิจารณางบประมาณเนื่องจากไม่เหมาะสม เพราะจะให้ “ผู้ที่ตั้งของบประมาณ” มาทำหน้าที่เป็น “ผู้ตรวจสอบพิจารณารายละเอียดงบประมาณ” ด้วยเป็นเรื่องไม่สมควร เนื่องจากคณะอนุกรรมการพิจารณางบ มาจากข้าราชการ กทม.จากสำนักงานเขต ต่าง ๆ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของผลประโยชน์ขัดกันระหว่างในฐานะของผู้ที่พิจารณา และผู้ที่เขียนโครงการเป็นคนใช้งบประมาณนี้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงว่างบประมาณที่ผ่านการพิจารณาดังกล่าวมีปัญหาทางข้อกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 ได้
สำหรับ มาตรา 100 แห่งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เป็นบทบัญญัติที่อยู่ใน หมวด 9 ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและส่วนรวม สาระสำคัญของมาตรา 100 มี 4 เรื่องใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ
1. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี
2. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี
3. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับสัมปทานหรือคงถือไว้ซึ่งสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถิ่นอันมีสถานะเป็นการผูกขาดตัดตอนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว
และ4. ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงาน หรือลูกจ้างในธุรกิจของเอกชนซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุมหรือตรวจสอบหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่หรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจเอกชนนั้นอาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ของทางราชการหรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น.


คลังยันเช่าที่มักกะสัน 99 ปีแลกล้างหนี้7หมื่นล้าน คาด ประมูลเร็วสุดปลายปีนี้



http://www.matichon.co.th/online/2015/07/14376238891437623948l.jpg
(23ก.ค.58)นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีการนำที่ดินมักกะสันมาแลกหนี้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ว่า ที่ประชุมครั้งนี้สรุปแนวทางการเช่าที่ดินบริเวณมักกะสันเพื่อแลกกับหนี้สินของร.ฟ.ท.เป็นระยะเวลา 99 ปี เพื่อแลกกับภาระหนี้สินจำนวนประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท โดยจะนำผลสรุปการประชุมไปรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาอนุมัติร่วมกันอีกครั้ง

หากเห็นชอบตามข้อตกลงดังกล่าว ก็จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.)จากนั้น จะได้นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) และคาดว่าจะสามารถทำสัญญาเช่าระหว่างกรมธนารักษ์และร.ฟ.ท. จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการให้เอกชนเข้าลงทุนตามกฎหมายเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน หรือพีพีพี

ทั้งนี้ ในแง่ของระยะเวลาการเช่านั้น ยังติดขัดในข้อกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยที่จะต้องมีการปรับแก้ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพื่อแก้ไขให้ระยะเวลาการเช่าระหว่างรัฐกับหน่วยงานรัฐยาวขึ้นเป็น 99 ปี จากเดิม 50 ปี


ส่วนมูลหนี้ที่จะแลกนั้น ทางบริษัทที่ปรึกษาทั้งฝั่งของกรมธนารักษ์และ ร.ฟ.ท.ได้สรุปราคาประเมินที่ดินบริเวณดังกล่าวที่มีความแตกต่างกัน ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงเสนอให้นำราคาประเมินที่ดินของทั้งสองบริษัทมารวมกันและหารสอง เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน โดยเบื้องต้น ราคาประเมินที่ดิน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในตัวกำหนดมูลหนี้ จะอยู่ระหว่าง 6-7 หมื่นล้านบาท

สำหรับพื้นที่บริเวณดังกล่าวที่มีพื้นที่รวม 497 ไร่ นั้นกรมธนารักษ์มีจะนำไปให้เอกชนเช่า 70% คาดว่าสามารถเปิดประมูลการเช่าได้ประมาณต้นปี 2559 หรืออย่างเร็วปลายปี 2558 ส่วนที่เหลือจะพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียว หรือสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ โดยระหว่างนี้สิ่งต้องทำ คือ การปรับแก้กฎหมายระยะเวลาการเช่าของกระทรวงมหาดไทย และการเตรียมโรดแมปการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว


นายสมหมาย กล่าวว่า แผนการนำที่ดินมักกะสันของ ร.ฟ.ท.ไปให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังเช่านำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์นั้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินที่สะสมมานานของ ร.ฟ.ท. โดยปัจจุบันภาระหนี้สินของ ร.ฟ.ท.มีอยู่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ดังนั้นหนี้ในส่วนที่เหลือนั้นต้องมาหารือกันอีกครั้งว่าจะจัดการอย่างไร ขณะนี้จะสรุปแค่มักกะสันตามมติ คนร.ก่อน

ความเคลื่อนไหวม็อบอันดามันก่อนนายกฯยอม

พรุ่งนี้คือคำตอบสุดท้าย...
ความเคลื่อนไหวเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน วันที่ 23 ก.ค. 58
- เวลา 8.00 น. ณ วัดโสมนัสราชวรวิหาร ผู้แทนนายกรัฐมนตรี นำโดย พล.อ.จีระศักดิ์ ชมประสพ ที่ปรึกษานายกฯ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช. มาเจรจาขอให้เครือข่ายฯ ไม่เคลื่อนไหวในวันนี้ เนื่องจากมีการเจรจาทวิภาคีระหว่างรัฐบาลเวียดนามกับรัฐบาลไทย ทั้งนี้ รัฐบาลจะพิจารณาข้อเสนอของเครือข่ายฯ โดยให้จัดทำหนังสือข้อเสนอนำเรียนนายกฯ อีกครั้ง
- เวลา 10.30 น. ณ วัดโสมนัสราชวรวิหาร มีการแถลงข่าว โดย นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รอง นายก อบจ. กระบี่ และ นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล
เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน
นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน กล่าวว่า ผู้แทนรัฐบาลจะพิจารณาข้อเสนอของเครือข่ายฯ โดยให้คำตอบ ภายในบ่าย 3 ผู้แทนนายกฯ มาเจรจาว่าวันนี้มีการเจรจาทวิภาคีกับนายกฯ เวียดนาม ให้เครือข่ายฯ เห็นแก่หน้าตาของประเทศ ทำกิจกรรมในกรอบ แนวทางของเราสันติอหิงสา ไม่เป็นปฏิปักษ์รัฐบาล จะรอคำตอบถึงบ่าย 3"
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล กล่าวว่า เนื่องจากผู้แทนรัฐบาลมาเจรจาให้เราหาทางออก คณะที่ปรึกษานายกฯ รับ ไม่เกินบ่าย 3 หากเราไม่ได้รับคำตอบตามเงื่อนไขข้อตกลงเดิม จะดำเนินกิจกรรมร่วมกับพี่น้องหลายจังหวัด ช่วงบ่ายจัดกิจกรรมเครือข่ายภาคใต้ประกาศเจตนารมณ์ รักษาภาคใต้"
- เวลา 13.00 - 14.00 น. ณ วัดโสมนัสฯ นำเสนอเรื่องราวจากพื้นที่กระบี่ โดยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน พิธีกร กิตติชัย เอ่งฉ้วน รอง นายก อบจ.กระบี่
- เวลา 14.00 - 17.00 น. สันติเสวนา "สัจจะ อหิงสา สิทธิประชาชน" ณ วัดโสมนัสฯ
- เวลา 16.20 น. เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน เดินอย่างสงบจากวัดโสมนัสฯ มานั่งที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอฟังคำตอบจากนายกฯ
- เวลา 17.15 น. ณ วัดโสมนัสฯ ตัวแทนรัฐบาล นำโดย พล.อ.จีระศักดิ์ ชมประสพ เข้ามาเจรจากับตัวแทนเครือข่ายฯ
- เวลาประมาณ 19.00 น. เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินแถลงข่าวหน้าทำเนียบฯ
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล กล่าวว่า
"นายกฯ มีบัญชาว่า ให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา และขอให้กระบวนการต่างๆ หยุดไว้ก่อน หมายความว่ากระบวนการสร้างหยุดไว้ก่อน แม้นายกฯ มีบัญชา แต่เราจำเป็นต้องได้รับเอกสารยืนยันจากหน่วยงาน โดยข้อเสนอเรื่องการชะลอ EIA จะต้องได้รับความความมั่นใจจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ สผ. ว่ากระบวนการ EIA ไม่ดำเนินการต่อ ที่ปรึกษานายกฯ ยืนยันว่าการประมูลเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้า EIA ไม่ผ่าน แต่เราไม่ไว้วางใจ รอการยืนยันจาก กฟผ. ที่ปรึกษานายกฯ นัด สผ. กฟผ. รับทราบความเห็นของนายกฯ และมีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อความมั่นใจของเครือข่าย พรุ่งนี้จึงมีการประชุมอีกครั้งเพื่อเอาเอกสาร บทเรียนที่ผ่านมาไม่สามารถไว้วางใจ พรุ่งนี้หน่วยงานทั้งหมดจะเจรจา เวลา 9 โมง ที่ ตึก กพร. ชั้น 2 ในส่วนกรรมการชุดนี้นายกฯ เป็นผู้แต่งตั้ง มี 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กระทรวงพลังงาน กฟผ. 2.สปช. สนช. 3.ประชาชนกระบี่ และนักวิชาการ จะมีการแต่งตั้งเร็วที่สุด พรุ่งนี้หารือรายละเอียด"

โปรดเกล้าฯ"วิรไท สันติประภพ"เป็นผู้ว่าการธปท.ตั้งแต่ 1 ต.ค.58

23072558 โปรดเกล้าฯ"วิรไท สันติประภพ"เป็นผู้ว่าการธปท.ตั้งแต่ 1 ต.ค.58
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
23 กรกฎาคม 2558 20:14 น.

ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง
นายวิรไท สันติประภพ ให้ดํารงตําแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๒๘/๑๔
ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

"ประยุทธ์" ยอมแล้ว! ตั้งคณะกรรมการร่วมศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่

23072558 "ประยุทธ์" ยอมแล้ว! ตั้งคณะกรรมการร่วมศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
23 กรกฎาคม 2558 20:02 น.
นายกรัฐมนตรี สั่งตั้งคณะกรรมการร่วมศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เท่ากับกระบวนการประมูลหยุดไว้ก่อน นัด 9 โมงเช้าให้ ก.พลังงาน-กฟผ. ลงนามเอกสารขอความมั่นใจว่าจะไม่ตุกติก
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 18.50 น. นายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน กล่าวว่า นายจีรศักดิ์ ชมประสพ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาโดยรวมว่า ขอให้ข้อเรียกร้องข้อที่ 3 คือการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งเพื่อให้กระบวนการเจรจาตามข้อเรียกร้อง จัดทำรายละเอียดให้เรียบร้อย และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีมีบัญชาเช่นนี้แล้ว กระบวนการทุกอย่างต้องหยุดไว้ก่อน หมายความว่า หลังจากนั้นเป็นต้นไป กระบวนการที่จะนำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจะต้องยุติลง
แต่สิ่งที่พวกตนเผชิญมาตลอดก็คือ แม้นายกรัฐมนตรีจะมีบัญชาเช่นนี้ แต่ไม่ไว้วางใจข้าราชการว่าขั้นตอนต่างๆ จะหยุดจริง จำเป็นที่จะต้องได้รับเอกสารยืนยันจากหน่วยงานปฏิบัติ โดยเฉพาะหยุดกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โดยสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) จะต้องมีเอกสารยืนยันว่ากระบวนการอีไอเอจะไม่ดำเนินการต่อ แม้ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีจะกล่าวว่า กระบวนการประมูลจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากอีไอเอไม่ผ่าน แต่ยังวางใจไม่ได้ ต้องให้กระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกมายืนยันว่าจะไม่ดำเนินการต่อ ซึ่งจะประชุมอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาเอกสารหลักฐานมาเพื่อให้เกิดความมั่นใจ โดยในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น. จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาลงนามมติที่ชั้น 2 อาคารสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ถนนพิษณุโลก
สำหรับการตั้งคณะกรรมการร่วมฯ จะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ฝ่ายสภาปฏิรูปแห่งชาติ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, ฝ่ายกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ ฝ่ายประชาชนชาวจังหวัดกระบี่และนักวิชาการ
นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เมื่อได้ข้อยุติแล้วก็ขอให้พี่น้องเดินทางกลับจังหวัดกระบี่ แต่ถ้ามีการเบี้ยวเราจะกลับมาทันที
หลังการแถลงข่าว ผู้ชุมนุมทยอยเดินทางกลับไปยังวัดโสมนัสฯ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับภูมิลำเนา
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. กลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ยังคงปักหลักและนอนค้างอยู่ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร โดยเมื่อช่วงเช้า พล.อ.จีรศักดิ์ เป็นตัวแทนรัฐบาล เข้ามาประสานกับทางกลุ่มเครือข่ายฯ เพื่อขอให้งดการทำกิจกรรมดังกล่าวไปก่อน และขอให้จัดกิจกรรมภายในวัดโสมนัสราชวรวิหารแทน เนื่องจากวันนี้ มีการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี 2 ประเทศ ระหว่างไทยและเวียดนาม ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ
ทั้งนี้ นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.จีรศักดิ์ ชมประสพ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้าพูดคุยกับทางกลุ่มเครือข่ายฯ พร้อมระบุว่า นายกรัฐมนตรีรับข้อเรียกร้องของกลุ่มเครือข่ายทั้ง 3 ข้อไปพิจารณา และจะให้คำตอบในเวลา 15.00 น. ภายในวันนี้ ยืนยันว่า จังหวัดกระบี่มีศักยภาพ สามารถผลิตปาล์มน้ำมันเพื่อป้อนให้กับโรงผลิตไฟฟ้าได้ แต่ยังมีข้อจำกัดที่ไม่มีสายส่งสัญญาณ เนื่องจาก กฟผ. ไม่ได้เพิ่มสายส่งสัญญาณมาให้
ด้านนายประสิทธิ์ชัย กล่าวเห็นด้วยกับการที่ภาครัฐส่งตัวแทนมาเจรจากับเครือข่าย แต่สุดท้ายนั้นการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจสั่งการ ดังนั้นจะจัดกิจกรรม และรอคำตอบจากรัฐบาล จนถึงเวลา 15.00 น. หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ทางกลุ่มจะหารือกัน พร้อมเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
นายอัครเดช ฉากจินดา ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายฯ กล่าวว่า ตนรอคำตอบจากนายกรัฐมนตรีอยู่ทุกวัน ทั้งนี้ 3 ข้อที่เรียกร้องถือเป็นข้อเรียกร้องที่เบาไม่ได้คัดค้านอะไร และมองว่าปัญหาหลายๆอย่างเกิดจากการขาดการมีส่วนร่วมและขาดการสื่อสาร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องตระหนักได้แล้วว่าคนรอบข้างไว้ใจได้ขนาดไหน จุดใดที่นายกรัฐมนตรีจะได้ข้อมูลเขาก็จะถูกบล็อคไว้ทั้งหมด อยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีว่าประชาชนที่มาวันนี้มีความห่วงใยประเทศ ยอมสละงานมาปกป้องแผ่นดิน และช่วยนายกไม่ให้เดินหลงทาง.

ก่อนนายกฯยอมเลื่อนตามม็อบกระบี่ขอ


Smith Tungkasmit
ท่านเป็นผู้นำที่น่ารัก...ยอมรับฟังประชาชนพอสมควร...ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...
โอกับชัยอดข้าวมา10กว่าวัน...แต่ข้อเสนอก็ไม่ได้รับการตอบสนอง...พวกเราเห็นท่าไม่ได้การ
...
มาเมื่อวันอังคารที่21ที่พวกเราเดินแถวไปยื่นหนังสือของอาจารย์ระพีพร้อมด้วยข้อเสนอที่หน้าทำเนียบตอน11โมง...รัฐบาลถึงได้เปิดห้องให้เราได้เจรจาเป็นครั้งแรก...
มล.ปนัดดา ดิศกุลท่านได้ให้ที่ปรึกษาของท่านมาพูดคุยกับเราจนเข้าใจและรับปากว่าจะเร่งส่งเรื่องเพื่อนำเรียนท่านนายกโดยด่วน...เพราะที่ปรึกษาทั้งสองท่านที่มาเปิดโต๊ะเจรจากับเราก็เข้าใจเรามากขึ้น...ถึงกับออกปากชมว่าพวกเราเป็นม๊อบที่เรียบร้อยที่สุดและมีเหตุผลที่สุดตั้งแต่ที่เคยเจรจามา...
แต่เรื่องคงยังไปไม่ถึงนายกในวันนั้นเพราะเพียงคล้อยหลังเพียง2ชั่วโมง...ท่านก็ออกมาพูดปรามาสพวกเรา...ผมเลยรู้สึกผิดปกติเพราะนายกพูดไม่ดีเลย...คงยังไม่ได้รับจดหมาย...
จริงดั่งว่า...มาวันนี้ท่านยายกเปลี่ยนท่าทีโดยสั่งให้ชลอโครงการ...และเขียนหนังสือตอบจดมาด้วยลายมือ...พร้อมตอบสนองข้อเสนอมาเป็นข้อๆเลย...
นี่แสดงว่าท่านเพิ่งได้อ่านเหตุผลที่พวกเราเสนอไป...แต่ท่านปากไวไปนิดนึง...เลยต้องเหนื่อยกันต่ออีก1วันเต็มๆ...
กราบขอบพระคุณคุณพ่อระพี Prof-Rapee Sagarik สำหรับจดหมายของท่านที่สามารถเปลี่ยนท่าทีของท่านนายก...กราบขอบพระคุณท่านนายก...กราบขอบพระคุณมล.ปนัดดา ดิศกุล...ที่ยังยืนอยู่ข้างประชาชนที่บริสุทธิ์ใจต่อแผ่นดินนี้ครับ!
(ข้างล่างนี้คือจดหมายฉบับจริงที่คุณพ่อระพีเขียนถึงท่านนายก)