PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

‘ลุงตู่’ลุยเต็มรูปแบบ!

‘ลุงตู่’ลุยเต็มรูปแบบ!

“ผมมีความจำเป็นต้องปรับเพื่ออนาคต อย่าโกรธอะไรผม”

“นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้แจ้งต่อรัฐมนตรีช่วงท้ายของการประชุม ครม. ขอใช้อำนาจของตัวเองในการปรับ ครม.

โดยรูปการณ์ที่สะท้อนความพยายาม “รวบรัดตัดความ”

ตามข่าววงใน ทุกอย่างจะจบภายในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ล้อตามเงื่อนไขสถานการณ์ปรับ ครม.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำเร็ว โดยเฉพาะต้องรีบกำจัดวงแรงกระเพื่อมทางอำนาจ ไม่ให้ขยายวงลุกลามตามธรรมชาติของการปรับเปลี่ยนที่ต้องมีทั้งคนสมหวังและผิดหวัง

ยิ่งฟังจากที่ “บิ๊กตู่” ต้องออกตัวเป็นนัยเลยว่า การปรับ ครม.รอบนี้ไม่ได้เกี่ยวโยงกับเรื่องของการทุจริตหรือบกพร่องต่อหน้าที่ เป็นการปรับเพื่อเติมเนื้องานของรัฐบาล

สถานการณ์เหมือนช่วยเคลียร์ให้คนที่จะโดนปรับออกล่วงหน้า

โดยเฉพาะคนที่อยู่ในข่าย “ตำบลกระสุนตก” มีชนักว่าด้วยปมร้อนความโปร่งใส ถ้ามีอันต้องหลุดวงโคจรไปจริงๆ จะได้ไม่โดนสังคมตราหน้าว่ามีปัญหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน

ถึงวันนี้ “นายกฯลุงตู่” อุ้มกระเตงไม่ไหวแล้ว จำเป็นต้องโละจุดอ่อน ตัดทิ้งตัวถ่วง

งานเลี้ยงเลิกรา ต้องมีคนกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน

และก็ตามฟอร์มของเกมอำนาจอันหอมหวน ไม่ว่าใครเสพแล้วต้องติด ยังไงก็หนีไม่พ้นภาวะทางใจ ภายใต้สถานการณ์กดดัน บรรยากาศเครียดๆในห้วงการยกเครื่องปรับ ครม.

มันก็มีพวกรอจังหวะเขย่าซ้ำ ตอกย้ำอาการระหว่างคนปรับกับคนโดนปรับ

กับช็อตต่อเนื่องจากในที่ประชุม ครม.ที่รองโฆษกรัฐบาลแถลงอย่างเป็นทางการว่า “บิ๊กตู่” ขอใช้อำนาจในการปรับ ครม. แต่อีกด้านหนึ่งก็มีการไล่เคลียร์กระแสข่าวอย่างไม่เป็นทางการ

ทีมงานรัฐบาลต้องรีบสกัด “ข่าวปล่อย” ร้อนๆแหลมๆ

ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม มีอาการมึนตึงกันในที่ประชุม ครม. เพราะความพยายามลดทอนอำนาจ “พี่ใหญ่”

แถมอีกปมร้อน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ขู่จะยกทีมออกเป็นการกดดัน หาก “นายกฯลุงตู่” ไม่ปรับ ครม.ตามแนวทางที่เสนอให้

“แหล่งข่าว” จากวงใน วงนอก ช่วยกันใส่ฟืน โหมเติมเชื้อไฟ โดยเฉพาะนักการเมืองทั้งค่ายประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยที่อาศัยโหนกระแสตามท้องเรื่อง “ปล่อยของ” ผ่านสื่อ

“เสี้ยม” ให้ทีมงานรัฐบาลแตกคอกัน

และนั่นก็โยงเป็นเหตุผลลึกๆ ปัจจัยหลักที่ “นายกฯลุงตู่” ได้แจกแจงผ่านเอกสาร ยืนกรานถึงการไม่ปลดล็อก

พรรคการเมืองให้ทำกิจกรรม คสช.ได้ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย

จึงขอให้การปลดล็อกที่พูดกัน รอไปอีกระยะ อย่าตื่นเต้นกังวล

แปลไทยเป็นไทย งานนี้ยื้อแบบไม่กำหนดเวลา ปัจจัยแทรกไม่อยู่ในวิสัยที่ “บิ๊กตู่” ควบคุมได้

ทหารไม่มีทางไว้ใจ “ความแสบ” ของนักการเมือง ทั้งยี่ห้อประชาธิปัตย์และเพื่อไทย

แถมด้วยมุกล่าสุด “นายกฯลุงตู่” ได้ส่งคำถามถึงพี่น้องประชาชนอีก 6 ข้อใหญ่

โฟกัสข้อแรก วันนี้เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ หรือนักการเมืองหน้าใหม่ๆที่มีคุณภาพให้ประชาชนพิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปบ้างหรือไม่ การที่มีแต่พรรคการเมืองหน้าเดิมๆ แล้วเป็นรัฐบาล จะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูป และทำงานต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์หรือไม่

ข้อสอง การที่ คสช.จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด ก็ถือเป็นสิทธิ์ของ คสช.ใช่หรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว

ข้อสาม สิ่งที่ คสช.และรัฐบาลดำเนินการไปช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้างหรือไม่

โฟกัสแค่ 3 ข้อแรก สรุปความตามคำถามของหัวหน้า คสช. มันก็ชัด เป็นการปูทาง “นำร่อง” ป้อมค่ายการเมืองใหม่ เพื่อมาหนุน “นายกฯลุงตู่” สู้กับเจ้าของสัมปทานเดิมทั้งยี่ห้อเพื่อไทยและค่ายประชาธิปัตย์

ตีเหล็กกำลังร้อน ตีปี๊บในห้วงที่แบรนด์ “ประชารัฐ” กำลังติดตลาด

มั่นใจแล้วว่า ยุทธศาสตร์ปฏิรูปเดินมาถูกทาง

“ลุงตู่” พร้อมสู้ในเกมถนัดของนักการเมืองอาชีพแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: