PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ถึงจุด ‘ลุงตู่’ ไม่แคร์แล้ว

ถึงจุด ‘ลุงตู่’ ไม่แคร์แล้ว



เลี่ยงถูกเหน็บแนมว่าโหนกระแสทีมหมูป่าฯ
ตามกระแสข่าวที่ทีมงานเสนอให้ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ยกเลิกการประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงรายในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ไปจัดที่จังหวัดน่านแทน
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันโปรแกรมที่เชียงรายเหมือนเดิม เพราะกำหนดคิวไว้แล้ว
ตามแนวโน้มสถานการณ์ที่เห็นได้เลยว่า มาถึงนาทีนี้ทีมงานการเมืองของ “นายกฯลุงตู่” ให้ความสำคัญกับการบริหารกระแสมากเป็นพิเศษ ประเมินทิศทางลมตลอดเวลา
ในจังหวะที่รัฐบาล “ลุงตู่” กำลังตุนแต้มบวกจากปฏิบัติการช่วย 13 เยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าฯ สอบผ่านเชิงบริหารภายใต้สภาวการณ์วิกฤติที่คนทั้งประเทศไทยและทั่วโลกจับตา (ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิต ถ้ำหลวงเชียงราย)
ถ้าพลาดโดนด่า กระแสดีดกลับมันไม่คุ้ม
นี่แหละคือมุมในแบบฉบับของนักการเมืองอาชีพ โดยวิสัยของคนเตรียมตัวลงสนามเลือกตั้งจะต้องให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์บริหารกระแสแบบนี้
ที่แน่ๆเริ่มปักหลัก ตั้งรับแรงกระแทกทางการเมืองแบบมีลีลา
จับทางจากที่ “นายกฯลุงตู่” ตีกรรเชียงตอบกรณีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยโจมตีและเรียกร้องให้ตรวจสอบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่โยงกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มสามมิตรที่ประกาศสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ
จะโจมตีตนเองเรื่องอะไร ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐยังไม่ประกาศออกมาเลย เป็นเพียงการจองชื่อไว้เฉยๆ การพูดคุยในวันนี้ถือว่ามีอิสระเสรีมากพอสมควร ไม่ว่าใครก็ตาม เขาก็มีการพูดคุยกันตลอด จะให้แต่นักการเมืองคุยกันข้างเดียวหรือ
การดำเนินการอย่ามองว่าได้เปรียบเสียเปรียบอะไร เพราะประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
สถานการณ์ถึงจุดที่ “บิ๊กตู่” ไม่แคร์ที่ถูกนักการเมืองรุมถล่มให้ท้ายยี่ห้อพลังประชารัฐ
แถมยังมีเหลี่ยมออกตัวจงใจตอกย้ำชัดๆ แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดเองเลยว่า หลายคนบอกโครงการไทยนิยม โครงการประชารัฐได้เปรียบ
ทั้งๆที่โครงการนี้เกิดมานานแล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการหรือการทำงานที่จะมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง แต่ต้องการที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนในทุกพื้นที่ทั้งจังหวัด อำเภอ ตำบล ให้งบประมาณไปเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลา 3-4 ปี และปีนี้ก็ต้องลงอีกครั้ง
ปูทางนำร่องรายการอัดฉีดเพิ่มโครงการไทยนิยม ลดแลกแจกแถมสินค้ายี่ห้อ “ประชารัฐ”
ใช้งบหลวงมัดจำแต้มความนิยมกับชาวบ้านแบบเนียนๆ
เลียนแบบมุกเดียวกับที่ยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” เคยทำยังไงยังงั้น
สอดรับกับข่าววงใน แว่วๆทีมงาน “สามมิตร” อย่าง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน” แสดงความมั่นใจในยุทธศาสตร์ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วสมัยพรรคไทยรักไทย ที่มีคนชื่อ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นหลักในทีมคิดนโยบายกวาดแต้มถล่มทลาย
แค่ปรับจากยี่ห้อ “ประชานิยม” เป็นแบรนด์ “ประชารัฐ”
นโยบายกระตุ้นปากท้องโดยยี่ห้อ “นายกฯลุงตู่” รายการลดแลกแจกแถมชาวบ้านฐานราก จัดหนักแน่
ขอเวลาแค่ 3 เดือนก่อนเลือกตั้งเท่านั้น
ฐานลูกค้าจากยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่แน่นๆ แกว่งแน่
และคงไม่ใช่แค่ราคาคุย หรือการปั่นราคาของยี่ห้อ “สามมิตร”
ตามปรากฏการณ์สะท้อนจากอาการนั่งไม่ติดของเครือข่าย “ทักษิณ” ที่ตีฆ้องร้องป่าว
โหมตีปี๊บประจาน ดักคอดักทาง “บิ๊กตู่” ที่หลิ่วตาให้ทีมงานสามมิตรเดินสายดูด ส.ส. ถึงขั้นยื่นร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ “ทำแท้ง” พรรคพลังประชารัฐ
ฟ้องกันด้วยหลักฐานลอยๆ อ้างข้อความแชตในไลน์มาตีกินเป็นข่าว
เป้าหมายจริงคือเขย่าปมสองมาตรฐาน เขี่ยเชื้อไฟกองเชียร์ฝ่ายต้าน คสช.
ลึกๆเพื่อไทยส่ออาการแหยง “เลือดไหลไม่หยุด”
ที่แน่ๆสถานการณ์นับแต่นี้ไป คนพรรคเพื่อไทยต้องเจอเหลี่ยมของพวก “เป็นมวย” การเมืองด้วยกัน
ชั้นเชิงของอดีตมวยค่ายเดียวกันเองที่รู้เหลี่ยมรู้ทางกันดี
สถานการณ์เข้าสู่โหมดงานโหดและหิน ไม่ง่ายเหมือนล่อเป้าทหาร ยั่วจุดเดือด “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ให้หลุดเสียอาการ พาลรุมกระแทกทีม “สมคิด” ที่แรงเสียดทานทางการเมืองต่ำ
ที่สำคัญแถมเทียบฟอร์มเครือข่าย “สามมิตร” ที่เป็นมวยรุ่นใหญ่
เขี้ยวกว่า “นกแล” ของ “นายใหญ่” เยอะ.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: