PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

หมากยื้อม็อบแบบนิ่มๆ

หมากยื้อม็อบแบบนิ่มๆ


ผ่องแรงกดดัน ถอดชนวนไปได้ก่อนหนึ่งจุด

ล่าสุดม็อบเครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเลกระบี่–เทพา ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ประกาศยุติการชุมนุมกดดันรัฐบาลทหาร คสช.ที่หน้าสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย ถนนราชดำเนิน

ภายหลังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันกับนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน

และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยให้กระทรวงพลังงานจัดทำรายงานประเมินผลกระทบใหม่ ใช้นักวิชาการที่มีความเป็นกลางและทั้งสองฝ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 9 เดือน นับตั้งแต่วันนี้

ถ้าชี้ชัดว่าการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่เหมาะสม กฟผ.จะต้องยุติการดำเนินการก่อสร้าง

เบื้องต้น แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติยืดหยุ่น

กระบวนการจัดการม็อบอย่างละมุนละม่อม

สะท้อนสถานการณ์ภายใต้การคุมเกมของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ไม่ใช่ฟอร์มของรัฐบาลทหารที่ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์เต็มมือ

และนั่นก็ถือเป็นการเสริมน้ำหนักให้ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ออกโรงชี้แจงกรณีแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เชิญชวนสมาชิกและนักกิจกรรมทั่วโลก ส่งจดหมายเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ยุติดำเนินคดีอาญาต่อกลุ่มนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมทางการเมืองเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง
ยืนยันเรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายของไทย และมีการชี้แจงไปแล้วว่าอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม โดยไม่จำเป็นต้องทำหนังสือชี้แจงไปยังแอมเนสตี้

ยังไม่เต้นตามเกม “อีเวนต์” สไตล์องค์กรเอ็นจีโอฝรั่ง

ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับรัฐบาลทหารในทุกประเทศ ทุกกรณี ไม่มีข้อยกเว้น

แต่ก็อย่างที่เห็นๆกัน มันคือวิธีการป้องกัน “น้ำผึ้งหยดเดียว” อย่างได้ผลในแบบฉบับรัฐบาลทหารไทย ไม่ได้ใช้ปืนหรือกำลังในการจัดการม็อบต้านอย่างรุนแรงแต่อย่างใด

แค่แจ้งตำรวจให้ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมาย

แม้แต่การแตะเนื้อต้องตัวผู้ชุมนุมยังแทบไม่มี

ตรงกันข้ามมีแต่พวกจ้องจุดไฟ ที่ใช้วิชามารตัดต่อคลิปการปะทะกันระหว่างตำรวจกับม็อบ กปปส.ในอดีตมารวมเป็นเหตุการณ์เดียวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม We Walk ที่เดินไปจังหวัดขอนแก่น

แชร์กันว่อนโซเชียลฯ คสช.สั่งทุบม็อบ เล่นบทโหดสลายมวลชน

หวังผลปลุกอารมณ์เกลียดชังทหาร กระตุกมวลชนฝ่ายต้านให้ลุกฮือ

เรื่องของเรื่องก็คือ ประเมินทีมทหารของ “นายกฯลุงตู่” ต่ำไป นึกว่าจะเป็นแบบทหารโบราณที่ยั่วตบะได้ง่ายๆ คิดอะไรไม่ได้มากไปกว่าการใช้กำลัง

โดยเฉพาะอาการแพ้ “ของแสลง” กับนักศึกษา ปัญญาชน

แต่ถึงตรงนี้ ผู้นำรัฏฐาธิปัตย์ก็ยังอยู่ในอารมณ์ที่พูดจากันด้วยเหตุด้วยผล แบบที่ “นายกฯลุงตู่” แสดงความเป็นห่วงกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหว สร้างความขัดแย้งโดยเอาหลักต่างประเทศมาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ

แต่ลืมดูไปว่า ตอนที่ต่างประเทศเปลี่ยนแปลง มีการบาดเจ็บและสูญเสียไปกี่แสนกี่ล้านคน

ทั้งๆที่เราเองสามารถเปลี่ยนได้ในทางที่สงบ ไม่เกิดความขัดแย้ง สูญเสีย

“บิ๊กตู่” ฉายภาพตามความเป็นจริง ล้อไปกับสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองยังขยาดหวาดผวา
กลัวม็อบกลับมาฉุดประเทศลงเหวกู่ไม่กลับ

และแทนที่จะปักหลักชนกับการเคลื่อนไหวของนักศึกษา รัฐบาลก็มุ่งหน้าไปที่การเจาะถึงชาวบ้าน
ดีเดย์ 21 กุมภาพันธ์ วัน “คิกออฟ” เริ่มต้นยุทธศาสตร์ “ไทยนิยมยั่งยืน”

ภายหลัง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้นโยบายกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ข้าราชการพลเรือน พร้อมคัดบุคลากรคุณภาพ “เกรดเอ” จากกองทัพ

รวมแล้วกว่า 7,500 ทีม เดินสายกระจายลงพื้นที่ทั่วประเทศ

ในลักษณะไปคลุกคลีกับชาวบ้าน ปรับทุกข์ บำรุงสุข สำรวจปัญหาและความต้องการของประชาชน
เพื่อเป้าหมายทำให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาว

ที่สำคัญคือการทำให้ประชาชนรู้ว่าต้องเลือกคนเก่ง เลือกคนดี เพื่อจะได้รัฐบาลที่ดีมาทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ไม่ให้ประเทศวนกลับไปที่เดิม

ตามจังหวะชิงตัดหน้า ไม่ให้เติมเกมระดมม็อบง่ายๆ.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น: