สปช.
วีระกานต์ อดีตประธาน นปช. ถึงสภาแล้ว เตรียมให้ข้อเสนอกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ขณะบ่าย สปช. และ สนช. นัดส่งรายงาน
บรรยากาศที่รัฐสภา เช้านี้ การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีกิจกรรมและความเคลื่อนไหวหลายส่วน เริ่มจากเวลา 09.00 น. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเข้ามาให้ความเห็นต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมาในนามส่วนตัว ซึ่งขณะนี้เดินทางมาถึงแล้ว
จากนั้นเวลา 13.00 น. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะส่งมอบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามและให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่สรุปความเห็นหรือข้อเสนอแนะในการยกร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภา 18 คณะ ให้ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะส่งข้อเสนอแนะประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญให้กับนายบวรศักดิ์เช่นกัน
--------------
เจษฏ์ เผย เห็นพ้อง สปช. ประเด็นปฏิรูปชัดเจน-แก้ความเหลื่อมล้ำเเละสร้างความเป็นธรรมในสังคม เริ่มสรุปความเห็นเขียน รธน.
รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า จากการฟังการอภิปรายของ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ถือว่าเป็นประโยชน์มาก มีความหลากหลาย และมีหลายส่วนที่เห็นตรงกัน และบอกถึงวิธีแก้ปัญหา ทำให้เห็นความหวังของการปฏิรูป และทิศทางของการปฏิรูปที่มีความเป็นรูปธรรมซึ่งจะสามารถถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งประเด็นที่สามารถเห็นความเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนคือประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ เเละสร้างความเป็นธรรมในสังคมเพียงเเต่จะสามารถนำบทบัญญัตินั้นสามารถมาปฏิบัติให้เกิดผลเเท้จริงได้เต็มประสิทธิภาพตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ได้เเท้จริงหรือไม่เท่านั้น
ส่วนเรื่องที่จะสามารถเสนอเป็น พ.ร.บ. ได้ทันทีเลย โดยที่ไม่ต้องรอการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น มีตัวอย่างเช่น เรื่องการศึกษา เมื่อ สปช. เห็นว่ามีความเกี่ยวโยงกันทางกฎหมายนั้น ก็สามารถเสนอผ่าน สนช. ได้เลย ส่วนเรื่องที่ควรจะมีการบรรจุเรื่องของการเรียนการสอนที่ทำให้ผู้เรียนได้ถูกกระตุ้นให้ผู้เรียนได้เป็นผู้ร่วมสอนไปด้วยพร้อม ๆ กัน สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้การเรียนรู้นั้นเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิตซึ่งจะสามารพัฒนาการศึกษาได้ เเละทำอย่างไรให้การเรียนรู้ของผู้เรียนนั้นสามารถเรียนรู้เเล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้
ในส่วนของกรรมมาธิการยกร่างนั้น ได้ประมวลผลกันเบื้องต้นเพื่อหาเเบบแผนบทบัญญัติที่ชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ส่วนเรื่องที่ยังเป็นประเด็นตกค้างนั้น ต้องรอสัปดาห์หน้าหรือสัปดาห์ต่อไปเพื่อ
หารือกันในการประมวลผลต่อไป
---------------------
"วีระกานต์" เข้าเสนอความเห็น กมธ.ยกร่างฯ ยันไม่ได้มาในนาม นปช. รับ หวั่นถูกขับออกจากกลุ่มเพราะฝืนมติ "บวรศักดิ์" ระบุจะนำความเห็นไปพิจารณา
ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา ขณะนี้ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าชี้แจงเสนอความคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดย นายวีระกานต์ กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ไม่ได้มาในนามของ นปช. แต่มาในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง
ทั้งนี้ เกรงจะถูกขับออกจาก นปช. เนื่องจาก นปช. มีมติที่จะไม่ร่วมเสนอแนะหรือแสดงความคิดเห็นในการยกร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้
นอกจากนี้ นปช. บางคนยังให้ความเห็นในการไม่เข้าร่วมโดยเปรียบเทียบถึงการยกร่างร่างรัฐธรรมนูญว่า รำวงรอบนี้เป็นรอบเหมาของทหาร จิ๊กโก๋ชาวบ้านจึงไม่ควรเข้าร่วม
ขณะ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวขอบคุณในการเดินทางมาให้ข้อเสนอแนะ และหลังจากนั้นจะนำประเด็นที่เสนอมาพิจารณาต่อไป
-----------------------
"วีระกานต์" อดีตประธาน นปช. คุย กมธ.รธน. ชงนิรโทษม็อบ ค้านเลือกตั้งนายกฯ ทางตรง หนุนปฏิรูปประเทศ
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุม ว่า วันนี้เชิญตัวแทนกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ กลุ่ม นปช. เข้าให้ข้อเสนอแนะเพื่อนำไปพิจารณาประกอบจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นำโดย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. ที่ยืนยันว่า ไม่ได้มาในนาม นปช. ซึ่งส่วนตัวพร้อมสนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่อยากให้เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และสามารถสร้างความปรองดองได้อย่างยั่งยืน อีกทั้ง ส.ส. ต้องสังกัดพรรคการเมือง รวมถึงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้เร่งส่งเสริมประชาธิปไตย สร้างความสมานฉันท์ ขจัดปัญหาการทุจริต การสร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน ขณะที่ข้อเสนอเรื่องการนิรโทษกรรม ก็ควรให้การนิรโทษกรรมครอบคลุมกับทุกฝ่าย ยกเว้นแกนนำและผู้สั่งการ
---------------------------
ประธาน สนช.-สปช. ส่งสรุปความเห็น ข้อเสนอเเนะยกร่าง รธน. ให้ บวรศักดิ์ 246 ประเด็น
นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่งมอบรายงานสรุปความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการจัดร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญประกอบด้วยความเห็นและข้อเสนอแนะรวมทั้งสิ้น 246 ประเด็น
ทั้งนี้ รายงานสภาปฏิรูปแห่งชาติส่งให้คณะ กมธ.ยกร่าง นั้น เป็นการสรุปความเห็นของคณะกรรมาธิการทั้ง 18 คณะ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจในหลาย ๆ เรื่อง อาทิ การกระจายอำนาจท้องถิ่น การส้รางความมั่นคงด้านพลังงานและที่มาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ด้าน นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญเมื่อได้รับความเห็นต้องตกลงหลักการและให้อนุกรรมาธิการยกร่างฯ ไปทำแบบร่าง พร้อมกันนี้ยืนยันการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่มีการทำพิมพ์เขียวมาก่อน และการยกร่างในวันที่ 12 มกราคมเป็นต้นไป โดยนำรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 มาประกอบการจัดทำ
////////////////
สนช.
ประธานสภานิติบัญัติแห่งชาติ นัดสมาชิกประชุม 10.00 น. เตรียมพิจารณากฎหมายเร่งด่วนต่อจากวานนี้ 6 ฉบับ
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นัดสมาชิกประชุมในเวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาวาระเร่งด่วนที่ค้างต่อจากวานนี้อีก 6 ฉบับ เป็นร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอ 2 ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วพร้อมประกาศใช้เป็นกฎหมาย 4 ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แบ่งส่วนราชการในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์)
------------------
สมาชิก สนช. เตรียมพิจารณาวาระด่วน 6 ฉบับ จับตาเลื่อน พ.ร.บ.เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชี้ ต้องแก้หลักการให้แคบลง ป้องอ้างสิทธิ์ขอเหรียญ
บรรยากาศก่อนการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ล่าสุด สมาชิก สนช. ทยอยเข้าห้องประชุมที่จะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาวาระเร่งด่วน 6 ฉบับ โดยวันนี้ต้องจับตาร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่าที่ประชุม สนช. จะเห็นชอบตามที่วิป สนช. เตรียมเสนอให้ชะลอออกไปก่อนหรือไม่ เนื่องจากเคยเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาสมัยที่ผ่านมา และได้มีการแก้ไขส่งกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร แต่สภาฯ ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณา คณะรัฐมนตรีจึงส่งให้ สนช. กลับมาพิจารณาอีกครั้ง
อีกทั้ง วิป สนช. อยากให้รัฐบาลแก้ไขหลักการให้แคบลงหรือเปลี่ยนชื่อร่างเพื่อให้ครอบคลุมผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยตรง ของกันผู้แอบอ้างขอเหรียญ โดยเจตนากฎหมายต้องการให้แก่ทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสู้รบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งทหารที่ส่งไปต่างประเทศตามนโยบายรัฐบาล
----------
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติเห็นชอบผ่านวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.กำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร เป็นกฎหมายแล้ว
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ทำหน้าที่ประธานการประชุม ล่าสุด ได้มีการเลื่อนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ 3 ฉบับ ขึ้นมาพิจารณาก่อน คือ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ร่างพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แบ่งส่วนราชการในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) เริ่มจาก นายนิเวศน์ นันทจิต ประธานคณะกรรมาธิการ ได้รายงานผลการดำเนินงาน พร้อมระบุว่า ไม่มีสมาชิกสงวนคำแปรญัตติ แต่มีการปรับแก้ในรายมาตรา จึงให้มีการลงมติเป็นรายมาตราที่มีการแก้ไข ในวาระ 2 จากนั้นมีมติผ่านวาระ 3 ด้วยคะแนน 181:0 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และประกาศใช้เป็นกฎหมาย
///////////////
นายกฯ
นายกฯ คิวแน่นตลอดทั้งวัน ประเดิมเช้านี้ ประชุม คกก.นโยบายและบริหารจัดการข้าว
สำหรับวาระงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในเวลาประมาณ 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ 5/2557 ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 14.00 น. นายทาเกฮิโกะ นากาโอะ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า
ขณะที่ในช่วงเย็นเวลา 16.00 น. นายกรัฐมนตรีต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง ณ ทำเนียบรัฐบาล และหลังเวลา 17.00 น. สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซนนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือข้อราชการ ณ ห้องสีงาช้าง
------------------
นายกฯ ถึงทำเนียบ เตรียมเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. แล้ว
ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลล่าสุดในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว โดยเตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. ครั้งที่ 5/2557 ตึกสันติไมตรี โดยมีบรรดารัฐมนตรีรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทยอยเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ สำหรับวาระการประชุมคาดว่าทางกระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอที่ประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลซึ่งมีปัญหาอยู่ที่ข้าวที่อยู่ส่วนในของโกดังไม่สามารถนำออกมาขายได้ ซึ่งแนวทางการระบายที่ยังให้เดินหน้าต่อคือการประมูลข้าวเป็นการทั่วไป ทั้งนี้ ยังคาดว่าจะมีการเสนอแผนการโปรโมทข้าวของไทยที่เบื้องต้นกำหนดให้ตลาดตะวันออกกลาง
------------------
พล.อ.ประวิตร ย้ำ นายกฯ ให้ความสำคัญแจงต่างชาติ ส่งคืนคนผิด ม.112 มอบ "พล.อ.ไพบูลย์" เป็นเจ้าภาพ ยัน 3 จ.ใต้ ยังไม่พบกองกำลังเคลื่อนไหว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชี้แจงต่างประเทศให้ส่งตัวผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 มาดำเนินคดีในประเทศไทย ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและต้องการให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการ ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการชี้แจง และทำความเข้าใจกับต่างประเทศ พร้อมยืนยันไม่ใช่การดำเนินคดีทางการเมือง ซึ่งสื่อมวลชนไม่ควรกำหนดกรอบในการทำงานและเห็นว่าคณะทำงานชุดนี้ทำงานอย่างเต็มที่
ส่วนมาตรการในการดูแลช่วงปีใหม่ใน 3 จังหวัดแดนภาคใต้ รองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ยังไม่มีกองกำลังที่เตรียมออกมาเคลื่อนไหวตามที่มีข่าวออกมาแจ้งเตือนในพื้นที่ ซึ่งได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวทุกเรื่อง ขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่เข้าใจเจ้าหน้าที่มากขึ้น เห็นได้จากแผนงานทุ่งยางแดงโมเดลซึ่งมีประชาชนให้ความร่วมมือและก้าวหน้าไปมาก
--------------------------
นายกฯ เป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ระบุหากเวลาจะลงไปเยี่ยมประชาชน - เชียร์บอลไทยนัดชิงพรุ่งนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงสถาการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัด ว่า มีความเป็นห่วง โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ซึ่งเบื้องต้นทางกองทัพก็ได้ดูแลอยู่ พร้อมยืนยันว่าหากมีเวลาจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ภาคใต้
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เชียร์นักฟุตบอลทีมชาติไทยที่จะแข่งขันฟุตบอล AFF Suzuki Cup 2014 นัดชิงชนะเลิศกับมาเลเซียในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องเงินรางวัลอัดฉีดนั้นมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว
------------------
พล.อ.ประวิตร ประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุมและมอบนโยบายการดำเนินงานยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ ณ สโมสรทหารบก วิภาวดี โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ คือ การผลึกกำลังจากทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่จะต้องประสานแผนงาน บูรณาการแผนงาน ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนให้มากที่สุด เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงของชาติ
ในการนี้ มี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหาร
เรือ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ นายอนุสิษฐ์ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุมด้วย
------------------
พล.อ.ประวิตร ไม่กังวล "จารุพงศ์" จดทะเบียนเสรีไทย ใน USA กระทบความมั่นคง คุยสันติสุข รบ. พร้อมตลอดเวลา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้จดทะเบียนจัดตั้งองค์กรเสรีไทยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ตนเองยังไม่ทราบว่าจดที่ไหนยังไง ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่า เขาจดเพื่อวัตถุประสงค์ใด แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้มีความกังวลว่าจะกระทบกับความมั่นคงของชาติ เพราะเป็นแค่คนคนเดียว พร้อมได้ย้อนถามกลับไปยัง นายจารุพงศ์ ว่าสิ่งที่กระทำนั้นมันถูกกฎหมายหรือไม่ แล้วตัวเองนั้นมีคดีติดตัวอยู่หรือไม่
ส่วนความคืบหน้าในการพูดคุยสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พล.อ.ประวิตร บอกขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ ซึ่งทางรัฐบาลไทยพร้อมที่จะดำเนินการพูดคุยตลอดเวลา ขอให้กลุ่มผู้เห็นต่างทุกกลุ่มเข้ามาร่วมพูดคุย เพื่อให้มีความสันติสุขเกิดขึ้น
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้แสดงความเป็นห่วงต่อประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้อีกด้วย
-------------------------
พล.อ.ประวิตร ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เน้นย้ำแก้ปัญหาเป็นระบบ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ครั้งที่ 3/2557
ภายหลังจากการประชุม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมวันนี้ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 2 คณะ โดย คณะแรกเป็นคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจดูแลการค้ามนุษย์ ส่วนคณะที่สองคือคณะอนุกรรมการดูแลเรื่องขอทานภายในประเทศ ซึ่งคณะอนุกรรมการทั้งสองจะต้องสรุปผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาทั้งหมดและนำกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 9 มกราคม 2558 เพื่อสรุปเป็นรายงานการแก้ไขปัญหาการปราบปรามการค้ามนุษย์โดยภาพรวมก่อนส่งให้สหรัฐอเมริกาในวันที่ 30 มกราคม 2558 ซึ่งไทยตั้งเป้าหมายให้อยู่ในระดับที่เทียร์ 2 ให้ได้ หลังจากที่ไทยถูกจัดอันดับการค้ามนุษย์อยู่ที่ระดับเทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด
--------------------------
นายกฯแจง ประชุม นบข. เปิดบัญชีสต๊อก คาดขาดทุน 6.8 เเสนล้าน - หวังปีหน้าส่งออกข้าวเป็นที่ 1
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. โดยเปิดเผยว่ามีการหารือกันในหลายประเด็น ทั้งสถานการณ์ข้าวโลก ยุทธศาสตร์ข้าวระยะยาว และการอนุมัติการระบายข้าวที่มีการปิดบัญชีแล้ว ซึ่งมีข้าวในสต๊อกรัฐบาลทั้งสิ้น 17 ล้านตัน โดยผ่านมาตรฐาน 2.3 ล้านตัน ต้องปรับปรุงคุณภาพ 13 ล้านตัน เสื่อมสภาพ 7 แสนตัน ซึ่งในส่วนของข้าวที่เสื่อมสภาพ จะมีการแจ้งความและดำเนินคดี ซึ่งได้ส่งเรื่องไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในการดำเนินคดีนั้น จะมีทั้งส่วนของคดีแพ่งและอาญา
ทั้งนี้ มีการคาดว่าในโครงการรับจำนำข้าว 4 โครงการ หากขายข้าวทั้งหมดแล้วจะขาดทุนที่ประมาณ 6.8 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามทางกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้ประเมิน
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า สำหรับการระบายข้าวนั้นจะมีทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้การประมูล โดยเฉพาะการประมูลยกคลัง ในคลังที่มีข้าวสมบูรณ์ และจะต้องใช้เวลาที่เหมาะสม
ซึ่งทางประเทศจีนจะมีการลงนาม MOU ซื้อข้าวไทย 2 ล้านตัน ทั้งนี้ จะพยายามวางแผนระบายข้าวให้หมดภายใน 3 ปี และยังมองว่าในปีหน้าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะส่งออกข้าวได้เป็นอันดับ
หนึ่ง
------------------
นายกฯ รับต้องตรวจสอบกรณีข่าวว่า ทหารไทย ยิงหญิงกัมพูชา เสียชีวิต จะหารือ สมเด็จฮุนเซน อีกครั้งวันนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวว่า มีทหารไทยยิงหญิงกัมพูชา เสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า ต้องมีการตรวจสอบกันก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ตามแนวชายแดน หรือเหตุการณ์ต่างๆ มีหลายเรื่องทั้งการปะทะกับพวกลักลอบตัดไม้ ซึ่งมีคณะทำงานคอยดูแลอยู่แล้ว ทั้งนี้ ทางรัฐบาลกัมพูชา ได้มีหนังสือถึงไทยตลอดเมื่อมีเหตุปะทะกัน อย่างไรก็ตาม การหารือกับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ในวันนี้จะมีการพูดคุยกันในทุกเรื่อง
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การให้การต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ในช่วงเย็นของวันนี้ จะมีการลงนามความร่วมมือ 2 ฉบับ คือ การร่วมดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน และการซื้อสินค้าการเกษตรโดยเฉพาะข้าวและยางพารา
-----------------------
"ยงยุทธ" เผย นายกฯ เตรียมเยือนจีน 22-23 ธ.ค. นี้ ทำ MOU 4 ฉบับ พร้อมดูงานศูนย์ควบคุมรถไฟความเร็วสูง
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 - 23 ธันวาคม 2557 ว่า นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปลงนามความมือและบันทึกความเข้าใจ 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งธนาคารชำระดุลเงินหยวนในประเทศไทยระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารประชาชนจีน 2.ทำความตกลงทวิภาคีแหล่งเปลี่ยนเงินตราสกุลหยวนและบาทเพื่อต่ออายุความตกลงฉบับเดิม 3.บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือทางวิชาการทรัพยากรน้ำและการชลประทานระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยกับกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน และ 4.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และธนาคารแห่งประเทศจีน จำกัด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปดูงานที่ศูนย์ควบคุมรถไฟ สถานีรถไฟความเร็วสูง และทดลองนั่งรถไฟความเร็วสูงด้วย
------------------
นายกฯ ต้อนรับประธาน ADB ขอบคุณที่ให้เงินสนับสนุนทางวิชาการไทย ยันเดินหน้าปฏิรูปทุกด้าน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายทาเกฮิโกะ นากาโอะ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ ADB ที่เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ ที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS ซึ่ง ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับ นายทาเกฮิโกะ ในฐานะมิตรประเทศ พร้อมขอบคุณ ADB ที่ให้การสนับสนุนเงินทุนทางวิชาการ ซึ่งไทยกำลังเดินหน้าปฏิรูปในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดนรวมถึงจะมีการพัฒนากิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ กฎระเบียบและมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้มีการเชื่อมโยงวัตถุดิบกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้
นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ ADB สนับสนุนการแก้ไขปัญหาการไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประเทศต่าง ๆ ด้วย
ด้าน นายทาเกฮิโกะ ได้กล่าวชื่นชมประเทศไทย ในฐานะเป็นเจ้าภาพการประชุม GMS พร้อมจะสนับสนุนไทยให้เป็นแกนกลางประสานงานของภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากเห็นว่าไทยมีประสิทธิภาพในการประสานงานและที่ตั้งของประเทศเหมาะสมกับการเป็นแกนกลาง
----------------------
พล.อ.ประยุทธ์ ต้อนรับนายกฯ จีน ร่วมเป็นสักขีพยาน MOU รถไฟทางคู่-สินค้าทางการเกษตร
บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด ในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้การต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ในโอกาสร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง ระหว่างราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของไทย พร้อมด้วยกองทหารเกียรติยศ ยืนเรียงแถวให้การต้อนรับด้วย ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
ทั้งนี้ สำหรับกำหนดการเบื้องต้น นายกรัฐมนตรีจีน ลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ห้องสีงาช้าง (ด้านใน) ก่อนที่ผู้นำทั้งสอง และคณะ จะหารือข้อราชการ เมื่อเสร็จสิ้นการหารือข้อราชการ พล.อ.ประยุทธ์ จะเชิญนายกรัฐมนตรีจีน ไปยังห้องสีม่วง เพื่อเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง จำนวน 2 ฉบับ คือ ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน และบันทึกความร่วมมือด้านสินค้าการเกษตรโดยเฉพาะข้าวและยางพารา
------------------------
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยรัฐจัดเก็บรายได้ 2 เดือนแรก งบปี 58 แตะ 3.35 แสนล. สูงกว่าเป้า 2%
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม-พฤศจิกายน 2557) จัดเก็บได้ 335,911 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการณ์ตามเอกสารงบประมาณ 6,490 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.0 โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ได้แก่ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 ที่สูงกว่าเป้าหมาย เนื่องจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจและการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นสูงกว่าเป้าหมายเป็นสำคัญ นอกจากนี้ การบริโภคภายในประเทศยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงดังกล่าว
------------
"หม่อมอุ๋ย" เผย แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี ไทย-จีน การค้าขยายตัวปีละ 20% ท่องเที่ยว 20% การลงทุนเพิ่ม 15%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในงาน China-Thailand Business Forum and Luncheon ว่า ไทยมีความผูกพันกับประเทศจีนมายาวนาน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม โดยรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญด้านการพัฒนา ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับที่ 1 ปี 2550-2554 ได้บรรลุเป้าหมาย มีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาไทยเพิ่มมากขึ้น การค้าขายแลกเปลี่ยนเติบโตขึ้น ขณะที่ด้านการส่งออกของไทย ไปยังประเทศจีน ปัจจุบันขยายตัวมากกว่าร้อยละ 12 ของการส่งออกไปยังทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา ที่มีเพียงร้อยละ 2 ซึ่งแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับปัจจุบัน ระหว่างปี 2555-2559 ได้ตั้งเป้าหมายให้เกิดการค้าระหว่างไทย-จีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ต่อปี เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ต่อปี และการท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ต่อปี ซึ่งมั่นใจว่าจะบรรลุตามเป้า เนื่องจากนักธุรกิจจีนและไทย มีความกระตือรือร้น ร่วมธุรกิจเป็นอย่างดี
--------------------
"หม่อมอุ๋ย" ชวนนักธุรกิจจีนร่วมลงทุนอุตสาหกรรมโพแตซ ตั้งโรงงานผลิตสินค้าในไทย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในงาน China - Thailand Business Forum and Luncheon ว่า จีนเป็นต้นแบบที่ดีในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางแบบครบวงจร โดยไทยจะยึดจีนเป็นแบบอย่างในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางของไทย ซึ่งนอกจากความร่วมมือการค้ายางพาราระหว่างไทย-จีน รัฐบาลจะชักชวนนักธุรกิจจีนให้ความช่วยเหลือพัฒนาอุตสาหกรรมยาง โดยพบว่ามีนักธุรกิจจีนสนใจที่จะลงทุนใช้ไทยเป็นฐานการผลิต เพื่อส่งสินค้าขายในตลาดอาเซียน โดนเฉพาะ สินค้ายางล้อรถยนต์ ซึ่งนอกจากไทยจะเป็นแหล่งวัตถุดิบยางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ไทยยังมีความต้องการใช้ยางล้อรถยนต์จำนวนมาก จึงเป็นโอกาสที่จะสามารถขายสินค้าและทำให้แบรนด์ยางล้อรถยนต์ของจีนเป็นที่รู้จักมากขึ้น สามารถส่งออกขายในประเทศข้างเคียง นอกจากนี้ สินค้าที่สามารถแข่งขันด้านคุณภาพ และราคา อาทิ ด้านโซลาร์เซลล์ จีนสามารถใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเข้าสู่ตลาดอาเซียนได้ เพราะไทยมีต้นทุนการกระจายสินค้าที่ต่ำ ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางส่งสินค้าเข้าสู่ประเทศ มาเลเซีย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
นอกจากนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้กล่าวชักชวนให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมโพแตช ตั้งโรงงานผลิตสินค้าปุ๋ย ยา เคมีภัณฑ์ในไทย ซึ่งรัฐบาลจะเริ่มเปิดอนุมัติอุตสาหกรรมโพแตซภายในเดือนมกราคม 2558 ซึ่งไทยยินดีที่จะต้อนรับนักธุรกิจจากประเทศจีน
----------------------
ประกรรมการสภาหอการค้า เผย เอกชนพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อการพัฒนาร่วมกันใน GMS
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ หรือ GMS ครั้งที่ 5 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เป็นครั้งแรก ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนในการเสนอข้อคิดเห็น ซึ่งประเทศไทย และประเทศสมาชิก ได้หารือกันอย่างใกล้ชิด ในฐานะพันธมิตร ที่จะต้องมีการพัฒนาร่วมกัน โดยเฉพาะการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ให้เป็นเส้นทางของการลงทุน การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระหว่างประเทศ นอกเหนือจากการเป็นเส้นทางการขนส่ง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของภาคเอกชนขณะนี้ คือ การพัฒนาของบุคลากรที่ไม่ได้มาตรฐาน จะต้องมีการพัฒนาร่วมกันอย่างไรเพื่อให้ได้บุคลากรที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการ โดยจะมีรวบรวมข้อเสนอให้ที่ประชุมผู้นำวันพรุ่งนี้
/////////////////
ปปช.ถอดถอน
สรรเสริญแจงยุติไตร่สวน 310 ส.ส. เพราะไม่มีอำนาจวินิจฉัยแล้ว หลังรัฐธรรมนูญปี 50 สิ้นสุดลง
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช. ยุติการไต่สวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 310 ราย กรณีร่วมกันเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมวาระ 3 เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2550 สิ้นสุดลงว่า เนื่องจาก ป.ป.ช. ได้สำรวจคดีค้างเก่าที่ยังไม่ได้วินิจฉัยพบว่ามีคำร้องขอถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 6 เรื่อง
อาทิ คำร้องขอให้ถอดถอน ส.ส. ที่ร่วมกันเสนอและเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประมาณ 3 เรื่อง คำร้องขอให้ถอดถอน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กระทำการขัดต่อ พ.ร.บ.การออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 โดยทั้งหมดเป็นคำร้องว่าฝ่าฝืนและกระทำการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 50 ประเด็นเดียว ซึ่งปัจจุบัน ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจวินิจฉัยแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญปี 50 สิ้นสุดลง จึงต้องส่งคืนไปให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะปฏิบัติหน้า ส.ว.
ทั้งนี้ ในส่วนคดีอื่น ๆ ที่ ป.ป.ช. จะเดินหน้าไต่สวนต่อ เพราะเป็นคำร้องที่มีการกล่าวหาทั้งกระทำผิดรัฐธรรมนูญ และยังมีความผิดตามกฎหมายและ พ.ร.บ.อื่น ๆ ด้วย
//////////////
ป๋าเปรม
"พล.อ.เปรม" ชี้ ปัญหาบ้านเมือง มี 2 เรื่องสำคัญ ความยากจน-การทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง แนะต้องกล้าสู้คนโกง
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและคณะรัฐบุรุษ กล่าวให้โอวาทภายหลังมอบระกาศนียบัตร หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์ป้องกันละปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) รุ่นที่ 5 ว่า ประเทศมีปัญหาใหญ่อยู่ 2 อย่างคือ ความยากจน ซึ่งเป็นภาระของรัฐบาลที่จะต้องดูแลราษฎรให้ยากจนน้อย และปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่ยังมีอยู่มากในประเทศไทย และไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา เพราะต่างคนต่างคิดว่าไม่ใช่ธุระของตน
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการปกครองที่เรียกว่า ธรรมาภิบาล เป็นวิธีการที่ช้าเกินไป ไม่ทันกับความเลวร้ายในเรื่องของการฉ้อราษฎร์บังหลวง ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือการบังคับใช้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับให้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้เห็นว่าผู้ที่กระทำฉ้อราษฎร์บังหลวงต้องติดคุกนาน
นอกจากนี้ เราต้องกล้าหาญพอที่จะไม่ยกมือไหว้คนโกง รวมถึงสอนคนอื่นให้เกลียดคนโกง เพราะคนโกงคือสิ่งเลวร้ายที่สุดที่มีในชาติบ้านเมือง ถ้าไม่ช่วยกันทำ ถือว่าไม่ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินและทำให้ชาติได้รับความอับอาย
/////////////////////////
ตลาดหุ้น
สำหรับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ปิดตลาดดัชนี ปรับตัวลดลง 2.44 จุด มาปิดที่ 1,514.35 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57,702.52 ล้านบาท
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ของธนาคารกสิกรไทย ล่าสุดเมื่อเวลา 13.22 น. มีดังนี้ดอลลาร์สหรัฐฯ รับซื้อที่ 31.64 บาท ขายออก 33.08 บาท
///////////////////
คดีซาอุ
จำเลยคดี อุ้มฆ่า "อัลลูไวรี่" นักธุรกิจซาอุฯ แจ้งดำเนินคดีอัยการและตำรวจ หลังพบว่าช่วยเหลือพยานปากคำสำคัญที่มีหมายจับ
นางสาวรัศมี ไวยเนตร ทนายความ นำ พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี จำเลยร่วมกับ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ ในคดีอุ้มฆ่า "อัลลูไวรี่" นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม พร้อมดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคล ทั้งอัยการ และตำรวจ กรณีให้ความช่วยเหลือ พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก พยานปากสำคัญ ในคดีอัลลูไวรี่ ที่มีหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เดินทางออกนอกประเทศไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยก่อนหน้านี้ได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานจเรตำรวจ ให้ตรวจสอบ ทางสำนักงานจเรตำรวจ จึงส่งเรื่องให้กองปราบปรามเป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับคดีอัลลูไวรี่ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด กับพวกจำเลยรวม 5 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์คดี
----------------------
โฆษกอัยการ ระบุไม่สามารถเปิดเผยผลสอบวินัย อัยการฝ่ายต่างประเทศ พานักโทษหนีหมายจับ ไปยูเออี ชี้เป็นเรื่องภายใน
นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ จำเลยคดีร่วมกันอุ้ม นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี นักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย และทีมทนายความ ได้เคยยื่นหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ตรวจสอบเพื่อขอให้ใช้กฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นำตัว พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือ นายเกียรติกรณ์ แก้วผลึก ซึ่งเป็นนักโทษต้องคำพิพากษาที่หลบหนีหมายจับออกจากประเทศไทย ไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และขอให้ตรวจสอบ นางอินทรานี สุมาวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายกิจการต่างประเทศ 2 หนึ่งในพนักงานอัยการโจทก์คดีอัลรูไวลี กรณีซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือ นายเกียรติกรณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อีก 2 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.จิตติวัฒน์ พูนผล และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในการเดินทางจากประเทศไทย ไปยังยูเออี ว่า เรื่องการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้นเป็นเรื่องที่ทางตำรวจต้องเป็นผู้ทำเรื่องประสานมาเอง ซึ่งขณะนี้ตนก็ยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว ต้องถามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าส่งมาแล้วหรือยัง ส่วนเรื่องที่ให้ขอให้สอบ นางอินทรานี นั้น ตนก็ยังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของการตรวจสอบภายใน ถ้าคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ไม่ส่งเรื่องมาให้โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้แถลง ตนก็ไม่อาจทราบได้เหมือนกัน และเรื่องนี้ เป็นเรื่องภายใน ถ้า ก.อ. ไม่อนุญาตก็ไม่สามารถนำผลการสอบสวนมาแถลงได้ ส่วนคดีที่ไปแจ้งความหรือมีการเบิกความในชั้นศาลนั้น ก็เป็นเรื่องที่สามารถเปิดเผย ให้รับทราบได้ทั่วกัน
///////////////////
คดีพงศ์พัฒน์
ผบก.น. 5 เผยคดีหมิ่นเบื้องสูง ม.112 โยง พงศ์พัฒน์ ส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบแล้ว รอสั่งการอีกครั้ง
พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 เปิดเผยถึงกรณีคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. และในพื้นที่เขต ผบก.น.5 ว่า ในส่วนสำนวนของ สน.วัดพระยาไกร และสน.พระโขนง นั้นได้ส่งสำนวนคดีสรุปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้วเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะมีการส่งสำนวนกลับมาแล้ว โดยในส่วนสำนวนคดีมี พล.ต.ต.ภคพงษ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. เป็นผู้ดูแลสำนวนคดี
ด้านขั้นตอนการดำเนินงานหลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งสำนวนกลับมานั้น หากไม่มีความเห็นให้ทำการสืบสวนเพิ่มเติม ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลก็จะส่งสำนวนคดีดังกล่าวให้ พนักงานสอบสวนพื้นที่สรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการต่อไป
-----------------------
บช.น. ส่งสำนวนคดี 3 คดี เครือข่าย พงศ์พัฒน์ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ส่วนสำนวน สุดาทิพย์ ยังไม่เสร็จ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีรายงานแจ้ง ว่า จากกรณีที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ส่งสำนวนคดีที่เกี่ยวกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. และเครือข่าย ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ประกอบด้วย 3 สำนวน คือ สำนวนคดีทุจริตแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ สำนวนคดีการรับส่วยน้ำมันเถื่อน สำนวนคดีบ่อนการพนันนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ส่งสำนวนดังกล่าวกลับมา
ส่วนความคืบคดีของ นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เพิ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา กรณีแอบอ้างเบื้องสูงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปสำนวนคดี ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งสำนวนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาได้ภายในวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคมนี้
/////////////////////
รองผู้บังคับการกองปราบปราม เผยคืบคดีลูกบอร์ด DSI หลอกขายหุ้น พบมูลค่าความเสียหายกว่า 800 ล้านบาท
พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายปาณสาร สมชีวิตา บุตรชายอดีตคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ดดีเอสไอ)
และอดีตปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชน ด้วยการหลอกลวงขายหุ้น 3 บริษัท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ณษ ระบุว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายปาณสาร แล้ว 29 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 858 ล้านบาท และจากการสอบสวนยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกบางส่วนยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความ ซึ่งขณะนี้มีเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับหุ้นดังกล่าวด้วย
ส่วน นายปาณสาร ขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวในระหว่างฝากขัง และได้ให้การปฏิเสธ โดยไม่ให้รายละเอียดใด ๆ ระบุเพียงว่าจะคืนเงินให้กับผู้เสียหายทั้งหมด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครได้รับเงินคืนนอกจากนี้ พ.ต.อ.ณษ ฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ แม้ว่าจะเป็นบุคคลที่ใกล้ชิด ซึ่งในการซื้อขายหุ้นควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ก่อนจะมีการลงทุน
////////////////////
คดีใต้ร่มพระบารมี
พนักงานอัยการ เข้าร้องทุกข์กองปราบปราม ถูกหลอกร่วมอบรมหลักสูตรเสาหลักเพื่อแผ่นดิน เสียหายกว่า 4 แสนบาท
นายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม พนักงานอัยการ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ดำเนินคดีกับ นายชัยรินทร์ นพเฉลิมโรจน์ กับพวกรวม 6 คน ฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ร่วมกัน อั้งยี่ และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กรณีผู้ถูกกล่าวหาแอบอ้างนำตราสัญลักษณ์ มาใช้เปิดหลักสูตรอบรมเสาหลัก เพื่อแผ่นดิน "เกียรติยศ" ใต้ร่มพระบารมีรุ่นที่ 1 โดยมีผู้อบรมจำนวน 87 คน พร้อมเรี่ยไรเงินรายละ 1 แสนบาท ทั้งที่โครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ระหว่างอบรมยังถูกหลอกเรี่ยไรเงินเป็นค่าเดินทางไปอบรมที่ต่างประเทศอีกกว่า 4 แสนบาท และผู้เสียหายทั้ง 87 คน เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักการเมือง ทหาร และนักธุรกิจ ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 3 คน
ด้านพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ระบุว่า นายชัยรินทร์ ถูกควบคุมได้แล้วตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน และอยู่ในขั้นตอนการฝากขัง และยังอยู่ระหว่างการสอบสวน พร้อมจะทำเรื่องเสนอผู้
บังคับบัญชา พิจารณากรณีมีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหารายอื่นเพิ่มเติม
/////////////////////////
ยาเสพติด
เลขาฯ ป.ป.ส. เผย ไทยเป็นศูนย์กลางแพร่ระบาดยาเสพติดจริง สารตั้งต้นส่งมาจากจีนและอินเดีย เร่งสกัด
นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวกรณีสถานการณ์ยาเสพติด ในขณะนี้ว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดยาเสพติดจริง เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่อยู่เป็นแอ่งกระทะ จึงถูกใช้เป็นทางผ่านลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากชายแดนภาคเหนือ
โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศปลายทางของยาบ้า เพราะมีผู้เสพจำนวนมาก ส่วนเฮโรอีนและกัญชา ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปประเทศอื่น ซึ่งการแพร่ระบาดขณะนี้ มีการนำสารตั้งต้นมาจากประเทศจีนและอินเดีย ลำเลียงเข้าประเทศเมียนมา ที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ จากการตรวจพิสูจน์เม็ดยา ร้อยละ 80 พบเป็นการผลิตจากกลุ่มว้าและมูเซอ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะที่บ้านโป่งนก อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย พบว่าประชากรส่วนใหญ่ 200-300 ครัวเรือน เป็นลูกมือขนลำเลียงยาเสพติด และใช้พื้นที่ในหมู่บ้านที่ส่วนใหญ่เป็นเครือญาติกันเป็นจุดพักยา
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ส. ยึดอายัดทรัพย์ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ไปแล้วกว่า 30 ล้านบาท และอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี รวมถึงขยายผลหลังพบว่ากลุ่มชาติพันธุ์ดังกล่าว มีการนำเงินไปซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนหลายแห่งหลายพื้นที่ เบื้องต้นพบว่ามีกว่า 1,000 ไร่ สำหรับพื้นที่เป้าหมายกดดันของ ป.ป.ส. มีอีกกว่า 70 หมู่บ้าน ขณะนี้ราคาซื้อขายยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ทั้งนี้ ยอมรับว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดโดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่พบว่า กลุ่มแรงงานไทยที่เดินทางไปใช้แรงงานในต่างประเทศ นำยาบ้าไปขายให้กับแรงงานท้องถิ่น ขณะนี้ ยังไม่พบว่าเป็นแรงงานที่แฝงตัวไปค้ายาแต่เป็นเพียงผู้ค้ารายย่อยที่นำยาไปเสพเอง เพื่อให้ทำงานได้มากขึ้น
////////////////////
คดี กันต์
คืบหน้าคดี "กันต์" ดาราดัง มีเรื่อง ตร.โชคชัย แนะคู่กรณีเจรจายอมความกันดีกว่า คาดสัปดาห์หน้าจะเรียกมาพูดคุยกัน
จากกรณี ผู้จัดการการตลาด บริษัท ดันฮัมบี้ จำกัด เดินทางเข้าแจ้งความกับ ตร.สน.โชคชัย เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดกับดารานักแสดงหนุ่ม กันต์ กันตถาวร หรือ ฟลุ๊ค ใน 3 ข้อหา ลักทรัพย์, ทำร้ายร่างกาย และดูหมิ่น หลังจากขับรถเฉี่ยวชนกันภายในซอยโยธินพัฒนา 3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จนถูกดาราหนุ่มตบหน้าและยึดเอากุญแจรถไป ต่อมาทางดารานักแสดงหนุ่ม ก็ได้เดินทางเข้าแจ้งความกลับ ในข้อหาชนแล้วหนีเช่นเดียวกันนั้น
พ.ต.อ.น้ำเพชร ทรัพย์อุดม พงส.ผทค.(หน.) สน.โชคชัย เปิดเผยว่า เป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายที่จะแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไรก็ได้ ซึ่งตนก็ได้รับเรื่องไว้ก่อนจะทำการสอบสวนต่อไป โดย
คดีของ นายกานต์ ที่แจ้งความเอาผิดกับดาราหนุ่มไว้ 3 ข้อหานั้น จากการสอบสวนในข้อหาลักทรัพย์เบื้องต้นพบว่า ดาราหนุ่มนั้นไม่ได้มีเจตนาหรือจงใจเอาไป ด้วยความทุจริต หรือเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง โดยแค่กลัวว่า นายกานต์ จะหลบหนี จึงได้ยึดกุญแจเอาไว้ ก่อนจะส่งคืนฝากไว้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยังไม่เข้าข่ายความผิด โดยเจ้าหน้าที่จะดูจากเจตนาเป็นหลัก ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายนั้นพบว่าไม่รุนแรง จึงน่าจะสามารถตกลงคุยกันได้ และในข้อหาดูหมิ่นนั้น ทางดาราหนุ่มก็ยอมรับว่า พูดไปจริง แต่เพราะด้วยความโมโห โดยทั้งสองข้อหานี้สามารถเปรียบเทียบปรับในชั้นพนักงานสอบสวนได้เลย
พ.ต.อ.น้ำเพชร เปิดเผยต่อว่า ส่วนคดีที่ดาราหนุ่มได้แจ้งความกลับในข้อหาชนแล้วหนี ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องนำรถคู่กรณีทั้งสองคันส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบหาร่องรอยจากการเฉี่ยวชนจากรถของทั้งสองฝ่ายเสียก่อน จึงจะสรุปได้ ทั้งนี้ ตนได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย อยากให้ทั้งคู่ได้เจรจากันก่อน หากสามารถตกลงกันได้จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับกันไป โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจึงจะเรียกมาเจรจากันได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น