PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ไหนๆชาวบ้านก็ชินแล้ว


ไหนๆชาวบ้านก็ชินแล้ว

  • Share:
ถึงจังหวะต้อง “ตั้งการ์ดสูง” ตามเงื่อนไขสถานการณ์มวยกระโดดขึ้นเวที
ตามอาการล่าสุดที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกตัวกับประชาชนและสื่อมวลชนที่ตามทำข่าว ยืนยันการลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.ลำพูน ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่ได้มีเรื่องการเมืองแต่อย่างใด
แต่จังหวะหนึ่ง “นายกฯลุงตู่” ก็ทิ้งทุ่นกับชาวบ้าน ย้ำการทำงานในอนาคตทุกรัฐบาลจะต้องทำอย่างที่รัฐบาลปัจจุบันทำ คือการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ประชาชน และเอกชน เพื่อมุ่งไปข้างหน้า ทำให้ประเทศมีการพัฒนา สร้างรายได้ให้กับประชาชน ในลักษณะของ “พลังประชารัฐ”
ไม่วายเผลอโฆษณาแฝงกันกลายๆ
เรื่องของเรื่อง มันเลี่ยงกันยาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่โดนล็อกเป้าจับตา คนทั้งประเทศรู้หมดแล้วว่า “นายกฯลุงตู่” ต้องตีตั๋วต่อ โดยมีพรรคพลังประชารัฐเป็นฐาน
การขยับเขยื้อนแต่ละช็อต ถูกโยงได้ตลอดอยู่แล้ว
แนวโน้มประชาธิปัตย์ เพื่อไทย คู่ต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง ต้องจัดหนัก “ทีมลุงตู่”
นับจากนี้ไปมันเป็นเรื่องธรรมชาติของการเมือง ชาวบ้านคุ้นชินกันดี
ตามรูปการณ์จึงไม่ต้องเหนียม ออกอาการ “เกร็ง” ให้เสียการเสียงาน
ขืนทำเป็นเขินมากไป จะกลายเป็นโดนหมั่นไส้ โทษฐานเสแสร้ง “ดัดจริต” เปล่าๆ
เอาเป็นว่า ไหนๆก็สะท้อนอาการมั่นอกมั่นใจเต็มที่กันแล้ว อารมณ์แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม บอกปัดกระแสข่าวลือในแวดวงนักการเมืองจะมีการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปเป็นวันที่ 28 เมษายน 2562
ย้ำชัดๆ รัฐบาล คสช.ยังยืนยันว่าเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ปัจจัยเลื่อนเลือกตั้งดูแล้วก็ไม่มีอะไร มีแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆและประชาชนส่วนใหญ่ก็อยากเลือกตั้ง
“พี่ใหญ่” ตีธงเดินหน้าเข้าคูหา สวนกระแส คสช.จ้องลากอำนาจ
นั่นหมายถึงความมั่นใจในสถานการณ์เดิมพัน โอกาสในการตีตั๋วไปต่อของ “นายกฯลุงตู่” ผ่านเกมการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งได้ ไม่เสียของซ้ำซากแน่
สอดรับกระแสพรรคพลังประชารัฐ ที่สร้าง “อิมแพ็ก” ทางการเมืองอย่างแรง
กระตุกขาใหญ่ ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย นั่งไม่ติด
ต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ ไล่บี้ไล่ต้อน “สมันน้อย” อย่างนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นาย
กอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ 4 รัฐมนตรีที่เปิดตัวเป็นหัวหอกพรรคพลังประชารัฐ
รุมอัดให้ทิ้งเก้าอี้รัฐมนตรี ไล่บี้ให้แสดงสปิริตอย่าเอาเปรียบคู่แข่ง
นักการเมืองเจ้าถิ่น “ดิ้นแรง” แฝงอาการหวั่นไหวกับทีมหนุนนายกฯลุงตู่ ที่มาแบบเรียบๆ
แต่เฉียบด้วยยุทธศาสตร์ เดินหมากทีละช็อตจ่อเข้าฮอส
ตรงกันข้ามกับกระแสการตลาดที่วูบวาบ แต่เป้าหมายปลายทางยังเลื่อนลอย
ล่าสุดแชมป์เก่าพรรคเพื่อไทย “สาขาใหญ่” ของยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ฤกษ์ประชุมใหญ่ แก้ไขระเบียบ วิธีการเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค
รองรับ “นายใหญ่” เคาะโต๊ะจ่าฝูงคนใหม่ในวันที่ 28 ตุลาคม
ตามกระแสที่พลิกไปพลิกมา ล่าสุด “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง กลับมาแรงแซงโค้งวัดเบญฯ มีโอกาสเข้าไปเบียดเข้าป้าย แต่อีกทางก็มีชื่อของ “ด็อกเตอร์ตั๊ก” นายปานปรีย์ พหิทธานุกร หลานเขย “น้าชาติ” สายราชครู ส่งออกมาประกบตีคู่
แต่ดูแล้ว หวยออกที่ใคร ก็แค่หัวหน้าพนักงานบริษัทชินฯจำกัด
ที่แน่ๆหัวหน้าพรรคกับ “นอมินีภาค 3” ไม่จำเป็นต้องคนเดียวกัน ตามเงื่อนไขผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะอยู่ใน “บัญชีนายกฯพรรค” นั่นต่างหาก “ไพ่สำคัญ”
สถานการณ์ตรงนี้ ชัดเจนแค่ว่า “นายใหญ่” สู้ทุกรูปแบบ บุกทุกทาง
ภายใต้ความมั่นอกมั่นใจ ยี่ห้อ “ทักษิณ” ส่งนกแล นกกระจอกที่ไหนก็ได้เป็น ส.ส.
ชนะแบบหิมะถล่มเมืองไทย แต้มไหลแบบแจ็กพอตแตก
ถึงขั้นตั้งพรรคสาขา เปิดยี่ห้อ “เพื่อธรรม” ขึ้นมาเป็นค่ายสำรอง ช้อนแต้มปาร์ตี้ลิสต์
คาดการณ์ล่วงหน้าเลยว่า พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขตเต็มโควตา แล้วจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามเกณฑ์วิธีคำนวณตามสูตรเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมของรัฐธรรมนูญ
ปั่นกระแสจนฟู อุปาทานหมู่เชื่อกันทั้งเครือข่าย “ทักษิณ”.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: