PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หลวงปู่นัดอีกยก ปตท.พลังงาน25ธ.ค.57

สำนึกน้ำใจน่ะมีไหม
๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๗

ฉันตั้งใจเอาไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ ๑๕ นี้ เป็นต้นไปจะขอหลบเข้าป่า เพื่ออยู่กับตัวเองสัก ๑๐ กว่าวัน ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว ได้อยู่กับธรรมชาติ ป่าไม้ ภูเขา สายน้ำ เสียงนก สัตว์ป่า ไม่ต้องเจอหน้าผู้คน อยู่กับตนเอง อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับความสงบ อยู่กับความสุขสันติที่ฉันปรารถนามาชั่วชีวิต หากไม่ติดภาระหน้าที่ที่ต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณในอนาคต ฉันก็อยากจะอยู่ไปตลอดชีวิต

แต่ความฝันของฉันกลับต้องสลาย เมื่อแกนนำเวทีพลังงานทั้ง ๕ มาขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยเจรจากับ ปตท. และนายปิยะสวัสดิ์ ประธานบอร์ด ปตท. ด้วยช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉันมีการถกกันเรื่องพลังงานอยู่กับกลุ่มคุณปิยะสวัสดิ์หลายรอบ ซึ่งต่างฝ่ายต่างพูดคุยกันบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ ต้องมีเหตุผลเชิงประจักษ์ เขาจึงให้เกียรติยอมรับฉัน

พวกแกนนำเวทีพลังงาน ซึ่งมีคุณหมอระวี คุณสมเกียรติ คุณทศพล คุณธวัชชัย และคุณอิฐบูรณ์ คงมองเห็นการที่กระทรวงพลังงาน ปิยะสวัสดิ์ เกรงใจฉัน จึงมาขอพึ่งพาเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน ฉันพอได้เห็นความเดือดร้อนของพี่น้องเพื่อนร่วมอุดมการณ์เลยลืมเรื่องของตนเองเสียสิ้นเชิง รับปากช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พอถึงวันที่ ๑๖ ธันวาคม นัดเจรจาที่อาคาร ปตท. สำนักงานใหญ่ แกนนำทั้ง ๕ พร้อมฉันได้เข้าพบคณะกรรมการบอร์ดบางคน โดยมีคุณปิยะสวัสดิ์เป็นหัวหน้า บรรยากาศการเจรจาดำเนินไปได้ด้วยดี มีสาระกระชับ ตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อยืดยาด ในที่ประชุมตกลงกันว่า จะต้องให้ฝ่ายแกนนำทั้ง ๕ มีการพบปะพูดคุยปรับความเข้าใจในข้อมูล ที่บรรดานักสู้ภาคประชาชนแต่ละคนนำไปปราศรัย ปลุกระดมให้ประชาชนหลงเชื่อในข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง ไม่ถูกต้อง ซึ่งแกนนำทั้ง ๕ ต่างก็ยินยอมที่จะรับฟัง ซึ่งฉันก็ไม่เห็นมีใครค้านในสิ่งที่คุณปิยะสวัสดิ์กล่าว แถมท้ายด้วยการที่คุณปิยะสวัสดิ์แจ้งให้ที่ประชุมได้ทราบว่า มีการเจรจาประนีประนอมยอมความในคดีที่เขาฟ้อง หม่อมกรและอิฐบูรณ์โดยทั้งสองได้ขอโทษที่ให้ข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แล้วฝ่าย ปตท. จะยอมถอนฟ้อง

คุณปิยะสวัสดิ์เล่าให้ฟังว่า การฟ้องแกนนำพลังงานครั้งนี้ เขามิได้ต้องการเงินทอง แต่ที่ฟ้องไปเพราะต้องการพิสูจน์ข้อมูลที่ฝ่ายแกนนำไปปลุกระดมคนให้รังเกียจเขา รังเกียจองค์กรของเขา ซึ่งโดยกระทำแต่ฝ่ายเดียว ไม่มีโอกาสที่จะชี้แจงหรือชี้แจงแล้วก็ไม่ยอมรับฟัง จึงต้องพึ่งบารมีศาล

ฉันจึงตัดบทว่า การต่อสู้ภาคประชาชนเป็นการต่อสู้เพื่อประโยชน์ของคนทั้งชาติ เพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมีประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศ ฉันจึงขอร้องว่า หากการต่อสู้ภาคประชาชนแล้วมาโดนหน่วยงานของรัฐฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายเป็นร้อยๆล้านคงจะไม่เหมาะสมนัก เหตุเพราะเขาเข้ามาปักหลักพักค้างเพื่อหลบภัยที่เกิดจากการโจมตี ทั้งปืนทั้งระเบิดอยู่ทุกวัน พวกคุณควรจะดีใจเสียด้วยซ้ำ ที่สถานที่ของคุณสามารถรักษาชีวิตของพี่น้องประชาชนให้รอดปลอดภัยได้ ส่วนคดีการฟ้องร้องพิสูจน์ข้อมูลเท็จจริงจากการกล่าวหาใส่ร้ายกัน ฉันไม่ขอยุ่ง ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ใครจริง ใครเท็จ จะได้ใช้ศาลสถิตยุติธรรมเป็นเครื่องพิสูจน์ ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไปในศาล นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น ประชาชนจะได้ตาสว่าง ว่าใครหลอกใครกันแน่

การเจรจากำลังเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเรา อยู่ดีๆ คุณธวัชชัย ก็พูดทำให้เสียบรรยากาศเสียงั้น ทั้งที่ฉันพยายามห้ามถึง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง จนทำให้คุณปิยะสวัสดิ์ของขึ้น ฉันเห็นท่าว่าฝ่ายเราจะเสียหาย พยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้กลับสู่บรรยากาศเดิม พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ฉันไม่สนใจหรอกว่าพวกคุณจะฟ้องร้องเรื่องละเมิดกล่าวความเท็จใส่ร้ายกันอย่างไร และฉันจะไม่ขอร้องเสียด้วยซ้ำ แถมอยากให้ ปตท. คุณปิยะสวัสดิ์ กระทรวงพลังงาน ฟ้องทุกคน เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าใครโกหกใครกันแน่ ย้ำ อยากให้ฟ้อง แล้วบรรดานักสู้ทั้งหลายก็ไม่ต้องกลัว จะได้พึ่งบารมีศาลแสดงหลักฐานสิ่งที่เป็นจริงต่อศาล ให้สังคมได้จับต้องได้เสียที มิใช่พูดแล้วมีคนมาค้านว่าโกหกตลอด โกหกจนตัวเองเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง ฉันก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้

นักสู้เพื่อประชาชนต้องสง่างาม จริงใจ ไม่มีวาระซ่อนเร้น พร้อมกับย้ำกับกลุ่ม ปตท. ว่า ขอร้องอย่าเรียกร้องเงินจากบรรดาแกนนำเลย พวกเราไม่มีให้หรอก ดูตัวอย่างของฉัน ที่ฟ้องหนังสือพิมพ์มติชนและอดีต ผอ.สำนักพุทธ เรียกค่าเสียหายข้อหาละเมิดไป ๑๐๐ กว่าล้าน แต่ฉันแถลงต่อศาลว่า การฟ้องครั้งนี้ฉันมิได้ต้องการเงินจากพวกเขา แต่ต้องการสอนให้รู้สำนึกรับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขาทำเท่านั้น ฉันจึงหวังว่า การฟ้องของ ปตท. คงจะเป็นการฟ้องเพื่อความถูกต้อง ไม่ใช่อาฆาตแค้นพยาบาท

พร้อมกับเร่งรัดชักชวนว่า เราจะเจรจากันอีกเมื่อไหร่ ฉันอยากให้เรื่องนี้มันจบเร็วๆ ทุกคนจะได้สบายใจ ฉันหันไปถามคุณปิยะสวัสดิ์ คุณปิยะสวัสดิ์จึงดูตารางงานของเขา ฉันจึงสำทับไปว่า ขอให้เรียบร้อยภายในปีนี้ยิ่งดี คุณปิยะสวัสดิ์จึงนัดวันที่ ๒๕ ธันวาคม ที่ฉันไม่ถามแกนนำทั้ง ๕ เพราะคิดว่า นี่เป็นความเดือดร้อนของพวกเขา เขาคงจะไม่มีปัญหาขัดข้องใดๆ ซึ่งทุกคนก็ยินดี มีแต่คุณอิฐบูรณ์ที่ขัดข้อง โดยอ้างว่าไม่ว่าง ติดงานเลี้ยงสังสรรค์กับครอบครัว ฉันต้องพูดขอร้องให้เห็นแก่ฉันแก่ส่วนรวม ว่าเมื่อทุกคนว่าง คุณก็น่าจะเสียสละ งานเลี้ยงเมื่อไหร่ก็เลี้ยงได้ ขอให้เรื่องนี้มันจบเรียบร้อยก่อนจะได้ไหม ฉันมีภารกิจฉันยังเสียสละมาช่วยพวกคุณได้เลย

คุณอิฐบูรณ์คงรำคาญหรือทนต่อคำรบเร้าของฉันไม่ได้ จึงยอมรับปาก ฉันจึงถามคุณปิยะสวัสดิ์ว่า ตกลงจะเจรจากันที่ไหน เขาตอบว่า แล้วแต่หลวงปู่ ผมสะดวกทั้งนั้นขอให้หลวงปู่กำหนดมา คุณหมอระวีกับคุณสมเกียรติจึงกล่าวว่า ใช้อาคาร ปตท. นี่ก็แล้วกัน จะได้สะดวกพวกเขาไม่ต้องเดินทางไกล คุณธวัชชัยก็สนับสนุนโดยอ้างเหตุผลว่า ขอให้อยู่ในกรุงเทพ เขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลแล้วก็สะดวกด้วย

แต่คุณทศพลเสนอว่า เพื่อให้ผ่อนคลายความกดดันและเป็นกลาง ควรจะเป็นที่วัดอ้อน้อยจะดีกว่า ฉันฟังแล้วรู้สึกขอบคุณเขาอยู่ในใจ แม้เขาจะมองไม่เห็นความยากลำบากของฉัน แต่เขาก็ไม่ต้องทำให้ฉันต้องอดข้าวเพื่อจะรีบเดินทางมากรุงเทพ เพราะคุณปิยะสวัสดิ์นัดตอน ๑๐ โมงเช้า สรุป เราจะมีการนัดเจรจาพร้อมกันที่วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม เวลา ๑๐ โมงเช้า

ข้อสังเกต ไม่มีนักสู้ภาคประชาชนสักคนเลยที่จะถามฉันว่าลำบากไหม ฉันสะดวกไหม ฉันจะลำบากเดินทางไปมาหรือเปล่า รวมความแล้วความฝันที่ปรารถนาจะได้อยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมชาติที่ตนชอบสัก ๑๐ กว่าวัน ปีนี้คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะมีภารกิจช่วยเหลือพี่น้องนักสู้ผู้ร่วมอุดมการณ์

ที่เขียนมาระบายนี่ เพื่ออยากจะส่งสัญญาณให้นักสู้ทั้งหลายได้ตระหนักคิด มีจิตรู้สำนึกถึงประโยชน์คนอื่นให้มากๆกว่านี้ อย่าเอาแต่ประโยชน์ตนเองเท่านั้น และต้องรู้จักรักษาสัจจะคำมั่นสัญญาด้วย เพราะก่อนที่เราจะมีนัดเจรจากัน ฉันได้ขอร้องแล้วว่า ต้องฟังฉัน หากพูดอะไรแล้วจะทำให้เสียบรรยากาศ ต้องหยุดพูดเมื่อฉันขอ แต่สุดท้ายเหมือนเดิม ที่จริงเมื่อคุณธวัชชัยผิดคำพูด ฉันจะเดินออกจากห้องประชุมแล้ว แต่ก็เห็นแก่ประโยชน์ของคนอีกหลายคน จึงจำต้องพยายามประคับประคองสถานการณ์ให้ดำเนินไปด้วยดีจนจบ ถึงกระนั้น พอออกมาจากอาคาร ปตท. พวกนักข่าวถามฉันว่า หลวงปู่ไม่กลัวโดนด่าหรือที่มายุ่งเรื่องนี้ ฉันตอบว่า ไม่กลัว ไม่กังวล เพราะฉันก็โดนด่ามาตลอดชีวิตอยู่แล้ว หากจะโดนด่าเพราะช่วยคนอื่น ฉันมีความสุขมาก ใครจะด่าส่งท้ายปี เชิญมาทางนี้ ที่วัดอ้อน้อย เชิญด่าได้ตามอัธยาศัย

พุทธะอิสระ

ไม่มีความคิดเห็น: