PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561

อยู่ดีๆก็เปลี่ยนใจ

อยู่ดีๆก็เปลี่ยนใจ



ธนาคารโลกจัดอันดับ ความสามารถด้านโลจิสติกส์ 160 ประเทศ ปี 2561
ประเทศไทยแซงพรวดจากอันดับ 45 เมื่อ 2 ปี ก่อน ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 32 หรือติดอันดับ 7 ของทวีปเอเชีย
ถ้าวัดเฉพาะกลุ่มอาเซียน ไทยแซง มาเลเซียขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ตามหลังสิงคโปร์ประเทศเดียว!!
สาเหตุเกิดจากรัฐบาลนายกฯบิ๊กตู่อัดฉีดงบลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งประเทศครั้งใหญ่ ทั้งรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ทางด่วน ท่าเรือ สนามบิน ครบวงจร
ส่งผลให้อันดับความสามารถด้านโลจิสติกส์ของไทยก้าวกระโดดกระเด้งดึ๋งขึ้นไปถึง 13 อันดับ ด้วยประการฉะนี้แล
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่รัฐบาล คสช.ทุ่มงบลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งของประเทศทั้งระบบ เนื่องจากวิกฤติการเมืองลากยาว ทำให้การลงทุนพัฒนาประเทศสะดุดหยุดกึกมาถึง 10 ปี
ถ้าไม่เร่งลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศครั้งใหญ่ ประเทศไทยจะโดนคู่แข่งทิ้งห่างไปไกลหลายช่วงตัว
แต่...การเร่งลงทุนเมกะโปรเจกต์ครบวงจร ทำให้ยอดหนี้ประเทศไทยบานฉ่ำเป็นประวัติการณ์
ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะล้างหนี้ก้อนโตให้เกลี้ยงเกลา
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า การทุ่มงบลงทุนพัฒนาการขนส่งของประเทศกว่าหนึ่งล้านล้านบาทของรัฐบาล คสช. การรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับแบ่งเค้กก้อนใหญ่กว่าใครๆ
เฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน สายเดียวก็ฟาดเข้าไปหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านบาท
ยังมีโครงการรถไฟทางคู่ทั่วประเทศอีกกว่าหนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท เพื่ออัปเกรดรถไฟไทยให้ทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานอินเตอร์
ล่าสุด การรถไฟแห่งประเทศไทยเตรียมของบอัดฉีดเพิ่มพิเศษอีกหนึ่งแสนล้านบาท เพื่อพัฒนารถไฟระบบไฟฟ้า แทนรถไฟเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้ในปัจจุบัน
โดยจะเริ่มนำร่องใช้รถไฟฟ้าใน 4 เส้นทางหลัก ได้แก่...
สายเหนือ จากบางซื่อ ภาชี ปากนํ้าโพ ระยะทาง 252 กม. วงเงินลงทุน 2.8 หมื่นล้านบาท
สายอีสาน จากบางซื่อ แก่งคอย ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 242 กม. วงเงินลงทุน 2.36 หมื่นล้านบาท
สายใต้ จากบางซื่อ หนองปลาดุก หัวหิน ระยะทาง 209 กม. วงเงินลงทุน 3.3 หมื่นล้านบาท
และสายตะวันออก จากบางซื่อ มักกะสัน ฉะเชิงเทรา พัทยา ระยะทาง 160 กม. วงเงินลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท
โดยในอนาคต การรถไฟฯจะเลิกใช้รถจักรดีเซล เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า ในเส้นทางสายสั้น (ไม่เกิน 300 กม.) หมดทุกขบวน!!
“แม่ลูกจันทร์” กระชุ่น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม พิจารณาให้รอบคอบก่อนตอบโอเค ด้วยเหตุผล 2 ประการ...
1,การเลิกใช้รถไฟดีเซล เปลี่ยนเป็นระบบรถไฟฟ้า ใช้งบลงทุนสูง แต่ผลตอบแทนการลงทุนตํ่าไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์
มีความเสี่ยงจะขาดทุนจั๋งหนับบุเรงนอง??
2, การรถไฟฯเพิ่งได้รับอัดฉีดงบกว่าหนึ่งแสนล้านบาท เพื่อจัดซื้อรถจักรดีเซลใหม่อีก 78 คัน เช่ารถจักรดีเซลใหม่อีก 50 คัน และจัดซื้อรถดีเซลรางใหม่อีก 900 คัน
แสดงว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องการใช้รถจักรดีเซล และรถดีเซลราง วิ่งรับส่งผู้โดยสารต่อไปอีก 20 ปี
แต่เหตุไฉนอยู่ดีๆ เกิดเปลี่ยนใจจะเลิกใช้รถไฟดีเซล เปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าแทน??
คำถามคือ โครงการจัดซื้อและเช่ารถจักรดีเซลใหม่อีก 128 คัน ซื้อรถดีเซลรางใหม่อีก 900 คัน ที่การรถไฟฯกำลังดำเนินการอยู่ จะทำอย่างไรต่อไป??
มันจะยุ่งหยอยเป็นฝอยขัดหม้อไปกันใหญ่นะคุณโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

ไม่มีความคิดเห็น: