“คนไทยรู้ทันทักษิณ แต่ดันเสือกไม่รู้ทันธนาธร”
ลีลาแสบๆ คันๆ สไตล์ “อั้ม เนโกะ” หรือนายศรัณย์ ฉุยฉาย อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักกิจกรรมข้ามเพศ ที่หลบหนีไปอยู่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว สะท้อนมุมมองย้อนแย้งกรณี “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เซ็นเทหุ้นเข้าลักษณะ Blind trust
แต่ว่ามาเทตอนที่ตั้งพรรคเสร็จแล้ว ลงทุนหาเสียง สร้างเครือข่ายที่เตรียมมาไว้เป็นแรมปีเสร็จหมด สำนักงานพรรคก็ตั้งเสร็จไว้ที่ตึกไทยซัมมิตแล้ว
ถ้านายธนาธรจริงใจจริงควรวางมือไปตั้งแต่ก่อนตั้งพรรค ไม่ใช่ทำมาสร้างภาพบริสุทธิ์ผ่องใสตอนที่เกมมันรันและใกล้จบแล้ว ผู้คนก็หลับหูหลับตาชมกันไป บอกตรงๆว่าอนาคตใหม่ (พรรคที่รู้จักกันแต่ธนาธร) มีดีก็แค่มีเงิน และมีคอนเนกชันกับพวกชนชั้นนำนักวิชาการ
“อั้ม เนโกะ” สายต้านอำนาจท็อปบูตเหมือนกัน ออกมาประจานสาวไส้ กระตุกเครื่องหมายคำถามแรงๆในจังหวะมวยยก 5 เร่งเข้าป้าย “ธนาธร” โดนหมัดมวยรู้ทางดอกนี้เข้าไป
เสียทรง กระเทือนเครดิต ไม่น้อยก็แล้วกัน
แต่ที่ได้เครดิตตามเงื่อนไขสถานการณ์ จังหวะไหลเข้าทางพอดี เมื่อศาลตัดสินจำคุก
นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ในคดีลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
กระตุ้นกระแสอนุรักษ์สัตว์ป่า กระตุกอารมณ์คนรักป่า
จังหวะอานิสงส์เข้าเหลี่ยม “เดอะเอี้ยง” นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ที่เป็นพรรคเดียวที่ชูนโยบายอนุรักษ์ผืนป่าประเทศไทย เน้นจุดขายเรื่องการดูแลทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียว
และเป็นคนที่เรียกร้องคดีเสือดำไม่ให้ตายฟรีมาตั้งแต่ต้น
เมื่อผลคดีเจ้าสัว “เปรมชัย” จ่อคุก ออกมาในช่วงใกล้วันเลือกตั้ง กระแสกรุ่นๆน่าจะเข้าทางพรรครักษ์ผืนป่าฯ เป็นทางเลือกของคนที่สนใจนโยบายเฉพาะทางอนุรักษ์ป่ามากกว่าการชิงขั้วอำนาจทางการเมือง
ได้ลุ้น “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน” ไปรวมกับทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”
ท่ามกลางเกมการต่อสู้ของป้อมค่ายใหญ่ หัวขั้วอำนาจ เต็งหนึ่ง เต็งสอง เต็งสาม โฟกัสอยู่ที่ยุทธการเกมรบโซเชียลมีเดีย แบบที่ล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ต้องออกโรงปฏิเสธกรณีเพจ CSI La ได้เผยแพร่เอกสารที่อ้างว่าเป็นเอกสารลับ ปมกองทัพภาค 1 สั่งให้หน่วยขึ้นตรงทั้งหมดทำ “IO” สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ
ยืนกรานเสียงแข็งเป็น “เอกสารปลอม”
และก่อนหน้านั้นฝ่ายกฎหมาย คสช.ก็แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ดูแลเพจชื่อดัง CSI La ที่โพสต์ภาพและข้อความกล่าวหาว่า ในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือมีการบังคับทหารเกณฑ์ให้เข้ามาลงคะแนนเลือกตั้ง
คสช.ต้องชิงแก้ลำ เบรกกระแสเผด็จการทหารใช้อำนาจเอาเปรียบฝ่ายประชาธิปไตย
ตามฟอร์มของทีมดูไบ ยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่ไม่มีมุกอื่นเล่นแล้ว
แนวเดียวกันยี่ห้อประชาธิปัตย์ที่งัดมุกฝืดๆ ตะโกนฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ไล่ตามจับพรรคการเมืองเส้นใหญ่ ซื้อเสียงปั่นขึ้นไปหัวละพัน
แต่หันกลับไปที่ ปชป. เสียงโอดท่อน้ำเลี้ยงเหือดแห้งต้องยืมจากปั๊มสามทหาร
นั่นไม่เท่ากับสถานการณ์ยี่ห้อประชาธิปัตย์กำลังอยู่ในยุทธศาสตร์เลือกตั้งที่ยุ่งเหยิงสุด
อาฟเตอร์ช็อกจากศึกเลือกหัวหน้าพรรค ยังสั่นสะเทือนไม่จบ
จับตาการเลือกตั้งเขต 1 จังหวัดสงขลา ตามท้องเรื่องที่นายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลา สายสนับสนุน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ถูกดันออกจาก ส.ส.พื้นที่ขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ แพ้ไพรมารีโหวตลูกชายของนายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
สร้างอาการค้างคาใจให้นายถาวร เสนเนียม ขาใหญ่ทีม กปปส.
และสถานการณ์ลามมาถึงการหาเสียงในพื้นที่ ตามกระแสข่าววงในทีมของนายถาวรกับนายเจือแท็กทีมกัน “ใส่เกียร์ว่าง” ไม่ช่วยลูกชายของนายนิพนธ์ที่ยกระดับเป็นคู่อริค่ายเดียวกัน
ทำให้เขต 1 สงขลาแกว่ง ผู้สมัครตัวเก่งจากค่ายพลังประชารัฐมีลุ้นแซงเข้าป้ายสูง
และนั่นก็โยงกับเดิมพันประชาธิปัตย์ “ต่ำร้อย” ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นทุกขณะ
ตามจังหวะถ้าถึงจุดนั้น วันประกาศผลเลือกตั้ง ตัวเลขประชาธิปัตย์ต่ำร้อย ทีมกบฏของ “ลุงกำนัน” ก็จะขยับกันทันควัน ทวงสัญญาค้ำคอ “อภิสิทธิ์” ไล่ลงจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค
หักลำกันแบบจบเร็ว เพื่อดีลร่วมรัฐบาลกับ “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อราบรื่น
งูเห่ากบฏเพื่อชาติ การเมืองไม่ติดล็อก.
ทีมข่าวการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น