PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้

ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้



โฟกัสทั่วโลกมุ่งเป้าสายตาไปที่เกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์
ช็อตประวัติศาสตร์การประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา กับประธานาธิบดีคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
เพื่อแนวทางสันติภาพ ยุติการก่อสงครามนิวเคลียร์
“ทรัมป์-คิม จอง อึน” เงื่อนไขสถานการณ์ขัดแย้งระดับโลก ที่ไม่คิดว่าจะโคจรมาเจอกันได้ ยังเกิดขึ้นแล้ว ตามแนวโน้มเงื่อนไขสถานการณ์ที่ย้อนกลับมาวิกฤติการเมืองในประเทศไทยที่แตกแยกกันมากว่า 10 ปี
มันก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ในสถานการณ์ถ้าขั้วขัดแย้งอย่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยลูกข่ายยี่ห้อ “ทักษิณ” จะหันกลับมาจูบปาก หักมุมปรองดอง ยุติการแย่งชามข้าวในหมู่นักการเมืองอาชีพ
รวมหัวเพื่อชิงอำนาจทางการเมืองคืนจากขั้วอำนาจ คสช.
เรื่องของเรื่อง จับอาการล่าสุดของเซียนการเมืองตัวพ่อระดับนายชวน หลีกภัย ประธานกุนซือพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งใจออกมาซัดใบมีดโกนใส่ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล โทษฐานชักชวนให้นักธุรกิจตั้งพรรคการเมืองกันเยอะๆ
ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะส่งผลดีต่อระบบการเลือกตั้ง
ซึ่งก็ไม่แน่ใจความหมายแฝงของนายชวนที่ไม่ชอบให้มีพรรคการเมืองมากๆเพราะเหตุใด เพราะตามหลักการมันก็มีคำถามย้อนแย้งในที ถ้าพรรคการเมืองเดิมดีอยู่แล้ว ก็คงไม่จำเป็นต้องมีพรรคใหม่มาเป็นทางเลือก หรืออีกมุมทุกคนควรมีส่วนร่วมกับการเมือง ไม่ใช่จำกัดแค่นักการเมืองมิใช่หรือ
ไม่บ่อยนักที่เจ้าหลักการอย่างนายชวนจะออกหมัดหลวม เปิดช่องให้โดนโต้ง่ายๆ
ประเด็นสำคัญจริงๆเลยก็คือ อาการของมวยเก๋าอย่างนายชวน เหมือนเงื้อหมัดมาตั้งแต่บ้าน
พุ่งเป้าใส่ “สมคิด” อย่างชัดเจนและโจ่งแจ้ง
และแน่นอน มันไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะมองได้ นอกจากเหลี่ยมเกมการเมือง
เรื่องของการเตะตัดขา งานนี้นายชวนยิ่งกว่าตั้งใจ “เจาะยาง” นายสมคิด พาลกระแทกชิ่งขาค้ำยันสำคัญของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.
หลังเป็นที่ประจักษ์แล้ว นายสมคิดคือผู้มีบทบาทสำคัญทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง
ในฐานะขุมพลังเดินเครื่องให้ “ลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
“ชวน” เปิดเกมล่อเป้า “สมคิด” โดยไม่สนความเป็นแนวร่วมฝ่ายเดียวกัน ตรงกันข้ามกลับเป็นการช่วยตอกย้ำซ้ำเงื่อนไขสถานการณ์กระแสอุปาทานหมู่ปมเศรษฐกิจปากท้อง
เข้าเหลี่ยมขุมข่าย “ทักษิณ” ที่ทั้งโห่ทั้งแห่กระแสขย่ม “สมคิด” เย้ยฝีมือเศรษฐกิจรัฐบาล “ลุงตู่” บ้อท่าอย่างเนียนๆ
ปรมาจารย์ชวน” แตะมือแท็กทีมกับยี่ห้อ “ทักษิณ” โดยอัตโนมัติ
ปฏิบัติการฟัดเป้าหมายร่วมคนเดียวกันคือ “จอมยุทธ์กวง”
ถ้าเตะตัดขา “สมคิด” ร่วง ก็หมายถึง “ลุงตู่” นั่งร้านพังเท่านั้นเอง
และนั่นก็โยงเป็นเหตุเป็นผลรองรับ กับการที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดชัดเลยว่า จะผลักดันให้ใส่ชื่อปรมาจารย์ชวนเป็น 1 ใน 3 บัญชีนายกฯของพรรคประชาธิปัตย์
ตั้งแท่นแต่งตัวให้ผู้อาวุโสไปนั่งรอเทียบแต่หัววัน
เพราะมันมีโอกาสไม่น้อยที่สถานการณ์จะเดินไปสู่เส้นทางบังคับ ถนนเส้นเดียวที่จะกลับสู่เกมอำนาจ “นายใหญ่” จำเป็นต้องยอมจับมือกับประชาธิปัตย์โค่น คสช.
ดันปรมาจารย์ชวนขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรี ตามรอย “ปู่มหาเธร์ โมฮัมหมัด” แห่งมาเลเซีย
โดยไม่จำเป็นที่นายชวนจะต้องหวนมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หักหน้า “ศิษย์รัก” อย่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้เสียผู้เสียคนทางการเมือง
และตามท้องเรื่องที่แรงเสียดทานทีมของ “สมคิด” เริ่มยกระดับขึ้น
ตามจังหวะการขยับของทีม “FOS” หรือ “เฟรนด์ ออฟ สมคิด” ที่ยกขบวนเครือข่ายชาวนาประชารัฐ เข้าให้กำลังใจ “ลุงตู่” สู้กับแรงเสียดทานฝ่ายต้านถึงในทำเนียบรัฐบาล
ล่าสุดนายวันชัย บุนนาค ทนายความอิสระ ได้เข้ายื่นหนังสือที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าคดีฟอกเงินจากการทุจริตโครงการอนุมัติปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหานคร
ไล่บี้ให้เอาผิดกับนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะอดีตกรรมการ (บอร์ด) แบงก์กรุงไทยที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ
รับน้อง “ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” ตั้งแต่ไก่โห่เลย.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: