PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2561

“มาร์ค”ฉะ ปชป.ไม่ทำแบบ “รถคันแรก-จำนำข้าว”แน่ เหน็บรบ.ไหนว่าคนจนจะหมดจากปท.

“มาร์ค”ฉะ ปชป.ไม่ทำแบบ “รถคันแรก-จำนำข้าว”แน่ เหน็บรบ.ไหนว่าคนจนจะหมดจากปท.



“อภิสิทธิ์” ชี้ ปลดล็อกพรรคการเมืองเป็นเวลาอดีตส.ส.ขายของ ฉะ “รถคันแรก-จำนำข้าว” ของเพื่อไทยเป็นนโยบายตัวปัญหา งง รบ.ประกาศต้นปีคนจนหมดประเทศ แต่ปลายปีเพิ่มเป็น 3 ล้านคน

เมื่อ‪เวลา 10.20 น. วันที่ 12 ธันวาคม ที่โรงแรมเดอะสุโกศล ถนนศรีอยุธยา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดงานเสวนา หัวข้อ “ทศวรรษหน้า ท้องถิ่นไทย” ถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีคำสั่งปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมการเมืองได้ ว่า เป็นเรื่องดี เพราะเมื่อจะเข้าสู่การเลือกตั้งควรให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ตามปกติ ซึ่งขณะนี้อาจมีความสับสนและไม่เข้าใจอยู่บ้างว่ากิจกรรมใดบ้างที่ทำได้ช่วงก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง แต่ก็ได้ซักซ้อมกับสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้วว่าการทำกิจกรรมทางการเมืองทำได้ตามปกติ เช่นเดียวกับหลายคนจะใช้จังหวะนี้ในการแนะนำตัวเองและประชาสัมพันธ์ได้อย่างเต็มที่ ส่วนหากมีการประกาศกฤษฎีกาเลือกตั้งก็จะต้องดูอีกครั้งว่ากิจกรรมใดทำได้ ทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางพรรคอยู่ในช่วงสรรหาผู้สมัครส.ส.ตามกฎหมาย คาดว่าจะแล้วเสร็จสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมนี้‬

เมื่อถามว่านโยบายของปชป.จะ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แน่นอน แต่ตามกฎหมายต้องบรรจุไว้ในข้อบังคับและต้องจดต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ดังนั้น ต้องรอให้มีการประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับ เพราะของเดิมเขียนนโยบายไว้กว้างๆ แต่ตามกฎหมายใหม่นโยบายของพรรคต้องแจกแจงได้ด้วยว่าจะใช้งบจากส่วนใด สำหรับแนวคิดลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชนนั้น ทางพรรคจะเดินหน้าเต็มที่ เพราะที่ผ่านมาก็สนับสนุนมาโดยตลอด มาถึงจุดนี้เราคิดว่าต้องมีการกระจายอำนาจอีกครั้ง ทั้งได้เลือกผู้บริหารสูงสุดในจังหวัดจัดการตนเอง การให้อำนาจและความเป็นอิสระให้แก่ท้องถิ่นในงานด้านการพัฒนา ควบคู่ไปกับการมีกฎหมายแม่บทแก้ปัญหาเรื่องธรรมาภิบาลและการทุจริตคอร์รัปชั่น

เมื่อถามต่อว่า ที่ผ่านมานโยบายของพรรคถูกวิจารณ์ว่าเป็นนามธรรมมากกว่ารูปธรรม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงนโยบายของพรรคที่ผ่านมาจับต้องได้ เช่น เรียนฟรีมีคุณภาพ คืนครูให้นักเรียน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จับต้องได้ทั้งนั้น เพียงแต่บางเรื่องเรามองไม่เห็นเหตุผลและพิสูจน์แล้วว่าไม่ควรทำ เช่น รถคันแรก จำนำข้าว เพราะเป็นปัญหา แต่อย่างนโยบายประกันรายได้เกษตรกรต้องมี โดยในครั้งนี้จะขยายไปกับคนทุกกลุ่มและเป็นระบบสวัสดิการจริงๆ ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ที่แจกโดยไม่มีหลักเกณฑ์ ตนยังงงอยู่ว่าเมื่อต้นปีประกาศว่าคนจนจะหมดไป แต่ตอนนี้ยอดคนจนเพิ่มขึ้นมาเป็น 3 ล้านคน แล้วก็กลายเป็นความสำเร็จด้วย


นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่รองเลขาธิการกกต.ให้พรรคการเมืองคุยกันเอง หากต้องการให้ผู้สมัครของพรรคนั้นๆมีหมายเลขประจำตัวเดียวกัน ว่า เป็นเรื่องยาก เพราะบางพรรคไม่ได้ส่งทุกเขต แต่หากทำได้ก็ดี ถ้าทำได้ก็สะดวก แต่ประเด็นคือ เราเปลี่ยนบัตรเลือกตั้งเป็นใบเดียวเลือกทั้งพรรคทั้งคน และแต่ละเขตคนละเบอร์ ดังนั้น กกต.จึงต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เพื่อป้องกันความสับสน ไม่เห็นว่าจะมีข้อเสียอะไรทำง่ายๆ

ไม่มีความคิดเห็น: