PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

"บิ๊กโด่ง"สู้ยื้อศรัทธา"ราชภักดิ์"จับกระแสปรับครม.และท่าทีบ้านสี่เสา

รายงานพิเศษ
มติชนสุดสัปดาห์ 4-10 ธันวาคม 2558

http://www.matichon.co.th/online/2015/12/14494777711449477820l.jpg

"บิ๊กโด่ง" สู้ ยื้อศรัทธา "ราชภักดิ์" ถอดรหัส "ใครยิ้ม" ของ บิ๊กหมู กับ บิ๊กโด่ง จับกระแสปรับ ครม. และท่าทีบ้านสี่เสาฯ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร จะยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง รมช.กลาโหม ทั้งๆ ที่มีกระแสกดดันจากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายต่อต้านรัฐบาล คสช. และพวกเดียวกันเอง

ถึงขั้นที่ บิ๊กโด่ง ระบุว่า มีคนไม่ปรารถนาดี มีคนบางคน บางกลุ่ม นั่งยิ้มอยู่ว่า สิ่งที่ได้พยายามกระทำนั้น เหมือนยิงนกได้หลายตัว และพยายามทำขาวให้เป็นดำ

พร้อมกับลั่นวาจาว่า "ลองไปคิดดูแล้วกัน เราพยายามจะทำขาวให้เป็นขาว แต่มีคนพยายามจะทำสีขาวให้เป็นสีดำ ถ้าเราปล่อยให้คนเหล่านี้ทำสำเร็จ ประเทศชาติก็จะเป็นอันตราย"

นั่นถือเป็นการส่งสัญญาณ "สู้" ไม่ถอยของ พล.อ.อุดมเดช เพื่อไม่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของคนบางกลุ่ม



แม้ว่าบิ๊กป้อมพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่ในรัฐบาล และ คสช. จะเปรยๆ เรื่องการลาออกของ พล.อ.อุดมเดช ว่า ให้คิดเอง เพราะมีวุฒิภาวะ เป็นถึงอดีต ผบ.ทบ. ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ที่เปรียบเสมือนการสะกิดบิ๊กโด่งแบบเบาะๆ แล้วก็ตาม

หรืออาจจะตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณจาก พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ให้ พล.อ.อุดมเดช ลองคิดดูก็ตาม

แต่ พล.อ.อุดมเดช ก็ยังต้องอดทน สู้หน้าสังคม ไม่ว่ากระแสจะกดดันแค่ไหนก็ตาม เพราะเขารู้ว่า ถ้าลาออกตอนนี้ ย่อมถูกมองว่ามีความผิด และเรื่องอาจจะไม่จบด้วยซ้ำ และอาจลุกลามขยายวงมากขึ้นก็เป็นได้

เชื่อกันว่า พล.อ.อุดมเดช คงรอดูท่าทีจาก บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ด้วย เพราะที่ผ่านมาในการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ยิงหมัดตรงใดๆ ใส่บิ๊กโด่ง นอกจากยอมรับว่าเป็นเรื่องของคนใกล้ชิด

แต่กระนั้น นายกฯ บิ๊กตู่ มีทีท่าแข็งกร้าว ตรงที่ประกาศว่า พาดพิงใครก็จะไม่ละเว้น แม้แต่รัฐมนตรี นั่นเป็นที่มาของบัญชาให้กลาโหมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และไฟเขียวให้ ป.ป.ช. ปปง. สตง. และ ปปท. มาตรวจสอบได้ โดยให้กระทรวงกลาโหมอำนวยความสะดวก



แม้ว่าจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อการยังไม่ยอมลาออกก็ตามแต่ก็มีรายงานว่า พล.อ.อุดมเดช จะรอให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกลาโหม ที่มี บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม เป็นประธาน ได้สรุปผลออกมาก่อน แล้ว พล.อ.อุดมเดช จะตัดสินใจเรื่องการลาออก อีกครั้ง

พร้อมยืนยันว่า จะไม่แทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกลาโหม เพราะที่ผ่านมา ในส่วนคณะกรรมการของ ทบ. ตนก็แทรกแซงไม่ได้ เพราะอะไรสื่อก็คงรู้ดี และไม่ได้คุยอะไรกับ พล.อ.ธีรชัย ผบ.ทบ. เลยด้วย

โดยที่บิ๊กโด่งระบุแล้วว่า ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งไปยาวนาน ถึงเวลาก็ต้องไป ไม่ช้าก็เร็ว อีกทั้งตนเองก็ไม่ได้อยากจะอยู่ยาว ผมจะอยู่เท่าที่จำเป็น

"ผมคิดดีทำดี ผมมั่นใจ ผมก็จะทำงานต่อไปตามปกติ เพราะเราทำด้วยความตั้งใจดี ไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากโครงการนี้" บิ๊กโด่ง ยัน

แม้ที่เห็นชัดๆ ว่าฝ่ายการเมือง ทั้งพรรคเพื่อไทย กลุ่ม นปช. หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ที่เกาะติด จี้ให้ตรวจสอบ โครงการอุทยานราชภักดิ์ และต้องการให้ พล.อ.อุดมเดช ลาออก จนทำให้ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองแล้ว



ปัญหาระหองระแหงในกองทัพบกก็ถูกมองว่าอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.อุดมเดช และนายทหารที่ใกล้ชิด ต้องประสบชะตากรรมเช่นวันนี้

แม้ว่าก่อนหน้านี้ บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. จะแถลงผลการสอบสวนของคณะกรรมการของ ทบ. อย่างตรงไปตรงมา ตามเนื้อผ้า คือ ไม่พบการทุจริต และเอกสารหลักฐานทุกอย่างถูกต้องโปร่งใส จน พล.อ.อุดมเดช เองระบุว่า ผบ.ทบ. ได้แถลงออกมาด้วยความเป็นธรรมแล้วก็ตาม

แต่ก็โยนระเบิดกลับมาที่ พล.อ.อุดมเดช ในเรื่อง เซียนพระ กับค่าหัวคิวโรงหล่อ รวมถึงการไม่ให้มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ มาเกี่ยวข้องกับการดูแลอุทยานราชภักดิ์ หลังจากที่ ทบ. เข้ามาดูแลเต็มตัวแล้ว โดยเฉพาะการไม่รับตำแหน่งประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ที่ พล.อ.อุดมเดช จัดตั้งขึ้นมา และหวังที่จะส่งต่อให้บิ๊กหมู ให้เป็นต่อ ที่ยังถูกมองว่า ยังคงมีรอยร้าวในความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คนอยู่

จนทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า ที่ พล.อ.อุดมเดช ระบุว่า "บางคน บางกลุ่ม ที่นั่งยิ้มอยู่" นั้น หมายถึงใคร ระหว่าง ฝ่ายการเมือง หรือฝ่ายทหารด้วยกันเอง

เพราะฝ่ายการเมือง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามีใครเคลื่อนไหวบ้าง เพราะถือว่าเป็นจังหวะที่ได้เปรียบที่ต้องช่วงชิง เมื่อจุดอ่อน และเกิดช่องโหว่เช่นนี้

แต่ทว่า ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นนั้น ถูกมองว่าเป็นเพราะรอยร้าวที่เกิดขึ้นจาก "พวกเดียวกันเอง"

ยิ่งหากยกเอาวาทกรรมที่ พล.อ.อุดมเดช ระบุว่า "แอบนั่งยิ้มอยู่" เพราะความพยายามกำลังจะสำเร็จ นั้น หมายถึงใคร

แล้วเกี่ยวโยงใดๆ กับคำพูดของ พล.อ.ธีรชัย ผบ.ทบ. ที่คำรามในที่ประชุม และต่อหน้ากำลังพล ทบ. ในการให้นโยบายปราบปรามคนทำผิดกฎหมาย ว่า "จะมายืนยิ้ม ลอยหน้าอยู่ในสังคมไม่ได้" หรือไม่



พล.อ.อุดมเดช บอกเป็นนัยถึงคนบางคน และคนกลุ่มนี้ว่า หมายถึง "อะไรที่กำลังกระโดดลงมา ไปดูกันเอง วิเคราะห์กันดู ผมไม่ต้องการให้ร้ายใคร แล้วผมก็จะไม่ให้ร้ายใคร ขอให้ดูกันเอาเองว่าหมายถึงใคร"

แต่ที่ถูกจับตามองคือ ความเคลื่อนไหวจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพราะทั้ง พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิท และ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตนายทหารคนสนิท ลูกป๋า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ก็ออกมาแสดงความเคลือบแคลงสงสัยในความโปร่งใสของอุทยานราชภักดิ์ เชื่อว่ามีการทุจริต ควรต้องตรวจสอบ พร้อมจี้ให้ พล.อ.อุดมเดช ลาออกด้วยอีกแรง

ทั้งๆ ที่ พล.อ.อุดมเดช เป็นทหารเสือราชินี ที่ พล.อ.เปรม ให้ความรักเอ็นดูมาตลอด และสนิทสนมกับป๋าอย่างมากตั้งแต่ตอนเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จนป๋าเปรมเรียกว่า "แม่ทัพโด่ง" ไปดูแลและพบปะป๋าเปรมที่บ้านตลอด จนกระทั่งเป็น ผบ.ทบ.

นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ พล.อ.เปรม เดินทางไปชมอุทยานราชภักดิ์ พร้อมให้กำลังใจและชื่นชมทีมงานทุกคนมาแล้ว

แต่ทว่า นี่ก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลูกป๋าออกมาแสดงท่าทีแบบนี้ เพราะมีการดึงป๋าเปรมไปสนับสนุนโครงการนี้ด้วย พร้อมๆ กับข่าวสะพัดว่า พล.อ.เปรม สนใจข่าวนี้มาก และถึงขั้นแสดงความสงสัยเช่นกัน

แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ท่าทีของบ้านสี่เสาเทเวศร์ ไปสอดคล้องกับกระแสข่าวสะพัดในระยะนี้ ที่แม้อาจมองได้ว่าเป็นฝีมือของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และ คสช. ก็ตาม แต่ก็ฉวยสถานการณ์นี้ได้อย่างน่าจับตามอง

เพราะตั้งแต่รัฐประหาร และเป็นรัฐบาลบริหารประเทศในนาม คสช. มาปีครึ่งแล้ว และถือเป็นขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุด แข็งแกร่งที่สุด ในนาม บูรพาพยัคฆ์และทหารเสือราชินี ที่เข้ามาปราบคอร์รัปชั่น จนเรื่องอุทยานราชภักดิ์ กลายเป็นช่องโหว่ ที่อาจทำให้รัฐบาลและ คสช. ซวนเซ

จนทำให้เกิดข่าวลือว่า มีนายทหารบางกลุ่มเคลื่อนไหว ในการเตรียมกำลังปฏิวัติซ้อน ล้ม คสช. ที่กำลังมีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส โดยอ้างว่ามีนายทหารระดับบิ๊กในสายวงศ์เทวัญ ลูกป๋า ที่เข้านอกออกในมาตลอด เป็นกำลังหลัก

และเป็นนายทหารที่เคยมีความขัดแย้งกับ พล.อ.อุดมเดช และนายทหารใกล้ชิดอีกด้วย แต่ทว่า หากมองไปที่ขุมกำลังที่บิ๊กทหารในสายนี้มีในมือนั้น เรียกว่า น้อยนิด ไม่เพียงพอที่จะก่อการใหญ่เช่นนั้นได้

อีกทั้งนายทหารเหล่านี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของ คสช. และใกล้ชิด บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แบบเรียกว่า เป็นน้องรัก และเป็นสายตรง ที่มีส่วนช่วยทำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 มาด้วย

จึงน่าจะเป็นแผนเสี้ยม และสร้างความหวาดระแวงกันเองในหมู่ คสช. และนายทหารในกองทัพบกมากกว่า

เพราะขนาดบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ในรัฐบาล คสช. และพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ยังบ่นๆ ว่ามีความพยายามในการที่จะเสี้ยมให้ตนเองและนายกฯ บิ๊กตู่ ทะเลาะกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะทะเลาะเรื่องอะไร เพราะผลประโยชน์ก็ไม่มี และไม่อยากจะเป็นอะไรด้วย

โดยเฉพาะกระแสที่มีทหารบางกลุ่ม หนุน พล.อ.ประวิตร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต หาก พล.อ.ประยุทธ์ ถอดใจ หรือจำเป็นต้องถอยออกไป หลังมีการเลือกตั้งในปี 2560 ตามที่ได้สัญญาไว้ แต่หากสถานการณ์บ้านเมืองไม่สงบ เกิดความวุ่นวาย ก็อาจต้องหานายกฯ สำรอง นายกฯ คนนอก โดยมีการเล็งไปที่ พล.อ.ประวิตร ที่วันนี้อายุ 70 ปีแล้ว

จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ พล.อ.ประวิตร ต้องย้ำบ่อยๆ ในระยะหลังว่า "ผมไม่เล่นการเมือง แก่จะตายอยู่แล้ว เหนื่อยแล้ว ผมขอยืนยันว่า ผมเหนื่อยมาก"

รวมทั้งสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงอย่างมาก การเดินเหิน และความดันโลหิต ที่เกิดจากการทำงานหนัก และพักผ่อนน้อย



นี่จึงกลายเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกจับตามองว่าในที่สุดแล้วหาก พล.อ.อุดมเดช จำเป็นต้องลาออกจาก รมช.กลาโหม ในอนาคต หรือหลังผลการสอบสวนออกมาเคลียร์ทุกอย่างให้แล้วนั้น จะต้องมีการตั้ง รมช.กลาโหม คนใหม่ แทนหรือไม่ เพราะจะต้องมาช่วยงาน พล.อ.ประวิตร ที่ไม่อาจทำทุกงานได้หมด เพราะดูแลหลายเรื่อง

แม้ตอนนี้ พล.อ.ประวิตร จะยังคงยืนยันว่า ยังไม่มีการปรับ ครม. หรือ คสช. ก็ตาม แต่กระแสข่าวการปรับ ครม. ก็คลอๆ อยู่ตลอด

ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่า มีนายทหารระดับบิ๊กหลายคน ที่มีความเหมาะสม ทั้งในแง่ความสามารถ และสายสัมพันธ์ ที่จะมาเป็น รมช.กลาโหม แทน หากบิ๊กโด่งลาออกได้

ทั้งการย้าย บิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล จาก รมว.แรงงาน มาเป็น รมช.กลาโหม เพราะเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร ที่ทำงานเข้าขา รู้ใจกัน แต่ทว่า ก็เป็นการลดระดับบิ๊กบี้ ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการ มาก่อน

หรือ บิ๊กเบี้ยว พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข อดีต เสธ.ทบ. น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ร่วมวางแผนรัฐประหารด้วยกันมา ที่เกษียณราชการไปแล้ว

รวมทั้ง บิ๊กตี๋ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร อดีต ผบ.สส. เพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บิ๊กตู่ดึงมาเป็นบอร์ดคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ หลังเกษียณ ในฐานะที่ร่วมนั่งแผงแถลงยึดอำนาจรัฐประหาร ตอนเป็น รอง ผบ.สส.



แต่ที่ฮือฮาที่สุดคือ สูตร ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว ของบิ๊กตู่ ที่จะให้ บิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักสายวงศ์เทวัญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 มาเป็น รมช.กลาโหม โดยจะต้องลาออกจาก ทบ.

ที่จะทำให้ตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ. ว่างลง เมื่อนั้น มีข่าวสะพัดว่า นายกฯ จะดัน บิ๊กเข้ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ น้องรักดาวรุ่งบูรพาพยัคฆ์ จากแม่ทัพภาคที่ 1 มาเป็น พลเอก ผช.ผบ.ทบ. เลย พร้อมๆ กับการพร้อมเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในโยกย้ายกันยายน 2560 เมื่อ พล.อ.ธีรชัย เกษียณราชการอีกด้วย

อันเป็นไปตามแผนสืบทอดอำนาจ แผนแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการดัน พล.ท.เทพพงศ์ น้องรัก นายทหารผู้ซื่อสัตย์ เงียบ สุขุม ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. เลย แม้จะเป็น ตท.18 ที่เกษียณ 2561 เลยก็ตาม

โดยไม่ต้องรอคิวขึ้นตามสเต็ปๆ คือไปรอเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก บิ๊กแกละ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ. ที่เดิมเคยถูกวางตัวในยุค พล.อ.อุดมเดช ให้เป็น ผบ.ทบ. คนต่อจากบิ๊กหมู แต่เพราะถูกพาดพิงในเรื่อง "อุทยานราชภักดิ์" ด้วย ในฐานะกรรมการมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์

แต่ก็ใช่ว่า พล.อ.พิสิทธิ์ จะหมดโอกาส เพราะหากไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องที่ไม่เหมาะสม พล.อ.ประวิตร ก็คงต้องดูแลน้องเลิฟคนนี้ แต่ในเวลานั้น ก็คงต้องถามนายกฯ บิ๊กตู่ ด้วยว่า จะโอเคด้วยหรือไม่ ที่อาจจะต้องขอให้สายราบ 11 อย่าง บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาฯ เพื่อนรักบิ๊กตู่ และ บิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แกนนำ คสช. ช่วยอีกแรง



แต่สิ่งที่บังเกิดขึ้นในเวลานี้ สะท้อนให้เห็นว่า มีการใช้กรณี "อุทยานราชภักดิ์" นี้ เป็นช่องทางในการกำจัดดาวรุ่งในกองทัพ ด้วยปฏิบัติการ ไอโอ ปล่อยข่าวสารออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่แม้แต่ พล.ท.เทพพงศ์ ก็ยังเกือบโดนหางเลขไปด้วย

ยิ่งเมื่อแกนนำ นปช. อย่าง ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ และ เต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมใจกันเกาะติดเรื่องนี้ ถึงขั้นถูกทหารรวบตัวเข้าค่ายทหาร สกัดไม่ให้ไปอุทยานราชภักดิ์ มาแล้ว ก็ยิ่งเป็นการปลุกกระแส แม้ทั้งคู่จะยอมลงนามในข้อตกลง ที่จะไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองให้เกิดความไม่สงบอีก อันเป็นช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่เมืองไทย ไปประชุม UN เรื่อง Climate Change ที่ปารีส ฝรั่งเศส อีกด้วย จนฝ่าย คสช. มองว่า หวังผลทางการเมือง

พล.อ.ประวิตร รักษาการนายกฯ ในเวลานั้น เตือนแล้วว่า ไม่ควรไป พร้อมบอกว่าปรานี ที่ไม่เอาผิดใน ม.116 และถอนประกัน แต่ขอแค่ความร่วมมือเท่านั้น

แต่ใครๆ ก็เชื่อว่า เรื่อง อุทยานราชภักดิ์ นี้ ไม่จบง่ายๆ ไม่ว่าจะฝ่ายพรรคเพื่อไทย นปช. พรรคประชาธิปัตย์ ก็ตาม ก็ยังตามติดเรื่องนี้ต่อ

เรียกได้ว่า กองทัพ รัฐบาล คสช. และ บิ๊กโด่ง ถูกรุมเร้าทั้งจากฝ่ายการเมืองภายนอก ที่ผสมโรงกับการเมืองในภายในกองทัพ ด้วยนั่นเอง แต่หารู้ไม่ว่า ศึกใน นั้น กำลังจะลุกลามบานปลาย แบบที่ไม่รู้ว่าจะจบลงแบบไหน และเมื่อใด...

ไม่มีความคิดเห็น: