PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เหลือการเมืองภายใน

เหลือการเมืองภายใน

ฉายกัน 3 วัน 3 คืนไม่จบ

กับเบื้องหลังฉากความสำเร็จของการพบปะกันระหว่าง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้นำเบอร์หนึ่งของโลก ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐอเมริกา ณ ทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี.

ในระดับที่มีการใช้คำว่า “ให้เกียรติอย่างยิ่ง”

ตามข้อเท็จจริงแบบที่มีผู้นำวีไอพีไม่กี่คนที่จะได้พบทั้งเบอร์หนึ่งประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เบอร์สองรองประธานาธิบดี “ไมค์ เพนซ์” เบอร์สาม “พอล ไรอัน” ประธานสภาผู้แทนราษฎร และเบอร์สี่ผู้อาวุโสสูงสุดวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา

และอย่างที่เห็นภาพข่าว ประธานาธิบดี “ทรัมป์” ขนวงใหญ่ ทั้งกลาโหม กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มานั่งประชุมร่วมกับคณะของผู้นำรัฐบาลไทย ตั้งแต่เที่ยงครึ่งถึงบ่ายสาม

โดยไม่มีการเอ่ยถามถึงปมการเมืองในประเทศไทย

บ่งบอกถึงการให้น้ำหนักกับทีม “นายกฯลุงตู่” มากขนาดไหน

แม้แต่ช็อตเล็กๆที่แปลความหมายแล้วยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา ตามปรากฏการณ์ที่ “อิวานกา ทรัมป์” ลูกสาวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังมาร่วมถ่ายรูปกับผู้นำไทยและภริยา

กระชับความสัมพันธ์ในทุกระดับทุกมิติ

ตอกย้ำสถานะของแขกวีไอพีที่ไม่น้อยหน้าชาติมหาอำนาจระนาบเดียวกัน

ทั้งหมดทั้งปวง จากฉากการพบปะกับประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” มันทำให้ผู้นำรัฐบาลไทยมาอยู่ในจุดที่อยู่ตรงกลางตามเชิงยุทธศาสตร์การเมืองโลก

ขณะนี้ประคองเกมถ่วงดุลได้แล้วทั้งสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย

เคลียร์แรงกดดันจากต่างประเทศลงไปได้ระดับหนึ่ง

ซึ่งนั่นก็เหลือแค่แรงเสียดทานจากการเมืองภายใน ตามรูปการณ์ที่แปรผกผันกับช็อตที่สะท้อนนัยเป็นชัยชนะทางการเมืองของ “นายกฯลุงตู่” จากฉากความสำเร็จในการเยือนสหรัฐฯ

มันก็กระตุกแรงกระแทกจากนักการเมืองไทยทันควัน

ตามรูปการณ์แบบที่มีเสียงเหน็บจากฝั่งตรงข้าม ดักคอประจานการต้อนรับอย่างดีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ต้องแลกด้วยการซื้ออาวุธ ถ่านหิน และการนำเข้าหมูเนื้อแดงจากสหรัฐฯ

ขัดคอไม่ให้ “นายกฯลุงตู่” คุยฟุ้งอวดความสำเร็จด้านเดียว

และไม่ได้มีแค่นักการเมืองเท่านั้น ในจังหวะแรงเสียดทานจากคนกันเองก็ยิ่งวางใจไม่ได้

กับปรากฏการณ์ปมร้อน “ภาษีน้ำ” ตามเงื่อนไขในร่าง พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำฯที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังพิจารณา โดยไม่ได้มีที่มาที่ไปจาก ครม.แต่อย่างใด

แบบที่ “นายกฯลุงตู่” ออกอาการงงๆ ส่งข้อความถึง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เกี่ยวกับเรื่องกฎหมายภาษีน้ำ

“กูไปสั่งมันตอนไหนวะ”

กลายเป็น สนช.เขี่ยลูกไปเข้าทางนักการเมืองทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย โหนกระแสอุ้มชาวนา กระตุกกระแสดราม่า เรียกร้องรัฐบาลอย่าซ้ำเติมเกษตรกรคนยากคนจน

พากันรุมขย่ม ถล่ม “นายกฯลุงตู่” โดนด่าฟรีไป

เหมือนจงใจ “เจาะยาง” คนกันเองแอบทิ่มกันเอง

และยังไม่ทันหายจากอาการสำลัก “ภาษีน้ำ” ดี ก็มีเหตุแทรกที่กระทรวงการคลังต้องรีบแถลงการณ์เคลียร์กระแสข่าวกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาประกาศพระราชกฤษฎีกา จนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า รัฐบาลจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวตเป็นร้อยละ 9 ทั้งๆที่ของจริงยังคงร้อยละ 7 เท่าเดิม
หน้ากระดานข่าวเต็มไปด้วยมาตรการภาษีหลอนๆ

เข้าเหลี่ยมตีปี๊บประจานรัฐบาลถังแตก บริหารห่วย ทำเศรษฐกิจเจ๊ง

เป็นจังหวะให้นักการเมืองเร่งเกมไล่จี้ “จุดบอด” ตามโจทย์ที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล คสช.กำลังแก้ปมที่ผูกโยงกันอยู่ ทั้งแรงบีบเลือกตั้งจากนักการเมือง เรื่องของการซื้อใจชาวนาที่ยังทำได้ไม่เท่ารัฐบาลยี่ห้อจำนำข้าว การกระจายเงินยังไม่ถึงคนจนเต็มเม็ด เต็มหน่วย เพราะส่วนใหญ่ย้อนกลับมาที่กลุ่มทุนใหญ่
แรงกระแทกการเมืองภายในรุมถล่มจนไม่รู้มาจากทิศทางไหนเลย.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: