PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แฟ้มประวัติลับ 'พ.อ.คชาชาต บุญดี' จาก 'ทหารดาวรุ่ง' สู่ 'ผู้ต้องหา' คดีหมิ่นเบื้องสูง

 10 พฤศจิกายน 2558 อิศรา

"..หลังจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 “พ.อ.คชาชาต” ได้รับความไว้วางใจจาก “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” อดีตผบ.ทบ. เรียกตัวมาคุมเป็น “ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.ป.1 รอ.) มีบทบาทสำคัญในการช่วย “คสช.” ดูแลความเคลื่อนไหวและควบคุมการชุมนุมของ “ขั้วตรงข้าม”.."
ol600
กลายเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อ “พ.อ.คชาชาต บุญดี” นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ถูกแจ้งจับคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงร่วมกับ “สริยัน สุจริตพลวงศ์” หรือหมอหยอง (เสียชีวิตแล้ว) (อ่านประกอบ : ราชทัณฑ์ลำดับเหตุการณ์‘หมอหยอง’ ก่อนจบลมหายใจเฮือกสุดท้าย)
โดย “พล.ต.วิจารณ์ จดแตง” ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชนกอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าวคสช. ได้เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ในฐานความผิดมาตรา 112 ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รวบรวมประวัติการทำงานของ “เสธ.โจ้” มาเพื่อเป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่ง
“พ.อ.คชาชาต” เป็นแกนนำเตรียมทหารรุ่นที่ 27 รับราชการทหารในกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 รักษาพระองค์ (ป.พัน 31 รอ.) มาโดยตลอด ก่อนขึ้นเป็น “ผบ.ป.พัน 31 รอ.”
ในช่วงการดำรงตำแหน่ง “ผบ.ป.พัน 31 รอ.” กลับมีข่าวลือหนาหูว่า “พ.อ.คชาชาต” นำเครื่องมือของทางราชการไปขุดหน้าดินขาย จนถึงขั้นมีเรื่องร้องเรียน แต่สุดท้ายก็พ้นความผิดไป หลังผลสอบปรากฎออกมาว่า “พ.อ.คชาชาต” ไม่มีความผิดในกรณีดังกล่าว
และในช่วงที่ "พ.อ.คชาชาต" ดำรงตำแหน่งผบ.ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาการทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 ก็มีกลิ่นตุๆเกี่ยวกับถูกการสั่งตัดชุดนักศึกษาวิชาทหาร ที่เล่ากันในกองทัพภาคที่ 3 อย่าหนาหู
แต่ชีวิตราชการทหารของ “พ.อ.คชาชาต” ก็ยังรุ่งเรือง ได้รับการไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง “ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 36” อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีผลงานเด่นชัดที่สามารถเข้าไปช่วยดูแลปราบปรามการลักลอบตัดไม้จนได้ชื่อว่า “นักรบแห่งลุ่มน้ำสาละวิน”
และหลังจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 “พ.อ.คชาชาต” ได้รับความไว้วางใจจาก “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” อดีตผบ.ทบ. เรียกตัวมาคุมเป็น “ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.ป.1 รอ.) มีบทบาทสำคัญในการช่วย “คสช.” ดูแลความเคลื่อนไหวและควบคุมการชุมนุมของ “ขั้วตรงข้าม”
“พ.อ.คชาชาติ” มักปรากฏตัวทุกครั้งที่ “กลุ่มเห็นต่างรัฐบาล” ออกมาเคลื่อนไหว มักเป็นคนแรกที่เข้าไกล่เกลี่ยและกำหนดกรอบในการชุมนุม

กระทั่งถึงฤดูแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารปี 2558 “พ.อ.คชาชาต” ถือเป็นนายทหารคนสนิทของ “พล.อ.อุดมเดช” ที่ทำงานร่วมกันมาตลอด 
ก่อนเกษียณอายุราชการ “พล.อ.อุดมเดช” จึงมีคำสั่งให้ “พ.อ.คชาชาติ” ไปดำรงตำแหน่ง “รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11” แต่คำสั่งดังกล่าวถูกระงับ พร้อมโยกย้ายมีคำสั่งใหม่ “พ.อ.คชาชาต” กลับถิ่นเก่าไปดำรงตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3
พลันที่ข่าวการจับกุม “หมองหยอง” และพวก ต่อด้วยข่าว “พ.อ.ปริศนา” หนีคดีออกจากแนวชายแดนไทย-พม่า จากนั้นไม่เคยมีใครเห็นหน้า “พ.อ.คชาชาต” ในประเทศไทยอีกเลย
ก่อนที่อนาคตรับราชการทหารของ "พ.อ.คชาชาต" จะจบลงหลังมีหมายจับออกมาไขปริศนา "พ.อ." เอี่ยวคดีหมิ่นสถาบันที่มีมาแรมเดือน

ไม่มีความคิดเห็น: